Plz listen to this for your อรรถรส

(Sufjan Stevens - Mystery of Love)

 

II

ไม่ใช่คุณฝ่ายเดียวหรอกนะที่เกลียดผม

(Photo by Frame Harirak on Unsplash)

 


 

Oh, to see without my eyes

The first time that you kissed me

Boundless by the time I cried

I built your walls around me

 


 

 

ในโลกที่กว้างใหญ่ใบนี้

คุณจะกำลังทำอะไรอยู่

คุณจะกำลังตามหาผมเหมือนกันไหม

คุณยังจะคิดถึงผม

เหมือนที่ผมคิดถึงคุณอยู่หรือเปล่า

ตอนนี้คุณจะอยู่ที่แห่งใด...

 

[อยู่ข้างคุณ]

เสี้ยววินาทีนั้น เป็นในตอนที่ฮันช้อนตาขึ้นจากเอฟอร์ส 20 ของตัวเองพอดี เจ้าของฟีโรโมนแสนชุ่มฉ่ำแต่ก็พาให้ใจหวามไหวเดินผ่านหน้าเขาไป ทุกอย่างเคลื่อนไหวช้าลงในความรู้สึกของฮัน ทว่าอีกฝ่ายไม่แม้แต่เหลียวมอง

ใบหน้าคมเป็นสันที่มองเพียงด้านข้างก็จำได้ขึ้นใจ อีกฝ่ายไม่แสดงอารมณ์ใดออกมา มีเพียงคิ้วหนาที่ขมวดเข้าหากันแน่นคล้ายคนที่กำลังหงุดหงิดอะไรบางอย่างไม่อาจคาดเดา เหมือนครั้งแรกที่ได้เจอกัน

คนตัวสูงทำเพียงเดินผ่านเขาไปเท่านั้น ไม่แม้แต่จะชำเลืองมา ไร้ซึ่งความสนใจใดๆ ทั้งสิ้น ราวกับว่าไม่ได้มีใครอยู่ในสายตาตนสักนิด ผิดกับเขาที่เอาแต่มองตามอีกฝ่ายจนไม่ได้ฟังเสียงรอบกาย

“คุณฮันครับ สรุปว่าเย็นนี้ติดธุระที่ไหนไหมครับ”

“ครับ?เมื่อกี้ว่ายังไงนะครับ” ฮันถูกดึงสติกลับมา จำต้องหันกลับมาหาอัลฟาข้างกาย คนที่มีกลิ่นฟีโรโมนเหมือนอะไรสักอย่างที่ตนเองไม่ชอบ ยิ่งนั่งใกล้ในระยะนี้ ยิ่งรู้สึกอึดอัดและไม่สบายใจอย่างน่าประหลาด

“ผมถามว่าคุณมีธุระที่ไหนไหมครับ เย็นนี้”

กลิ่นเหมือนทะเล

ฮัน ไนท์เพิ่งจะนึกออกว่าผู้ชายข้างกายมีฟีโรโมนคล้ายกับไปยืนอยู่ริมทะเล เขากลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคือง

“เอ่อ คือผมมีนัดไปติวต่อกับ—”

“ขอโทษด้วยนะฮันนี่ แต่ว่าเย็นนี้เราไม่ว่างไปติวกับนายแล้วนะ...ฮันว่างแล้วค่าเย็นนี้” ไคลี่พูดเสียงเริงร่า รีบเก็บกระเป๋าลากชินออกไป “มีธุระด่วนจริงๆ ขอตัวก่อนน้า”

เห!? ไอ้เจ้าพวกนี้ อยากจะประเคนเขาให้อัลฟาจริงๆ เลยนะโว้ย ฝากเอาไว้ก่อนเหอะ เดี๋ยวจะกลับไปคิดบัญชีแน่!

ตอนนี้ฮันจึงตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่ใช่ว่าไม่เคยมีคนเข้ามาจีบนะ มันก็มีแหละ แต่ไม่ได้โจ่งแจ้งเหมือนกำลังตะโกนใส่หน้าเขาว่าจีบ!! อย่างนี้สักหน่อยไหมเล่า

แล้วไม่ชอบหรือมีคนมาจีบ?

ฮันกำลังครุ่นคิดและถามคำถามกับตัวเองในหัว ไม่ใช่ว่าอีกฝ่ายไม่ดูดี เปล่าเลย เขาเป็นอัลฟาที่หล่อมาก ดูเป็นคนใจดี สุภาพ แต่ก็ร่าเริงในเวลาเดียวกัน ไม่เหมือนอัลฟาปสด.ที่เจอไปก่อนหน้านี้เลยสักนิด

แต่ไม่รู้ทำไม...เขากลับไม่ชอบความรู้สึกนี้เลย

“อ่า...คือผมมีคุยเทอมโปรเจ็กต์กับพาร์ตเนอร์ครับ!ขอตัวก่อนนะครับ!” เมื่อปฏิเสธคนไม่เป็น ก็เลยเสียมารยาทพูดตัดจบด้วยความเร็วปรื๋อ รีบคว้ากระเป๋าแล้วลุกขึ้น เอ่ยขอโทษกับอัลฟาคนนั้นหลายครั้ง ก่อนจะสาวเท้าตรงไปหน้าห้อง ที่ที่มีอัลฟาปสด.คนนั้นกับศาสตราจารย์กำลังคุยกันอยู่

“…เลียต โฮล์มส์”

เสียงทุ้มเอ่ยบางอย่าง คนที่เดินมาจากทางด้านหลังไกลๆ ได้ยินไม่ชัดนัก

“ขออาจารย์เช็กข้อมูลสักครู่—”

“ผมต้องการเปลี่ยนพาร์ตเนอร์”

“หือ?” ไม่ใช่เพียงแค่ศาสตราจารย์ที่งุนงง แต่ฮันที่เดินดุ่มๆ มาหาอีกคนได้ยินดังนั้นเข้าก็ถึงกับขมวดคิ้ว

“ศาสตราจารย์ครับ” ฮันเรียกคนที่ยังใช้วิธีการค้นทะเบียนนักศึกษาแบบเดิม คนที่นั่งพิมพ์กับแป้นแต้กๆ เอาแต่ก้มหน้างมกับจอ

“สักครู่นะนักศึกษา อาจารย์ขอเคลียร์กับคนนี้ก่อน”

“ผมนี่แหละครับที่เป็นพาร์ตเนอร์ของเขา” ศาสตราจารย์ชะงักมือที่กำลังพิมพ์ทันที

ก่อนจะเงยหน้ามองฮัน ไนท์ หนุ่มโอเมกาหน้าหวานที่มีผิวเนียนละเอียดสีน้ำผึ้ง ดวงตากลมโตมาพร้อมกับแพขนตายาวเรียงเส้น ริมฝีปากอวบอิ่มดูอ่อนนุ่มเหมือนเยลลี่นั้นดูเข้ากันกับจมูกโด่งรั้นปลาย ผมหยักศกเป็นคลื่นธรรมชาติสีน้ำตาลเข้มเป็นทรงดูนุ่มนวล

เป็นโอเมกาชายที่หน้าตาดีมากคนหนึ่ง ถ้าไม่ติดว่าอาจจะเสียมารยาท ศาสตราจารย์ก็อาจจะแอบกระซิบถามว่าเธอเป็นไอดอลในอินเทอร์เน็ตอะไรแบบนั้นใช่ไหม ถ้าใช่ อาจารย์อยากขอลายเซ็น...

เมื่อยืนคู่กันกับนักศึกษาอัลฟาตัวสูงชะลูดนามสกุลคุ้นๆ ผิวสีขาวซีดราวกับเนื้อหนังไร้เลือดไปหล่อเลี้ยง ผมบลอนด์สว่างที่เสยไปด้านหลังอย่างลวกๆ แต่ดูออกมาหล่อเหลือร้ายชอบกล ทั้งคู่ดูแตกต่างแต่เข้ากัน

เป็นบุคลิกที่ต่างกันสุดขั้ว แต่ก็ดูเข้ากันอย่างบอกไม่ถูก ไม่แปลกที่ระบบจะจับสองคนนี้ให้เป็นพาร์ตเนอร์ทำงานด้วยกัน (?)

