listen to this for your อรรถรสในการอ่าน

keshi - LIMBO

 

XVIII

เพราะโลกเติมเต็มด้วยความหลากหลาย

sds

Photo by Yang Shuo on Unsplash

 


 

Looked in my demons and saw myself

Put all my meaning in someone else

 

But this is all that I am

I only show you the best of me

 

Tryin’ but I’m just a man

Hopin' it won't get the best of me

 

The best of me

 


 

“ยิ้มกรุ้มกริ่มทำไม”

[ไม่มีเรื่องเด็ดๆ มาเล่าให้ฟังจริงหยอ]

“มะ ไม่มีโว้ย มีแต่ฝูงอัลปากา เอาไปดูแทนก่อนแล้วกัน!”

[โฮ้ยยย ไม่เหมือนตรงไหนเอาฟอร์สเพนมาวง!]

“ไม่เหมือน! ไม่เห็นจะเหมือนตรงไหนเลย เราหล่อเท่กว่าเยอะเหอะ ไคลี่”

เสียงของฮันที่กำลังเถียงกับเหล่าเพื่อนๆ ผ่านทางเอฟอร์สลอยมาตามลม คนที่กำลังเก็บภาพอยู่อีกทางยกยิ้มมุมปาก เมื่อเห็นโอเมกาหนุ่มราวกับกำลังพองขนฟ่อง หัวคิ้วสวยชนกันแทบเป็นปม แล้วยังมีทำท่าเบ่งกล้าม(?)เพื่อเปรียบเทียบว่าตัวเองไม่เหมือนสัตว์สี่เท้าขนฟูน่ากอดนั่นเลยสักนิด

แม้ไม่ได้ยินเสียงจากปลายสาย แต่อัลฟาตัวสูงก็พอจะเดาได้ว่ากำลังสนทนาเรื่องอะไรกันอยู่

คาร์ลอสเองก็คิดว่าฮันเหมือน...แต่เป็นในทางที่น่ารัก

ใช่ เขาเคยพูดว่าฝูงแกะหลากสี (จำชื่อไม่ได้) พวกนั้นหน้าตาดูตลก แต่ในความน่าตลกของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมพันธุ์นั้น มันก็ยังมีความน่ารักอยู่ พอฮันเทียบกับตัวเอง เขาก็ถึงกับร้องอ๋อในใจว่ามันเหมือนกับอะไร

เหมือนกับฮัน...

...แต่เป็นเวอร์ชันที่น่ารักกว่าเยอะ

แต่ในเมื่อฮันไม่ชอบที่มีคนบอกว่าเหมือนอัลปากา ดังนั้น เขาจะไม่พูดซ้ำให้เจ้าตัวรู้สึกไม่ดี

ดวงตะวันสีส้มนวลตา สาดแสงลงมายามบ่ายแก่ อากาศอบอุ่นแบบไม่ต้องพึ่งเสื้อคลุม ภาพของธรรมชาติที่หาชมได้ยากในวันปกติชวนให้ใจสงบ หยุดคิดเรื่องว้าวุ่น ความหมกมุ่นหดหาย มีเพียงท้องนภาที่แผ่ประกาย

คาร์ลอสมองฮันที่ลดข้อมือลงเพื่อจับจ้องทิวทัศน์ตรงหน้า การที่ได้ยืนมองอีกฝ่ายจากด้านหลังแบบนี้ มันทำให้เห็นว่าฮันตัวเล็กกว่าตนเองขนาดไหน

ความสูง...น่าจะต่างกันมากกว่า 8 นิ้ว

ฮันไม่ได้ตัวเล็กเหมือนผู้หญิง น่าจะสูงตามมาตรฐานชายที่มีเชื้อสายเอเชีย แต่เพราะตัวเขาเองสูงถึง 6’5.1 ฟุต ทุกครั้งที่ยืนข้างกันฮันถึงดูตัวเล็กกว่ามาก

เจ้าของนัยน์ตาสีฟ้ามองเส้นผมหยักศก มันสีเข้มเงางามเหมือนขนตาของเจ้าของ มองไล่ลงมายังต้นคอเพรียวยาวสวยเนียนราวกับน้ำผึ้งเดือนห้า ลาดไหล่บางนั้นก็ช่างน่าโอบถนอม เอวคอดใต้เสื้อยืดสีขาวพาให้หายใจไม่ทั่วท้อง

คาร์ลอสลอบกลืนน้ำลาย

พอเรียกสติตัวเองกลับมาได้ก็ยกกล้องที่ฮันให้ยืมขึ้นมาถ่าย

เพียงแต่รอบนี้ไม่ได้ถ่ายทัศนียภาพเบื้องหน้าอีกต่อไป เพราะจุดโฟกัสคือร่างของใครบางคนที่เฉิดฉายกว่าแสงแห่งใจกลางระบบสุริยะ

กดถ่ายไปแล้วสองภาพ จังหวะนั้นฮันก็เหลียวกลับมา เจ้าตัวคงอยากจะหันกลับมาถามอะไรบางอย่าง

เพียงเสี้ยววิก่อนที่ดวงตาคู่สวยจะได้ฉายความประหลาดใจ คาร์ลอสก็กดชัตเตอร์ค้างไว้ให้มันถ่ายภาพรัว

“ถ่ายอะไรน่ะ ซีแอล”

“ถ่ายฝูงสีน้ำตาลน่ะ” มือหนาลดกล้องลง เชื่อมคลังรูปภาพกับเอฟอร์สตัวเองแล้วกดส่งภาพที่ถ่ายไปเมื่อครู่เข้าระบบอย่างแนบเนียน

ไม่ได้หรอก...ถ้าฮันรู้ว่าแอบถ่ายต้องบอกให้ลบแน่ เพราะคิดว่าตัวเองตอนทำหน้าเหวอจะดูแย่ ดังนั้น เก็บไว้ในคลังสมบัติอันล้ำค่าของตัวเองกันไว้ดีกว่า

ขอบคุณความสามารถในการทำใบหน้าเรียบนิ่งไร้พิรุธของตัวเอง เพราะฮันก็ทำเพียงยักไหล่ เมื่อกดวางสายหลังคุยกับเพื่อนๆ เสร็จก็กวักมือชวนให้ไปดูตะวันลับขอบฟ้าด้วยกัน

ฮันอุตส่าห์กวักมือเรียก จะให้ยังนิ่งเฉยอยู่ยังไงไหว คาร์ลอสวิ่งเหยาะๆ ถือกล้องกลับไปหาเจ้าของ

ซึ่งแน่นอนว่าฮันไม่ใช่แค่เจ้าของกล้องในมือ

แต่เป็นเจ้าของใจที่เคยผุพังดวงนี้ด้วย

เธอกินอะไรเป็นอาหาร ทำไมถึงได้โตมาน่ารักมากมายเพียงนี้

เธอเป็นหมอหรือเปล่า ทำไมถึงได้ฮีลใจกันเก่ง

เธอไม่ใช่แค่ปลาสเตอร์ปิดแผลที่มาปะรอยรั่วของหัวใจ แต่แค่มีเธอ มีฉัน แค่เรามีกันมันก็ทำให้มีเหตุผล...

