Listen to this for your อรรถรสในการอ่าน

keshi - right here

 

X

สรรพนามแทนตัว ‘เรา’

sds

(Photo by Andreas M on Unsplash)

 


 

Do you remember 'bout this band you said you listened to?

When we were younger

When we were softer

When we were all about each other

Hope life is treating you better

 


 

ดาวดวงน้อยคล้อยไป...ไฉนเจ้าไม่หลับหนา

หากแม่มีอิทธิฤทธา...จะบันดาลเจ้าเข้านิทราทันใด

คาร์...”

อย่าได้ละเมอ อย่าได้เผลอไผล

คาร์ล...”

จงหลับใหลดั่งนอนนุ่น มิคิดให้วุ่นวาย สนิทกาย...”

“คาร์ลอส”

เฮือก

เจ้าของชื่อสะดุ้งตัวตื่น ความรู้สึกแรกคือฝ่ามือชื้นเหงื่อของตัวเองที่ผละจากการนอนกอดอก ความรู้สึกต่อมาคือสัมผัสที่ข้างหัวไหล่ เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นฮัน อัลเลน ไนท์พร้อมกระเป๋าสัมภาระข้างตัวสองใบใหญ่ และกระเป๋าสะพายอีกหนึ่ง

คาร์ลอสหลับบนเบาะของไฮเปอร์ลูปเที่ยวเช้ามืด หลังจากคุยงานกลุ่มเสร็จ เขาอยู่ที่แล็บต่อจนถึงตีสี่เพื่อเตรียมอุปกรณ์ ตีห้าเก็บกระเป๋าแล้วมารอที่สถานี

ดังนั้น ในตอนที่ไฮป์เที่ยวพิเศษสำหรับมหาวิทยาลัยเปิดให้เข้าไปนั่งรอข้างในได้ คาร์ลอสจึงเข้าไปเป็นคนแรกๆ และเผลอหลับไประหว่างรอนักศึกษาคนอื่นมา

“ขอโทษที่ปลุกนะ แต่ว่าเราเข้าไปไม่ได้...คาร์ลอสเป็นอะไรหรือเปล่า นายหน้าซีดมาก...”

คาร์ลอสเพิ่งรู้ตัวว่าตนเองนั่งเบาะด้านนอก เว้นที่ข้างหน้าต่างไว้ คงเพราะตอนมาถึงเขาเหนื่อยเกินกว่าจะมาพินิจพิจารณาว่าจะนั่งตรงไหนดี รู้แค่เมื่อเข้ามาได้ก็โยนของเข้าใต้เบาะแล้วล้มตัวลงนอน

และเพราะคาร์ลอสตัวใหญ่เกินกว่าที่ฮันจะเดินเข้าไปเบาะด้านใน โอเมกาหนุ่มจึงจำต้องปลุกด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล หลังจากพยายามยกกระเป๋าใบใหญ่เข้าช่องเก็บของแล้วแต่ทำไม่ได้ ปกติในระดับความสูงเท่านี้ ฮันสามารถยกเก็บเองได้สบายๆ ถ้าไม่ติดหัวผู้ชายตัวใหญ่ที่นอนกอดอกนิ่ง ลมหายใจที่เข้าออกสม่ำเสมอบ่งบอกว่าหลับลึกมาก

เมื่อมองช่องเก็บของด้านใต้เบาะ ก็พบว่ามีกระเป๋าที่น่าจะเป็นของคนที่หลับสนิทวางไว้เต็มช่องอยู่แล้ว ฮันที่พยายามเขย่งปลายเท้าและโก่งตัวเพื่อไม่ให้ลำตัวสัมผัสอีกฝ่าย แต่ทำอย่างไรก็ไม่สามารถโยนกระเป๋าเข้าไปได้ เกรงแต่ว่าตัวเองจะทำกระเป๋าใบใหญ่หล่นลงมาทับคนที่หลับไม่รู้เรื่องเสียมากกว่า เขาจึงรวบรวมความกล้า ยื่นมือไปสัมผัสที่ไหล่หนาแผ่วเบา

ฮันเอ่ยเรียกอยู่สองสามที ชายหนุ่มที่ถูกดึงให้หลุดจากฝันสะดุ้งตัวด้วยใบหน้าซีดเผือด เสื้อยืดสีขาวชุ่มไปด้วยเหงื่อจนแนบลำตัว เห็นได้ชัดบริเวณแผงอก คาร์ลอสหายใจแรง ทำให้คนที่ปลุกรู้สึกผิดเพราะรบกวนเวลานอนของอีกฝ่าย

“คาร์ลอสไม่สบายเหรอ หน้านายซีดมากเลย” ฮันเกือบจะยื่นฝ่ามือไปสัมผัสหน้าผากอีกคน แต่ติดสายตาอ่านไม่ออกของอัลฟาหนุ่มทำให้ต้องชะงักมือ

“...”

“คือว่านายนั่งด้านนอก แล้วเราจะเก็บกระเป๋าแต่—”

ฮันยังไม่ทันได้อธิบาย คาร์ลอสก็ลุกพรวดแล้วสาวเท้าไปยังด้านหลังของพอด คาดว่าน่าจะไปเข้าห้องน้ำ ปล่อยให้ฮันได้แต่มองตามอย่างงุนงง และเก็บความเป็นห่วงไว้ในใจ

ผ่านไปหลายนาที คนทยอยเข้ามาในพอดใกล้เต็ม เพราะอีกไม่นานก็จวนจะได้เวลาเดินทาง เสียงประกาศจากผู้ดูแลคณะนักศึกษาเดินทางไปดูงานต่างประเทศดังขึ้นเป็นระยะ ใจความสำคัญคือให้นั่งคู่กับพาร์ตเนอร์ของตัวเอง

