9 ตอน Day 09 - Wind Pillar
โดย rene_recluse
Day 09 - Wind Pillar
Prompt: “Will you look at this”
Spoiled | TW | CW
1st Publised : 31 MAR 2021
Rewrite : 20 OCT 2022
==========
และแล้วก็มาถึงครั้งแรกที่เขาออกปฏิบัติภารกิจในฐานะเสาหลักวายุ
ท่ามกลางค่ำคืนมืดมิดไร้หมู่ดาว ทำชินาซึงาวะ ซาเนมิ นึกถึงครั้งแรกที่เขาออกปฏิบัติภารกิจในฐานะนักดาบของหน่วยพิฆาตอสูร
หากกาลเวลาที่ผันแปร เปลี่ยนคนเลือดร้อนในวันวานให้เป็นชายหนุ่มผู้ดำรงตำแหน่งเสาหลักของหน่วยพิฆาตอสูร ที่เป็นดั่งความหวังและที่พึ่งพิงของผู้คนมากมาย
ถึงไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาออกปฏิบัติภารกิจตามลำพัง หากหน้าที่ที่แฝงด้วยความฝันสูงสุดของเพื่อนรักผู้ล่วงลับ ความใฝ่ฝันที่จะปกป้องทุกคนให้พ้นจากอสูรของคุเมโนะ มาซาจิกะ ผนวกกับแรงแค้นที่ฝังรากลึกมานาน ที่ยิ่งทวีความชิงชังจากการพรากเพื่อนคนเดียวของเขาไป ยิ่งทำให้ซาเนมิมุ่งมั่นต่อหน้าที่เกินกว่าที่เคยเป็น
เขาไม่ต้องการเห็นใครต้องตายต่อหน้าต่อตาอีก...
อสูรที่ปรากฏเบื้องหน้ามีมนต์อสูรโลหิตร้ายกาจเกือบเทียบเท่าอสูรข้างแรมที่หนึ่งตนนั้น ด้วยการแยกร่างโจมตีได้อย่างไม่จำกัด จนซาเนมิไม่นึกแปลกใจที่นายท่านอุบุยาชิกิ คากายะ จะมอบหมายให้เขาเข้ารับภารกิจนี้
สายฝนเริ่มเทกระหน่ำพรั่งพรูจนเขาแทบมองไม่เห็นภาพเบื้องหน้าจนชายหนุ่มกำดาบในมือแน่น ทัศนียภาพที่ไม่อำนวยทำเขาอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบที่สุด...
ถ้ามีมาซาจิกะคอยช่วยรับมือ...
ความคิดที่แล่นเข้าหัวเขาทำหัวตาเสาหลักวายุร้อนผ่าว บัดนี้เขาไม่เหลือใครที่จะช่วยเป็นกองหลังรับมือกับเหล่าอสูรได้อีกต่อไป
มีแต่ภาระความรับผิดชอบของเสาหลัก ความฝันของเพื่อนที่หลงเหลือไว้ และความหมายมั่นที่จะต้องปกป้องทุกคนให้ได้
ด้วยสองมือและพลังที่มี เขาต้องปกป้องทุกคนให้จงได้...
ซาเนมิหลับตา ใช้ประสาทสัมผัสที่เหลืออยู่ให้เป็นประโยชน์ จับสัมผัสจากแรงเหวี่ยงของดาบที่สะท้อนกลับมาเพื่อคาดคะเนทิศทางของร่างแยกแต่ละตัวว่าอยู่ตรงไหน ก่อนออกกระบวนท่าติดกันเพื่อสังหารร่างแยกให้เหี้ยนพร้อมกันเสียทีเดียว
ความคิดของเขาบังเกิดผล เมื่อเพลงดาบกำจัดร่างแยกนับสิบของอสูรตนนั้นได้ในคราเดียว แต่แรงปะทะจากสายลมก็พัดร่างเขากระแทกกับต้นไม้โดยเขาไม่อาจออกกระบวนท่ารับแรงกระแทกได้ทัน
‘ข้าเตือนแกแล้วใช่ไหมว่าอย่าประมาท’
เขาคล้ายได้ยินเสียงคนเป็นเพื่อนแว่วตามลมที่กระโชก แต่ความเป็นจริงที่รู้อยู่เต็มอกทำให้ชายหนุ่มใช้ดาบค้ำยันตัวเองให้ลุกขึ้น นัยน์ตาสีม่วงเบิ่งกว้าง จับจ้องอสูรที่เตรียมใช้มนต์อสูรโลหิตแยกร่างอีกครั้งอย่างหมายมาด
“ปราณวายุกระบวนที่เก้า มฤตยูไต้ฝุ่นอิดะเต็น!”
