Listen to this for your อรรถรสในการอ่าน

Sufjan Stevens - The Only Thing

 

XXVI

รักกันในวันที่สาย

sds

(Photo by Eduardo Casajús Gorostiaga on Unsplash)

 

 


 

Should I tear my eyes out now?

Everything I see returns to you somehow

Should I tear my heart out now?

Everything I feel returns to you somehow

I want to save you from your sorrow

 


 

TW
ความรุนแรง, เลือด

 

 

“รายงานระดับความเสียหาย”

“ยังประเมินค่าไม่ได้”

“บ้าชะมัด ถ้าขืนยังปล่อยไว้แบบนี้ มันอาจไปกระทบมิติเวลาอื่นจนกลับตาลปัตรแน่”

“แจ้งศูนย์บัญชาการเลยดีไหม”

เบื้องหน้า ปรากฏเส้นสายใยอันซับซ้อน วุ่นวาย บางแขนงเชื่อมโยง บางแขนงแตกออก หากใครเห็นก็คงเข้าใจว่าเป็นภาพถ่ายของจักรวาล หรือไม่ก็เส้นประสาทภายในสมองมนุษย์

แต่กับชายสองคนที่จับจ้องไปที่จุดจุดหนึ่งอย่างไตร่ตรอง นั่นไม่ใช่เพียงสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่แยกออก

แต่มันคือทุกอย่างที่ร้อยเรียง เชื่อมโยง ผสานเป็นสิ่งเดียวกันอย่างสมบูรณ์ หากมีใครมากระตุกหรือทำลายเพียงน้อย ก็อาจสร้างความเสียหายมหาศาลได้

โดยเฉพาะมนุษย์ที่สรรหาทำแต่เรื่องชวนปวดหัว เพราะคิดว่าตัวเองนั้นเก่ง ดีเลิศที่สุดในจักรวาล อยากเป็นผู้บุกเบิกให้แก่โลก แต่แท้จริงแล้วเข้าใจผิดไปเป็นหนังคนละม้วน

“อย่าเพิ่งดีกว่า คงต้องรอให้เจ้าของเขตนี้มาแก้ด้วยตัวเอง”

“ส่งเรื่องไปแล้วครับ คาร์ลอส เขต 89” ชายหนุ่มพูดระหว่างนั่งกดแผงควบคุม ก่อนจะขยายภาพใครคนหนึ่งขึ้นจอให้ชายที่อยู่ด้านข้างเห็นชัดๆ

คนที่ยืนกอดอกถอนหายใจอย่างหน่ายๆ

“ไม่ว่าจะเขตไหนก็น่ารำคาญทั้งหมด”

“โค้ดที่เราส่งกันไปเมื่อไม่กี่วันก่อน ผมมั่นใจว่าพวกเขาได้รับแล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะเข้าใจที่สื่อไปมากน้อยแค่ไหน”

“เจ้าบ้าพวกนั้น แค่บอกให้ ‘หยุด’ เพราะมัน ‘อันตราย’ โดยไม่ได้บอกเหตุผลไป คงไม่มีทางหยุดแน่ หนำซ้ำยังจะคิดว่าเป็นข้อความที่มาจากพวกไม่หวังดีก็ได้”

“เครื่องที่คนมิตินั้นสร้างจะว่าเจาะรหัสเข้าไปง่ายไหม...ก็ไม่ขนาดนั้น มันไม่ได้ซับซ้อน แต่กว่าจะส่งโค้ดเข้าไปได้ก็ยากเอาเรื่องอยู่ครับ เหมือนมันมีความแปรปรวนบางอย่างมากระทบคลื่นสัญญาณอยู่ตลอดเวลา”

“พวกนั้นคงไปได้วิธีเขียนโค้ดใหม่มา แล้วเอามาปรับใช้กับวิธีก่อนหน้า เห็นว่าที่จริงแล้วมันไม่ใช่โปรแกรมที่ถูกออกแบบมาให้ข้ามมิติ...แต่เหมือนพวกนั้นจะอยากย้อนเวลามากกว่า”

“หือ? หมายถึงย้อนเวลาไปในมิติเดิมของตัวเองงั้นเหรอครับ มันไม่มีทางย้อนเวลากลับไปในเส้นมิติเดิมได้อยู่แล้วนี่ การพยายามย้อนกลับไปเส้นเวลาเดิมจะเป็นการแตกแขนงเส้นเวลาออกไป และยิ่งสร้างความเปลี่ยนแปลงมากเท่าไร เส้นแขนงที่แตกออกมาก็จะยิ่งมากเท่านั้น บางส่วนอาจซ้อนทับกันหรือที่แย่กว่านั้น...มันอาจขัดแย้งกันอย่างไม่มีวันจบ”

“นั่นแหละประเด็น เจ้าพวกนั้นหัวรั้นพยายามจะทดลองในสิ่งที่ไม่รู้ ไม่ได้ตระหนักเลยว่าผลกระทบจากการฝ่าฝืนระบบของเวลามันอันตรายขนาดไหน มิหนำซ้ำยังจะเข้าใจไปอีกทางว่าตัวเองเข้าใกล้คำว่าสำเร็จ คิดว่าตัวเองย้อนเวลาหรือเดินทางไปในกาลข้างหน้าของเส้นเวลาที่ตัวเองอยู่...ทั้งๆ ที่จริงข้ามไปมิติของผู้อื่น”

“แถมสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันของแต่ละมิติยังไม่เหมาะสมต่อมนุษย์ต่างมิติอีก ถ้าข้ามไปมาบ่อยๆ ไม่ใช่แค่จะเกิดรอยรั่วในกาลอวกาศ แต่พวกเขาอาจได้รับผลกระทบของความแตกต่างทางมิติ...ถึงขั้นตายได้

“และคนที่ดูจะดันทุรังที่สุด เจ้านั่น...คาร์ลอสมิตินั้น

“เพราะอย่างนี้หรือเปล่า เขาถึงได้เป็นโซลเมทกับพี่ในหลายๆ มิติ พี่ฮัน” ชายหนุ่มพูดแหย่

“ถ้าอย่างนั้นก็โล่งอกไปทีที่ไม่ใช่มิตินี้” ชายชื่อฮันพูดอย่างขำๆ ก่อนจะหันไปหยิบเสื้อโคตสีเบจคู่ใจมาสวม เป็นการบ่งบอกว่าเขาพร้อมทำภารกิจต่อไป หลังจากได้พักมาระยะหนึ่ง

“อ้าว จะมุดไปอีกแล้วเหรอพี่” คนที่นั่งกดแผงควบคุมหันมาเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายสวมเสื้อโคตตัวนั้น “มุดไปบ่อยๆ คนเดียวไม่ดีนะพี่ฮัน รอยรั่วบางมิติแก้คนเดียวได้ก็จริง แต่บางทีก็ต้องมีพาร์ตเนอร์ไปด้วยนะครับ”