ในระหว่างนี้เอมิลี่เดินเข้ามาหา แล้วคุยกับฮันในช่วงที่คาร์ลอสไม่อยู่ ทำให้รู้ว่าทริปนี้โจเซฟไม่ได้มาด้วย มีเพียงลูคัสและเอมิลี่ที่เลือกไปสวิตเซอร์แลนด์ด้วยกันเป็นแห่งแรก

“หนูลูกได้พกเครื่องช็อตไฟฟ้ามาอยู่ใช่ไหม”

“เอ่อ ครับ”

ฮันเกาแก้มเพราะสรรพนามของเอมิลี่ที่เรียกเขาอย่างหลากหลาย ตั้งแต่ หนูลูกฮัน ไปจน น้องลูกฮัน หรือแม้แต่ น้องหนูฮันนี่ แต่เพราะเข้าใจว่าเป็นความเอ็นดู และมันไม่ได้ทำให้เขารู้สึกแย่หรือเสียหายตรงไหน จึงปล่อยให้พี่ๆ เรียกตามต้องการ แค่อาจจะกระดากอายเล็กน้อยเมื่อถูกเรียกแบบนี้ในที่สาธารณะ

“ถ้ามันเริ่มมางุ่นง่านกับหนูโดยที่ไม่ได้ขออนุญาตแล้วหนูไม่ชอบ หนูลูกต้องรีบส่งข้อความมาหาพี่เลยนะคะ”

“เอ่อ...แล้วถ้า—” ถ้าชอบ

“กลับไปนั่งประจำที่ให้เรียบร้อยได้แล้วค่ะ ไฮป์ใกล้จะออกแล้วนักศึกษา อ้อ...หนูโอเมกาน่ะ ขอตรวจกระเป๋าด้วยค่ะ” ฮันยังไม่ทันได้ถามอะไร ผู้ช่วยอัลฟาที่คอยดูแลนักศึกษาก็เดินเข้ามา

“ตรวจทำไมคะ” เป็นเอมิลี่ที่ขมวดคิ้ว หันไปถามแทน

ผู้ช่วยอาจารย์ที่เดินตรวจสอบความเรียบร้อยเตือนเพราะใกล้ถึงเวลาออกเดินทาง และการขอตรวจกระเป๋าเฉพาะโอเมกาเท่านั้นก็ทำให้เธอแปลกใจไม่น้อย

“ตามกฎหมาย โอเมกาต้องพกยาแก้ฮีทติดกระเป๋าตัวเอง—”

“ถ้าอย่างนั้นแล้ว ทำไมไม่ตรวจยาแก้รัทของอัลฟาทุกคนด้วยเลยล่ะคะ” เป็นเอมิลี่พูดแทรกด้วยใบหน้าเป็นมิตร แต่ทำไมถึงรู้สึกเหมือนมีไอเย็นยะเยือกออกมาก็ไม่อาจทราบ

“พี่เอมิลี่” ฮันกระตุกชายเสื้อหญิงสาวที่ยืนเท้าเอวเบาๆ ก่อนจะส่งกระเป๋าสะพายใบที่เล็กและหยิบง่ายกว่าเพื่อนไปให้ผู้คุม

“แน่ใจว่าพอสำหรับเจ็ดวันหกคืนใช่ไหมคะ” ผู้ช่วยอาจารย์ตรวจสอบแผงยาเม็ดและเข็มฉีดแล้วจึงถามขึ้น คงเพราะเธอเป็นอัลฟา จึงไม่ทราบว่ายาแก้ฮีทหนึ่งแผงสำหรับหนึ่งสัปดาห์นั้นเพียงพอแล้วเมื่อไม่ใช่ช่วงสัปดาห์ฮีท

“ผมนับวันแล้ว สัปดาห์นี้ไม่ใช่สัปดาห์ฮีทครับ ยาเท่านี้ถือว่าเหลือ—”

“จะขวางอีกนานไหม”

เสียงทุ้มต่ำที่มาพร้อมกับฟีโรโมนกลิ่นเวติเวอร์ในหน้าฝน ทำให้ฮันคลายความตึงเครียดลง ยามอยู่ท่ามกลางอัลฟาหญิงสองคนที่เหมือนปล่อยฟีโรโมนข่มกัน

คาร์ลอสพูดด้วยใบหน้าเรียบนิ่งเช่นเคย ผู้ช่วยอาจารย์หันกลับไปมอง เหมือนอยากจะต่อคำ แต่เมื่อเห็นผู้ที่เอ่ยประโยคห้วนๆ นั้นออกมาก็เป็นฝ่ายที่ชะงักไปแทน

ผู้ช่วยหญิงหลีกทางให้เจ้าของที่ที่กลับมาทวงตำแหน่งคืน ก่อนจะส่งกระเป๋าสะพายคืนให้ฮันแล้วเดินไปตรวจคู่อื่นต่อ

เอมิลี่หันมาโบกมือลาเพื่อนตัวน้อยราวกับว่าทริปนี้ไม่ได้ไปด้วยกัน ก่อนจะเดินกลับไปยังที่นั่งซึ่งถูกบังคับให้นั่งคู่กับพาร์ตเนอร์ตัวเองเพื่อความสะดวกในการตรวจสอบ ก่อนจะลับสายตา เธอยังทำท่าทางเหมือนเอามีดจี้คอส่งให้ฮัน

ฮันดูจากภาษากายและจากการอ่านปาก แปลได้ว่า ถ้าคนที่นั่งข้างๆ มันเกิดเป็นลมบ้าหมาขึ้นมา เอาเครื่องช็อตไฟฟ้าจี้มันเลยนะลูก

โอเค พี่เอมิลี่อาจจะไม่ได้พูดแบบนี้เป๊ะ แต่ใจความก็น่าจะประมาณนี้แหละมั้ง...