เขารวบรวมเรี่ยวแรงที่เหลือโจมตีใส่อสูรตนนั้น ส่งพลังตัดศีรษะมันได้ในที่สุด...หากการโจมตีสุดท้ายของอสูรตนนั้นก็ปะทะเขาอย่างจัง จนทิ้งบาดแผลฉกรรจ์ไว้ทั่วร่าง แม้จะใช้ปราณห้ามเลือดไว้ได้ทันท่วงที แต่บาดแผลที่ได้รับก็สาหัสเกินกว่าที่เขาจะมีปัญญาจัดการตัวเองได้
สุดท้าย เขาก็จำต้องยอมให้เหล่าคาคุชิพาตัวเขากลับไปยังคฤหาสน์ผีเสื้อของเธอคนนั้นอีกครั้งหนึ่ง
ความวุ่นวายที่เห็นในคฤหาสน์ผีเสื้อคืนนี้ช่างแตกต่างจากยามปกติ ด้วยความที่มีนักดาบจำนวนหนึ่งและเสาหลักถึงสองคนที่ปฏิบัติภารกิจและได้รับบาดเจ็บกลับมา
เขาเห็นแผ่นหลังที่เคยคุ้นสาละวนกับการปฐมพยาบาลบาดแผลของชายหนุ่มที่เขาจำได้ว่าเป็นเสาหลักวารี คนที่เขาไม่ทันได้มีปฏิสัมพันธ์ด้วยในวันนั้น ท่าทีเอาจริงเอาจังของโคโจ คานาเอะ ทำเอาใจของซาเนมิไหวสั่น รู้สึกผิดเล็ก ๆ ที่เขาต้องมาเป็นคนไข้ของเจ้าหล่อนอีกครั้งหนึ่ง
เสียงอุทานอย่างตกใจของอาโออิทันทีที่เห็นแผลของเขา แล้วรีบตะโกนเรียกเธอคนนั้นให้หันมาดูอาการของเขา แม้ใจเขาอยากจะปฏิเสธ หากหยาดโลหิตที่เริ่มไหลซึมจนชุ่มเครื่องแบบทำเขาหมดแรงเกินกว่าจะหลบหนีหรือต่อต้านแต่อย่างใด
นัยน์ตาสีชมพูเบิ่งกว้างทันทีที่เห็นบาดแผลทั่วร่างของเขา เจ้าหล่อนเหลียวมองเขาและชายหนุ่มอีกคนในห้องด้วยสีหน้าครุ่นคิด ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยเรียกคนเป็นน้องสาวให้มาจัดการกับบาดแผลของเสาหลักผู้นั้น
“ชิโนบุจ๊ะ ช่วยเข้ามาดูโทมิโอกะคุงแทนพี่ทีนะ พี่ขอตัวไปดูชินาซึงาวะคุงก่อน”
ซาเนมิประหลาดใจที่เห็นนัยน์ตาที่ปกติจะเฉยชาไร้อารมณ์เบิกโพลงยามเห็นยัยเด็กหน้ายักษ์คนนั้นเดินเข้าห้อง แต่ไม่ทันจะได้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร สัมผัสอันอ่อนโยนของเสาหลักบุปผาก็พาเขามายังห้องปฐมพยาบาลอีกห้องหนึ่งที่อยู่ข้างกัน
หยาดเม็ดเหงื่อที่พร่างพราวเกาะใบหน้างดงามนั้นบ่งบอกได้ว่าเจ้าตัวคงวุ่นวายกับการปฏิบัติหน้าที่อยู่ไม่น้อย คำพูดของคนเป็นเพื่อนเมื่อยามมีชีวิตอยู่ไหลกลับเข้าสู่ห้วงความทรงจำของชายหนุ่มขึ้นมา...
‘แกเนี่ยน้า ชอบทำให้โคโจซังเป็นห่วงอยู่เรื่อย...’
แม้ไร้ซึ่งคำพูดอื่นใด หากท่าทีของเธอยามนี้ สะท้อนถึงความหนักใจระคนเป็นห่วงกว่าทุกครั้งที่เขาเคยเห็น จนหัวใจเขาสั่นสะท้านที่ทำให้เธอคนนี้ต้องเหน็ดเหนื่อยอีกครั้ง
“...ข้าไม่ได้ใช้เลือดหายากนะ”
ซาเนมิชิงพูด เรียกรอยยิ้มอ่อนหวานปรากฏบนใบหน้างดงามนั้น นัยน์ตาคู่งามที่ทอดมองยังคงแฝงไว้ซึ่งความอ่อนโยนเหมือนทุกครั้งที่เขาได้เห็น
“ฉันทราบค่ะ...”
