Listen to this song for your อรรถรสในการอ่าน

Secret Secret - Stray Kids

 

VII

Rain on me

sds

(Photo by Bernard on Unsplash)

 


 

Put all your worries away in the falling rain

So that I don't get immersed in myself more deeply

Baby, it's fallin'

To the last drop

Let it go with a smile

Everything until the end of our fingertips

 

บรรจุทุกความกังวลไว้ในหยาดฝนที่ร่วงหล่น สลัดมันทิ้งไป

ไม่ให้ส่วนลึกของฉันต้องเปียกปอนไปมากกว่านี้

Baby, it's fallin'

แม้กระทั่งหนึ่งหยดสุดท้าย

ก็ปล่อยให้มันไปพร้อมใบหน้าเปื้อนยิ้ม

หมดทุกสิ่ง กระทั่งหยดสุดท้ายที่ค้างอยู่ปลายนิ้ว

 


 

เป็นโซลเมทของเรา

...โซลเมท...

เจ้าของเสียงไม่อยู่แล้ว ตอนนี้ภายในหอพักขนาดย่อมเหลือเพียงชายหนุ่มที่นั่งเหม่อมองจอแล็ปท็อปของตนเอง

ฮัน ไนท์กลับไปพร้อมเพื่อนอัลฟาสองคนตั้งแต่ชั่วโมงที่แล้ว เพราะทางนั้นมีรถ และคาร์ลอสก็ไม่รู้จะหาเหตุผลใดมารั้งไว้ได้อีก ตอนนี้เจ้าของห้องนั่งจมกับความคิดตัวเอง ยามมองไปยังรูปหนึ่งที่ปรากฏบนหน้าจอ

รูปของเด็กน้อยสองคนที่แข่งกันทำหน้าบูดเบี้ยวใส่กล้องด้วยความตลกขบขัน มองดูแล้วน่ารักไม่หยอก แต่คาร์ลอสทำเพียงทิ้งสายตามองมันนิ่ง ไม่ปรากฏอารมณ์ใดบนใบหน้า นัยน์ตาสีฟ้าอ่อนหวามไหวตามความรู้สึกภายในจิตใจ

คาร์ลอสตั้งใจจะโชว์รูปนี้ให้ฮันเห็น ว่าตัวเองยังเก็บความทรงจำเหล่านี้ไว้ แต่ก็ไม่มีจังหวะที่ดีจะได้ทำเช่นนั้น

ไฟล์รูปที่ถูกเก็บไว้ในเอฟอร์สเครื่องเก่า ถูกถ่ายโอนมาไอดีชิปเอฟอร์สชุดปัจจุบัน ไอดีตอนที่ยังอยู่มินนิโซตาจำต้องทิ้งไปเพราะการเคลื่อนย้ายอย่างกะทันหัน มีเพียงไฟล์รูปต่างๆ เท่านั้นที่อัปโหลดลงคลาวด์ได้สำเร็จ

ถ้าจะกู้คืนข้อมูลทุกอย่างสมัยประถม ก็ต้องกลับไปที่บ้าน

บ้าน?

แม้รู้ว่าเพื่อนตัวน้อยคงจะเรียนอยู่โรงเรียนเดิมต่อจนจบเกรด 6 แต่เป็นเขาเองที่ไม่ติดต่อกลับมา ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลส่วนตัว หรือเหตุผลอื่นใด คาร์ลอสไม่ต้องการเปิดเผยมันกับใคร ไม่อยากให้ใครมารับรู้เรื่องราวเหล่านั้น

ไม่ต้องการให้ใครมาสงสาร

ไม่ต้องการความเห็นอกเห็นใจ

อดีตมันจองจำเขาไว้ แค่ล็อกมันไว้ในหีบ โยนไปพร้อมกับกุญแจดอกเดียวที่จะสามารถไขมันได้ลงก้นมหาสมุทร ปล่อยมันไปพร้อมกับเขา ผู้ถูกกักขังด้วยความหลัง อย่าให้มันได้ปรากฏสำแดงขึ้นมาอีก

คาร์ลอสพับจอลง นั่งมองหยาดฝนโปรยปรายที่นอกหน้าต่าง ต่อให้ฝนจะตกแรงสักแค่ไหน หูก็ไม่ได้ยินอะไรอื่นนอกจากน้ำเสียงนุ่มนวล ราวกับเปิดโหมดวนซ้ำในเพลลิสต์

หนึ่งในล้านที่จะได้เจอโซลเมทของตัวเอง แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าใช่จริงๆ ใช้เกณฑ์อะไรในการวัดกันล่ะ หรือแค่เพราะฟีโรโมนมีความเข้ากันได้ และถูกตาต้องใจเมื่อแรกเจอ ก็เท่ากับว่าเป็นโซลเมทกันแล้วงั้นหรือ

ไร้สาระสิ้นดี

โซลเมท...ก็แค่คำสวยหรูที่เอาไว้เรียกใครคนหนึ่ง คนที่ผ่านมาและผ่านไป แค่เพราะอยากให้ชีวิตดูมีสิ่งวิเศษณ์เลิศเลอ ทำให้ชีวิตแสนเปล่าเปลี่ยวดูมีคุณค่ากว่าผู้อื่น อยากให้มีปาฏิหารย์ที่เกิดขึ้นแค่ในนิยาย เกิดขึ้นกับตนเองสักครั้ง

เพราะโลกภายนอกไม่เคยทำให้มนุษย์รู้สึกเป็นคนพิเศษ เราเกิดมาและสักวันก็ต้องดับสูญ ยายืดอายุราคาแพงไร้ประโยชน์ถ้ายังใช้ชีวิตเหมือนวันพรุ่งนี้ไม่มีอะไรให้เสีย เรื่องเพ้อเจ้อลมๆ แล้งๆ ถึงยังเป็นเรื่องขายฝันที่มนุษย์ยังใฝ่หาอยู่เช่นนี้

แต่ถึงจะคิดอย่างนั้น คาร์ลอสก็ไม่สามารถไขข้อข้องใจปรากฏการณ์แสงแหวกอกได้อยู่ดี เขาได้แต่หาข้ออ้างไปต่างๆ นานาอย่างไม่อยากยอมรับ

อาจเป็นความผิดพลาดของร่างกายในยามที่ถูกกระตุ้นด้วยฟีโรโมน หรืออาจเป็นเพราะเขาพยายามกดมันเอาไว้ตลอดเวลา อาจเป็นเพราะฮอร์โมนในร่างกายมันถูกออกแบบมาเช่นนี้ และในเวลานั้นก็มีเพียงความเผลอไผลไม่ระแวดระวังของตัวเอง ถึงได้มีอาการเช่นนั้น

คาร์ลอสไม่เคยเชื่อเรื่องโชคชะตา ไม่เคยมาตลอด

โชคไม่เคยเข้าข้างใคร คนที่พยายามที่สุด คนที่เก่งที่สุดต่างหาก คือผู้ที่จะอยู่รอดบนโลกใบนี้

 

αβΩ

 

[...จะมีฝนตกร้อยละ 75 ของพื้นที่ ตั้งแต่เวลาประมาณ 05:32 PM ตกอย่างต่อเนื่องไปจนถึงเวลา 09:29 PM ช่วงเวลาดังกล่าวควรงดออกจากบ้าน เช้านี้ค่าฝุ่น PM2.5 อยู่ที่ 165.5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ต้องสวมหน้ากากกันฝุ่น—]

ฝ่ามือเรียวแตะลงบนเอฟอร์สแผ่วเบา เสียงรายงานสภาพอากาศที่มองด้วยตาเปล่าก็รับรู้ว่าย่ำแย่จึงเงียบลง ตามมาด้วยเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่

ท้องฟ้ามืดครึ้มแต่หัววัน อากาศเย็นชื้นเช่นนี้ไม่เหมาะสมแก่การทำอะไรทั้งสิ้นนอกจากนอนขดตัวอยู่ใต้ผ้านวมผืนหนา แต่ถึงจะขี้เกียจอย่างไร วันนี้ก็ไม่อาจเรียนอยู่ที่ห้องได้ เพราะข้อความที่ปรากฏอยู่บนกระจกห้องน้ำ

 

ตารางการทำงาน

09:30 AM - ส่งงานภาพจิตรกรรมโดยตรงที่ห้อง 501

10:00 AM - ส่งดราฟต์แรกให้นูน่า 315 [KR]

11:00 AM - ดีลงานกับคุณปาท่องโก๋ [TH]

12:00 AM - ดีลงานกับคุณโซระ [JP]

01:00 PM - Photography class

03:00 PM - Term project (painting)

04:00 PM - Term project (photography)

05:00 PM - Term project (cinematography)

 

ฮัน อัลเลน ไนท์ยืนแปรงฟันพลางอ่านกำหนดการของวันนี้บนกระจกบานใหญ่ เปลือกตาจะปิดอยู่รอมร่อ เขามองสภาพตัวเองที่เหมือนคนเพิ่งฟื้นจากมรสุมเดดไลน์แล้วยิ่งรับไม่ได้

“เอฟอร์สแก้เวลาตอนบ่ายให้หน่อยครับ” ฮันพูดทั้งๆ ที่ฟองยังเต็มปาก “อาจไม่ได้เข้าเรียนวิชาถ่ายภาพแล้ว”

[ทิ้งกำหนดการเวลา 01:00 PM ถูกต้องไหมคะ]

“ครับ” คนหัวฟูจากการนอนเพิ่งตื่นเอ่ยตอบ หลังบ้วนปากเสร็จก็ดึงผ้าขนหนูที่พาดอยู่ข้างผนังมาซับหน้าและริมฝีปาก ซับเสร็จก็แขวนไว้กับราวตามเดิมแล้วกดปุ่มกลมๆ สีขาว แสงสีส้มอาบผ้าเช็ดหน้าเป็นการฆ่าเชื้อและอบให้แห้งไปในตัว ไม่กี่นาทีแสงก็ดับลง เป็นจังหวะเดียวกับที่ฮันเป่าผมเสร็จพอดี

[อีกสิบนาทีไฮเปอร์ลูป[1]เที่ยวที่ใกล้ที่สุดจะมาถึงค่ะ] เสียงใสจากการตั้งค่าให้เหมือนตัวการ์ตูนที่ชอบเอ่ยเตือน ฮันที่กำลังจะหยิบหวีไฟฟ้ามารีดให้ผมตรงก็จำต้องวางมันลงที่เดิม

ไม่ทันรีดผมอีกแล้ว!

