ในทะเลเลียบชายฝั่ง


 

เจมส์พายเรือคายัค ตะโกนร้องเรียกหาฮิโรชิ แต่ก็ไร้วี่แวว เขาพายเรือมาไกลมาก จนไม่เห็นรีสอร์ตแล้ว แต่ก็ยังพายต่อไป เจมส์คิดในใจว่าเขาจะไม่ยอมกลับ จนกว่าจะเจอฮิโรชิ


 

จนกระทั่งเขาเจอฮิโรชิ นั่งอยู่ที่หาดหนึ่งคนเดียว เขาดีใจมาก รีบพายเรือเข้าไปหา


 

“ฮิโรชิ นายโอเคมั้ย เรากลับกันเถอะ ป้าเป็นห่วงนายมากนะ” เจมส์ตะโกนเรียก


 

ฮิโรชิไม่ตอบ มองไปทางอื่น


 

“เกิดอะไรขึ้นน่ะ … มาเถอะ เดี๋ยวเราพายเรือไปรับ กลับด้วยกันนะ … ที่รัก” เจมส์พายเรือเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ


 

ฮิโรชิเริ่มสะอื้นร้องไห้ เจมส์รู้สึกสงสารจับใจ เขาเร่งพายเรือเข้าไปอีก แต่เรือไปชนหินโสโครกพลิกคว่ำ เจมส์ตกลงไปในทะเล ฮิโรชิเห็นเจมส์ตกน้ำก็นึกได้ว่าเขาไม่ได้ใส่เสื้อชูชีพ และเจมส์ว่ายน้ำได้แย่มาก ก็เลยรีบคลานลงทะเล แล้วว่ายน้ำไปช่วยดึงเจมส์ขึ้นมาที่หาด เจมส์นอนสำลักน้ำทะเลจนล้นออกมาจากปาก


 

“เรือ...เรือ…” เจมส์พูด


 

ฮิโรชิหันไปที่เรือ มันลอยคว่ำอยู่ เขากระโจนลงทะเลอีกครั้ง แล้วไปลากเรือเข้ามาที่ฝั่ง พอเจมส์ลุกขึ้นได้เขาก็ไปช่วยดึงเรือ แล้วก็ดึงฮิโรชิขึ้นมานั่งข้างๆกัน


 

“เกิดอะไรขึ้น ทำไมนายหนีมาแบบนี้” เจมส์ถาม


 

ฮิโรชิก้มหน้าพูด “นายคงอายที่จะคบเรา ถ้ารู้เรื่องนี้”


 

“พูดมาเถอะ” เจมส์บอก


 

“ป้าเพิ่งเล่าความจริงให้เราฟัง ว่าแม่เราโดนโลมาข่มขืน แล้วก็เกิดมาเป็นเรา” ฮิโรชิสรุปให้เขาฟังสั้นๆ “หลังจากนั้นแม่เราอายมาก เลยไปกระโดดรางรถไฟฆ่าตัวตาย”


 

เจมส์อึ้งไปนิดหนึ่ง แล้วก็เอามือลูบหัวฮิโรชิ


 

“เราไม่อายเลย” เจมส์บอก


 

“จริงเหรอ” ฮิโรชิแปลกใจ “ทั้งๆที่เราเกิดมาเพราะอย่างงี้เนี่ยนะ เรายังอายเลย”


 

“ฟังนะ … นายอาจจะเกิดมาจากด้านมืดของธรรมชาติ … แต่สิ่งที่นายเป็น คือความสิ่งที่ดีที่สุดที่ธรรมชาติมอบให้นะ เราไม่อายหรอก เราภูมิใจด้วยซ้ำ ที่ได้เป็นแฟนนาย” เจมส์ตอบ


 

“เราจะเป็นภาระให้นายนะ นายจะลำบากมากถ้าเป็นแฟนเรา” ฮิโรชิพูด


 

“ถ้านายไม่ใช่เงือก เมื่อกี๊เราคงจมน้ำตายไปแล้ว ตอนนี้เราเป็นหนี้ชีวิตนายด้วยซ้ำ” เจมส์ตอบ


 

“เราจะฝึกให้นายว่ายน้ำ นายก็ไม่ยอม” ฮิโรชิพูด


 

“ก็ถือซะว่าแลกกัน อยู่ในน้ำ นายเป็นหางให้เรา แต่ถ้าอยู่บนบก เราจะเป็นขาให้นายเอง ดีป่ะ” เจมส์พูด