ความเงียบยังคงปกคลุมอยู่ทั่วห้องจวบจนเธอบรรจงเย็บแผลทั่วร่างให้เขาจนเสร็จ รอจนเธอเก็บเครื่องมือลงใส่กล่องอุปกรณ์ ก่อนจะหันมาพูดกับเขาอย่างจริงจัง
“ฉันเกรงว่า... ชินาซึงาวะคุงคงต้องพักฟื้นอยู่ที่นี่อย่างน้อยก็อาทิตย์หนึ่งนะคะ บาดแผลของคุณคราวนี้สาหัสจริง ๆ”
ซาเนมิได้ยินเสียงตัวเองตอบหญิงสาวคนนั้นเบา ๆ ในใจยังคงนึกถึงเหตุการณ์ครั้งก่อนที่เขามาลงเอย ณ ที่แห่งนี้หลังการจากไปของมาซาจิกะ ความทรมานต่อการสูญเสียเพื่อนสนิทยังคงไม่จางหายจากใจของเขาเลยแม้แต่นิดเดียว
เขาถูกพากลับมายังห้องส่วนตัวห้องเดียวกับที่เขาพักเมื่อครั้งก่อน ตะกอนความเศร้าที่เกาะกินใจทำให้เขาไม่อิดออดยามที่คานาเอะยื่นถ้วยยาส่งให้แต่อย่างใด
ซาเนมิผล็อยหลับไปเพียงไม่กี่ชั่วยาม เสียงพายุที่พัดหวีดหวิวข้างนอกและอาการไข้ที่เริ่มรุมเร้าจากบาดแผลที่เริ่มเห่อร้อน ก็ปลุกเขาขึ้นจากนิทรา หากสิ่งแรกที่เขาหันไปเห็นคือภาพของเสาหลักบุปผานั่งหลับพลางถือชามใส่น้ำและผ้าสะอาด ท่าทีเหนื่อยอ่อนของหญิงสาวทำให้เขาไม่อยากจะรบกวนเธออีก
ไม่ทันที่เขาจะทันทำอะไรต่อไป นัยน์ตาสีอ่อนคู่สวยก็ค่อย ๆ ปรือลืมขึ้น แล้วทอดมองเขาอย่างอ่อนโยนเหมือนกับทุกครั้ง
“ตายจริง... ขอโทษนะคะที่เผลอหลับไป ฉันกะจะเข้ามาเปลี่ยนผ้าพันแผลกับเช็ดตัวให้ ชินาซึงาวะคุงตื่นนานแล้วเหรอคะ”
“เมื่อครู่...”
เขาตอบสั้น ๆ ขณะปล่อยให้เจ้าหล่อนเช็ดเนื้อตัวอย่างสงบ เฝ้ามองฝ่ามือเรียวเล็กหากหยาบกร้านจากการต่อสู้ที่กำลังบรรจงเปลี่ยนผ้าพันแผลที่เต็มไปด้วยคราบเลือดของเขาออก ความอบอุ่นที่ได้รับยังคงอยู่ แต่ความเจ็บปวดจากความสูญเสียเพื่อนคนสำคัญยังกัดกินขั้วหัวใจ จากภาพเพื่อนสนิทที่หมดลมไปต่อหน้าต่อตา
คำพูดของมาซาจิกะที่บอกให้เขาใช้ชีวิตเพื่อตัวเขาเอง ขณะที่เจ้าตัวกลับสูญเสียชีวิตเพื่อคนอื่น...
เขาไม่อาจทำได้...
ซาเนมิได้แต่เฝ้ารอจนคานาเอะจัดการกับบาดแผลของเขาเสร็จ แต่กลับเป็นอีกฝ่ายที่ทรุดตัวนั่งลงเก้าอี้ข้างเตียงเขา แล้วเอ่ยถามเขาอย่างนุ่มนวล
“ชินาซึงาวะคุง มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าคะ”
นัยน์ตาสีม่วงอ่อนหันมองเสี้ยวหน้าที่ถูกอาบไว้ด้วยแสงจันทร์อย่างตกตะลึง ผู้หญิงคนนี้เป็นนกรู้ยิ่งกว่ามารดาของเขาหรือมาซาจิกะอีก
“ทำไมถึงถามข้าแบบนั้นล่ะ...”
