Day 07 - Kumeno Masachika

 

Prompt: “yes I did, what about it?”

 

Spoiler | TW | CW

 

TW : Self-Harm (Mention)

*เนื้อหาตอนต้นของสายลมนำทางค่ะ (ขยี้เข้าไปได้อีก)

 

1st Published : 24 MAR 2021

Rewrite : 16 OCT 2022

==========

 

ภาพที่ชินาซึงาวะ ซาเนมิ เห็นภายหลังเสร็จสิ้นการทำแผล คือไอ้ศิษย์พี่จอมจุ้นของเขาที่กำลังสนทนาอย่างออกรสชาติกับยัยเด็กโคโจ ชิโนบุ น้องสาวร่วมสายเลือดคนเดียวที่ยังเหลืออยู่ของเสาหลักบุปผาคนนั้น

 

นัยน์ตาสีม่วงอ่อนหันไปมองเด็กสาวที่ดูจะอารมณ์ดีกว่าปกติ ผิดกับยามส่งหน้ายักษ์ทุกครั้งที่เขามีอันต้องระเห็จมาเป็นคนไข้ยังคฤหาสน์แห่งนี้

 

ไม่สิ นับตั้งแต่วันที่เขาเผลอตะคอกใส่ผู้หญิงคนนั้นต่อหน้าเธอนั่นแหละ...

 

บทสนทนาที่ไม่มีสาระแต่อย่างใด หากก็ทำยัยเด็กหน้ายักษ์นั้นหัวเราะออกมาได้ สร้างความฉงนแก่ซาเนมิอยู่ไม่น้อย

 

บางทีเขาไม่เคยนึกเข้าใจถึงพฤติกรรมและวงจรความคิดของชายผู้มีนามว่า คุเมโนะ มาซาจิกะ เสียเท่าไร ตั้งแต่การเทียวไล่วุ่นวายดูแลความเป็นอยู่ของเขาอยู่เป็นเนืองนิตย์ จนเขานึกรำคาญอยู่บ่อยครั้ง หากเป็นความรำคาญที่แฝงด้วยความตื้นตันที่มีคนปฏิบัติกับเขาเหมือนคนทั่วไป

 

ไม่ใช่ฆาตกรที่ลงมือสังหารมารดาด้วยมือของตนเอง...

 

แต่ความนึกคิดหลายอย่างของมาซาจิกะก็ประหลาดเกินคนอื่นในหน่วยพิฆาตอสูร ด้วยท่าทีที่ดูเป็นคนสบาย ๆ เหมือนไม่เคยมีเรื่องโกรธเคืองใครมาก่อน ผิดกับสมาชิกส่วนใหญ่ของกลุ่มที่ดูจะมีความแค้นเคืองต่ออสูรจนแทบจะฝังลึกเข้าไปในกมลสันดาน... เฉกเช่นตัวเขาเอง

 

กระนั้น บทสนทนาที่ได้ยินก็ไร้แก่นสารจนเกินทน ทำเอาเส้นเลือดบนหัวของเขาเต้นตุ้บ ๆ จนใกล้จะแตกเต็มที

 

คนพรรค์นี้มาทำอะไรที่นี่กันแน่!

 

“...โอ้ ซาเนมิ ทำแผลเสร็จแล้วใช่ไหม”

 

คำถามที่ทำมุมปากซาเนมิกระตุกเป็นจังหวะ เกือบจะหลุดประชดออกมาว่าถ้าเขายังไม่เสร็จเขาจะเดินออกมาทำบ้าอะไร... หากก็ถูกชิโนบุพูดขัดขึ้นก่อน

 

“ถ้าอย่างนั้น ฉันขอตัวเลยนะคะ พอดีมีเรื่องจะคุยกับท่านพี่น่ะค่ะ”

 

เจ้าหล่อนว่าพลางโค้งศีรษะให้เขาด้วยสีหน้าเรียบเฉยผิดกับยามสนทนากับมาซาจิกะ จนซาเนมิยิ่งแน่ใจได้ว่าเขาคงไม่เป็นที่ชื่นชมของเด็กสาวคนนี้เสียเท่าไร

 

เจ้าตัวถอนหายใจ พยายามกล้ำกลืนความสงสัยที่เขามีมาตั้งแต่ครั้งแรกที่รับรู้ว่าเด็กคนนี้เป็นน้องสาวร่วมสายเลือดของเสาหลักบุปผา

 

เหตุใดผู้หญิงคนนั้นถึงกล้าปล่อยให้น้องสาวคนเดียวมาใช้ชีวิตเสี่ยงภัยแบบนี้?!