“ถ้าพาร์ตเนอร์ที่หมายถึงหมอนั่น ฉันขอบาย”

“การที่ในมิติอื่นเขาทำไม่ดีกับพี่— หมายถึง...เขาทำไม่ดีกับตัวพี่ในมิตินั้นๆ ไม่ได้หมายความว่าคาร์ลอสในทุกมิติจะเป็นแบบนั้นนี่นา เขาได้เป็นโซลเมทกันไปตั้งกี่มิติก็ไม่รู้ การที่พี่เข้าไปแทรกแซงกระบวนการไหลของเวลาในมิติอื่นแบบนี้—”

“เฮ้ นี่ฉันต้องฟังนายพูดแบบนี้ทุกครั้งก่อนที่จะมุดไปเลยหรือเปล่า แล้วนายบอกว่าอะไรนะ ‘เรา’ ได้เป็นโซลเมทกันไปตั้งกี่มิติงั้นเหรอ...ลืมไปแล้วเหรอว่าฉันตายเพราะหมอนั่นไปอีกกี่มิติ”

“...”

“ฉันแค่ปกป้องตัวเองเท่าที่จะทำได้ โดยไม่ทำอะไรที่มันไปกระทบกับมิติของคนในเขตอื่นๆ แค่นี้ขอกันหน่อยไม่ได้หรือไง”

“ก็ได้”

“ตัวฉันในมิติอื่นปกป้องตัวเองไม่ได้ แต่ฉันคนนี้ปกป้องตัวเองได้ แล้วทำไมถึงจะไม่ทำ”

“โอเค ผมขอโทษ...ถ้าอย่างนั้นก็ระวังตัวด้วยนะครับ”

“ไปละ ไม่อยากเห็นหน้าหมอนั่น” ฮันเดินไปคว้าบรีฟเคสหรือกระเป๋าใส่เอกสารหนังสีน้ำตาลทรงเหลี่ยม เป็นสีและทรงคลาสสิกที่ใช้กันมานานหลายร้อยปี เรียบหรู ดูดี ทนทาน ไม่ต้องดูแลรักษาให้ยุ่งยาก

และอีกเหตุผลที่ต้องเป็นกระเป๋าทรงนี้ ก็เพราะไม่ว่าจะพกไปทำภารกิจ ณ เวลาใด ก็ไม่เป็นที่สังเกตมากนัก

อย่างมาก มนุษย์โลกยุค 23 ก็แค่มองว่าเขาเฉิ่มเชย

“เขาก็มีชื่อนะพี่ฮัน เรียกแต่หมอนั่นๆ—”

ชายหนุ่มยังพูดไม่ทันจบ คนที่พร้อมสำหรับการมุดก็ไปยืนที่แท่นทรงกลม ด้านบนหัวและด้านล่างมีกระจกสะท้อน แสงไฟเปิดทอดลงมาบ่งบอกว่าพร้อม

มือขวากระชับบรีฟเคส มือซ้ายยกขึ้นมาโบกลา ทันใดนั้นรอบกายของฮันก็เกิดกระแสลมพัดรอบ เพียงเสี้ยววิที่มีเสียงลมถูกสูบอย่างรวดเร็วเกิดขึ้น

ฟึ่บ

พลันร่างของคนบนแท่นลับหายไปทันตา

คนที่ยังนั่งอยู่ที่เดิมส่ายหน้าน้อยๆ บ่นพึมพำ

“พี่ฮันนะพี่ฮัน ไม่คิดจะใจอ่อนบ้างเลยหรือไง คาร์ลอสเขต 89 เขาก็ออกจะน่ารักดีแท้ๆ ถึงขั้นยอมทิ้งชีวิตในมิติตัวเองมาทำงานร่วมด้วย...”

ใครทิ้งอะไรนะครับ

ชายที่นั่งพูดคนเดียวสะดุ้งโหยง เมื่อเสียงทุ้มดังขึ้นจากทางด้านหลังอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว

“คุณคาร์ลอส 89! ฮ่า...ฮ่าๆ มาตั้งแต่เมื่อไรครับเนี่ย”

“เพิ่งถึงเมื่อกี้เลยครับ เห็นแจ้งเตือนภารกิจก็รีบมาเลย ว่าแต่...” หนุ่มผมบลอนด์ตาฟ้ารูปร่างสูงใหญ่หรือที่อีกคนมักเรียกว่า ‘คาร์ลอส 89’ เพราะทำงานในมิติเขตที่ 89 สอดส่องสายตามองหาใครบางคน เพียงเท่านั้นชายหนุ่มที่นั่งทำงานหน้าแผงควบคุมก็เข้าใจว่าหมายถึงอะไร

“อ๋อ พี่ฮันเขาเพิ่งมุดไปเมื่อ 10 วินาทีที่แล้วเลยครับ คุณคาร์ลอส 89 มาช้าไปหน่อย”

“คิดว่าจะไปพร้อมกันแท้ๆ...น่าเสียดายจัง ผมน่าจะยอมวาร์ปมาที่นี่แทนการวิ่ง”

“...เอ่อ” คนฟังกะพริบตาปริบๆ อยากจะบอกว่าการวาร์ปไปมาโดยใช่เหตุมันผิดกฎกระทรวง แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้ลืมกฎข้อสำคัญแต่อย่างใด...เพราะ

“ถึงจะเสี่ยง แต่อย่างน้อยก็ได้เห็นหน้าคุณฮัน”

“…”

“อยากไปทำงานพร้อมกันสักครั้งจัง”

 

αβΩ

 

เพล้ง!

โครม!

อ๊ากกก!! มึงลุกขึ้นมา ลุกขึ้นมาเถียงกับกูสิวะ!!

เสียงอึกทึกครึกโครม ต้นตอมาจากข้าวของที่ถูกปัดทิ้งลงพื้นแตกกระจาย ชายตัวสูงระเบิดอารมณ์ลงทุกอย่างที่อยู่ใกล้มือ แต่ที่เว้นไว้ไม่ยอมฟาดฟันความรุนแรงเข้าใส่เห็นจะเป็นใครที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง

นั่นคือ ฮัน อัลเลน ไนท์ ที่ตัวผอมซูบเหมือนคนขาดสารอาหาร ใบหน้าซีดเซียวราวกับไร้เลือดไปหล่อเลี้ยง เรียกเท่าไรก็ไม่ยอมตื่น ปลุกดีๆ ก็แล้ว ตะโกน ตะคอก ตะเบ็งใส่ก็แล้ว แต่ก็ไม่ยอมเปิดเปลือกตาขึ้นมามองหน้า ไม่พูดไม่จาจนคนปลุกเดือดดาล เอาอารมณ์พลุ่งพล่านไปลงที่ข้าวของอย่างเคย

คาร์ลอสเห็นว่าแผงอกคนบนเตียงยังกระเพื่อม นั่นหมายความว่ายังมีชีวิตอยู่ ดังนั้นสิ่งที่ชายอัลฟาจะทำมีเพียง

“กูสั่งให้มึงลุกมากินมื้อเย็นเดี๋ยวนี้!” เขากระชากคอเสื้อคนบนเตียงขึ้นมา จับจ้องไปยังเปลือกตาที่เริ่มขยับเล็กน้อยแล้วสีหน้าถึงได้เปลี่ยน “ต้องให้กูได้ลงมือสินะ”

ทว่า

ใครมันมาตะโกนใส่หูตอนนอนวะ!