แต่เมื่อหนุ่มโอเมกาแสดงตัวขึ้นมา อัลฟาที่ยืนอยู่ไม่ห่างกันนักยิ่งทำหน้าหงุดหงิดงุ่นง่าน มึนตึง ลอบถอนหายใจ คนหน้าหวานก็สังเกตุเห็นท่าทางนั้นเช่นกัน

มันเป็นรังเกียจอะไรขนาดนั้นกันล่ะ

“คืออย่างนี้นะนักศึกษา อาจารย์ไม่สามารถเปลี่ยนคู่ให้ได้เองทันทีหรอก พวกเธอมีปัญหาอะไรกันล่ะ ไปคุยกันให้รู้เรื่องก่อนไหม ถ้ามันเป็นปัญหาใหญ่จริงๆ อาจารย์ถึงจะส่งเรื่องไปให้ระบบจับคู่ใหม่ได้” เมื่อศาสตราจารย์พูดดังนั้น ฮันก็เงยหน้ามองอัลฟาด้านข้าง

ใช่ มันมีปัญหาอะไรนักล่ะที่คู่กับเขา

“เพราะผมไม่อยากคู่กับโอเมกา” ในที่สุดอัลฟาคนนั้นก็หันมามองหน้าฮัน แต่มองด้วยสายตาดูหมิ่น เหยียดหยาม และเหมือนจะเน้นที่เพศรอง โอเมกา จนฮันคิ้วกระตุก

ศาสตราจารย์แทบจะกุมขมับ “จากข้อมูลประวัติ เธออยู่ปี 3 เอกเทคโนโลยีฟิสิกส์ ควอนตัม ลงเรียนวิชาปรัชญาสมัยใหม่มาแล้วสามครั้ง แต่ยังไม่ผ่านเลยสักครั้ง แม้แต่เกรด D เธอยังแต่ไม่ถึงเลยนะคุณโฮล์มส์ นี่เป็นเทอมที่สี่แล้วไม่ใช่หรือที่เธอลงทะเบียนเข้าเรียนวิชานี้”

“...”

ปี 3? ไม่ผ่านวิชานี้เลยสักครั้ง?

“อีกทั้งระบบจับคู่พาร์ตเนอร์นี้ เป็นระบบที่นักศึกษาเอกฟิสิกส์ควอนตัมพัฒนาขึ้นมาไม่ใช่เหรอครับ” นักศึกษาอัลฟาคนนั้นนิ่งไป

“คุณโฮล์มส์ ดังนั้นคุณก็น่าจะรู้นะว่าระบบนี้เลือกพาร์ตเนอร์จากคุณสมบัติอะไรบ้าง จะมีตีโวยบอกไม่อยากคู่กับคนโน้นคนนี้ เพียงเพราะเพศรองของอีกคนไม่ได้นะครับ มันคือการเหยียดเพศนะคุณรู้ตัวไหม” อัลฟาที่เหมือนจะมีชื่อหรือนามสกุลโฮล์มส์ (สังเกตจากอาจารย์เรียก) ชะงัก แต่ฮัน ไนท์กลับยิ่งสงสัย

“ถ้าระบบมันผิดพลาด...” เสียงทุ้มต่ำคาดเดา

“คุณก็ลองไปคอมเพลนกับคณะวิทยาศาสตร์เอกของคุณเอาเองเถอะครับ ขอจบเรื่องนะครับ อาจารย์จะต้องเตรียมสอนเซคชั่นถัดไป” เมื่อเห็นว่าศาสตราจารย์ละความสนใจจากนักศึกษาอย่างพวกเขาแล้ว หนุ่มผมบลอนด์ไม่พูดอะไรต่อ แต่หันหลังก้าวยาวๆไปแบบที่ฮันไม่ทันตั้งตัว

“คุณโฮล์มส์” ฮันเรียกคนที่เดินดุ่มๆ ไม่พูดไม่จา เมื่อรู้สรรพนามที่สามารถใช้เรียกได้ เขาก็เปล่งเสียงเรียกออกไปไล่หลัง

“…”

“คุณโฮล์มส์ครับ”

“…”

“เดี๋ยวก่อนครับคุณโฮล์มส์” ฮันพยายามเดินตามหลังอีกฝ่ายออกมาจากห้องให้ทัน เกือบจะชนแผ่นหลังกว้างที่จู่ๆ ก็หยุดเดินกะทันหัน

“จะเดินตามมาทำไม รำคาญ”

ก็ทางออกมันมีประตูใหญ่ประตูเดียวไหมเล่า!

“เราต้องคุยกันให้รู้เรื่องก่อนนะครับ” แล้วก็เมื่อกี้ยังไม่มีการสรุปเลยด้วย

“ไม่คุย” และก่อนที่อัลฟาตัวสูงจะได้เดินหนีอีกครั้ง เขาก็ยื่นมือไปจับข้อมืออีกฝ่ายไว้อย่างถือวิสาสะ คนถูกรั้งด้วยแรงอันน้อยนิดยอมหยุดและหันมามองในที่สุด ฮันรีบพูดทันทีเมื่อมีโอกาส

“แต่เราต้องทำเทอมโปรเจ็กต์ด้วยกันนะ” คนตัวใหญ่ไม่แสดงอาการใดๆ เขาจึงว่าต่อ “ก็เราเป็นพาร์ตเนอร์กันนี่”

“ไม่เป็น”

“ชีวิตนี้คุณปฏิเสธเป็นอย่างเดียวหรือไง”

ชักจะทนไม่ไหวแล้วนะโว้ย...ไม่ โอเค หายใจเข้าลึกๆเพื่องาน รีบเคลียร์ รีบคุย รีบแบ่งงานกันทำ จะได้ไม่ต้องมาเจอกันอีก!

ฮันพยายามสงบสติอารมณ์ ผ่อนปรนลมหายใจให้นิ่งดังเดิม

“ทำไม อยากให้กูตอบตกลงนักหรือไง”

เอ๊ะ

“หึ”

ทำเสียงแบบนั้นพร้อมก้าวเข้ามาใกล้หมายความว่ายังไง?

“จะถอยหลังหนีทำไม อยากให้กูสนใจมากไม่ใช่เหรอ?” เสียงทุ้มนั้นให้ความรู้สึกที่ต่างออกไป อย่างที่บอกไปก่อนหน้า ตอนอัลฟาหนุ่มผมบลอนด์ไม่ได้พูดอะไรก็เหมือนตัวร้ายอยู่แล้ว ยิ่งทำแบบนี้ ยิ่งเหมือนตัวร้ายที่กำลังจะสำแดงฤทธิ์เดช

“ไม่ใช่แบบนั้น ผมแค่อยากให้เรารีบ—”

“อ๋อ...เข้าใจแล้ว” โฮล์มส์พยักหน้าเข้าอกเข้าใจอยู่ฝ่ายเดียว ในขณะที่คนถูกต้อนชิดผนังเริ่มเหงื่อตก

ไม่อยากให้เป็นแบบนี้เลย เฉยชาไม่สนใจแบบเมื่อกี้ยังดีกว่าอีก ภาพในความทรงจำเหมือนอยากฉายซ้ำในสมอง แต่ฮัน ไนท์พยายามกดมันเอาไว้ให้ลึก หายใจเข้าปอด ตั้งสติก่อนจะรีบพูดแก้

“อะไรของคุณ ผมจะชวนคุยเรื่องงานนะ” ฮันเริ่มกำมือแน่นขึ้นเมื่อฟีโรโมนของชายตรงหน้าเผยความกดดัน

“กูรู้นะว่ามึงต้องการอะไร อย่าคิดว่าจะมาหลอกกูได้” มนุษย์ที่ตัวสูงกว่ามากค้ำแขนไว้กับผนัง ใช้ลักษณะทางกายภาพที่ใหญ่กว่าปกปิดทางหนี โน้มตัวลงเพื่อให้ใบหน้าอยู่ในระดับสายตา

พอสายตาประสานกันในระยะประชิด อัลฟ่าหนุ่มก็เหมือนถูกฉุดให้ดำดิ่งลงไปใต้ห้วงทะเลลึกน่าพิศวง...

