24 ตอน Day 24 - Shinazugawa Genya
โดย rene_recluse
Day 24 - Shinazugawa Genya
Prompt: “Are you kidding me?”
TW
TW : Self-Harm, Blood
1st Published : 22 MAY 2021
Rewrite : 24 NOV 2022
==========
สี่ปีผ่านไป...
สี่ปีผ่านไปเร็วกว่าสายลมพัดพา สี่ปีที่นำพาความเปลี่ยนแปลงมาสู่หน่วยพิฆาตอสูร ทั้งการเปลี่ยนตัวเสาหลักผู้ค้ำจุนด้วยการเข้ามาของเรนโงคุ เคียวจูโร่ บุตรชายคนโตของเรนโงคุ ชินจูโร่ เสาหลักเพลิงที่รับช่วงต่อจากบิดาที่เกษียณไปพร้อมหัวใจที่แหลกสลายจากการสูญเสียภรรยาที่รักยิ่ง
การกำเนิดเสาหลักหน้าใหม่ถึงสามคน อิงุโระ โอบะไน เสาหลักอสรพิษ ชายหนุ่มอายุไล่เลี่ยที่มีความคล้ายคลึงกับเขาจนกลายมาเป็นเพื่อนคนหนึ่ง
โทคิโค มุอิจิโร่ เสาหลักหมอก ผู้สืบเชื้อสายจากผู้ใช้ปราณเริ่มต้นในยุคเซนโกคุ เด็กชายอัจฉริยะที่ทำลายสถิติการเป็นเสาหลักที่อายุน้อยที่สุดของเธอไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วยวัยเพียงสิบสองปี กับเวลาการปฏิบัติหน้าที่เพียงสองเดือน
และคันโรจิ มิซึริ เสาหลักแห่งความรัก หญิงสาวที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นลูกศิษย์และผู้สืบทอดของเสาหลักเพลิง หญิงสาวผู้เต็มเปี่ยมด้วยพละกำลังราวกับพระเจ้าประทานให้กลับค้นพบปราณใหม่เฉพาะตนและไต่เต้ามาสู่ตำแหน่งเสาหลักได้สำเร็จ
เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ตำแหน่งเสาหลักมีครบทั้งเก้าคน เป็นครั้งแรกที่นายท่านอุบุยาชิกิ คากายะ ที่ทุกคนเคารพและเทิดทูนมองว่านี่เป็นยุคทองของหน่วยพิฆาตอสูรในรอบหลายร้อยปีที่ผ่านมา...
แต่กับเขา... คำพูดเหล่านั้นแทบไม่มีความหมายใด...
ทุกค่ำคืน ชินาซึงาวะ ซาเนมิ ยังคงออกล่าอสูรอย่างไม่หยุดไม่หย่อน ถึงพยายามใช้เลือดหายากให้น้อยที่สุด หลายครั้งเขาก็ไม่นึกลังเลยามต้องจรดคมดาบเข้ากับส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย ไม่สนใจต่อความเจ็บปวดที่ได้รับ หากยั้งมือไว้ให้เพียงพอที่จะประคองชีวิตให้รอดกลับมาได้
โดยไม่แยแสเสียงร้องห้ามของคนในหัวใจ... ที่ไม่เคยลืมเลือนได้แม้แต่วันเดียว...
กระนั้น อสูรที่น่าชิงชังเหล่านี้ก็ยังไม่หมดไปจากโลกนี้ สิ่งอัปรีย์จัญไรเหล่านั้นยังออกเข่นฆ่าผู้คน เข่นฆ่าสมาชิกหน่วยพิฆาตอสูรคนแล้วคนเล่า จนไม่สามารถปั้นเด็กใหม่ให้อุดช่องว่างได้ทันท่วงที
หากวันนี้ เป็นวันที่จะได้ล่วงรู้ว่าจะมีนักล่าอสูรหน้าใหม่ผ่านการคัดเลือกครั้งสุดท้ายจำนวนเท่าไร...
“ห้าคนเองเหรอ...” เสียงของฮิเมจิมะ เกียวเม เสาหลักหินผาพึมพำหลังจากได้ยินคำบอกเล่าของนายท่าน “จากเด็กยี่สิบกว่าคนที่เข้าการคัดเลือกครั้งสุดท้าย...”
“แต่ถ้าผ่านมาได้ก็ต้องยอมรับในฝีมือละนะ!” เรนโงคุ เคียวจูโร่ยืนยัน “แต่ข้าขอยอมรับว่า ข้าเองก็ผิดหวังที่ผ่านมาแค่นี้!”
