listen to this song for your อรรถรสในการอ่าน

Troye Sivan - Angel Baby (Acoustic)

 

VI

ชาคาโมมายล์ผสมน้ำผึ้ง

sds

(Photo by ORNELLA BINNI on Unsplash)

 


 

You came out the blue on a rainy night, no lie.

I tell you how I almost died, while you’re bringing me back to life.

I just wanna live in this moment forever.

‘Cause I’m afraid that living couldn’t gеt any better.

Started giving up on thе word forever.

Until you give up heaven so we could be together.

 

You're my angel.

 

Angel baby.

 


 

“เป็น...เพื่อนกัน?”

“อื้ม เป็นเพื่อนกัน”

เสียงใสจากเด็กน้อยสองคนที่อยู่ในชุดยูนิฟอร์มโรงเรียน เข็มกลัดบริเวณอกขวามีสีทองปั๊มนูนเป็นตราสัญลักษณ์ประจำโรงเรียน สังเกตให้ดีจะเห็นเป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษ ‘ST’ ที่ผนวกเข้าด้วยกันอย่างสวยงาม

เสื้อเชิ้ตสีขาวตัวในผลิตมาจากเส้นใยไบโอโพลิเอสเตอร์ซึ่งสามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ ทับด้วยสูทสีกรมแขนยาวที่มีอักษรย่อหลบมุมตรงชายเสื้อ บ่งบอกว่าเสื้อตัวนี้เคยเป็นขยะพลาสติกมาก่อน กระบวนการสังเคราะห์เส้นใยผ่านห้องแล็บทำให้เสื้อผ้ามีความทนทาน นำไปรีไซเคิลได้ กันลมในฤดูหนาว กันแดดในฤดูร้อน และกันน้ำยามฝนตก

ในสวนป่าไม้จำลองด้านหลังของโรงเรียน บรรยากาศยามเย็นเงียบสงบ มีลมหนาวพัดมาเอื่อยๆ ระหว่างที่เด็กชายตัวเล็กกำลังนั่งยองๆ ใช้กิ่งไม้หักแถวนั้นมาเขี่ยดินให้เป็นรูปร่าง

ใกล้เข้าฤดูหนาว พระอาทิตย์เริ่มตกดินเร็วขึ้น เกิดแสงสีส้มนวลสะท้อนเข้ามาในสวน

วันนี้ไม่มีการเข้าชมรม เด็กชายสองคนที่ยังไม่อยากรีบกลับบ้านก็เลยชวนกันมานั่งเล่นระหว่างรอให้ถึงเวลาที่ผู้ปกครองจะมารับ

ครบสองเดือนแล้วที่รู้จักกัน

“เราเป็นเพื่อนกับนายได้เหรอ” เด็กชายผมบลอนด์ตัวน้อยมองเหม่อไปยังพื้นทรายที่คนข้างกายเขี่ยมันจนเป็นรูปร่างบางอย่างดูแปลกประหลาด

มีหัวกลมๆ มีหู มีตา มีจมูก มีปาก แต่ก็ไม่แน่ใจว่าเหมือนอะไรมากกว่ากันระหว่างแมวกับหมา

“ทำไมถามแบบนี้อีกแล้ว” เด็กน้อยที่มีผิวราวกับน้ำผึ้งเคลือบถาม ในขณะที่จับจ้องไปยังรูปวาดบนพื้นดิน “หรือว่าคาร์ลอสไม่อยากเป็นเพื่อนกับเรา”

“ไม่ใช่” คนถูกถามรีบปฏิเสธ เด็กน้อยนั่งครุ่นคิดอยู่นานกับคำถามที่ว่า

เป็นเพื่อนกันไหม

เด็กชายคาร์ลอสเพิ่งจะย้ายมาโรงเรียนนี้ตอนกลางเทอมเกรด 1 เขายังไม่มีเพื่อน เป็นเด็กขี้อาย ไม่กล้าเข้าหาใคร เรียนมาจนกลางเทอมถึงได้มีเพื่อนร่วมห้องคนหนึ่งเข้ามาทักทาย เพื่อนที่คาร์ลอสทำได้เพียงแอบมองอยู่ห่างๆ

แมวน่ารักจัง น้องชื่ออะไรเหรอ

ถึงแม้ว่านั่นจะไม่ใช่คำทักทายคาร์ลอสโดยตรง แต่มันก็ทำให้เขารู้สึกว่ายังมีใครที่มองเห็นตัวเอง และการที่ถูกใครสักคนใส่ใจโดยไม่ได้ทำไปเพื่อหวังผลประโยชน์ ก็ทำให้คาร์ลอสรู้สึกมีตัวตนบนโลกใบนี้

เด็กหนุ่มที่โดดเด่นไปด้วยรอยยิ้มแจ่มใสเงยหน้าขึ้นมาจากรูปสัตว์บนพื้นดิน เมื่อยังไม่มีคำตอบจากเพื่อนข้างกาย เจ้าตัวเอียงคอซบหน้าลงกับเข่า หรี่ตาลงเมื่อแสงสีส้มยามเย็นมันส่องลอดใบไม้ใหญ่ลงมากระทบใบหน้าพอดี

“มีใครปฏิเสธฮันลงด้วยเหรอ” คาร์ลอสถามด้วยความสงสัย กอดเข่าซบหน้าลงในท่าเดียวกัน

“ออมม่าเราไง เวลาไปช็อปปิงแล้วเราอยากได้ขนมเพิ่ม ออมม่าก็จะบอกว่าโนโน” ฮันยกมือข้างหนึ่งขึ้นเพื่อบังแสงที่ส่องกระทบดวงตา ขยับนิ้วกางเข้าออกไปมาเพื่อเล่นกับแสง ไม่ยอมขยับหลบ

แสงสีส้มที่แนบไปกับผิวน้ำผึ้งดูอบอุ่น แสงอาทิตย์จูบผิวเป็นประกาย คาร์ลอสแนบแก้มลงกับเข่ามองภาพนั้นนิ่ง

“ถ้าฮันไม่อายใครที่เป็นเพื่อนกับเรา เราก็จะเป็นเพื่อนกับนาย”

ฮันยิ้มแฉ่ง ยกนิ้วก้อยขึ้นมาตรงหน้า “แต่มีกฎหนึ่งข้อ!”

“อะไรล่ะ”

“ห้ามทิ้งเรา” นิ้วก้อยเล็กถูกยื่นไปตรงหน้า

คาร์ลอสส่งนิ้วก้อยไปเกี่ยวกันในทันที พลางนึกในใจ

ฮันต่างหากที่อย่าทิ้งเรา

“คาร์ลอสได้ดูงานเปิดตัวเอฟอร์สรุ่น 2 หรือยัง เจ๋งไปเลยเนอะ หม่าม้าบอกว่ารอเราโตกว่านี้อีกหน่อยถึงจะซื้อฟอร์สตัวเต็มให้แหละ” ฮันเอ่ยเสียงเจื้อยแจ้ว กระทั่งสายตาไปสะดุดอยู่ที่ข้อมือของเพื่อนข้างกาย “โอ๊ะ นี่มันเอฟอร์สรุ่น 1...ไม่สิ หน้าตาเหมือนที่เราเพิ่งดูกับหม่าม้าไปเมื่อวานเลย”

คาร์ลอสมองตามสายตา มาหยุดอยู่ที่ข้อมือของตัวเอง

มันคือเอฟอร์สรุ่นที่ 2 รุ่นใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อวาน แต่คาร์ลอสได้มันมาตั้งแต่เดือนที่แล้ว

