20 ตอน Special Chapter : Marry me?
โดย ‘Umbrella’
หลังจากงานพระราชพิธีราชาภิเษกที่ฟรอสต์ได้ขึ้นเป็นราชาแห่งสโนว์ฟิเลีย ความสัมพันธ์ของอาณาจักรอื่นๆ ต่างก็ดีขึ้นตามลำดับ เพราะฟรอสต์นั้นให้ความสำคัญกับการทูตมาก โดยเฉพาะแดนดวงดาวที่มีสินค้าขึ้นชื่ออย่างผ้าไหมและผลิตภัณฑ์จากสัตว์ ส่วนแดนดาวตก ฟรอสต์เองก็อยากเชื่อมสัมพันธไมตรี แต่เกรงว่าจะเกิดความระหองระแหงกันเพราะชแตร์นั้นชอบอพอลโลอยู่
ทว่าเมื่อเวลาผ่านไป เขาก็ได้เห็นชแตร์วางตัวดีมาตลอด ไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของอพอลโลหรือตัวเขานัก ทำให้รู้สึกประทับใจขึ้นมาบ้าง ฟรอสต์เริ่มติดต่อพูดคุยกับชแตร์เป็นการส่วนตัวมากขึ้น และอยากหาโอกาสมาทำกิจกรรมร่วมกัน
ทางด้านเฮราเคลสที่กำลังวุ่นวายในการจัดระเบียบเมืองใหม่ก็ติดต่อกับ
อพอลโลน้อยลง ทว่าก็ยังมีการสื่อสารและพบปะกันในงานเลี้ยงต่างๆ อยู่ และแม้ว่าทั้งสองจะเป็นราชาแล้ว เฮราคเลสก็ยังคงเรียกอพอลโลว่า ‘ลูกพี่’ เหมือนเดิมตั้งแต่สมัยยังเด็ก
สำหรับชแตร์ เฮราเคลสก็ได้คุยบ้างเป็นระยะๆ เพราะแดนดาวตกและแดนดวงดาวมีราชกิจที่ต้องร่วมมือกันอยู่บ่อยๆ พักหลังๆ มานี้เขาเห็นชแตร์สนิทสนมกับอัลแตร์เป็นพิเศษ คงเพราะได้ร่วมงานกันบ่อย เวก้าเองก็รู้สึกน้อยใจอยู่ไม่น้อยที่ได้พบกับอัลแตร์เพียงแค่ปีละครั้ง แต่ก็ยังมีเดเนบคอยส่งสารให้อยู่เสมอๆ ราวกับเป็นนกพิราบสื่อรักให้กับคนทั้งคู่
สถานการณ์โดยรวมส่วนใหญ่ของโลกแห่งความฝันเป็นไปอย่างสงบเรียบร้อย ไม่มีสงครามหรือความขัดแย้งที่กระทบกระเทือนถึงระดับโลก มีเพียงชายแดนเขตแดนที่ยังมีปัญหากันอยู่เท่านั้น เจ้าหญิงแห่งทรอยแมร์วางใจไปเปราะหนึ่ง เพราะคราวที่แล้ว สถานการณ์ของแฟลร์รูจและโอลิมโพสค่อนข้างรุนแรง โดยเฉพาะท่าทีของเจ้าชายไดอา แต่ดีที่ว่าเจ้าชายอพอลโลได้ปราบกบฏลงได้และตั้งตนเป็นราชาขึ้นแทน ความสงบจึงมาเยือนแฟลร์รูจอีกครั้ง และความสัมพันธ์ของแฟลร์รูจกับโอลิมโพสก็ยิ่งแน่นแฟ้นมากขึ้นไปอีกเมื่อทั้งสองราชาเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่วัยเด็ก ความแข็งแกร่งของทั้งคู่นั้นถือว่าขึ้นชื่อลือชา ไม่มีใครกล้ามาต่อกรแน่นอน
ราชาเฮราเคลสที่กำลังพักผ่อนอยู่ในห้องพักเหม่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้า ช่วงที่ละอองดาวกำลังร่วงโรย เขาพานไปนึกถึงชายหนุ่มที่เขารักและแทบจะมอบดวงใจถวายชีวิตให้ เขาหยิบล็อกเก็ตรูปดวงดาวขึ้นมาเปิดดูภายในที่มีละอองดาวบรรจุอยู่ คลี่ยิ้มบางๆ ก่อนจะนึกถึงใบหน้างดงามที่ยิ้มจางส่งมาหาเขา
‘ชีวิตของผมตอนนี้ขึ้นอยู่กับชีวิตของนายแล้วนะ เพราะอายุขัยของผมเหลือเท่ากับอายุขัยของนายแล้ว จากคำอธิษฐานครั้งนั้น’ เสียงในอดีตของชแตร์วนเวียนอยู่ในหัวของราชาแห่งโอลิมโพส
‘ฉันรักนายนะ ชแตร์’ เขาสารภาพออกไปอย่างเต็มปาก ที่ระเบียงห้องนอนของราชาแห่งแฟลร์รูจที่กำลังพักฟื้นตัว ทิวทัศน์ยามค่ำคืนที่ท้องฟ้าเต็มไปด้วยแสงดาว ไร้ซึ่งแสงสุริยันจันทรา มีดาวตกพุ่งลงมาจากฟากฟ้าเป็นระยะๆ
