18 ตอน Chapter 15 : Friends, Partners, Lovers
โดย ‘Umbrella’
วันที่สามหลังจากพระราชพิธีราชาภิเษก ราชาอพอลโลได้ใช้เวลาส่วนหนึ่งไปกับการพูดคุยเป็นการส่วนตัวกับเจ้าชายฟรอสต์แห่งสโนว์ฟิเลียหลังจากที่ไม่ได้พบกันนานกว่าสามเดือน ชายหนุ่มผมสีเงินเอนหลังอ่านหนังสืออยู่บนเตียง ทว่าดวงตาสีทับทิมกลับไม่ได้มองไปยังตัวอักษรบนหน้ากระดาษ กลับมองไปยังแผ่นหลังกว้างในชุดลำลองที่กำลังมองของขวัญที่ระลึกเพื่อที่กำลังจะจัดประดับตบแต่งห้อง
“อพอลโล”
“หืม...?” เจ้าของชื่อขานรับโดยที่ไม่ได้หันมาหาคนถาม
“ที่นายบอกว่า...นายเว้นระยะห่างจากฉันไปเพราะไม่อยากให้ไดอาใช้ฉันเป็นสิ่งต่อรองนาย” คำถามที่หลุดออกมาจากปากอีกฝ่ายทำให้ราชาผู้เย่อหยิ่งหันกลับมาและนั่งลงข้างๆ
“มันไม่ชอบต่อสู้กันซึ่งๆ หน้า เรื่องลอบกัดกับการใช้การต่อรองคือเรื่องถนัดของมัน ถ้ามันรู้ว่าคนสำคัญของฉันเป็นใครมันก็ไม่รอช้าที่จะจับมาใช้หรอก” มืออุ่นๆไล้แก้มขาวผ่องของคนเมืองหนาวเบาๆ
“คนสำคัญ?” ฟรอสต์เอ่ยทวนคำ มือเรียวพับหนังสือลงวางบนตัก
“ใช่ นายคือคนสำคัญของฉัน ฟรอสต์” อพอลโลแนบรอยจุมพิตที่เรียวปากบางเบาๆ ด้วยรัก ทว่ามือขาวจัดก็รีบยกขึ้นดันออก คนต่างถิ่นเหลือบมองเห็นโหลแก้วขนาดเล็กที่บรรจุดวงดาวขนาดเล็กที่วางอยู่บนโต๊ะหัวเตียง
“แล้วสองคนนั้นก็เป็นคนสำคัญของนาย...” อัญมณีสีชาดบนใบหน้างดงามหลุบลงต่ำ มองข้อมือของตนซึ่งสวมสร้อยเล็บสิงโตสีทองพันรอบแขน
“ทั้งสองคนคือสหายที่รู้จักกันมาตั้งแต่วัยเด็กแล้ว” ปลายนิ้วร้อนแตะสัมผัสแผ่วเบาที่สร้อยที่ตนเคยให้ไว้ “เป็นเพื่อนคนสำคัญ...”
“แล้ว...ทำไมต้องให้เครื่องประดับ?” ฟรอสต์ถดกายถอยห่างจากอีกฝ่าย “ฉันเห็นเจ้าชายชแตร์ใส่ต่างหูแบบเดียวกันกับนาย แล้วก็สร้อยคอหนังของราชาเฮราเคลสก็เหมือนกับสร้อยข้อมือของนาย...”
“อืม...มันเป็นธรรมเนียมของแฟลร์รูจว่าหากเห็นใครเป็นคนสำคัญก็จะให้เครื่องประดับอัญมณีน่ะ” เจ้าของเรือนผมสีเพลิงไม่เข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายต้องหนีเขา จึงได้ตามไปนั่งใกล้ๆ อีกครั้ง “เสื้อผ้าและเครื่องประดับถือเป็นสิ่งขึ้นชื่อของแฟลร์รูจ”
“ถ้าอย่างนั้น...ฉันก็เป็นเพื่อนของนายสินะ?” มือเรียวยกสร้อยสีทองขึ้นมาดูด้วยแววตากระจ่าง ทว่าก็กลับไปขุ่นมัวอีกครั้งเมื่อนึกถึงว่ามีอีกสองคนที่สำคัญพอๆ กับตัวเขา
“หา? นี่นายยังไม่เข้าใจอีกเหรอว่าเราสองคนเป็นอะไรกัน” คิ้วคมขมวดเข้าหากันแน่น
“ก็...ปะ–เป็นเพื่อนสนิท?” ชั่วพริบตาหลังจากที่เอ่ยคำตอบ แผ่นหลังของฟรอสต์ก็แนบสัมผัสกับที่นอนนุ่ม มีราชสีห์ตัวโตคร่อมอยู่ด้านบนอย่างวางอำนาจ