...ที่อยากจะตื่นลืมตาขึ้นมาในเช้าวันใหม่

“อมยิ้ม’ไรอะ” ฮันรับกล้องคืนไป พอเห็นใบหน้าที่มักจะเรียบเฉยกลายเป็นยิ้มมุมปากจนแก้มเสียทรง โอเมกาน้อยก็รีบเข้าไปเช็กประวัติการถ่ายภาพ

“เปล่านี่” คาร์ลอสทำหน้าตึงเพราะกลัวหลุด (ซึ่งหลุดไปแล้วแต่ไม่รู้ตัว)

“มีพิรุธนะเราน่ะ—”

ฟอด

“ซีแอล! เอาอีกแล้วนะ” ฮันถลึงตาใส่ทันทีที่โดนหอมแก้มกะทันหัน ลืมเรื่องที่จะเช็กภาพถ่ายไปเป็นปลิดทิ้ง

“สมัยนี้แล้ว ไม่มีใครเค้าสนใจกันหรอก”

“มันไม่เกี่ยวกับสมัยไหนทั้งนั้นแหละ แค่มีคนอยู่เยอะ...คนมันก็เขินเป็นนะเฟร้ยยย” ฮันลูบแก้มข้างที่โดนหอมป้อยๆ ได้แต่ก้มหน้างุด ไม่กล้าเหลียวซ้ายแลขวา

“ก็เธอน่ารักขนาดนี้ จะให้อดใจยังไงไหวกันล่ะครับ”

“มัน! ฮื่อ...หยุดปากหวานเดี๋ยวนี้เลยนะ ร่างกายขาดความหวานจนผิดปกติหรือไง” โอเมกาน้อยตัวหดลงเหลือสองนิ้ว ยกมือขึ้นปิดใบหน้าที่ร้อนผ่าว

“ไม่ได้ปากหวาน แค่พูดความจริงนี่ ผิดตรงไหน” อัลฟาหนุ่มโอบเอวบาง

“มันก็แค่อยู่ในช่วงโพรโมนชัน! ถ้าเราคบกันแล้ว ไม่เกินสามเดือนนายคงเบื่อเราแน่”

“โพรโมชันอะไร” คาร์ลอสไม่เข้าใจว่าฮันพูดถึงอะไร แต่ประโยคหลังจะปล่อยให้คิดแบบนั้นไปไม่ได้เด็ดขาด “ไม่ใช่แน่นอน!ฉันไม่มีวันเบื่อเธอหรอกนะ”

“ก็ใครมันจะไปรู้เล่า ถึงวันนั้นนายอาจเจอคนที่ดีกว่า น่าเบื่อน้อยกว่า นายก็คงเปลี่ยนใจแล้วใช่ไหมล่าาา” ฮันพูดทีเล่นทีจริง แต่คนตัวโตกว่ากลับคว้ามือไปกอบกุม พร้อมย้ำด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“ฉันมั่นใจว่ามันจะไม่มีวันนั้น”

“นายเอาอะไรมามั่นใจ”

บอกตามตรงว่าจิตใจมนุษย์เราไม่มีอะไรแน่นอน ขนาดฮันยังไม่มั่นใจในตัวเอง แล้วคาร์ลอสจะเอาอะไรมามั่นใจขนาดนั้น

“เพราะตั้งแต่วันแรกที่เจอเธอ จนมาถึงวันนี้ คำว่าเบื่อไม่เคยย่างกรายเข้ามาในหัวฉันเลยสักนิด...ตั้งแต่วันแรกที่เรารู้จักกัน”

“วันแรกที่เจอนี่หมายถึง...”

“ตั้งแต่วันแรกที่รู้จัก ตั้งแต่วันแรกที่ได้คุย...ตั้งแต่เกรด 1”

“ตั้งแต่...เกรด 1 เลยเหรอ” นัยน์ตากลมโตวูบไหว

“ใช่ ฮัน ตั้งแต่ครั้งแรกที่เธอกล้าเข้ามาทักฉัน กล้าที่จะคุยกับฉันทั้งๆ ที่ไม่มีใครสนใจฉันด้วยซ้ำ ทำไมฉันถึงจะต้องไปสนใจคนอื่นด้วย ในเมื่อมีเธออยู่ทั้งคน”

“...”

“ตอนนั้นก็มีเพื่อนคนอื่นที่น่าทำความรู้จักด้วยมากกว่า น่าคุยด้วยมากกว่า มีคนที่ดีกว่าอยู่เยอะแยะ แต่เธอเลือกที่จะคุยกับฉัน...เลือกที่จะเป็นเพื่อนฉัน”

“...” ฮันมองมือสองข้างของตัวเองที่อยู่ในอุ้งมือแสนอบอุ่น พอมือใหญ่กว่ากระชับจับจูง โอเมกากลิ่นชาดอกไม้ก็เดินตามไปอย่างโอนอ่อน

คาร์ลอสพาฮันมานั่งเก้าอี้ที่ทำด้วยเศษไม้ส่วนเกินจากกระบวนการทำเฟอร์นิเจอร์ ก่อนจะคุกเข่าข้างหนึ่งลงตรงหน้า

“อย่าเพิ่งพูดอะไรนะครับ ฟังให้จบก่อน แล้วเธออยากจะพูดอะไร ฉันจะให้พูดได้ทุกอย่าง”

“...” ฮันงับปากที่กำลังจะบอกว่าให้ขึ้นมานั่งดีๆ ลงแทบไม่ทัน ดวงตาของฮันในตอนนี้สุกสกาวราวดวงดารา ยามหลุบตามองบางสิ่งที่คาร์ลอสหยิบออกมาจากกระเป๋ากางเกง

“ถึงฉันจะเคยขอไปแล้ว แต่ก็อยากจะพูดซ้ำอย่างเป็นทางการ ‘โทษทีนะ มันอาจจะไม่ค่อยสวย ถ้าไม่ชอบ เธอจะถอดตอนไหนก็ได้นะ ฉันไม่ค่อยมีฝีมืองานศิลป์...แต่ตั้งใจทำสุดความสามารถแล้วจริงๆ” คาร์ลอสยิ้มแก้เก้อ

“อะ— อะไรน่ะ” ฮันชะโงกหน้ามองสิ่งที่อีกคนเอามาผูกข้อมือ

“สร้อยข้อมือทำจากหินครับ แต่ละก้อนหน้าตาแปลกๆ เพราะฉันตั้งใจเก็บมาเอง เอามาขัดเงา พ่นสีเคลือบนิดหน่อย แล้วผนึกรหัสด้วยรังสี หินแต่ละก้อนสลักชื่อเธอและฉันด้วยนะด้านใน ถ้าไม่พลิกดูก็จะไม่เห็นเพราะมันเป็นแค่ปั๊มนูน”

“...” ฮันมองมันนิ่ง

สร้อยข้อมือหินสีเข้มที่แต่ละก้อนเฉดสีไม่เหมือนกันเลย บางก้อนกลมเรียบ บางก้อนขรุขระ แต่มีลวดลายเฉพาะตัว ถูกเคลือบมันวาวสวยงาม ราวกับก้อนกรวดในอวกาศ หรือดาวสักดวงในกาแล็กซี

“เพราะฉันรู้ว่าถ้าให้แปะชื่อฉันกับเธอคู่กันหรา เธอคงอายที่จะใส่เดินไปไหนต่อไหนแย่ อย่างน้อยๆ แบบนี้เธอก็จะใส่เป็นเครื่องประดับแฟชั่นได้ไม่เตะตา”

“สวยจัง” ฮันพึมพำพลางยกข้อมือขึ้นดูด้วยความรู้สึกที่อ่านไม่ออก

“ลืมบอกว่ารหัสที่ฉันฝังไว้ในหิน มันเชื่อมกับทุกดีไวซ์ไอดีของฉัน ถ้าเธอกลัวว่าฉันจะไปคุยกับใคร กลัวฉันนอกใจไปมีคนใหม่ ซึ่งไม่มีทางเกิดขึ้นแน่ เธอเข้าไปเช็กได้ตลอดเวลาเลยนะ”

“จะบ้าเหรอ...เรื่องส่วนตัว” ฮันสั่นหน้า

จากตอนแรกที่ดูเหมือนจะทีเล่นทีจริง ไหงกลายเป็นงี้เล่า

ฮันคิด มองคนที่นั่งคุกเข่าตรงหน้าแล้วพวงแก้มก็ขับเลือดฝาด นิ้วหัวแม่มือใหญ่ลูบหลังมือเขาไปมา และดวงตาที่สวยเสียยิ่งกว่าท้องฟ้าในยามนี้...จับจ้องลึกเข้าไปกลางใจ

“เรื่องส่วนตัวของฉัน นับแต่นี้ฉันอนุญาตให้เธอเข้ามา ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในชีวิต ฉันพร้อมแชร์มันไปกับเธอ”

“...”