เป็นท้องทะเลแสนลึกลับ ตกลงไปแล้วยากที่จะตีขาพาตัวเองว่ายกลับขึ้นมา ราวกับเห็นแสงระยิบระยับเหนือน้ำรำไร เขาชูมือขึ้นอยากจะคว้าแสงนั้นไว้เพราะมันริบหรี่ลงไปทุกที ชวนวาบหวาม ร่างกายที่ลอยเคว้งอยู่ในเวิ้งทมิฬ จมดิ่งสู่ท้องทะเลที่ไร้ก้นบึ้ง

เขาเห็นตัวเองอยู่ในนั้น

ดวงตาสีน้ำเงินเข้มพราวระยับ มีประกายแวววับยามที่ช้อนขึ้นมา แพขนตายาวงอนยิ่งทำให้ดวงตาคู่นี้เหมือนน้ำทะเลบนหมู่เกาะสักแห่งที่ยังไม่ถูกค้นพบ ทว่าเป็นมหาสมทุรที่มีแสงจากหมู่ดาวสะท้อนที่ผืนน้ำ ชวนให้ลุ่มหลงอย่างแปลกประหลาด

เหมือนใครสักคนที่เคยรู้จัก...

แต่เพราะรู้ว่าโลกนี้มักเล่นตลกกับตัวเอง และโชคก็ไม่เคยเข้าข้างเขามาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว อัลฟาหนุ่มจึงไม่คิดว่าโชคชะตาจะเหวี่ยงคนที่เขาต้องการให้เข้ามาหาอย่างง่ายดายเช่นนั้น

ฟีโรโมนกลิ่นเหมือนชาคาโมมายล์ผสมน้ำผึ้งอุ่นๆ ที่ผู้คนมักจะบอกว่าเหมาะกับการนั่งดื่มยามบ่ายในวันอากาศหนาว ความรู้สึกของฟีโรโมนนั้นมันพาให้อุ่นวาบในอก วูบวาบไปทั่วช่องท้อง แต่กลับรู้สึกปลอดภัยเมื่ออยู่ใกล้ อยากจะปล่อยตัวปล่อยใจ แบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ไม่เคยได้กลิ่นใครชัดเท่านี้มาก่อน

ถ้าเป็นโอเมกาคนอื่นที่ผ่านมา ไม่ใช่เพียงแค่โอเมกา จะเพศรองอะไรเขาก็ไม่เคยสนใจทั้งนั้น เขาไม่เคยสนใจสิ่งที่คิดว่าไม่มีความสำคัญกับชีวิต จนเพื่อนร่วมรุ่นยังคิดว่าเขาเป็นพวกต่อต้านสังคม แต่นี่...มันเหมือนมีอะไรที่ต่างไปมากกว่านั้น

ครั้งแรกที่เจอกัน คงจงใจปล่อยฟีโรโมนออกมายั่วเต็มกำลังเลยสินะ

โอเมกา...ชอบทำตัวไร้เดียงสา เพื่อล่อให้เข้าไปติดกับ พอหมดผลประโยชน์ ก็จะทิ้งไปอย่างไม่ใยดี เป็นเหมือนกันทุกคนไม่ใช่หรือไง?

“ถ้าอยากได้กูจนตัวสั่นนัก...” คาร์ลอสยิ้มมุมปาก มองคนที่กำลังย่นคิ้วเข้าหากันด้วยความไม่เข้าใจ ก็ยิ่งอยากพูดคำหยาบโลนใส่เพื่อให้อีกฝ่ายวิ่งหนีไปให้ไกล “...ก็จะสนองให้”

ยังไม่ทันได้ทำอะไรเพื่อข่มขู่ให้อีกฝ่ายกลัวจนหลีกหนี เรื่องที่ค่อนข้างเหนือความคาดหมายไปก็เกิดขึ้น

พลั่ก!!

เป็นอัลฟ่าตัวสูงที่โดนหมัดหนักๆ เสยเข้าที่ข้างแก้มจนหน้าหัน คนโดนต่อยกำลังจะตวัดสายตาเดือดจัดกลับมามอง แล้วถามว่า

ก็ต้องการไม่ใช่เหรอ? หรืออยากเล่นตัวต่ออีกสักหน่อยให้ดูน่าสนใจ?

ทว่าสิ่งที่เห็นกลับเป็นหยดน้ำตาใสๆ ไหลลงข้างแก้มเนียน เมื่อหยดที่หนึ่งร่วงลง หยดอื่นๆ ก็ตามมาเป็นพรวนจนเจ้าของน้ำตากลั้นเสียงสะอึกสะอื้นไว้ไม่อยู่ โอเมกาตรงหน้ากำลังร้องไห้ ตัวสั่นเป็นลูกนกตกรัง และฝ่ามือเล็กๆ นั่นก็กำแน่นจนเป็นสีแดง

เป็นภาพที่ทำให้อัลฟ่ากลิ่นดินหลังฝนรู้สึกเจ็บไปทั้งอกอย่างอธิบายไม่ได้ เขากำลังจะก้าวขาเข้าไป แต่เพียงขยับตัวแค่เล็กน้อย ร่างบางๆ นั้นก็ร่วงไปที่พื้นอย่างอ่อนแรง

“ที่นี่ไม่มีน้ำ...ไม่มี” เสียงพึมพำสั่นเครือจากปากคนบนพื้นฟังได้ไม่ชัดนัก เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจะหมดสติ เขารีบเข้าไปช้อนร่างปวกเปียกขึ้นแนบอกก่อนที่หัวทุยจะกระแทกพื้น เสียงของอีกฝ่ายระทวยอ่อน “อย่าปล่อยนะ...”

มือเรียวกำเสื้อเขาแน่น เหมือนกลัวว่าจะอุ้มไม่ดีจนทำร่วง ไม่นานคนในอ้อมอกก็หมดสติคอพับคออ่อนไป เมื่อกี้ยังกลัวจนตัวสั่นอยู่เลย ตอนนี้กลับมาบอกว่าอย่าปล่อย

แม้จะไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง แต่ความรู้สึกหนึ่งที่ชัดเจนขึ้นมาในใจของชายหนุ่มผิวซีดเลยก็คือ...รู้สึกผิด

เขาสอดแขนเข้าใต้ข้อพับขา ก่อนจะช้อนขึ้นต่างจากแบบแรกที่อุ้มพาดบ่า พาไปห้องพยาบาลห้องเดิมที่เคยจับตัวอีกคนมาโยนไว้ เพราะคิดว่าอีกฝ่ายกำลังจะฮีทกลางวงสาธารณะ

แต่ตอนนั้น กลิ่นฟีโรโมนชาคาโมมายล์มันฟุ้งเข้าเต็มปอดเขาจริงๆ กลิ่นนั้นหอมหวานเสียจนคิดว่าต่อให้เป็นคนที่เข้ารับการฝึกต่อกลิ่นฟีโรโมนผ่านมาแล้ว ก็ไม่น่าจะทนนิ่งเฉยอยู่ได้

เพราะขนาดเขาเองก็ยังทนแทบไม่ไหว

ในห้องพยาบาลไม่ได้มีเพียงพยาบาลโรบอตอีกแล้ว แต่มีคนที่น่าจะเป็นแพทย์ประจำการตึก B เบตาชายหญิงสองคน และอัลฟาชายอีกหนึ่งคนเพิ่มขึ้นมา เมื่อใช้ลำตัวดันประตูเข้าไป คนในห้องก็มองมาเป็นตาเดียว

อัลฟาหนุ่มวางมนุษย์โอเมกาในอ้อมแขนลงบนเตียงว่าง แต่ฝ่ามือนั้นยังกำเสื้อเขาแน่นจนยับยู่ เขาแกะนิ้วเรียวออกทีละนิ้ว

“เป็นอะไรมาจ๊ะ” เบตาหญิงเดินเข้ามาดูอาการเป็นคนแรก

“ไม่รู้” หมอในห้องขมวดคิ้วพร้อมกัน เขาเลยพูดต่อ “น่าจะเป็นลม”

“เอ๊ะ พอดีมีธุระด่วน รบกวนหมอแมทมาทางนี้ทีจ้ะ” หลังจากเช็กอัตราชีพจรของคนบนเตียงแล้วไม่พบว่าเป็นเคสเร่งด่วน มองเอฟอร์สบนข้อมือตัวเองที่มีสัญญาณแจ้งเตือนฉุกเฉิน เธอจึงหันไปเรียกหมออีกคนที่กำลังเตรียมอุปกรณ์ นายแพทย์ชายซึ่งเป็นอัลฟาหนึ่งเดียวในห้อง

พอหมอเบตาชายหญิงหอบกระเป๋าพากันวิ่งออกไป ชายหนุ่มท่าทางภูมิฐานเดินเข้ามาด้วยใบหน้าเป็นมิตร

“ครับ เดี๋ยวญาติ อ่า...เพื่อนผู้ป่วยไปนั่งรอตรงนั้นสักครู่ครับ”

ยืนดูด้วยไม่ได้หรือไง?