“เพื่อนสนิทที่ไหนถึงมาบอกรัก จูบดูดปากกัน แถมยังมีอะไรกันอีก หืม?” มือของคนหัวร้อนไล้ขึ้นมาที่ขอบกางเกงของร่างข้างใต้ สอดเข้าไปที่เสื้อเชิ้ตตัวบางเพื่อลาบล้วงสัมผัสผิวกายเนียนลื่นมือ
“อึก...” เจ้าชายน้ำแข็งตัวสั่นแล้วหลับตาลงแน่น เขาไม่ได้รู้สึกรังเกียจหรืออยากปฏิเสธ แต่ก็หวาดกลัวและตื่นเต้นเมื่อฝ่ายตรงข้ามเริ่มทำตัวรุ่มร่ามใส่
“ฉันเคยพูดแล้วใช่ไหมว่าเราเป็นคนรักกัน” ริมฝีปากร้อนระอุแนบประทับที่ใบหูขาว พรมจูบมาตามสันกรามและลำคอก่อนจะกัดเบาๆ
“อื้อ...” ไม่รู้ว่าเสียงที่ส่งออกมาจากลำคอนั้นฟรอสต์ต้องการจะขานรับหรือเป็นเพียงเสียงครวญครางเมื่อมือซุกซนได้สะกิดที่จุดอ่อนไหวปลายยอดอก
“ฉันไม่เคยอยากเป็นเพื่อนกับนาย” เสียงทุ้มแหบพร่ากระซิบแนบชิดริมฝีปากและมอบจุมพิตแสนหวานให้ร่างข้างใต้
ความวาบหวามแทรกซึมทุกอนูร่างกาย คนด้านล่างที่ใจเอนเอียงอยู่แล้วก็ไม่ได้หักห้ามใจแม้จะรู้ว่ายังเป็นเวลากลางวันแสกๆ เสื้อผ้าหลุดจากร่างกายไปทีละชิ้นสองชิ้น อยู่ด้วยกันตามลำพังจึงไม่ได้แต่งตัวมากมาย ไม่ทันไรจึงได้ใส่ชุดวันเกิดด้วยกันทั้งคู่ ราชาด้านบนประทับรอยกลีบกุหลาบทั่วร่างขาวจัดแม้จะมีร่องรอยเก่าอยู่บ้าง เขาก็ย้ำให้รอยยังเด่นชัดเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ กัดซ้ำบนเนื้อละเอียดด้วยความมันเขี้ยว เขี้ยวคมเกาะเกี่ยวไปทางตามสร้างรอยแดงยาว อารมณ์ร้อนรุ่มก่อตัวขึ้นกลางใจของฟรอสต์ เขาหอบหายใจด้วยความตื่นเต้นไม่ต่างจากครั้งแรกหรือครั้งที่สองที่สามเลย เมื่อเห็นดังนั้นอพอลโลจึงเลื่อนกายขึ้นมาแล้วพรมจูบที่หน้าผากมนเพื่อปลอบประโลม
“นายตัวสั่นไปหมดแล้วนะ เหมือนลูกนกที่โดนลมพัดเลย” ราชาหนุ่มยิ้มอ่อนโยนให้ “กลัวเหรอ?”
“จะไม่ให้กลัวได้อย่างไร ก็นายชอบทำรุนแรง!” ใบหน้างดงามแดงระเรื่อแล้วมองตาขวางใส่
“เรื่องนั้นฉันก็แก้ตัวใหม่เมื่อคืนแล้วไง”
“ก็ยังเจ็บอยู่ดี...”
“หึ...งั้นเอาแบบที่นายไม่เจ็บดีกว่า” ร่างกำยำผิวเข้มกว่าพลิกกายให้ร่างขาวๆ ไปอยู่ด้านบน “จะยอมให้นายเอาคืนสักวันก็แล้วกัน”
“อะ–อพอลโล...” ฟรอสต์หน้าแดงยิ่งกว่าเดิมเมื่อเห็นใบหน้าคมคายยิ้มเย้ายวนให้
ทว่าสิงคาลหิมะก็เหมือนถูกราชสีห์เพลิงกลั่นแกล้งให้ต้องนอนหมดแรงอีกครั้ง ซ้ำยังถูกกระซิบข้างหูยามใกล้จะเข้าวันใหม่ว่า ‘สุขสันต์วันเกิด’ อีก หากว่าเขาไม่ได้เห็นวิสกี้ขวดใหญ่ที่ถูกผูกโบว์วางไว้หลังจากที่เสร็จกิจคงจะโมโหจนเอาแท่งน้ำแข็งฟาดหน้าอีกคน
นึกไม่ถึงจะว่ารั้งตัวฉันไว้ด้วยวิธีนี้เพื่อฉลองวันเกิดด้วยกันสองคน เจ้าเล่ห์จริงๆ ให้ตายเถอะ!...