ฮันทำตาโต เขยิบเข้ามาดูใกล้ๆ ด้วยความสนใจ “อะไรกัน ทำไมนายถึงได้มันเร็วจังเลย หรือว่าพรีออเดอร์เครื่องตั้งแต่รอบก่อนเปิดตัวงั้นเหรอ”

ในขณะที่ข้อมือของฮันก็มีสิ่งที่คล้ายนาฬิกาข้อมือ แต่มันคือ Force-kid ฟอร์สที่เหมาะสำหรับเด็ก มีฟังก์ชันสำคัญคือการระบุตำแหน่งในกรณีเด็กหาย โทรเข้า-ออก สืบค้นข้อมูลพื้นฐานทั่วไป แต่เล่นโซเชียลไม่ได้เพราะเด็กวัยนี้อยู่ในช่วงกำลังเรียนรู้

คาร์ลอสเห็นเพื่อนดูท่าสนใจมาก เลยยื่นข้อมือไปให้ฮันลองจิ้มเล่น นิ้วสัมผัสลงไปสองที ก็ปรากฏข้อมูลพื้นฐานที่หน้าจอ ตำแหน่ง GPS เวลาและวันที่

Saint Paul School, Minnesota

04:25 PM

NOV 25, 2207

มินนิโซตา รัฐทางตอนเหนือของสหรัฐอเมริกา อดีตเคยเป็นรัฐที่มีอุตสาหกรรมอาหารและทรัพยากรธรรมชาติมากมาย โดดเด่นไปด้วยทะเล มีชื่อเล่นว่า The North Star State เพราะมีทะเลสาปอยู่กว่า 11,500 แห่ง คนทั่วไปต่างเรียกที่นี่ว่า ‘Land of 10,000 Lakes’ หรือ ดินแดนหมื่นทะเลสาบ

กดๆ จิ้มๆ ไปได้สักพักก็เลื่อนไปเจอรูปมหาวิหารเซนต์พอล ฮันสะดุดตากับสถานที่ที่หม่าม้าและออมม่าชอบพาไปถ่ายรูปในช่วงปิดเทอม

“ทัศนศึกษาเทอมนี้จะได้ไปที่ไหนนะ” เด็กชายฮัน ไนท์พึมพำด้วยความสงสัยใคร่รู้

 

2208

“ไม่อยากไปมหาวิหารเซนต์พอลแล้ว หม่าม้ากับออมม่าก็เคยพาไปแล้วตั้งหลายครั้ง เทอมที่แล้วโรงเรียนก็พาไปอีก เบื่อแล้ว อยากออกจากเซนต์พอลบ้าง” เด็กชายฮันพองลมจนแก้มป่อง

ไม่ว่าจะสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใดในเมืองเซนต์พอลแห่งรัฐมินนิโซตา ฮันก็เคยไปมาแล้วทั้งนั้น แต่ยังไม่เคยออกไปเที่ยวนอกรัฐบ้างเลย

ฮันบ่นกระปอดกระแปดในขณะที่ตีขาไปมา มือสองข้างจับเชือกไม่ให้ตัวเองตกจากชิงช้าที่ผูกกับต้นไม้ในสวน ให้เพื่อนด้านหลังเป็นคนผลักดัน

คาร์ลอสผลักชิงช้าให้แกว่งไกวเบาๆ กลัวเพื่อนตก แต่ถึงอย่างนั้นเด็กชายฮันจอมซนก็เอาแต่เร่งเร้าให้ผลักสุดแรง เพราะตนอยากจะขึ้นไปโบยบินบนท้องฟ้า

เด็กชายคาร์ลอสหัวเราะ เพิ่มแรงดันชิงช้าขึ้นอีกเล็กน้อย

ถ้าเราโตแล้ว จะพาฮันไปทุกที่เลย

 

2209

“นายไปคุยอะไรกับคุณครูประจำชั้นมาเหรอ”

“…เปล่า” เด็กชายคาร์ลอสส่ายหน้าในระหว่างที่ย่อตัวนั่งลงข้างกัน

“เราตื่นเต้นที่จะได้ขึ้นเกรด 4 ไม่ไหวแล้ว แป๊บเดียวพวกเราก็จะจบเกรด 6 แล้วก็ขึ้นเกรด 7 แล้วก็จะจบเกรด 12 เวลาผ่านไปไวจังเลยเนอะ...ขึ้นเกรด 4 นายจะยังเรียนที่นี่อยู่ใช่ไหม”

คาร์ลอสไม่ได้ตอบคำถามเพื่อนในทันที มองฮันที่พยายามหักห้ามใจไม่ให้เด็ดหญ้าอ่อนในสวน เพราะคุณครูมักจะย้ำว่าธรรมชาติมักถูกทำลายด้วยน้ำมือมนุษย์ ถ้าไม่มีธรรมชาติ มนุษย์จะตายกันหมด ฮันจึงทำเพียงใช้นิ้วเขี่ยใบมันไปมา

“ฮัน ชื่อนาย...มาจากภาษาอะไร”

“ภาษาเกาหลี ออมม่าเราเป็นคนเกาหลี...” ฮันเล่าเรื่องหม่าม้าและออมม่าให้ฟังต่ออีกยาว คาร์ลอสไม่มั่นใจนักว่าคำว่าออมม่าที่เพื่อนข้างกายพูดหมายถึงอะไร แต่น่าจะเป็นผู้ปกครองอีกคนคู่กันกับหม่าม้า

คาร์ลอสส่งอินเอียร์ทรงเหมือนเมล็ดถั่วเขียวข้างขวาให้เพื่อนข้างกาย ฮันไม่ต้องใช้ความพยายามยัดมันเข้าหูเลยแม้แต่น้อย แค่วางทาบข้างหูและแนบนิ้วชี้ค้างไว้สามวินาที มันก็ทำการกระชับตัวเกาะที่ใบหูอย่างมั่นคง ไม่หลุดออกง่ายๆ คาร์ลอสกดเล่นเพลงแบบสุ่ม เพลลิสต์เพลงดังต้นยุค 21

บ้านคาร์ลอสต้องมีของเจ๋งๆ เยอะแน่ พาเราไปเที่ยวบ้านนายบ้างสิ

เด็กหนุ่มเจ้าของเอฟอร์สรุ่น 4 และอินเอียร์ในคอลเลคชั่นเดียวกัน นึกถึงคำที่เพื่อนเคยพูด เขาหลุบตามองหญ้าสีเขียวสดพลางฟังเพลงคลอ

“ฮันแปลว่าอะไร”

“แปลว่าหนึ่ง...อ้อ แล้วก็แปลว่าที่สิ้นสุดได้ด้วยนะ”

"เรียกเราว่าซีแอล"

I just wanna live in this moment forever

"...?" เด็กชายฮัน ไนท์เอียงคอมองเพื่อนข้างกายที่เงียบลงไปสักพัก ดนตรีแนวอคูสติกยังคงดำเนินต่อไป

“เราขอเรียกนายว่าฮันนี่ได้ไหม”

“?”