 

“ทุกคนเขาเป็นห่วงแกกันทั้งนั้น” เสียงศิษย์พี่จอมจุ้นดังขึ้นขัดความกังวลที่ติดอยู่ในใจของชายหนุ่ม หันไปเห็นใบหน้าที่ส่งยิ้มแป้นกับนัยน์ตาแพรวพราวยามเน้นคำว่าทุกคนอย่างมีนัยสำคัญ “เพราะฉะนั้นอย่าปล่อยให้ตัวเองบาดเจ็บอีกล่ะ เข้าใจไหม”

 

คำสัพยอกที่ทำซาเนมินึกถึงคำพูดของผู้หญิงคนนั้นในห้องตรวจ สัมผัสจากมืออันแสนอบอุ่นคู่นั้นพาลทำเขารู้สึกร้อนผ่าวที่ใบหน้า ระคนกับหัวใจที่เต้นรัวยามนึกถึงรอยยิ้มอ่อนหวานที่ได้เห็นในระยะประชิด

 

เขาถึงไม่อยากมาที่นี่ก็เพราะแบบนี้...

 

“อ้าว ทำไมหน้าแดงจัง เป็นอะไรหรือเปล่าเนี่ย”

 

ศิษย์พี่ชี้หน้าเขาพลางเอ่ยแซว จนทำคนร้อนตัวร้อนใจรีบเอ่ยปัดก่อนที่อีกฝ่ายจะล่วงรู้ถึงความรู้สึกที่เขาพยายามเก็บซ่อนไว้อยู่

 

“หนวกหู!”

 

ซาเนมิว่าพลางกระแทกไหล่มาซาจิกะที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ราวกับรู้เท่าทัน พลันนึกแช่งชักหักกระดูกคนสู่รู้อยู่ในใจ

 

ทำไมมันไม่ยักจะสู่รู้ว่าเขารำคาญมันแค่ไหน...

 

ซาเนมิกลอกตาขณะเดินฟังคนอายุมากกว่าพล่ามเรื่องบทสนทนาเมื่อครู่กับยัยเด็กคนนั้น แม้จะแอบเผลอคิดภาพยามอีกฝ่ายพูดถึงฮิเมจิมะ เกียวเม เสาหลักหินผาตอนเป่าซาคุฮาจิรบกวนเพื่อนบ้านกับความชอบแมว ซึ่งดูจะเป็นอะไรที่ขัดกับภาพลักษณ์ของชายวัยฉกรรจ์ที่ตัวสูงกว่าเขาเป็นโยชน์ จนเผลอพ่นลมหายใจออกมา

 

“ข้าเองอยากเป็นเสาหลักให้ได้สักวันหนึ่งจัง ซาเนมิเองก็ด้วยใช่ม้า...”

 

คำถามที่เขารำคาญจะตอบ แต่อีกฝ่ายก็ดูจะไม่ย่อท้อต่อความเฉยชาของเขา

 

“ถ้าอย่างนั้นเรามาแข่งกันว่าใครจะได้เป็นเสาหลักก่อน... ใครแพ้ต้องเลี้ยงข้าวอีกคนซึ่งได้เป็นเสาหลักก่อน ดีไหม?” คำท้าหลุดออกจากปากมาซาจิกะพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง “...แต่เลี้ยงโซบะมันธรรมดาเกิน เอาเป็นว่าเลี้ยงหม้อไฟเนื้อวัวแล้วกัน เต้าหู้ที่ต้มจนนิ่มกับน้ำซุปที่ซึมเข้าเนื้อเนี่ย กินคู่กับเนื้อวัวแล้วอร่อยอย่าบอกใคร”

 

ใบหน้าเคลิบเคลิ้มราวกับไม่มีความทุกข์ร้อนใดเข้าย่างกรายคนผู้นี้ ผิดกับเขาผู้หมายมาดจะกำจัดอสูรทุกตนในโลกให้ได้ เป็นเหมือนตัวกระตุ้นความหงุดหงิดที่สะสมมาเป็นระยะเวลานานของเขา ที่คุกรุ่นจนกลบความรู้สึกประหลาดในห้องตรวจนั้นสิ้น

 

“ข้าไม่เอาด้วย!”