‘แต่ว่า...’ ชแตร์แก้มแดงระเรื่อด้วยความตื่นเต้นปนขัดเขิน กุมนาฬิกาละอองดาวที่มีละอองดาวบรรจุอยู่เต็มเปี่ยมด้วยความรู้สึกสับสน
‘ฉันอาจจะไม่ได้หล่อหรือเก่ง หรือทำให้นายใจเต้นเหมือนกับลูกพี่ แต่ว่าฉันน่ะรักนาย รักมาตั้งนานแล้ว’ เฮราเคลสดึงร่างบางเข้ามากอดแน่นราวกับจะตอกย้ำความรู้สึก ‘ไม่ว่าตอนไหนความรู้สึกของฉันก็จะไม่เปลี่ยนแปลง ฉันจะรอจนกว่านายจะลบภาพของลูกพี่ออกไปจากหัวใจ และรอให้มีภาพของฉันเข้าไปเติมเต็มแทน’
‘เฮราเคลส...’ อ้อมกอดนั้นอบอุ่นยิ่งกว่าสิ่งใด ด้วยหัวใจอันเข้มแข็งของคนตรงหน้าทำให้ชแตร์ลืมเลือนความเป็นห่วงคนที่กำลังหลับใหลไปเสียสนิท
‘ไม่ต้องสนใจความรู้สึกของฉัน นายน่ะทำตัวไปตามปกติก็พอ’ ร่างสูงคลายกอดแล้ววางมือบนบ่าลาดของอีกคน
‘แต่ว่า…’
‘นายลืมไปแล้วเหรอว่าฉันเป็นใครกัน?’ คนถามยักยิ้มมุมปาก
‘เอ๋?’ ชแตร์กะพริบตาปริบๆ
‘ราชาเฮราเคลสผู้แข็งแรง ไร้เทียมทานยังไงล่ะ!’ เฮราเคลสยิ้มกว้างพร้อมกับเม่นจิ๋วที่ร้องมี้ๆ สนับสนุน ‘ฉันน่ะมีกำลังใจที่แข็งแกร่ง ไม่ท้อง่ายๆ หรอกนะ เรื่องจีบนายน่ะ!’
‘อุบ...ฮะๆ ๆ ๆ’ เจ้าชายแห่งแดนดาวตกอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้เมื่อเห็นท่าทางขี้เต๊ะของอีกฝ่าย เพราะไม่ได้เห็นได้บ่อยๆ นัก ส่วนมากคนตรงหน้ามักจะทำตัวเป็นลูกน้องตามหลังอพอลโลอยู่ต้อยๆ แต่เมื่อได้ขึ้นเป็นราชาแห่งโอลิม
โพสแล้วดูเหมือนความมั่นใจจะมีมากขึ้นเป็นทวีคูณ
เฮราเคลสลาดปลายคิ้วลงอย่างอ่อนโยนเมื่อเห็นรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของคนที่รัก เขาฝันอยากจะทำให้อีกคนมีความสุข มีเสียงหัวเราะและรอยยิ้มอยู่เสมอ ชแตร์ไม่ค่อยแสดงความรู้สึกออกมามากนัก เพราะเอาแต่เป็นห่วงอพอลโล แต่ในเมื่อลิ่มที่อกของอพอลโลนั้นสิ้นสูญไปแล้วไซร้ ชแตร์ก็ไม่มีเรื่องที่ต้องเป็นห่วงอีก
และแน่นอนว่าเขารู้ ชแตร์ใช้ละอองดาวกลุ่มสุดท้ายเพื่อรักษาพิษและทำให้ลิ่มในอกของเจ้าชายแห่งแฟลร์รูจหายไป เป็นการแลกชีวิตเพื่อรักษาอีกชีวิต ร่างกายของอพอลโลหายดีแทบจะร้อยเปอร์เซ็นต์ ทว่าก็ต้องพักผ่อนให้ร่างกายที่โหมรบหนักได้ฟื้นฟู
เขารู้ดีว่าชแตร์อาจจะรักเขาได้ไม่เท่ากับที่รักอพอลโล แต่อย่างไรเสียเขาก็เป็นคนขอพรกับดาวตกก่อนที่ชแตร์จะสิ้นลม
ขอให้คนที่เขารักมากที่สุดได้มีชีวิตยืนยาวเท่าเขา และอยู่เคียงข้างจนกว่าจะตายจากกันไป
นั่นคือเหตุผลที่ทำให้ชแตร์ฟื้นขึ้นมาและมีละอองดาวเต็มนาฬิกา เพราะอายุขัยของเฮราเคลสแต่เดิมนั้นมีอยู่อย่างยาวนาน ต่างกับชแตร์ที่เกิดมาก็มีละอองดาวน้อยอยู่แล้ว และเมื่อทำตามคำอธิษฐานไปเรื่อยๆ ก็ยิ่งต้องแลกชีวิตให้สั้นลงเท่านั้น แต่คราวนี้ไม่เป็นอย่างนั้นอีกแล้ว ชแตร์จะมีอายุยืนเท่าเฮราเคลส จะตายก็ต่อเมื่อเฮราเคลสตายเท่านั้น ทำให้ชแตร์สามารถใช้ดาวตกเพื่อสัมฤทธิ์ผลคำอธิษฐานได้เรื่อยๆ อย่างไม่จำกัด
หลังจากห้าปีผ่านไป