“ก็คงมีแต่พวกไม่ได้ความที่เข้ามาสอบ เลยฝีมือเลยไม่เอาไหน หรือเจ้าคิดอย่างไรชินาซึงาวะ”
“ตามนั้น” ซาเนมิพยักหน้าสนับสนุนโอบะไน “เด็กสมัยนี้มันไร้น้ำยา เหอะ! ถ้าแค่นี้ยังผ่านมาไม่ได้ก็คงไม่มีปัญญาไปฆ่าอสูรที่ไหนได้อยู่ดี”
คำพูดของเขานำพารอยยิ้มแสนเศร้าที่เขาไม่ได้เห็นจากอุบุยาชิกิ คากายะ มานานแสนนาน... เกือบเท่าระยะเวลาที่เธอจากเขาไป
“ไม่อยากทราบรายชื่อคนสอบผ่านเหรอ... ซาเนมิ”
“ไม่จำเป็นขอรับ” เขาตอบอย่างเย็นชา “เข้ามาไม่นานก็ตายอยู่ดี รู้ไปก็เท่านั้น”
“แต่ถ้าได้รู้จักเด็กใหม่ก็คงดีไม่น้อยนะคะ” เด็กสาวในวันวาน บัดนี้เติบโตเป็นหญิงสาวงดงามผิดกับเด็กกะโปโลเมื่อสี่ปีก่อน รอยยิ้มแสนอ่อนโยนแต่งแต้มเหนือใบหน้าสะสวย ด้วยเจ้าหล่อนยังคงสวมหน้ากากของพี่สาวผู้ล่วงลับไว้อย่างแน่นหนา กระนั้นนัยน์ตาสีม่วงเข้มยังคงแลดูว่างเปล่าจนน่าใจหาย “ฉันว่าเราทุกคนควรสนิทกันไว้นะ ใช่ไหมคะ โทมิโอกะซัง~”
คำถามที่ไร้คำตอบจากไอ้คนที่ไม่ว่าจะผ่านมากี่ปี ก็ยังคงทำหน้าเย็นชาไร้อารมณ์ แม้กระทั่งกับคนที่มันลอบมองตลอดเวลาอย่างโคโจ ชิโนบุ ท่าทีที่กระตุ้นความเกลียดชังในตัวของเขาต่อเสาหลักวารีผู้ไร้มนุษยสัมพันธ์คนนั้น
ความเกลียดชังที่เพิ่มพูนตามเวลาที่ผันผ่าน ความเกลียดชังที่เขาไม่เคยมีต่อเสาหลักหมอกคนนั้น ทั้ง ๆ ที่สองคนนี้ก็ล้วนแล้วแต่เป็นพวกไร้อารมณ์ความรู้สึก
คงเป็นเพราะเขาล่วงรู้ถึงความรู้สึกของโทมิโอกะ กิยู ที่มอบให้แก่น้องของเธอมาตลอด แต่จนแล้วจนรอดมันก็ไม่ทำอะไรไปมากกว่านั้น... ได้แต่ใช้นัยน์ตาลอบมองร่างเล็กจ้อยนั้นยามเผลอก็ตาม กระนั้นก็คงปล่อยให้เด็กบ้านั่นจมอยู่ในวังวนแห่งความแค้นเคืองที่ต้องเสี่ยงภัยไปวัน ๆ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ความไม่ชอบใจจึงได้แปรเปลี่ยนเป็นความชิงชัง จนเขาเลิกล้มที่จะพูดกับมันเรื่องเด็กคนนั้นเสีย...
รายชื่อคนสอบผ่านค่อย ๆ ถูกขานผ่านปากหัวหน้าหน่วยพิฆาตอสูร สามชื่อเป็นชื่อที่ไม่คุ้นหู หากสองชื่อสุดท้ายที่ได้ยิน ทำเลือดในกายของเสาหลักวายุแทบจับเป็นน้ำแข็ง
ชินาซึงาวะ เกนยะ
ซึยูริ คานาโอะ
น้องชายที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวของเขาและน้องบุญธรรมของเธอ!
ทำไม... ทำไมสุดท้ายเด็กสองคนนั้นถึงได้...