“ทุกคืน...ฉันอยากหลับตานอนไปพร้อมกับเธอ”

“...”

“ทุกมื้อ...อยากทำอาหารให้เธอกิน ถ้าเธอบอกว่าไม่อร่อย ฉันก็จะไปเรียนทำอาหารมาใหม่ แต่ถ้าเธอไม่อยากกินฝีมือฉัน ฉันก็จะสั่งทุกอย่างที่เธออยากกินให้”

คาร์ลอสระบายยิ้มนุ่มนวล เสียงทุ้มเอื้อนเอ่ยคำที่ทำให้ใจดวงน้อยหลอมเหลวเป็นน้ำ

“ทุกเช้า...อยากลืมตาขึ้นมาพร้อมเธอ ไม่สิ ฉันจะขอตื่นก่อนนะ เพราะอยากมองเธอตอนหลับบนอกฉันสักพัก”

“...” คนฟังใบหน้าหงิกงอเพราะมันจั๊กจี้หัวใจดีจริงๆ

“อยากเห็นเธอเติบโตไปด้วยกัน”

“หมายถึงแก่อะดิ ถึงตอนนั้นแก่ผมหงอกแล้วจะยังพูดแบบนี้ป่าว หือ...พ่อหนุ่มนักรัก” ฮันดึงแก้ม (ที่แทบจะไม่มี) ของคาร์ลอส “พ่อฮีตเตอร์ พ่อไมโครเวฟ พ่อเตาปฏิกรณ์ พ่อลาวาที่ยังไม่หยุดปะทุ พ่อดวงอาทิตย์”

คาร์ลอสได้ยินฉายาใหม่ของตัวเองก็หลุดหัวเราะ

“ครับ อยากเห็นร่องรอยความชราของเธอ อยากเห็นผมหงอกขาว อยากเห็นตีนกาตรงหางตาหรือรอยร่องแก้มเธอจะแย่”

“ผมว่าเขาคนนี้แปลก คุณหมอครับ ช่วยเช็กสมองชายผู้นี้ที” ฮันสวมบทเป็นผู้พบเห็นชายความคิดพิลึกคน ทำทีเป็นเรียกหมอ ก่อนจะหัวเราะคิก

“หรือสรุปแล้วก็คือ...ฉันอยากอยู่ด้วยกันไปจนกว่าใครคนใดคนหนึ่งจะหมดลมหายใจ”

ฮันเงยหน้าขึ้นมองฟ้าแล้วหัวเราะกลบเกลื่อนหยาดน้ำตาคลอเบ้า สูดหายใจเข้าลึกเพื่อกลั้นอารมณ์ที่เปี่ยมล้นภายในใจ

“อย่างกะขอแต่งงานแน่ะ เว่อเกินไปไหมพ่อคุณ” พอฮึบแล้วก็ก้มหน้างุด เพราะกลัวว่าคนช่างสังเกตจะเห็นดวงตาที่ร้อนผ่าวของตัวเอง

“งั้นถ้าขอตอนนี้เลยได้เหรอ” คาร์ลอสตาโต กระชับมือน้อย “หรือหมั้นกันก่อนก็ได้ เรียนจบแล้วค่อยแต่ง”

“คิดจะขอก็ขอเลยเนี่ยนะ บ้าอ่อ ฮึ่ยยย” ฮันทุบไหล่หนาทีเล่นทีจริง แต่คนโดนกระทำมีหรือจะหวั่นเกรง ยังหัวเราะชอบใจอยู่เลยที่ตัวเองโดนทุบ “รีบชะมัด”

ตาคู่คมกลับไปมองข้อมือขวาของฮัน พลางลูบฝ่ามือนิ่มอย่างถนอม

“ชอบไหม...ฉันมันพวกไม่เอาไหนเรื่องงานฝีมือ ถ้าเธอเป็นคนทำ น่าจะสวยกว่านี้มากแน่ๆ” คาร์ลอสค่อนขอดตัวเอง

“ชอบสิ ชอบมากเลย ว่าแต่...ทำไมต้องเป็นสร้อยข้อมือล่ะ” นั่นคือสิ่งที่ฮันสงสัยตั้งแต่แรก

“เพราะถ้าให้รถเธอคงไม่เอา”

“แต่ถ้าเป็นโรลส์-รอยซ์คันนั้นก็ต้องเอาดิ อะโด่ววว ใครมันจะไม่เอาก๊อนน”

“งั้นฉันโอนเปลี่ยนเจ้าของให้เป็นของเธอเลยนะ” คาร์ลอสยกเอฟอร์สขึ้นมากด ฮันเบิกตาโตเท่าไข่ห่าน รีบรั้งแขนหนา

“บ้าเหรอ! เราแค่พูดเล่น นั่นรถทั้งคันเลยนะเฮ้ย”

“เห็นไหมล่ะ” เสียงทุ้มย้อนว่าสิ่งที่ตนพูดไปก่อนหน้าไม่ใช่เรื่องเกินกว่าที่คาด “ที่เป็นสร้อยข้อมือเพราะมันคงใส่สะดวกกว่าสร้อยคอ ฉันไม่ค่อยเห็นเธอใส่เครื่องประดับด้วย ถ้าเป็นแหวนก็กลัวว่าจะทำหล่นหายง่ายเวลาล้างมือหรือเร่งรีบ ฉันเอาไว้รอตอนขอเธอแต่งงานดีกว่า...ครับๆ อย่าเพิ่งตาเขม็ง ยังไม่ขอตอนนี้หรอก”

ฮันหรี่ตาลง ฟังหนุ่มอัลฟาพูดต่อ

“ถ้าเหตุผลหลักๆ ก็คือมันสะดวกกับเธอ ยามเกิดเหตุด่วนอะไรเธอแค่กดหินก้อนนี้ค้างไว้สามวิเท่านั้น มันจะส่งพิกัดเธอไปหาฉัน” คาร์ลอสชี้หินก้อนที่กลมและใหญ่ที่สุดตรงกลาง “แต่ไม่ต้องกังวลว่าฉันจะใส่ที่ตามพิกัดเธอตลอดเวลาหรือเปล่า ฉันจะรู้ว่าเธออยู่ไหนก็ต่อเมื่อเธอกดเพราะต้องการความช่วยเหลือเท่านั้น ถ้าเธอไม่มั่นใจ เอาไปให้กรมพิสูจน์อุปกรณ์ทางเทคโนโลยีตรวจสอบก็ได้นะ”

“...” คิดมาหมดแล้วสินะ เป็นนักวางแผนหรือไงกัน ฮันส่ายหน้าอมยิ้ม

“แต่เหตุผลที่สำคัญที่สุดเลยก็คือ...เวลาที่เธอคิดถึงกัน จะได้ดูมันต่างหน้า”