อาณาจักรสโนว์ฟิเลีย แดนหิมะ เดือนดารา
ช่วงเวลาของปีนี้อาณาจักรสโนว์ฟิเลียจะทำพิธีหยุดหิมะเพื่อทำให้หิมะที่ตกตลอดทั้งปีนั้นหยุดตก เพื่อติดต่อทางการทูตกับต่างแดน
พิธีการผ่านพ้นไปด้วยดี เจ้าชายองค์เล็กได้เดินทางไปยังอาณาจักรออเรนเจตเพื่อพบปะกับเพื่อนสนิทวัยเดียวกันอย่างเจ้าชายพีโค และเจ้าชายเกรเซียที่ต้องการเดินทางไปยังอิโรกุเพื่อไปหาคู่หมั้นของตนยังแดนลับแลอย่างแดนเทพจิ้งจอก เหลือแต่เพียงมกุฎราชกุมารที่ยังคงทำหน้าที่ของราชวงศ์ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
ความสัมพันธ์ระหว่างแดนหิมะและแดนสุริยานั้นดำเนินไปได้ด้วยดี โดยเฉพาะราชาอพอลโลที่หมั่นแวะเวียนมาหาเจ้าชายฟรอสต์อยู่บ่อยครั้งยามว่างจากราชกิจ ทุกๆ สุดสัปดาห์จะเดินทางลุยหิมะมาโดยใช้พลังไฟนิรันดร์ละลาย ราชาสโนว์ฟิเลียเข้าอกเข้าใจดีว่าทั้งสองค่อนข้างสนิทกันจึงวางใจให้ได้พูดคุยตามลำพังแม้แต่ในเรื่องการทูตก็ตาม และในบางคราที่ราชาทั้งสองได้สนทนาบางเรื่องด้วยกันโดยปกปิดเป็นความลับจากโอรสองค์โต
ทว่าครานี้กลับประหลาดที่ราชาแห่งแฟลร์รูจนั้นไม่ได้มาหาดังเคย กลับส่งจดหมายมาแทน เป็นซองการ์ดสีชมพูอ่อนที่อบกลิ่นกุหลาบหอมหวลชวนให้นึกงานมงคลสมรส จ่าหน้าถึงผู้รับอย่างเจาะจง
เรียนเชิญ เจ้าชายฟรอสต์ มกุฎราชกุมารแห่งสโนว์ฟิเลีย แดนหิมะ
มือขาวจัดสั่นระริกเมื่อต้องเปิดซองออกเพื่อดูเนื้อหาด้านใน เขาค่อยๆไล่เรียงสายตาไปตามตัวอักษรด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะด้วยความตื่นเต้น
สำนักพระราชวังแห่งราชอาณาจักรแฟลร์รูจ
มีความยินดีขอเรียนเชิญเพื่อเป็นเกียรติในพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส ระหว่าง
ราชาอพอลโลแห่งแฟลร์รูจ และ เจ้าหญิงแห่งทรอยแมร์
ณ พระราชวังกลาง อาณาจักรแฟลร์รูจ แดนสุริยา
วันที่ 25 เดือนดารา เวลา 10.00 น.
“ราชาภิเษกสมรส...” เสียงทุ้มเอ่ยพึมพำแผ่วเบา กระดาษหอมเนื้อดีในมือปลิวตกพื้น ฟรอสต์ทิ้งร่างลงนั่งเก้าอี้อย่างหมดเรี่ยวแรง “วันที่ยี่สิบห้า...พรุ่งนี้...?”
ราวกับถูกใครบางคนเอามือบีบหัวใจน้ำแข็งจนแตกร้าว ขอบตาร้อนผ่าวจนไม่อาจรั้งหยาดน้ำให้ย้อนกลับ ความเสียใจเข้ามาในหัวเป็นอย่างแรก ต่อมาคือความโกรธเคือง ทว่าก็เข้าใจถึงการแต่งงานของราชวงศ์แฟลร์รูจคนสุดท้ายเพื่อให้มีทายาทสืบราชสัตติวงศ์ แต่สิ่งที่เขาไม่เข้าใจคือทำไมไม่เคยบอกเขาว่าจะแต่งงาน แล้วยังมาบอกเอาวันก่อนถึงพิธีเพียงแค่วันเดียว
ฟรอสต์ยกแขนขึ้นกอดตนเองและปล่อยให้น้ำเนตรหลั่งรินอย่างเงียบๆ ไม่มีการสะอื้นหรือส่งเสียงใดๆ เบื้องหลังประตูห้องของเขาที่ถูกแง้มอยู่ปรากฏร่างของราชาและราชินีเฝ้ามองราชโอรสด้วยแววตาห่วงใย
เมื่อถึงวันสำคัญ เจ้าชายลำดับที่หนึ่งแห่งราชวงศ์หิมะก้าวลงจากรถม้าอย่างองอาจและมีสีหน้าเรียบเฉย ฉลองพระองค์สีครีมขลิบขอบทองพิสุทธิ์ดูหรูหราเลอค่า เสื้อเชิ้ตและรองเท้าบู้ตสีดำดูสุภาพและลึกลับในที เส้นผมสีเงินที่ถูกจัดแต่งทรงปัดด้านข้างเป็นอย่างดีเสริมให้ดูสง่างามสมเป็นราชวงศ์อันสูงส่ง เดินเคียงข้างกับน้องชายทั้งสองที่มาพร้อมกัน
งานมงคลของคนรัก เขาต้องแต่งตัวงดงามเพื่อเป็นเกียรติอย่างสูงสุด...
