19 ตอน Epilogue (บทส่งท้าย)
โดย ‘Umbrella’
ห้าปีผ่านไป...
อาณาจักรสโนว์ฟิเลีย แดนหิมะ เดือนเงา
หลังจากที่อภิเษกสมรสกับราชาอพอลโลเมื่ออายุยี่สิบหก ปีนี้เป็นปีที่ฟรอสต์อายุครบสามสิบเอ็ดปีพอดี ราชาสโนว์ฟิเลียได้สละราชบัลลังก์ให้มกุฎราชกุมารได้ขึ้นครองราชย์แทนในวันคล้ายวันเกิดพอดี และพระราชพิธีราชาภิเษกได้จัดขึ้นในอีกหนึ่งเดือนถัดมา
พระราชพิธีจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่โดยมีเหล่าราชวงศ์เข้าร่วมจำนวนมาก หนึ่งในนั้นคือราชาแห่งแฟลร์รูจผู้เป็นคู่สมรสด้วยนั่นเอง
“ไม่ได้พบกันตั้งหลายเดือนเลยนะ” ร่างสูงสง่าผมสีเพลิงเด่นประดับมงกุฎราชาก้าวเข้ามาทักทายหลังเสร็จสิ้นพิธี ก่อนหน้านี้ได้ทักทายกันตามธรรมเนียมแล้วแต่ยังไม่ได้พูดคุยเป็นการส่วนตัวเลย
“อืม นายเองก็ดูโทรมไปเยอะเลยนะ ที่แฟลร์รูจยุ่งมากหรือ?” เนตรสีทับทิมมองสบใบหน้าคมคายที่ซูบผอมลงอย่างเห็นได้ชัด
“ก็มีเรื่องใหญ่ที่ต้องจัดการน่ะ” มืออุ่นๆ จับมือเรียวขาวจัดขึ้นมาจุมพิตเบาๆ “คิดถึงนายจัง”
“มาพูดอะไรตรงนี้เล่า...” ใบหน้างดงามแดงระเรื่อเมื่อเหล่สายตามองเบื้องหลังก็พบว่าพระราชบิดาและพระราชมารดายังยืนมองอยู่ แม้ว่าแขกเหรื่อจำนวนมากจะได้ไปรอที่ห้องรับรองฉลองเลี้ยงแล้วก็ยังมีบางส่วนที่ชื่นชมห้องโถงพิธีราชาภิเษกอยู่
“หึ จะอายอะไรอีก เราแต่งงานกันมาตั้งห้าปีแล้วนะ”
“แต่นายก็ไม่ควรทำต่อหน้าพ่อแม่ฉัน หัดเกรงใจเสียบ้าง!”
“ก็คนไม่ได้อยู่ด้วยกันนี่ แต่งงานกันทั้งทีแทนที่นายจะมาเป็นราชินีของฉันที่แฟลร์รูจ” ราชาผมทองอมแดงเอ่ยด้วยน้ำเสียเง้างอน แต่งงานกันมาตั้งหลายปีแล้วกลับต้องอยู่ห่างไกลกัน แม้แต่คืนหลังแต่งงานตื่นเช้ายังต้องมาส่งฟรอสต์กลับอาณาจักรเพื่อสะสางงานต่ออีก ทั้งสองเข้าใจถึงภาระหน้าที่ของราชวงศ์เป็นอย่างดีจึงไม่ได้รั้งตัวไว้นานเมื่อคราวที่อีกฝ่ายไปเยี่ยมเยียน
“ช่วยไม่ได้ พวกน้องชายไม่ได้เตรียมตัวมาเป็นราชา ถ้าไม่ใช่ฉันแล้วใครจะรับสืบทอดต่อจากพ่อล่ะ” ชายผมเงินขมวดคิ้วแล้วยกมือลูบแก้มอีกฝ่ายเบาๆ “แล้ว...เอ่อ เรื่องรัชทายาทของนายจะเอาอย่างไร? ถึงฉันไม่มีลูกแต่ฉันก็ยังมีชเนย์ แต่นาย...”