Until you give up heaven so we could be together

“แล้วให้เราเป็นซีแอลของนาย”

อินเอียร์ตัดเสียงรบกวนก็จริง แต่ตรวจจับเสียงพูดคุย ฮันได้ยินประโยคนั้นของคาร์ลอสอย่างชัดเจน เขายิ้มกว้างแล้วพยักหน้า เพื่อนสนิทมักจะมีชื่อย่อเอาไว้ใช้เรียกกัน สุดเจ๋งไปเลย ฮันคิด

You’re my angel

 

Angel baby

 

2221

ปัจจุบัน

กลิ่นฟีโรโมนชาคาโมมายล์เปลี่ยนไปเล็กน้อยในตอนที่เข้ามายืนในห้องพักของเพื่อนเก่า คาร์ลอสถึงกับต้องหันไปมองคนที่ยืนเลิกลั่กหน้าแดงอยู่ตรงประตู

ภายในห้องพักของคาร์ลอสไม่ได้กว้างมากนัก มันพอดีสำหรับผู้อยู่อาศัยหนึ่งคน มีเพียงเตียงนอนขนาดสี่ฟุตที่มีชั้นหนังสือบิลด์อินอยู่ด้านบน โต๊ะทำงานชิดมุมและห้องน้ำในตัวฝั่งขวา

ในยุคที่พื้นที่อาศัยมีจำกัด ตรงกลางห้องกว้างขนาดมีพื้นที่ให้ตีลังกาหนึ่งตลบได้ก็ถือว่าเหลือเฟือ เพราะหอพักนอกมหา’ลัยของฮันก็กว้างประมาณนี้ ที่นี่ดูจะโล่งกว่าด้วยซ้ำเพราะไม่มีโต๊ะวาดตัวใหญ่แบบเขา

ฮันเผลอคิดเพลินจนนึกไปถึงเหตุการณ์เก่าๆ ในตอนที่ยังตัวไม่ถึงเอว

“เป็นอะไร” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามหลังจากกดเปิดเครื่องปรับอากาศ

“เปล่า” ฮันส่ายหน้า ทำตัวไม่ถูก ไม่รู้เหมือนกันว่ามาที่นี่ทำไม แถมระหว่างทางยังเดินตามมาแบบไร้ข้อกังขา รู้แค่ว่าคาร์ลอสไปไหน เขาก็อยากไปด้วย

“มานั่งนี่” ในระหว่างที่เดินไปค้นอะไรบางอย่างในลิ้นชัก คาร์ลอสยังคงถาม “สรุปว่าคิดอะไร”

ฮันมองตามมือหนาที่ชี้ไปยังเตียงนอน มีผ้านวมพับคลุมอย่างเป็นระเบียบ ลังเลใจว่าจะเดินไปนั่งดีไหม แต่เมื่อเห็นว่าคาร์ลอสนั่งลงที่เก้าอี้ตัวเดียวในห้องแล้ว จะให้ยังยืนงงอยู่หน้าประตูก็ไม่เอา

ฮันปัดตูดตัวเองเล็กน้อยก่อนนั่งลงไปเบาๆ ท่านั่งแบบที่เห็นแล้วก็เกร็งแทน คาร์ลอสหัวเราะหึในลำคอ โยนบางอย่างไปที่ตักคนบนเตียง ฮันเกือบรับไว้ไม่ทัน

มันคืออะไรบางอย่างที่คล้ายมีดโกนหนวดไฟฟ้า แต่มีขนาดเล็กกะทัดรัดกว่ามาก ทำจากวัสดุแข็งแรง สีดำสนิท เป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าจับพอดีมือ มีด้านหนึ่งที่เป็นโลหะสีเงิน

“นี่อะไร คาร์ลอส?” ฮันขมวดคิ้วมุ่น จับสิ่งนี้พลิกดูไปมา

“เครื่องช็อตไฟฟ้า”

“หือ!?” ฮันส่งเสียงออกมาด้วยความตกใจ รีบวางมันลงข้างเตียงเพราะกลัวมันจะช็อตตัวเอง “แล้วเอามาให้เราทำไม”

“มันไม่ช็อตมึงหรอก มันจะช็อตแค่คนที่เป็นอัลฟา” คาร์ลอสยกขาขึ้นมานั่งไขว่ห้างแบบสบายๆ วางศอกลงบนโต๊ะข้างตัวแล้วเท้าคางจ้องมา พูดด้วยน้ำเสียงปกติ “ถ้ามึงกลัวกูจะทำอะไร ก็แค่หยิบมาช็อตกู”

“บ้าหรือเปล่า” ฮันได้แต่นั่งอ้าปากค้าง ไม่เอาด้วยหรอก

“ถ้ากูเสียสติรัทฉุกเฉินขึ้นมาอีก ก็แค่หันด้านเหล็กมาช็อตกู ไฟฟ้าแรงสูง แค่สามวิกูก็หมดสติแล้ว” คาร์ลอสบอกวิธีใช้เหมือนเป็นเรื่องดินฟ้าอากาศทั่วไป

“ไฟฟ้ามันแรงขนาดไหน ถ้าช็อตเกินสามวินาทีละ” ฮันถามไว้เผื่อในกรณีฉุกเฉิน เขาไม่ได้คิดว่าจะได้ใช้จริงหรอก

“ถ้าเกินสักสิบวิ อย่างน้อยกูก็คงเป็นอัมพาต เกินสามสิบวิ...กูน่าจะตาย”

ฮัน ไนท์ได้ยินดังนั้นก็ตาเหลือกเท่าไข่ห่าน

คนบ้าอะไรเก็บเครื่องช็อตไฟฟ้าที่อาจทำให้ตัวเองตายได้ไว้ที่ห้อง

ฮันได้แต่ขมวดคิ้วมุ่น ทำตาหลุกหลิกมองมือตัวเอง สลับกับหน้าต่างกระจกที่มีแสงสีนวลยามเย็นลอดเข้ามา ลบเลี่ยงสายตาของคนที่เอาแต่นั่งเท้าคางมองตนเอง

แผงหน้าเครื่องปรับอากาศบ่งบอกอุณหภูมิ 68° ฟาเรนไฮต์[1] กำลังเย็นดี แต่ทำไมถึงรู้สึกร้อนขึ้นมาเสียอย่างนั้น

“คิดทะลึ่งอีกหรือไง”

“คาร์ลอสพาเราขึ้นมาทำไม” ฮันก้มหน้างุด ไม่ตอบคำถาม “ถ้าพาขึ้นมาแค่จะให้เครื่องช็อตไฟฟ้าเพราะกลัวเราเป็นอันตรายตอนนายรัท ไม่พาเราขึ้นมาให้อยู่กันสองคนแต่แรก จะปลอดภัยกว่าไม่ใช่หรือไง”

“มึงเคยบอกว่าอยากมาที่ของกู”

ฮันงุนงง นั่งนึกจนคิ้วขมวดว่าไปพูดไว้ตอนไหน เขาเคยขอมาห้องคาร์ลอสด้วยหรือ ถ้าตอนเป็นเพื่อนกันช่วงประถม จะมีก็แต่...

บ้านคาร์ลอสต้องมีของเจ๋งๆ เยอะแน่ พาเราไปเที่ยวบ้านนายบ้างสิ

พาเราไปเที่ยวบ้านนายบ้างสิ

ฮัน ไนท์นั่งตาเหลือกเมื่อประโยคนี้ของตัวเองเด้งขึ้นมาในหัวอัตโนมัติ

“แต่— แต่ว่าเราให้นายพาไปที่บ้านนี่ ไม่ใช่หอพัก” จำได้ยังไง เรื่องมันก็นานมากแล้ว...