เขาหันไปสบนัยน์ตาสีม่วงของโคโจ ชิโนบุ แทบจะทันที สีหน้าของหญิงสาวคนนั้นแม้จะเต็มเปี่ยมด้วยความอารี หากนัยน์ตาสีเข้มกลับไหววูบด้วยความเศร้าหมองชั่วขณะหนึ่ง ก่อนจะกลับมาว่างเปล่าเหมือนเช่นทุกครั้ง
“เอ๋ ชินาซึงาวะ เกนยะคุงนี่... หรือว่าจะเป็นน้องชายของชินาซึงาวะซังคะ”
คำถามโง่ ๆ ของเสาหลักความรักที่ถามตรงเข้ามาเป็นเหมือนเครื่องตอกย้ำว่าหูของเขาไม่ได้ฝาดไป มือทั้งสองข้างกำบนตักบัดนี้บิดเกร็งเพื่อข่มอารมณ์ในใจที่ใกล้ปะทุเต็มแก่
“เปล่า! ข้าไม่รู้จักเด็กคนนั้น!”
นัยน์ตาสีม่วงแดงของอุซุย เทนเง็น จับจ้องมาราวกับรู้ทัน แต่ก็หาได้พูดอะไรออกมาให้เป็นที่สะเทือนอารมณ์ของเขาไปมากกว่านี้
ถ้อยคำหลังจากนั้นดูจะผ่านเข้าหูเขาไปเฉย ๆ ด้วยจิตใจอันสั่นไหวนับตั้งแต่ได้ยินชื่อเด็กสองคนนั้น เด็กสองคนที่เขาไม่ปรารถนาให้เข้ามาวังวนแห่งการฆ่าฟันนี้
ความรู้สึกกลัวแทบขนหัวลุกกลับคืนมา ความหวาดกลัวที่เขานึกหวั่นใจมาตลอดว่าสักวันต้องมีวันนี้ เพียงแต่เขาได้แต่เฝ้าภาวนาในใจให้อย่างน้อยความฝันของเขาและเธอเป็นจริงเพียงสักหนึ่งข้อก็คงดี...
แต่พระเจ้าไม่เคยฟังคำขอร้องของเขาเลย...
ไม่เลย... ไม่เลยสักครั้งเดียว...
ซาเนมิจำไม่ได้ว่าตัวเองเดินทางกลับมายังคฤหาสน์ของตนได้อย่างไร ก่อนจะห้ามตัวเองได้ทัน กำปั้นของเขาก็สัมผัสกับกำแพงเสียงดังสนั่น ด้วยความโกรธแค้นในโชคชะตา ความเกลียดชังพระผู้เป็นเจ้า และความหวาดกลัวที่จับขั้วหัวใจ
ท้ายสุดความฝันของเขากับเธอที่อยากเห็นน้อง ๆ ได้ใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดาก็พังทลายลง...
“จะล้อข้าเล่นไปถึงไหนวะ!”
น้ำตาที่เพียรกลั้นมาตลอดนับแต่ได้ยินชื่อน้องชายที่เหลือเพียงคนเดียวกับน้องสาวบุญธรรมของเธอไหลอาบแก้ม ความชาที่บัดนี้แปรเปลี่ยนเป็นความเจ็บปวดจากบาดแผลบนมือข้างขวาที่บัดนี้อาบด้วยเลือดไหลซิบออกจากบาดแผลที่ชกผนัง หากก็ไม่อาจเทียบเท่ากับหัวใจที่ปวดร้าวจนแทบสลายลงอีกครั้ง
สองปีก่อน เขาก็โกรธยามได้ยินชื่อเด็กอาโออิ เด็กผู้หญิงผู้ไม่ยอมเรียกตัวเองว่าเป็นน้องของเธอ แม้เธอกลับมองว่าอาโออิเป็นหนึ่งในน้องที่เธอรักไม่แพ้กับเด็กคานาโอะ หากชะตากรรมดูจะยังเข้าข้างเขา ด้วยอาโออิที่ผ่านการสอบคัดเลือกครั้งสุดท้ายมาได้อย่างฉิวเฉียดกลับประสบปัญหาไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ในฐานะนักล่าอสูรได้ ด้วยการขอร้องของชิโนบุ อาโออิจึงได้รับอนุญาตให้ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะหน่วยพยาบาลที่คฤหาสน์ผีเสื้อเพียงอย่างเดียว ทำให้อย่างน้อยเขาก็มั่นใจได้ว่า น้องของเธอคนนี้คงไม่ต้องเอาชีวิตไปเสี่ยงอย่างที่เขากังวลในคราแรก
แต่มาบัดนี้ กลับเป็นน้องชายแท้ ๆ ของเขา น้องชายที่เขาเหลือเพียงคนเดียว สิ่งล้ำค่าสิ่งสุดท้ายในโลกที่เหลืออยู่ ที่เขาล้มเลิกการออกตามหาหลังการตายของเธอ เพราะคงเป็นหนทางเดียวที่จะป้องกันไม่ให้เกนยะเข้ามาในวังวนแบบเดียวกับเขา...