“เดี๋ยวนี้คิดถึงแล้วคอลหากันก็จบเหอะ บทจะโรแมนติกทีนี่กินรวบไม่เผื่อใครเลยอะโด่วว แต่ก็...ชอบนะ” ฮันยู่หน้าใส่ “ลุกขึ้นมาได้แล่ววว คนมองนะเฟร้ย”

“ฮันครับ” นอกจากคนตัวสูงจะไม่ยอมขยับ ยังกระชับมือนิ่มอีกครั้ง เรียกให้คนเขินจนหูแดงหันมาสบตา

แล้วต่างคนก็ต่างเงียบไป มีเพียงนัยน์เนตรมองผสาน

จังหวะนี้แหละที่อัลฟาหนุ่มคิดว่าคือ perfect timing ของตน ทุกคำที่คั่งค้างอยู่ในใจ ต้องได้บอกไป...เพราะไม่อย่างนั้นคืนนี้คงกระวนกระวายเหมือนคนดื่มกาแฟก่อนนอนเป็นแน่

แสงตะวันลับขอบฟ้าชะลอผู้คน ชักจูงมนุษย์ที่ยังติดหล่มความวุ่นวายของสิ่งเร้าให้เคลื่อนไหวเชื่องช้าลง ต่างคนต่างการกระทำ บ้างก็หยุดนิ่งเพื่อมองดวงอาทิตย์ที่ขึ้นและลงเหมือนเดิมทุกวัน ทว่าไม่เคยได้หยุดเพื่อจดจ้องมัน บ้างก็ยกกล้องขึ้นมาถ่าย บ้างก็แสดงความรักผ่านภาษากายแก่คนรัก

ทินกรเฉิดฉายพรายแพรว ไม่แคล้วต้องมีลับ

จุดสนใจของผู้คนนั้นแตกต่าง แต่ในสายตาของคาร์ลอส ตอนนี้เขาเห็นเพียงใบหน้าของฮัน อัลเลน ไนท์

Deep blue sea eyes

Honey radiant skin

“I adore, cherish, fancy you…from the bottom of my heart.”

ชื่นชมหลงใหล คลั่งไคล้ทะนุถนอม ห่วงหารักใคร่เธอ..จากก้นบึ้งดวงใจ

“...”

“You complete me.”

เธอเติมเต็มฉัน

“And I want us to complete each other.”

และฉันอยากให้เราเติมเต็มกันและกัน

ฮันจ้องลึกเข้าไปในดวงตาอันแน่วแน่นั่น ก่อนจะตอบคำหนึ่งที่ทำให้คนฟังลำคอแห้งผาก

“...I’m yours…”

“...”

ฮันโน้มหน้าลงไปใกล้ หน้าผากทั้งสองแนบสนิท ริมฝีปากได้รูปเอ่ยกระซิบ

“Always be yours.”

ใจฉัน...มันไม่ใช่ของตัวเองมาตั้งนานแล้ว

มันถูกยกให้นายไปตั้งนานแล้ว คาร์ลอส เอลเลียต โฮล์มส์

ใจฉันมันเป็นของนายไปตั้งแต่แรกแล้ว...ไม่รู้บ้างหรือไง

 

αβΩ

 

“อือ...ฮ— ใจเย็น ซีแอล”

“เธอยั่วฉันขนาดนี้แล้วมาบอกให้ใจเย็น?”

“เราเปล่ายั่ว— อ๊ะ!”

หัวค่ำนี้ไม่มีแผนไปที่ไหนต่อ ถ้าไม่ไปเดินเล่นหรือท่องเที่ยวตามแลนด์มาร์กอื่น ก็เตรียมเดินทางไปภูเขาพิลาทุสต่อพรุ่งนี้ ทว่าหลังจากคาร์ลอสได้คำตอบรับการเริ่มความสัมพันธ์ของฮัน ทั้งคู่ก็มุ่งหน้าพากันกลับที่พัก

แต่ไม่ได้รีบกลับมาเตรียมตัวเดินทางต่อแต่อย่างใด

ซึ่งไม่ต้องบอกก็รู้ว่าถ้าไม่เที่ยวต่อ ไม่ได้จัดกระเป๋า แล้วจะทำอะไร

ที่พักวันนี้เป็นโฮสเทลธรรมดา นอนแยกห้องกันเหมือนเดิม แต่ ณ จุดนี้ ต่อให้ห้องแยกกัน แต่ไม่มีอุปสรรคใดสามารถขวางกั้นร่างสองร่างที่นัวเนีย แนบชิดสนิทตั้งแต่ริมฝีปากยันซอกขาด้านในไปได้ ทั้งคู่เริ่มตะโบมโหมจูบใส่กันตั้งแต่ประตูห้องพักยังไม่ทันปิดดี

ครืด

เอฟอร์สของคาร์ลอสสั่นหนึ่งครั้ง แต่ไม่มีใครสนใจ ร่างหนาบดเบียดริมฝีปากกลืนกินกลีบปากนิ่มจนฮันตัวอ่อน ลำแขนที่ผ่านการวิดพื้นอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมาแข็งแรงพอที่จะรวบร่างอีกฝ่ายไม่ให้ร่วงหล่น

จะให้อุ้มทั้งวันก็ยังได้

คำนี้ไม่เกินจริง...นับประสาอะไรกับการประคองอีกฝ่ายให้ยืนเพื่อรองรับกิจกรรมที่กำลังจะเกิดในอีกอึดใจนี้

“พร้อมแล้วใช่ไหม”

“พะ พร้อมอะไร...” ใจดวงน้อยเต้นรัว กกหูและลำคอร้อนราวไฟผิง

“เพราะคืนนี้เธอไม่รอดแน่ ฮัน ต่อให้จะบอกว่าไม่ไหว ฉันก็จะไม่ผ่อนปรนให้หรอกนะ”

“แง้” ฮันยกมือปิดปาก กะพริบตาปริบๆ

ไม่อยากจะปฏิเสธเลยว่าซีแอลเวอร์ชันนี้นี่มัน...กร๊าวใจมากอะ!!

หนูอยากได้เขาอะหม่าม้า!

ทว่า

ครืด

ครืด...

ยังไม่ทันได้เริ่ม เอฟอร์สข้อมือขวาของอัลฟาหนุ่มก็สั่นจนต้องหันไปมอง ตอนแรกเจ้าของเครื่องก็ตั้งท่าจะถอดมันโยนไปที่ไหนสักมุมในห้อง แต่ฮันเอ่ยรั้ง

“ไม่ดูสักหน่อยเหรอ เผื่อมีเรื่องด่วนนะ”

“คงมีแต่พวกเพื่อนส่งอะไรมากวน” คาร์ลอสไม่ค่อยมีเพื่อน (สนิท) เป็นที่ทราบกันดี ฉะนั้นส่วนใหญ่เวลามีแจ้งเตือน ถ้าไม่เรื่องงาน ซึ่งช่วงนี้ไม่น่ามีเรื่องด่วนแน่ ก็ต้องเป็นพวกเพื่อนขี้เสือกของตัวเอง

คนตัวสูงกว่าปลดมันจากข้อมือ กำลังจะวางมันข้างหัวเตียง แต่ก็ชะงัก “ถ้าคิดว่าฉันนอกใจ เธอจะเอาไปดูก็ได้นะ”

“ไม่เอา ซีแอลดูเลย” ฮันส่ายหน้าปฏิเสธ

แม้ว่าคาร์ลอสจะให้อิสระในการเข้าไปในชีวิตส่วนตัวได้เต็มที่ แต่ยังไงเขาก็จะให้พื้นที่ส่วนตัวกับอีกฝ่ายอยู่ดี