เมื่อหนุ่มผิวซีดไม่ยอมขยับตัว หมออัลฟาถึงได้มองหน้า ก่อนจะทำหน้าอึกอัก ชี้ไปมุมหนึ่งของเตียง “หรือไปยืนปลายเตียงก็ได้ครับ ผมจะได้ทำงานสะดวก”

ก็ได้

“น่าจะเป็นลมหรือหมดสติไปเฉยๆ นะครับ เอ...ก่อนหน้านี้ผู้ป่วยได้ออกไปเจอแดดหรือลมแรงๆ หรือว่าไปใช้กำลังมาหรือเปล่าครับ”

“ไม่”

ใช้กำลัง...ก็ต่อยหน้ากูมานี่ไง ตัวแค่นี้แต่หมัดหนักฉิบหาย ต่อยกูแล้วยังร้องไห้ แล้วก็เป็นลมให้กูหอบมาส่งห้องพยาบาลอีก

อันนี้ไม่ได้บอกไป และอีกฝ่ายก็เหมือนจะรู้ว่าเขาไม่ได้อยากพูดมาก

ฝ่ามือของแพทย์ชายกำลังจะปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อน เพียงเสี้ยววิเท่านั้นที่ร่างกายไปก่อนสมอง จู่ๆ อัลฟาผมบลอนด์ก็พุ่งไปล็อกข้อมือหมอไว้แน่น พอตะครุบแขนไว้แล้ว ก็เพิ่งจะรู้ตัวเหมือนกันว่าตัวเองทำอะไรลงไป รู้แค่ว่ามันต้องหยุดการกระทำนี้

“จะทำอะไร” เสียงทุ้มกดต่ำ

“จะฟังเสียงหัวใจไงครับ” หมออัลฟาหน้าเจื่อน ชูหูฟังไฟฟ้าขึ้นมาให้คนที่ทำหน้าเหมือนอยากจะฆ่าคนได้เห็นชัดๆหมอรีบอธิบาย “ต้องแนบกับผิวหนังเพื่อให้ได้ยินเสียงที่ชัดเจนที่สุดครับ แต่ถ้าคู่ของคนไข้ไม่โอเค ผมจะฟังนอกร่มผ้าก็ได้ แต่ว่าอาจจะตรวจพวกอาการแทรกซ้อนอื่นที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างปอดอักเสบ หลอดลมอักเสบ อาการใจสั่นหรือโรคหัวใจไม่ได้ แล้วก็โรคอื่นๆ อีกมากมายเลยนะครับ”

“อ่อ...รีบทำ” ว่าแค่นั้นจึงยอมปล่อย ฟีโรโมนแห่งความกดดันทำให้แพทย์ชายเหงื่อตก ฝ่ามือสะอาดทำเพียงแง้มสาบเสื้อเล็กน้อยพอให้ได้ทาบเครื่องตรวจฟังเสียงหัวใจไฟฟ้า (electronic stethoscopes) ลงบนแผ่นอกเปลือยของคนที่ยังหมดสติไม่รู้เรื่องไม่รู้ราว

ซึ่งก็ดีแล้ว จะได้ไม่ต้องมารับรู้ถึงฟีโรโมนกดดันเหล่านี้

คุณหมอเห็นคราบน้ำตาและข้อมือที่ขึ้นสีม่วงช้ำของคนบนเตียง แม้ว่ามันจะเบาบาง แต่คนที่ทำงานเป็นแพทย์มาเกือบสิบปีก็สังเกตได้ ไม่อยากจะคาดเดาไปเองว่าเหตุการณ์ก่อนหน้านี้มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง คงต้องรอคนที่หมดสติฟื้นขึ้นมาก่อน ถึงจะกล้าคุยเป็นการส่วนตัว

เคสแบบนี้เขาเจอมาเยอะสมัยที่ยังทำงานในโรงพยาบาลของรัฐ คนไข้ส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิง เบตา หรือโอเมกา ซึ่งมักจะถูกทำร้ายจากคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นคู่ชีวิตหรือคนรัก และแทบทุกเคสจะลงเอยด้วยการที่คนไข้บอกว่าไม่มีอะไร

หลังจากตรวจอาการทั้งหมดจนแน่ใจว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง คุณหมอก็บอกเพียงแค่ว่ารอให้ฮันนอนพักสักหน่อยเดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง

อัลฟาตาฟ้าผมผิวขาวจัดนั่งอยู่ข้างเตียงนิ่ง สายตาเหลือบมองข้อมือเล็กที่เคยเผลอกำแน่นจนขึ้นรอยช้ำสีม่วงเบาบาง

อ่อนแอ

เขาเกลียดที่โอเมกาอ่อนแอ ไม่ว่าจะอ่อนแอทางร่างกายหรือจิตใจก็ตาม เพราะว่าอ่อนแอ ก็เลยต้องคอยตามเกาะคนอื่นที่แข็งแกร่งกว่า แต่เมื่อคนที่เกาะหมดผลประโยชน์แล้ว ก็จะทิ้งไปอย่างไร้เยื่อใย

เขาเกลียดแกไปแล้ว เพราะแกมันอ่อนแอ

ราวกับว่าเรื่องทั้งหมดไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

โอเมกา ไร้หัวใจกันถึงขั้นนั้น แต่ยังทำตาใสซื่อ หลอกกันได้ลงคอ

พวกเราหมดประโยชน์แล้ว มันถึงได้ทิ้งเราไป

คุณหมอเบตาสองคนกลับเข้ามาหลังออกไปทำหน้าที่ฉุกเฉินเรียบร้อยแล้ว เห็นอัลฟาหนุ่มตัวโตนั่งเฝ้าน้องโอเมกาหน้าหวาน หน้าเครียดคิ้วขมวดอย่างใกล้ชิดก็อดอมยิ้มออกมาไม่ได้

เจ้าของป้ายชื่อแปะอกแสดงชื่อนายแพทย์แมททิว คุณหมอทำหน้าขยาด พยักพเยิดไปยังอัลฟาที่นั่งเฝ้าแฟน (?) แล้วส่งสายตาบอกหมออีกสองคนให้ระวังอัลฟาหวงคู่คนนั้นไว้

แพทย์หญิงวัยกลางคนจึงเดินเข้าไปเช็กอาการเงียบๆ “น่ารักจังเลยนะจ๊ะ”

“...?” อัลฟาที่ปล่อยฟีโรโมนหวงอาณาเขตแบบไม่รู้ตัวตวัดหางตามอง เหมือนมีคำถามอยู่ในใจว่า ยุ่งอะไร

“ไปเจอกันที่ไหนล่ะจ้ะ เจอกันที่มหา’ ลัย หรือว่าคบกันมาตั้งแต่สมัยเรียนไฮสคูล” อัลฟาหน้าตายไม่ตอบ แพทย์หญิงแค่อยากชวนคุยให้บรรยากาศในห้องมันดีขึ้นเท่านั้นเอง

ตอนนี้จะกระอักฟีโรโมนกดดันจนหายใจไม่ออกกันอยู่แล้ว!