ชแตร์ได้ยอมรับความรักจากเฮราเคลส เขายอมรับว่าตนเองก็รักเฮราเคลสไม่ต่างจากรักอพอลโล เท่ากับว่าที่เฮราเคลสพยายามมาตลอดประสบผลสำเร็จ ทว่าชแตร์ก็บอกว่าเขายังไม่พร้อมที่จะประกาศเรื่องนี้กับใคร และมีเรื่องสำคัญที่ต้องทำก่อน โดยเฉพาะเรื่องการศึกษาเกี่ยวกับการสร้างสิ่งมีชีวิตที่มีความซับซ้อน เขากำลังทำวิจัยอยู่กับเจ้าชายอิเรียแห่งโซลเชียน่าและเจ้าชายลูลูส
แห่งอัลเคเมีย
“ทำวิจัยเหรอ?” เฮราเคลสชะโงกไปดูปึกกระดาษที่ชแตร์ถือ มันเป็นสูตรเวทมนตร์และสูตรเคมีที่เขาไม่รู้จักมาก่อน ไม่รู้ว่าทำไมชแตร์ถึงดูรู้เรื่องและเข้าใจกับสูตรเหล่านั้น
“ใช่ พวกเขาสงสัยเรื่องที่ผมสร้างลูกของฟรอสต์และอพอลโลได้น่ะ” ดวงตาสีราตรีครามจับจ้องไปยังสูตรต่างๆ และพลิกหน้ากระดาษไปเรื่อยๆ เลื่อนสายตาไปตามอักขระเวทมนตร์ที่อิเรียเขียนด้วยลายมือสวยงาม
ตอนนี้พวกเขามานั่งเล่นพักผ่อนที่ระเบียงข้างห้องนอนของเฮราเคลส
ชแตร์ที่กำลังยุ่งได้ยินเสียงของเฮราเคลสเรียกก็เลยรีบมาหาและนั่งทบทวนสูตรไปด้วย
“แล้วเป็นยังไงบ้างล่ะ?” ชายร่างใหญ่ยักษ์เอียงคอถามยิ้มๆ
“อิเรียกับลูลูสอยากได้ข้อมูลที่เป็นรูปธรรมมากกว่านี้”
“รูปธรรม?” ราชาแห่งโอลิมโพสย่นหัวคิ้วแล้วกะพริบตาปริบๆ อย่างงุนงง
“ก็หมายถึงว่าอิเรียกับลูลูสอยากได้สูตรที่แน่นอนที่จะสร้างเด็กได้น่ะ ไม่ใช่แค่คำอธิษฐานของผมเพียงอย่างเดียว” ชแตร์ละสายตาออกกระดาษปึกนั้น “พวกเขาคิดว่าอาจใช้เวทมนตร์อย่างอื่นหรือการเล่นแร่แปรธาตุที่ทำให้เด็กเกิดมาได้อย่างสมบูรณ์น่ะ ลดการพึ่งพาราชวงศ์แดนดาวตก และก็เพิ่มอัตราการเกิดสำหรับคู่รักที่เป็นเพศเดียวกันด้วย ตามวิทยาศาสตร์แล้วพวกเขาให้กำเนิดลูกไม่ได้ใช่มั้ยล่ะ?”
คำอธิบายของเจ้าชายแห่งมีเทียร์เวลทำให้เฮราเคลสร้องอ้อออกมาทันที จากนั้นก็ยิ้มกว้าง กอดคนตรงหน้าแน่นราวกับจะให้กำลังใจให้อีกฝ่ายประสบผลสำเร็จไวๆ
“งั้นเราก็มีโอกาสที่จะมีลูกด้วยกันเหมือนกับลูกพี่ใช่มั้ย?” เขากระซิบเบาๆ
“เอ๋?” ชแตร์หน้าร้อนวูบวาบขึ้นมาทันใด
“แต่งงาน...กันนะ?” เสียงแผ่วๆ ดังมาจากข้างใบหูของเจ้าชายแดนดาวตก เมื่อเงยหน้ามองก็พบว่าอีกฝ่ายก็หน้าแดงไม่ต่างกัน
“ยะ–ยังไม่ใช่ตอนนี้หรอก…” ดวงตาสีท้องฟ้ายามราตรีหลบเนตรสีทองสดสว่างที่จ้องลงมา
“อื้อ ไม่รีบหรอก” เฮราเคลสพยักหน้าให้ ก่อนที่ชแตร์จะรีบร้อนขอตัวกลับอาณาจักร ซึ่งเจ้าบ้านก็ไม่ได้ว่าอะไรนอกจากอวยพรให้เดินทางปลอดภัย
“นี่ๆ ชแตร์ ไหนๆ ลูกพี่ก็แต่งงานไปแล้ว เรามาแต่งงานกันมั้ย?” เฮราเคลสมาหาเจ้าชายแดนดาวตกที่อาศัยอยู่บนดาวเหนือแดนดวงดาว และดูเหมือนเขาจะมาผิดเวลาที่อีกฝ่ายกำลังเหมือนจะออกไปข้างนอก
“ตอนนี้ยังไม่ว่างน่ะ ต้องช่วยพี่สาวจัดการเรื่องงานบ้านงานเมืองอีก เฮราเคลสเองก็น่าจะยุ่งอยู่กับการฟื้นฟูเมืองโอลิมโพสนี่นา” ชแตร์เอ่ยเสียงเรียบก่อนจะแต่งตัวให้เรียบร้อย
“น่านะๆ” เจ้าคนตัวโตออดอ้อน
“ก็บอกว่าไม่ว่าง...” แล้วขี่ดาวตกออกไปโดยไม่บอกลาสักคำ