ฮัน ไนท์สงสัยอย่างไม่ดูตัวเองบ้างเลย ว่าเขาเองก็จำเหตุการณ์ในวัยเด็กได้แทบทั้งหมดเช่นกัน

“ที่นี่แหละคือบ้านกู”

ฮันไม่เข้าใจ คาร์ลอสอยู่ที่หอพักสำหรับนักศึกษามหา’ลัย จะเป็นบ้านอีกฝ่ายได้ยังไง “หรือว่าคาร์ลอสโดนไล่ออกจากบ้านมาเหรอ”

คนถูกถามหลุดหัวเราะออกมา “ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง แต่บอกว่ากูเป็นคนหนีออกมาเองน่าจะใช่มากกว่า”

ฮันนึกถึงวัยเด็กของคาร์ลอส เด็กน้อยหน้าตาราวกับทูตสวรรค์ประทาน มีข้าวของราคาแพงไว้ครอบครองตั้งแต่เด็ก หรือว่าที่ทำให้คาร์ลอสเปลี่ยนไปเพราะการประคบประหงมจากที่บ้าน ถูกเลี้ยงดูแบบเด็กโดนสปอยล์มาตลอด เลยทำให้โตมาเป็นคนเกเรเช่นนี้หรือเปล่า เขาคาดเดาไปต่างๆ นานา

“ถ้าบ้านคืออะไรก็ได้ที่สบายใจจะได้กลับไป บ้านของกูก็คือที่นี่”

“...”

“แล้วก็มึง”

จากตอนแรกที่หนุ่มโอเมกานั่งครุ่นคิดอยู่นานว่าจะพูดเช่นไรถึงจะทำให้คาร์ลอสเลิกหนีออกจากบ้านเช่นนี้ แต่เมื่อได้ยินประโยคนั้นออกมาจากปากได้รูป และได้เห็นใบหน้าจริงจังดั่งพระเจ้าสร้าง ฮันก็เม้มริมฝีปากแน่น

ร้อนจัง

ที่นี่แอร์เสียหรือเปล่านะ

ฮัน ไนท์พรูลมหายใจ กระพือปกเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนเบาๆ เอาแต่นั่งมองไปนอกหน้าต่างที่ฟ้าเริ่มส้มขึ้นเรื่อยๆ พระอาทิตย์ใกล้ตกดินแล้ว

“ฟีโรโมนมึง—”

เสียงทุ้มต่ำของอัลฟาหนุ่มกำลังจะทักว่าทำไมกลิ่นฟีโรโมนถึงเข้มขึ้นอย่างนั้น แต่ก็ต้องชะงักไปเมื่อดวงตาคู่สวยคลอเคลือบไปด้วยน้ำใส อีกฝ่ายมองมาอย่างหยาดเยิ้ม

นั่นทำให้คาร์ลอสรู้ได้ในทันที

“มึงจะฮีท?”

ฮันหายใจเข้าลึกๆ ยิ่งเห็นสายตาคมที่มองมาและได้ยินน้ำเสียงทุ้มต่ำ ไหนจะฟีโรโมนกลิ่นเวติเวอร์ในหน้าฝน ก็ยิ่งร้อนรุ่ม ไม่อยากจะยอมรับ แต่ยิ่งความรู้สึกมันชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ฮันก็กดหน้าลง

“อื้ม กระ— กระเป๋า” ฮันกำลังจะลุกขึ้นไปหยิบกระเป๋าสะพายที่แขวนไว้กับราวตรงประตู แต่ถูกมือหนาดันไหล่ให้นั่งลงบนเตียงตามเดิม

แล้วก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าอัลฟาตัวโตลงไปนั่งคุกเข่าที่พื้น

"ค— คาร์ลอส ลงไปนั่งที่พื้นทำไม"

"ก็มึงฮีทไม่ใช่เหรอ" คาร์ลอสเลิกคิ้วขึ้น

"ช่วงนี้มันมาไม่ตรงเวลา สงสัยคงมาแบบฉุกเฉินอีกแล้ว...เรามียาในกระเป๋า" ฮันชี้ไปที่กระเป๋าสีดำของตัวเอง ไม่อยากจะคิดเลยว่าที่เพื่อนตัวใหญ่นั่งลงไปอย่างนั้นคือต้องการจะทำอะไร

"ระบายออกมาต้องดีกว่าใช้ยากดมันไว้อยู่แล้ว"

"คาร์ลอส..." ฮันพูดเสียงอ่อน เขาจะทนไม่ไหวแล้วนะ

"ไม่เรียกซีแอลแล้ว?" จู่ๆ คาร์ลอสก็ถามเรื่องชื่อขึ้นมา ฮันในช่วงที่อารมณ์อ่อนไหวเช่นนี้จะทำเช่นไรได้ นอกเสียจากเอื้อนเอ่ยไปตามที่ขอ

"ซีแอล...แต่ว่าจะดีเหรอ"

ดีอะไรฮัน สติ! มันจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น แต่ว่า ฮื่อ...

"นอนเฉยๆ พอ นอกนั้นกูจัดการเอง"

แต่ก่อนที่คาร์ลอสจะได้ดันหัวเข่าในกางเกงผ้าฟูกสีน้ำตาลออกจากกัน แก้มทั้งสองข้างก็ถูกมือนิ่มจับให้เงยหน้า

“ไม่เอา” ฮันทำหน้าเหมือนคนอยากจะร้องไห้ เสียงเริ่มแหบพร่าขึ้นตามแรงอารมณ์ ปากพูดว่าไม่เอา แต่ใบหน้าเคลื่อนเข้าไปใกล้เรื่อยๆ สายตาเล็งที่ริมฝีปากของคาร์ลอส กระซิบเสียงเบา “จูบ”

แค่นั้นคาร์ลอสก็ประเคนจูบให้ตามคำขอ ต่างคนต่างประคองหน้ากัน เอียงองศาทำมุมรับจูบที่ทั้งอ่อนโยน แต่เพิ่มความร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ

ฮันเป็นฝ่ายดันหน้าคาร์ลอสออกมา มองตาหวานเยิ้ม “ชอบจูบซีแอล”

“มึงเคยจูบคนอื่นด้วยหรือไง”

เพราะถ้าใช่ กูก็จะจูบให้เก่งกว่ามัน

ฮันส่ายหน้า ว่าต่อ “อยากทำกับซีแอล แต่ว่า...”

“แต่ว่าอะไร?” คาร์ลอสเลิกคิ้วถาม ลูบผมสีแอชบราวน์นิ่มมือที่ปรกหน้าปรกตาไปทัดหูให้ “มึงเคยบอกว่าตอนฮีทต้องใช้หน้ากูช่วยตัวเองนี่ แต่ถ้าไม่อยากให้กูช่วยทำ กูก็จะไม่ทำ โอเคไหม”

“เราอยากทำกับซีแอล แต่ว่าไม่ใช่ตอนที่ฮีทหรือรัทฉุกเฉินแบบนี้” ฮันจ้องเข้าไปในดวงตาสีฟ้าอ่อน “เราอยากทำรักตอนที่ยังมีสติ”

กลายเป็นคาร์ลอสที่ตาพร่าอย่างคนเสียอาการ เพราะฮัน ไนท์ใช้คำว่า ‘make love’ แทนคำว่า ‘sex’ อัลฟาตัวโตประคองให้ฮันนอนลงบนเตียง เดินไปค้นยาแก้ฮีทในกระเป๋าของเจ้าตัว