โอเมกาหนุ่มรีบทาครีมกันแดด ตบๆ อยู่ไม่กีทีก็วิ่งออกมาจากห้องน้ำ ม้วนกระดาษที่สีน้ำเพิ่งแห้งไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนลงกระบอกใส่แบบ ยืนหันหน้าหันหลังตรวจเช็กว่าตัวเองไม่ลืมอะไรอีก เสียงแจ้งเตือนจากเอฟอร์สบนโต๊ะดังขึ้น

“ใช่ เอฟอร์ส” ฮันคว้ามันขึ้นมาใส่ข้อมือ

โล่งอกไปที เกือบลืมไปแล้ว

 

MARK - [ฮันนี่ วันนี้ให้เราไปรับไหม] 08:51 AM

HAN - [วันนี้ไม่ไปทำงานกันเหรอ] 08:51 AM

JOEL - [ไป แต่เดี๋ยวออกไปพร้อมกันเลย] 08:51 AM

HAN - [ไม่เป็นไรเดี๋ยวเราขึ้นไฮป์ แป๊บเดียวถึง] 08:51 AM

JOEL - [มึงก็ดื้อจังวะ ให้นั่งรถไปเรียนสบายๆ ไม่ชอบ ชอบไปเบียดกับคนอื่นเป็นปลากระป๋อง] 08:52 AM

HAN - [กูไม่ได้ดื้อ มึงสิดื้อ] 08:52 AM

JOEL - [เฮ้ย] 08:52 AM

MARK - [ㅋㅋㅋlol 5555555555555] 08:52 AM

HAN - [ไปนะ] 08:52 AM

 

ฮันโยนกระเป๋าสะพายคล้องคอ สั่งเอฟอร์สเปิดโหมดเจ้าของไม่อยู่เพื่อให้แน่ใจว่าปิดไฟ ปิดระบบทุกอย่างเรียบร้อย เขาวิ่งทันทีที่ระบบบอกว่าล็อกเรียบร้อย

ก่อนก้าวขาออกนอกตัวตึก ฮันล้วงแว่นตาจากในกระเป๋าสะพายขึ้นมาสวม

ทันทีที่ก้าวออกมาข้างนอก แว่นตาทรงเหลี่ยมกรอบสีดำก็ฉายรังสีสีฟ้าอ่อนลงมาถึงบริเวณปลายคาง

[เปิดโหมดป้องกันฝุ่นเรียบร้อย]

ในแว่นขึ้นข้อความ มีเพียงผู้สวมที่เห็น

ท้องฟ้ามืดครึ้มทำให้ฮันรีบวิ่งไปที่สถานีขนส่งสาธารณะ เกรงว่าถ้าฝนตกลงมาแล้วตัวจะเปียกชื้นให้รำคาญใจ

ถ้าตัวเปียกไปเรียนแต่เช้า คงหงุดหงิดไปทั้งวันแน่

ไม่ถึงสามนาที ฮันก็วิ่งมาถึงทางเข้าสถานีขนส่ง จอฮอโลแกรมลอยอยู่เหนือหัวสีสดสว่างจ้า ดึงดูดสายตาได้เป็นอย่างดี มันขึ้นข้อความที่ถูกเซตให้วนซ้ำ

Hyperloop-Alpha Welcome

...Bon voyage...

ฮัน ไนท์เดินเข้าไปอย่างคนชินทาง แสกนข้อมือซ้ายที่มีเอฟอร์สกับเสาทรงสูงสีเงิน เมื่อบนเสาขึ้นสีเขียวและปรากฏคำว่าผ่าน ประตูกระจกด้านหน้าเปิดออกอัตโนมัติ เขาตรงเข้าไปทันทีไม่รีรอ

มีมนุษย์ยืนรอไฮเปอร์ลูปหรือที่คนทั่วไปมักเรียกว่าไฮป์อยู่อย่างเนืองแน่น ฮันกลืนน้ำลาย เลียริมฝีปากที่แห้งผากเพราะลืมทาลิปมันบำรุง พลิกข้อมือดูเวลา

08:58 AM

[กรุณายืนเรียงตามลำดับ สถานีปลายทางต่อไป พอดใหญ่ที่ 1 บรูคลิน พอดใหญ่ที่ 2 ควีนส์…]

เสียงประกาศสถานีปลายทางดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีทั้งขบวนใหญ่ที่จะออกไปยังเมืองต่างๆ และขบวนย่อยสำหรับไปยังสถานที่ที่เฉพาะเจาะจงกว่านั้น ฮันไม่ได้ตั้งใจฟังนักเพราะรู้อยู่แล้วว่าตัวเองจะต้องขึ้นขบวนไหน

ระหว่างที่ยืนรอสองนาทีนี้ ฮันเชื่อมแว่นอเนกประสงค์เข้ากับเอฟอร์ส ปัดๆโซเชียลมีเดียไปเรื่อย มาหยุดตรงกล่องข้อความที่ตัวเองส่งออกไปเมื่อหลายวันก่อนแต่ไม่มีการตอบกลับ

Holmes, C. อนุญาตให้คุณเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวแล้ว เมื่อ 3 วันที่ผ่านมา

HAN - [เรานัดกันคุยงานไหม] 3 วันที่ผ่านมา

HAN - [คาร์ลอส?] 2 วันที่ผ่านมา

HAN - [เมื่อวันก่อน ขอโทษแทนเพื่อนเราที่ขึ้นไปบุกรุกห้องนายด้วยนะ] 2 วันที่ผ่านมา

ฮันถอนหายใจเมื่อไม่เห็นข้อความตอบกลับ เป็นจังหวะเดียวกับไฮเปอร์ลูปพอดแรกเคลื่อนตัวลงจอดอย่างเรียบลื่น แผ่นกั้นสีใสเปิดออกให้ผู้คนทยอยเดินกันเข้าไปอย่างเป็นระเบียบ ระหว่างยืนรอพอดของตัวเองใจจดจ่อเพราะกลัวไปไม่ทันส่งงาน หางตาก็ดันไปเห็นเด็กน้อยคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างเสาตัวคนเดียว มุมปากคว่ำน้อยๆ คล้ายจะร้องไห้

ข้างกายของเด็กน้อยที่น่าจะเป็นผู้หญิงมีกระเป๋าสัมภาระใบใหญ่อยู่สองใบ เมื่อฮันสบตากับเธอ เด็กน้อยอ้าปากเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ก็ไม่กล้า

 

KYLIE - [อยู่ไหนแล้วฮันนี่?] 09:01 AM

HAN - [รอไฮป์อยู่] 09:01 AM

HAN - [5 นาทีถึง] 09:01 AM

HAN - [แต่ถ้าไปไม่ทันขอแสกนงานส่งอาจารย์แทนได้ไหมนะ] 09:01 AM

SHIN - [เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?] 09:01 AM

 

มือขวาพิมพ์ตอบเพื่อนที่ส่งข้อความมาเตือน ปกติเขาจะไปถึงคณะก่อนอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง ถ้าได้ขึ้นไฮเปอร์ลูปเที่ยวนี้ ไม่เกินห้านาทีก็คงถึงมหา’ลัย แต่ถ้าตกเที่ยวนี้ ต้องรออีกสิบห้านาทีสำหรับเที่ยวถัดไป เขากัดริมฝีปากล่าง ลมหนาวในวันที่ไม่มีแดดทำให้เขาริมฝีปากลอกแตก

ฮัน ไนท์ตัดสินใจก้าวเข้าไปหาเด็กน้อยที่ชะเง้อคอไปมา คล้ายมองหาใครบางคน

“มากับใครครับ พ่อแม่ไปไหน” ฮันเอ่ยถามเมื่อย่อตัวลงให้ใบหน้าอยู่ในระดับสายตา มองเด็กหญิงผิวสีเข้ม ผมสีดำเส้นเล็กถูกเก็บให้เป็นเปียอย่างสวยงาม เธอทำหน้าไม่เข้าใจ และพูดภาษาที่ฟังแล้วไม่ใช่ภาษาอังกฤษ ดีที่ข้อมือเล็กมีฟอร์สคิดส์อยู่