“หืม...อา พูดถึงเรื่องนั้น...” ชายหนุ่มผุดยิ้มหยอกเย้าขึ้นมาเมื่อนึกถึง “รอตรงนี้สักครู่”
ว่าแล้วอพอลโลก็เดินออกไปจากห้องเพื่อตามหาใครสักคน ก่อนจะเดินกลับมาพร้อมชแตร์และเด็กชายหญิงฝาแฝดวัยห้าขวบ ฟรอสต์หรี่ดวงตามองอย่างไม่ไว้ใจนัก ทว่าสีผมและสีตาของเด็กทั้งสองนั้นคล้ายคลึงกับราชาแห่งแฟลร์รูจอย่างไม่มีผิดเพี้ยน เขารู้สึกตกหลุมรักเด็กทั้งสองอย่างไม่มีเหตุผลแม้จะเป็นแรกพบ
“ขอแนะนำให้รู้จัก...เจ้าหญิงไดอาน่าและเจ้าชายดีเลียน” อพอลโลผายมือแนะนำเด็กๆ ทีละคน ฝาแฝดย่อตัวและโค้งคำนับตามมารยาทที่ถูกฝึกมาอย่างดี
“หม่อมฉันชื่อไดอาน่าเพคะ”
“กระหม่อมชื่อดีเลียนพระเจ้าข้า”
“ทั้งสองคนคือลูกๆ ของเรา” คนแนะนำยิ้มกว้างอย่างภาคภูมิใจ
“หา!?” ราชาแห่งสโนว์ฟิเลียคนปัจจุบันอุทานออกมาคำใหญ่ เด็กๆ ตกใจจนต้องรีบไปหลบอยู่ใต้ผ้าคลุมของผู้เป็นพ่อ
“นายนี่พูดให้มันเคลียร์ๆ หน่อยสิ ผมยังไม่อยากถูกแช่แข็งเอาตอนนี้หรอกนะ” ชแตร์ถอนหายใจให้กับความขี้แกล้งของเพื่อนสนิท
“อะไร...อย่างไร?” ฟรอสต์ขมวดคิ้วแล้วก้มลงมองเด็กทั้งสองที่ยืนตัวสั่นอยู่
“นายจำคืนที่เราแต่งงานกันได้ไหม?” อพอลโลเป็นฝ่ายพูดก่อน
“จำได้” ฟรอสต์ตอบในทันที...แม้ว่ามันจะน่าอายจะเขาไม่อยากจำนักก็เถอะ
“คืนนั้นน่ะ...ฉันขอพรกับดาวตกของชแตร์ พอหลังจากส่งนายกลับสโนว์ฟิเลียแล้วก็มาเจอเด็กสองคนนี้นอนร้องไห้อยู่บนเตียง” เจ้าของเรือนผมสีเพลิงย่อกายลงแล้วลูบผมสีเดียวกันอย่างทะนุถนอม
“แล้วทำไมนายไม่บอกฉัน!” อีกฝ่ายตะคอกใส่ด้วยความโมโห
“ทีแรกฉันก็ไม่รู้หรอก คิดว่าเป็นลูกของไดอาด้วยซ้ำก็เลยคิดจะบีบคอให้ตายซะตั้งแต่แรก” อพอลโลมองหน้าเด็กๆ แล้วหอมแก้มปลอบให้หายกลัว “แต่ชแตร์ก็โผล่มาห้ามไว้ก่อนแล้วบอกว่าเด็กทั้งสองคนเป็นลูกของฉันกับนาย”
“หา?” เนตรสีทับทิมเบิกกว้าง
“ก็แน่ล่ะ ผมใช้น้ำเชื้อของพวกนายมาผสานดีเอ็นเอเพื่อให้กำเนิดเด็กๆ พลังของผมลดไปกว่าครึ่งของนาฬิกาละอองดาวเลยนะ ดังนั้นพวกเขาเป็นลูกของพวกนายแน่นอน” ชแตร์เอ่ยยืนยันด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“นะ–น้ำเชื้อ!?” ฟรอสต์หน้าแดงจัด “ไปเอามาจากไหน!?”
“ก็คืนนั้นพวกนายมี–” มือร้อนๆ ยกขึ้นปิดปากคนกำลังพูดอยู่ทันที
“ทีแรกฉันไม่เชื่อหรอกว่าเจ้านี่จะเนรมิตได้ทุกอย่างแม้กระทั่งลูกให้คนอื่น แน่นอนว่าฉันก็ต้องรอจนกว่าเด็กๆ โตจะพอที่จะตรวจสอบอะไรหลายๆ อย่าง” อพอลโลยืนเต็มความสูงแล้วโอบไหล่เล็กๆ ของเด็กๆ เอาไว้ “แต่ก็พิสูจน์ได้แล้วว่าทั้งสองคนคือลูกของเราจริงๆ ฉันเลยพามาเปิดตัววันนี้”
“พิสูจน์อย่างไร?” ราชาผมเงินขมวดคิ้ว
“ฮัดชิ้ว!” จู่ๆเด็กทั้งสองก็จามออกมาพร้อมกันพร้อมกับละอองหิมะเกล็ดเล็กๆ ที่ตกลงมากลางอากาศ
“หืม หนาวเหรอ?” ชายหนุ่มผมสีสดเอาผ้าคลุมห่มให้ลูกๆอบอุ่น
“อืม เมื่อกี้สะดุดล้มใส่หิมะน่ะ” ชแตร์เอ่ยแล้วมองเด็กน้อยที่ตัวหนาวสั่น
“หา นี่นายดูแลลูกฉันยังไงน่ะ!” อพอลโลแยกเขี้ยวใส่เพื่อน
พรึ่บ!