กลับมาพร้อมยาแผงหนึ่งที่เขียนไว้ชัดเจนว่าคือยาแก้ฮีทสำหรับโอเมกา

ที่จริงมีทั้งแบบฉีดและแบบเม็ด แต่เพราะเห็นว่าฮันนอนบิดไปมา เขาเลยคว้าได้ยาเม็ดมาอย่างรีบร้อน ถึงแม้ว่าจะเคยผ่านการฝึกให้ทนต่อฟีโรโมนทุกประเภทมาแล้ว แต่กลิ่นฟีโรโมนหอมหวานยั่วน้ำลายฟุ้งกระจายทั่วห้องเช่นนี้ เขาก็แทบจะทนไม่ไหวเหมือนกัน

คาร์ลอสรีบดันแผงยาให้เปิด เกิดเสียงเป๊าะเบาๆ จับมือฮันมาแบแล้วปล่อยเม็ดยาให้หล่นลงฝ่ามือเล็ก โดยที่ไม่ให้ผ่านมือตนเอง ฮันรีบโยนมันเข้าปาก รับน้ำขวดเปิดใหม่ไปดื่มหลายอึก

ยาแผงใช้เวลาในการปรับฟีโรโมนนานกว่ายาฉีดประมาณสิบนาที ทว่าผลข้างเคียงน้อยกว่ายาฉีดมาก ระหว่างนี้ฮันก็ทำได้แค่กลั้นไม่ให้มีเสียงน่าอายเล็ดลอดออกมา

“ร้อน” ฮันปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสองเม็ดอย่างไม่อยากอดกลั้น ได้กลิ่นฝนเย็นชุ่มฉ่ำลอยมา ก็อยากจะเอาหน้าไปซุกซบคลอเคลีย แต่รับรู้ได้เพียงว่าฝ่ายนั้นดันหัวเขาให้อยู่กับหมอนตามเดิม ฮันหงุดหงิด แต่เมื่อได้กลิ่นหอมๆ ออกมาจากหมอนและผ้านวม เขาก็ได้เป้าหมายใหม่

ในส่วนของคาร์ลอสได้แต่นั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียงนิ่ง เขามองภาพที่ทำให้หัวใจร้อนรุ่มอย่างประหลาด

เหมือนเห็นสัตว์เล็กขี้อ้อนเข้ามาคลอเคลีย พอเข้ามาอ้อนขอความรักไม่ได้ผลก็ไปหาเป้าหมายใหม่ ซึ่งนั่นก็คือหมอนและผ้านวมของเขาบนเตียง

คาร์ลอสตัดสินใจเดินไปเข้าห้องน้ำ ปล่อยให้เวลาที่เหลืออยู่อีกแปดนาทีดำเนินต่อไปแบบเชื่องช้า

ในระหว่างที่ได้แต่ยืนรอในห้องน้ำ นอกจากเสียงหอบหายใจแรงของฮัน คาร์ลอสก็ได้ยินบางอย่างที่ทำให้คิ้วกระตุกแว่วแผ่วมา

คุณจินซองอู

คาร์ลอสรีบส่งข้อความเข้ากลุ่มที่ตนเองไม่ได้โต้ตอบมาหลายวัน

CARLOS - [จินซองอู มันเป็นใคร]

 

αβΩ

 

น่าอายมาก น่าอายสุดๆ ไม่อยากจะโผล่หัวออกไปเลย ให้ตาย

ฮัน อัลเลน ไนท์ กลับมามีสติครบถ้วนทุกประการแล้ว จำได้หมดว่าทำอะไร พูดอะไรออกไปบ้างในตอนที่ฮีท

‘make love’

MAKE LOVE

ให้ตายสิ!!

คิดถึงคำพูดของตัวเองเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วก็ได้แต่ตีอกชกหัว ซุกหน้าลงกับหมอนนิ่มที่มีกลิ่นของคาร์ลอสเต็มไปหมด

เสียงประตูห้องน้ำทำให้ฮันหยุดดิ้น เขายังคว่ำหน้าลงกับหมอนใบโต แสร้งทำเป็นหลับ

“เตียงกูเละหมด” คาร์ลอสยืนกอดอก มองก้อนอะไรบางอย่างที่ขดอยู่ใต้ผ้านวม “กูรู้ว่ามึงไม่ได้หลับ”

ฮันที่ถูกจับได้ว่าแกล้งหลับค่อยๆ โผล่หัวออกมา จะให้ยังนอนนิ่งอยู่ก็มีแต่ตัวเองที่จะอาย เห็นสายตาคู่คมจับจ้องมานิ่ง ฮันก็หน้าร้อนผ่าว ในที่สุดก็รวบรวมความกล้าลุกขึ้นนั่ง ผ้าห่มที่คลุมตัวไหลลงไปที่เอว คาร์ลอสชะงัก

ในวินาทีแรกฮันยังไม่รู้ตัว แต่เมื่อมีลมเย็นจากเครื่องปรับอากาศพัดมาเพียงแผ่วเบา เขาก็รีบก้มลงมองสภาพตัวเอง

เสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนที่ถูกปลดกระดุมไปสามเม็ดยับยู่ยี่ เผยให้เห็นเนื้อหนังมังสาอย่างไหล่มนและหน้าอกเนียนเป็นสีเดียวกับใบหน้า ตุ่มไตที่ขึ้นสีเข้มกว่าเนื้อหน้าอกเล็กน้อยตั้งชันเพราะความหนาวเย็น พระอาทิตย์ทอแสงสีนวลในยามลับขอบฟ้าส่องลงมาที่เรือนร่างพอดิบพอดี

เป็นภาพที่ทำให้คาร์ลอสชะงักค้าง

สวยราวกับทูตฟ้า ทูตสวรรค์สรรค์สร้าง อ่อนโยน พริ้มพราย ละมุนละไม

“เฮ้ย”

ดวงตากลมโตเบิกกว้าง ยามที่ลมพัดผ่านก็พาให้หัวนมข้างที่โผล่ออกมาตั้ง ขนอ่อนลุกชัน ฮันรีบกำสาบเสื้อเข้าหากันเพื่อปิดบังหน้าอกตัวเอง แม้ว่าจะไม่ทันแล้วก็ตาม จังหวะนั้นคาร์ลอสถึงเพิ่งรู้สึกตัว รีบผินหน้าออกไปมองนอกหน้าต่าง

ต่างคนต่างทำตัวไม่ถูกยิ่งกว่าตอนที่ฮันฮีทเมื่อกี้นี้เสียอีก ฮันรีบติดกระดุมขึ้นไปสองเม็ด เหลือไว้เม็ดหนึ่งตามเดิมเพื่อให้หายใจสะดวก รีบลุกออกจากเตียง แต่ผ้านวมที่ยังพันอยู่ที่ขาทำให้ฮันสะดุดขาตัวเอง

“โอ๊ย”

ฮันนึกไปถึงครั้งที่ได้เจอกับคาร์ลอสที่ศูนย์อาหาร มันจะต้องมีจังหวะนรกอย่างตอนที่เขาล้ม แล้วให้คาร์ลอสมารับทุกครั้งเลยหรือไง

นี่มันไม่ใช่ละครทาสรักอัลฟานะโว้ย

“’โทษที” ฮันดันไหล่คนที่ประคองตัวไว้ให้ผละออก จัดผมเผ้าและดึงชายเสื้อลงให้อยู่ในสภาพเดิม แม้ว่ามันจะยับเหมือนไปฟัดกับหมาที่ไหนมาก็ตาม เขารีบหันไปจัดหมอนจัดผ้านวมบนเตียงให้เป็นดังเดิม