 

ซาเนมิเอ่ยเสียงกร้าว แต่ก็ไม่เคยเป็นผล เพราะต่อให้เขาพูดจาตัดรอนอีกฝ่ายเท่าไร ก็ไม่เคยทำให้มาซาจิกะเลิกยุ่งกับเขาได้เสียที

 

“ทำไมล่ะ? แกไม่อยากเป็นเสาหลักหรอกรึ? ถ้าได้เป็นเสาหลักเมื่อไร รับประกันว่าต้องเนื้อหอมสุด ๆ แน่นอน”

 

เหตุผลที่ไม่ฟังเป็นเหตุผลยิ่งทำให้เส้นเลือดในหัวของซาเนมิเต้นระริกจนใกล้จะระเบิดเต็มแก่

 

“ยิ่งไม่เอาด้วยเข้าไปใหญ่!”

 

“แกไม่อยากเนื้อหอมหรือ นี่สมองแกยังปกติดีอยู่รึเปล่า?”

 

“หนวกหู!”

 

ซาเนมิสบถเสียงดังลั่น เหลียวหันกลับไปมองคนหน้าเป็นที่เขาอยากจะเตะมันออกไปให้ไกลหูไกลตาอย่างรำคาญถึงขีดสุด

 

“แกจะตามวุ่นวายวอแวกับข้าจนถึงเมื่อไร หา!

 

คำถามที่ติดในใจเขามาตลอดระยะเวลาที่รู้จักกันถูกปล่อยออกไป แต่คนหน้าเป็นอย่างมาซาจิกะหาได้ส่งยิ้มที่แลดูงี่เง่าเหมือนเช่นที่เป็นมาตลอด หรือเตรียมตะบันหน้าเขาเหมือนเมื่อยามพบว่าเขากลับมาพร้อมบาดแผลอย่างเมื่อครู่...

 

มีเพียงรอยยิ้มจางกับนัยน์ตาที่ทอดมองอย่างเวทนาอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน

 

ฟังนะซาเนมิ...” น้ำเสียงของคนร่าเริงเป็นนิตย์ที่บัดนี้เรียกชื่อเขาด้วยเสียงอ่อนโยน “แกอย่าเพิ่งละทิ้งความหวังหรือทำอะไรประชดชีวิตเป็นอันขาดรู้ไหม ถึงแม้ตอนนี้เนื้อไม่หอมก็ไม่เป็นไร เชื่อเถอะว่าสักวันผู้หญิงแสนดีที่เข้าใจข้อเด่นในตัวแกจะต้องปรากฏแน่นอน... ดังนั้นห้ามตัดใจง่าย ๆ เป็นอันขาด ตกลงไหม”

 

“หา!?”

 

ซาเนมิเผลออุทาน แต่ประโยคของมาซาจิกะก็เรียกดวงหน้างดงามของใครบางคนที่เข้ามามีอิทธิพลต่อเขาตลอดระยะเวลาไม่นานเข้ามาในห้วงความคิดโดยที่เขาไม่อาจห้ามได้ ความทรงจำเมื่อยามอยู่ในห้องพยาบาลกับผู้หญิงคนนั้นสองต่อสองเมื่อครู่หวนกลับมาราวกับสายลมกระโชก ถ้อยคำอ่อนหวานแผ่วเบาราวกระซิบที่เอ่ยขณะเย็บบาดแผลที่ไหล่ของเขายังคงก้องอยู่ในหัวของเขา

 

‘เพราะว่าคุณอ่อนโยนมากเหลือเกิน...’

 

มือขวาของชายหนุ่มเผลอแตะบาดแผลบริเวณตรงไหล่ซ้ายอย่างลืมตัว พลันสัมผัสถึงหัวใจที่สั่นไหวยิ่งกว่าครั้งไหน

 

ความหวั่นไหวราวกับพายุ... ที่เขาเองไม่อยากจะยอมรับมันทั้งที่รู้แก่ใจ

 

“สู้ ๆ”

 

เสียงมาซาจิกะเอ่ยแว่วเข้าหูปลุกเขาจากภวังค์ น้ำหนักมือที่วางบนบ่ากับใบหน้าแสร้งขึงขังของอีกฝ่ายเรียกสติเขากลับคืนมา...