เพราะถ้าเชื่อใจกันมากพอ...ก็ต้องเคารพการตัดสินใจ และชีวิตส่วนตัวของอีกฝ่ายด้วย

ถึงฮันจะปฏิเสธ แต่คาร์ลอสก็ปลดล็อกเอฟอร์สแล้วกดเปิดแจ้งเตือนล่าสุดดูไปพร้อมกับอีกคน

 

ข้อความ - ไม่ทราบผู้ส่ง

หยุดสิ่งที่กำลังทำเสียตั้งแต่ตอนนี้ เพราะทุกสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่มันเปล่าประโยชน์ 2 นาทีที่แล้ว

อย่ารังแต่จะสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น 1 นาทีที่แล้ว

ระวังตัวไว้ให้ดี เพราะเธอคงไม่อยากเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไปแน่

1 นาทีที่แล้ว

 

αβΩ

 

“นอนไม่หลับเหรอ”

“’โทษที…แสงไฟมันกวนใช่ไหม ฉันกลับไปห้องตัวเองดีกว่า”

ชายหนุ่มที่นั่งนิ่งในความมืดอยู่นานเพิ่งได้สติ กดล็อกหน้าจอเอฟอร์สพร้อมขยับลุกจากเตียง แต่ก่อนจะได้เดินกลับห้องตัวเอง มือเรียวก็เอื้อมไปรั้ง

คาร์ลอสหันกลับมาหาคนที่ดึงแขนเสื้อตนเองไว้

“ซีแอล มีเรื่องอะไรคุยกับเราได้...รู้ใช่ไหม”

ค่ำคืนของวันที่สี่ในสวิตเซอร์แลนด์เงียบสงบ และอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าจะนับเป็นเช้าวันที่ห้า

ท่ามกลางความมืดมิดภายในห้องพัก ฮันเห็นเพียงใบหน้าเรียบนิ่งที่สะท้อนแสงไฟของเอฟอร์ส นานนับนาที จนกลายเป็นชั่วโมง อีกฝ่ายก็ยังนั่งมองข้อความปริศนาอยู่อย่างนั้น

ภายใต้ใบหน้าที่ไม่แสดงความรู้สึกใด ฮันรู้ว่าภายในหัวของอีกฝ่ายคงคิดอะไรให้วุ่นวาย

ฮันรู้สึกตัวอีกทีเกือบเที่ยงคืน ก็ยังเห็นคาร์ลอสไม่ยอมนอน แต่นั่งพิงหัวเตียง เห็นแล้วก็ได้แต่กังวลและเครียดแทน

อย่างน้อยคิดอะไร ก็น่าจะพูดออกมาบ้าง

เหลือเวลาไม่มากแล้วสำหรับการมาดูงานพ่วงการพักผ่อนหย่อนใจ

ทุกอย่างกำลังจะเป็นไปได้สวยในทริปนี้ แม้ว่าพวกเขาทั้งคู่จะยังไม่มีไอเดียดีๆ ในการทำโปรเจ็กต์ แต่ถึงอย่างไรก็ยังเหลืออีกหนึ่งประเทศให้ไปค้นหา จะกลับไปคิดทบทวนอีกทีก็คงไม่สาย

ค่ำคืนนี้ไม่ได้เป็นไปดั่งใจหวัง

หลังเห็นข้อความปริศนาไม่ทราบผู้ส่ง อารมณ์น่าใคร่ในช่วงเย็นก็มลายหายไป

ฮันพยายามคิดในแง่ดี และช่วยปลอบใจว่ามันอาจจะเป็นสแปม หรืออาจจะเป็นกลวิธีของมิจฉาชีพที่มาในรูปแบบของการขู่ให้กลัว ทำให้หลงเชื่อ หรือใช้วิธีสารพัดมาทำให้ผู้ได้รับตื่นตระหนก

ถ้าเราไม่ได้ไปมีเรื่องกับใคร หรือไม่ได้ทำอะไรผิด ก็ไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องกังวล

ทว่าสิ่งที่หนุ่มตัวสูงพะวงมันลึกไปมากกว่านั้น

ข้อความปริศนาส่งมาเหมือนรู้ว่าเขากำลังจะทำอะไร มันไม่ได้แค่ขู่ให้กลัว หรือโน้มน้าวให้หลงเชื่อ

ไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อรีดไถเงิน

คาร์ลอสมีประสบการณ์ในเรื่องที่เด็กวัยเดียวกันไม่น่าจะเคยสัมผัสอยู่มาก

เขาเป็นหลานของประธานาธิบดีคนปัจจุบัน น้อยคนที่จะรู้เพราะเรื่องนี้ไม่ได้ถูกเปิดเผยกับสื่อใด

และเขาก็แยกทางจากครอบครัวมาตั้งแต่ขึ้นเยียร์ 10

จบเยียร์ 13 ที่อังกฤษก็กลับอเมริกาแบบไม่บอกใคร

เขาไม่ได้คุยกับพ่อมานานมากแล้ว ซึ่งอีกฝ่ายและครอบครัวทางนั้นก็ไม่ได้มีท่าทีว่าจะสนใจใยดีอะไร

ซึ่งนั่นก็ดีแล้ว เพราะเขาไม่ต้องการ

เดิมที เขาเป็นลูกชายคนเดียวของเจ้าของธุรกิจยักษ์ใหญ่ ถูกตั้งความคาดหวังให้เปิดเผยตัวตนจากสังคม คนในครอบครัวกดดันให้จงรักภักดีต่อบริษัทเพื่อที่เรียนจบแล้วจะมาสืบสานต่อทันที

เพราะบริษัทคู่แข่งหนึ่งเดียวพร้อมที่จะเล่นข่าวประเด็น ‘เส้นสาย’ ในการทำงาน

เดี๋ยวนี้ไม่เหมือนกับเมื่อก่อน

คนที่จะเข้ามาทำงานในบริษัท ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ต้องผ่านการคัดเลือกโดยการสมัครเข้าทำงานตั้งแต่ขั้นตอนแรกเหมือนกันทุกคน ต่อให้เป็นลูกหลานของผู้บริหารบริษัทก็ไม่เว้น เพียงเพราะมีเลือดเนื้อเชื้อไขเดียวกัน ไม่ได้ความว่าจะสามารถไปแย่งตำแหน่งหน้าที่การงานใครก็ได้

ทุกคนมีสิทธิ์เท่าเทียมกันในการสมัครเข้าทำงาน จะได้เลื่อนตำแหน่งก็ต่อเมื่อมีผลงานเป็นที่ประจักษ์

ไม่เหมือนสมัยก่อนที่ขอแค่ ‘ฝากเข้า’ ‘สนิทชิดเชื้อ’ หรือเป็นญาติ ‘คนใหญ่คนโต’ ก็จะได้ลัดหน้าไปทำงานในตำแหน่งสูงๆ

ยิ่งบริษัทคู่แข่งรู้ว่าตระกูลนี้มีลูกชาย ‘อัลฟา’ สื่อทุกสำนักก็หูผึ่ง จับจ้อง พร้อมที่จะเล่นงานครอบครัวเขาได้ทันที ขอแค่ได้สะดุดเพียงเล็กน้อย...นั่นหมายความว่าการออกสื่อของเขาเท่ากับมอบชีวิตให้แก่สาธารณะ

ต้องพร้อมให้ตรวจสอบทุกอย่าง...และทุกเมื่อหากประชาชนเกิดข้อกังขา

บริษัทที่ครองส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับหนึ่งของโลก...ควรคู่กับข่าวหน้าหนึ่งเสมอ