แม้ว่าจะต้องเก็บซ่อนความเจ็บปวดไว้ในใจ ใบหน้าของเขาก็ฉาบด้วยความเยือกเย็นดุจน้ำแข็งและหิมะดังเช่นเหมันตฤดู
บรรดาแขกที่ได้รับเชิญเข้าร่วมนั้นมีไม่มากนัก ส่วนใหญ่เป็นเชื้อพระวงศ์และราชนิกุลจากราชวงศ์ต่างๆในโลกแห่งความฝัน รวมทั้งพระสหายของเจ้าบ่าวเจ้าสาว ฟรอสต์ได้เห็นคนที่คุ้นเคยและรู้จักกันอยู่บ้างจึงได้เข้าไปทักทายพูดคุยก่อนที่พิธีการจะเริ่ม
จนกระทั่งถึงเวลาอันเหมาะสม เจ้าบ่าวเป็นฝ่ายเริ่มเข้ามาในห้องโถงพิธีก่อน เส้มผมสีเพลิงถูกแสกเสยขึ้นสูงและปรกตรงหางคิ้วข้างซ้ายเล็กน้อย ดูสง่าและองอาจราวกับราชสีห์ ชุดสีครีมสะอาดตาขลิบขอบสีทองและคาดเข็มขัดที่ประดับอัญมณีสีแดงก่ำ บนบ่ากว้างมีเสื้อคลุมประดับขนนกและตรารูปสิงโต บนอกซ้ายประดับดอกกุหลาบสีโอลด์โรส โยงประดับชุดด้วยเชือกสีดำดูน่าเกรงขาม มงกุฎสีทองประดับโกเมนสีชาดสะท้อนประกายเมื่อต้องแสงไฟ เวลานี้ไม่มีผู้ใดจรัสแสงยิ่งกว่าราชาแฟลร์รูจ
อพอลโลเดินตรงมายังหน้าแท่นพิธีโดยไม่มองรอบข้าง เชิดหน้ามองตรงตลอดเพื่อตั้งสมาธิกับพิธีการสำคัญ และไม่รอช้าก็ปรากฏร่างของหญิงสาวในชุดราตรีสีขาวบริสุทธิ์และชายหนุ่มร่างสูงผมสีน้ำตาลในชุดสูทสีดำอย่างสุภาพ ก้าวเดินจากประตูมายังตามทางเดินเพื่อไปยังแท่นพิธี ดวงตาสีตะวันจับจ้องไปที่เจ้าสาวอย่างไม่วางตา ทว่าก็หาได้แย้มโอษฐ์อย่างปรกติ
พิธีการดำเนินไปอย่างเชื่องช้าจนฟรอสต์ชักจะหงุดหงิด เขาอยากให้พิธีนั้นเสร็จๆ ไปเสียจะได้กลับอาณาจักรของตน ไม่ต้องทนมองคนรักของตนแต่งงานกับคนอื่นให้เจ็บช้ำระกำใจ
“หากมีผู้ใดที่ต้องการคัดค้านพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสครั้งนี้ โปรดสำแดงตน...”
ศาสนาจารย์เอ่ยถามธรรมเนียมพิธีทางศาสนา ทั้งห้องโถงนั้นเงียบกริบไม่มีผู้ใดเอ่ยค้าน ทว่าทุกสายตากลับจดจ้องไปยังร่างของบุรุษผู้หนึ่งที่ลุกขึ้นยืนทันทีหลังจบประโยคนั้น
“พี่ฟรอ...” น้องชายคนเล็กของราชวงศ์หิมะมองพี่ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ อย่างไม่กะพริบตา
“พี่...ทำอะไรน่ะ!?” น้องชายรองเบิกตากว้างและรีบสะกิดให้พี่คนโตนั่งลง ทว่าดูเหมือนคนที่ยืนขึ้นจะไม่รู้สึกตัวเลยแม้แต่น้อย
“เอ่อ...เจ้าชายฟรอสต์...” ศาสนาจารย์เอ่ยท้วงเมื่อเห็นฟรอสต์แสดงตนคัดค้าน
ดวงตาสีทับทิมกะพริบถี่เมื่อรู้สึกตัวว่าตนทำอะไรลงไป เขาหรี่ดวงตามองรอบข้างก่อนจะสูดลมหายใจและเม้มริมฝีปากแน่น ขายาวๆ ก้าวออกมายังหน้าแท่นพิธี
“ฉันขอคัดค้านพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสครั้งนี้” ฟรอสต์เอ่ยเสียงดังฟังชัดเมื่อได้ตัดสินใจลงไปแล้ว “พระราชพิธีนี้ไม่ควรเกิดขึ้น ฉันขอคัดค้าน!”