ภายในห้องมืดลงจนแทบมองไม่เห็นว่าสีหน้าคาร์ลอสในตอนนี้เป็นเช่นไร เจ้าของห้องกดเปิดไฟสว่าง

“เราจะกลับแล้ว” เป็นจังหวะเดียวกับที่ฮันพับผ้านวมเสร็จเรียบร้อย

“ฝนกำลังจะตก” เสียงทุ้มว่า เหมือนไม่อยากให้รีบออกไป

แต่ฮันทนความขวยเขินที่มีอยู่ไม่ไหวหรอก เมื่อกี้ท้องฟ้ายังสว่างแจ่มใจดีๆ อยู่เลย จะมาตกอะไรตอนจะกลับกัน

แล้วก็จะกลับไปอ่านคุณจินซองอูตอนล่าสุดด้วย เพิ่งอัพเมื่อกี้เลยนะ

“ยังไม่เห็นตกเลย ถ้าออกไปตอนนี้น่าจะทัน—”

“เอฟอร์สรายงานสภาพอากาศ” คาร์ลอสพูดกับเอฟอร์สบนข้อมือ

[อีกสองนาทีข้างหน้า จะมีพายุฝนฟ้าคะนองร้อยละห้าสิบของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรง อุณหภูมิต่ำกว่า—] คาร์ลอสกดหยุดเอฟอร์สที่กำลังรายงานเสียงดังฟังชัด คนตัวสูงกว่ามองหน้าฮันเหมือนจะถามว่า เชื่อยัง

“แต่ต่อให้ฝนตก เราก็จะกลับ” ฮันย้ำ กำลังจะเดินไปหยิบกระเป๋าสะพาย

“จะกลับยังไง มีรถ? หรือว่าหออยู่ในมหา’ลัย?” คาร์ลอสถาม โอเมกาที่อยู่ในสภาพไม่คงที่นักส่ายหน้า “เพิ่งฮีทไป ออกไปตากฝนเดี๋ยวก็ตายหรอก”

“อย่าเว่อน่า อย่างมากก็แค่ไม่สบายเหอะ”

“ว่ากูเว่อ แต่ตอนนั้นมึงต่อยกูแล้วก็เป็นลมหมดแรงไปเองไม่ใช่หรือไง?” ฮันเหมือนกำลังถูกไล่ต้อน แล้วไม่รู้ทำไม พอไม่รู้ว่าจะเถียงอะไรกลับไป เขาก็หันไปเผชิญหน้า ในมือยังถือกระเป๋าสะพายสีดำของตัวเองเตรียมพร้อมออกจากที่นี่

“ทำไมคาร์ลอสปากไม่ดีเลย”

“อะไรอีก?”

“คาร์ลอสพูดไม่เพราะ” ฮันยืนจังก้าอยู่หน้าประตู ขมวดคิ้วทำเสียงดุ

“แล้วไง? กูอยากพูดแบบนี้แล้วมีปัญหาหรือไง” คาร์ลอสหัวเราะในลำคอ

“เราจะไม่เรียกคาร์ลอสว่าซีแอลแล้ว”

“ช่างดิ”

ฮันปวดหัวตุบๆ อยากจะเอากระเป๋าในมือฟาดกลับไปแรงๆ

แสงจะเดินทางมาก่อนเสียง ท้องฟ้าด้านนอกมืดครึ้ม ฮันเห็นแสงแวบหนึ่งสาดลงมา เขาเกร็งตัวรอ ไม่กี่วินาทีต่อมาก็มีเสียงโครมใหญ่ตามมา

โครม!

เฮือก

รู้ทั้งรู้ว่าเสียงสายฟ้าฟาดจะต้องดังโครมคราม แต่ฮันก็ยังสะดุ้งด้วยความตกใจจนเผลอยกมือขึ้นมาปิดหูอยู่ดี เมื่อลืมตาขึ้นมาก็ต้องตกใจต่อเนื่องเมื่อเห็นอัลฟาตัวซีดมายืนอยู่ตรงหน้า

“อะไร?!” ฮันร้องถามด้วยความตกใจ ลองนึกว่าอยู่ดีๆ ลืมตาขึ้นมาก็เห็นคนมายืนจ้องหน้าในระยะเผาขน จะไม่ให้ตกใจยังไงไหว

“อย่าเพิ่งกลับ” เสียงนั้นฟังดูอ่อนลง

“แล้วจะให้เราอยู่ต่อทำไม— เห?” เสียงของฮันชะงักลงเมื่อมือหนายื่นกล่องบางอย่างมาตรงหน้า

กล่องสี่เหลี่ยมจัตุรัสใสจนมองเห็นทะลุด้านในถูกยื่นมาหา ฮันต้องเพ่งเล็งใกล้ๆ ถึงจะเห็นว่าด้านในมันคืออะไร แล้วก็ต้องเบิกตาโตเท่าไข่ห่าน

“เห!?”

มันคือแมลงเต่าทองที่ถูกสตาฟไว้อย่างดีในกล่อง ราวกับถูกกระตุ้นความทรงจำในวัยเด็กที่กำลังจะจางหายให้กลับมาอีกครั้ง

นี่คืออะไร...

แมลงเต่าทองปีกแข็ง น่ารักไหม

นายเป็นคน...รักสัตว์มากเลยสินะ

แต่น้องยังไม่มีชื่อเลย นายช่วยตั้งให้ทีสิ

ฮันนี่

นายจะตั้งชื่อสัตว์ทุกตัวว่าฮันนี่ไม่ได้นะ

งั้นเอาเป็น...ฮันนี่ตัวที่สอง

ฮันอ้าปากค้าง “อย่าบอกนะว่า เจ้าตัวนี้มัน...”

คาร์ลอสพยักหน้า “ฮันนี่ตัวที่สองของมึงไง”

“คาร์ลอสฆ่ามันเหรอ!”

“กูไม่ได้ฆ่า”

“แล้ว— แล้วทำไมน้องถึง...” ฮันหยิบกล่องไปดูฮันนี่ตัวที่สองใกล้ๆ เขาก็น้ำตาคลอ เมื่อคาร์ลอสเห็นดังนั้นจึงรีบอธิบาย

“มึงจะให้มันอยู่รอดูมึงเรียนจบหรือไง แมลงเต่าทองมีอายุขัยแค่สองปี มึงคงไม่คิดว่ามันจะอยู่รอดูมึงมีลูกหรอกใช่ไหม กูเริ่มสตาฟตอนที่มันตายแล้ว”

“รู้แล้ว...” ฮันสูดน้ำมูกขึ้นดังฟืดฟาด พยายามกลั้นเสียงสะอึกจนปลายจมูกแดง “แต่ว่าเราก็ทำใจไม่ได้อยู่ดี ทำไมสัตว์ถึงอายุสั้นกันจังเลยนะ”

“อยากได้สัตว์ที่อายุยาวก็ไปเลี้ยงเต่า” คาร์ลอสจูงแขนฮันให้มานั่งบนเตียง เสียงฝนโปรยปรายที่ด้านนอกดังมาเป็นระยะ ฮันนั่งจ้องแมลงเต่าทองปีกสีแดงแล้วก็อดจะปากคว่ำลงอย่างห้ามไม่ได้

“คาร์ลอสใจร้าย”

“กูบอกว่ากูไม่ได้ฆ่า”

“ไม่ใช่เรื่องนี้...เรื่องตอนเกรด 4” ฮันพูดในขณะที่สายตายังจับจ้องไปที่สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กในกล่องใส “คาร์ลอสทิ้งเรา คาร์ลอสหายไปเลย ไม่มาบอกลาเราเลยด้วยซ้ำ”

“...” คนฟังเป็นฝ่ายที่เงียบไป หันเก้าอี้เข้าหาโต๊ะ ทำเป็นเปิดแล็ปท็อป

“จะไม่บอกเราจริงหรือว่าตอนนั้นหายไปไหน มันเกิดอะไรขึ้น”

“...”