 

สู่หน้าที่และความจริงที่เขาได้เลือกมานับตั้งแต่วันวิปโยคนั้น

 

“พูดเพ้อเจ้อบ้าบออะไรของแก!” เขาว่าพลางปัดมือมาซาจิกะออก ก่อนสูดลมหายใจระงับโทสะที่พุ่งริ้วทับซ้อนความรู้สึกอ่อนหวานยามนึกถึงดวงหน้างดงามของผู้หญิงคนนั้นแหกตาดูด้วยว่าพวกเราทำงานแบบไหน...”

 

“แหม ๆ คนเราก็ต้องมีเรื่องเพลิดเพลินเจริญใจในชีวิตบ้างสิ”

 

มาซาจิกะยิ้มเผล่ก่อนสาธยายถึงความปรารถนาที่ต้องการมีใครสักคนที่เขารักได้จากก้นหัวใจ ความปรารถนาที่ทำซาเนมิได้แต่กัดกรามแน่น... ระงับความเจ็บปวดจากการสูญเสียน้องเกือบทั้งหมดในค่ำคืนเดียวที่ระคนกับความรวดร้าวยามต้องลงมือสังหารมารดาด้วยน้ำมือของเขาเอง

 

เขายังจำวินาทีที่เขาจำต้องลงมีดบั่นคอแม่ที่เป็นที่รัก การกระทำที่ยิ่งกรีดใจเขาให้เป็นบาดแผลใหญ่ที่ไม่อาจมีวันผสานได้...

 

อนาคตของเขาเหรอ...

 

“...ข้าไม่ต้องการอะไรอื่น นอกจากฆ่าอสูรให้ได้มากขึ้นอีกสักตนเดียวก็ยังดี” ซาเนมิประกาศเสียงเย็นเยียบ มือทั้งสองจิกเข้ากับฝ่ามือยามเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงสั่นสะท้านต่ออดีตอันขื่นขม “ข้าไม่ได้มีชีวิตอยู่เพื่อแสวงหาความสำราญ...”

 

เพราะมันไม่มีอนาคตสำหรับเขาตั้งแต่วินาทีนั้นแล้ว...

 

นัยน์ตาสีม่วงอ่อนแสบร้อนยามนึกถึงใบหน้าของน้องชายที่เหลือรอดเพียงคนเดียว ความหวังเดียวที่ยังเหลืออยู่ในชีวิตอันมืดมนของเขา...

 

อนาคตที่เขาส่งมอบให้นับแต่เขาเดินออกมาจากชีวิตของเกนยะ กระโจนเข้าสู่โลกสีทึมอันแสนโหดร้าย โดยได้แต่หวังว่าเกนยะจะมีชีวิตต่อไปอย่างคนปกติสุขคนหนึ่ง และเขาพร้อมจะพลีชีพเพื่อปกป้องอนาคตอันสว่างสดใสของน้องชายที่รักยิ่งคนเดียวที่ยังเหลืออยู่...

 

อนาคตบ้าบออะไร... มันไม่สลักสำคัญสำหรับคนอย่างเขาเลยแม้แต่น้อย...

 

มีเพียงหน้าที่ที่ต้องทำ... เพื่ออนาคตของน้องชายคนสำคัญก็เท่านั้น

 

ถ้าเข้าใจแล้ว ก็ไปให้พ้นหน้าข้าสักที อย่ามายุ่งกับข้าอีก...”

 

ประโยคที่ซาเนมิเค้นมันออกมาในที่สุด เขาไม่ต้องการสายสัมพันธ์ใดมาฉุดรั้งความปรารถนาในการล้างบางอสูรที่น่ารังเกียจเหล่านั้น

 

เพราะถ้าวันหนึ่งเขาพลาดพลั้งดับชีพไป สายสัมพันธ์ที่เกิดมีแต่จะก่อบาดแผลให้แก่เพื่อนที่แสนดีคนนี้จนไม่อาจลบเลือนได้...