สุดท้าย โชคชะตาก็เล่นตลกกับเขาตลอด...
และยังเด็กคานาโอะ น้องสาวนอกสายเลือดที่มีนัยน์ตาสีเดียวกับเธอคนนั้นของเขา แต่นับแต่การจากไปของเธอ นัยน์ตาที่เคยเต็มด้วยความหวาดหวั่นยามต้องพูดคุยกับคนอื่น กลับแปรเปลี่ยนเป็นแววตาไร้อารมณ์ พร้อมรอยยิ้มที่เขารู้ทันทีว่าเจ้าหล่อนพยายามถอดแบบมาจากใคร...
น้องของเธอทั้งสามคนล้วนแล้วแต่หัวใจแตกสลาย... แล้วปล่อยให้ความแค้นเข้าครอบงำจิตใจ ละทิ้งวิถีชีวิตคนปกติที่พี่สาวผู้ล่วงลับปรารถนา และกระโจนเข้าสู่วังวนที่คานาเอะไม่เคยอยากน้องคนไหนต้องมาใช้ชีวิตแบบนี้
บาดแผลที่ข้อนิ้วเริ่มหายชา นัยน์ตาสีม่วงอ่อนมองเลือดที่เปรอะตามข้อนิ้ว พลันความทรงจำเมื่อเขาขึ้นเป็นเสาหลักใหม่ ๆ ก็หวนกลับมา อีกครั้งที่เขาปล่อยโทสะครอบงำจิตใจจนทำร้ายตัวเอง หากเมื่อตวัดนัยน์ตาไปยังชั้นในห้อง ผ้าเช็ดหน้าสีหวานของเธอที่เคยผูกให้เขาเมื่อวันวานยังอยู่ที่เดิมเรียบร้อยเหมือนที่เป็นมาตลอดสี่ปี
แต่หญิงสาวแสนดีที่คอยทำแผลให้เขาไม่อยู่แล้ว เธอไม่กลับมาแม้แต่ในความฝันของเขาด้วยซ้ำ...
“เจ้าทำได้อย่างไร คานาเอะ... เจ้ายอมให้น้องของเจ้ามาเสี่ยงอย่างนี้ได้อย่างไร... ไหนเจ้าบอกข้าว่าไม่อยากให้น้องคนไหนต้องมาเสี่ยงแบบพวกเราอีก แค่ยัยเด็กบ้าคนนั้นก็แย่แล้วนะ...”
เสียงของเขาสั่นสะท้าน ขณะที่มือข้างที่เจ็บหยิบเครื่องประดับผมของเธอออกมากำไว้ แล้วซบหน้าลงแนบเข่า ปล่อยน้ำตาให้รินไหลโดยไม่คิดจะห้ามไว้อีกต่อไป
“สองปีก่อนก็เด็กอาโออินั่น ปีนี้ก็เด็กคานาโอะ ข้าต้องทำอย่างไรคานาเอะ ตอบข้าที...” น้ำตาหยดแล้วหยดเล่ารินไหลลงเครื่องประดับผีเสื้อโลหะ ขณะเสาหลักวายุได้แต่จมอยู่กับภวังค์ ไม่รับรู้ถึงสายลมพัดโชยอ่อนที่เทียวไล้ร่างราวกับปลอบประโลมชายผู้แสนอ่อนโยนคนนี้ “ไหนจะเกนยะอีก สุดท้ายน้องข้าก็มาเป็นนักล่าอสูรจนได้... ทำไม ทำไมไม่มีใครยอมใช้ชีวิตเยี่ยงคนธรรมดาเลย...”