พาลนึกไปถึงคำสั่งของเพื่อนสาวก่อนที่จะแยกกัน

ห้ามจับมือถือแขน

โอเค

ห้ามลูบหัว

โอเค

ห้ามจูบ

โอเค...”

แล้วฮันก็แอบหลุดหัวเราะเบาๆ เพราะคนรอบตัวเขาดูจะเป็นห่วงตัวเองเอามากๆ มากจนฮันเองก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมคนรอบข้างถึงยอมให้เขาเป็น FWB กับคาร์ลอสได้ แต่ห้ามทำนู่นนี่นั่นเยอะแยะไปหมดจนชักไม่แน่ใจว่านี่ยอมปล่อยเขามีความสัมพันธ์ตามอำเภอใจจริงหรือเปล่าเนี่ย?

อุ่ย

ฮันหุบยิ้มทันทีเมื่อเหลือบเห็นสายตาของคนข้างตัวที่มองมา เหมือนจะถามว่า หัวเราะอะไร?

โอเมกาหนุ่มจึงได้แต่เม้มปากเข้าหากัน ในจังหวะนั้นเองที่เสียงประกาศประจำพอดดังขึ้น

“ขอประกาศอีกครั้ง นี่เป็นเที่ยวที่สองของการเดินทางไปดูงานสำหรับรายวิชาปรัชญาสมัยใหม่ ของมหาวิทยาลัยนานาชาติสหพันธรัฐอเมริกา เป็นการเปิดโลกทัศน์ของการทัศนศึกษานอกสถานที่ เพื่อการทำโครงการที่สมบูรณ์ ทางมหาวิทยาลัยขอขอบคุณรัฐบาลที่สนับสนุน...”

“พูดอะไรนักหนา รำคาญ” คาร์ลอสนั่งกอดอกหน้าตาย หยิบอินเอียร์ยัดหู ก่อนจะหลับตาเพื่อตัดสิ่งรบกวนทุกอย่างออกไป

ฮันได้แต่มองด้านข้างของอัลฟาหนุ่มที่หลับจริงหรือแค่หลับตาเฉยๆ ก็ไม่รู้

[ไฮเปอร์ลูปพอดที่ 22 สถานีต้นทาง รัฐนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา สถานีปลายทาง รัฐเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ จะเริ่มเคลื่อนตัวในอีกห้านาที]

นี่เป็นเที่ยวการเดินทางที่สองของการนำนักศึกษาไปทัศนศึกษานอกสถานที่ ถึงแม้ว่าจะมีอีกสองเที่ยวในสัปดาห์ถัดๆ ไป และเดือนหน้าก็จะสามารถไปสถานที่ที่สองได้ ฮันตกลงกับเพื่อนว่าอยากเริ่มไปที่แรกตั้งแต่ตอนนี้ ก่อนที่ตารางการทำงานทุกอย่างมันจะไปอัดเอาช่วงใกล้สอบปลายภาค

ปกติถ้านั่งเครื่องบิน ต้องใช้เวลาเดินทางถึง 7 ชั่วโมง 45 นาที หรืออาจจะมากกว่านั้นเพราะต้องดูสภาพฝนฟ้าอากาศที่อาจเป็นปัจจัยทำให้เครื่องดีเลย์ แต่การเดินทางด้วยไฮเปอร์ลูปนี้เหมาะกับการเดินทางระยะไกลมากกว่า

สถานีไฮเปอร์ลูปมีอยู่ทุกประเทศทั่วโลก ส่วนใหญ่เน้นการขนส่งระยะไกลข้ามประเทศ เพราะประหยัดกว่า เร็วกว่าขนส่งทุกประเภทที่เคยมีมา แม้ว่าในช่วงแรกจะมีปัญหาในเรื่องของการขนส่งผ่านประเทศที่ไม่ได้เชื่อมต่อกันทางแผ่นดิน หรือก็คือไฮเปอร์ลูปในช่วงแรกไม่สามารถใช้ได้กับประเทศที่มีทะเลกั้น

วิศวกรแก้ไขปัญหานั้นด้วยการสร้างสะพานไฮเปอร์ลูปข้ามมหาสมุทร นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมถึงสามารถนั่งรถไฟความเร็วสูงเที่ยวเดียวจากนิวยอร์กข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือไปถึงเจนีวาได้ในเวลาไม่ถึงสี่ชั่วโมง

เพราะทางตรงคือการกระจัด เมื่อเทคโนโลยีไปไกลจนไร้ขีดจำกัด การเดินทางอย่างไฮเปอร์ลูปคู่กับการเคลื่อนที่ไปในทางตรง จึงถือว่าเป็นการเดินทางที่มีประสิทธิภาพที่สุดในยุคนี้

และนั่นแหละที่เป็นปัญหา

[ในขณะนี้ ไฮเปอร์ลูปพอดที่ 22 กำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่มหาสมุทรแอตแลนติกเหนือเป็นที่เรียบร้อย ทางด้านขวามือของท่าน คือดินแดนเบอร์มิวดา อาณานิคมโพ้นทะเลที่เก่าแก่ที่สุดของสหราชอาณาจักร ปัจจุบันเป็นแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อ...]

ฮันสวมแว่นตา ใส่อินเอียร์ เปิดคลิปอะไรสักอย่างที่จะมีประสิทธิภาพมากพอที่จะดึงดูดความสนใจทั้งหมดของตัวเองไปที่มัน ทว่าไม่เป็นผลเมื่อยังมีเสียงเล็ดลอดเข้ามาเพราะลืมปิดโหมดจับเสียงพูด ทำให้ฮันรู้ว่าตอนนี้ตัวเองอยู่เหนือน้ำทะเล

ไหนจะคนที่อยู่ในพอด พอได้ยินคำบรรยายนั้นก็อยู่นิ่งกันไม่ได้ ต่างพากันมุงข้างหน้าต่างอย่างอยากรู้อยากเห็นวิวตระการตา

แล้วทำไมต้องได้นั่งข้างหน้าต่างด้วยเนี่ย!