“แล้วทำไมนายถึงได้สำเนียงนั้นมา ย้ายไปอยู่อังกฤษมาเหรอ” ฮันหมายถึงสำเนียงบริทิชของคาร์ลอส เมื่อไร้คำตอบ ฮันก็ลุกจากเตียง เดินเข้าไปยืนอยู่ข้างๆ คาร์ลอสเหมือนกำลังเลื่อนหาไฟล์อะไรบางอย่าง ซึ่งฮันเข้าใจว่าอีกฝ่ายเลี่ยงที่จะคุย

“ทั้งๆ ที่ตอนนั้นคาร์ลอสเคยเป็นเด็กน่ารักมากแท้ๆ ทำไมตอนนี้ถึงเหมือนเป็นคนละคนเลย”

“น่ารัก?” ในที่สุดคาร์ลอสก็ต้องหันมาเพราะสะดุดกับคำที่คนข้างกายใช้

“ก็— ก็เราหมายถึงตอนนั้นไง เด็กๆ ก็น่ารักกันทุกคนนั่นแหละ” ฮันเลิ่กลั่กรีบขยายความ เขาว่าต่อ “ตอนนั้นเรานึกว่านายหายไปเพราะเป็นอะไร เรารอนายตลอด เราหวังว่านายจะกลับมาหาเราที่โรงเรียนทุกวัน แต่นายก็ไม่เคยกลับมา”

“...”

“ทั้งๆ ที่สัญญากันไว้แล้วว่าจะไม่ทิ้งกัน ไอดีฟอร์สเรานายก็มี แต่ไม่เคยติดต่อมา เราถามคุณครูว่านายหายไปไหน รู้แค่ว่าย้ายไปเรียนที่ใหม่ นอกเหนือจากนั้นเราก็ไม่รู้อะไรเลย”

“...” คาร์ลอสมองคนที่ยืนหันหลังให้ ไหล่บางที่สั่นไหว บ่งบอกว่าผู้พูดกำลังร้องไห้ เขาลุกขึ้นยืน

“นายหายไปนานมาก นานจนมีบางช่วงที่เราลืมไปแล้วว่าเคยมีเพื่อนอย่างนายในชีวิต—”

ฮันเงียบเสียงลงเมื่อสัมผัสได้ถึงอ้อมแขนกว้างที่โอบรัดจากทางด้านหลัง เสียงฝนโปรยปรายไม่อาจแข่งสู้เสียงหัวใจสองดวงที่สั่นรัว

ฮันถูกพลิกให้หันกลับมามองหน้ากัน คาร์ลอสประคองใบหน้าที่เปรอะเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตา เกลี่ยหยดน้ำใสให้อย่างทะนุถนอม ความรู้สึกผูกพันวัยเด็ก แม้จะเป็นในสถานะเพื่อนตัวเล็กคนหนึ่งที่ไม่มีอะไรแอบแฝง เป็นเพียงความสัมพันธ์บริสุทธิ์ แม้ห่างหายกันไปนานจนแทบจะลืมว่าเคยมีกันและกันในชีวิต

แต่เมื่อชะตาพาให้เรามากลับพบพานกันอีกครั้ง ความรู้สึกที่ควรจะต้องเจือจางลงกลับแจ่มชัดขึ้นอย่างไม่อาจเลี่ยง

“ขอโทษ” คาร์ลอสกระซิบชิดริมฝีปาก เอียงองศาของใบหน้าเพื่อจะประทับจูบลงไป ทว่า

ปึง

ในขณะนั้นเอง เสียงประตูที่ถูกปลดล็อกจากด้านนอกและถูกผลักเข้ามาอย่างแรงทำให้ทั้งคู่ต้องชะงักลง

เฮ้ยจะทำอะไรฮันนี่วะ!

เป็นฮันที่เบิกตากว้าง เมื่อเห็นเพื่อนอัลฟาคู่ซี้ที่ยืนอยู่หน้าประตูห้อง ซึ่งไม่รู้เหมือนกันว่าเปิดเข้ามาได้อย่างไร

โจเอล...มาร์ค

คู่หูเพื่อนไอดอลของฮัน

“ไอ้นี่ใคร?” โจเอลเดินเข้ามาในห้องอย่างถือวิสาสะ ชี้หน้าคาร์ลอสที่ยกคิ้วข้างหนึ่งมองอย่างกวนเบื้องล่าง

“มึงอะใคร?” คาร์ลอสยืนกอดอก บังตัวฮันเอาไว้ด้านหลัง

ฮัน ไนท์ตบหน้าผากตัวเอง เขาปวดหัวตุบๆ มองเพื่อนไอดอลที่อยู่ลับหลังกล้องแล้วทำตัวเป็นนักเลงกร่างบุกรุกห้องผู้อื่น

โจเอล อัลฟาหนุ่มสุดฮอต ใบหน้าคมเป็นสัน ผิวขาวดูสุขภาพดี แต่ไม่ได้ขาวซีดอย่างคาร์ลอส ตาสีน้ำข้าวเหลือบเทาเข้ากันกับ ผมสีโทนเข้มหม่นเทาที่มักจะถูกเซตให้เป็นทรงอย่างดีโดยสไตลิสต์ชื่อดัง แต่ในตอนนี้อีกฝ่ายสวมเพียงฮู้ดตัวใหญ่คลุมหัว สวมหมวกแก็ปทับอีกที และใส่แว่นดำเพื่อปิดบังใบหน้า

มาร์ค อัลฟาหนุ่มหล่อ อารมณ์ดี ยิ้มทีโลกสดใส โดดเด่นด้วยดวงตาสีเขียวดั่งมรกต นิสัยตรงข้ามกับโจเอลแทบจะทุกประการ อยู่ในสภาพปิดบังใบหน้าและร่างกายไม่ต่างกัน

ทั้งคู่รีบถ่อไปที่มหาวิทยาลัยทันทีเมื่อรู้ข่าวจากไคลี่ แม้ว่าจะเพิ่งได้พักจากการจัดงานแฟนมีตเสร็จได้ไม่เท่าไร แต่สิ่งที่ได้รู้คือเพื่อนตัวเล็กที่พวกเขาหวงแหนถูกอัลฟาที่ไหนก็ไม่รู้ปล่อยฟีโรโมนรัทใส่จนเป็นลม

โจเอลอ่านที่ไคลี่ส่งมาไม่หมดหรอก สิ่งที่เขาเห็นมีเพียงคำว่า อัลฟารัทใส่จนฮันนี่เป็นลม

ปกติก็เจอกันแทบจะเดือนละครั้งอยู่แล้ว เป็นห่วงก็เป็นห่วง เพราะเพื่อนหนุ่มโอเมกาหนึ่งเดียวในกลุ่มมักจะไม่ทันคน ใจดีกับคนอื่นไปทั่วจนใครต่อใครก็ต่างต้องเข้าใจว่าให้ความหวัง แต่เรื่องงานมันค้ำคอทำให้ไปเรียนที่ห้องด้วยไม่ได้บ่อยๆ

ไหนจะเวลาที่ต้องออกมาที่สาธารณะทีก็ต้องแต่งตัวปิดบังใบหน้า เพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกตของผู้คนนี่อีก

“มาทำอะไรกันที่นี่?” ฮันดันแขนคาร์ลอสที่ยืนบังให้ถอยออก เขาจะต้องคุยกับเพื่อน “แล้วเปิดประตูเข้ามาได้ยังไง”

“กูก็แค่ขอการ์ดจากผู้คุมหอ แลกกับลายเซ็นกู” โจเอลพูดราวกับว่าเรื่องแค่นี้ไม่เห็นจะยาก

“เราห้ามมันแล้ว” มาร์คพูด “สรุปนี่ใคร ฮันนี่?”