ขณะเดียวกัน ใครอีกคนก็รู้สึกรำคาญใจเพราะถูกรบกวนตอนนอนฝันหวาน สิ่งรบกวนนั้นมันดังขึ้นและชัดขึ้นเรื่อยๆ จนหัวคิ้วขมวดเข้าหากันเป็นปฏิกิริยาอัตโนมัติ หน้าเบ้ ครางอึมอือในลำคออย่างโดนขัดใจ กระทั่งยอมปรือตาขึ้น

ฮันถึงได้รู้ว่าเขากลับมาฝันบ้าๆ แบบนี้อีกแล้ว

“กูยอมให้หน่อยแล้วได้ใจเหรอ ถ้ากูไม่ลงมือ มึงก็จะพยศขึ้นเรื่อยๆ สินะ” คาร์ลอสหน้าเหี้ยมเกรียม ปล่อยร่างที่กระชากขึ้นมาตอนแรกลงกับเตียง

ใครเล่าจะรู้ว่าในใจของอัลฟาหนุ่มคิดอะไร

“What the hell?” คนที่เพิ่งตื่นเต็มตาสบถกับตัวเอง ก่อนจะยกมือขึ้นมานวดขมับ “ฝันแบบนี้อีกแล้ว ให้ตายสิ”

ชายที่ยืนจับจ้องทุกอากัปกิริยานิ่งไป เพราะเขารู้ว่านี่มันไม่ใช่...ไม่ใช่ฮันที่เขารู้จัก

“มึงเป็นใครกันแน่”

อัลฟาผมบลอนด์ขยับเข้ามาใกล้ แต่นอกจากฮันจะไม่ได้กลัว ซ้ำยังไม่สนใจ กลับไปหลับตานอนดังเดิม

“ตื่น ตื่น ตื่นสิโว้ย” ฮันเขกหัวตัวเอง พยายามทำให้เจ็บจะได้รู้สึกตัวตื่น อย่างน้อยๆ การนอนไม่พอก็ยังดีกว่าฝันร้ายแบบนี้

ทว่ามีเพียงความเจ็บที่เกิดขึ้น และมันเจ็บเหมือนกับว่าเขาเขกหัวตัวเองจริงๆ

“รอบนี้จะมาไม้ไหนอีกล่ะ” เสียงทุ้มหัวเราะเยาะ “จะแกล้งทำเป็นผีเข้า...หรือเป็นโรคหลายบุคลิกกันล่ะ”

“โอย...ทำไมปวดขนาดนี้” ฮันทำการทุบอกชกหัวตัวเองให้ตื่นเท่าไรก็ไม่เป็นผล สิ่งที่ได้กลับมามีแต่ความเจ็บจริง โดยเฉพาะบริเวณสีข้างและหน้าท้องที่รู้สึกจะเจ็บกว่าปกติทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ไปสัมผัสโดนด้วยซ้ำ

ฮันทำการเมินเฉยต่อคาร์ลอสในความฝัน ตัวงองุ้มเข้าใต้ผ้านวม สองมือกุมหน้าท้องด้วยความเจ็บปวด

มันไม่ได้ปวดอยากเข้าห้องน้ำ แต่เจ็บปวดดั่งคนโดนอะไรแหลมคมเชือดเฉือน

“อย่ามาสำออย กูสั่งให้มึงลุก!”

“You gotta be fuckin’ kidding me, man!” (คุณมึงล้อกันเล่นใช่ไหมเนี่ย เฮ้ย)

สาบานได้ว่าตั้งแต่มุดออกมาจากท้องแม่ ฮันพูดคำหยาบนับครั้งได้ ครั้งที่โดนกดขี่รังแกสมัยมิดเดิลสคูลเป็นส่วนใหญ่ และครั้งนี้ที่อยากจะสบถซ้ำๆ ใส่หน้าตัวการที่ยืนทนโท่ดั่งคนโง่ที่ไร้การไตร่ตรอง

ปวดท้องจนหน้าซีดตัวสั่นขนาดนี้ยังมาบังคับกันให้ลุก ถ้ามีแรงเหลือฮันอยากจะถีบคนตรงปลายเตียงให้ถอยห่าง เพราะนอกจากจะไม่ได้ช่วยอะไรแล้ว ยังมาบั่นทอนจิตใจ ชวนให้ประสาทจะกิน

“กลับมาปากดีได้แล้วใช่ไหม ดี มึงมานี่!”

มือหนากระชากกลุ่มผมสีเข้ม ฮันร้องลั่นเมื่อแรงดึงมันไม่หยุดเพียงเท่านั้น กระทั่งช่วงลำตัวหลุดจากผ้านวมผืนหนา ความเปียกชื้นประหลาดก็แผ่ขยายเต็มหน้าท้อง

“อึก!”

เลือด!?

มือที่ฉุดรั้งหัวจนเจ็บแสบนั้นไม่สู้เลือดสีแดงฉานที่ไหลซึมเต็มแผ่นท้อง ฮันหอบหายใจแรง ทุกจังหวะนั้นถี่กระชั้นขึ้นเมื่อยิ่งขยับ รอยปริแตกข้างท้องขวานั้นหลั่งรินโลหิตสีสด

ตัวการเห็นจะเป็นมีดคมกริบที่ตกอยู่ใต้ผ้านวมข้างกัน

ในจังหวะนั้น คนที่ยืนค้ำหัวก็ดูจะตกตะลึงไม่ต่างกันนัก เสียงทุ้มสบถลั่น

“FUCK FUCK FUCK!!” อัลฟาหนุ่มหัวหมุน กุมหน้าผากตัวเองคล้ายคนใกล้จะระเบิด

“อึก...ห— ฮึก” เหงื่อแตกซ่ก ปากสั่นทุกครั้งที่ลมหายใจถี่กระชั้น ฮันเอามือกดท้องด้วยแรงอันน้อยนิด เจ็บเกินทนไหว พยายามใช้เสื้อตัวที่สวมอยู่ในการช่วยห้ามเลือด แต่ก็ดูจะไม่เป็นผลเพราะมันชุ่มโชก ในใจกู่ร้องว่าตายแน่ เขาตายแน่ ต้องตายแน่!

นี่มันฝันบ้าอะไรกันวะ!?