ความอ่อนล้าที่สะสมมาตลอดหลายปีกับสายลมที่พัดผ่านร่างทำนัยน์ตาของเขาปรือลง ก่อนชายเจ้าของบ้านจะค่อย ๆ เอนหลังแล้วหลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า
ตั้งแต่เธอจากไปเขาแทบไม่เคยฝันเลย ด้วยความที่คอยทุ่มกับภารกิจในฐานะเสาหลักอย่างหามรุ่งหามค่ำ จนกระทั่งวันนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนเปิดประตูอดีตที่เขาเพียรพยายามจะปิดตาย ด้วยใจโหยหาสัมผัสของใครบางคนที่จากไปไกลแสนไกล สัมผัสที่หวังคอยช่วยปลอบประโลมจิตใจอันแหลกสลายของเขา
ห้วงฝันที่แม้จะดูเลือนราง แต่สิ่งรายรอบตัวบ่งบอกว่าบัดนี้เขากลับไปอยู่ในห้องรับรองชั้นบนของคฤหาสน์ผีเสื้อ เสียงฝีเท้าของเธอค่อยดังขึ้น ก่อนร่างของเธอจะทรุดตัวนั่งไม่ห่างกับเขา
‘วันนี้ก็ไม่พบเหรอคะ’
‘อื้อ’ เขาตอบเธอ หากจำไม่ผิด นั่นเป็นเหตุการณ์ไม่กี่อาทิตย์ก่อนที่เธอจะจากไป ‘ข้าลองไปตามหาเกนยะแถวละแวกบ้านเดิม แต่ก็ไม่มีใครเห็นมาหลายปีแล้ว...’
เธอเอื้อมมือมากุมเขา ทั้งที่ฝันอยู่ แต่เขากลับจำความอบอุ่นของมือคู่นั้นได้เป็นอย่างดี ความอบอุ่นที่ยังทิ้งร่องรอยไว้ในจิตใจแสนอ่อนล้า มืออันอ่อนโยนที่คอยเป็นหลักยึดให้ตั้งแต่แรกพบจนถึงวันสุดท้ายของเธอ
‘อย่าทำหน้าแบบนี้สิคะ... ฉันไม่อยากให้ซาเนมิทำหน้าเศร้าแบบนี้เลย’ น้ำเสียงอ่อนหวานของเธอช่างแสนอบอุ่น สาดส่องเข้าดวงจิตอันบอบช้ำของเขา นานแค่ไหนที่เขาไม่ได้ยินเสียงนี้กระซิบเข้าที่ใบหู ‘ฉันชอบเวลาที่คุณยิ้มมากกว่านะ’
‘เจ้าพูดเหมือนน้องชายข้า...’ ซาเนมิรำพัน เกนยะก็เป็นอีกคนที่รักรอยยิ้มของเขายิ่งกว่าใคร ‘ข้าผิดใช่ไหมคานาเอะ ตอนนั้นเกนยะยังไม่สิบขวบเต็มเลยมั้ง แต่ข้าก็ทิ้งให้น้องต้องอยู่ตามลำพัง ไม่มีแม่หรือข้าคอยปกป้อง...’
‘เราคงเปลี่ยนสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้แล้วละค่ะ’ เธอยิ้มเศร้า ก่อนจะใช้มือทั้งสองประคองหน้าของเขาไว้ ร่างของเธอเขยิบเข้ามาชิดใกล้จนแทบสัมผัสได้ถึงลมหายใจอันร้อนผ่าว ด้วยบัดนี้มีเพียงระยะห่างไม่ถึงหนึ่งนิ้วที่ขวางทั้งสองอยู่ ‘แต่ฉันเชื่อนะ ไม่มีวันที่เกนยะจะเกลียดซาเนมิแน่ เชื่อใจฉันนะคะ...’
เธอเอ่ยแล้วจุมพิตหน้าผากของเขาอย่างแผ่วเบา ไม่ทันที่เธอจะทำอะไรต่อ กลับเป็นเขาที่ดึงเธอเข้าอ้อมกอด ก่อนซบหน้าพิงไหล่บางอย่างอ่อนล้า
‘ขอข้าอยู่แบบนี้ได้ไหม...’
มือของเธอลูบไล้แผ่นหลังกว้างที่บัดนี้สั่นสะท้าน แล้วโอบกอดร่างใหญ่ที่เต็มไปด้วยบาดแผลไว้ด้วยความอ่อนโยน อ้อมกอดที่เขาไม่เคยลืมเลือนแม้แต่วันเดียว
‘ทำไมจะไม่ได้ล่ะคะ’ คานาเอะพึมพำกระซิบตอบ แล้วรั้งร่างสูงใหญ่ให้นอนลงบนตักของเธอ นิ้วเรียวยาวค่อย ๆ ไล่ไปตามบาดแผลเป็นบนใบหน้าของเขาทีละจุด ก่อนจะใช้มือบรรจงปิดตาของเขา ‘พักสักหน่อยนะ...’
คำขอที่เขาได้แต่พยักหน้า มือสากกร้านและเต็มไปด้วยบาดแผลรั้งมือของเธอก่อนจะจับไว้แน่นหนา ราวกับกลัวเธอคนนี้จะจากเขาไปอีกคนได้ในทุกวินาที
‘อย่าจากข้าไปไหนนะ...’