ไม่ แค่หลับตา แค่ไม่ฟัง ไม่รับรู้ นอนหลับ ใช่ ต้องนอนหลับไปเลย!

“มึงจิกแขนกูอยู่รู้ตัวไหม”

“ฮื่อ ขอโทษ” ฮันปล่อยมือที่เผลอจิกกำบางอย่างแน่น เพิ่งรู้ว่านั่นคือแขนเสื้อของคาร์ลอส เขาเอ่ยปากขอโทษทั้งๆ ที่หลับตา ฮันกลับไปนั่งตัวแข็งทื่อ กอดอก หลับตาปี๋แม้จะใส่แว่นตาและเปิดคอนเทนต์บางอย่างอยู่ ริมฝีปากอิ่มเม้มเข้าหากันแน่น ดูอึดอัดพิลึก

จังหวะหนึ่งที่ปลายนิ้วเรียวยกขึ้นมาเกาหัว มันเกี่ยวเอาแว่นตาดิจิตอลจนหล่นลงไปที่หน้าตัก และกำลังจะไหลลงไปที่พื้น ฮันเผลอลืมตาขึ้นมาตามปฏิกิริยาตอบสนองของร่างกาย สมองยังไม่ทันได้ประมวลผล ฝ่ามือใหญ่ของคนข้างกายก็เอื้อมเข้ามารวบหัวทุย ดึงเข้าสู่อกแกร่ง

“อยู่นิ่งๆ เดี๋ยวกูเก็บให้” เสียงทุ้มกระซิบชิดริมหู ก่อนฮันจะรู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหวร่างกายของคนที่กอดหัวเขาไว้ “ไม่เป็นไร กูอยู่ตรงนี้”

ฮันผ่อนคลายความกังวลลงในวินาทีนั้น

คาร์ลอสกดปิดหน้าต่างให้เป็นโหมดทึบ ดึงอินเอียร์ข้างหนึ่งของฮันออก แล้วสวมอินเอียร์ของตัวเองให้แทน ปิดคอนเทนต์ในเครื่องของฮันที่กำลังเล่นอยู่ ทำให้แน่ใจว่าอินเอียร์ของฮันนั้นอยู่ในโหมดปิดเสียงรบกวนทุกประเภท ก่อนจะกดเล่นเพลงที่ตัวเองกำลังฟังต่อ

[ขณะนี้ไฮเปอร์ลูปเที่ยวที่ 22 ได้เคลื่อนตัวผ่านใจกลางมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือแล้ว อยู่ห่างรัฐเจนีวาอีกสองชั่วโมง สิบนาที]

มีเพียงคาร์ลอส โฮล์มส์ที่ได้ยินเสียงประกาศ เพราะหูข้างหนึ่งสละอินเอียร์ให้คนข้างกาย ส่วนฮัน ไนท์นอนหลับอุตุในอ้อมกอดอุ่นและเสียงเพลงจากเพลลิสต์ที่ชวนให้นึกถึงวันวาน

 

αβΩ

 

[ขณะนี้ ไฮเปอร์ลูปเที่ยวที่ 22 กำลังเคลื่อนตัวผ่านเมืองมากง[1] ประเทศฝรั่งเศส มุ่งหน้าเข้าสู่รัฐเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์]

เสียงประกาศจากบอตที่ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นหญิงหรือชายดังขึ้นทุกครั้งที่ผ่านจุดสำคัญ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้คนที่นอนจมอยู่ในอกใครคนหนึ่งถูกรบกวนแต่อย่างใด หนำซ้ำยังขยับหัวหาจุดสบาย จนคนที่รับหน้าที่เป็นหมอนหนุนชั่วคราวปวดไปทั้งบ่าหลังเพราะอยู่ในท่านั่งเอียงไหล่ตลอดสามชั่วโมงกว่า

แก คู่นั้นน่ารักเนอะ

ฉันเห็นนอนกอดกันกลม โคตรน่ารักเลยอะ!

เป็นแฟนกันชัวร์!

“ใกล้ถึงแล้ว ตื่นได้แล้ว...คนขี้เซา” คาร์ลอกระซิบชิดใบหูคนในอ้อมกอด จัดแจงดึงอินเอียร์และแว่นตาเก็บเข้ากระเป๋าสะพายที่เจ้าของกอดแน่นตลอดทาง ส่วนคนที่ถูกปลุกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาข้างจุดอ่อนอย่างใบหูนิ่มก็เกิดอาการจั๊กจี้จั๊กเดียม ใบหน้าหวานงอง้ำหงุดหงิดขึ้นเล็กๆ เหมือนเด็กถูกปลุกให้ไปโรงเรียนในเช้าวันจันทร์

“เอื้ออออออ อื้อ!” เสียงบิดขี้เกียจดังออกมาจากร่างที่เพิ่งตื่นจากฝันหวาน แขนสองข้างชูขึ้นเหนือหัวบิดไปมาทั้งๆ ที่ดวงตายังไม่เปิดดี

และในจังหวะนั้นเอง ฝ่ามืออรหันต์จากคนกึ่งหลับกึ่งตื่นก็ถวายให้เต็มกรอบหน้าคม จากที่อยู่ในระยะกระซิบชิดใบหู ก็โดนฮันผลักหน้าออกจากจุดบ้าจี้ของตัวเอง และ