ในจังหวะนั้นเองที่พอดขบวนย่อย สถานีปลายทางเป็นมหาวิทยาลัยสหพันธรัฐเคลื่อนตัวเข้ามาจอด ฮันหันไปมองอย่างชั่งใจ เขาเปิดโหมดแปลภาษาที่เด็กหญิงพูดเมื่อสักครู่

[แม่หายไปไหนไม่รู้] เอฟอร์สแปลจากภาษาอาหรับ [แม่บอกว่าให้ยืนรออยู่ตรงนี้]

เมื่อได้ยินดังนั้น ฮันตัดสินใจหยิบกระบอกเก็บแบบที่สะพายอยู่ด้านหลังมาเปิด กางกระดาษขนาด A2 ลงกับพื้น ก่อนจะสัมผัสเอฟอร์สเพื่อเปิดโหมดแสกน เขาส่งเข้าไปในกลุ่ม

 

HAN - [ฝากทีนะ ติดปัญหานิดหน่อย] 09:03 AM

HAN - [ถ้าไปถึงทันจะไปส่งด้วยตัวเอง] 09:03 AM

KYLIE - [ยังอยู่ที่สถานีเหรอฮันนี่?] 09:03 AM

KYLIE - [ปัญหานิดหน่อยที่ไม่นิดหน่อยแน่ๆ ให้ตาย นายนี่มันยังไงกันนะ] 09:03 AM

KYLIE - [รออยู่นั่นเลย พวกเราจะไปรับนาย] 09:03 AM

HAN - [ไม่ต้องมา ไคลี่กับชินไม่มีรถ ลำบากเปล่าๆ] 09:04 AM

SHIN - [ถ้าให้คนที่มีรถไปรับ ก็ไม่ลำบากสินะ] 09:04 AM

 

“แม่หนูไปทางไหน หายไปนานหรือยังครับ” ฮันยกข้อมือขึ้นให้เอฟอร์สได้ยินชัดๆ มันแปลไปเป็นภาษาอาหรับอย่างรวดเร็ว

เด็กน้อยชี้นิ้วไปยังพอดใหญ่

[เห็นเดินขึ้นไฮป์ไปเมื่อกี้ แม่ลืมหนูเหรอคะ]

ฮันเก็บงานลงกระบอก สะพายกระเป๋ากลับไปตามเดิม เขาเริ่มปวดหัวจากการนอนไม่เพียงพอมาหลายคืน

[แม่จะกลับมาไหมคะ] เด็กน้อยน้ำตาคลอเบ้า พยายามฝืนกลั้นไม่ให้มันไหลลงจากกระบอกตา เขารีบปลอบ

“กลับมาสิครับ แม่ต้องกลับมาอยู่แล้ว” ฮันโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ประจำสถานี แม้ไม่รู้ว่าผู้ปกครองของเด็กน้อยที่เข้มแข็งคนนี้หายไปไหน มีเจตนาจะทิ้งลูกหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ จนกว่าเด็กคนนี้จะปลอดภัย เขาจะไม่ทิ้งให้เธอต้องอยู่คนเดียว “ชื่ออะไรครับ พี่ชื่อฮันนะ”

[หนูชื่ออาบีค่ะ]

“อาบี...ชื่อเพราะจัง” ฮันจูงมืออาบีที่สูงเลยเอวของเขามาหน่อยเดียว อีกข้างลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่สองใบ พาน้องไปนั่งที่เก้าอี้สำหรับรอการเดินทาง ฮันนั่งลงข้างกัน เว้นระยะห่างอย่างพอดีเพื่อไม่ให้อาบีรู้สึกอึดอัด “เดี๋ยวพี่รอเป็นเพื่อนนะครับ”

เจ้าหน้าที่แจ้งว่าอีกสักครู่จะมาถึง ระหว่างนี้ฮันก็ชวนน้องคุยไปพลาง ได้รู้ว่าเด็กหญิงอายุเจ็ดขวบแล้ว แม้ว่าจะมีกำแพงทางภาษา แต่เอฟอร์สก็ทำหน้าที่ในการทะลายกำแพงนี้เท่าที่จะทำได้

[รู้สึกอึดอัด ไม่ปลอดภัยใช่ไหม? แสกนโค้ดนี้เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับเรา บริษัทซีเคร็ทโปรแกรม พร้อมให้บริการ ความลับของคุณ...ให้เราเป็นคนดูแล]

เสียงโฆษณาจากจอฮอโลแกรมที่ผนังด้านหลังเรียกความสนใจของอาบี ฮันหันไปมองตาม

[ทำเลบนดวงจันทร์วิวที่มองเห็นโลกชัดเจนที่สุด รอให้คุณได้มาสัมผัสแล้ววันนี้ ด่วน! สั่งจองวันนี้มีราคาพิเศษ...เพื่ออนาคตของลูกหลานที่ดีกว่า]

อาบีตาเป็นประกายยามที่ภาพเคลื่อนไหวสีสันสดใสสะท้อนเข้าไปในดวงตา เด็กน้อยที่มีความกังวลในตอนแรกเริ่มผ่อนคลายขึ้น ฮันมองใบหน้าด้านข้างของอาบีด้วยความเอ็นดู

“เก่งจัง ไม่ร้องไห้เลย”

เพราะถ้าเป็นเขาตอนเด็กๆ แม่หายไปสองนาทีคงเบะปากงอแงแล้ว ฮันคิด

ไม่ถึงห้านาทีต่อมา เจ้าหน้าที่ประจำสถานีแกรนด์เซ็นทรัล เทอร์มินอลก็ตรงมาที่เขา เป็นผู้ชายหนึ่ง ผู้หญิงหนึ่ง

“สวัสดีค่ะ ขออภัยที่ให้รอนาน จากการแจ้งเข้ามาว่ามีเด็กพลัดหลงกับผู้ปกครอง ถูกไหมคะ” อัลฟาหญิงเป็นคนเปิดประโยค ฮันยืนขึ้น

“ใช่ครับ น้องเขาใช้ภาษาอาหรับในการสื่อสาร”

“ขอแสกนฟอร์สหน่อยครับ” ฮันยื่นข้อมือให้อัลฟาชาย แต่อาบีที่เห็นคนแปลกหน้าตัวใหญ่ ท่าทางน่าเกรงขามแล้วกลับหลบหลังของฮัน ไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่แสกนฟอร์สคิดส์เสียอย่างนั้น อัลฟาชายเปิดโหมดแปลภาษา เอ่ยเสียงชัด “ขอแสกนฟอร์สครับ”

อาบีเม้มปาก เกาะชายเสื้อของฮันอยู่ด้านหลังไม่ปล่อย

“ไม่ต้องกลัวนะ พี่ๆ เขาจะช่วยตามคุณแม่ของอาบีกลับมาให้ได้ยังไงครับ” ฮันพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ระบายยิ้ม “ป่านนี้คุณแม่ต้องคิดถึงอาบีมากแน่ๆ”

เจ้าหน้าที่อัลฟาสองคนมองภาพตรงหน้าที่เหมือนใส่ฟิลเตอร์ละมุนฟุ้ง ความน่าเอ็นดูทะลุปรอท คนที่มีเพศรองเป็นโอเมกากับเด็กน้อย เป็นเสมือนความอ่อนโยนของโลกใบนี้ ในที่สุดอาบีก็ยอมยื่นข้อมือที่มีฟอร์สออกมาช้าๆ

เป็นจังหวะเดียวกับที่แรงสั่นสะเทือนข้อมือซ้ายของฮันเริ่มขึ้น เมื่อก้มมองว่าใครโทรมา เจ้าของเครื่องก็ต้องเบิกตาโต

CARLOS

 

αβΩ

 

[คุณเหยียบคันเร่งเกิน 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทัศนวิสัยแคบอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ ควรชะลอ—]

“หุบปาก”

ระบบรถยนต์ไฟฟ้าเงียบลงเมื่อถูกสั่งเสียงห้วน เจ้าของรถคันสีดำขลับมองเลนส์การเดินทางปกติอย่างพิจารณา ไม่ถึงเสี้ยววินาทีก็ตบไฟเลี้ยวเข้าเลนส์เร่งด่วน

[คุณถูกหักชำระค่าบริการทางด่วนเป็นจำนวน 0.001 ETH[2]]

“ขอพิกัดฮัน อัลเลน ไนท์”

เสียงทุ้มต่ำเอ่ยชื่อคนที่ตนเองกำลังเหยียบคันเร่งไปหา รถยนต์สมรรถนะสูงเพิ่งจะได้เปิดระบบออกมาใช้ครั้งแรกเมื่อห้านาทีที่ผ่านมา หลังจากได้เป็นของขวัญวันเกิดในปีใดก็จำไม่ได้ คาร์ลอสไม่เคยแตะมันอีก กระทั่งครั้งนี้

ย้อนไปประมาณสิบนาทีก่อน อัลฟาหนุ่มที่ฟุบหลับในห้องแล็บถูกปลุกให้ตื่นด้วยชื่อของใครบางคน คาร์ลอสฟังไม่ได้ศัพท์นัก จับใจความได้แค่เกิดเรื่องกับฮัน ไนท์ที่สถานีไฮเปอร์ลูปสักแห่ง และเขาเป็นคนเดียวในกลุ่มที่มีรถ

มึงมีรถไม่ใช่เหรอ กูจำได้เสียงเอมิลี่ยังสะท้อนอยู่ในหู มึงรีบไปรับน้องฮันนี่มาเลย ด่วน!