เสียงหัวเราะเบา ๆ ดังมา ก่อนเสาหลักบุปผาจะคลี่ยิ้มเป็นครั้งแรกนับแต่เขาเข้ามายังคฤหาสน์ผีเสื้อแห่งนี้ในวันนี้
“คุณดูเชื่องผิดปกติค่ะ...”
“หา!”
ซาเนมิคำรามในลำคอเบา ๆ ภายหลังจากได้ยินประโยคที่ไม่คาดคิดของเสาหลักบุปผา ถึงจะไม่หงุดหงิดเหมือนยามปกติ หากเขาก็ไม่ได้ชื่นชอบที่ถูกเปรียบเปรยในลักษณะเยี่ยงนั้นเท่าไร แต่ดูหญิงสาวข้างกายจะดูสนุกกับการอธิบายให้เขาฟัง
“ปกติคุณยอมมาที่นี่ดี ๆ เหรอคะ ไหนยอมให้ฉันเย็บแผลโดยไม่บ่น ไหนจะยอมกินยาโดยที่ไม่เถียง ไหนจะยอมค้างที่นี่แต่โดยดีไม่โวยวาย มันผิดวิสัยของคุณค่ะ”
คำตอบที่เขาไม่อาจโต้เถียงอีกฝ่ายได้ แต่ไม่รู้เพราะความเหนื่อยอ่อนจากการปฏิบัติภารกิจ หรือจากอาการบาดเจ็บที่เป็นอยู่ หรือเพราะความห่วงใยจากใจจริงของอีกฝ่ายที่สัมผัสได้ คำพูดที่เขาตั้งใจจะกล้ำกลืนลงไปจึงถูกปลดปล่อยดุจลำนำของสายลม
“หมอนั่นเคยบอกเสมอว่า อยากเป็นเสาหลัก... หมอนั่นชอบแข่งพูดกับข้าเสมอว่าหากใครได้เป็นเสาหลักก่อน อีกฝ่ายจะต้องเลี้ยงหม้อไฟเนื้อวัว วันนี้ข้าขึ้นเป็นเสาหลักแล้ว แต่หมอนั่นกลับไม่...”
คำพูดสุดท้ายถูกหยุดลงด้วยความขื่นขม ความจริงที่ว่าคงไม่มีวันที่มาซาจิกะจะเลี้ยงหม้อไฟเนื้อวัวให้เขาได้อีกต่อไป...
“คนอย่างข้าเนี่ยนะที่เป็นเสาหลัก เหอะ!” ชายหนุ่มแค่นเสียง กล้ำกลืนความขมขื่นลงไปในทรวงอก “คนที่ดีแค่ฆ่าฟันอสูร แต่ไม่สามารถช่วยชีวิตใครไว้ได้เนี่ยนะจะคอยค้ำจุนผู้อื่น ไม่มีทาง!”
ถ้าเป็นมาซาจิกะ หมอนั่นคงเป็นเสาหลักที่แข็งแกร่งแต่อ่อนโยน ที่สามารถปกป้องคนอื่นได้อีกมากมาย...
คนที่คอยปกป้องคนอื่นจนถึงวินาทีสุดท้ายของชีวิต คงเป็นเสาหลักที่วิเศษกว่าเขาได้แน่แท้...
อีกครั้งที่มือของคานาเอะค่อย ๆ กอบกุมมือของเขาอย่างเบามือ ความอ่อนโยนที่ถูกถ่ายทอดผ่านสัมผัสอันอบอุ่นทำหัวตาของเขาร้อนผ่าวอีกครั้ง
“การจากลามันน่าเศร้านะคะ...” เสียงอ่อนหวานดังแผ่วจนแทบเป็นเสียงกระซิบ “...แต่ฉันเชื่อว่า คุเมโนะคุงจะยิ่งเศร้าถ้าเห็นชินาซึงาวะคุงยังคงโศกเศร้าอยู่แบบนี้ค่ะ”
คำพูดที่เปี่ยมล้นด้วยความเข้มแข็งของหญิงสาวผู้แสนบอบบางและอ่อนโยนทำซาเนมิหันไปมองใบหน้างดงามนั้นอย่างตกตะลึง รอยยิ้มอ่อนหวานหากสงบนิ่งราวกับคนเตรียมใจไว้พร้อมเป็นดั่งภาพสะท้อนของเพื่อนผู้จากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ
ทั้งมาซาจิกะ... ทั้งเธอคนนี้ เตรียมใจไว้ตลอดสินะ...