แน่นอนว่าสำหรับเบตา ฟีโรโมนของอัลฟาและโอเมกาไม่มีผลใดๆ สำหรับคนกลุ่มนี้ แต่ถ้ามันแรงมากไป ก็สามารถรับรู้ได้เหมือนกันนะ

แต่ก่อนที่แพทย์หญิงจะได้ถามอะไรไปมากกว่านี้ คนบนเตียงก็เริ่มขยับตัว ฝ่ามือน้อยยกขึ้นมาจับหัวตัวเอง ขนตายาวสวยเป็นแพขยับยุกยิก และเปลือกตาเนียนราวกับน้ำผึ้งก็เปิดขึ้นอย่างเชื่องช้า

ยังไม่รอให้คนที่เพิ่งฟื้นได้มีสติดี อัลฟาหนุ่มที่นั่งเงียบอยู่นานก็ลุกพรวดขึ้นมาจนเหล่าแพทย์สะดุ้ง ขายาวก้าวออกจากห้องโดยไม่พูดอะไรสักคำ เหล่าหมอประจำห้องพยาบาลมหา’ ลัยตึก B ได้แต่มองหน้ากัน

“ผมนอน...ไปนานแค่ไหนเหรอครับ” ฮันขยี้เปลือกตาที่แอบมีคราบน้ำตาแห้งกรังติดอยู่ เมื่อกี้เหมือนเห็นใครลุกออกไปหลังไวๆ และฟีโรโมนกลิ่นที่ทำให้สบายใจนั้นก็หายไปแล้ว

แพทย์ทั้งสามคนเดินมามุงคนที่สลบไปนานจนผมสีแอชบราวน์หยักศกนั้นชี้ไปมา ไม่เหมือนคนที่เพิ่งตื่นจากการสลบเลยสักนิด เหมือนคนที่เพิ่งตื่นจากการนอนหลับปุ๋ยแบบเต็มอิ่มเสียมากกว่า

แพทย์ชายฟีโรโมนบ่งบอกว่าเป็นอัลฟา เอ่ยถามด้วยความกังวล

“เกิดอะไรขึ้นบอกพวกเราได้เลยนะครับ ต่อให้คุณจะรักเขามากแค่ไหน แต่การทำร้ายกันแบบนี้มันไม่ถูกต้อง ไม่ว่าเขาจะขู่คุณไว้ว่ายังไง แต่อยากให้รู้ไว้นะครับว่าทุกปัญหามีทางออก พวกเราจะช่วยคุณในทุกทางที่พวกเราทำได้นะครับ”

“ตายแล้ว ฉันเห็นหล่อร้ายอย่างนั้นก็ไม่คิดว่าจะร้ายจริง”

ฮันนั่งกะพริบตาปริบๆ สมองยังไม่ประมวลผลว่าพี่ๆ เหล่าแพทย์นี้กำลังพูดถึงเรื่องอะไรกันอยู่

“ดูสิ ข้อมือสวยๆ ช้ำหมดเลย ทำไมแฟนน้องถึงรุนแรงแบบนี้นะ!”

“แฟน? แฟนใครครับ ผมไม่เข้าใจ” ยิ่งฮันเกาหัวยุกยิก หน้าตาเด๋อด๋าเหมือนไม่เข้าใจ (ซึ่งก็ไม่เข้าใจจริง) ทั้งสามคนที่ยืนอยู่ก็ร้องโถ...ออกมาพร้อมกันอย่างห้ามไม่ได้

แพทย์หญิงหนึ่งเดียวเดินเข้ามาลูบหัวคนที่ยังไม่ตื่นดีแนบอก

“ไม่เป็นไรนะลูก แฟนน่ะหาใหม่ได้ หนูน่ารักแบบนี้หาแฟนใหม่ได้ไม่ยากจ้ะ เชื่อพี่ ไหนดูข้อมูลซิ ชื่อน้องฮัน ไนท์สินะ ต่อไปนี้ถ้าอัลฟาคนนั้นคิดจะมาหาเรื่อง รีบติดต่อพวกพี่มาเลยนะจ๊ะ”

ฮันมองพี่สาวที่ยกข้อมือข้างซ้ายที่มีเอฟอร์สของเขาไปแสกนอย่างงุนงง ก่อนที่ดวงตาจะค่อยๆ เบิกกว้างขึ้นตามลำดับ เมื่อเริ่มปะติดปะต่อเรื่องก่อนที่ตัวเองจะหมดสติได้แล้ว

...พลั่ก!...

เขาต่อยอัลฟาตัวสูงนั่นจนหน้าหัน ไม่พอ

อย่าปล่อยนะ...

แถมยังไปซุกซบแนบอกเขาด้วย บ้าเอ๊ย แต่ว่า เดี๋ยวก่อนนะ...แฟน?อย่าบอกนะว่าพี่ๆ หมอคิดว่าไอ้บ้าปสด.นั่นเป็นแฟนเ!

“แฟนเหรอครับ!?” ฮันโพล่งขึ้นมา รีบส่ายหน้า “เขาไม่ใช่แฟนผมนะ!”

“เอ๋? อย่าบอกนะจ๊ะ...” แพทย์หญิงทำหน้าปั้นยาก พาให้แพทย์อีกสองคนที่ยืนข้างกันสงสัย

“มีอะไรเอเจ?” แพทย์ชายที่น่าจะมีเพศรองเบตาถามคนข้างกาย

“นี่มันคือความสัมพันธ์แบบเป็นพิษ[1]! หนุ่มอัลฟาคนนั้นเขาบังคับให้หนูอยู่ในความสัมพันธ์แบบไร้ชื่อเรียก และหนูฮันก็ยอมเพราะว่ารักเขามาก เลยยอมทำตามกฎที่เขาตั้งทุกอย่างเพื่อให้ยังได้อยู่กับเขา!”

“โถ...” <หมออีกสองคน ส่วนฮัน ไนท์เมื่อได้ฟังเช่นนั้น ก็ลมตัวนอนลงบนเตียงอีกครั้ง ขอเป็นลมอีกสักรอบหน่อยก็แล้วกัน

 

αβΩ

 

“ขอบคุณมากนะครับสำหรับยา หมอแองเจลล่า หมอแมททิว หมอบาร์รอน

“เรียกพี่เอเจสิจ๊ะ หนูฮัน”

“ถ้าอย่างนั้นหมอแองเจลล่าต้องเลิกเรียกผมว่าหนูฮันก่อนสิครับ”

ฮัน ไนท์ได้แต่ยืนเกาแก้มยุกยิก มืออีกข้างกำถุงยายืนอยู่หน้าห้องพยาบาล เมื่อถูกเรียกจากพี่ๆ แพทย์ประจำตึก B ว่าหนูฮัน

เพื่อนๆ ก็เรียกฮันนี่ไปแล้ว พี่หมอยังมาเรียกว่าหนูฮันอีก มันชักจะน่ารักจั๊กจี้หัวใจ ผิดกับภาพลักษณ์เกินไปแล้ว!

ผมเผ้าไม่เคยจัดแต่งดูยุ่งเหยิง หน้าหรือก็ทาแต่ครีมกันแดด ออกกำลังกายปีละสองครั้ง เสื้อผ้าการแต่งกายก็ปกติไม่เคยตามทันแฟชั่น เขารู้ว่าเพื่อนๆ เป็นคนชอบชมแต่ด้านดีๆ ให้แก่กัน จึงรู้ว่าคำชมที่เพื่อนชอบบอกว่าเขาน่ารักน่ะ เพื่อทำให้รู้สึกมั่นใจในตัวเองขึ้นก็เท่านั้น

เพราะนอกจากผลงานที่ตั้งใจวาด ก็ไม่มีอะไรให้มั่นใจอีกแล้ว

“เธอก็ไม่ถามน้องเขาหน่อยหรือว่าชอบไหมที่ให้เรียกแบบนี้ เอเจ?” หมอบาร์รอน เบตาชายท่าทางสุขุมดูใจดีพูดขึ้นมา

“จริงด้วยสิ พี่ก็เสียมารยาทจริง ขอโทษด้วยนะจ๊ะ ที่เรียกไปแบบนั้นก็เพราะว่าเอ็นดูจริงๆ ถ้าไม่ชอบ พี่ก็จะไม่เรียกแบบนั้นอีกนะ”

พอเห็นว่าพี่หมอรู้สึกผิดและขอโทษจริงจัง ฮันที่ไม่ได้คิดอะไรรีบโบกมือ “โหย ไม่เป็นไรเลยครับผมเข้าใจ แต่ว่าผมแค่...เขินน่ะครับ แหะ”

ฮันขอตัวลาพี่หมอออกมาเพราะพลิกดูข้อมือบอกเวลา 05:45 PM เขาอยู่ที่ห้องพยาบาลมาเกือบสามชั่วโมงแล้ว และไคลี่ก็ส่งข้อความมาถามไม่หยุด