แม้จะไม่เข้าใจอะไรเลยก็ตาม แต่คาร์ลอสผู้มีรถคนเดียวของกลุ่มก็รีบเร่งไปยังโรงรถของหอพัก แสกนขอรถคืนจากการเช่าพื้นที่จอดไว้นาน เหยียบคันเร่งออกมาด้วยความรีบร้อน ดีที่พลังงานยังมีอยู่เต็มไม่ต้องแวะชาร์จให้เสียเวลา

[พิกัด สถานีไฮเปอร์ลูป-อัลฟา แกรนด์เซ็นทรัล เทอร์มินอล]

ความเร็วที่แตะ 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ไม่เป็นปัญหาในทางด่วนเพราะแทบจะไม่มีรถยนต์สัญจรในเส้นทางนี้ อย่าว่าแต่ทางด่วนที่ไม่มีรถ เส้นทางสัญจรปกติยังมีรถยนต์บางตา

สมัยนี้คนนิยมขนส่งสาธารณะที่เร็วและถูกกว่าอย่างไฮเปอร์ลูป กฎหมายบังคับให้ผู้ที่มีรถยนต์ ต้องมีพื้นที่จอดรถของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นบ้านที่ต้องมีพื้นที่ให้จอดรถตามจำนวนคันครอบครอง หรือพื้นที่เช่าสำหรับจอดรถโดยเฉพาะ ถ้าไม่มีพื้นที่สำหรับจอดรถ ก็ไม่มีสิทธิ์ซื้อรถยนต์

คาร์ลอสกดโทรหาไอดีที่ได้มาเมื่อไม่กี่วันก่อน ถ้าตอนนั้นไม่ได้กดยอมรับให้เข้าถึงข้อมูล เขาก็คงไม่ได้ข้อมูลของอีกฝ่ายมาเช่นกัน

 

HAN - ไม่มีการตอบรับ

 

อัลฟาตัวโตร้อนรนใจยิ่งกว่าเดิม เขาเปิดโหมดการพิมพ์ด้วยเสียง

“อยู่ที่ไหน” เป็นจังหวะเลี้ยวรถเข้าลานจอดของสถานีพอดี “ตอบกู” อัลฟาหนุ่มเปิดประตูลงจากรถอย่างรวดเร็ว รถยนต์คันสีดำเงาวับทำการล็อกตัวเองอัตโนมัติเมื่อเจ้าของห่างออกไป

ขายาววิ่งเข้าไปในสถานี คนพลุกพล่านเดินกันขวักไขว่ คิ้วหนาขมวดเข้าหากันแน่น พยายามเพ่งสายตามองหาคนที่ทำให้เขาร้อนรนใจเสียยิ่งกว่าอะไร

 

HAN - [อยู่สถานีไฮป์ แกรนด์เซ็นทรัล] 09:21 AM

CARLOS - [กูรู้แล้วว่ามึงอยู่นี่ แต่มึงอยู่ตรงไหน?] 09:21 AM

HAN - [ทำไม?] 09:21 AM

HAN - [มีอะไรหรือเปล่า คาร์ลอส?] 09:21 AM

คาร์ลอสอ่านแล้วได้แต่กำหมัดแน่น

กูควรเป็นคนถามคำนั้นหรือเปล่า?

HAN - [ส่งภาพ] 09:22 AM

ฮันส่งภาพป้ายบอกทาง ‘พอดที่ 5’ คาร์ลอสไม่รอช้า รีบวิ่งหาป้ายประจำพอดที่ 5 ทันที ขายาวก้าวไปได้ไม่นานก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นฟีโรโมนแสนคุ้นลอยแผ่ว และพบคนที่ทำให้ก้อนเนื้อในอกเต้นส่ำ เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“คาร์ลอส? มาที่นี่ทำไม...” เสียงของฮัน ไนท์ขาดห้วงเมื่อร่างกายถูกคว้าไปโอบรัดแน่น โอเมกาหนุ่มสัมผัสได้ถึงจังหวะที่กระเพื่อมของอกหนา ลมหายใจร้อนที่หอบแรงอยู่ข้างหู และเหงื่อชื้นจากฝ่ามือใหญ่

สายตาของเจ้าหน้าที่และเด็กน้อยอาบีมองมาอย่างงุนงง

“อะแฮ่ม...” เสียงของเจ้าหน้าที่ชายกระแอมไอ ทำให้คาร์ลอสยอมผละออก จับคนที่ผมเผ้ายุ่งเหยิงเหมือนคนเพิ่งตื่นพลิกไปมา

“มึงเป็นอะไร เจ็บตรงไหน ใครทำมึง”

“เราไม่ได้เป็นอะไร แม่ของน้องอาบีเผลอพลัดหลงกัน คุณแม่เขาลืมตัวเผลอขึ้นพอดไปก่อน ตอนนี้กำลังรอพอดขากลับเพื่อมารับน้อง” ฮันอธิบายอย่างใจเย็น คาร์ลอสหันไปหาเด็กน้อยผิวเข้มที่ยืนอยู่ข้างฮันตั้งนานแล้วแต่เพิ่งมองเห็น

[แฟนพี่เหรอคะ] เอฟอร์สของฮันแปลสิ่งที่อาบีพูด ฮันทำตาเหลือก รีบโบกมือไปมา

“ไม่ใช่นะครับ พะ เพื่อน!”

เจ้าหน้าที่อัลฟาได้ฟังดังนั้นก็ทำแค่ยืนกะพริบตาปริบ ภาพโอบกอดอย่างห่วงใยเมื่อกี้...เพื่อนก็เพื่อน ทั้งคู่ได้แต่ยืนมองหาพอดขากลับจากควีนส์ ซึ่งใช้เวลาประมาณสิบนาที อยากให้คุณแม่น้องอาบีรีบกลับมาได้แล้ว

“แล้วเอมิลี่ให้กูรีบมาหามึงทำไม” คาร์ลอสขมวดคิ้ว นี่มันเรื่องด่วนตรงไหน

“พี่เอมิลี่?” ฮันยืนงงงวย พลิกดูข้อมือบอกเวลา 09:23 AM และเห็นข้อความของไคลี่ที่ถามว่า คาร์ลอสไปถึงยัง?อาจารย์ขยายเวลาส่งให้อีกสิบนาที

ในตอนนั้นเองที่แสงแห่งความหวังเหมือนสาดเข้าหน้า ฮันรีบย่อตัวลงลาน้องอาบี

“พี่มีธุระด่วน คงต้องรีบไปแล้ว รอคุณแม่กับพี่ๆ เขาได้ไหมครับ” อาบีคอตกเมื่อได้ยินดังนั้น มองอัลฟาหน้าดุสองคนแล้วอยากร้องไห้ “น้องคงกลัวพวกคุณ พยายามยิ้มเข้าไว้นะครับ ผมต้องไปมหา’ลัยแล้ว”

ก่อนจะลุกขึ้น ฮันถอดแว่นตาแล้วสวมมันให้กับอาบี ฝุ่นเป็นอันตรายต่อเด็กง่ายกว่าผู้ใหญ่ เขาหันกลับมาหาคาร์ลอสที่ยืนงง

“นายมีรถใช่ไหม ไปส่งเราที่คณะหน่อยสิ เราต้องส่งงานเดดไลน์ 09:40”

“ทางนี้” คาร์ลอสวิ่งนำออกไป ฮันวิ่งตามด้วยความเร่งรีบ แต่ก่อนจะลับสายตา โอเมกาหนุ่มก็ยังเหลียวหลังกลับมาโบกมือให้เด็กน้อย เจ้าหน้าที่สองคนก็โบกมือลาให้เขาพร้อมรอยยิ้มแห้งๆ

ยังดีที่ไฮป์เที่ยวจากควีนส์มาถึงหลังจากฮันออกไปได้ไม่ถึงนาที

คาร์ลอสวิ่งนำมายังรถยนต์ที่จอดนิ่ง เจ้าของรถปลดล็อกมันด้วยเอฟอร์ส ฮันแอบชะงักเล็กน้อยตอนที่เห็นตัวรถสีดำสนิทเงาวับ เหมือนคันใหม่เอี่ยมที่ยังไม่เคยถูกใช้งาน เขาไม่มีเวลาให้คิดอะไร รีบกระโดดเข้าไปนั่งพร้อมกระเป๋าสะพาย และกระบอกเก็บแบบ

เจ้าของรถรีบเปิดระบบการทำงานแล้วออกตัวทันที

09:25 AM

“สิบนาที น่าจะทัน คาดเข็มขัด” คาร์ลอสบอก กดปุ่มคาดเข็มขัดให้คนข้างกาย ฮันเกร็งตัวแน่นเมื่ออัลฟาหนุ่มเหยียบคันเร่งมิด เขาหาที่จับแทบไม่ทัน

เมื่อสติเริ่มกลับมา ฮัน ไนท์เพิ่งจะมีโอกาสได้สำรวจรถยนต์ไฟฟ้าเบาะนุ่ม พื้นที่กว้างนั่งสบาย โลโก้ตัว R ที่ซ้อนกันสองตัวอยู่บนจอทำให้ฮันเบิกตากว้าง

“นี่มันโรลส์-รอยซ์[3]ไม่ใช่เหรอ!”