ปั่ก

อื้อหือ

กลุ่มที่แอบเม้าอยู่แต่ไกลเห็นจังหวะศอกเสยคางแล้วถึงกับร้องพร้อมกัน

เจ้าของคางเคลื่อนกลับมานั่งตัวตรงตามเดิม คาร์ลอสขยับสันกรามให้กลับเข้าที่ ลิ้นดันกระพุ้งแก้มอย่างเหลืออด มองคนที่ขยี้ตามองวิวนอกหน้าต่างเสร็จก็หันมาว่าเสียงสดใส

“อ้าว ใกล้ถึงขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย ทำไมนายไม่ปลุกเราให้เร็วกว่านี้หน่อย เส้นทางนี้ผ่านตั้งหลายอุทยานในฝรั่งเศสเลยนะ”

“เหอะ เรื่องของมึง”

ตลอดทางหลังมาถึงสถานีไฮป์ในเจนีวา กระทั่งไปถึงโรงแรมที่พัก ฮันลอบสังเกตว่าคนตัวโตกว่ามีสีหน้าบึ้งตึงตลอดทาง แม้จะรู้ว่ามันเป็นปกติของอีกฝ่าย แต่ก็อดจะรู้สึกว่าครั้งนี้มีอะไรที่แปลกกว่าปกติไม่ได้

ผู้คุมนักศึกษานัดแนะกำหนดการณ์คร่าวๆ หลังจากเช็กอินกันเรียบร้อย เมื่อนำสัมภาระเก็บเข้าที่พัก จะมารวมตัวกันอีกครั้งที่ล็อบบี้ของโรงแรมในตอนเที่ยง

เอมิลี่ส่งข้อความมาเพียงแค่ ห้องอยู่กันคนละชั้นเลย ไว้เดี๋ยวพี่ขึ้นไปหานะน้องฮัน พาร์ตเนอร์พี่เมารถหนักมาก ไอ้ลูคัสนี่ก็อีกคน

ดังนั้น ตอนนี้ระหว่างทางเดินไปยังห้องที่ 21 และ 22 ชั้นที่ 65 จึงเหลือแค่คนที่อยู่ชั้นนี้เหมือนกัน

ฮันพยายามสาวเท้าให้ทันคนขายาวกว่า แต่เพราะกระเป๋าลากสองใบใหญ่ของตัวเองมันถ่วงให้การทำแบบนั้นยากขึ้นกว่าเดิม

“คาร์ลอส” ฮันเรียกคนที่เดินนำหน้า หน้าบูดหน้าบึ้งมาตั้งนานแล้ว พูดอะไร ถามอะไรก็ไม่ตอบ เขาคิดว่าอีกฝ่ายจะเปิดใจให้ตัวเองบ้างแล้วเสียอีก

“...”

“ถ้าไม่ตอบเราจะโกรธแล้วนะ”

“เรื่องของมึง”

อะไรวะ ปกติในละครเวลานางเอกพูดแบบนี้แล้วทำแก้มป่องนิดหน่อย พระเอกก็ใจอ่อนแล้วนี่!

ลืมไป...เราไม่ใช่คู่พระเอกนางเอกในละคร คิดใหม่สิวะฮัน!

“จะโกรธจริงๆ แล้วนะ”

“...” คาร์ลอสไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับ กระทั่งมาหยุดอยู่หน้าห้องที่ 22 เจ้าของห้องยกข้อมือแสกนเข้า ผลักประตูและเดินเข้าไป

ในวินาทีนั้นฮันถึงได้รวบรวมความกล้าทั้งหมด วิ่งสอดตัวเข้าไปกั้นก่อนประตูปิด

“ทำบ้าอะไรของมึง”

“นายนั่นแหละ เป็นบ้าอะไร ไม่คุยกับเราทั้งวันเลยนะ”

“จะคุยได้ไง ก็มึงหลับ”

“ก็— ก็ตั้งแต่เราตื่นไง นายทำหน้าบูดตลอดทางเลย” ฮันคิดตามว่าทั้งวันที่ตัวเองพูดไปก่อนหน้า เท่ากับเมื่อสี่ชั่วโมงที่แล้ว ฮันเจอคาร์ลอสที่นอนหลับ พอเริ่มออกเดินทางได้ไม่นานก็เป็นตัวเองที่หลับ เลยไม่ได้คุยอะไรกันเลยตั้งแต่เจอหน้ากัน

แต่ก็แล้วไง ไม่ได้คุยกันก็คือไม่ได้คุยกัน ฮันลากกระเป๋าตัวเองเข้ามาในห้องคาร์ลอสอย่างถือวิสาสะ ไม่ได้คิดจะพักด้วย แค่เพราะขอเคลียร์เรื่องนี้ให้หายคาใจก่อน เขาถึงจะหอบข้าวของกลับไปห้องตัวเอง

คาร์ลอสที่ถูกบุกรุกห้อง(อีกแล้ว)ไม่ได้มีท่าทีต่อต้านแต่อย่างใด เขาปิดประตูห้อง ยืนกอดอกมองคนที่เหมือนลูกแมววัยเพิ่งหัดขู่ขนพอง พยายามหาคำมาเถียงข้างๆ คูๆ อยู่อย่างนั้น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าน่ารักดี

“กูจะทำหน้าอะไรมันก็เรื่องของกูไหม”

“ไม่ดี”

“อะไรอีก”

“คาร์ลอสพูดไม่เพราะ”

เหมือนโดนเด็กเล็กยืนชี้หน้าว่าเขาเป็นผู้ใหญ่นิสัยเสียเพราะพูดคำหยาบให้เด็กได้ยิน อัลฟาหนุ่มส่งเสียงเหอะในลำคอ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงประชดประชัน

“จะให้พูด คุณฮันนี่ครับ ผมผิดไปแล้วที่ทำหน้าบึ้งตึงเป็นตูดทั้งวัน ให้อภัยผมเถอะนะครับฮันนี่...งี้เหรอ”

“...”