อาคันตุกะในห้องโถงต่างก็ส่งเสียงฮือฮาเมื่อเห็นฉากที่คล้ายกับในละครหลังข่าว แววตาของเจ้าชายหิมะนั้นทิ่มแทงเจ้าสาวที่ยืนปั้นหน้าไม่ถูก ทว่าดวงตาสีตะวันกลับฉาบไปด้วยความนิ่งเฉยเมื่อมองมายังคนรักของตน ไม่แสดงท่าทีโกรธหรือโมโหที่ฟรอสต์เข้ามาทำลายงานมงคล
“แก ดำเนินพิธีต่อ” สิ้นเสียงอันเด็ดขาดของราชา นักบวชก็รีบร้อนเปิดหนังสือและทำพิธีต่ออย่างไม่เข้มงวดนัก ด้วยที่ราชาองค์นี้มิได้นับถือศาสนาใด กระทำไปเพื่อรักษาธรรมเนียมราชวงศ์มิให้สูญหาย
“อพอลโล” ฟรอสต์เรียกชื่อของคนรักด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ทว่าบรรยากาศของงานกลับดูสดใสมากขึ้นเมื่อแขกนั้นแย้มยิ้มให้ เจ้าหญิงแห่งทรอยแมร์ก็เดินไปนั่งที่เก้าอี้อย่างสงบเรียบร้อย
ยังไม่ทันจะได้เอ่ยถามคำใด ม่านเจ้าสาวตาข่ายสีขาวก็ปรากฏออกมาสวมบนศีรษะพร้อมกับมงกุฎดอกไม้ ประกายละอองดาวที่รายล้อมระยิบระยับทำให้รู้ว่าใครเป็นคนนิรมิตออกมา ชายหนุ่มผมสีเงินยืนเหลอหลาอยู่หน้าแท่นพิธีด้วยสีหน้าสับสน ทว่าก็กลับยืนดำเนินพิธีคู่กับอพอลโลต่อไปอย่างไม่เข้าใจตนเอง
“ขอเทพเจ้าเสกแหวนสองวงนี้ซึ่งท่านทั้งสองจะสวมให้แก่กันและกัน เพื่อเป็นเครื่องหมายแสดงความรักและซื่อสัตย์”
พลันเกิดกล่องกำมะหยี่สีแดงขึ้นกลางอากาศด้วยอำนาจของเจ้าชายแห่งมีเทียร์เวล มือของอพอลโลคว้าเอากล่องนั้นและเปิดออก มีแหวนเรียบหรูสีเงินประดับมณีแดงวางอยู่ภายในคู่หนึ่งด้วยขนาดที่ใกล้เคียงกัน ราชาผมสีเพลิงหยิบแหวนวงหนึ่งออกมาก่อนจะถอดถุงมือของฟรอสต์ออกแล้วสวมให้โดยไม่พูดอะไร และเมื่อถึงคราวที่ฟรอสต์ต้องสวมแหวนให้ เขากลับมือสั่นและเงอะงะจนเกือบจะทำแหวนร่วง
“หึ...” ได้ยินเพียงเสียงหัวเราะในลำคออย่างหฤหรรษ์ของคนตรงหน้า
“ขอเชิญเจ้าบ่าวเจ้าสาวจูบสาบาน...”
หมับ...
ปลายนิ้วเย็นๆ ตะปบริมฝีปากของราชาอพอลโลไว้ก่อนที่ใบหน้าคมคายจะเลื่อนเข้ามาใกล้ ฟรอสต์มองไปรอบกายและรู้สึกถึงความผิดปกติที่ควรจะมีคนแสดงความไม่พอใจที่เขามาเข้าร่วมพิธีแทนเจ้าหญิงแห่งทรอยแมร์ ทว่าใบหน้าของแขกผู้ร่วมงานกลับเต็มไปด้วยความปลื้มปีติยินดี ลูกแก้วสีทับทิมเลื่อนกลับมามองเนตรสีรพีที่วาวระยับราวกับจะหยอกล้อ
อพอลโลหยีดวงตาลงอย่างซุกซนก่อนจะรวบฝ่ามือที่ปิดปากเขาไว้ ค่อยๆ เปิดม่านสีขาวที่บดบังความงดงามน่าหลงใหลนั้นอย่างเบามือ
“ทุกอย่างจะเรียบร้อย” ชายหนุ่มเอ่ยเพียงแค่นั้นก่อนจะประทับริมฝีปากลงบนความนุ่มนิ่มหอมหวานที่เขาหลงรัก