เป็นเวลาหลายเดือนแล้วที่ราชาแห่งโอลิมโพสเอ่ยคำขอแต่งงานกับเจ้าชายแห่งมีเทียร์เวล ทว่าก็ถูกปฏิเสธไปแทบทุกครั้ง เขารู้ดีว่าชแตร์ไม่ได้ไม่รักเขา แต่ชแตร์แค่กำลังคิดมากกับเรื่องอะไรบางอย่างที่ไม่ยอมบอกเขา ครั้นจะลองไปถาม
อพอลโลดูเจ้าตัวก็ดูยุ่งกับงานและการเลี้ยงลูกๆ เหลือเกิน
ราชกิจสำคัญของราชนิกุลแห่งมีเทียร์เวลมีเพียงครั้งสองครั้งในรอบหนึ่งปีเท่านั้น นอกนั้นจะเป็นกิจกรรมที่ราชนิกุลแดนดาวตกเข้าไปร่วมงานเพื่อคำอธิษฐานต่างๆ
สำหรับโอลิมโพสก็เช่นกัน เขามักจะได้รับเชิญไปงานสำคัญของแดนดวงดาวอยู่เสมอ ส่วนมากแล้วราชกิจจะยกให้เหล่ามกุฎราชกุมารหรือรัชทายาทเป็นผู้ร่วมงานไปเท่านั้น เพื่อเป็นการฝึกการออกงานสังคม ส่วนราชาก็จะต้องอยู่ประจำอาณาจักร แต่สำหรับอาณาจักรที่ยังไม่มีทายาท หรือทายาทยังไม่เติบใหญ่พอ ราชาก็จำต้องเดินทางไปร่วมงานเอง ดังเช่น เฮราเคลส หรืออพอลโล เป็นต้น
พอเห็นชแตร์จากไปก็ทำหน้าเศร้า เม่นน้อยเนแมร์ก็เอาอุ้งเท้าของมันวางแปะๆ ที่แก้มของเจ้านายเป็นเชิงปลอบ แม่ของชแตร์เดินเข้ามาหาเฮราเคลสแล้วตบหลังเบาๆ พลางหัวเราะ
“อันที่จริงชแตร์เขาเขินน่ะเลยพยายามหลบหน้าท่านอยู่” เธอยิ้มอย่างสดใสเมื่อเห็นปฏิกิริยาของหนุ่มๆ
“เอ๋?” ราชาแห่งโอลิมโพสกะพริบตาปริบๆ
“จู่ๆ มาตามตื๊อขอแต่งงานตั้งหลายเดือน ใครๆ ก็ทำตัวไม่ถูกกันทั้งนั้นแหละค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นต้องทำยังไงล่ะครับ?”
“กลับไปที่จุดเริ่มต้น แล้วค่อยๆ พัฒนาความสัมพันธ์ค่ะ ชแตร์ให้ความสำคัญกับคนอื่นมากจนลืมนึกถึงตัวเอง แต่เขาก็ไม่อยากให้ใครเป็นห่วง ดังนั้นทำตัวเหมือนเดิมอย่างที่เคยทำน่าจะทำให้เขาสบายใจมากขึ้นนะคะ” แม่ของชแตร์คลี่ยิ้มบางแล้วกุมมือของเฮราเคลส “ดิฉันยังรอให้คุณมาเป็นลูกเขยอีกคนอยู่นะคะ”
“ละ–ลูกเขยอะไรกันครับ!? แหะๆ” เฮราเคลสเกาท้ายทอยแก้เก้อ มีเจ้าเม่นจิ๋วร้องมี้อยู่บนไหล่ เป็นการแซว “ผะ–ผม...ขอตัวกลับก่อนดีกว่า ยังไงก็ไม่มีธุระต่อแล้ว ทิ้งอาณาจักรมานานๆ คงไม่ดี”
“ค่ะ ยังไงก็มาเยี่ยมเยียนได้เสมอนะคะ เวลาปกติชแตร์เขาไม่ค่อยไปไหนหรอกค่ะ” ราชินีแห่งมีเทียร์เวลโบกมืออำลา เฮราเคลสก็ขึ้นม้าวิเศษมีปีกเพื่อลงมาจากดวงดาวแห่งแดนดาวตก
“แม่ของชแตร์ก็ช่างยุจริง คนยิ่งบ้าจี้ตามง่ายๆ อยู่” คนตัวโตบ่นอุบอิบพลางหน้าแดงระเรื่อ เนแมร์ก็ทำหน้าเคลิ้มเพ้อฝันตามเจ้านายของมัน เขาควบม้าเพกาซัสค่อยๆ ร่อนลงที่ปราสาทหลักของอาณาจักรโอลิมโพส มีทหารคอยนำม้าไปเข้าคอกและดูแลอยู่ไม่ขาด ม้าตัวนี้เฮราเคลสได้รับมาจากชแตร์เพื่อไม่ให้เป็นการลำบากเมื่อมาแวะเวียนหาตนที่อาณาจักร
ราชาหนุ่มมองขึ้นบนฟ้าแล้วหลับตาลง ยกมือกุมอกด้วยความรู้สึกหนักแน่น เขาจะไม่มีวันยอมแพ้หรอก ขนาดว่าลูกพี่ของเขายังสามารถแต่งงานกับผู้ชายและมีลูกได้ เขาเองก็จะทำอย่างเดียวกัน – แม้จะไม่รู้ว่าต้องทำแบบใดก็ตาม…
เป็นเวลาหลายวันแล้วที่เฮราเคลสไปหาชแตร์ที่อาณาจักรมีเทียร์เวล แต่ก็ไม่พบกับคนที่เขาอยากเจอ เขาพบความผิดหวังไปอยู่หลายสัปดาห์เพราะดูเหมือนว่าช่วงนี้ชแตร์จะงานยุ่งจริงๆ