แม่เลี้ยงอัลฟาของเขามีลูกยาก แต่ก็ใช่ว่าจะมีลูกไม่ได้

หลังจากพ่อพาเขาไปอังกฤษตั้งแต่เกรด 4 ไม่กี่เดือนหลังจากนั้นแม่เลี้ยงก็ท้อง ให้กำเนิด ‘อัลฟาหญิง’ แก่ตระกูล

พ่อดูจะดีใจใหญ่ คงเพราะไม่ต้องมาทนบังคับให้เขาตั้งใจเรียนบริหาร หรือพยายามเสแสร้งพูดดีกับเด็กที่ไม่เอาโลกแล้วทั้งใบอย่างเขา

น้องต่างแม่เป็นอัลฟาหญิง...นับได้ว่าเป็นจุดสูงสุดของห่วงโซ่

ถ้าเป็นในยุค 21 เพศหญิงถือเป็นเพศที่ถูกกดขี่และถูกทำให้ต่ำกว่าเสมอโดยทางกายภาพ อีกทั้งบริบทของสังคม เพศหญิงต้องอ่อนแอ ต้องเป็นแม่ของลูก ต้องเป็นแม่บ้านแม่เรือน ต้องมีที่พึ่งพิงเสมอ

แต่สมัยนี้ไม่ใช่แบบนั้น

บริบทเหล่านั้นถูกแทนที่ด้วยผู้มีเพศรองเป็น ‘โอเมกา’

ดังนั้น ผู้ที่อยู่จุดสูงสุดของบริบทของสังคม ก็ต้องเป็น ‘อัลฟา’

ทว่า ทำไมเขาถึงบอกว่า ‘อัลฟาหญิง’ นับเป็นจุดสูงสุดของห่วงโซ่?

พัฒนาการของเพศหญิงนั้นมีมาตั้งแต่ยุคก่อนเกิดการวิวัฒน์ เพศหญิงยุคก่อนแท้จริงแล้วทำทุกอย่างได้เทียบเท่าเพศชาย แม้ว่าหลักทางกายภาพจะถือว่าต่ำกว่าเพศชาย แต่ถึงอย่างนั้น ในชีวิตจริงแล้วผู้หญิงสามารถทำงานแทบทุกอาชีพได้ดีไม่น้อยไปกว่าผู้ชาย

งานที่บอกว่าต้องใช้แรง ใช้กำลังความแข็งแกร่งของเพศชายเท่านั้นเพราะผู้หญิงทำไม่ได้ แท้จริงมีบทพิสูจน์ออกมามากมายว่าทำไมจึงจะไม่ได้

ที่มันไม่ได้เพราะงานเหล่านั้นมีชายเป็นภัย

สิ่งที่อันตรายที่สุดสำหรับผู้หญิง ก็คือผู้ชาย

จริงอยู่ที่กายภาพเพศหญิงในแง่ของแรงกำลังนั้นต่ำกว่าเพศชาย แต่ใช่ว่านั่นจะคือเรื่อง ‘ด้อย’ ไปเสียเมื่อไร

สังคมในยุค 21 ต่างตอกย้ำว่าผู้หญิงนั้นอ่อนแอ

หากว่าเพศหญิงคือผู้แบกสังขารไปทำงานได้ปกติในวันที่มีประจำเดือน ไม่ต่างจากเพศชายที่ว่าแข็งแกร่งนักหนา

อุ้มท้องในขณะที่ทำงานไปด้วยเพื่อไม่ให้ผู้ชายบางคนบอกว่าเอาเปรียบ

กิจวัตรในแต่ละวันมีมากกว่าไม่รู้กี่เท่า ตั้งแต่ตื่นนอน ยันกล่อมลูกหลับ

ถึงอย่างนั้น มนุษย์ทั้งหลาย ไม่ว่าจะชายหรือแม้แต่ผู้หญิงด้วยกัน ยังบอกว่าผู้หญิงเป็นเพศอ่อนแอ ต้องการการดูแล

ยุค 22 มนุษย์ราวกับเพิ่งตื่นจากการหลับใหล หรืออาจเรียกได้ว่า มนุษย์ยุคก่อนสูญสิ้นไปแทบทั้งหมดแล้ว

แน่นอนว่าผู้ที่ยังคงเชื่อมั่นถือมั่นในสิ่งที่ตนถูกปลูกฝังมานั้นยังมีอยู่ แต่คนหมู่มากในสังคมนั้นเปลี่ยนไปแล้ว อะไรที่เคยเป็นบาดแผล เป็นความเชื่อผิดๆ จะต้องไม่มีการทำซ้ำในยุคต่อไป

ลูกหลานเรา...จะต้องไม่โดนแบบที่เราโดน

ลูกหลานเรา...จะต้องไม่เจ็บปวดแบบที่เราเคยเจ็บปวด

และเรา...จะต้องไม่ส่งต่อบาดแผล ไม่ว่าทางกายหรือจิตใจให้แก่พวกเขา

มวลมนุษยชาติเริ่มเรียนรู้ที่จะก้าวผ่านความเจ็บปวด และหยุดการทำซ้ำจากความคิดที่ว่า

ยุคเรายังเคยโดนหนักว่านี้

เราเคยลำบากมามากกว่านี้ ยุคพวกเธอโดนแค่นี้ยังน้อยไป

พวกกูเคยโดน พวกมึงก็ต้องโดน

ทว่าโลกยังไม่ทันจะเบ่งบาน มหันตภัยโรคร้ายก็เริ่มต้นขึ้น นำมาสู่การวิวัฒน์ทางพันธุกรรม ก่อให้เกิดเพศรองที่ราวกับเป็นเครื่องรีสตาร์ทโลกให้กลับไปยังยุค 20

เพศรองนั้นเด่นกว่า...

เพศรองนี้ด้อยกว่า...

เปรียบเทียบกันไปมาจนมองข้ามความเป็นมนุษย์ เพราะเป็นรุ่นที่ไม่ตามการสืบทอดทางความคิดที่ว่า ‘เพศหญิงด้อยกว่า’ การรีเวิร์สสิ่งนึกรู้และพลิกผันจึงเริ่มขึ้น

มนุษย์ยุค 22 เชื่อว่าการทำให้คนเท่าเทียม ก็ต้องยกชูสิ่งที่เคยด้อยค่าขึ้นมาให้อยู่เหนือกว่า

ในเมื่อเพศหญิงก็ทำทุกอย่างได้ไม่ต่างจากเพศชาย ในบางเรื่องก็ถือว่าทำได้ดีกว่าโข ดังนั้น เพศหญิงก็ควรจะมีอำนาจสูงสุด

กอปรกับการเข้ามามีอำนาจของเพศรอง นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไม ‘อัลฟาหญิง’ ถึงถูกมองว่าเป็นจุดสูงสุดในยุคนี้

อัลฟาหญิง...เฉลียวฉลาด...แข็งแกร่ง...และเป็นผู้ให้กำเนิด

ทุกอย่างมันพลิกผันจากยุคก่อนไปถึงขนาดที่ว่า

...ประธานาธิบดีคนล่าสุด ถือว่าเป็นการได้มาของตำแหน่งซึ่งมีเรื่องของอำนาจการกดขี่ทางเพศจากยุคก่อนมาเกี่ยวข้องหรือไม่...

...ได้ตำแหน่งเพราะเป็นเพศชาย ไม่ใช่เพราะความสามารถ...

...คนกลุ่มใหญ่แห่เรียกร้องให้ตรวจสอบผลโหวต คาด ความไม่เป็นธรรมของการใช้เว็บบริษัทเมตา...