“...”

ฮันรู้ว่าประโยคนั้นเป็นการแสดง และสรรพนาม ฮันนี่ ที่เพื่อนเรียกเขาจนชินนั้นไม่รู้ว่าทำไมพอคาร์ลอสเป็นฝ่ายพูด มันถึงฟังดู...น่ารักจนใจเต้นแรง

ผู้พูดก็ดูจะชะงักไปตามกัน จู่ๆ บรรยากาศในห้องพักโรงแรมระดับสี่ดาวก็ร้อนขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ ต่างคนต่างผินสายตาหลบไปมองทางอื่นพร้อมกันแบบไม่ได้นัดหมาย

คาร์ลอสกระแอมไอเหมือนมีอะไรติดอยู่ที่คอ ริมฝีปากแห้งผากจนต้องแลบลิ้นเลีย ยิ่งหันมาเห็นฮันที่ยืนหูแดงอยู่ก็ยิ่งรู้สึกแปลกประหลาดในอก

อึดอัด ใช่ คงเป็นความรู้สึกอึดอัด

ในตอนแรกคาร์ลอสอยากจะหลอกตัวเอง แต่เมื่อสบเข้ากับดวงตากลมโตสีน้ำเงินเข้ม เขาก็คิดว่าไม่มีความจำเป็นที่ต้องโกหกใจตัวเองอีกต่อไป

“เรา...กลับมาคุยกันดีๆ ไหม” ฮันว่า “เรารู้ว่าเวลาเปลี่ยน คนก็ต้องเปลี่ยน แต่เรารู้ว่าซีแอล...ยังหลงเหลือความเป็นซีแอลในตอนนั้นอยู่นะ”

“...”

“นายกลับมาเป็นซีแอลของเราเหมือนเดิมได้ไหม”

“...”

“แล้วให้เราเป็นฮันนี่ของนาย”

“ไม่”

ใจของฮัน ไนท์หล่นวูบเมื่อเสียงทุ้มตอบมาเช่นนั้น หัวคิ้วสวยขมวดเข้าหากัน หยาดน้ำใสเกือบจะเอ่อที่หัวตา ถ้าไม่ใช่เพราะในวินาทีต่อมา คาร์ลอสขยับเข้ามาใกล้แล้วพูดด้วยเสียงนุ่มนวล ชวนให้ใจดวงน้อยไหวสั่น

“ไม่อยากเรียกฮันนี่ซ้ำกับคนอื่น” คาร์ลอสรวบเอวฮันเข้ามากอดหลวมๆ โน้มหน้าผากแตะหน้าผาก ดวงตาประสานดวงตา อัลฟาหนุ่มเอ่ยคำที่ทำให้ฮันรู้สึกอยากระเบิดตัวเองเหมือนไดนาไมต์ “คาโมมายล์”

“...”

“นายช่วยเป็นคาโมมายล์ของซีแอลได้ไหม”

“...” ฮันยิ้มกว้างแบบที่ไม่คิดว่าจะสามารถยิ้มกว้างได้มากไปกว่านี้แล้ว พยักหน้าหงึกหงัก เม้มปากแน่น แล้วก็อมยิ้มสลับกันอยู่อย่างนั้นเหมือนคนบ้า

“คาโมมายล์ของเรา”

ฮันเขินจนห้ามไม่ให้ตัวบิดไม่ได้ มือเรียวขยุ้มผมสีบลอนด์สว่างของคนตรงหน้าแล้วโยกไปมา “แต่อยู่ข้างนอกเรียกว่าฮันก็พอ...”

ถ้าไปเรียกแบบนี้ข้างนอก ไม่ใช่แค่จะเขินนะ แต่คนจะพากันงงด้วยนี่สิ

“My Chamomile”

“ฮื่อ” ฮันทำเสียงขึ้นจมูก โยกผมสีบลอนด์ไปทางซ้าย

“My Chamomile Tea”

“...” (เขินโว้ย) โยกผมหนาไปทางขวา

“I've never wanted chamomile tea like this before.”

ว้ากกกกกกกกกกกกกกก

คาร์ลอสยอมหยุดกระซิบชิดหูนิ่มด้วยสำเนียงบริทิชหลังพูดประโยคนั้นจบ เพราะไม่อย่างนั้น สัตว์น้อยขนนุ่มฟูตัวนี้อาจจะระเบิดแก้มตัวเองแตกยิ่งกว่าโกโก้ครันช์ก็เป็นได้

หลังจากเล่นเกมจ้องตาและนัวเนียเหมือนลูกลิงติดแม่กันอยู่หลายนาที เมื่อใกล้เวลานัดหมาย ทั้งคู่ก็พากันลงมาล็อบบี้ก่อนเวลา เห็นนักศึกษาคู่อื่นๆ อยู่บ้างประปราย

คณะนักศึกษาที่มาสวิตเซอร์แลนด์ในรอบนี้มีทั้งหมดยี่สิบห้าคู่ รวมทั้งหมด ห้าสิบคน ก็ถือว่ามากอยู่พอสมควร ซึ่งในจำนวนนี้ฮันไม่รู้ว่ามีกี่คู่ที่ระบบเลือกสถานที่นี้ให้ หรืออีกกี่คู่ที่เลือกมาเอง

ระหว่างที่นั่งรอเอมิลี่และลูคัสลงมา ฮันก็พิมพ์ข้อความตอบเพื่อนที่อยู่คนละฟากประเทศอยู่เช่นกัน