จนกระทั่งวันหนึ่ง เขาได้แอบติดตามชแตร์ไปยังที่ดินแดนแห่งหนึ่งซึ่งห่างไกลจากชุมชน แทบจะเรียกได้ว่าคล้ายคลึงกับกระท่อมกลางป่าที่เขาเคยพักอาศัยในสมัยเด็กๆ เลยทีเดียว เพียงแต่เป็นคนละที่กันก็เท่านั้น พอเห็นชแตร์ลงจากดาวตกอย่างนิ่มนวล เฮราเคลสก็ควบเพกากัสลงพื้นแล้วแอบซ่อนตามต้นไม้ในป่า ผูกเจ้าม้ามีปีกไว้ไกลๆ จากกระท่อม จากนั้นก็เข้าไปแอบดูที่ข้างๆ กระท่อมหลังนั้น
“โอ้ ชแตร์!” หญิงสาวคนหนึ่งวิ่งออกมาจากกระท่อมแล้วกอดชแตร์แน่น เรือนผมยาวสีเงินยวงประกายดวงดาวคล้ายคลึงกัน เป็นสัญลักษณ์ว่าเป็นคนของแดนดาวตก
“ผมมาแล้ว” ชแตร์รับกอดอย่างยินดีแล้วลูบเรือนผมนุ่มนั้นเบาๆ “ไม่มีอะไรต้องห่วงแล้วนะ”
“ขอโทษจริงๆ นะ ชแตร์”
“ไม่เป็นไรครับ”
หลังจากที่พูดทักทายกันแค่นั้น ทั้งสองก็เดินเข้าไปในกระท่อม เฮรา
เคลสก็ค่อยๆ แอบส่องตามหน้าต่างดู เขาเห็นเด็กผู้หญิงสองคนวัยไล่เลี่ยกันที่กำลังกอดชแตร์ที่ย่อตัวให้ระดับเสมอกับเด็กๆ
“คุณพ่อ คุณพ่อ” เด็กๆ ทั้งสองเรียกชแตร์อย่างนั้น ราชาแห่งโอลิมโพสไม่อยากเชื่อหูตนเองว่ามันเป็นความจริง
ชแตร์มีภรรยาและลูกแล้ว?
เฮราเคลสไม่อดทนฟังการสนทนาต่อเขารีบออกจากระท่อมหลังนั้นแล้วขึ้นม้าเพกาซัสไปยังแดนดาวตกทันที เร่งรีบเสียจนเนแมร์ที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อโค้ตเกือบปลิวตกจากฟ้า
“องค์ราชา! องค์ราชินีครับ!” ร่างสูงเอ่ยเรียกอย่างรีบร้อน เหงื่อผุดเต็มหน้าผากที่มีผมหน้าม้าปรก เนแมร์พยายามเอาเท้าหน้าของมันซับๆ เหงื่อให้ แต่เจ้าของของมันไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย
“มีเรื่องอันใดรึ ท่านราชาแห่งโอลิมโพส?” ราชินีแห่งมีเทียร์เวลออกมาต้อนรับด้วยท่าทีสงสัย พระสวามีของนางยังไม่ว่างจึงให้นางมารับแขกก่อน
“ชแตร์มีภริยาแล้วเหรอครับ!?” เฮราเคลสถามในสิ่งที่เขาสงสัยทันที
“โอ้ ตายจริง…” แม่ของชแตร์ยกมือปิดปาก “แสดงว่าท่านเห็นความจริงแล้วสินะคะ...”
“ความจริง…?” ดวงตาสีทองเบิกกว้างและอ้าปากค้าง
“ผู้หญิงคนนั้นคือเซเลน่า พี่สาวของชแตร์ ลูกสาวคนโตของเราน่ะค่ะ”
“อา...เอ๋!? พี่สาว?” เฮราเคลสกะพริบตาปริบๆ
“เพราะว่ามีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย ทำให้ท่านไม่เคยเห็นเซเลน่าเลยสินะคะ เรื่องทั้งหมดมันมีเหตุผลอยู่ ที่ต้องปิดบังไว้ต้องขอโทษจริงๆ ค่ะ” ราชินีผายมือให้เดินตามมายังห้องรับรองแขก เพราะเรื่องที่จะเล่านั้นยาวเกินกว่าจะยืนคุยกันได้
“ไม่ต้องขอโทษหรอกครับ ผมก็เข้าใจผิดไปเอง” ราชาจอมพลังเกาท้ายทอยแก้เก้อแล้วนั่งลงตามราชินีที่เก้าอี้เลาจ์ มีบริกรส่งชาละอองดาวกับขนมหวานเกล็ดน้ำตาลรูปดาววางไว้ให้ หลังจากที่ข้ารับใช้ออกไปจากห้องหมด องค์ราชินีก็เปิดปากเล่า