ตามมาด้วยเสียงปรบมืออันดังกึกก้องในห้องโถงพิธี ผู้ร่วมงานทุกคนต่างยืนขึ้นและปรบมือแสดงความยินดีให้แก่คู่สมรสคู่ใหม่ และเมื่อริมฝีปากร้อนผละจากไป นักบวชก็ได้ประกาศรับรองให้ทั้งสองเป็นคู่ชีวิตกันอย่างสมบูรณ์
งานเลี้ยงฉลองมงคลสมรสจัดขึ้นในช่วงเวลาเย็นของวันนั้น หลังเสร็จพิธีช่วงเช้าฟรอสต์ได้โวยวายและต่อว่าอพอลโลต่างๆ นานาโดยหาว่าเขาหลอกให้ฟรอสต์มาเป็นเจ้าสาว แต่อพอลโลกลับปฏิเสธ เพราะเขาส่งจดหมายเชิญให้แก่ทุกคนว่าจะแต่งงานกับเจ้าหญิงแห่งทรอยแมร์ และวางแผนมาหลายเดือนก่อนที่จะมีพระราชพิธีราชาภิเษกเสียอีก
‘ก็คงมีคนซ้อนแผนฉันอีกทีน่ะ ฉันก็ไม่รู้ว่านายจะลุกขึ้นคัดค้าน แต่ก็ไม่เกินความคาดหมายสักเท่าไหร่’
ราชาอพอลโลกล่าวกับคนรักไว้เท่านั้นก่อนจะเดินไปขอบคุณเพื่อนของเขาที่ช่วยแก้สถานการณ์ด้วยการเสกอุปกรณ์ประกอบงานแต่งให้สมบูรณ์แม้ว่าจะไม่ได้ตระเตรียมไว้
ฟรอสต์ได้มารู้ทีหลังว่าราชาและราชินีของสโนว์ฟิเลียได้วางแผนกับเจ้าหญิงแห่งทรอยแมร์เรื่องจะสับเปลี่ยนตัวเจ้าสาวกลางงาน และผู้เป็นมารดาก็ทราบดีว่าฟรอสต์จะต้องลุกขึ้นคัดค้านอย่างแน่นอนเพราะอารมณ์จากจดหมายหลอกที่ส่งไปให้ ด้วยอพอลโลไม่ได้เชิญฟรอสต์มาอย่างเจาะจงและส่งจดหมายเชิญมาล่วงหน้าแล้วเกือบเดือนแต่ทุกคนปกปิดไว้เพราะไม่อยากให้ฟรอสต์นั้นต้องเสียใจ
“รวมหัวกันหลอกฉัน!” มือขาวกระแทกแก้วเหล้าลงกับโต๊ะอย่างฉุนเฉียว
หลังจากงานเลี้ยงฉลองที่เจ้าสาวไม่มีอารมณ์จะฉลองด้วย ภายในงานนั้นฟรอสต์เอาแต่ดื่มแชมเปญในงานและพูดคุยกับเจ้าชายที่ค่อนข้างสนิทกันเท่านั้น ทว่าทุกคนก็ไม่ได้ถือสาอะไรเพราะเซอร์ไพรส์กันหมดแม้กระทั่งตัวเจ้าบ่าวเอง เมื่ออพอลโลเริ่มเห็นว่าคู่สมรสของตนเริ่มมีสีหน้าที่เหม่อลอยและแก้มแดงระเรื่อ ก็ได้กล่าวของตัวพาคนรักของตนไปพักผ่อนก่อน งานเลี้ยงจึงได้เลิกราไปแม้ว่าจะยังไม่ถึงกำหนดปิดงานก็ตาม
“อย่าเหมารวมฉันด้วยสิ” ราชาที่ว่ายิ่งใหญ่ที่สุดในดินแดนถอนหายใจพลางรินวิสกี้ลงในแก้วทรงเตี้ย ก่อนที่คนสวยของเขาจะยกกระดกอีกอย่างไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม “ดื่มมากไปแล้วนะ ฉันไม่เคยเห็นนายเมาขนาดนี้มาก่อนเลย”
“นายทำให้ฉันเสียใจ!”
“ฉันรู้”
“ฉันเสียใจ...”
“ฉันขอโทษ...”
“ทำไมนายไม่บอกฉัน ฉันไม่ได้รังเกียจที่นายจะมีลูกตามหน้าที่นะ!”
“ฟรอสต์...”
“นายมีความลับกับฉันได้ยังไง! เราเป็นคนรักกันไม่ใช่เหรอ!?”