คนที่ยืนสติแตกอยู่ข้างเตียงเหมือนจะเพิ่งตั้งสติได้ รีบไปค้นอะไรบางอย่างในลิ้นชัก วินาทีนั้นฮันไม่รู้ว่าตัวเองคิดอะไร เขาคว้ามีดมาชูขึ้น เล็งไว้ไม่ให้อีกฝ่ายเข้ามาใกล้

“มึงทำบ้าอะไรวะ! มึงแทง— แม่งเอ๊ย! มึงแทงตัวเองทำไม! มึงทำทำไม มึงทำเหี้ยอะไร เวรเอ๊ย!!”

“อย่า...เข้า...มา”

ถ้ามันเป็นฝันประหลาด และเขาจะต้องตายในฝันนี้ เขาก็ขอทำให้มั่นใจว่าไม่ใช่แค่เขาที่ตาย ตัวก่อฝันร้ายนี้มันต้องตายไปพร้อมกับเขาด้วย

“กูจะช่วยมึง! กูจะช่วยมึงโอเคไหม เวร!! ขอ...ขอร้อง...อย่าทำแบบนี้” คนพูดทรุดตัวลงข้างเตียง น้ำเสียงก้าวร้าวแปรเปลี่ยนเป็นสั่นไหวเครือเจ็บปวด

สีหน้าที่พลิกสลับไปมาอย่างรวดเร็วจนน่าเหลือเชื่อ และฮันก็ไม่อยากจะเชื่อมันนัก

จากโมโหเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนก จากความตระหนกเปลี่ยนเป็นโทสะ จากฉุนเฉียวเปลี่ยนเป็นสับสนระคนว้าวุ่นใจ และวินาทีที่รู้ตัวว่าตนเองจะไม่ได้อะไรนอกจากกายหยาบไร้วิญญาณ ก็แปรเปลี่ยนเป็นร้องไห้สลับร้องขออย่างน่าเวทนา

“ออก…ไป” ฮันหายใจโรยริน ในมือยังกำมีดแน่น

สมจริงเกินไป

“อย่าทำ อย่าทำ กูจะช่วยมึงไง กูจะพันแผลให้มึง” เสียงทุ้มที่เคยตะคอกใส่ ตอนนี้สะอึกสะอื้นไม่ต่างจากเด็กถูกพรากจากอกมารดา อ้อนวอนขอร้องวกไปวนมา

ซึ่งมันสายไปแล้วหรือเปล่า

ถ้านี่คือเรื่องจริงไม่ใช่ความฝัน ปลายทางของเรื่องนี้ไม่มีคำว่าความสุขหากชายตรงหน้ายังวนเวียนอยู่ในชีวิตของคนบนเตียงนี้

นี่ไม่ใช่ละครจำเลยโอเมกาปี 2180 พวกเขาทั้งคู่ไม่ใช่ตัวละครหลักที่กำลังแสดงให้ผู้ชมทางบ้านดู คาร์ลอสตรงหน้าไม่ใช่พระเอกที่ใช้ความรุนแรงเพื่อให้ได้มาซึ่งความรัก และเขาก็ไม่ใช่นายเอกที่จะยอมกลับใจไปรักคนพรรค์นี้ได้

ใครจะรักคนที่ตบตี ด่าทอ ดูหมิ่น เหยียดหยามเราได้

แม้จะบอกว่าในชีวิตจริง...มี ผู้ที่ยังรักคนที่ทำร้ายร่างกายและจิตใจเรา แต่แน่ใจหรือว่าเขาไม่ได้ถูกบังคับให้ตอบ แน่ใจหรือว่าเขาสามารถออกมาจากความสัมพันธ์นั้นได้แบบปลอดภัย และแน่ใจหรือว่าหลังจากเขาถูกปั่นประสาท ลบล้างความมั่นใจในการเป็นมนุษย์ไปเสียสิ้นแล้ว เขาจะสามารถตอบคำถามนั้นได้อย่างเที่ยงแท้

รักลูก...ยังต้องรักให้ถูกวิธี แล้วคู่ชีวิตเล่า เหตุใดมาทำกันดั่งสิ่งของ

“อย่า! อึก— ถ้าเข้ามา…” ฮันกระชับมีดแน่นขึ้นเมื่อคนตัวสูงขยับเข้ามาใกล้ แต่รู้ว่าอีกไม่นานตัวเองคงไร้เรี่ยวแรงจะต่อกร เขาจึงทำการเคลื่อนย้ายปลายมีด…มาอยู่ที่ลำคอตัวเอง

ฮันไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของคาร์ลอสและตัวเขาในความฝันนั้นเป็นอย่างไร แต่ที่แน่ๆ หมอนี่ต้องมีความรู้สึกห่วงใยลึกๆ อยู่ในนั้น

เพราะไม่อย่างนั้นคงไม่คลุ้มคลั่งดั่งคนเสียสติเมื่อเห็นเลือดเต็มหน้าท้องของเขา ความร้อนรนกระวนกระวายไปหาอุปกรณ์ทำแผล อารมณ์หุนหันพลันแล่นยิ่งกว่าคนเป็นไบโพลาร์

แต่ห่วงใยแบบผิดวิธี ไม่ได้มีความโรแมนติกใด

นี่ไม่ใช่ซีนอารมณ์ของนักแสดงเจ้าบทบาท แต่คือฉากสะเทือนขวัญของเหยื่อที่อยากหลุดพ้นวงจรอุบาทว์

ฮันไม่รู้ว่าตัวเองจะทนได้อีกนานแค่ไหน ทุกวินาที ทุกช่วงลมหายใจ มันช่างยาวนานเกินรับไหว หยาดน้ำใสไหลรินเต็มหน้า แม้แต่เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดก็ยังไม่สามารถเปล่งออกมาได้

“…เฮ้

เสียงทุ้มโทนที่คุ้นเคยดังขึ้นในโสตประสาท คำคำเดียวเท่านั้น ฮันก็รู้ว่านี่แหละ...คาร์ลอสของเขา

ซีแอล...ช่วยด้วย

“กูขอร้อง ต้องให้กูทำยังไง! กูต้องทำยังไงมึงถึงจะไม่ทำแบบนั้น กู…ขอโท—”

“ซี...แอล” เสียงแหบพร่าเอ่ยเรียกใครบางคน เปลือกตาปรือปรอยคล้อยจะปิด

“Plea— please, please! I’m sorry. I’m begging you.”

ฮันอยากจะหัวเราะกับคำ ‘ขอโทษ’ ของอีกฝ่าย แต่แค่แรงจะกดหยุดเลือดยังไม่มี

เฮ้ที่รัก

“อึก” ภาพตรงหน้านั้นพร่ามัว สติที่เคยอยู่กับตัวเริ่มหลุดหาย

“Please! I’m fucking sorry. I, I love— Listen, Han, I love you. Please don’t do this.”