“เซเลน่าแอบมีความสัมพันธ์กับเจ้าชายไดอาน่ะค่ะ เพราะเจ้าชายไดอาต้องการผลประโยชน์บางอย่างจากตระกูลเรา แล้วเธอก็ตั้งครรภ์ขึ้นมา เธอคลอดลูกสาวสองคน ตั้งชื่อว่าลูน่ากับสเตลลาค่ะ คนโตคลอดได้ไม่ถึงหนึ่งขวบก็ท้องคนที่สอง ซึ่งต่อมาเจ้าชายไดอาก็เสียชีวิตค่ะ เธอไม่ได้บอกเจ้าชายไดอาหรือราชาอพอลโล เพราะคิดว่าสุดท้ายราชาอพอลโลคงคิดจะกำจัดพวกเด็กๆ ที่มีสายเลือดของเจ้าชายไดอาด้วย เซเลน่าบอกเรื่องนี้แค่กับชแตร์ระหว่างที่อยู่คนเดียวที่กระท่อมกลางป่า ชแตร์ก็รับผิดชอบช่วยเหลือพี่สาวมาตลอด รวมทั้งดูแลลูกๆ ของราชาอพอลโลยามที่ยุ่งอยู่ด้วย” แม่ของชแตร์เล่าให้ฟังด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย
“เอ๋?” เฮราเคลสทำหน้าตกตะลึงโดยที่ไม่รู้ว่าจะตกใจเรื่องใดก่อนดี ระหว่างที่ไดอามีทายาทกับอพอลโลคิดที่กำจัดทายาทของไดอา
“ดิฉันอยากฝากให้ท่านเฮราเคลสช่วยชแตร์ดูแลเด็กพวกนั้นด้วยค่ะ หลานๆ ของดิฉัน แม้แต่หน้าก็ไม่เคยพบ เพราะเซเลน่าอับอายเกินกว่าที่จะกลับมา”
“ได้เลยครับ ผมยินดีช่วยเหลือทุกอย่าง รวมทั้งประสานความเข้าใจกับอพอลโลให้ด้วย” ใบหน้าอ่อนเยาว์ฉาบด้วยรอยยิ้ม ทั้งยังจับมือทั้งสองข้างเพื่อสร้างความเชื่อมั่นอีกทางหนึ่ง
“ขอบพระคุณมากๆ ค่ะ” ราชินีแห่งมีเทียร์เวลเอ่ยทั้งน้ำตา “พวกเราก็ไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหาพวกนี้อย่างไรดี แม้ว่าชแตร์จะสนิทกับราชาอพอลโล แต่เรื่องของเจ้าชายไดอาเขาคงไม่เอาไว้แน่”
หลังจากที่เล่าเรื่องราวทั้งหมดและปรับความเข้าใจกันแล้ว ชแตร์ก็กลับมาที่ปราสาทพอดี เขาเห็นเฮราเคลสมาที่นี่และชักชวนให้ออกไปท่องราตรีด้วยกันบนหลังม้าเพกาซัส เฮราเคลสเล่าเรื่องที่เขารู้ให้ชแตร์ฟัง สีหน้าของชแตร์นั้นดูไม่แปลกใจแม้แต่น้อย เพราะเขาก็คิดว่าสักวันอีกฝ่ายจะต้องรู้ เขาจึงเสนอว่าจะไปพูดเรื่องนี้กับอพอลโลอย่างไรดี
“แต่งงานกับฉันสิ” เฮราเคลสยิ้มขณะที่โอบร่างผอมบางไว้ในอ้อมแขน
“หา?” ชแตร์สะดุ้งเมื่อได้ยินคำคำนั้นกลับมาอีกครั้ง เขาหน้าแดงและไปต่อไม่ถูกเลยทีเดียว
“เด็กสองคนนั้นฉันจะรับเลี้ยงเอง แบบนี้อพอลโลก็คงทำอะไรไม่ได้แล้วล่ะ ถ้าเป็นลูกๆ ของฉันแล้วละก็…”
“นายจะบ้าเหรอ!?”
“เห?”
“งานเลี้ยงเด็กน่ะไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ!”
“ฉันรู้ดีน่า ฉันเองก็เคยดูแลไดอาน่ากับดีเลียนอยู่พักนึง ฉันเข้ากับเด็กๆ ได้ดี นายก็รู้” แม้จะโดนห้ามปราม ทว่าคนตัวใหญ่ก็ยังยิ้มกว้างรับปัญหาตรงหน้า
“แต่ผม…” ชแตร์กุมนาฬิกาละอองดาวอย่างสับสน “นี่เป็นปัญหาของครอบครัวผม”
“ปัญหาของนายก็คือปัญหาของฉันด้วย” เฮราเคลสยิ้มให้อย่างสดใสท่ามกลางฟ้ายามวิกาล “ก็เราเป็นคนรักกัน...ไม่ใช่เหรอ?”
ร่างสูงหยุดเพกาซัสให้หยุดอยู่กลางอากาศแล้วโน้มใบหน้าลงไปจุมพิตที่ริมฝีปากบาง เป็นจูบแรกระหว่างพวกเขาทั้งสองคนเพราะชแตร์ไม่เคยปล่อยโอกาสเสียที ตอนนี้เป็นโอกาสเหมาะที่เจ้าของเรือนผมสีบลอนด์ทองจะได้ตะล่อมให้จนมุม
“อืม นั่นสินะ” เจ้าชายแห่งมีเทียร์เวลแก้มแดงระเรื่อ เม้มริมฝีปากอย่างประหม่า
“นั่นแปลว่าตกลงจะแต่งงานแล้วใช่มั้ย?” เฮราเคลสเชยคางคนตรงหน้าขึ้นมาแล้วกระซิบชิดริมฝีปาก
“เอ๊ะ เปล่านะ!”