“ฉันขอโทษ” ถอนหายใจครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ของวันพลางรินวิสกี้ให้อีกฝ่าย แล้วรินใส่แก้วของตนจิบเองบ้างเพื่อดื่มเป็นเพื่อนคนตรงหน้า ถึงอีกฝ่ายจะเมาแต่สามารถครองสติมาว่าเขาได้ฉอดๆ ผิดกับวิสัยเดิมที่จะเงียบขรึมว่านี้
“ร้อน! หน้าหนาวแท้ๆ!” ฟรอสต์ถอดเสื้อของตนออกก่อนจะปาใส่หน้าอีกคน
อพอลโลขอแก้ความคิดตนที่ว่าฟรอสต์ยังครองสติได้ เขาว่าคนสวยของเขาต้องเมาจนไม่สามารถควบคุมตนเองได้แล้ว แชมเปญหมดไปไม่รู้กี่ขวดคนเดียว รวมทั้งวิสกี้ขวดใหญ่ที่มาดื่มต่อในห้องเพื่อมาด่าเขาอีก แม้ว่าเขาและฟรอสต์มั่นใจว่าตนคอแข็ง แต่ด้วยเป็นเครื่องดื่มที่ถูกปากจึงไม่ได้เมาง่ายเหมือนคราวที่ดื่มสาเกอย่างตอนที่พบกันที่อาณาจักรคุโย การที่เจ้าชายหิมะเมามายได้ถึงขนาดนี้แสดงว่าต้องดื่มไปจำนวนมากอย่างแน่นอน
“ท่าทางคลังไวน์หลวงคงร่อยหรอเพราะนายคนเดียว” พอเห็นว่าอีกคนนิ่งไปแล้ว อพอลโลก็อุ้มร่างสูงใหญ่พอกันไปวางที่เตียงอย่างเบามือ
ชุดทางการของสโนว์ฟิเลียดูท่าจะอึดอัดไม่น้อย เจ้าของเรือนผมสีเพลิงก็จัดการผลัดเปลี่ยนให้ใส่ชุดนอนของตนให้ ใบหน้างดงามที่หลับไปดูไร้เดียงสาน่าเอ็นดู มืออุ่นๆ สัมผัสแก้มนวลที่แดงระเรื่อเพราะพิษสุราอย่างเบามือ คนหลับเอียงหน้าเข้าหาความอบอุ่นนั้นก่อนจะปรือดวงตาหวานฉ่ำมามอง
“...ให้สมกับสิบห้าปี” เสียงหวานพึมพำเบาๆ “โกหกรึไงถึงได้ไปแต่งงานกับคนอื่น...”
ดวงตาสีตะวันเบิกกว้างกับคำพูดนั้น อพอลโลผุดยิ้มหมองที่มุมปากก่อนจะโน้มใบหน้าลงไปจุมพิตที่หน้าผากมนเบาๆ
“นาย...แต่งงานกับฉันแล้ว” น้ำตาไหลออกมาจากอัญมณีงดงาม “นายก็มีทายาทไม่ได้ และฉันไม่อนุญาตให้นายมีสนม...”
“เรื่องนั้น...” คนฟังสูดลมหายใจเข้าลึก แต่ยังไม่ทันจะได้ตอบอะไรมือเรียวก็กระชากคอเสื้อเขาลงมาจูบอย่างดูดดื่ม รสวิสกี้ที่ติดริมฝีปากขมปร่าถูกถ่ายทอดส่งผ่านปลายลิ้นให้รสละมุนผสมร้อนแรง
“นายคิดดีแล้วเหรอ?”
“ฉันรักนาย ฟรอสต์” อพอลโลจูบย้ำที่ริมฝีปากบาง “ฉันดีใจที่นายเข้าใจเรื่องที่ฉันจะแต่งงานเพื่อสืบทายาท และฉันขอโทษที่ไม่ปรึกษาเรื่องนี้กับนาย”
“ฮึ่ย...” ฟรอสต์พ่นลมหายใจอย่างหัวเสีย
“ฉันต้องขอโทษนายอีกกี่ครั้งนายถึงจะหายโกรธ?” ร่างกำยำขึ้นคร่อมทาบทับร่างที่นอนสบายอยู่บนเตียง มือเรียวนั้นยกขึ้นมาชูสิบนิ้ว “สิบครั้ง?”
“ไม่ได้หมายถึงให้ขอโทษ...” ดวงตาสีแดงหรี่ลงอย่างยั่วยวน ปลายนิ้วเล่นซนกับปากสีพีชอ่อนของคนด้านบน
“หมายถึงให้มีลูกกับนายสิบคน?” ราชสีห์หนุ่มยิ้มกริ่มมุมปาก
“มะ...” เมื่อความหมายถึงตีไปเกินความคาดหมาย คนด้านใต้ก็รีบส่ายหน้าทันที
“นี่...รู้ไหมว่าคนเราไม่ได้มีเพศสัมพันธ์กันเพียงครั้งสองครั้งแล้วจะติดเลย” มืออุ่นช้อนใต้สะโพกแน่นแล้วยกขึ้นมาให้วางทับหน้าขาของตน ท่วงท่าน่าอายทำให้คนข้างใต้ใจสั่นระรัว
“ดะ–เดี๋ยว...” ฟรอสต์หน้าแดงไปถึงใบหู ครั้นจะห้ามก็ถูกจุมพิตที่ข้อเท้าให้รู้สึกประหลาดวาบหวามจนเผลอกัดริมฝีปาก