KYLIE - [กับอัลฟาคนนั้นเป็นไง?] 03:55 PM

KYLIE - [เขาพาฮันนี่ไปเดตที่ไหน?] 04:15 PM

KYLIE - [เฮ้ นี่นายจะไม่บอกพวกเราจริงเหรอ] 04:30 PM

KYLIE - [เงียบไปนานแล้วนะ ฮันนี่?] 04:45 PM

KYLIE - [กรี๊ด!! อย่าบอกนะว่า!] 05:01 PM

KYLIE - (00:05 AR) 05:02 PM

ฮันกดดูวิดีโอที่เพื่อนส่งมาให้ กดเร่งลำโพงสองครั้งแล้วยกข้อมือขึ้น ให้อยู่ต่ำกว่าระดับสายตาเล็กน้อย เอฟอร์สฉายลำแสงฮอโลแกรมขึ้นมา เป็นใบหน้าของไคลี่ที่จู่ๆ ก็ร้องกรี๊ดลั่นจนเจ้าของเอฟอร์สต้องรีบหรี่เสียง

[กรี๊ด!!ฮันนี่ เสียบริสุทธิ์ให้เขาแล้วใช่ไหม!เป็นยังไงบ้าง กรี๊ด! ไอ้ชินนนนน เพื่อนเรา!โตแล้ว!! ในที่สุดก็เลยวัยขบเผาะแล้วโว้ย!]

“อะไรเนี่ย” เขาพึมพำเมื่อเห็นไคลี่คว้าคอชินกระโดดโลดเต้น

HAN - [หยุดคิดเรื่องแบบนั้นกันเลยนะ มันไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ]

ฮันกำลังจะพิมพ์อธิบายไปต่อว่าเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมานี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่ก็ต้องชะงักมือเมื่อฟีโรโมนเบาบางลอยมาจนต้องเงยหน้าหาต้นตอ

“คุณโฮล์มส์”

ฮัน ไนท์เผลอเผยรอยยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว เมื่อเห็นชายหนุ่มตัวสูงผิวซีดยืนอยู่ข้างกายระหว่างที่กำลังรอลิฟต์ อีกฝ่ายทำเพียงยืนล้วงกระเป๋าหน้านิ่งมึนตึง

“คุณโฮล์มส์” เขาเรียกอีกครั้งอย่างลืมตัว “ยังไม่กลับเหรอครับ”

“…” คนตัวสูงไม่ตอบอะไร มีแต่ขมวดคิ้วอย่างเดียว ฮันเลยคิดว่าเขาอาจจะคำถามที่ไม่จำเป็นต้องถามออกไป

เพราะยังไม่กลับไงเล่าถึงได้เห็นยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้

“ขอบคุณนะครับ” ที่พาไปส่งที่ห้องพยาบาล

“เป็นอะไร” ถามทั้งๆ ที่ยืนล้วงกระเป๋านิ่ง สายตามองตรงไปหน้าลิฟต์ ไม่ได้มองหน้าคนที่กำลังคุยด้วยแต่อย่างใด

“อ้อ...พี่หมอแมททิวบอกว่าเป็นลมเฉยๆ ครับ”

“…”

เงียบอีกแล้ว เขาตอบผิดคำถามหรือเปล่านะ คุณโฮล์มส์ไม่ได้จะถามเขาว่าอาการเป็นยังไงบ้างหรอกเหรอ

ลิฟต์มาหยุดชั้นที่ทั้งคู่ยืนอยู่แล้ว เป็นอัลฟาหน้านิ่งที่เดินเข้าไปก่อนไม่รอ ไม่พูดไม่จา พอเข้าไปยืนในลิฟต์ ฮันก็กดชั้นแรก พลางเหลือบมองว่าคนที่ยืนหลบมุมอยู่อีกฝั่งจะไปชั้นไหน

“ชั้นไหนครับ” อีกฝ่ายไม่ตอบแต่ยื่นห่อบางอย่างมาให้ ประตูลิฟต์ปิดตัวลงพอดี “อะไรเหรอครับ”

“รีบหยิบไปแล้วอย่าพูดมาก”

ฮันแปลกใจ แต่ก็ยื่นมือไปหยิบมาแต่โดยดี ในวินาทีที่ปลายนิ้วแตะกันเพียงแผ่วเบา ฮันรู้สึกเหมือนมีไฟฟ้าแล่นผ่านร่างแปลบๆ จนต้องรีบชักมือออก เขาขนอ่อนลุกซู่

คงเป็นเพราะฟีโรโมนกลิ่นเวติเวอร์ในหน้าฝนของคุณโฮล์มส์ ถึงทำให้เราเป็นแบบนี้

เขาไม่เคยชอบฤดูฝน ไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะชอบกลิ่นของดินหลังฝนตกได้เท่านี้ เพราะเขาไม่เคยชอบเวลาที่ตัวเหนียวเหนอะหนะเพราะความชื้นสัมพัทธ์หรือละอองของน้ำฝนที่มาเกาะตัว

ในตอนนั้นเองที่ฮันนึกถึงสิ่งที่ศาสตราจารย์ประจำวิชาปรัชญาสมัยใหม่พูด เรื่องคู่แห่งโชคชะตา ฮันไม่เคยได้กลิ่นฟีโรโมนของใครชัดเท่านี้มาก่อน

“เรื่องที่ศาสตราจารย์วิชาปรัชญาพูด คุณเชื่อไหมครับ คุณโฮล์มส์” ฮัน ไนท์ยังไม่ได้สังเกตของที่คนตัวโตส่งมาให้

วินาทีนั้นเองที่ฝ่ามือเย็นเฉียบยื่นมาจับข้อมือขวาไร้เอฟอร์สของฮัน จับในกำลังที่แผ่วเบา ไม่ได้บีบแน่นเหมือนครั้งก่อน

ฝ่ามือที่แนบมานั้นราวกับคนที่เอาแต่อาศัยในพื้นที่อุณหภูมิติดลบ ทว่าเมื่อนิ้วโป้งเกลี่ยเพียงแผ่วเบาบนรอยช้ำ มันกลับชวนร้อนวูบไปทั้งข้อมือ

“อึก...” ฮันกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก

“ไม่เชื่อ” เสียงทุ้มเอ่ยในลำคอ “ต้องพิสูจน์”

ร่างกายของฮันถูกดันชิดกำแพงลิฟต์อย่างนุ่มนวล ท่าทางของอัลฟาร่างสูงเปลี่ยนไป แต่บรรยากาศกลับไม่เหมือนครั้งนั้นเลยสักนิด คนตัวเล็กกว่าเงยหน้าสบดวงตาสีฟ้าอ่อน

...สว่างสุกใสเหมือนดวงดาวบนท้องฟ้า...

“คุณโฮล์มส์” ฮันเอ่ยเสียงเรียกแผ่วเบา รู้สึกได้ถึงลมหายใจร้อนรดริดอยู่เหนือริมฝีปากตัวเอง เขาก็แทบกลั้นหายใจ ย่นคอชิดผนังอย่างลืมตัว

คาร์ลอส

“ว่าไงนะครับ?”