“ไม่ต้องปฏิเสธเลย เราตกลงจะดูแลเด็กสองคนนั้นด้วยกันแล้วนะ!” วงแขนแกร่งกอดหมับแล้วซบหน้าลงบนบ่าลาด
“เอ๋!?”
“น่านะ แต่งงานกับฉันเถอะ ชแตร์” เสียงนั้นเว้าวอนติดจะออดอ้อนอยู่ในที ดวงตาสีทองมองคนในอ้อมกอดอย่างซุกซน
“เฮราเคลส…” ชแตร์หมดคำจะปฏิเสธ “ก็ได้ ผมตกลง”
“เย้!!” เพียงเท่านั้น ราชาแห่งโอลิมโพสก็ควบม้าวิ่งตะลอนไปทั่วท้องฟ้าจนชแตร์ต้องรีบเกาะไว้เพราะกลัวตก
ชแตร์และเฮราเคลสวางแผนที่จะพาตัวลูกสาวของเซเลน่าไปพบกับอพอลโลที่แฟลร์รูจ เพราะเขาคิดว่าอพอลโลคงไม่คิดที่จะทำอะไรเด็กตัวเล็กๆ ที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับลูกตนเอง เมื่อคิดได้อย่างนั้นพวกเขาก็เดินทางไปยังแดนสุริยาทันที และขอเข้าพบราชาอพอลโลเป็นกรณีพิเศษ
เจ้าของดินแดนเพลิงสุริยันมองเพื่อนรักทั้งสองหอบอุ้มเด็กผู้หญิงสองคนเข้ามาในห้องทำงานด้วยแววตางุนงง คนหนึ่งละม้ายคล้ายกับชแตร์นัก ทั้งดวงตาและเส้นผม ส่วนอีกคนก็มีผมบางส่วนเป็นสีเพลิงปะปนกับสีเงินพิสุทธิ์ ตาสองสี ข้างหนึ่งสีราตรีอีกข้างสีตะวัน ทั้งสองถูกวางลงให้ยืนบนพื้นอย่างเก้ๆ กังๆ แม้ชุดจะสวยสดงดงามเพราะชแตร์กับเฮราเคลสเป็นคนเลือกให้ ดูเหมือนว่าจะไม่ได้รับการสั่งสอนมาจากราชสำนัก
“ลูกของไดอา?” ดวงตาสีเพลิงกะพริบปริบๆ ก่อนจะเพ่งมองนิ่งด้วยแววตาน่าเกรงขาม หนึ่งในสาวน้อยรู้สึกตื่นกลัวก็วิ่งไปหลบหลังผ้าคลุมของเจ้าชายแห่งมีเทียร์เวล
“สเตลลา ไม่ต้องกลัวหรอกนะ” ชแตร์พยายามปลอบหลานสาวคนเล็กที่แอบซ่อนอยู่ใต้ผ้าคลุม เขาย่อตัวลงแล้วเปิดผ้าคลุมออกให้เห็น เธอเป็นคนที่มีตาสองสี
“ชื่ออะไร?” อพอลโลถามเสียงเข้ม
“ลูน่ากับสเตล –!”
“ให้เด็กมันตอบเอง!” ราชาแห่งแฟลร์รูจเอ่ยขัดเสียงของเฮราเคลส ทำเอาคนตัวโตเกร็งตัวกะทันหันแล้วยิ้มค้างอยู่อย่างนั้น
“เอ้า คุณอาเขาถามแน่ะ ตอบสิคะ” ชแตร์ที่ใจเย็นกว่าก็ตบๆ หลังเด็กทั้งสองคนเพื่อให้กำลังใจ
“หนูชื่อลูน่าค่ะ” เด็กหญิงคนโตตอบด้วยเสียงดังฟังชัด
“นะ–หนูชื่อสเตลลาค่ะ…” ส่วนอีกคนตอบเสียงแผ่วอย่างไม่มั่นใจ
“งั้นเหรอ…” อพอลโลได้ฟังแล้วก็หลับตาลงเอามือเท้าคางราวกับครุ่นคิดอะไรสักอย่าง เขากำลังคิดว่าจะทำอย่างไรกับเจ้าเด็กสองคนนี้ดี จะกำจัดทิ้งก็ดูจะใจร้ายเกินไปหน่อยสำหรับเด็กตัวเล็กๆ อีกอย่างเขาก็เริ่มมีใจผูกพันรักใคร่กับเด็กๆ เพราะตนเองก็มีลูกแล้วด้วย
“ลูกพี่?” เฮราเคลสเอ่ยถามเบาๆ
“อืม แล้วพวกแกคิดจะเก็บเด็กสองคนนี้ไปเลี้ยงสินะ?” ชายหนุ่มผมสีแดงเพลิงถามพลางเงยหน้ามองคนที่ตัวสูงกว่า
“อืม! ฉันตั้งใจว่าจะรับลูน่ากับสเตลลาไปเลี้ยงที่โอลิมโพสล่ะ”
“แล้วแกล่ะ ชแตร์?”