ทั้งโจเอลและมาร์คมองไปยังผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างหลังเขาเป็นตาเดียว

“พวกมึงอะใคร” คาร์ลอสก็โต้ตอบไปอย่างไม่ยอมกัน

“ไม่สิวะ กูถามมึงก่อนนะเว้ย กูรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว มึงอย่ามาหลอกเพื่อนกูซะให้ยาก” โจเอลก้าวเข้ามาชี้หน้า ฮันดันไหล่เพื่อนสุดกำลัง “ฮันนี่ มึงกำลังจะถูกมันปอกลอกรู้ตัวไหม โง่ๆ ซื่อๆ อย่างมึงมองคนออกที่ไหน”

“เพื่อน? หึ” คาร์ลอสยกยิ้มมุมปาก “พวกมึงก็แค่เพื่อน ไม่ใช่ผัว”

เป็นฮันที่ทนฟังต่อไม่ไหว “พอได้แล้ว! โจเอล มาร์ค มาบุกรุกห้องคนอื่นแบบนี้ไม่โอเคเลย”

ฮัน ไนท์ปวดหัวตุบ ภายในห้องพักขนาดพอดีสำหรับอัลฟาคนเดียว แต่เมื่อมีอัลฟาตัวโตเพิ่มเข้ามาอีกสองคน บวกอีกหนึ่งอย่างเขา แค่นี้ทั้งห้องก็ตลบอบอวลไปด้วยฟีโรโมนข่มกันจะแย่ ฮันอึดอัด อยากเหวี่ยงกระเป๋าสะพายฟาดมันรายคน

“ถ้าเมื่อกี้กูมาไม่ทัน—”

“โจเอล มันไม่มีอะไรทั้งนั้น แล้วก็อยากให้ห้องอื่นเขาออกมาดูหรือไงว่าพวกเรามีเรื่องอะไรกัน ถ้ามีคนจำพวกแกได้ แล้วเอาไปปล่อยข่าวมั่วๆ ลงอินเทอร์เน็ต คนที่เสียหายจะมีก็แต่มาร์คกับโจเอลนะรู้ไหม”

อารมณ์เดือดของโจเอลหายลงไปครึ่งหนึ่ง

“แล้วก็นี่ไม่ใช่คนอื่น” ฮันหันไปหาคาร์ลอส “นี่คาร์ลอส”

“...?”

“เพื่อนเก่าของเรา”

“อ้อ ก็แค่เพื่อนเก่า—” โจเอลกำลังจะตอกกลับคืนบ้าง แต่ฮันยกมือขึ้นมาให้หยุดก่อนเพราะยังพูดไม่จบ ก่อนที่จะกล่าวคำที่ทำให้คนทั้งห้องเบิกตาแทบถลน

“แล้วคาร์ลอสก็เป็น...”

“?”

“เป็นโซลเมทของเราด้วย”

 

TBC

สภาพตอนอ่านครึ่งแรก

sds

ตอนอ่านครึ่งหลัง

sds

- มาแล้วลูกจ๋าชุดโกโก-- ไม่ใช่ มาแล้วจ้าโจเอล มาร์ค คู่หูคู่จิ้นไอดอลของพวกเรา5555555555 งานเขารัดตัว บทเลยน้อยหน่อยงับก่อนหน้านี้ แต่เด่วมาแน่ พุดเรย กรี้ด

- ปกติแล้วหลังลงครึ่งหลังเสร็จ เราจะแก้ไขรีไรท์ครึ่งแรกไปด้วย อาจมีบางช่วงที่ปรับ หรือเพิ่มลดตามความเหมาะสม อ่านอีกรอบได้ถ้าไม่เบื่องับ

- ถ้าเห็นคำผิด ทักท้วงได้เลยฮะ แต่ไม่ทักก็ไม่เป็นไรคับ เพราะเราจะไปอ่านทวนหลังจากลง แล้วก็แก้คำผิดในไฟล์เสมอๆ

- แนวเสื้อผ้าที่น้องฮันชอบแต่ง ชอบแต่งสบายๆ กางเกงผ้าลูกฟูก รองเท้าผ้าใบ ประมาณนี้งับ

sds

- เตียงคาร์ลอส คล้ายเตียง 2 ชั้นเลย แต่ชั้นบนนี่ทำเป็นชั้นหนังสือแทน ยังจำตอนที่คุณเขาหัวโขกเพราะสะดุ้งตื่นตอน 8 โมงเช้าได้มะ ก็คือกระเด้งตัวลุกแรงมาก หัวเลยโขกชั้นหนังสือด้านบน คำถาม แล้วทำไมน้องฮันนั่งได้หัวไม่ชน เพราะน้องฮันน่ารัก ใจดี สวย หล่อหนุบหนับ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตอบไม่ตรงคำถามเหรอ อ๋อ แร้วงัย จะอวยยศลูก

หารูปมาคล้ายจากในจินตนาการสุดได้เท่านี้งับ แต่ขนาดห้องจะเล็กกว่านี้แน่นอน เพราะเป็นหอพักในมอด้วยเนอะ เตียงในปัจจุบันนิยมใช้ขนาด 3.5 ฟุต 5 ฟุต และ 6 ฟุต

แต่ในเรื่องเลือกใช้เป็น 4 ฟุต เพราะคิดเอาเองว่าในอนาคตคนที่อาศัยอยู่คนเดียวจะไม่นิยมนอนเตียงใหญ่ให้กินพื้นที่ห้องกัน แต่ก็ไม่อยากได้เตียงที่เล็กสุด เพราะอาจจะชอบทำงานบนเตียง ใช้เวลาบนเตียงเป็นส่วนใหญ่ 4 ฟุตน่าจะกำลังพอดี

sds

- ปล.นี่มันเพิ่งจะเริ่มต้น มิสซิสสร

 

คำเตือน

 

ข้างล่างนี้จะแสดงรูปแมลงเต่าทองปีกแข็ง

!ใครกลัวแมลง!

กดออก หรือปิดตาแล้วเลื่อนผ่านไปเลยค่ะ

 

 

และนี่คื้อออ

 

 

ฮันนี่ตัวที่ 2 งับ

See the source image

 

 

 

สามารถหวีด ร่วมพูดคุย แสดงความคิดเห็นผ่าน #IABOU

หรือเพื่อติดตามเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของนิยายเรื่องนี้ที่เราจะลงไว้ที่นั่นได้เลย!

 

 

 

เชิงอรรถ

  1. ^ 68° ฟาเรนไฮต์ เท่ากับ 20° เซลเซียส