“ชินาซึงาวะคุงรู้ไหมคะ ทุกครั้งที่พบกันทีไร คุเมโนะคุงต้องพูดถึงคุณให้ฉันฟังตลอดเลยค่ะ” คานาเอะว่าพลางลูบหลังมือของซาเนมิอย่างแผ่วเบา “ฉันถึงได้ทราบดีว่าคุเมโนะคุงเป็นห่วงคุณมากแค่ไหน...”
“ได้ทีนินทาข้ายกใหญ่สินะ...”
ชายหนุ่มหลุดคำประชดเบา ๆ สะกดเสียงอันสั่นเครือไว้อย่างสุดความสามารถ แต่หญิงสาวดูจะรับรู้ถึงอารมณ์ที่ท่วมท้นผ่านการบีบมือเขาไว้แน่นหนายิ่งขึ้น
ความขมขื่นถูกพัดพาไปพร้อมกับสายฝน คงเหลือแต่สายลมพัดผ่านและความอบอุ่นจากสัมผัสอันอ่อนโยนของเธอ...
ซาเนมิปล่อยตัวจมอยู่ในห้วงภวังค์ แว่วเสียงกระดิ่งลมดังเป็นจังหวะดนตรีให้แก่ห้องที่บัดนี้เงียบงัน ก่อนจะเป็นฝ่ายคานาเอะที่พึมพำออกมา
“ฉันกับชินาซึงาวะคุงอาจมีอะไรเหมือนกันมากกว่าที่คิดนะคะ...”
คำพูดทำชายหนุ่มมุ่นคิ้วอย่างคาดไม่ถึง นัยน์ตาสีม่วงอ่อนเบือนไปมองดวงหน้างามที่ทอดสายตามองท้องฟ้ายามราตรีอย่างใจลอย ราวกับจมลงไปในห้วงอดีตของเธอ
ความเปราะบางของเสาหลักบุปผาที่เขาไม่เคยเห็น...
นัยน์ตาสีชมพูอ่อนหลุบตาราวกับใช้ความคิด ก่อนที่จะลืมแล้วหันมาสบนัยน์ตาสีม่วงอ่อนของเขา พร้อมกับเอื้อนเอ่ยคำถามที่แทบไม่เคยมีใครเอ่ยถามเขามาก่อน...
“ทำไมชินาซึงาวะคุงถึงเข้ามาอยู่หน่วยพิฆาตอสูรนี้คะ?”
==========
Author's Talk 31 MAR 2021
จบไปแล้วกับตอนที่ 9 ค่า ^^
พี่ซาเนมิยังคงจมอยู่กับความสูญเสียเนอะ แต่มันยากจริง ๆ ที่จะทำใจเวลาสูญเสียคนใกล้ตัวนะคะ
สำหรับคนที่เคยอ่านฟิค in time with you ของเรา เอ๊ะ สถานการณ์คุ้น ๆ ไหมเอ่ย ปิ๊งป่อง ถูกต้องนะคะ บทนี้คือการเชื่อมโยงสองฟิคของเราเข้าหากันค่ะ แอบแพลนไว้ตั้งแต่ตอนพล็อตฟิคทั้งสองไว้แต่แรก
ตอนนั้นเพื่อนสนิทเราถามว่า เห ทำไมคานาเอะถึงปลีกตัวไปดูแลซาเนมิ... ฮิฮิ ก็เพราะพี่แกบาดเจ็บสาหัสมากว่านี่แหละค่ะ แต่อีกใจก็...แหม เรารู้คุณ ๆ ทั้งหลายก็คงคิดแบบเรานะคะ : D
นั่นแหละค่ะ ด้วยเหตุนี้คุณกิยูกับหนูชิโนบุเค้าถึงได้เจอกันในฟิคก่อนหน้าเป็นครั้งแรกนี่แหละค่ะ
ยิงกระสุนนัดเดียว ได้นกสองคู่ เอ๊ย ได้ฟิคสองตอนเลยค่ะ (จริง ๆ คือมากกว่าด้วยซ้ำ 5555)
จริง ๆ ที่มาของบทนี้ เราตีความจากสายลมนำทางอะเกนค่ะ ตอนสายตาที่พี่คานาเอะมองบาดแผลคุณซาเนมิ เราคิดว่าจุดนั้นคานาเอะทราบแล้วค่ะว่าซาเนมิได้บาดแผลเต็มตัวมาได้อย่างไร
ไหนจะคำพูดว่า คุเมโนะคุงเค้าเป็นห่วงนะ...