ไม่รู้ทำไม ทั้งๆ ที่เสียงพูดคุยของคนอื่นไม่ได้ดังถึงขนาดเรียกความสนใจ แต่ฮันกลับได้ยินบางอย่างที่ไหลเข้าโสตประสาทอย่างชัดเจน

“น่าเสียดายจังที่สวิตเซอร์แลนด์ไม่มีทางออกสู่ทะเลเลย”

“เห็นคนอื่นได้ไปที่ที่ติดทะเล ฉันล่ะอิจฉานัก”

“พวกเธอลืมไปแล้วเหรอว่าเราอยู่ในเจนีวา ก็มีทะเลสาบเจนีวาไง”

“ไหนจะทะเลสาบลูเซิร์นอีก ไม่มีทางออกสู่ทะเลแล้วยังไงล่ะ แม่น้ำเยอะขนาดนี้”

“ประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล ไม่ได้หมายความว่าไม่มีทะเลนะยะ”

“สาระภูมิศาสตร์”

กลุ่มชายหญิงที่นั่งอยู่อีกฟาก ห่างออกไปนับสิบเก้าพูดคุยกันปกติ แต่คนที่เริ่มไม่ปกติคือฮัน ไนท์ที่นั่งอยู่ตรงนี้

ฮันเคยได้ยินมานานแล้ว คำพูดที่ว่า เกลียดอะไรจะได้อย่างนั้น มันมีความหมายในเชิงกว้างทางความรู้สึกได้เช่นกัน เพราะเมื่อคนเราไม่ชอบหรือถึงขั้นเกลียดอะไร สมองจะพยายามประมวลผลตรวจจับสิ่งนั้นอยู่ตลอดเวลา ที่จริงมันก็เป็นการป้องกันตัวเองในขั้นต้นไม่ให้เผลอหลุดเข้าไปในความกลัวนั้น ทว่ามันก็เป็นข้อเสียในเวลาเดียวกัน

เพราะตอนนี้ในหัวของฮันได้ยินแต่เสียงของคนอื่นที่เอาแต่พูดคำว่าทะเล และทันทีที่ได้ยิน สมองก็ราวกับฉายภาพซ้อนที่ไม่เคยเกิดขึ้นจริง

“เป็นอะไร” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถาม เมื่อเห็นใบหน้านวลซีดขึ้น จากที่ก่อนหน้านี้ยังเห็นฮันแชทกับเพื่อนยิ้มแย้มเป็นปกติดี

“เปล่า...” ฮันส่ายหน้าเบาๆ หัวคิ้วสวยขมวดเข้าหากันเรื่อยๆ รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงจี๊ดในหู ภาพตรงหน้าเริ่มพร่าเลือน นั่นทำให้เขาสะบัดหน้าอีกครั้ง

“ฮัน” คาร์ลอสนั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้า ฝ่ามือหนากอบกุมแก้มสองข้างของคนตัวเล็กกว่า ลูบเหงื่อเม็ดโตที่หน้าผากออกให้

“...”

ใบหน้าของคาร์ลอสเริ่มพร่ามัวในความรู้สึกของฮัน เสียงทุ้มเรียกซ้ำ

ฮันนี่

“...”

ฮันพยายามเพ่งเล็งใบหน้าของคาร์ลอส จากที่เลือนราง สักพักก็ชัดเจนขึ้นในที่สุด แต่นั่นกลับทำให้เขาขมวดคิ้ว

ฮันนี่ ได้ยินไหม

คาร์ลอสตรงหน้าดูโตกว่า เสียงทุ้มแหบพร่ากว่าปกติ ผมสีบลอนด์ที่เหมือนถูกเสยไปด้านหลัง ตอนนี้มันกลับลู่ลงแนบกรอบหน้า ริมฝีปากคาร์ลอสแห้งผาก และสิ่งที่ทำให้แปลกใจที่สุดคือดวงตาสีฟ้าอ่อนที่เคยสว่างไสว

ตอนนี้มันแดงก่ำ คลอไปด้วยหยาดน้ำตา มองฮันอย่างโหยหายิ่งกว่าใคร

 

TBC

มันเกินปุยมุ้ยยยยย เหลืออีกตั้งกี่ตอนกว่าจะจบ มันหวานขึ้นตาอะไรกันขนาดนี้ ส่วนครึ่งหลังคืออะไร ตาฝาดเหรอ หรือน้องนอนน้อยไป?

- มาแล้วนักอ่านจ๋า ปกนิยายที่หนูอยากได้(มั้ยไม่รู้) ถ้าคิดว่าสวยเม้นท์สวย คิดว่าเฉยๆ ก็เม้นท์สวย ไม่ต้องสงสัยทำไมพระเอกนี่ตัวจริงตัวปลอม หน้าไม่ค่อยชั่วเท่าในเรื่องนะ อ๋อ ซีนหลังจากคุณเขาเลิกเปงหมาบ้าแร้วอะ

- เห็นปกที่ 2 แล้วคิดว่าอุ้ยย ไรท์โป๊ะเหรอ ไรท์เฉลยเหรอยังไง หึหึหุหุหุหุห้าหา้าห้า คุนคิดว่าผ้มจะโป๊ะไปเพื่ออะไรกันล่ะหึหึห้า้หา้ห้าห้า

sds

วันนี้ขอพาทุกท่านเข้าสู่ช่วง

ศัพท์โรงแรมน่ารู้ ที่ไม่ต้องรู้ก็ได้ แต่รู้ก็ดี (สรุปต้องรู้ไม๊)

- หลายคนอาจจะเคยอ่านเจอบ่อย ห้องสวีทๆๆ ห้องสวีทนี่คืออะไร? สวีทที่แบบ sweet? ห้องพักสำหรับคู่รักเหรอ คำตอบคือไม่ใช่ค้าบ คำว่าสวีทมาจาก Suit ซูอีท พูดเร็วๆ ก็กลายเป็นสวีทได้