 

“...งั้นรึ เข้าใจแล้ว...”

 

น้ำเสียงจริงจังจากมาซาจิกะ ทำให้ซาเนมินึกหวังว่าคราวนี้อีกฝ่ายจะเลิกยุ่งกับเขาสักที แม้จะรู้สึกใจหายที่เขาอาจจะไม่ได้รับความปรารถนาดีจากบุคคลผู้อีกต่อไป

 

แต่มันคงดีแล้วล่ะ...

 

“ไปกินขนมโอฮางิกันเถอะ!”

 

“หา!?”

 

ประโยคที่ซาเนมิไม่คาดคิด กับสัมผัสจากมืออันหยาบกร้านของมาซาจิกะที่คว้าหมับยังข้อมือของเขา ทำเอาชายหนุ่มถึงตกตะลึง จนได้แต่คำรามในคออย่างงงงวย

 

“เดี๋ยวข้าเลี้ยงเอง แกกินให้หนำใจได้เลย กินให้จุกตายเลยข้าก็ไม่ว่า แกจะได้มีความสุขไง เนอะ...”

 

ความประหลาดใจพุ่งเข้าห้วงความคิดของซาเนมิ นัยน์ตาสีอ่อนเบิ่งกว้างอย่างตะลึงกับคำพูดของมาซาจิกะที่แสดงออกชัดว่าไม่สนใจจะตัดรอนเขาแต่อย่างใด...

 

“นี่แกไม่ได้เข้าใจเลยนี่หว่า!”

 

ซาเนมิคำราม แต่มาซาจิกะยังคงส่งยิ้มกว้างราวกับคำตัดรอนเมื่อครู่ไม่เคยเกิดขึ้น

 

“...ข้าแถมชาเขียวมัทฉะให้ด้วย!”

 

“...จะแถมชาเชียวมัทฉะเพื่ออะไร! อธิบายมาก่อนไหมว่าทำไมต้องเป็นขนมโอฮางิ!?”

 

คำถามที่หลุดจากปากของเขาโดยไม่อาจห้ามตัวเองได้ทัน ขณะที่โดนไอ้คนปวารณาตนเป็นศิษย์พี่ลากถูลู่ถูกังไปตามทางเดินที่เขียวชอุ่มด้วยแมกไม้ใหญ่

 

ก็... ก่อนหน้านี้ ข้าเห็นตอนแกกำลังกินขนมโอฮางิพอดีน่ะ ของโปรดใช่ไหมล่ะ ไม่อย่างนั้นคงไม่ทำหน้าสุขใจแบบที่ไม่ค่อยให้ใครได้เห็นหรอก คือแบบ ดูแล้วรู้เลยว่าชอบ...”

 

ความลับที่อีกฝ่ายล่วงรู้ทำชายหนุ่มถึงกับเบิกตากว้าง ก่อนจะตะโกนด่าเสียงดังลั่นโดยไม่สนถึงการตัดรอนอีกต่อไป

 

“นี่แกแอบดูข้าเรอะ! น่าขยะแขยงเป็นบ้า!”

 

“อื้อ ข้าแอบดู แล้วยังไงล่ะ!”

 

แกนี่มัน...”

 

ซาเนมิบ่นพึมพำ พลางมองแผ่นหลังศิษย์พี่ที่มีขนาดไล่เลี่ยกับเขาอย่างอ่อนใจ

 

หากไม่ทันไร กลับเป็นฝ่ายมาซาจิกะที่ปล่อยมือและหยุดเดินเอาดื้อ ๆ จนเขาเกือบเดินชนแผ่นหลังที่มีขนาดไล่เลี่ยพอกันกับเขา แต่ก่อนเขาจะได้บริภาษอะไรออกไป คนเป็นศิษย์พี่กลับเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน

 

“...ข้าเข้าใจ บาดแผลที่แกเคยได้รับมันลึกมากใช่ไหมล่ะ...”

 

น้ำเสียงสั่นเทาน้อย ๆ จากคนที่ร่าเริงมาตลอดทำเอาซาเนมิชะงักงัน ประโยคที่สะท้อนมุมมองที่มาซาจิกะมีต่อตนเข้ามาสั่นคลอนความรู้สึกภายในจิตใจ

 

สายสัมพันธ์ที่ถูกถักทอ นับแต่วินาทีที่อีกฝ่ายโยนผ้าสะอาดให้เขาใช้ห้ามเลือดในวันนั้น...