“ป่าป๊าอย่าดุคุณอาชแตร์ฉิ!” เจ้าหญิงน้อยปล่อยลูกไฟใส่คนเป็นพ่อ ตามมาด้วยน้องชายที่พูดน้อยแต่ก็ทำตามพี่สาวฝาแฝดตลอด ผู้ครองพลังสร้างไฟที่อายุมากกว่าเพียงแค่สะบัดข้อมือ ลูกไฟดวงเล็กก็สลายไปโดยไม่ยังไม่ถึงตัว
“กล้าเถียงงั้นเหรอ?” เพียงแค่ดวงตาคมกริบปรายลงมอง ลูกๆ ก็ตัวสั่นแล้วไปหลบหลังชแตร์แทน “เฮ้อ ให้เป็นพ่อทูนหัวแต่ก็ตามใจเกินไปแล้วนะ”
“ก็ผมไม่เคยเลี้ยงเด็ก...” เจ้าชายแห่งมีเทียร์เวลย่นหัวคิ้วก่อนจะคุกเข่าลงแล้วปลอบเด็กๆ ส่วนอพอลโลก็เดินกลับไปหาฟรอสต์อีกครั้ง
“ลูกๆ ของเรา...” มืออุ่นจับมือของราชาหิมะขึ้นมาจูบอีกครั้ง “คราวนี้ทั้งแฟลร์รูจและสโนว์ฟิเลียก็จะได้ไม่มีปัญหาเรื่องรัชทายาทอีก”
“อืม...” ดูท่าทางคนสวยของเขาจะยังไม่หายงง อพอลโลจึงจุมพิตที่ริมฝีปากเรียวบางอย่างแผ่วเบา แก้มนวลแดงระเรื่อก่อนจะทำหน้าดุใส่เพื่อย้ำเตือนว่ายังมีพ่อและแม่ของเขาอยู่ในห้องนี้ด้วย ทว่าเมื่อเบนสายตาไปก็พบว่าคู่รักสูงวัยได้ตรงเข้าไปเล่นกับหนูน้อยทั้งสองแล้ว
“ยังมีเวลาให้อธิบายอีกนาน ก่อนอื่นนายไปทำความรู้จักกับลูกๆ หน่อยดีกว่า” แขนแกร่งโอบเอวสอบแล้วพาเดินมาหาเจ้าตัวเล็กที่กำลังตื่นตาตื่นใจกับพลังน้ำแข็งของอดีตราชาแห่งแดนหิมะ
ฟรอสต์ย่อกายลงแล้วมองหน้าเล็กๆ จิ้มลิ้มของเด็กทั้งสอง ลูกชายได้โครงหน้าของอพอลโลมาทั้งหมด ส่วนลูกสาวแม้ว่าจะมีสีผมสีตาเป็นสีเพลิงเหมือนผู้เป็นพ่อ ทว่าก็ดูงดงามผิวพรรณดีเหมือนราชวงศ์หิมะอย่างไม่ผิดเพี้ยน ทั้งพลังน้ำแข็งที่เผลอแสดงออกมายามจามยิ่งทำให้ฟรอสต์เอ็นดู
หมับ...
เจ้าของเรือนผมสีเงินโอบร่างน้อยๆ ทั้งสองเข้ามากอดแน่นด้วยความรู้สึกเต็มตื้น หากพอจะเข้าใจแล้วว่าความรู้สึกที่พระมารดาชอบกอดเขานั้นเป็นเพราะเหตุใด เพราะมีความสุขอย่างล้นปรี่จึงอยากแบ่งปันให้คนที่รักที่สุดได้รับไปด้วย
“คนนี้ไง หม่าม้าที่พูดถึง” จู่ๆ ก็มีเสียงกระซิบขัดความอิ่มเอิบของฟรอสต์
“หม่าม้า~” เสียงเล็กๆ เอ่ยพลางทำตาแป๋ว
“ไม่ใช่ ต้องเรียกป่าป๊าสิ” คนที่ถูกเรียกว่าหม่าม้ารีบแก้
“ก็มีป่าป๊าแย้ว ก็...ต้องเป็นหม่าม้า” เจ้าหญิงน้อยเอานิ้วชี้แตะปากของตนพลางเอียงคอคิด
“ก็ไม่เคยมีหม่าม้า...” แฝดคนน้องน้ำตาคลอแล้วร้องไห้ออกมาเป็นเกล็ดหิมะ “ฮึก...ฮือออออ!!”