“แล้วมันทำไม?” คาร์ลอสเหลือบมองคนที่ทำหน้าเหลือเชื่อ “กูไม่ได้ขโมย”

“ของแบบนี้...มันขโมยได้ที่ไหนเล่า” ฮันยังตะลึงอยู่ มองไปรอบรถที่มีการดีไซน์ภายนอกให้คล้ายกับรุ่น 2022 Rolls-Royce Ghost Black Badge ในยุคก่อน เพราะการดีไซน์แบบนี้กำลังกลับมาฮิตอีกครั้ง แต่ภายในมีการอัพเกรดให้เป็นระบบใหม่ล่าสุด รถตระกูลนี้ไม่ใช่แค่มีเงินก็จะได้มา ส่วนใหญ่ต้องสั่งทำเป็นรายบุคคล เรื่องราคาคงไม่ต้องพูดถึง

ฮันกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ไม่กล้าแตะต้องตรงไหนเพราะกลัวจะทำให้มันเป็นรอยขีดข่วน ซึ่งคาร์ลอสก็สังเกตได้

“ชอบหรือไง” เสียงทุ้มเอ่ยถาม

“อื้ม เราชอบดูรถ” ฮันพยักหน้า “มีช่วงหนึ่งต้องวาดยานพาหนะ เราศึกษาเรื่องนี้จนติดการดูรถไปเลย แต่ไม่ค่อยรู้เรื่องสมรรถภาพมากหรอก แค่ดูการดีไซน์”

“ถ้าชอบก็เอาไป” คาร์ลอสเอ่ยปกติเหมือนแบ่งขนมให้เพื่อนตอนประถม ฮันเลิกคิ้วขึ้นในตอนแรกเพราะไม่เข้าใจ “ถ้ามึงชอบคันนี้ก็เอาไป กูไม่ได้ใช้อยู่แล้ว”

หา!?

 

αβΩ

 

“เฮ้อ...”
“โล่งอกไปทีนะ คิดว่าจะมาส่งไม่ทันแล้ว”

“อาจารย์ก็เกินไปไหม นี่มันสมัยไหนแล้ว ใครเขาส่งแผ่นจริงกัน”

“จริง แสกนความละเอียดสูงมันก็เห็นเท็กซ์เจอร์เหมือนกันนั่นแหละ” ไคลี่บ่นกระปอดกระแปดกับชิน

ฮันมาถึงคณะก่อนถึงเดดไลน์ห้านาที เพราะคาร์ลอสเหยียบให้เกือบ 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ลงจากรถมาก็ไม่มีเวลาให้หายปวดหัว รีบกดลิฟต์ไปชั้นห้าห้อง 501 เพื่อส่งงาน ฮันวิ่งหน้าตาตื่นเข้าไปก็เห็นว่าอาจารย์กำลังรวบใบงานแต่ละแผ่นให้เข้าที่เข้าทาง เขาได้แต่หัวเราะแหะๆ ดีที่อาจารย์ยังรับงานตามที่ขยายเวลาให้

ฮันเพิ่งรู้ว่าคาร์ลอสไปรับตัวเองที่สถานีไฮป์ได้ เพราะพี่เอมิลี่ได้ข่าวมาจากไคลี่อีกที เขาขอบคุณเพื่อนที่ช่วยเหลือ ขอโทษที่ทำให้ทุกคนต้องเดือดร้อนปั่นป่วนเพราะตัวเองเตรียมตัวก่อนออกจากห้องมาไม่ดีพอ รู้ว่าจะสายก็ไม่รีบตื่น รู้ว่าจะทำงานส่งไม่ทัน ก็ไม่รีบทำเสร็จให้เร็วกว่านี้

นอกจากเพื่อนจะไม่โกรธ ไม่ถือสา ไม่อะไรแล้ว เพื่อนยังเห็นใจ และเข้าใจว่าเป็นใครก็ต้องทำไม่ทัน ขนาดไคลี่กับชินที่เรียนวิชาหลักแค่ตัวเดียวก็แทบจะเดี้ยง แต่ฮันที่เรียนวิชาหลักสามตัวอย่างนี้ยิ่งแล้วใหญ่

โชคดีจริงๆ ที่มีเพื่อนรอบข้างดี

“นี่ดีนะ ฉันได้เบอร์เอมิลี่มาตั้งแต่ครั้งที่แล้ว ไม่งั้นก็ไม่รู้เลยว่าจะไปขอให้ใครช่วยได้ เพื่อนฝั่งเซคชั่นฉันมีแต่พวกหน้าเนื้อใจเสือกันทั้งนั้น”

“หน้าเนื้อ? เนื้ออะไร วากิว หรือฮันอู?” ชินถาม ไคลี่แทบจะแยกเขี้ยวใส่

ระหว่างทางเดินที่มีเพียงชินกับไคลี่ ฮันมองหาใครบางคนที่มาส่ง

“มองหาคาร์ลอสอะดิ กลับไปแล้ว” ไคลี่กระทุ้งศอกใส่เบาๆ พร้อมกับรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม

“สรุปยังไงไหนเล่า” ชินยืนกอดอกอย่างรอฟัง

“เล่าอะไร เรายังไม่ว่างเล่าหรอก ต้องดีลงานกับลูกค้าต่อ! อะไรล่ะ ก็เพื่อน! เพื่อนเก่าไง! ใช่ๆ คาร์ลอสเป็นเพื่อนเก่าเราตอนสมัยเกรด 1 น่ะ”

“โจเอลมันบอกฉันละ” ไคลี่เดินมาดักหน้า กอดอกท่าเดียวกับชิน “โซลเมทว่ะซั่นนนนนนนนนน”

“คู่แห่งโชคชะตาแล้วหนึ่ง” ชินว่าต่อ

เป็นฮันที่ได้แต่ยอม บอกว่าขอไปเคลียร์งานก่อนแล้วกัน ตอนเที่ยงเดี๋ยวเล่าอีกที ทั้งคู่ไม่ตื๊อต่อ แยกย้ายกันไปตามทางของตัวเอง รอให้ถึงช่วงพักไม่ไหว

ตามแผนที่วางไว้ ต่อไปต้องส่งดราฟต์แรกให้นูน่า 315 [KR]

11:00 AM - ดีลงานกับคุณปาท่องโก๋ [TH]

12:00 AM - ดีลงานกับคุณโซระ [JP]

ตัวย่อด้านหลังคือสัญชาติของแต่ละบุคคลที่เขาทำงานด้วย นอกจากจะเป็นนักศึกษามหา’ลัยแล้ว ฮันยังเป็นฟรีแลนซ์[4]รับวาดรูป ถ่ายภาพ ตัดต่อ หรือทำกราฟิกทั่วไป ซึ่งจะเปิดให้จ้างงานได้ผ่านเว็บไซต์ของเขาโดยตรง

ส่วนใหญ่แล้วฮันจะรับงานจากคนที่พูดภาษาอังกฤษ เกาหลี ไทย จีน หรือฝรั่งเศสได้เท่านั้น เพื่อการสื่อสารที่เข้าใจตรงกัน ไม่ให้งานคลาดเคลื่อนจากการแปลที่ผิดพลาดแม้จะน้อยนิดของเอฟอร์สก็ตาม

แล้วทำไมต้องเป็นห้าภาษานี้...ก็เพราะว่าเขาพูดได้ทั้งห้าภาษานี้ เห็นเป็นคนแบบนี้แต่เขาก็ปราดเปรื่องด้านสายศิลป์มาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องศิลปะหรือภาษา ฮันไม่เป็นสองรองใคร

หลังจากเหตุการณ์น้องอาบี ฮันก็คิดว่าบางทีเขาอาจจะต้องลงเรียนภาษาอาหรับเพิ่มหรือเปล่านะ...

เวลาทำงาน ทุกอย่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว ยิ่งเป็นช่วงที่มีแผนการทำงานติดๆ กันแบบนี้ ชั่วเวลาเดียวฮันก็คุยงานกับคุณโซระเสร็จเรียบร้อย

โอเมกาหนุ่มคอแห้งผาก ลุกขึ้นบิดขี้เกียจในห้องส่วนตัวที่แยกโซนจากหอสมุดกลางให้คุยงานได้ เก็บแล็ปท็อปเครื่องบาง กระชับกระเป๋าสะพายแล้วเดินออกจากห้องสมุด มาหยุดอยู่หน้าตู้กดน้ำ ต้องการอะไรหวานๆ เย็นๆ มาทำให้คอชุ่ม

ระหว่างที่ยืนเลือกน้ำ มันจะมีสิ่งที่น่าสนใจฉายขึ้นมาให้ดูบนจออยู่ตลอด ส่วนใหญ่จะเป็นโฆษณาหรือไม่ก็ข่าวด่วน

[เพื่อกระตุ้นชีวิตคู่ให้มีสีสัน น้ำหอมฟีโรโมนอัลฟาและโอเมกา...]