คำขอที่ไม่มีวันเป็นจริง เพราะสุดท้ายเธอก็จากเขาไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ ทิ้งเขาไว้กับใจที่แตกสลายและความทรงจำที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนของเธอคนนี้
รอยยิ้มอ่อนหวานยังคงจำหลักอยู่ในความทรงจำของเขาแทบทุกคืนวัน รอยยิ้มที่เขาปรารถนาจะได้เห็นอีกครั้ง... แค่อีกครั้งในชาตินี้...
“ฉันอยู่กับคุณเสมอค่ะ ซาเนมิ...”
เสียงอ่อนหวานแว่วตามสายลมที่พัดโชยมาอย่างอ่อนโยน ชัดเจนกว่าจะเป็นเพียงความทรงจำอันแสนเลือนราง สัมผัสนุ่มนวลที่ยังคงไล้เหนือหน้าผากและใบหน้า สัมผัสที่เคยคุ้นทำให้รู้แทบทันทีว่าเป็นเธอคนนั้น สัมผัสที่เป็นมากกว่าภาพฝัน แต่เมื่อลืมตาตื่น เขาก็พบกับความว่างเปล่าเหมือนที่เป็นมาตลอดตั้งแต่เธอจากไป...
น้ำตาของชายหนุ่มรินไหลอาบแก้ม เป็นครั้งแรกนับแต่การจากไปของเธอที่เขาฝันถึงคนรัก ความอบอุ่นพุ่งวาบเข้าสู่จิตใจจากสัมผัสอันอ่อนโยนที่เธอทิ้งไว้ ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นความอ้างว้างเมื่อนึกถึงความเป็นจริงที่ตอกย้ำ สัมผัสเย็นชืดของผีเสื้อประดับผมในมือของเขาเป็นเครื่องย้ำเตือนถึงความสูญเสียที่เขาต้องเผชิญ...
น้อง... แม่... มาซาจิกะ...และคานาเอะ...
ใบหน้าของน้องชายที่ยังเหลืออยู่เพียงคนเดียวโผล่เข้ามาในห้วงความคิด เด็กชายผู้แม้จะมีรูปร่างสูงใหญ่กว่าเด็กรุ่นเดียวกัน แต่กลับมีจิตใจอันอ่อนโยนยิ่งกว่าใคร เด็กที่พร้อมจะปกป้องพี่น้องและมารดาจากภยันตรายทุกสิ่งที่ย่างกราย... ความอ่อนโยนอันละม้ายคล้ายมาซาจิกะและเธอคนนั้นของเขา...
หากความอ่อนโยนบ้าบอนั่น กลับพรากเพื่อนรักและคนรักไปจากเขาตลอดกาล...
ท้ายสุด เกนยะก็คงไม่แคล้วถูกความอ่อนโยนเล่นงานเช่นเดียวกับสองคนนั้น...
นัยน์ตาสีม่วงอ่อนเปล่งประกายกล้าอย่างคนที่ตัดสินใจแล้ว ขณะที่มือกำผีเสื้อประดับของเธอไว้แนบแน่น
เขาจะต้องทำทุกอย่างให้เกนยะออกไปจากหน่วยพิฆาตอสูรให้ได้...
เขาเสียมาซาจิกะไปแล้ว... เขาเสียเธอไปแล้ว... แต่เขาจะไม่ยอมเสียเกนยะไปอีกคน...
ต่อให้ต้องถูกประณามเหยียดหยามว่าเป็นคนโหดร้าย แต่เขาก็จะทำ...
ต่อให้แลกด้วยชีวิต... เขาจะไม่ลังเล ตราบใดที่น้องเขาจะได้ใช้ชีวิตต่อไป...
ประวัติศาสตร์ต้องไม่ซ้ำรอย! คราวนี้เขาต้องปกป้องน้องของเขาไว้ให้ได้!
==========
Author's Talk 22 MAY 2021
สวัสดีค่ะ จบไปแล้วกับ Day 24 นะคะ
ในที่สุดเส้นเรื่องของเราก็บรรจบมาถึง timeline หลักของ KNY สักทีค่ะ // ปาดเหงื่อ ช่างเป็นการเดินทางที่ยาวนานเหลือเกินสำหรับทั้งคนเขียนและคนอ่านเลยนะคะ ^^"
ในที่สุด ก็มาถึงจุดที่ได้เฉลยเสียทีว่าทำไมพี่สาถึงได้ผลักไสเกนยะออกไปอย่างสุด ๆ ในเนื้อเรื่องหลัก คือตอนอ่านนี่เราก็ตกใจที่แบบ พี่น้องกันนะ ถึงขั้นจะลงไม้ลงมือกันเลยเหรอ ทำไมคะ...