“ดีเลียนย้องไห้ทำไม แงงงงงง!!!” พอเห็นน้องร้องไห้พี่สาวก็ร้องตาม ฟรอสต์ทำอะไรไม่ถูกจึงได้เออออตกลงไปก่อน
“มะ–หม่าม้าก็ได้!” เขารีบกอดร่างน้อยๆแล้วลูบหัวปลอบเบาๆ เกล็ดหิมะร่วงพราวลงเต็มชุดของราชาสโนว์ฟิเลีย
“มะ–หม่าม้า...”
“หม่าม้า...”
เด็กๆ เรียกฟรอสต์พลางสะอึกสะอื้น คนเป็นหม่าม้ารีบปาดเกล็ดหิมะออกจากใบหน้าจิ้มลิ้มนั้นเบาๆ เขาจูบแก้มนุ่มๆ อย่างเอ็นดูจนเด็กทั้งสองจั๊กจี้และหัวเราะออกมาแทน ความรู้สึกรักใคร่เริ่มก่อตัวขึ้นในใจจนไม่อาจบอกได้ว่าเกิดขึ้นเมื่อไร
“ฟรอสต์ ดูท่าว่าจะถึงเวลาที่ต้องไปเข้างานเลี้ยงฉลองแล้วล่ะ” อดีตราชินีเอ่ยกับลูกชาย
“ถึงเวลาแล้วสินะ” ฟรอสต์ผละออกมาจากอ้อมแขนเล็กๆ แล้ววางมือบนศีรษะสีเพลิงเบาๆ “เดี๋ยวต้องไปที่ห้องจัดเลี้ยงแล้วล่ะ ไดอาน่า ดีเลียน” เขาหันมายิ้มให้ลูกๆ
“อื้อ!”
“จะกินๆ”
เด็กแฝดจับมือกับแล้วเดินไปตามผู้สูงวัยทั้งสองที่เดินนำไปก่อนแล้ว ชแตร์ก็ขอตัวไปดูแลเด็กๆ ต่อเพราะรับปากไว้ว่าจะไม่ให้มากวนเวลาหวานแหววของสามีภรรยา
ส่วนราชาทั้งสองก็เดินจับมือกัน สบตากันอย่างลึกซึ้ง ก่อนที่จะหยุดเดินแล้วเอียงใบหน้าเข้าหากันอย่างเป็นธรรมชาติ ส่วนสูงที่ใกล้เคียงทำให้ไม่ต้องมีฝ่ายที่เสียเปรียบกว่า ริมฝีปากร้อนรุ่มประกบเรียวปากบาง มอบความหอมหวานและไออุ่นให้แก่กัน มือเย็นๆ ลูบแผงอกกำยำแล้วทาบทับตำแหน่งหัวใจ ดวงใจน้ำแข็งเต้นรับสอดประสานจังหวะถี่รัวในอกของราชาแห่งแฟลร์รูจ สิงคาลหิมะหลับตารับสัมผัสของอีกฝ่ายอย่างเต็มอิ่ม ราชสีห์เพลิงละความปรารถนาร้อนแรงของตนออกมา ใช้ฝ่ามือช้อนสร้อยเล็บสิงโตสีทองบนคออีกฝ่ายแล้วจุมพิตเบาๆ มองราชาแห่งสโนว์ฟิเลียและราชินีแห่งแฟลร์รูจด้วยดวงตาตะวันฉาย
คำรักสะท้อนในเนตรทั้งสอง แสงแห่งอนาคตเปล่งประกายยิ่งกว่าแหวนบนนิ้วนางของทั้งคู่ แสงสนธยาจากภายนอกเจิดจ้าราวกับเทพีแห่งความรักกำลังอวยพรให้ชีวิตคู่ดำเนินไปอย่างราบรื่น เงาที่ทอดยาวได้เอียงเข้าหากันอีกครั้งพร้อมดวงตาใส่แป๋วสองคู่ที่กำลังจับจ้องอย่างไม่วางตา
จบบริบูรณ์
Comments (0)