ฮันไม่ได้สนใจนักเพราะเห็นโฆษณาทำนองนี้บ่อยแล้ว เขายกข้อมือซ้ายที่มีเอฟอร์สแสกนชำระเงิน ขณะยืนรอให้เครื่องส่งขวดน้ำลงมา แม้จะไม่กี่วินาที กลับรู้สึกไม่มีอย่างอื่นให้ทำนอกจากต้องฟังเสียงที่ดึงดูดความสนใจ

[Breaking News: ยานวอยเอเจอร์ 1[5]ถูกส่งกลับโลกแล้ววันนี้ เมื่อเวลา 05:35 AM ที่ผ่านมา หลังจากถูกปล่อยขึ้นสู่อวกาศตั้งแต่ปี 1977 ขณะนี้ NASA กำลังเร่งตรวจสอบสิ่งที่ถูกส่งมาพร้อมกับตัวยาน คาดว่ามนุษย์ต่างดาวในกาแล็กซีที่ห่างออกไปเกินห้าปีแสง ส่งกลับมาเพื่อติดต่อสื่อสารกับสิ่งมีชีวิตในระยะจักรวาลที่ใกล้ที่สุดที่จะถูกค้นพบ และเราอาจไม่ใช่สิ่งมีชีวิตกลุ่มเดียวในจักรวาลนี้อีกต่อไป]

ฮัน ไนท์ยืนดูข่าวสั้นตาปริบๆ รับขวดน้ำที่ถูกยื่นออกมาให้ แต่สายตายังมองหน้าจอฮอโลแกรมที่เปลี่ยนเป็นโฆษณาใหม่ไปแล้ว เขายืนหัวฟู ทำหน้าเหมือนคนเมากาแฟ ในหัวอันว่างเปล่ามีเพียง

อย่างนี้ มนุษย์ต่างดาวอย่างกาโมร่าหรือเนบิวล่าจาก Avengers[6] ก็อาจจะมาที่โลกได้แล้วงั้นเหรอ...จะผิวสีอะไรกันนะ

 

αβΩ

 

“ที่จริงบ่ายนี้เรามีเคลียร์เทอมโปรเจ็กต์อยู่นะ”

“แล้วจะไปไหน เคลียร์ที่นี่ก็ได้ป่าว”

“ไป— ไปไหนดีนะ เฮ้อ...ก็ได้ ไปหาคาร์ลอส”

ให้ตาย...นึกไม่ทันเพื่อน

ฮันทำปากยู่ โบกมือไปมาเป็นการบอกให้เพื่อนหยุดทำหน้ากรุ้มกริ่มได้แล้ว ก่อนที่เขาจะไหลลงไปกองอยู่ใต้โต๊ะตัวนี้!

หลังจากกินมื้อเที่ยงเสร็จก็ไม่มีโอกาสให้บ่ายเบี่ยง หลีกเลี่ยงไม่เล่าเรื่องวันนั้นให้ไคลี่กับชินฟัง แต่ก็นั่นแหละ...หมดมุกจะหนี ฮันได้แต่บรรยายให้เพื่อนฟังว่าวันนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง

ก็วันนั้น...วันที่ทุกอย่างมันเกิดขึ้นพร้อมกัน วันที่คาร์ลอสรัทเป็นครั้งที่สอง วันที่เขาสลบจนพี่เอมิลี่ต้องหอบไปห้องพยาบาล วันที่หมอแมททิวบอกว่าพวกเขาทั้งคู่เป็นโซลเมทกัน วันที่ฮันไปห้องคาร์ลอสแล้วก็เกิดอาการฮีทกะทันหัน และเป็นวันที่โจเอลกับมาร์คขึ้นไปบุกรุกห้องของคาร์ลอสด้วย

ใช่...เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในวันเดียวกัน กว่าจะเล่าให้เพื่อนฟังจบก็ปาเข้าไปตอนบ่ายพอดี นึกว่าหนังใหญ่เต็มชั่วโมง ให้ตาย

ถึงเรื่องมันจะยาว แต่ฮันก็ไม่ได้เล่าลงลึกไปถึงตอนที่เขาฮีทและแทบจะสะดุดผ้านวมล้มหน้าเกือบจูบพื้นหรอกนะ

คนมันก็อายเป็นนะโว้ย

ถ้าเพื่อนรู้ว่าตัวเองฮีทในห้องของอัลฟาหน้าเลือด แถมยังเป็นคนเดียวกับที่เคยเกิดอาการรัทต่อหน้าเขาด้วยแล้วเนี่ย...ยิ่งแล้วใหญ่ น่าจะโดนแม่ไคลี่บ่นจนหูชา

เล่าจบก็ยังต้องมาตอบคำถามที่มากมายยิ่งกว่าสัมภาษณ์ดาราดัง ฮันคิดว่าเขาเข้าใจมาร์คกับโจเอลแล้ว ว่าทำไมเวลากลับจากการไปออกงานสังสรรค์ แม้จะมีแค่พูดคุยกับพบปะผู้คน แต่ทำไมถึงเหนื่อยเหมือนคนแบกปูนไปโบกตึกอย่างไรอย่างนั้น ใครจะรู้ว่าการตอบคำถามมันกินพลังงานชีวิตขนาดนี้

มีแจ้งเตือนข้อความใหม่เข้ามาจากคนที่หายไปตั้งแต่เช้า เป็นการตอบกลับจากที่ฮันถามไปเมื่อหลายชั่วโมงก่อนว่า

HAN - ออกมาเจอกันหน่อยได้ไหม อยากคุยด้วย

และอีกฝ่ายก็ตอบแค่ CARLOS - Cake for you Cafe

ร้านที่นัดเจอกันครั้งแรก แล้วก็ไม่ได้อะไรกลับไปเลยจากการคุยในครั้งนั้น มีแค่ฮันที่เข้าไปนั่งกินเค้กสองก้อนและน้ำปั่นหนึ่งแก้วจนอิ่ม

ไคลี่กับชินที่รู้ก็เริ่มแซวกันอีกระลอกใหญ่ แต่สุดท้ายก็ปล่อยให้ฮันไปตามนัดอย่างกับซัพพอร์เตอร์มืออาชีพ

อยากให้เพื่อนมีคู่กันจัง ทำไมไม่มีกันเองละวะ

ฮันไปถึงร้านก่อนเวลานัดสิบนาที แต่เห็นอัลฟาตัวสูงนั่งหัวโด่ที่โต๊ะตัวเดิมรออยู่แล้ว ไม่รู้ว่าเพราะผมสีบลอนด์สว่าง หรือเพราะสีผิวขาวซีดเสียจนสะท้อนแสงไฟของอีกฝ่ายกันแน่ ถึงทำให้ชายหนุ่มดูเหมือนมีออร่าหรือรังสีบางอย่างที่ดึงดูดสายตาได้ขนาดนี้ ก้าวเข้าไปใกล้ก็พบว่าบนโต๊ะมีเค้กและน้ำปั่นวาง

“โอ๊ะ ทำไมมาไวจัง” ฮันวางกระเป๋าก่อนนั่งตรงข้ามกัน “รอนานไหม”

“ไม่” คาร์ลอสตอบแค่นั้น หยิบแก้วน้ำเปล่าขึ้นจิบ

แล้วแก้วโกโก้ปั่นนี่ของใครล่ะ

“นี่...ของเราเหรอ” ฮันชี้ไปที่จานเค้กช็อกโกแลต เค้กโอรีโอ้ครีมชีส และแก้วโกโก้ปั่น พอเห็นสายตาที่มองมาเชิงถามว่า ถ้าไม่ใช่ของมึงแล้วจะเป็นของหมาที่ไหน ฮันถึงได้คลี่ยิ้มกว้าง “ขอบใจนะ”

“อือ”

“ขอบใจเรื่องเมื่อเช้าด้วย ถ้าไม่ได้คาร์ลอส เราคงไปส่งงานที่ห้องอาจารย์ไม่ทัน นี่เป็นวิชาเดียวเลยนะที่อาจารย์บังคับส่งชิ้นงานจริง” พูดจบประโยคหนึ่งฮันก็ดูดโกโก้ปั่นหนึ่งอึกก่อนว่าต่อ “ถ้าเราไม่ตื่นสาย ทุกอย่างคงไม่กระชั้นชิดแบบนี้ ถ้าลงสีเสร็จตั้งแต่เที่ยงคืน เราคงไม่นอนดึก เพราะเราแท้ๆ ทำให้ทุกคนต้องเป็นห่วง”

“มึงจะโทษตัวเองไปถึงเมื่อไร เรื่องเมื่อเช้า ถ้าไม่ใช่เพราะมีเด็กหลงกับแม่ มึงก็คงจะมาส่งงานทันเวลา ไม่ยุ่งยากกูแล้วไม่ใช่หรือไง”

“เพราะเราตัดสินใจที่จะอยู่เป็นเพื่อนน้องอาบี เลือกที่จะไม่ไปส่งงานดื้อๆ ถ้าเรามีวิธีที่ฉลาดกว่านี้—”

“หยุด” คาร์ลอสยกมือขึ้นมา ฮันถึงได้เงียบเสียงลง ดวงตาสีฟ้าอ่อนจ้องลึก เสียงทุ้มเอ่ย “หยุดโทษตัวเอง สิ่งที่มึงตัดสินใจมันไม่มีผิดถูก มึงเลือกที่จะอยู่กับเด็กหลงทาง ซึ่งในสายตาเด็กคนนั้น มันอาจจะเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ที่สุดที่เคยได้รับเลยก็ได้”

“...” ฮันฟังแล้วรู้สึกอุ่นซ่านไปทั้งหัวใจ เพราะเขาไม่เคยคิดเลย...