อย่าเลย อย่ามารักกันในวันที่สาย

มีดด้ามสั้นหลุดจากมือ ตกลงตามแรงโน้มถ่วงโลก

ตุบ

ฮัน!

เฮือก

“!” จังหวะนั้นเขาสะดุ้งสุดตัว ดวงตาเบิกกว้าง คิ้วขมวดเข้าหากันแน่น

ฮันสะดุ้งตื่นจากฝันด้วยเสียงทุ้มที่ร้องเรียกเหนือหัว ตื่นมาพร้อมเหงื่อเม็ดโตไหลซึมเต็มขมับและแผงอก หอบหายใจแรงดั่งคนออกกำลัง ไม่นานสายตาก็สามารถโฟกัสใบหน้าคมที่มองมาด้วยความกังวล

“โอ พระเจ้า...ฮัน”

แรงกอดรัดของคนตัวโตกว่าทำให้สติเจ้าของร่างกลับมาเข้าที่

“ซีแอล?” ฮันเรียกชื่อที่มักจะใช้เรียกอีกฝ่าย เป็นการทำให้แน่ใจว่าตนเองหลุดจากภวังค์ฝันแล้วจริงๆ

“ที่รัก…รู้ไหมว่าฉันใจหายแค่ไหน เห็นเธอนอนฝันร้าย ร้องห้ามใครซ้ำๆ แถมยังเหงื่อแตกขนาดนี้ ให้ตายสิ ใจมันห่วงเธอแทบบ้า”

“เราขอโทษ” โอเมกากลิ่นดอกไม้ปล่อยฟีโรโมนปลอบประโลม ทุกอย่างเริ่มกลับมาเข้าที่เข้าทาง เขาเริ่มหายใจคล่องขึ้น เป็นจังหวะปกติขึ้น ขยับตัวค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งโดยมีคาร์ลอสช่วยประคอง ฝ่ามือถูกดึงไปบีบนวด

“…” คาร์ลอสไม่ตอบอะไร ก้มหน้าก้มตาจูบหลังมือของฮันซ้ำๆ ส่ายหน้าเป็นการปฏิเสธคำขอโทษ แต่ความชื้นที่สัมผัสหลังฝ่ามือของโอเมกาหนุ่ม ทำให้คนที่เพิ่งตื่นต้องยื่นหน้าเข้าไปใกล้

“ซีแอลร้องไห้ทำไม เราขอโทษ…เราทำให้นายนอนไม่ได้ใช่ไหม”

“ไม่…ไม่ใช่ ฉันก็ฝันร้าย…ร้ายมากๆ พอตื่นมาก็เห็นว่าเธอฝันร้ายเหมือนกัน...ที่รัก ฉันรู้สึกไม่ดีเลย”

“ไม่เป็นไรนะ มันก็แค่ฝัน เดี๋ยวซีแอลก็จะได้ไปหาแม่แล้วไง”

คาร์ลอสส่ายหน้าเบาๆ เงยหน้าสบตาก่อนเอ่ย

“ฉันฝันเกี่ยวกับเธอ ฮัน”

“ฝันถึงเรา? มันจะเป็นฝันร้ายได้ยังไงล่ะถ้างั้น” ฮันยิ้มบาง แม้ว่าตัวเองก็เพิ่งจะผ่านฝันร้ายมา แต่ก็พยายามช่วยปลอบอีกคนให้คลายความกังวล “ฝันถึงเราก็หมายความว่าเป็นฝันดีน่ะสิ”

“…”

“ทำไม ในฝันเราเป็นฆาตกรไล่แทงซีแอลเหรอ”

“ฉันก็หวังอย่างนั้นอยู่หรอก แต่ที่รัก ฉันจริงจัง ฉันกลัว— กลัวว่ามันจะเป็นจริง กลัวเหลือเกินว่าเธอจะหายไป ฉัน— ฉันทนไม่ได้หรอก แค่คิดฉันก็กลัวจับใจแล้ว ให้ตาย...ขอโทษนะฮันที่ฉันเป็นแบบนี้ ฉันควรจะเป็นคนปกป้องเธอตอนเธอฝันร้าย ฉันต้องเข้มแข็งกว่านี้ ควรจะเป็นคนที่คอยปลอบเธอ”

“No…no, don’t think like that. Look at me, CL, looking through my eyes. What do you see? My love.”

“Braveness.”

ฮันระบายยิ้มอ่อนโยน สองมือประคองกรอบหน้าคม นิ้วหัวแม่มือลูบแก้มตอบอย่างนุ่มนวล ก่อนโน้มใบหน้า แนบหน้าผากของตนกับหน้าผากของคนรัก

ดวงตายังประสาน คาร์ลอสลูบหลังมือของฮัน ส่งความอบอุ่นของผิวกายให้แก่กัน ฟีโรโมนที่ปลดปล่อยยามผิวเนื้อชิดแนบนั้นชัดเจน รู้สึกถึงแม้กระทั่งต่อมชีพจรที่แทบจะเต้นเป็นจังหวะเดียวกัน

“ถูกต้อง ซีแอลเชื่อใช่ไหมว่าเราเข้มแข็ง เชื่อใช่ไหมว่าเราแข็งแกร่ง มันไม่เกี่ยวกันเลยถ้าจะต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่ต้องเป็นคนคอยปกป้องตลอด เราเคยบอกว่ายังไง...เราต้องช่วยดูแลกันและกันนี่ ดังนั้น สิ่งที่เราจะบอกในตอนนี้คือ มันเป็นแค่ฝันร้าย มันทำร้ายซีแอลในชีวิตจริงไม่ได้ และไม่ว่ามันจะเป็นฝันยังไง มันก็ทำอะไรเราในชีวิตจริงไม่ได้เหมือนกัน”

“...”

“ถ้าซีแอลแชร์ฝันตัวเองให้เราฟัง เราก็จะแชร์ฝันให้นายฟังด้วย เป็นยังไง?”