 

มิตรภาพที่เขาไม่เคยคาดหวัง... แต่จนถึงวินาทีนี้ เขาก็ไม่อาจทำใจตัดมันทิ้งได้อีกต่อไป...

 

เพราะเป็นแสงสว่างไม่กี่สิ่งท่ามกลางชีวิตอันแสนมืดมนนี้...

 

“ข้าก็ไม่อยากให้แกด่วนตัดใจ ล้มเลิกการมองหาชีวิตของแกอยู่ดี...”

 

รอยยิ้มแสนเศร้าที่เขาไม่เคยเห็นปรากฏบนใบหน้าของศิษย์ผู้พี่ ราวกับอีกฝ่ายพยายามกลั้นน้ำตาอยู่

 

หากเพียงชั่วกะพริบตา ดวงหน้าของมาซาจิกะก็กลับมายิ้มกว้างเหมือนยามปกติ

 

“จริงสิ แกนี่ว่านอนสอนง่ายเวลาอยู่กับโคโจซังจังน้า หึ ๆ”

 

“หึ ๆ บ้านแกสิวะ! มาสู่รู้อะไรด้วย!”

 

“แน่ะ หน้าแดงอีกแล้วน้า... แกนี่มันอ่านง่ายชะมัดยาดแฮะ~”

 

คำแซวที่ซาเนมิได้แต่กำหมัดกรอด ใบหน้าร้อนผ่าวด้วยความเขิน หากพยายามกลบไว้ด้วยการชิงด่าอีกฝ่ายเหมือนทุกครั้ง

 

“หนวกหูน่า!”

 

สายลมเย็นที่พัดผ่านร่างทั้งสองที่เดินสัพยอกกันไปจนถึงย่านร้านค้า ซ้อนทับกับความทรงจำยามเขาพาเกนยะและน้อง ๆ เดินกลับบ้านในยามเย็น

 

ช่วงเวลาแห่งความสนุกสนานที่เขาไม่ได้สัมผัสมานานแสนนาน จนเรียกรอยยิ้มจางปรากฏบนใบหน้าของชายหนุ่มเป็นครั้งแรกนับแต่โศกนาฏกรรมวันนั้น

 

แต่สุดท้าย เวลาแห่งความสนุกสนานของการมีเพื่อนแท้คนแรกในชีวิตก็จบลงในเวลาแสนสั้น...

 

เพราะพระเจ้าไม่เคยมีอยู่จริง...

 

==========

Author's Talk 24 MAR 2021

จบไปแล้วกับตอนที่ 6 นะคะ ^^

บอกเลยว่าตอนนี้ท้าทายเรามากกกกกกกกกก เพราะยังไงก็ต้องเขียนถึง แม้ดึงบทสนทนาเกือบทั้งหมดมาจากตอนสายลมนำทางเข้าเต็ม ๆ ค่ะ แต่อยากจะขยี้มุมของคุณซาเนมิให้เด่นชัดมากขึ้นด้วย

หลายคนคงเดาได้แล้วนะคะว่า ทำไมเราถึงโดนคู่นี้...(หมายถึงซาเนคานานะ) ตกเข้าจัง ๆ

ตอนอ่าน word by word เราตะลึงมากที่คุณคานาเอะดูซาเนมิออกแบบขาดมาก ทั้ง ๆ ที่พี่สายังไม่เชื่อง แต่ก็มองออกว่าอีกฝ่ายอ่อนโยนจริง ๆ ยังไงน้า~

ไหนจะคำพูดของมาซาจิกะอีก เชื่อค่ะว่ามาซาจิกะเห็นอะไรบางอย่างในความสัมพันธ์ของคนสองคนนี้เข้าแล้วล่ะค่ะ

ทั้งชง ทั้งแซวขนาดนี้ อะหือ พี่แกเป็นนักล่าอสูรหรือกามเทพกันแน่คะ ^^ ่รักเอนเนจี้การเผือกของคุณมาซาจิกะจริง ๆ