“มึงแค่โทรแจ้งเจ้าหน้าที่แล้วทิ้งเด็กคนนั้นให้รออยู่คนเดียวก็ยังได้ แต่มึงไม่ทำ ขนาดเจ้าหน้าที่มาถึงแล้วมึงก็ยังเลือกจะอยู่เป็นเพื่อนกับเด็กคนนั้นต่อ เพราะมึงรู้ว่าน้องเขาไม่สบายใจที่จะอยู่กับอัลฟาแปลกหน้าตามลำพัง มึงตัดสินใจเลือกชีวิตเด็กคนหนึ่ง และสิ่งนั้นอาจจะเป็นการกระทำที่มีค่ากว่าอะไรทั้งหมดเลยก็ได้ อย่าโทษตัวเองอีก เข้าใจไหม”

“นายเปลี่ยนไปเยอะมากรู้ตัวไหม คาร์ลอส” ฮันอมยิ้ม นิ้วปาดหางตา

“มีมนุษย์คนไหนไม่เปลี่ยนไปด้วย?”

ท้องฟ้ามืดครึ้มยิ่งกว่าตอนเช้า เมฆหมอกหนาปกคลุมไปทั่วบริเวณ

ตอนนี้เวลาเท่าไรแล้วนะ 05:25 PM ฝนใกล้ตกแล้วสิ

“สรุปแล้ว...จะเอายังไงดี” ฮันกินเค้กหมดไปก้อนหนึ่งถึงได้เอ่ยปาก “เรื่องของเรา เราไม่รู้จะต้องทำยังไง เราแค่ต้องการความชัดเจนในชีวิต ถ้านายอยากเป็นเพื่อน ก็ขอแค่บอกมา”

“...”

“แต่— แต่เพราะว่านายทำสิ่งที่เพื่อนเขาไม่น่าจะทำกัน เราเลยสับสนกับตัวเอง สรุปแล้วตอนนี้...เราเป็นอะไรกัน” ฮันเห็นว่าคาร์ลอสเงียบไป สายตาของอัลฟาหนุ่มเอาแต่จับจ้องไปที่โต๊ะไม้ ไม่มองหน้าเขา “หรือเราลองมาเปิดอกคุยกันตั้งแต่ตอนที่นายย้ายโรงเรียนไปดีไหม ทำความรู้จักกันมากขึ้น จากตอนที่ไม่ได้เจอกัน นายไปทำอะไรมาบ้าง ใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น สบายดีไหมมีความสุขหรือเปล่า”

“...”

“เราจะไม่ตัดสินนาย ไม่ว่าเรื่องที่ทำในอดีตมันจะแย่แค่ไหน” ฮัน ไนท์พยายามมองเข้าไปในดวงตาคู่ที่กำลังวูบไหว “เรารักและเป็นห่วงนายมากนะ ในฐานะเพื่อนคนหนึ่งก็ได้”

เสียงฝนตกเริ่มขึ้นแล้ว ฮันจำได้คร่าวๆ เมื่อเช้าเอฟอร์สรายงานว่าฝนอาจจะตกต่อเนื่องไปถึงประมาณสามทุ่ม

"ไม่ใช่ มันไม่ใช่...ความรัก" เสียงทุ้มฟังดูแหบพร่า "มันไม่เคยมี ไม่เคยเกิดขึ้นจริง"

"..." ฮันขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าสีหน้าอีกฝ่ายดูสับสน ใบหน้าคมปั้นยาก

"อย่าพูดอะไรไร้สาระ...ถ้าไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นจริง"

"คาร์ลอส" ฮันลุกขึ้นตามคนที่ลุกพรวดจากเก้าอี้ ฟีโรโมนอัลฟาแผ่ความรู้สึกอึดอัดอย่างน่าประหลาด

"อย่าทำเป็นหวังดี ถ้าที่จริงแล้วมันไม่ใช่" คาร์ลอสว่าจบก็หันหลังผลักประตูออกจากร้านโดยไม่แม้แต่มองหน้า แต่ครั้งนี้ฮันจะไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายวิ่งหนีอีกแล้ว

"แล้วการที่นายวิ่งหนี จะทำให้ทุกอย่างดีขึ้นเหรอ" ฝนห่าใหญ่ชะโลมร่างทันทีที่ก้าวขาตามออกไป ฮันกดกางร่มที่พกติดไว้ในกระเป๋ากางเกง "นายคิดจะหนี นายก็หนีไปดื้อๆ อย่างนี้น่ะเหรอ อยากจะทิ้งอะไรไว้ข้างหลัง ก็ทิ้งมันไปเลยงั้นเหรอ"

"..." คาร์ลอสหยุดเดิน เสื้อยืดสีขาวของอัลฟาตัวใหญ่เปียกชุ่ม มันแนบเนื้อจนเห็นสะบักหลังหนา

"เหมือนที่นายทิ้งเรา...นายทิ้งเราเหมือนทิ้งเสื้อไหมพรมตัวเก่าให้ถูกลืมอยู่ข้างเตียง" ฮันพูดทั้งน้ำตา เขาแยกไม่ออกแล้วระหว่างความชื้นจากเม็ดฝน กับน้ำตาที่รินไหล "พอกลับมาทำความสะอาด ถ้าไม่โยนเสื้อตัวนั้นทิ้งซะ ก็ควรจะเก็บมันขึ้นมาซักสักหน่อยไหม...แต่นายกลับไม่เลือกทำอะไรเลยสักอย่าง"

"..." ผมสีสว่างลู่ลงด้วยความเปียกชุ่ม คาร์ลอสยังคงยืนหันหลังนิ่ง

"นายทำความสะอาดของทุกชิ้น แต่ยังทิ้งเสื้อตัวนั้นไว้ที่เดิม นายเห็นเสื้อตัวนั้นทุกวัน นายเดินข้ามมันทุกวัน นายทำเหมือนกับว่าถ้าไม่สนใจเสียอย่าง เดี๋ยวเสื้อตัวนั้นก็จะหายไปเอง" ฮันว่าเสียงสะอึกสะอื้น คิดว่าคาร์ลอสคงไม่ได้ยินเพราะเสียงฝนกลบ หยาดฝนที่ตกแรงกระเซ็นมาโดนแขน ผิวของฮันเย็นเฉียบ

"..."

"นายอาจลืมไป...เราเป็นคน ไม่ใช่เสื้อไหมพรมหรือสิ่งของที่ไม่มีชีวิตจิตใจ" “นายบอกว่าการที่เราเลือกไม่ทิ้งน้องอาบี อาจเป็นการกระทำที่มีค่าที่สุดสำหรับเด็กคนหนึ่ง” มือเล็กมีร่มเพียงหนึ่งคัน มันกว้างเพียงพอสำหรับหนึ่งผู้ใช้ มนุษย์เกลียดฝนอย่างฮันจะกางมันเพื่อตัวเองเท่านั้นก็ได้ แต่เขาเลือกเดินไปข้างหน้าสามก้าว ให้รัศมีร่มบดบังอัลฟาตัวโตที่เปียกโชก

“แล้วการที่นายเลือกวิ่งหนีเราไปแบบนี้...มันก็ไม่ต่างอะไรกับการเลือกที่จะทิ้งเราแล้วหรือเปล่า”

 

TBC

เปียกปอนป่ะล่ะ เปียกแบบเปียกจริง เปียกโชกกกกก

- ได้ออกมานอกตึกสักทีนะหลายคนคงแบบ 200 ปีข้างหน้าไม่เห็นมีไรเลอะ ทำดามากแม่ ไม่มีไรพัฒนาไปจากเดิมเลยนิ ได้แต่ช้าก่อนสาว (ปางห้ามญาติ) ตอนนี้เซ็ตติ้งอยู่นอกห้องแร้วนะ ฝุ่นมลพิษยังมีเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือมนุษย์ต้องปรับตัว

- เดี๋ยวรวบรวมเพลงที่ใช้ประกอบในแต่ละตอนเป็นเพลลิสต์ให้นะ

- เพื่อนๆ รู้จักไฮเปอร์ลูป (Hyperloop) กันหรือยัง? ถ้ายัง มาทำความรู้จักยานพาหนะขนส่งที่เราอาจได้ใช้ในอนาคตอันใกล้นี้กัน! (จะได้ใช้ไหมไม่รู้ รู้แต่ว่ามันมาแน่)

ไฮเปอร์ลูป คือ ขบวนที่ใช้ในการขนส่งมีรูปร่างที่เรียกว่า พอต (Pod) เดินทางผ่านท่อสุญญากาศเพื่อลดแรงต้านทางระหว่างตัวพอตกับอากาศ ทำให้เกิดการเคลื่อนที่รวดเร็วยิ่งกว่ารถไฟความเร็วสูง ในระหว่างที่พอตนั้นเคลื่อนที่ภายในท่อจะลอยอยู่เหนือแม่เหล็กที่เรียกว่า แรงแม่เหล็ก (Magnetic Levitation) โดยที่ตัวพอตนั้นจะไม่สัมผัสกับส่วนใดๆ ภายในท่อเลย เคลื่อนที่ได้เร็วประมาณได้ 1200 กม./ชม. ซึ่งเร็วกว่าเครื่องบินในปัจจุบัน