คาร์ลอสพยักหน้า ฮันถึงได้ผละออกมาเล็กน้อยเพื่อปรับท่านั่งให้สบาย ขยับไปนั่งพิงหัวเตียง ชันเข่าน้อยๆ มีผ้านวมคลุมขา เมื่อรู้สึกผ่อนคลาย อัลฟาหนุ่มถึงได้เริ่มเปิดปาก

“ฝันนี้ทำให้ฉันเข้าใจว่าทำไมเธอถึงกลัวน้ำ ตอนแรกมันสมจริงมาก ทุกอย่างรอบตัวมันเหมือนเรื่องจริงจนแยกไม่ออก แต่ที่รู้ว่ามันคือความฝันก็เพราะว่ามันตัดฉาก หลายอย่างมันไม่ปะติดปะต่อกัน ฉันจำช่วงแรกๆ ไม่ได้ แต่ที่ฉันจำได้แม่นที่สุดก็คือตอนที่เธอตก...ฉันเห็นเธอตกน้ำ”

“...เราโอเค เล่าต่อให้จบเถอะ”

“ฉันไม่รู้ว่ามันคือที่ไหน ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง สิ่งเดียวที่ฉันเห็นคือเธอกำลังตกลงจากผาสูงชัน จังหวะนั้นฉันกระโดดลงไปแบบไม่ต้องคิดซ้ำ และ— มันน่าจะเป็นทะเลสาบสักที่ ฉันดำน้ำ มองหาเธอ ฉันว่ายหาเธอจนเป็นตะคริว น้ำมันเย็นจัด แค่คิดว่าเธอต้องจมลงในน้ำที่เย็นขนาดนั้นหัวใจฉันก็แตกเป็นเสี่ยงๆ แล้วฮัน แต่ยิ่งดำหาเท่าไรก็ไร้วี่แวว ฉันตะโกนเรียกชื่อเธอซ้ำๆ รู้ไหม...ตอนที่ไม่เห็นอะไรเลยนอกจากความมืด ฉันรู้สึกเหมือนโดนควักหัวใจออกไป ตอนนั้นฉันบอกตัวเองว่าถ้ายังหาเธอไม่เจอ ฉันจะไม่หยุดดำลงไป”

“แล้วมันจบยังไง หาเราเจอหรือเปล่า”

“ไม่...ฉันรู้สึกตัวตื่นจังหวะที่หมดอากาศใต้น้ำ” คาร์ลอสเลียริมฝีปากอันแห้งผาก ฝ่ามือที่กอบกุมมือของคนข้างกายสั่นไหวอย่างเห็นได้ชัด “ขอโทษนะฮัน ขอโทษที่ฉันคนเก่าเคยทำตัวไม่ดีกับเธอ ตอนที่ทำให้เธอเป็นลม จำได้ไหม ครั้งแรกที่เราเริ่มคุยกันเรื่องโปรเจ็กต์ ตอนเธอเป็นลมล้มพับไป เธอพึมพำถึงคำว่า ‘น้ำ’ ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมเธอถึงได้กลัวจนสั่นไปหมดขนาดนั้น”

“นายเปลี่ยนไปแล้ว ซีแอล นายพัฒนาจากคาร์ลอสคนนั้น เป็นซีแอลแสนดี แสนเอาใจใส่ในวันนี้ ต่อจากนี้สิ่งที่ควรพัฒนาต่อไปมีแค่รู้สึกยังไงก็ขอให้แสดงออก รู้สึกรัก ก็ให้แสดงให้เขารู้ว่ารัก อย่างเพื่อนฝูง อยากให้เขาอยู่กับเราไปนานๆ ก็ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ไม่ถนัดเรื่องคำพูด แสดงออกให้เห็นเป็นการกระทำเลยนี่แหละชัดเจนที่สุด มอบความรักและปกป้องให้คนที่เราอยากเก็บไว้เป็นครอบครัว”

“ไปเจอแม่กับฉันนะฮัน แม่ฉันต้องเอ็นดูเธอมากแน่ๆ นี่แหละครอบครัว มีเธอ มีฉัน แม่ของฮัน แม่ของฉัน ครอบครัวของเรา”

ฮันอมยิ้ม พยักหน้า ฝันของคาร์ลอสจบแล้ว ทีนี้ก็เป็นตาเขาที่ต้องเล่าฝันตัวเอง

พอเล่าจบ ก็ไม่ต้องสงสัยว่ารีแอคชั่นของคาร์ลอสเป็นยังไง

อีกนิดก็แทบจะร้องไห้แทนแล้วอะ

“แต่เราโอเคแล้ว ไม่เป็นไรหรอก ฝันแบบนี้หลายรอบแล้ว”

“หลายรอบ? เธอหมายถึง เธอฝันว่าตัวเองโดนแทงแบบเดิมๆ หลายครั้งงั้นเหรอครับ”

“เปล่า...หลายรอบหมายถึง เจอคาร์ลอสคนนิสัยไม่ดีคนเดิมหลายครั้ง แต่แต่ละครั้งสถานการณ์จะต่างกันเล็กน้อย เหมือนเราไปตื่นในอีกจักรวาลคู่ขนานที่มีนายนิสัยตรงกันข้ามกับซีแอลตอนนี้อะไรแบบนั้น” ฮันพูดทีเล่นทีจริง แต่ประโยคสุดท้ายทำให้คนฟังชะงัก

“จักรวาลคู่ขนาน?”

“ซีแอลไม่เคยอ่านหรือได้ยินเรื่องเล่าเหรอ ที่ว่ามีเราอีกคนหรืออาจจะหลายๆ คนในอีกจักรวาล”

“ต้องเคยศึกษามาอยู่แล้วครับ เพราะโปรเจ็กต์ที่ฉันทำเกี่ยวข้องกับเวลา ดังนั้นทฤษฎีใดก็ตามที่เกี่ยวข้องกับเวลาล้วนแล้วแต่ต้องศึกษาทั้งหมด แต่ที่ฉันสงสัยคือสิ่งที่เราฝัน...มันเกี่ยวกับมิติคู่ขนานหรือเปล่า”

“?” ฮันเอียงหัว

“อย่างเช่น สิ่งที่เราเห็นในฝัน มันอาจไม่ใช่ความฝัน...แต่คือความจริงในมิติคู่ขนาน”

 

αβΩ

 

เร่เข้ามา เร่เข้ามา มะม่วงลูกสดๆ โตๆ เลยจ้า อุ๊ย ฝรั่งตาฟ้ารีบกวักมือเรียกแหมะสู แมงโก้ บานาน่า ออเร้น พายแอปเปิ้ลจ้า ทายๆ มั้ย

หนุ่มหัวขาวคือมาหล่อคักหล่อแนแท้น้อ ยูโซแฮนซั่มมากๆ น้า” (หนุ่มหัวขาวหล่ออะไรขนาดนี้)

บ่แมนเขามากับผัวเขาติ มึงอย่าไปหาแซวซุมซีซุมห่าเด้อ ผัวเขามาเอาเรื่องกูเว่าให่บ่เป็น”  (ไม่ใช่เขามากับผัวเขาเหรอ มึงอย่าไปแซวสุ่มสี่สุ่มห้านะ ถ้าผัวเขามาเอาเรื่องกูพูดให้ไม่เป็น)

มึงก็โพด อั่นกูเป็นเบตาคือกันก็บ่แมนสิบ่รู้เด้อ มึงดูขนาดตัวเขาดุ๊ คนข้างๆ ก็คงเป็นเมียเขาล่ะว่ะ”  (มึงก็เหลือเกิน ถึงกูเป็นเบตาเหมือนกันก็ใช่ว่าจะไม่รู้ มึงดูขนาดตัวเขาซิ คนข้างๆ คงเป็นเมียเขานั่นแหละ)