- เคยอ่านเจอมาผ่านๆ ห้องพักนี่มีหลายประเภทจังเลยเนอะ ทั้ง Suit/Junior/Deluxe อะไรแบบนี้มันต่างกันยังไง คำตอบคือ 3 ชื่อนี้คือห้องประเภทเดียวกันนะ แต่แต่ละโรงแรมก็จะใช้ชื่อประเภทห้องไม่เหมือนกัน เรามาดูความแตกต่างกันฮะ

Guest Room

  • Standard Room ก็ห้องพักธรรมดาทั่วไป มีห้องนอน ห้องน้ำ เตียงส่วนใหญ่ 3.5, 5, 6 ฟุต
  • Superior Room การบริการก็จะเหนือขึ้นมานิดนึง อาจมีมินิบาร์ ชากาแฟฟรี
  • Single Room ห้องที่เข้าพักได้คนเดียว
  • Twin Room ก็จะเป็นห้องที่มีสองเตียง
  • Triple Room เตียงใหญ่ 2 เตียงกับเตียงเล็ก 1 หรือ เตียงเล็ก 3 เตียง
  • Quad Room พักได้ 4 คน เตียงเล็ก 4 เตียง หรือ เตียงใหญ่ 2 เตียง
  • Double Room จะเป็นเตียงใหญ่ 5-6 ฟุต พักได้ 2 คน
  • Suit (Junior/Deluxe) เป็นห้องนอนที่จะแยกส่วนกับห้องนั่งเล่น มีประตูแยกชัดเจน

Twin Room กับ Double Room ต่างกันยังไง? ศัพท์ทางโรงแรม บางโรงแรมเรียกเตียงขนาดใหญ่เตียงเดียวว่าเตียง Double (เพราะอาจเป็นเตียงเล็กที่เอามาต่อกันเป็น 1)

ดังนั้นถ้าเข้าใช้บริการโรงแรมแล้วสับสน บอกเขาไปเลยค่ะว่าต้องการเตียงใหญ่ 1 เตียง หรือเตียงเล็กแยก 2 เตียง แต่ละโรงแรมเรียกไม่เหมือนกัน เดี๋ยวพนักงาน Reservation เขาจะคีย์ข้อมูลให้เองฮะ เราก็จองด้วยภาษาบ้านๆ ของเรานี่แหละ

 

ชนิดของเตียง

  • King-size bed เตียงใหญ่สุด 6’ x 6.5’ x 9” หรือประมาณเตียงมาตรฐาน 2 เตียงวางติดกัน มักใช้ในห้องดีลักซ์ สวีท
  • Queen-size bed เตียงใหญ่รองลงมา ใช้กับห้อง Double room
  • Standard-size เตียงขนาดมาตรฐาน ใช้กับ single bed room, twin bed room

 

ความต้องการพิเศษ

  • Adjoining Rooms ห้องพัก 2 ห้องอยู่ติดกัน ในบริเวณเดียวกัน แต่ไม่มีประตูทะลุถึงกัน
  • Adjacent Rooms เช่นห้องต้องข้ามกัน
  • Connecting Rooms 2 ห้องติดกัน มีประตูทะลุหากัน
  • Smoking or Non ห้องพักที่สูบบุหรี่ได้ และไม่ได้
  • Extra bed ขอเตียงมาตรฐานเพิ่ม
  • Cot/Crib เตียงเด็ก ไม่เสียค่าใช้จ่าย
  • Honeymoon Suite/Room แล้วแต่โรงแรม อาจให้ฟรี หรือคิดราคาพิเศษ สำหรับคนที่มาแต่งงาน
  • อื่นๆ เช่น รถรับส่งจากสนามบิน หรือผลไม้เพิ่ม ดอกไม้ในวันตรงกับวันครบรอบ หรือสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับคนพิการ

ปกติแล้วเราสามารถรีเควสห้องพักได้ด้วยนะ สมมติว่าเราไปพักกับครอบครัว อยากได้ห้องที่อยู่ใกล้ๆ กันอะ แต่ห้องพ่อแม่อยู่ตรงข้ามกันก็ได้ พนักงานจะเก็บข้อมูลห้องพ่อแม่เราเป็น Adjoining Rooms หรือ Adjacent Rooms (ห้องที่อยู่ในบริเวณเดียวกัน/ตรงข้ามกัน อาจจะอยู่ข้างๆ กันเลยก็ได้ แค่ห้องไม่มีประตูเชื่อมถึงกัน) แต่ห้องพี่สาว น้องสาวอยากให้เป็นห้องที่มีประตูเชื่อมข้างๆ กัน พนักงานก็จะเก็บข้อมูลเป็น Connecting Rooms เราไม่จำเป็นต้องรู้ศัพท์พวกนี้เพื่อบอกพนักงานก็ได้ แต่รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหามค่ะ :)

ดังนั้นในเรื่อง ห้องพักที่ทั้งคู่ได้ คือห้องแบบ Standard Room หรือ Single Room ที่เป็นแบบ Connecting Rooms หรือ 2 ห้องนี้ติดกัน และมีประตูทะลุหากันได้นั่นเอง

 

สามารถหวีด ร่วมพูดคุย แสดงความคิดเห็นผ่าน #IABOU

หรือเพื่อติดตามเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของนิยายเรื่องนี้ที่เราจะลงไว้ที่นั่นได้เลย

เชิงอรรถ

  1. ^ มากง เป็นเมืองหลวงของจังหวัดโซเนลัวร์ ตั้งอยู่ทางตะวันออกของฝรั่งเศส