 

ฮิโรชิพยักหน้า


 

“นายไม่มีอะไรต้องอาย นายพิสูจน์ตัวเองแล้ว แม่นายควรจะภูมิใจด้วยซ้ำที่มีคนรักนายมากขนาดนี้” เจมส์ให้กำลังใจ “อีกอย่าง เราสัญญากับป้าแล้ว ว่าเราจะไม่ทิ้งนาย และเราเป็นคนรักษาคำพูด เข้าใจป่าว”


 

ฮิโรชิพยักหน้า


 

“ป้าเหลือเวลาไม่มากแล้วนะเจมส์” ฮิโรชิพูด “ป้าเป็นมะเร็ง ใกล้จะไปแล้ว” 


 

“หา… มะเร็งที่ไหน” เจมส์ถาม


 

“ลำไส้” ฮิโรชิตอบ


 

“รักษาไม่ทันแล้วเหรอ” เจมส์ถามต่อ


 

ฮิโรชิก้มหัวส่ายหน้า เจมส์ดึงฮิโรชิเข้ามากอด


 

“มิน่า คุณป้าถึงมีกลิ่นแบบนั้น … เข้าใจแล้ว…” เจมส์พูด


 

เจมส์ถอยออกมานิดหนึ่ง เขาจับไหล่ฮิโรชิ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “หลังจากนี้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราจะดูแลนายจนกว่าเราจะตาย เข้าใจมั้ยฮิโรชิ”


 

“เราก็จะรักและดูแลนายให้ดีที่สุด เท่าที่เราจะทำได้เหมือนกันนะเจมส์” ฮิโรชิน้ำตาคลอด้วยความตื้นตัน


 

ฮิโรชิจับเจมส์ก้มลงจูบที่หาดทราย เหมือนหนังเรื่อง From Here To Eternity แต่คราวนี้เจมส์คือตัวจริง และเป็นความรู้สึกจริงๆของทั้งคู่


 

…………………….


 

ช่วงค่ำ เจมส์พายเรือคายัคกลับมาที่รีสอร์ท โดยมีฮิโรชิว่ายน้ำเอามือดันเรือจากด้านหลังให้มันเคลื่อนที่ไปได้อย่างรวดเร็ว ป้ามายูมิกับพี่แสงและคนที่รีสอร์ตยืนรออยู่ที่ริมหาด พอทั้งคู่ขึ้นถึงฝั่ง ป้าก็ร้องไห้วิ่งเข้าไปกอดฮิโรชิบนหาดทราย


 

“ป้าขอโทษ อย่าโกรธป้าเลยนะ” ป้าพูด


 

“ผมไม่โกรธป้าหรอกครับ ผมแค่ช็อค” ฮิโรชิตอบ


 

ป้าดีใจจนร้องไห้อีก


 

“ขอบคุณมากเจมส์ ขอบคุณมาก” ป้าพูดกับเจมส์


 

เจมส์ยิ้ม แล้วคืนเรือคายัคให้คนของรีสอร์ต จากนั้นก็อุ้มฮิโรชิขึ้นมา


 

“ไปล้างตัวกันดีกว่า ตัวนายมีแต่ทราย” เจมส์บอก


 

“ฝากด้วยนะเจมส์” ป้าพูด


 

โทรศัพท์ของป้ามายูมิดังขึ้น เธอรีบรับสาย


 

“สวัสดีค่ะหมอหลิว … คะ …. ยังไงนะคะ …. ค่ะ ทราบแล้วค่ะ” ป้ามายูมิพูดกับหมอหลิวในโทรศัพท์ เจมส์กับฮิโรชิเลยหยุดรอฟัง


 

ป้ามายูมิวางสาย แล้วก็หันมาบอกฮิโรชิด้วยสีหน้าเคร่งเครียด


 

“ฮิโรชิ … หมอหลิวโทรมา” ป้าพูด


 

“ครับ” ฮิโรชิที่โดนเจมส์อุ้มอยู่ตั้งใจฟัง


 

“ผลพิสูจน์มาแล้ว หนูไม่ผิดจ้ะ!” ป้าเปลี่ยนสีหน้าเป็นดีใจสุดขีด “เสียงหนูไม่มีผลอะไรกับคนที่ฆ่าตัวตายเลย!!!”