ทันทีที่มาถึงกรุงเทพหมานครหรือที่รู้จักกันดีในนาม บางกอก ประเทศไทย ฮันพาอัลฟาหนุ่มไปเก็บกระเป๋าที่ห้องพัก แล้วลงมาตลาดคนเดินข้างล่างด้วยความตื่นเต้นที่จะได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่

แน่นอนว่ากำหนดการณ์เดินทางที่ผู้คุมแจ้งคล้ายกับครั้งที่ไปสวิตเซอร์แลนด์ นั่นก็คือสองวันแรกต้องอยู่ในเมืองหลวงของประเทศนั้นๆ ก่อน แล้วหลังจากนั้นจะไปเมืองไหนก็ให้ไปแจ้งกำหนดการณ์ในเย็นวันนี้

ภาษาถิ่นสลับอังกฤษสำเนียงไทยเข้าหูตลอดเวลาที่เดินผ่านแผงขายของในตลาด

คาร์ลอสไม่รู้เลยว่าพ่อค้าแม่ขายที่ส่งยิ้มหวานพร้อมอาหารให้ชิมนั้นพูดอะไร แต่ฮันฟังออกแทบทุกคำ ถึงได้ยิ้มเจื่อนทุกครั้งที่ได้ยินอะไรแปลกๆ

สำเนียงถิ่นอีสานนั้นฮันฟังไม่ถนัดนัก แต่ไทยกลางนี่ได้ยินชัดเต็มสองรูหู

ก็คุณพี่เล่นตะโกนคุยกันข้ามร้าน

“ถ้าไปเดินแถวสีลมนี่โดนแย่งลูกค้าชัวร์”

“ไม่ต้องไปถึงสีลมหรอกค่า ชั้นนี่แหละแย่งก่อน ฮ่าๆๆ”

“คนไทยนี่ใจดีจังนะ” เสียงทุ้มมาพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าคม หลังจากได้ชิมข้าวเหนียวมะม่วงที่แม่ค้าแทบจะป้อนเข้าปากให้ เคี้ยวไปไม่กี่ครั้งก็ต้องเบิกตากว้าง ก่อนจะตัดสินใจซื้อทันทีสามกล่อง

รีแอคชั่นแสงแทบออกปากนั้นทำให้พ่อค้าแม่ขายยิ่งพากันชมอัลฟาหนุ่มกันใหญ่ว่าน่ารัก แถมยังหล่ออย่างกับนายแบบ คนโดนชมก็แทบจะอยู่ไม่ติดพื้น ซื้อข้าวเหนียวทุเรียนไปอีกกล่องใหญ่แม้ว่าจะยังไม่เคยกินทุเรียน

“แมงโก้ๆ จ้า ดูยูวอนนาทายมั้ย?” พ่อค้าคนหนึ่งเห็นว่าคนที่ยืนอยู่ข้างหนุ่มตัวสูงยังไม่ได้ชิมอะไรก็ยื่นมะม่วงที่ฝานอย่างดีไปตรงหน้า

“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณครับ” ฮันตอบกลับด้วยภาษาไทยอย่างชัดถ้อยชัดคำ นั่นทำให้คนที่แซวทั้งคู่ไปก่อนหน้าแทบจะหงายหลัง

“ว๊าย เขาเว่าไทยได้”

แม่ค้าที่แซวเรื่องผัวๆ เมียๆ ไปก่อนหน้านี้ขอโทษขอโพยกันใหญ่ ฮันได้แต่ยิ้มๆ บอกไม่ถือสาเอาความ โดยที่คนข้างกันไม่ได้รู้เรื่องเลยว่าฮันพูดอะไร รู้แค่ว่าฮันน่ารักตอนพูดภาษาไทย

จากตอนแรกที่คนโดนรุมโดยเหล่าแม่ค้าเห็นจะเป็นคาร์ลอส ตอนนี้กลับกลายเป็นฮัน ไนท์

“โอเมกาฝรั่งตัวเป็นๆ โอ๊ย งามขนาด งามแต้งามว่า”

“เคยเห็นแต่ในเมตาเว็บ ไม่คิดว่าตัวจริงจะดูดีขนาดนี้”

ฮันแปลกใจเล็กน้อยกับประโยคนั้น ในหัวเกิดคำถามว่าแถบเอเชียไม่ค่อยมีคนที่มีเพศรองเป็นโอเมกาหรือ ทำไมหลายคนถึงได้ประหลาดใจที่เห็นโอเมกานัก หรือว่าเคยเห็น แต่เพราะตัวเองเป็นเบตาเลยแยกไม่ออกว่าใครมีเพศรองเป็นอะไร และจากที่สังเกต พ่อค้าแม่ขายในนี้ล้วนแล้วแต่เป็นเบตา จะมีก็แต่ลูกค้าที่เดินผ่านไปมาที่นานๆ ทีจะเป็นอัลฟา ส่วนลูกค้าที่เป็นโอเมกาคือชาวต่างชาติ เป็นนักท่องเที่ยวประเทศอื่น

แล้วโอเมกาในไทยหายไปไหนกันหมดนะ?

ไม่มีเวลาให้สงสัยนาน จากเป็นนักท่องเที่ยว ตอนนี้ฮันเหมือนเป็นดาราคนดังที่มีแต่คนขอถ่ายรูป คงไม่ใช่เพราะเห็นโอเมกาแล้วขอถ่ายรูปแน่ๆ เพราะโอเมกาคนอื่นก็มี แต่ทุกคนคงแปลกใจที่เขาพูดภาษาได้ ที่ไม่ใช่แค่หมูหมากาไก่ แต่พูดไทยชัดยิ่งกว่าคนไทย แถมการลงท้ายด้วยคำว่าครับทุกคำนี่มันน่าเอ็นดูน้อยเสียที่ไหน

และตอนนี้คนที่เอ็นจอยกับการกินของอร่อยกลายเป็นอารมณ์บูดบึ้ง เพราะต้องมาถ่ายรูปให้คนแปลกหน้าคู่กับแฟนตัวเอง

สามคนแรกนี่ยังพอทนไหว แต่นี่คนที่สิบแล้วนะ ไม่มาถ่ายกันทั้งตลาดทีเดียวให้มันจบๆ ไปเลยวะ!

ฟีโรโมนที่คาร์ลอสปล่อยออกมามันคงเข้มเกินไป ฮันถึงได้ทำใจรีบพูดปฏิเสธคนที่สิบเอ็ดไป แล้วรีบจูงมืออัลฟากลิ่นฝนให้ออกมาจากดงผู้คน

พอแน่ใจว่าฝ่าดงคนเดินและเหล่าพ่อค้าแม่ขายออกมาได้ไกลพอสมควรแล้ว ฮันถึงได้ปาดเหงื่อ

“แปลกแฮะ แต่เป็นประสบการณ์ที่งงๆ ดี ซีแอลโอเคไหม?”