“เลิกเรียกโฮล์มส์ เรียกคาร์ลอส”

ฮันเพิ่งเข้าใจว่าอีกฝ่ายกำลังบอกชื่อตัวเอง “ผมฮัน—”

“เกลียด...” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้นแทรกในลำคอ ก่อนที่ฮันจะได้บอกชื่อเต็มของตัวเอง ดวงตาคมมองสบนิ่ง เจ้าของฟีโรโมนกลิ่นชาคาโมมายล์ไม่เข้าใจ

ปากเขากำลังจะจูบเรา

แต่ปากเขาก็ยังบอกว่าเกลียดเรา

ฟีโรโมนของคาร์ลอสทำให้ฮันรู้สึกเหมือนลิฟต์นี้กำลังมีฝนตกชำระร่าง มันเย็น มันชุ่มฉ่ำ มันทำให้หัวใจดวงน้อยๆ ดวงนี้รู้สึกเหมือนมีน้ำมาหล่อเลี้ยง

เสียงของคาร์ลอสนั้นทุ้มต่ำ แหบพร่า ยิ่งในตอนที่กระซิบเบาๆ ในระยะเท่านี้ ยิ่งทำให้เสียงนั้นฟังดูเร้าอารมณ์อย่างที่ฮันไม่เคยรู้สึกกับใครมาก่อน

ใบหน้าของคาร์ลอสดูดุดันยามที่จ้องมา แต่ถึงอย่างนั้นทำไมกลับไม่รู้สึกกลัวเหมือนอย่างตอนนั้น แม้ว่าฮันจะไม่มีทางรู้เลยว่าตอนนี้อีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ แต่คงเพราะไม่มีคำพูดเหยียดหยามและน้ำเสียงที่ทำให้รู้สึกเสียหน้าหรืออับอาย บรรยากาศตอนนี้แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง

ทุกอย่างของคาร์ลอสยามที่ผสมผสานกันออกมา ราวกับตัวร้ายศาสตร์มืดอย่างเกลเลิร์ต กรินเดลวัลด์ จากซีรีส์แฟนตาซีในโลกเวทมนต์แห่งยุค 21

ทำให้รู้สึก...

“กูเกลียดโอเมกา”

“แล้วใครขอให้มาชอบไม่ทราบ” ปากกระจับพึมพำมุบมิบเมื่อได้ยินประโยคนั้นซ้ำอีกครั้ง แต่เพราะอยู่ใกล้กันเพียงระยะมดไต่ยังไม่ผ่าน อัลฟาตัวสูงกว่าจึงจ้องมาตาเขม็ง

“ว่าไงนะ?” ฮันเหลือบมองตัวเลขที่ระบุชั้น รู้สึกว่าระยะเวลาในการลงลิฟต์จากชั้น 65 จะเชื่องช้ากว่าปกติในวันนี้

“เปล่าครับ” ฮันไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียง เขาก้มหน้าลงมองฝ่ามือหนาที่ยังกอบกุมข้อมือตัวเองไว้ ดวงตาคมมองตาม จากนั้นห่อบางอย่างที่ได้มาเมื่อกี้ก็ถูกมือใหญ่คว้าไปแกะ

มันคือแผ่นปลาสเตอร์สีขาวมีลายดอกไม้เล็กๆ กระจายเต็มแผ่น มันเหมือนดอกคาโมมายล์หรือดอกเดซี่ที่ฮันก็แยกไม่ออก แต่ที่แน่ๆ คือ...เขาซื้อมาให้เราหรอ?

แผ่นปลาสเตอร์ลายดอกไม้สุดน่ารักถูกแปะบนข้อมือที่มีรอยช้ำเบาบางของฮัน นิ้วโป้งสีซีดเกลี่ยมันแผ่วเบาเพื่อให้แผ่นแนบเนื้อสนิท

“ลายดอก...”

“ในร้านมันเหลือแค่นี้”

ไม่ได้จะถามว่าทำไมเลือกลายนี้ แต่จะถามว่านี่มันคือดอกอะไรต่างหาก

ฮันเม้มปากเบาๆ เพราะกลัวจะกลั้นรอยยิ้มไม่ไหว เขาเงยหน้า มองสันกรามคนตัวสูงกว่าที่มีรอยช้ำเช่นกัน คงเพราะอีกฝ่ายมีผิวขาวจัด เลยทำให้เห็นรอยสีม่วงช้ำได้ง่ายดายแบบนี้ พลางนึกถึงตอนนั้นที่ต่อยแบบใส่แรงลงไปเต็มกำลัง

“หน้าคุณ...คาร์ลอส” เขายกมือขึ้นเพื่อจะแตะรอยช้ำนั้น แต่ก็ชะงักเมื่อตัวลิฟต์เกิดการกระชากเล็กน้อย แต่มันก็แรงมากพอที่จะทำให้คนที่ไม่ได้ตั้งตัวเซ ไฟในลิฟต์หรี่ลง แต่ไม่ได้ดับไปทั้งหมด

ท่วงท่าที่ทั้งคู่อยู่ในตอนนี้ยิ่งใกล้ชิดกันเข้าไปอีก คาร์ลอสยันแขนข้างหนึ่งกับผนังลิฟต์ ส่วนอีกข้างโอบรัดเอวคนในอ้อมแขนแน่น และคนที่ดันเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดได้แต่เบิกตากว้าง

“ขณะนี้ลิฟต์มีการขัดข้องชั่วคราว กรุณาอยู่ในความสงบ เจ้าหน้าที่จะเร่งแก้ไขค่ะ” เสียงโรบอตดังขึ้น ตัวเลขบ่งบอกว่าตอนนี้พวกเขากำลังติดอยู่ที่ชั้นห้า

ฮันได้แต่ยืนกะพริบตาปริบๆ เมื่อผ่านไปหลายวินาทีแล้ว อ้อมแขนนั้นก็ยังไม่ปล่อยไปจากเอวเขา “เอ่อ...คุณคาร์ลอสครับ”

คุณเกลียดโอเมกาไม่ใช่เหรอ?ผมก็เป็นโอเมกานะเผื่อลืม

แขนหนาปล่อยจากการโอบชิดแนบตัว เปลี่ยนเป็นโอบไว้เบาๆ แต่นั่นยิ่งทำให้ฮันงุนงง เขาเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง เห็นสายตาคู่นั้นมองอยู่ก่อนแล้ว

“ขอโทษด้วยนะครับ ที่ต่อยคุณ ตอนนั้นผม— อึก!?”

ในวินาทีนั้นเอง ริมฝีปากอุ่นก็เริ่มจู่โจม หากแต่กดลงอย่างนุ่มนวล กึ่งแผ่วกึ่งเคล้าคลึง ฮันเบิกตาโตเท่าไข่ห่าน เห็นเพียงสันจมูกโด่งและแพขนตาสีอ่อน ในจังหวะแรก ฮันยกมือขึ้นมาแตะอกกว้างผ่านเสื้อเชิ้ตสีดำสนิทเพื่อจะผลักออก

แต่เมื่อริมฝีปากร้อนบดขยี้แผ่วเบา ฟีโรโมนกลิ่นฝนในหญ้าแฝกราวกับอาบชโลมร่าง มือที่ตอนแรกว่าจะผลักออกกลายเป็นกำเสื้อของอีกคนแน่น

ฮันขนอ่อนลุกซู่ ความคิดตีกันไปหมด ได้แต่หลับตารับสัมผัสที่ไม่เคยได้รับจากใคร นี่เป็นครั้งแรกที่ฮันอยากจะปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามความรู้สึก ไม่สนใจถูกผิด ในหัวคิดเพียงว่า

แล้วต้องทำยังไงล่ะ ต้องจูบตอบยังไง

ริมฝีปากอิ่มได้แต่ปล่อยให้มันถูกบดเบียดเคล้าคลึงอย่างหยอกเย้า อัลฟาตัวโตทำแบบนั้นอยู่หลายครั้ง ก่อนที่ลิ้นร้อนจะถูกสอดเข้ามาในโพรงปาก มันทำให้แข้งขาของฮันไร้เรี่ยวแรง แต่มีแขนหนาช่วยพยุงไว้

ตุบ...ตึกตึก

มันไม่หวานเหมือนอย่างนิยายที่เคยอ่าน ก็แน่นอน มันคือน้ำลายของคนสองคนที่คละเคล้าเข้าด้วยกัน มันฝาด มันขมปร่าแบบที่อธิบายไม่ได้ แต่มันไม่ใช่สัมผัสที่แย่จนอยากผละออก

ยิ่งในตอนที่ลิ้นร้อนนั้นทั้งตวัดทั้งรัดรึงลิ้นของเขาอย่างชำนาญ ร่างกายของฮันก็เหมือนจะไม่ใช่ของตัวเองอีกต่อไป ทั้งอุณหภูมิในร่างกายที่สูงจัด ความร้อนมากระจุกรวมกันอยู่ที่ริมฝีปากและปลายลิ้น ลมหายใจจากปลายจมูกโด่ง ฝ่ามือหนาที่วางอยู่เหนือสะโพกเล็กน้อยทำหน้าที่เพียงประคองร่างกายอ่อนเปลี้ยไม่ให้ไหลลงไปกองกับพื้น