hint ว่า พี่คานาเอะไม่ได้รู้อะไรนิด ๆ หน่อย ๆ แน่ค่ะ ^^ แต่เพราะแบบนี้เราถึงได้สนุกกับการตีความคู่นี้มาก
คนที่ไม่ชอบให้ใครดูแลเป็นห่วง กับคนที่ดูแลคนอื่นตลอดเวลา อีกคนแข็งกร้าวแต่อ่อนไหว ส่วนอีกคนอ่อนโยนแต่เข้มแข็ง เคมีเค้าเหมาะกับจริง ๆ
แต่กระนั้น ไม่มีใครที่จะเข้มแข็งได้ตลอดเวลาหรอกค่ะ มนุษย์ละเนอะ ยังไงก็มีมุมอ่อนไหวอ่อนแอกันอยู่ทุกคน ต่อให้ดูแข็งแกร่งดุจหินผาอย่างไร
พบกับตอนที่ 10 ในวันเสาร์ค่ำ ๆ ค่ะ มาดูกันนะคะว่า คุณซาเนมิจะตอบพี่คานาเอะยังไง
ท้ายสุด ขอบคุณคนอ่านทุกท่าน ทุกกำลังใจ ทุกคอมเมนต์ที่ได้รับค่ะ ดีใจมาก ๆ จริง ๆ ^^
Author's Talk 20 OCT 2022
สวัสดีค่า มาถึงคิวลงฉบับ Rewrite สำหรับรวมเล่มนะคะ เพื่อให้เนื้อหาออกมาสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ค่ะ
ช่วงนี้ดูจะเข้าหน้าหนาวแล้วนะคะ แต่สถานการณ์น้ำท่วมในหลาย ๆ จังหวัดยังวิกฤตกันอยู่เลย Y_Y โมโหรัฐบาลที่มีหน้าที่จัดการจังค่ะ เลยพูดไม่ค่อยออกเท่าไร
กับเพิ่งฟื้นไข้มาค่ะ 555 ใช่แล้ว ป่วยต้อนรับหน้าหนาวอีกแล้วค่ะ คิดว่าน่าจะเพลียสะสมด้วย เลยทำตัวเป็นเด็กดีนอนแต่หัวค่ำมากค่ะ // เดี๋ยวลงฟิคเสร็จจะจรลีไปนอนแล้ว ^^" ย้ายแผนกด้วย เลยมีอะไรที่ต้องจัดการที่ออฟฟิศเยอะน่าดูเลยค่ะ
อนึ่ง ใครที่พลาดงาน CA 7 แล้วยังอยากเก็บเล่มนี้ สามารถดูรายละเอียดเบื้องต้นของรวมเล่มทั้งสองเล่ม ฉบับปรับปรุงล่าสุด 15 OCT 2022 มาให้ได้ศึกษานอกเหนือจากตัวฟิคที่สามารถอ่านตอนหลังได้ใน ReadAWrite | Dek-D | ReadHaus นะคะ
รายละเอียด KNY FF - In Time With You #ห้วงเวลาของเราสอง (Tomioka Giyuu x Kochou Shinobu)
รายละเอียด KNY FF - In The Remembrance of Her #แด่เธอในความทรงจำนิรันดร์ (Shinazugawa Sanemi x Kochou Kanae)
ถ้าสนใจ จิ้มลิงค์สั่งจองด้านล่างได้เลยค่ะ หรือดูรายละเอียดพร้อมกรอกแบบฟอร์มได้ที่นี่นะคะ [Link]
แต่ทั้งนี้ ใครไม่สะดวกไม่เป็นไรนะคะ รับรองได้อ่านเนื้อหาเหมือนเดิม และในรูปแบบ Rewrite เหมือนกันค่ะ เพียงแต่อาจจะได้อ่านตอนพิเศษช่วงท้ายหลังจากเราส่งเล่มล็อตแรกนะคะ
หรือไม่ก็รอตอนเราเปิดพรีอีกรอบ ช่วงเราทำแอนโธ Days Rise, Nights Fall หรือเขียน KNY FF - The Tales of Butterfly Effects จบค่ะ ^^ ช่วงต้นปีหน้าอย่างเร็วเลย
แล้วอย่างไร มาพบกับรีไรท์ตอนที่ 10 ในวันเสาร์นี้นะคะ อย่าลืมรักษาสุขภาพกันทุกคนค่ะ ^^
Comments (0)