 

ทุกคนดีใจ ร้องเฮกันลั่นหาด


 

“ไปๆ รีบไปอาบน้ำ คืนนี้มาฉลองกันหน่อย” ป้าไล่ทั้งคู่ไปอาบน้ำ


 

เจมส์รีบอุ้มฮิโรชิไปเข้าห้องพักทันที


 

………………………………..


 

กลางคืน ป้ามายูมิจัดปาร์ตี้เล็กๆริมหาด มีไมค์คาราโอเกะจิ๋วๆเอามาร้องเพลงกัน ฮิโรชิเลยรับหน้าที่ร้องเพลงเอนเตอร์เทนทุกคน

[คลิกที่วิดีโอเพื่อฟังซาวด์แทรค]


 

Rescue me, I need you

Rescue me, I’ll hold you

Please don’t go away tonight

Rescue me, I love you

Rescue me, I’ll kiss you

Please be with me, hold me tight


 

ฉันอยู่ในห้วงฝันร้าย

เป็นจริงหรือว่าแค่คล้าย

ฉันไม่อาจจะแยกออกเลย

ฉันรู้แค่ว่าเธอนั้น

นอนอยู่ใกล้ๆกับฉัน

ถึงโดนปลุกให้ฉันตื่นเลย


 

แขนของเธอโอบฉันไว้ไม่ห่าง

ช่วยให้ฉันอุ่นใจ


 

Rescue me, I need you

Rescue me, I’ll hold you

Please don’t go away tonight

Rescue me, I love you

Rescue me, I’ll kiss you

Please be with me, hold me tight … love you.


 

พอร้องเพลงจบ เจมส์ก็โพล่งขึ้นมา


 

“ทุกคนๆ ข่าวออกแล้วครับ” เจมส์พูดเสียงดัง พร้อมกับอ่านข่าวในโทรศัพท์ “เดี๋ยวผมสรุปให้ ตำรวจไปเจอหลักฐานเป็นจดหมายลาตายที่แม่ของคนนั้นซ่อนไว้ครับ”


 

“เขียนว่าไง” ฮิโรชิถาม


 

เจมส์เงยหน้าขึ้น “อย่างที่เราทายไว้เลยอ่ะ ไอ้คนนั้นชอบนายตั้งแต่สมัยมัธยม แต่รู้สึกผิดที่ไปแกล้งนาย แล้วนายก็ไม่มองเค้าอีกเลย”


 

“ขออ่านหน่อย” ฮิโรชิขออ่านข่าว เจมส์ยื่นโทรศัพท์ให้


 

ฮิโรชิอ่านข่าวในใจเงียบๆ คนอื่นๆนั่งมองดู สักพักฮิโรชิก็คืนโทรศัพท์ให้เจมส์ แล้วก็นั่งถอนหายใจ


 

“สุดท้ายเราก็เป็นสาเหตุจริงๆ” ฮิโรชิพูดอย่างรู้สึกผิด เขาเอามือปิดหน้าแล้วก้มลง “ไม่ควรมีใครตายเพราะผมเลย”


 

ป้าจับมือฮิโรชิออกจากหน้า


 

“ฮิโรชิ เรื่องบางอย่างมันก็เกินที่เราจะควบคุม สิ่งที่หนูทำมาตลอดคือให้ความสุขคนอื่น แต่คนๆนี้น่ะ เขาตายเพราะความทุกข์ที่ตัวเองก่อขึ้น อย่าให้มันมาหยุดยั้งสิ่งที่หนูทำเลยนะ” ป้าให้คำแนะนำ


 

“ครับ” ฮิโรชิตอบเบาๆ


 

“แต่ก็มีข่าวดีนะครับ” เจมส์พูด


 

“อะไรจ๊ะ” ป้าถาม


 

“ตอนนี้คนแห่กันมาฟอล IG ของฮิโรชิ จนขึ้นหลักแสนแล้วครับ” เจมส์ปรบมือ


 

ป้ากับพี่แสงปรบมือดีใจ แต่ฮิโรชินั่งเงียบ


 

“มาฟอลกันเพราะแบบนี้ ผมไม่ดีใจเลยอ่ะ” ฮิโรชิพูด


 

“ดีแล้วลูก ดีกว่าไม่มีคนฟอล บางครั้งข่าวฉาวๆมันก็ทำให้คนรู้จักเรานะ ยิ่งคนรู้จักเยอะ เรายิ่งหากินได้ง่ายขึ้น” ป้ามายูมิบอก