“ฉันอุตส่าห์จะไม่ฉวยโอกาสตอนนายเมา...” มือซุกซนดึงรั้งกางเกงนอนที่เพิ่งเปลี่ยนให้ออกให้พ้นจากท่อนขาขาว กัดขบน่องเรียวอย่างมันเขี้ยว ทิ้งร่องรอยรักขึ้นไปจนถึงโคนขาอ่อน
“อะ–อพอลโล...” มือเรียวยกขึ้นปิดใบหน้าของตนด้วยความอับอาย หากว่าต้องการให้อีกฝ่ายสัมผัสจึงไม่เอ่ยห้าม
“เป็นราชินีของฉันแล้ว...ยังต้องอายอะไรอีก?” อพอลโลจูบหลังมือที่แดงพอๆ กับใบหน้าอย่างเอ็นดู
ไม่รอช้าให้อีกคนได้หายเคอะเขิน ราชาแห่งแฟลร์รูจก็มอบสัมผัสอันอ่อนโยนให้ร่างข้างใต้ในบทเพลงแรก ให้ได้คุ้นชินกับความสุขอันอ่อนหวาน
อุปกรณ์อำนวยความสะดวกถูกตระเตรียมไว้อย่างไม่ขาด สารหล่อลื่นสอดแทรกเข้าไปพร้อมกับนิ้วยาวๆ ขยับนวดคลึงและผ่อนปรนไม่เร่งเร้า เมื่อเสียงครางกระเส่าเริ่มส่งเสียงเรียกชื่อร่างเบื้องบนอย่างขาดห้วง กายแกร่งก็รู้หน้าที่ ขยับเบียดเข้าไปแทนที่นิ้วด้านใน ความอุ่นร้อนในร่างของคนเมืองหนาวชักชวนให้ทำอย่างละมุนละไม มือหนารั้งสะโพกแคบให้เข้ามุมดี กดร่างตนเข้าหาอย่างเชื่องช้าและนุ่มนวล เสียงครวญหวานสำราญรื่นหูนัก อพอลโลไม่อยากหยุดเลย
จนกระทั่งที่ทั้งสองคนเริ่มเร่าร้อนด้วยฤทธิ์สุราอีกครั้ง ฟรอสต์กล่าวอ้อนวอนขอเร่งจังหวะ ด้วยทุกทีที่ราชาแห่งแฟลร์รูจมักทำรุนแรง ทว่าถึงใจมกุฎราชกุมารแห่งสโนว์ฟิเลีย ดังนั้นความอ่อนโยนจึงเป็นสิ่งที่ไม่คุ้นชินนัก ความเมามายทั้งกลิ่นอายความรักและความผูกพัน ทำให้ทั้งสองเร่งเร้าจังหวะสอดประสานกันและกันให้ไปจนถึงฝั่งฝัน และเมื่อเสร็จสมแล้ว ร่างข้างใต้ก็ได้ผล็อยหลับไปอย่างเหนื่อยอ่อน
อพอลโลจัดการที่นอนที่ยับยู่ยี่แล้วห่มผ้าให้คนรักของตน สายตาของเขาเหลือบไปมองเห็นของบนโต๊ะที่หัวเตียงก็ผุดยิ้มมุมปาก
“ไอ้ของงมงายนี่...จะลองเชื่อดูสักครั้งก็แล้วกัน” ชายหนุ่มหยิบเอาโหลแก้วที่บรรจุดาวตกของชแตร์ออกมา เขาได้อธิษฐานบางอย่างในใจก่อนจะเปิดฝาให้สิ่งนั้นได้ลอยออกไปจากขวดอย่างอิสระ
จากนั้นจึงกลับไปนอนด้วยความเหนื่อยล้าหลังจากที่ต้องดูแลคนรักที่โวยวายทั้งวัน ตระกองกอดเจ้าชายหิมะที่เมาหลับไปด้วยความรักใคร่อย่างสุดหัวใจ แม้ว่าเมื่อตื่นเช้ามาจะต้องส่งอีกฝ่ายกลับดินแดนไปเพื่อสะสางงานให้เรียบร้อยจนกว่าจะได้เวลาดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ด้วยกันอีกครั้งก็ตาม
แสงสีขาวเปล่งประกายระยิบระยับล่องลอยไปบนฟากฟ้ายามค่ำคืน ดาวดวงน้อยคืนย้อนกลับถิ่นที่เคยมาและกลับไปหาเจ้าของเดิม แสงประกายที่ดวงเล็กหอบเอาความหวังและความปรารถนาจากก้นบึ้งของจิตใจอันซับซ้อนของมนุษย์ค่อยๆ วางตัวลงสู่มือเรียวขาวบอบบาง
“ถึงเวลาที่ผมจะทำให้ความปรารถนาของนายเป็นจริงแล้วสินะ”
เจ้าของมือแย้มยิ้มก่อนจะกอบกำดวงดาวเอาไว้อย่างทะนุถนอม พลันแสงสีขาวจากบรรดาดวงดาวที่รายล้อมกายก็ห้อมล้อมมืองดงามที่ประคองความหวังและเปล่งแสงเจิดจ้าจนแสบตา เมื่อแสงสว่างนั้นจากลงก็ปรากฏสองสิ่งที่กำลังหลับใหล สิ่งนั้นลอยกลับไปหาเจ้าของคำอธิษฐาน
คนบนฟ้าได้แต่คาดหวังให้อีกคนได้ประหลาดใจและมีความสุขกับสิ่งตอบแทนจากเขา
- จบ -
Comments (0)