“ก็ตั้งใจว่าจะแต่งงานแล้วรับไปเลี้ยงที่โอลิมโพสน่ะ พี่สาวเขาเป็นรัชทายาทอันดับหนึ่ง มีธุระปะปังมากมายที่ต้องจัดการ เลยคิดว่าถ้าไปอยู่ที่โอลิมโพสกับเฮราเคลสน่าจะสะดวกกว่าน่ะ แต่ก็จะแวะกลับไปหาท่านพ่อกับท่านแม่เป็นประจำแหละ” ชแตร์อธิบายยาวเหยียด ทว่าอพอลโลก็ตั้งใจฟังทุกคำพูด
“ก็แล้วแต่แก นั่นหลานของแก”
“แต่ก็เป็นหลานของนายด้วยนะ”
“อืม…” อพอลโลหลับตาลงแล้วขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิดงุ่นง่าน เขาลุกจากเก้าอี้ทำงานมายืนตรงหน้าเด็กทั้งสอง ย่อตัวลงแล้วกอดรับเด็กหญิงเอาไว้แนบอก “ยินดีต้อนรับสู่ครอบครัวแฟลร์รูจนะ”
เพียงเท่านั้น ลูน่ากับสเตลลาก็ร้องไห้เสียงดังจนเจ้าบ้านทำตัวไม่ถูก
ชแตร์ยิ้มขำก่อนจะส่งผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาให้เด็กๆ
“แบบนี้อพอลโลก็เป็นพ่อทูนหัวให้ทั้งสองคนได้แล้วนะ”
“หา?” อพอลโลเบิกตากว้างอย่างไม่เข้าใจ
“แลกกันไง ผมยังเป็นพ่อทูนหัวให้ลูกๆ ของนายเลย” ชแตร์ยิ้มเชือดนิ่ม ซึ่งก็ไม่รู้ว่าไปเรียนรู้วิธียิ้มแบบนี้มาจากไหน แต่ก็ทำให้อพอลโลปฏิเสธไม่ลง
“ก็ได้ๆ ก่อนอื่นไปหาลูกพี่ลูกน้องของพวกเธอก่อนเถอะ ไดอาน่ากับ
ดีเลียนคงจะเบื่อแย่ที่มีกันแค่สองคน ถ้ามีพวกเธอเข้ามาเป็นครอบครัวด้วยคงจะครึกครื้นไม่น้อย” ชายหนุ่มเจ้าของแผ่นดินแฟลร์รูจยืนขึ้นเต็มความสูงก่อนจะจูงมือน้อยๆ ทั้งสองคนให้เดินเคียงข้างกันไป เฮราเคลสกับชแตร์ก็ยิ้มออกมาอย่างพอใจเมื่อเห็นท่าทีอบอุ่นของคนตรงหน้า
ดูท่าว่าจะไม่มีปัญหาแล้วสินะ?
งานพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสของราชาแห่งโอลิมโพสและเจ้าชายแห่งมีเทียร์เวลจัดขึ้นอย่างเรียบง่าย เชิญเพียงแขกคนสำคัญของดินแดนที่สนิทสนมด้วยเท่านั้น มีเด็กหญิงสามคนคอยถือผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวให้ และเด็กชายอีกคนที่ทำหน้าที่โปรยดอกไม้ยาวที่ฝ่ายเจ้าสาวกำลังเดินมายังแท่นพิธี
เซเลน่ายิ้มอย่างยินดีทั้งน้ำตาเมื่อเห็นน้องชายเป็นฝั่งเป็นฝาเสียที และลูกสาวทั้งสองก็น่ารักน่าชังสมกับที่ชแตร์เป็นคนอุ้มชูดูแลมาตลอด ส่วนเธอก็มีคู่หมั้นหมายเป็นเจ้าชายคนหนึ่งในแดนใกล้เคียง คาดว่าจะสมรสอีกไม่กี่ปีข้างหน้า และจะได้ขึ้นเป็นราชินีของมีเทียร์เวล
“ขอเขิญคู่รักได้จุมพิตสาบานต่อหน้าดวงดาวอันศักดิ์สิทธิ์ด้วยเถิด”
เมื่อศาสนาจารย์เอ่ย เฮราเคลสก็ค่อยๆ เปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวออก เห็นใบหน้างดงามหมดจดของคนตรงหน้าแล้วใจสั่นระรัว เขาประคองใบหน้านั้นแล้วโน้มลงไปหา ประทับจุมพิตอย่างนิ่มนวลและอ่อนโยน ชแตร์ก็หลับตารับจูบอย่างเต็มใจ พอจูบเสร็จทั้งคู่ก็มาเขินกันเองเสียนี่
แปะๆ
“เอ้า! เด็กๆ มาเซอร์ไพรส์ได้แล้ว” อพอลโลลุกขึ้นยืนปรบมือสองครั้งเป็นสัญญาณให้เด็กทั้งสี่ออกมาที่หน้าลานแท่นพิธี
ดีเลียนจุดพลุไฟสีสันสวยงาม ไดอาน่าโปรยเกล็ดหิมะเป็นประกายสว่างไสว ส่วนลูน่าและสเตลลาก็โปรยละอองดาวระยิบระยับ ทั้งสามอย่างนั้นงดงามจับตาผู้เข้าร่วมงานทุกคน เป็นที่ประทับใจไม่รู้ลืม
เฮราเคลสและชแตร์มองหน้ากันก่อนจะอุ้มลูกสาวบุญธรรมทั้งคู่ขึ้นมากอดหอมอย่างเอ็นดู แม้เด็กทั้งสองจะเป็นผลงานที่ผิดพลาดของไดอา แต่ก็เติมเต็มความรักของชาวมีเทียร์เวลและโอลิมโพสได้อย่างเต็มเปี่ยม และชแตร์ก็ต้องทำงานวิจัยต่อไปเพื่อให้กำเนิดสิ่งมีชีวิตล้ำค่าที่สมบูรณ์พร้อม ไม่ให้เกิดเป็นเหมือนลูน่าและสเตลลาอีก
– จบ –
Comments (0)