 

“จริงๆนะครับ ยอดฟอลผมขึ้นเพราะมีคนตาย ผมไม่ได้ปลื้มมันเลย” ฮิโรชิตอบ


 

“นี่แหละจ้ะ ด้านมืดของวงการบันเทิง บางคนทำผลงานแทบตายก็ไม่เห็นจะดัง แต่พอมีข่าวเท่านั้นแหละ ดังเลย หนูต้องอยู่กับมันให้ได้นะ” ป้ามายูมิพูดจบแล้วก็กระดกเบียร์ “ไม่ร้องเพลงแล้วเหรอ”


 

“หมดอารมณ์แล้วครับ กินเบียร์ดีกว่า” ฮิโรชิตอบ


 

“คืนนี้เจมส์คงต้องปลอบกันหนักหน่อยนะ ป้าฝากด้วย” ป้าหันไปพูดกับเจมส์


 

“ครับ” เจมส์พูดเขินๆ


 

“ป้าก็อย่าเมามากนะครับ พรุ่งนี้ก็กลับกรุงเทพฯแล้ว” ฮิโรชิเตือน


 

“ไม่ต้องห่วงป้าหรอก ป้าไม่ใช่คนขับรถ” ป้าตอบ


 

“ทำตัวเป็นสาววัยรุ่นเลยนะครับ” ฮิโรชิแซวกลับ


 

“อายุป้าหยุดที่เลข 18” ป้าตอบ


 

ทุกคนหัวเราะชอบใจ


 

……………………….


 

บ้านบูรพาทิศ


 

รถของเจมส์วิ่งมาจอดที่หน้าบ้าน พี่แสงลงจากรถคนแรก ไปเอาวีลแชร์ลงจากกระโปรงท้ายมากาง เจมส์ลงมาช่วยอุ้มฮิโรชิขึ้นวีลแชร์ ฮิโรชิสังเกตุเห็นป้ายังหลับอยู่ที่เบาะหลัง


 

“ป้าเมาค้างหนักมากนะเนี่ย ตื่นครั้งสุดท้ายตอนแวะจุดพักรถป่ะพี่แสง” ฮิโรชิพูดกับพี่แสง


 

“ใช่ค่ะ” พี่แสงตอบ


 

“ปลุกป้าเถอะครับ ให้ไปนอนต่อในบ้าน ตื่นเมื่อไหร่จะพาไปหาหมอ” ฮิโรชิบอกพี่แสง


 

พี่แสงเดินไปเปิดประตูรถปลุกป้ามายูมิ


 

“คุณป้าคะ...ตื่นได้แล้วค่ะ...คุณป้าคะ” พี่แสงสะกิดปลุก แต่ป้าไม่ตื่น


 

พี่แสงเลยตีคุณป้าทีนึง “คุณป้าคะ”


 

พี่แสงเอามือจับแขนคุณป้า แล้วก็เอานิ้วจ่อจมูก


 

“คุณป้าไม่หายใจค่ะ!” พี่แสงตะโกนด้วยความตกใจ


 

ฮิโรชิรีบไถวีลแชร์ไปหาคุณป้า เขาพยายามจะปีนเข้าไปทำ CPR แต่เจมส์ห้ามไว้เพราะเขาเห็นแมลงวันบินมาตอมปากป้ามายูมิที่ซีดดำ


 

“ป้าน่าจะไปตั้งแต่เราอยู่บนถนนแล้วล่ะ” เจมส์พูด


 

ฮิโรชิระเบิดร้องไห้ เขาจับมือป้ามายูมิขึ้นมาแนบหน้าตัวเอง ส่วนเจมส์กับพี่แสงก็ร้องไห้ตามเช่นกัน


 

……………………….