แต่คงเพราะพี่แกสูญเสียอะไรไปมาก มากจน trauma & PTSD ไปแล้วด้วยซ้ำค่ะ ยิ่งตอนนี้น้องพี่เอะทุกคนเข้ามาอยู่หน่วย น้องเล็กอย่างคานาโอะก็สอบผ่านพร้อมกับน้องตัวเอง มันเป็นตัวกระตุ้น trauma พี่สาดี ๆ นี่เอง ว่าสุดท้ายความฝันที่เขาหรือพี่เอะอยากเห็นน้องได้ใช้ชีวิตปกติก็พังทลายไปพร้อมกับความฝันที่เขากับพี่เอะจะได้ใช้ชีวิตเยี่ยงคนธรรมดาในโลกที่ไม่มีอสูรค่ะ...
มันเหมือนแบบ ต่อให้ออกล่าอสูรแค่ไหนอสูรก็ยังอยู่ ยังฆ่าฟันคนไปทั่ว น้องของพี่สาพี่เอะทุกคนก็มาเสี่ยงแล้ว ชิโนบุยังคงสวมหน้ากากพี่เอะไว้เหมือนเดิม แววตาก็ว่างเปล่า ไหววูบแค่ตอนได้ยินชื่อคานาโอะคนเดียวนี่แหละ คุณกิยูก็ไม่ทำอะไรนอกจากแอบมองชิโนบุตอนเผลอ เลยยิ่งกระตุ้นต่อมโมโหพี่สาเข้าไปใหญ่
เรารู้สึกว่า พี่สาคงแบบ ทำไมไม่ทำอะไรซักอย่าง อย่างน้อยคุณกิยูยังมีเวลา มีอิทธิพลกับน้องพี่เอะคนนี้ ไม่เหมือนเขาที่ทำอะไรไม่ได้แล้วจริง ๆ...
ในที่สุดได้มีช็อตเขียนถึงเก้าเสาหลักบ้าง แม้จะออกมาเป็นน้ำจิ้มประปราย อาจจะทรงตัวละครไม่แม่นมาก แต่ก็หวังว่าคงถูกใจกันนะคะ
เหตุการณ์ทุกอย่างชี้ชัดแล้วว่า เวลาผ่านไป พี่สาไม่เคยลืมพี่เอะเลย แม้จะไม่พูดถึง แต่จนก่อนหน้านี้ พี่สาคงใช้ชีวิตแบบ dare to death นี่แหละค่ะ หัวถึงหมอนก็แทบสุขิต จริง ๆ เรารู้สึกว่าพี่เอะไม่ได้ไปไหนไกลเลยนะ อยู่ใกล้ ๆ คนที่พี่เอะรักทุกคน เพียงแต่ทุกคนมั่วแต่จมกับความแค้นและความเศร้าจนมองไม่เห็นความหวังดีของพี่เอะที่หลงเหลือนี่แหละค่ะ
ความหวังดีที่อยากให้คนที่พี่เอะรักใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเนอะ
ในช่วงท้ายของเรื่อง คนอ่านจะแอบแอ๋งแบบที่เราเป็นไหม ตอนที่พี่สาฝันถึงตอนพี่เอะยังอยู่ เรื่องเกนยะเหมือนเปิดประตูความทรงจำของพี่สาไว้จริง ๆ ค่ะ พี่สาอาจจะไม่อยากพูดถึงเพราะมันเจ็บมาก แต่ใจของพี่สาคงลบออกไปไม่ได้จริง ๆ ยิ่งตอนท้าย ประโยคของพี่เอะนั้นจะเป็นแค่เสียงในหัวพี่สา หรืออาจจะเป็นเสียงของพี่เอะจริง ๆ นั่นแหละค่ะ
คนที่เรารักยังไงก็จะยังอยู่ในใจเราค่ะ อย่างน้อยก็อยู่ในรูปของความทรงจำ ความรักที่รายล้อม หรือในรูปแบบที่เรามองไม่เห็นก็ได้นะคะ ^^
ตอนหน้าก็คงยังหนีไปได้ไม่ไกลไหนค่ะ ยังวนเวียนอยู่กับผู้สูญเสียที่เจ็บปวดหนัก ๆ สองคนนี่ล่ะค่ะ