มือใหญ่อีกข้างประคองปลายคางของคนในอ้อมกอดให้รับกับองศาริมฝีปากมากขึ้น

“แฮก...อื้อ—” ฮันหอบอากาศเข้าปอดได้ไม่ทันไร เรียวลิ้นก็ถูกดูดดึงอีกครั้ง ริมฝีปากหนาดูดกลืนลิ้นของเขาจนแข้งขาอ่อนระทวย น้ำใสที่กำลังจะไหลเลอะขอบปากนุ่มหยุ่นก็ถูกตักตวงด้วยปลายลิ้นของอีกฝ่ายไปจนหมด

ติ๊ง

ลิฟต์กลับมาใช้ได้อีกครั้ง แสงรอบตัวก็กลับมาสว่างดังเดิม แต่ฮัน ไนท์กลับไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย กระทั่งริมฝีปากร้อนระอุนั้นผละออกไปกะทันหันจนเกิดเป็นเสียงหยาบโลน มีน้ำสีใสเชื่อมติด นิ้วหัวแม่มือสีซีดเกลี่ยริมฝากปากอวบอิ่มเพื่อเช็ดความสกปรกโดยรอบให้

แล้วอัลฟาตัวสูงก็กลับไปยืนตัวตรงดังเดิม เป็นจังหวะเดียวกับที่ตัวลิฟต์เปิดออก ตัวเลขบ่งบอกว่าทั้งคู่มาถึงชั้นสองแล้ว มีเบตาชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาข้างใน มองพวกเขาด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก

“แฮก...” ฮันรีบกลับมายืนตรงอีกครั้งเช่นกัน แต่ไอ้อาการหอบหายใจเหมือนไปวิ่ง 4x100 มากับแก้มเนียนที่ขึ้นสีแดงระเรื่อนั้นไม่สามารถปกปิดให้มิดได้ ไหนจะริมฝีปากที่บวมฉ่ำแดงก่ำเหมือนถูกบดขยี้มาอย่างหนักนี่อีก

คุณคาร์ลอสเขาทำหน้านิ่งขนาดนั้นได้ยังไง

ฮันเหลือบมองคนที่กลับไปยืนพิงลิฟต์อีกฝั่งด้วยความเหลือเชื่อ อีกฝ่ายดูเป็นปกติมาก ผิดกับเขาที่หน้าเน่อหูเหอร้อนไปหมด กระทั่งลิฟต์เคลื่อนมาถึงชั้นหนึ่ง อัลฟาตัวสูงก็สาวเท้าออกไปโดยไม่รอ

“คุณคาร์ลอส!” หนุ่มโอเมกาที่ใบหน้ายังแดงปลั่งรีบวิ่งตามหลัง เมื่อรู้ว่าไม่น่าจะตามทันก็รีบตะโกนเรียก ขายาวนั้นยอมหยุดแต่โดยดี หันมองด้วยหางตา

“คุณ...” จูบผมทำไม ไหนบอกว่าเกลียดโอเมกา

“?” มีเพียงคิ้วหนาที่เลิกขึ้น อัลฟาตัวโตยืนล้วงกระเป๋ากางเกง ท่าทางไม่ทุกข์ร้อน และทำเหมือนกับว่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นในลิฟต์เมื่อกี้ไม่ได้เกิดขึ้นจริง กระทั่งขายาวก้าวเข้ามาใกล้ กระซิบให้ได้ยินกันสองคน “จืดชืด”

“อะไรนะครับ?” ฮันไม่เข้าใจ แต่เมื่อดวงตาคมตวัดมามองที่ปากเขา ความรู้สึกร้อนวูบวาบในโพรงปากก็กลับมาเด่นชัดขึ้นอีกครั้ง

“ก็พิสูจน์...แล้วก็รู้แล้ว” คาร์ลอสโน้มใบหน้าลงมา “ว่าจูบมึงจืดชืด”

 

TBC

จูบเขาไม่ขอ แล้วคอมเม้นท์รสจูบเขาเสย เคเบย

- โฮล์มส์ (Holmes) อ่านว่า โฮมสฺ (เขียนแบบเดียวกับชื่อเชอร์ล็อค โฮล์มส์ เบย)

- กลิ่นฟีโรโมน อัลฟ่าหรือโอเมก้าในเรื่องมักจะระบุไม่ได้อย่างชัดเจนว่าตัวเองมีฟีโรโมนกลิ่นเหมือนอะไร เพราะอะไร? เพราะเมื่อเราอยู่กับสิ่งใดมาตั้งแต่เด็ก เราจะคุ้นชินกับมันจนหลงลืมไปเอง ในที่นี้อัลฟ่าหรือโอเมก้าจะรู้เพียงว่าเรามีกลิ่นประมาณนี้นะ อาจจะรู้ได้จากที่พ่อแม่บอกมาตอนพ้นวัยเด็กและรู้เพศรองของตัวเองแล้ว หรือเพื่อนๆ บอกว่าตัวเองกลิ่นฟีโรโมนเหมือนอะไร รู้แค่ว่ามันหอมมากหรือหอมน้อย คือเคยชินกลิ่นตัวเองไปแล้ว ส่วนกลิ่นของคนอื่นก็จะระบุได้เพียงว่าอีกฝ่ายเป็นกลิ่นประมาณไหน เช่น กลิ่นเหมือนดอกไม้ แต่ระบุไม่ได้ว่าดอกไม้ชนิดไหน หรือกลิ่นเหมือนตู้อบขนม แต่ระบุไม่ได้ว่าเป็นขนมประเภทอะไร ซึ่งที่จริงแล้วฟีโรโมนแต่ละบุคคลจะมีความเฉพาะเจาะจงไปกว่านั้นมากๆ และจะมีเพียงคู่ชีวิต(คนที่มอบความรักให้หมดหัวใจ)หรือคู่แท้แห่งโชคชะตาเท่านั้นที่รู้ว่าฟีโรโมนของคู่ตัวเองกลิ่นเหมือนอะไรมากที่สุด

- การทำพันธะสัญญาอัลฟ่าและโอเมก้าในเรื่องนี้จะแตกต่างจากเรื่องอื่นๆ ค่อนข้างมาก โปรดติดตามตอนต่อๆ ไปน้า

- electronic stethoscopes ก็คือหูฟังไฟฟ้าของหมอนั่นแหละ

See the source image

- I ABO U ชื่อเรื่องเป็นเพียงตัวย่อเท่านั้น ที่จริงแล้วชื่อเรื่องยาวมากแต่ย่อเป็น ABO เพื่อให้เรียกง่ายๆ แต่ไม่ได้ย่อมาจาก Alpha Beta Omega เท่านั้นนะ(ยังมีอีกเหร้อ)

- เรื่องนี้ดูเหมือนจะไม่มีอะไร แต่ปมเยอะมาก รอแก้ไปพร้อมกันนะ

 

Comment ส่งผลต่อการอัพนิยายมาก

ถ้าคุณชอบนิยายเรื่องนี้ ได้โปรดบอกให้เราได้รับรู้

เพราะเมื่อไม่มีฟีดแบ็คใดๆ ตอบกลับมา

นักเขียนคงไม่มีกำลังใจที่แข็งแกร่งเพียงพอ เพื่อพิมพ์นิยายต่อไปจนถึงฝั่งฝันอย่างที่ตั้งใจไว้

 

ติดต่อ ติดตามได้ทาง

Twitter: @FIT_FOR_FINE

Facebook: @FITFORFINE1

Instagram: @fitforfine1

Tik Tok: @fit_for_fine

Email: fine4fit@gmail.com

สามารถหวีด ร่วมพูดคุย แสดงความคิดเห็นผ่าน #IABOU

หรือเพื่อติดตามเกร็ดเล็กเกร็กเกร็ดน้อยของนิยายเรื่องนี้ที่เราจะลงไว้ที่นั่นได้เลย!

 

เชิงอรรถ

  1. ^ ความสัมพันธ์แบบเป็นพิษ (Toxic Relationship) คือความสัมพันธ์เชิงลบ อาจมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเสียเปรียบ รู้สึกไม่ปลอดภัย เหนื่อยหน่าย ยิ่งใช้เวลาร่วมกันเท่าไร ก็ยิ่งรู้สึกบั่นทอนกันและกันไปมากเท่านั้น