เมื่อก่อนมักมีประโยคที่ว่า

ถ้าคนคนนี้เป็นผู้ชาย คงจะไม่มีคำถามนี้เกิดขึ้น

สมัยนี้ก็มี

ถ้าคนคนนี้เป็นอัลฟาหญิง คงไม่มีใครเคลือบแคลง

หัวข้อข่าวหน้าหนึ่งราวสองปีที่แล้ว คาร์ลอสยังจำมันได้ขึ้นใจ

ผู้คนต่างครหาการได้ขึ้นมารับตำแหน่งประธานาธิบดีของ อาดัม เอลเลียต โฮล์มส์ ว่ามีความไม่ยุติธรรมหรือไม่ เพราะเป็นผู้ชายเพียงไม่กี่คนที่ลงสมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดี และระบบที่ใช้ลงคะแนนมีผู้ร่วมพัฒนาจากบริษัท Metaverse World Group มีการสอบสวนอยู่นานกว่าจะได้ข้อสรุปว่าอาดัมได้ตำแหน่งนี้มาจากการเลือกตั้งของประชาชนโดยบริสุทธิ์

ทุกอย่างมันกลับตาลปัตรไปมากในระยะร้อยปีมานี้

ผู้คนยังคงโฟกัสอยู่ที่ความแตกต่างทางเพศ เชื้อชาติ ศาสนาและอื่นๆ อีกมากมายจนมองข้ามข้อเท็จจริงที่สำคัญที่สุดไป

ความเป็นคน

ถ้าตัดเรื่องความแตกต่างภายนอกทั้งหมดออกไป สิ่งเดียวที่มนุษย์มีเหมือนกันคือ ความเป็นมนุษย์ มีเลือดเนื้อเชื้อไข มีชีวิตจิตใจไม่ว่าจะชาย หญิง ผู้ไม่กำหนดเพศ ยากดีมีจน เป็นคนเหมือนกัน

ไม่ว่าจะผ่านมากี่ศตวรรษ มนุษย์ก็ยังติดลุ่มหล่มโคลนตมเหล่านี้

ถึงจะบอกว่าพัฒนากว่าเมื่อก่อนมาก ซึ่งมันก็ต้องแน่นอนอยู่แล้ว มนุษย์ต้องมีการเปลี่ยนแปลง มนุษย์ต้องมีการพัฒนา

ระยะเวลานับร้อยปี เห็นทีจะมีเพียงอุปกรณ์ที่ล้ำหน้า

แต่สติปัญญามนุษย์ยังต้องได้รับการพัฒนาอีกมาก

“ต้องเป็นคนที่รู้จักฉัน”

“หือ?” ฮันเลิกคิ้วขึ้นเมื่อจู่ๆ คนข้างกายก็พูดขึ้นมาท่ามกลางความเงียบสงัด โอเมกาหนุ่มนั่งชันขาบนเตียง ซบหน้าลงกับเข่า หันหน้าไปทางคนพูดยามตั้งใจรับฟัง เป็นท่าที่ชอบทำประจำตอนเป็นเด็ก หรือตอนที่ผ่อนคลาย

ซึ่งอยู่กับคาร์ลอส...ทำให้เขาผ่อนคลายและรู้สึกปลอดภัย

“ข้อความ...ต้องส่งมาจากครอบครัวฉันแน่นอน”

“ครอบครัว?”

“มันเหมือนเป็นคำขู่ไม่ให้ทำอะไรที่อาจขัดผลประโยชน์ และคนคนเดียวที่มีข้อขัดแย้งกับฉัน...พ่อ”

 

αβΩ

 

เช้าวันที่ห้ามาถึงไวในพริบตา ฮันไม่รู้ว่าตนเองหลับไปตั้งแต่ตอนไหน แต่น่าจะเป็นตอนที่คาร์ลอสเล่าเรื่องในวัยเด็กผ่านไปเรื่องที่ห้า ลืมตามาอีกทีเห็นแต่อะไรดำๆ กว่าจะรู้ว่านอนเอาหน้าจุ่มอกคาร์ลอสก็ตอนที่คนตัวใหญ่กว่าหัวเราะจนแผงอกขยับ

ก็ตื่นมาแล้วเห็นอะไรแข็งๆ มืดๆ มันก็ต้องมึนกันบ้างไหมอะ!

คาร์ลอสเล่าเรื่องครอบครัวให้ฟังแต่แรก ฮันเข้าใจเพียงแค่นั้น แต่ไม่อาจรับรู้ถึงความกดดันมหาศาลที่คนตัวสูงต้องแบกรับได้เลย เรื่องเมื่อคืนยังไม่คลี่คลาย และไม่มีบทสรุปว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไป เช้านี้ก็มีเรื่องมาให้เซอร์ไพรส์

ภูเขาพิลาทุส (Mount Pilatus) หรือที่รู้จักกันในชื่อภูเขามังกร เป็นยอดเขาอยู่คู่เมืองลูเซิร์น มีความสูงราว 2,120 เมตร และที่สำคัญเลยก็คือ ขึ้นไปแล้วไม่เพียงแต่เห็นวิวทิวทัศน์ของเทือกเขาแอลป์...แต่ยังสามารถเห็นทะเลสาบลูเซิร์น ทะเลสาบสี่พันธรัฐ

ซึ่งนั่นแหละจุดขายของที่นี่

ฮันรู้ว่าคาร์ลอสไม่ใช่คนเลือกสถานที่ และไม่ได้มีความรู้เรื่องสถานที่ท่องเที่ยวในสวิตเซอร์แลนด์มากนัก อัลฟาหนุ่มฝากบอกเพื่อนว่าสถานที่ขอไม่เอาทะเลก็จริง แต่ไม่ได้กำกับไว้นี่ว่าขอไม่ให้เห็นวิวทะเลด้วย

ซึ่งฮันบอกตามตรงว่าถ้ามันต้องเรื่องมากถึงขนาดนั้นเขาก็ไม่เป็นไรหรอก ต่อให้คาร์ลอสจะรีเควสท์ไปละเอียด แต่มันก็คงเป็นไปได้ยากอยู่ดีที่จะอยู่ในสวิตเซอร์แลนด์โดยไม่เห็นทะเลผ่านตาเลย

เว้นแต่ว่าอยู่แต่ในห้องพักของโรงแรม ไม่ออกไปไหนเลยอะนะ

“ฉันจะไม่พาเธอขึ้นไป” เสียงทุ้มว่าหนักแน่น

หลังจากเซิร์ชหาข้อมูลของสถานที่ในเช้าวันใหม่ คาร์ลอสก็ถึงกับขมวดคิ้วเป็นปมใหญ่ เอาแต่โทษตัวเองซ้ำๆ ที่ไม่เช็กสถานที่ให้ดีก่อนพาฮันไป แต่ก็พากันขึ้นรถไฟมาแล้ว จะให้กลับตอนนี้เห็นทีว่าจะเสียเที่ยว

“ไม่เป็นไรหรอก ซีแอล มีนายอยู่ด้วยทั้งคนนี่นา แค่มีซีแอล...เราก็ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น”

“ไม่ ฮัน ถ้าเธอมีอาการแบบวันนั้นอีก ถ้าเธอช็อก ถ้าเธอ—”

“นะ นะ น้าาา เราอยากไปดู มองจากที่ไกลๆ เราไม่กลัวหรอก ถ้ากลัวก็จะจับมือนายไว้แน่นๆ เลยเป็นไง? จะไม่พาเค้าไปจริงเหรอ? นะ น้าาา ที่รัก”

โอเค ยอม

วิธีการขึ้นไปก็เหมือนกับตอนที่ขึ้นยอดเขาจุงเฟรา ขึ้นไปถึงได้ด้วยกระเช้าลอยฟ้า กอนโดลา[1] และรถไฟ บนยอดเขาก็จะมีร้านอาหารชื่อดังมากมายเช่นกัน

สิ่งแรกที่เห็นเมื่อมาถึง ทำให้ฮันตาแวววาว

“โอ๊ะ! นั่นมัน!”