สุดท้าย ขอขอบคุณคนอ่านที่น่ารักทุกท่าน ทุกกำลังใจที่ส่งมา ทุกคอมเมนต์ที่ได้รับนะคะ ขอบคุณที่ยังตามอ่านกันค่ะ เราดีใจมากที่ได้รู้จักทุกคนนะคะ
">ช่วงนี้สุขภาพเราอาจจะเปลี้ย ๆ แต่หวังว่าจะได้พบกับบทที่ 25 ในวันพุธเหมือนเดิมค่ะ ^^ แล้วเจอกันนะคะ
Author's Talk 25 NOV 2022
สวัสดีค่า มาถึงคิวลงฉบับ Rewrite สำหรับรวมเล่มนะคะ เพื่อให้เนื้อหาออกมาสมบูรณ์ทีสุดเท่าที่เราจะทำได้ค่ะ
คลานกลับมาจากกองงาน ฮื้อ เมื่อตอนบ่ายมีประชุมค่ะ กลับมาถึงบ้านเลยสลบไปหน่อย เพิ่งจะฟื้นมาอาบน้ำสระผมลงฟิคนี่แหละค่ะ // พฤติกรรมไม่ดี อย่าเอาเป็นเยี่ยงอย่างนะคะ ^^"
แต่ก็นะคะ หลายทีโชคชะตาก็ชอบเล่นตลกกับมนุษย์เราเสมอ อย่างตอนเขียนฟิคก็รู้สึกว่าพระเจ้านี่รักพี่สามากจริง ๆ ค่ะ Y_Y เห้อ
ถ้าใครได้เล่มไปแล้ว หรือเห็นภาพประกอบฟิค น่าจะทราบแล้วนะคะว่าเราเลือกซีนไหนไปคอมมิชชั่น และทำไมถึงเป็นซีนนั้น
เพราะซีนเดียว มันเหมือนตอบได้ทั้งเรื่องจบเลยค่ะ
ตอนนี้ เราลงสปอยตัวอย่างงานแอนโธออริโปรเจค #LetLoveBreakUsApart ของคุณInnara @herpensss แล้วค่ะ ของเราเป็นเรื่องสั้นชื่อ "เหลือเพียงรอยจารึก" (Timelapse) ค่ะ ดูรายละเอียดได้เลย <3
จั่วชื่อโปรเจคมาแบบนี้ น่าจะชินกับแนวแอ๋งละมุนของเรากันเนอะ (แต่รับรองว่าเรื่องนี้ไม่มีใครตายนะคะ : D)
อนึ่ง ใครที่พลาดงาน CA 7 แล้วยังอยากเก็บเล่มนี้ สามารถดูรายละเอียดเบื้องต้นของรวมเล่มทั้งสองเล่ม ฉบับปรับปรุงล่าสุด 15 OCT 2022 มาให้ได้ศึกษานอกเหนือจากตัวฟิคที่สามารถอ่านตอนหลังได้ใน ReadAWrite | Dek-D | ReadHaus นะคะ
รายละเอียด KNY FF - In Time With You #ห้วงเวลาของเราสอง (Tomioka Giyuu x Kochou Shinobu)
รายละเอียด KNY FF - In The Remembrance of Her #แด่เธอในความทรงจำนิรันดร์ (Shinazugawa Sanemi x Kochou Kanae)
ถ้าสนใจ จิ้มลิงค์สั่งจองด้านล่างได้เลยค่ะ หรือดูรายละเอียดพร้อมกรอกแบบฟอร์มได้ที่นี่นะคะ [Link]
แต่ทั้งนี้ ใครไม่สะดวกไม่เป็นไรนะคะ รับรองได้อ่านเนื้อหาเหมือนเดิม และในรูปแบบ Rewrite เหมือนกันค่ะ เพียงแต่อาจจะได้อ่านตอนพิเศษช่วงท้ายหลังจากเราส่งเล่มล็อตแรกนะคะ
หรือไม่ก็รอตอนเราเปิดพรีอีกรอบ ช่วงเราทำแอนโธ Days Rise, Nights Fall หรือเขียน KNY FF - The Tales of Butterfly Effects จบค่ะ ^^ ช่วงต้นปีหน้าอย่างเร็วเลย
แล้วเจอกันกับรีไรท์ตอนที่ 25 ในวันเสาร์นะคะ อย่าลืมรักษาสุขภาพกันด้วยค่ะ ^^
Comments (0)