แนวคิดไฮเปอร์ลูปในปัจจุบันนั้นมาจาก อีลอน มัสก์ (Elon Musk) ผู้เป็นเจ้าของบริษัทเทคโนโลยีที่ทันสมัยอย่างสเปซ เอ็กซ์ (Space X) ซึ่งเป็นบริษัทที่สามารถนำจรวดขนส่งในอวกาศกลับมาลงจอดบนพื้นโลกได้สำเร็จนั่นเอง

ซึ่งข้อดีที่เห็นได้ชัดของไฮเปอร์ลูปนั่นก็คือ เดินทางได้เร็วกว่าทุกการเดินทางที่มีในโลก ไม่ว่าจะเป็นรถไฟความเร็วสูงหรือเครื่องบิน ใช้เวลาน้อยกว่า เพราะเครื่องบินใช้ทรัพยากรและพลังงานที่มาก ค่าเดินทางสูง การจะเดินทางในแต่ละครั้งต้องดูสภาพอากาศที่แปรปรวน ซึ่งในอนาคตอากาศอาจแปรปรวนกว่านี้มาก ทำให้เวลาจะเดินทางโดยเครื่องบินแต่ละครั้ง ผู้คนมักเจอปัญหาเครื่องดีเลย์ ต้องรอให้สภาพอากาศเป็นปกติ ฯลฯ เป็นข้อถกเถียงกันอยู่ว่าถ้าทำได้สำเร็จ สิ่งนี้อาจมาแทนที่เครื่องบินเลยก็ว่าได้

ในปี 2020 ที่ผ่านมาก็มีการทดสอบให้มีคนเข้าไปนั่งแล้วจริงๆ ด้วยนะ หลังจากก่อนหน้านี้ที่ขนส่งแค่สิ่งของต่างๆ

ใครสนใจ ศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ด้านล่างนี้ได้เลย

V

เทสสำเร็จ! Hyperloop พร้อมคนนั่งจริง ครั้งแรกในโลก | LDA World

Hyperloop คืออะไร การปฏิวัติการคมนาคมแห่งอนาคตหรือแค่ขายฝัน?

 

- แกรนด์เซ็นทรัล เทอร์มินอล (Grand Central Terminal) เป็นศูนย์กลางการเดินทางที่สำคัญที่สุดของเมืองนิวยอร์ก และยังเป็นจุดเชื่อมต่อเครือข่ายเส้นทางรถไฟใต้ดินกับชุมทางรถไฟบนภาคพื้นดินไปยังเมืองต่างๆ ซึ่งตัวสถานีแห่งนี้ได้เปิดให้บริการครั้งแรกในปีพ.ศ. 2414 ทำให้ที่นี่กลายเป็นอีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมเดินทางกันมา เพื่อชมความอลังการของสถาปัตยกรรมที่เก่าแก่ แถมยังสามารถใช้เป็นเส้นทางในการเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองต่างๆ ได้อีกด้วย (Traveloka, 2019) ซึ่งในเรื่องขอใช้ชื่อสถานที่นี้ให้เป็นสถานีขนส่งไฮเปอร์ลูปแทน

 

- ยานวอยเอเจอร์ 1 เป็นยานสำรวจอวกาศ (space probe) แบบไร้คนขับซึ่งองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐหรือองค์การนาซาได้ทำการปล่อยขึ้นสู่อวกาศเมื่อวันที่ 5 กันยายน ค.ศ. 1977 ภายใต้โครงการวอยเอจเจอร์ ปัจจุบันยานปฏิบัติภารกิจในอวกาศเป็นเวลา 44 ปี 5 เดือน 14 วัน (ณ วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2022) คาดการณ์ว่ายานสำรวจ วอยเอจเจอร์ 1 จะยังสามารถทำภารกิจต่อไปได้จนถึงปี ค.ศ. 2025 หรือจนกว่าเครื่องกำเนิดไฟฟ้าด้วยความร้อนจากไอโซโทปรังสี (RTG) จะผลิตพลังงานไฟฟ้าได้ไม่เพียงพอต่อความต้องการของอุปกรณ์ภายในยาน และหลังจากนั้นยานจะลอยเคว้งคว้างเป็นวัตถุเร่ร่อนในอวกาศ (วิกิพีเดีย, 2021)

Voyager spacecraft.jpg

ศึกษาเพิ่มเติมได้จากคลิปนี้เลยค่ะ (ช่องนี้ดีมาก ใครสนใจเกี่ยวกับสเปซ เข้าไปฟังกันนะ)

รู้จักกับยาน Voyager สองยานอวกาศที่กำลังเดินทางออกนอกระบบสุริยะ - อวกาศน่ารู้

 

- Rolls Royce รุ่นในตอนนี้ที่คาร์ลอสขับมา จะมีลักษณะคล้ายรุ่น 2022 Rolls-Royce Ghost Black Badge ราคาปัจจุบันอยู่ที่ $443,000 (ประมาณ 16 ล้านบาท) ไม่ต้องไปเสิร์ชหาราคา เราหามาให้คุณแล้ว! รูปลักษณ์ภายนอกคล้ายกันเฉยๆ แต่ของคาร์ลอสเป็นรุ่นสั่งทำ ได้มาเป็นของขวัญงับ (มันต้องรวยขนาดไหน ฮึ้ ถึงให้รถเป็นของขวัญ)

2022 Rolls Royce Ghost Black Badge

อ่านประวัติรถตระกูล Roll Royce ได้ที่นี่ > ประวัติ Rolls Royce ยนตรกรรมแห่งความหรูหราจากเมืองผู้ดี

- เป็นตอนที่รีเสิร์ชเยอะพอสมควร ถ้าอัดแน่นเกินไปบอกได้ค่ะ แต่เราชอบมาก ค้นไปอ่านไปเพลินเลย สนุกกว่าตอนเขียนเนื้อหา คือการได้เสิร์ชหาข้อมูลแล้วเห็นสิ่งที่น่าสนใจใหม่ๆ นี่แหละ เราปิ๊งหลายไอเดียได้จากตอนนี้เลย

- เดินไปข้างหน้าด้วยกันนะ รับรองว่ามีสิ่งที่น่าสนใจในอนาคตรออยู่อีกเพียบ!

 

สามารถหวีด ร่วมพูดคุย แสดงความคิดเห็นผ่าน #IABOU

หรือเพื่อติดตามเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของนิยายเรื่องนี้ที่เราจะลงไว้ที่นั่นได้เลย!

เชิงอรรถ

  1. ^ ไฮเปอร์ลูป (Hyperloop) ขบวนที่ใช้ในการขนส่งมีรูปร่างที่เรียกว่า พอด (Pod) เดินทางผ่านท่อสุญญากาศเพื่อลดแรงต้านทางระหว่างตัวพอดกับอากาศ ระหว่างที่พอตเคลื่อนที่ภายในท่อจะลอยอยู่เหนือแม่เหล็กที่เรียกว่า แรงแม่เหล็ก (Magnetic Levitation) โดยที่ตัวพอตนั้นจะไม่สัมผัสกับส่วนใดๆ ภายในท่อเลย เคลื่อนที่เร็วประมาณ 1200 กม./ชม. ซึ่งเร็วกว่าเครื่องบินในปัจจุบัน
  2. ^ Ethereum (ETH) คือ สกุลเงินดิจิตอลสกุลหนึ่ง เป็น Cryptocurrency ทำงานด้วยระบบบล็อกเชนและยังเป็นเครือข่ายเปิด หรือ Open Source ด้วย
  3. ^ โรลส์-รอยซ์ (Rolls Royce) รถยนต์สัญชาติอังกฤษที่มีการออกแบบเน้นความหรูหรา มีประวัติศาสตร์อันยาวนานนับตั้งแต่ก่อตั้งเมื่อปีค.ศ. 1904 โดยชายชาวอังกฤษ 2 คน ชาร์ล โรลส์ (Charles Rolls) และเฟดริก เฮนรี่ รอยซ์ (Frederick Henry Royce)
  4. ^ ฟรีแลนซ์ (Freelance) ผู้มีอาชีพรับจ้างอิสระ ไม่ขึ้นตรงต่อหน่วยงานหรือองค์กร จัดตารางเวลาการทำงานของตนเองและรับเงินจากผู้ว่าจ้าง ซึ่งตกลงตามความพึงพอใจของทั้งสองฝ่าย
  5. ^ วอยเอเจอร์ 1 (Voyager 1) ยานสำรวจอวกาศไร้คนขับถูกปล่อยสู่อวกาศเมื่อ 5 กันยายน 1977 เชื่อว่าจะท่องไปในห้วงลึกของอวกาศโดยไม่ชนกับวัตถุใดๆ และไม่มีทางที่จะกู้คืนได้อีกแล้ว
  6. ^ อเวนเจอร์ส (Avengers) ชื่อทีมซุปเปอร์ฮีโร่ในภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์จากค่าย Marvel