คาร์ลอสหันไปตามสายตาของโอเมกาน้อย

ทุ่งดอกคาโมมายล์

ก่อนหน้านี้คาร์ลอสเคยแยกไม่ออกระหว่างดอกเดซี่และดอกคาโมมายล์ เพราะมันเป็นไม้ดอกที่อยู่ในตระกูลเดียวกัน แต่ถ้าสังเกตให้ดี (ซึ่งเขาศึกษามาแล้ว) ดอกเดซี่จะขึ้นจากพื้นเพียงดอกเดียว ไม่มีกิ่งก้านสาขา สีเหลืองตรงกลางจะเล็กกว่า ส่วนดอกคาโมมายล์ลำต้นจะสูงมีก้านดอกแตกออกไป มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว และสีเหลืองตรงกลางจะหนากว่าดอกเดซี่

ซึ่งถ้าไม่เอามานั่งเทียบคงแยกไม่ออก

แต่คาร์ลอสผู้นี้มองปราดเดียวก็รู้

“ดอกไม้เดียวกับกลิ่นฟีโรโมนเธอ”

เพราะแค่เดินเข้าไปใกล้ กลิ่นหอมอ่อนๆ ของคาโมมายล์ก็โชยฟุ้งมาตามลม แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ากลิ่นฟีโรโมนที่มาจากตัวของฮันน่ะหอมกว่า

“ถ่ายรูปกันเถอะ!” ฮันควักกล้องออกมาจากกระเป๋าด้วยความตื่นเต้น ตั้งขาตั้งกับพื้นดิน จัดแจงอยู่ไม่นาน ก็เรียกให้อัลฟาหนุ่มมาเข้าเฟรมด้วยกัน

ทั้งคู่หามุมที่ถ่ายแล้วจะไม่ติดผู้คน โชคดีที่คนไม่ได้เยอะจนไม่มีที่ว่างให้ถ่ายรูป ฮันยกห้านิ้วให้กล้องเห็น มันถ่ายให้โดยอัตโนมัติต่อกันสามครั้ง

“ทำท่าอะไรหน่อยสิ” ฮันทักเมื่อเห็นอัลฟาตัวสูงข้างกายยืนนิ่งอย่างกับปูนปั้น เห็นแล้วดูเหมือนคนโดนบังคับมาถ่าย หรือโดนครูทำโทษให้มายืนหน้าชั้นเรียนอะไรอย่างนั้นแหละ

“ต้องทำท่าอะไรด้วยเหรอ” คาร์ลอสเลิกคิ้วเพราะไม่รู้ว่าต้องทำท่าทางอะไรเพื่อถ่ายรูป ก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้ แขนแกร่งก็รวบเอวบางเข้ามากอด “ท่านี้แล้วกัน”

“คนอยู่—”

“ไม่เยอะ ไม่มีข้ออ้างแล้วนะครับ” คาร์ลอสยกยิ้มมุมปาก ยกมือขึ้นมาเป็นสัญญาณให้กล้องกดถ่าย มืออีกข้างจับปลายคางมนขึ้น ก่อนจะโน้มใบหน้าลงเพื่อประทับจูบ

เสียงชัตเตอร์หรือก็ไม่มีเข้าโสตประสาทของฮัน ไนท์หรอก

เพราะตอนนี้เบลอไปกับจูบแสนหวานที่ได้รับแล้ว

ราวกับขาจะอยู่ไม่ติดพื้น สัมผัสอันนุ่มหยุ่นชวนให้สมองขาวโพลน ใจสองดวงเต้นประสาน ไม่ต่างจากผึ้งตัวน้อยที่ร่ายบินด้วยความหรรษาเพราะได้ดูดซับน้ำหวานจากเกสร

แล้วสิ่งหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัวของฮัน

ฝ่ามือเล็กดันอกของคนสูงกว่าออก แม้ใบหน้าจะยังแดงก่ำและหอบอากาศเข้าไม่เต็มปอดดี แต่ฮันก็ยังพยายามจะพูดสิ่งที่อยู่ในหัวออกมา

“หลักฟิสิกส์!”

“ครับ?”

ไอเดียเทอมโปรเจ็กต์วาดรูปโดยใช้หลักการฟิสิกส์!

 

TBC

มาแล้วตะเอง บอกว่ากลับมาก็คือกลับมาไง! แต่คนอ่านอะมากันยางงงง

ไม่รู้ว่าเคยบอกหรือเปรยๆ ไปไหมนะว่าส่วนสูงของคาร์ลอสกับฮันสูงเท่าไร เอาเป็นว่าบอกกงนี้เรยได้ป่าว

คาร์ลอสสูง 196 cm

ในบทบรรยายบอกว่าฮันน่าจะต่างจากคาร์ลอสประมาณ 20 เซน ซึ่งเอาจริงๆ แล้ว

ฮันสูง 174 cm

เห็นมั้ยยย น้องฮันหนูไม่ได้เตี้ยนะรู้กก บักซีแอลมันเป็นเปรต!! อย่ามาว่าลูกกูเตี้ยเด้อ กูบ่ยอม!! กูสิกินแกงหอย-- ไม่ใช่ ผิดบทเนอะ

มีมแด่คาร์ลอสในตอนนี้

sds

- สร้อยข้อมือหิน ก็จะประมาณนี้ต้ะ แต่ไม่ได้สีฉูดฉาดเท่ารูปแรกเพราะคาร์ลอสเก็บเองมาจากธรรมะชาดทุกก้อน แต่ก็ไม่ได้กลมดิ๊กเหมือนรูปที่สอง เอาเปงว่า จินตนาการเอาตามใจชอบเลยฮะ

เครดิตรูป https://pin.it/7ud51Ug

- ไม่รู้ว่าหลายคนจะเริ่มเบื่อบทหวานๆ กันแล้วหรือยัง แต่พุดเรยว่ากลิ่นลมทะเลแรงมากนะคะตอนนี้ (กลิ่นตุๆ) คลื่นซัดเข้าฝั่งก็แรงขึ้น ระดับน้ำทะเลก็เริ่มสูง โปรดระวัง รัดเข็มขัดกันให้ดี (?) เตรียมพร้อมรับแรงกระแทกกันรึยางงงงงงงงงงงง เพราะมันกำลังจะเริ่ม ณ บัดนนนี้ นี้ นี้ นี้//เสียงเอคโค่ (ผ่านมาตั้งกี่ตอนนี่ยังไม่เริ่มอีก!!!??)

- แล้วก็มาแล้วจ้าาา คอนเทนต์ใน Tiktok, Reels, Shorts เริ่มลงแล้ว และจะทยอยมาเรื่อยๆ ทุกตอน เหมือนเป็นแคปเจอร์ไฮไลท์ของตอนนั้นๆ เนอะ ใครสนใจติดตามได้ทางช่องทางด้านล่างเลยจ้า

sds

sds

sds



สามารถหวีด ร่วมพูดคุย แสดงความคิดเห็นผ่าน #IABOU
หรือเพื่อติดตามเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของนิยายเรื่องนี้ที่เราจะลงไว้ที่นั่นได้เลย!

เชิงอรรถ

  1. ^ เรือกอนโดลา (Gondola) คือเรือพายพื้นบ้านของชาวเวนิส