 

ห้องประชุม Bang Factory


 

ลอร่านั่งอยู่ที่หัวโต๊ะ กับผู้บริหารที่เป็นหุ้นส่วนของค่ายอีก 2 คน กำลังประชุมด้วยบรรยากาศเคร่งเครียด ไก่เอากาแฟเข้ามาเสิร์ฟทีละคน


 

“พี่บอกตรงๆนะลอร่า พี่ว่าฮิโรชิไม่เวิร์ค” พี่แอน ผู้บริหารวัย 50 กว่าๆ พูดกับลอร่า


 

“ไม่เวิร์คยังไงคะ” ลอร่าถาม


 

“คืองี้ พี่ว่าน้องเค้าต่อยอดได้ยากอ่ะ ลองคิดดูนะ ตอนนี้เพลงปล่อยไปกี่เพลงกระแสก็ไม่มา เราลงทุนไปเยอะมากเลย พอเพลงไม่ดัง จะเอาไปเล่นหนังเล่นละครก็ไม่ได้อีก เพราะเป็นเงือก วงการบันเทิงมันจะทำหนังเงือกละครเงือกกี่เรื่องกันในรอบ 10 ปี มันเสี่ยงมากนะในแง่ธุรกิจ” พี่แอนอธิบาย


 

“แล้วเราขายความเกย์ไปอีก ยิ่งกลายเป็นนิชเช่มาร์เก็ตกันไปใหญ่” พี่ต้น ผู้บริหารวัย 60 พูดบ้าง


 

“แต่ตลาดนี้กำลังโตนะคะพี่” ลอร่าค้าน


 

“พี่รู้ว่ามันกำลังโต แต่เราเดบิวท์เค้ามาปีนึงแล้ว หมดเงินไปกี่ล้าน ยังไม่ได้ทุนคืนเลยนะ แล้วพออย่างที่แอนบอก เราเอาเค้าไปต่อยอดไม่ได้ แล้วยังไงดีล่ะ เราจะแบกรับความเสี่ยงกันต่อถึงเมื่อไหร่ลอร่า” พี่ต้นอธิบาย


 

“พี่คะ การปั้นศิลปินมันต้องใช้เวลาค่ะพี่ ปีนึงหนูว่าก็ตัดสินกันเร็วไปนะคะ” ลอร่าค้านอีก


 

“ใช่ แต่นั่นเป็นคนไง แต่นี่เงือก เราขายความแปลกได้แค่ช่วงเริ่มต้น ตอนนี้คนไม่รู้สึกถึงความแปลกแล้ว กราฟมันดิ่งลง สมมติมีใครซักคนอยากทำ The Little Merman มันจำเป็นมั้ยล่ะที่จะต้องใช้ฮิโรชิ ก็ไม่นะ เอานักแสดงที่ดังกว่ามาทำ CG ก็ได้” พี่แอนอธิบาย


 

“แล้วอิมเมจที่พี่เห็น ก็ยังไม่พ้นเอาคนพิการมาหากินอ่ะ ถึงเราจะพยายามเลี่ยงไม่ให้มีวีลแชร์บนเวที แต่อยู่ข้างนอก ไปออกรายการ ก็ยังต้องใช้อยู่ดี” พี่ต้นพูด


 

“เราให้โอกาสคนพิการทำมาหากิน มันก็ไม่ได้ผิดอะไรนี่คะ” ลอร่าพูด


 

“มันไม่ผิด แต่นี่มันวงการบันเทิง ลอร่า … พี่ทำธุรกิจ พี่ไม่ได้เปิดมูลนิธิสังคมสงเคราะห์” พี่ต้นพูด


 

“พี่ว่าดร็อปฮิโรชิเถอะ” พี่แอนพูด


 

“อย่าเพิ่งมองพวกพี่เป็นตัวร้าย เราทำธุรกิจ เราเปิดบริษัทมาเพื่อหาผลกำไร ถ้าน้องเค้าไม่ทำกำไร พี่ว่าเราปล่อยน้องเค้าไปดีกว่า” พี่ต้นอธิบาย


 

บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบ ลอร่าขยับปากกาไปมา


 

“เอางี้ละกันค่ะพี่” ลอร่าพูด “หนูขออีกซิงเกิ้ลเดียว ถ้าเพลงนี้ฮิโรชิไม่ดัง หนูจะดร็อปเค้าตามที่พวกพี่ต้องการค่ะ”


 

“ดังในที่นี้คือยังไง พี่ขอชัดๆ” พี่แอนถาม


 

“ได้ 10 ล้านวิว กับติด Top 10 ทุกชาร์ตของเมืองไทยค่ะ … ถ้าไม่ได้ก็ตามนั้นค่ะ” ลอร่าตอบ


 

“ชัวร์นะ” พี่ต้นถาม


 

“ค่ะ” ลอร่าตอบแบบไม่ค่อยมั่นใจ

โปรดติดตามตอนต่อไป