ตอนเห็น prompt ประโยคนี้ เรารู้เลยค่ะว่า มันเป็น prompt ที่เหมาะกับ timeline นี้ที่สุดเลย

แต่อย่างว่าแหละค่ะ ช่วงเวลาความสุขมันมักจะผ่านเร็วไปนะคะ ความทุกข์สิอยู่กับเรานานกว่าสิ่งอื่น

บทหน้านี่ สารภาพเลยว่ายากมาก ๆ เราเขียนจบแล้วก็จริง แต่อาจจะต้องรีไรท์ก่อนลงอีกสักรอบ เพราะดึงอารมณ์สวิงไปมาได้สะใจมาก

แต่อยากให้แม่ยกทั้งหลายจับตารอคอยความสัมพันธ์ของสองคนนี้ภายหลังจากนี้นะคะ ^^

ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจจากทุกคนนะคะ ขอบคุณสำหรับทุกความเห็น แล้วพบกับบทที่ 8 ในวันเสาร์ค่ำ ๆ ค่ะ (พอดีมีหาหมอ (อีกแล้ว) เลยน่าจะกลับมาเย็นพอควร)

Author's Talk 16 OCT 2022

สวัสดีค่า มาถึงคิวลงฉบับ Rewrite สำหรับรวมเล่มนะคะ เพื่อให้เนื้อหาออกมาสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ค่ะ

ขอโทษนะคะที่มาเลท เมื่อวานจัดการกับการเปิดรอบไปรษณีย์หลังงาน CA7 ซึ่งเราจะมีลงงานโปสการ์ดของคุณไอรินและงาน ธี.วี. Vision Impossible ของพี่ Cocon ที่เราเข้าไปแจมในฐานะบก.และคนเขียนเรื่องสั้นตอนพิเศษค่ะ

ช่วงหยุดสองวันนี้ เหมือนได้ใช้ชีิวิตแบบ "ก่อน" โควิดในรอบหลายปีเลยค่ะ ได้ออกไปเจอเพื่อน เจอลูกเพื่อน ไปเรียนทำเทียนหอมมา

แต่ก็ยังเอนจอยกับงานผลิตอยู่นะคะ ^^ มีโปรเจคที่อุบอิบอยู่ ใกล้ ๆ ได้เฉลยเร็ว ๆ นี้ค่ะ แต่ไม่ใช่แฟนฟิคนะคะ

ใครที่พลาดงานนี้แล้วยังอยากเก็บเล่มนี้ สามารถดูรายละเอียดเบื้องต้นของรวมเล่มทั้งสองเล่ม ฉบับปรับปรุงล่าสุด 15 OCT 2022 มาให้ได้ศึกษานอกเหนือจากตัวฟิคที่สามารถอ่านตอนหลังได้ใน ReadAWrite | Dek-D | ReadHaus นะคะ

รายละเอียด KNY FF - In Time With You #ห้วงเวลาของเราสอง (Tomioka Giyuu x Kochou Shinobu)

รายละเอียด KNY FF - In The Remembrance of Her #แด่เธอในความทรงจำนิรันดร์ (Shinazugawa Sanemi x Kochou Kanae)

ถ้าสนใจ จิ้มลิงค์สั่งจองด้านล่างได้เลยค่ะ หรือดูรายละเอียดพร้อมกรอกแบบฟอร์มได้ที่นี่นะคะ [Link]

แต่ทั้งนี้ ใครไม่สะดวกไม่เป็นไรนะคะ รับรองได้อ่านเนื้อหาเหมือนเดิม และในรูปแบบ Rewrite เหมือนกันค่ะ เพียงแต่อาจจะได้อ่านตอนพิเศษช่วงท้ายหลังจากเราส่งเล่มล็อตแรกนะคะ

หรือไม่ก็รอตอนเราเปิดพรีอีกรอบ ช่วงเราทำแอนโธ Days Rise, Nights Fall หรือเขียน KNY FF - The Tales of Butterfly Effects จบค่ะ ^^ ช่วงต้นปีหน้าอย่างเร็วเลย

แล้วอย่างไร มาพบกับรีไรท์ตอนที่ 8 ในวันอังคารนี้นะคะ อย่าลืมรักษาสุขภาพกันทุกคนค่ะ ^^