ใครโอเคมันก็บ้าแล้ว แฟนตัวเองทำตัวน่ารักเกินไปจนคนมารุมขอถ่ายรูป รู้อย่างนี้เข้าไปจับจูบกลางดงแสดงตัวว่าฮันเป็นของใครให้มันจบๆ ซะก็ดี

แขนเสื้อคนตัวสูงถูกกระตุกเบาๆ คาร์ลอสถึงได้ยอมหันไปมองหน้า

“นี่ขนาดเธอไม่ใช่ดารายังขนาดนี้ รอบหน้าไม่เอาแล้วนะครับ”

“เราขอโทษ ใครจะไปรู้เล่าว่าจู่ๆ คนจะมารุมขอถ่ายรูปแบบนี้”

“หมายถึงรอบหน้า ทำตัวให้น่ารักน้อยลงกว่านี้หน่อยนะครับ”

“มันต้องทำยังไงฟระ ไอ้ทำตัวให้น่ารักน้อยกว่านี้เนี่ย”

“หรือจะทำตัวน่ารักแบบเดิมก็ได้ แต่ต้องตะโกนว่าฉันเป็นแฟนเธอดังๆ ไปตลอดทาง และต้องจับมือจูงแขนฉันไม่ปล่อย ให้ทุกคนรู้ว่าเธอเป็นเจ้าของฉัน”

ฮันหลุดหัวเราะก๊าก คิดว่าคนพูดหน้าตายเล่นมุก ขำจนเหนื่อย คนตัวสูงเห็นเสื้อยืดตัวบางของฮันชุ่มไปด้วยเหงื่อเพราะอากาศอันร้อนจัด แสงแดดยามบ่ายแก่นั้นแทบจะแผดเผาจนผิวของเขายังแดงไปหมด

คาร์ลอสยื่นแก้วหูหิ้วชาไทยใส่น้ำแข็งที่ซื้อมาระหว่างอยู่ในตลาดนั้นให้ฮัน

คนตัวเล็กกว่าดูดไปสองปรื๊ด หวานเย็นชื่นใจนี่มันสุดยอดไปเลย รู้สึกดีเป็นบ้าแม้ว่ามืออีกข้างจะยังกระพือเสื้ออยู่เพราะมันร้อนจนแทบหน้ามืด แต่เขาชอบนะ ดีกว่าหนาวจนมือแข็งไปหมดเหมือนตอนอยู่มินนิโซตา

ในขณะที่คนไทยขอบายอากาศบ้านตัวเอง ฮันก็ขอบายอากาศที่นู่นเหมือนกัน

ไม่แปลกใจว่าทำไมคนโซนหนาวถึงอยากย้ายมาอยู่ที่นี่

“ที่รัก”

“หือ?” ฮันเลิกคิ้วในระหว่างที่เปิดฝาแก้ว ชาไทยหมดแล้ว เลยกรอกน้ำแข็งเข้าปาก เคี้ยวน้ำแข็งก้อนเล็กกรุบๆ

อา...อากาศร้อนๆ กับน้ำอะไรหวานๆ เย็นๆ นี่มันสุดยอดจริงๆ

เสื้อยืดสีขาวที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อ ไหนจะน้ำแข็งที่ฮันทำหล่นใส่ตัวนั่นอีก มันละลายปนกันจนเสื้อตัวบางแนบลำตัว และคนที่อยู่ข้างกันก็มองมันนิ่ง

ฮันไม่ได้ยินเสียงตอบกลับจากคนข้างกาย ถึงได้ลดแก้วที่กำลังเอาหลอดกวาดน้ำแข็งเข้าปากลง เห็นสายตาคนตัวสูงมองมา เขาก็คิดว่าคาร์ลอสมองแก้วน้ำที่น้ำหมดแล้ว เลยรีบเอ่ยปากขอโทษทั้งๆ ที่น้ำแข็งยังเต็มปาก

“ฮื่อ ขอโทษทีที่ไม่เหลือไว้ให้ เดี๋ยวเราไปซื้อให้ใหม่น้า ก็มันร้อนๆ มากเลยนี่นา— อึก”

คาร์ลอสโน้มตัวลงแนบริมฝีปาก ไม่ปล่อยให้แมวเหงื่อซ่กได้ประหลาดใจนาน ก็ทำการส่งลิ้นเข้าไปกวาด เก็บ กลืนก้อนน้ำแข็งที่ผ่านการบดบ้าง ยังไม่บดบ้างจากฟันซี่สวย ก่อนจะผละออกมามองสีหน้าตกตะลึงของคนที่น้ำใสไหลเลอะขอบปาก ยืนแข็งเป็นหินพร้อมกับแก้วน้ำแข็งของเขา

ซึ่งตอนนี้น้ำแข็งมันหกจากแก้วเกือบหมดเพราะคนถือบีบแก้วเสียแน่น

“ไม่ต้องเสียเวลาไปซื้อใหม่หรอก กินจากปากเธอก็ได้นี่ ที่รัก”

“ระ ระ ระ เรา—”

ใจกลางย่านค้าขายแบบนี้...จำนวนคนมหาศาลแบบนี้...บอกกันทีว่าไม่มีใครเห็น

“อื้ม น้ำแข็งนี่มันเย็นสดชื่นดีนะ...แถมหวานมากด้วย” อัลฟาหนุ่มพูดจบก็ขยิบตาให้หนึ่งที ก่อนจะกระชับถุงข้าวเหนียวมะม่วงที่ซื้อมาและของกินอื่นๆ แล้วจูงมือฮันเดินนำออกมาจากตรงนั้น

ในขณะที่ฮันได้แต่ก้มหน้าก้มตาเดินตามไป เพราะต้องการปิดบังใบหน้าที่มันแดงปลั่งไปถึงกกหู

อร๊ากกกกกกกกกกกกกกกก

กลับไปถึงห้องแล้วจะทุบหลายๆ ที ที่บอกว่าให้แสดงความรัก แต่ไม่ต้องแสดงต่อหน้าคนหมู่มากขนาดนี้ก็ได้โว้ยยยยย

 

TBC

หนูงงไปหมดแล้วค่ะพี่ตา ตอนนึงมันจะหลากอารมณ์ได้ขนาดนี้เลยเหรอ

ไหนมีใครเริ่มกระจ่างแล้วบ้างไหมตอนนี้ ช่วงแรกคือเปิดมาแบบสุด พี่มาให้ช่วยคลายปมหรือพี่มาเพื่อให้งงกว่าเดิมคะ

ภารกิจตามหาแม่ หรือที่แท้คือฮันนีมูน อันนี้ไม่ชัวร์ แต่ได้กินข้าวเหนียวมูนแน่ๆ จ้า(อะไร)

 

สามารถหวีด ร่วมพูดคุย แสดงความคิดเห็นผ่าน #IABOU

หรือเพื่อติดตามเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของนิยายเรื่องนี้ที่เราจะลงไว้ที่นั่นได้เลย!