Plz listen to this song for your อรรถรสในการอ่าน

Sufjan Stevens - Visions of Gideon

 

IV

สุนทรียศาสตร์กับความรัก

sds

Photo by Yulia Khvorostiana on Unsplash

  


 

I have loved you for the last time

Visions of Gideon, visions of Gideon

And I have kissed you for the last time

Visions of Gideon, visions of Gideon

For the love, for laughter, I flew up to your arms

Is it a video?

 

Is it a video?

 


 

 

เรื่องเผือกขอให้บอก (4)

JOSEPH - (เตะ CARLOS ออกจากกลุ่ม) 05:19 PM

JOSEPH - [ส่งรูป] 05:20 PM

JOSEPH - [ไหนมันบอกให้แก้ระบบพาร์ตเนอร์] 05:20 PM

JOSEPH - [ล่าสุด ไปนั่งเดตกันซะละ] 05:21 PM

EMILY - [รอบนี้ไม่ได้แดกกูหรอกค่ะ] 05:22 PM

LUCAS - [ตัดต่อเอาคอนเทนต์เหรอวะพี่] 05:23 PM

EMILY - [เฟคนิวส์ค่ะ] 05:23 PM

EMILY - [แต่เฮ้ย น่ารักจริง เอาดีๆ ใคร!!] 05:24 PM

JOSEPH - (AR 00:15) 05:26 PM

JOSEPH - [ดูเอาเอง] 05:26 PM

EMILY - [ตอนนี้มันอยู่ไหน] 05:27 PM

LUCAS - [อย่านะพี่] 05:28 PM

JOSEPH - [Cake for you Cafe @EMILY] 05:28 PM

EMILY - [:) ] 05:29 PM

JOSEPH - (ดึง CARLOS เข้ากลุ่ม) 05:30 PM

JOSEPH - [‘โทษทีว่ะ กดผิด] 05:30 PM

คาร์ลอสเหลือบตามองเอฟอร์ส 21 ของตัวเองที่มีข้อความเข้าจำนวนสามแจ้งเตือน ซึ่งแจ้งเตือนแรกห่างจากการแจ้งเตือนล่าสุดอยู่สิบเอ็ดนาที

JOSEPH - (เตะคุณออกจากกลุ่ม) 05:19 PM

JOSEPH - (ดึงคุณเข้ากลุ่ม) 05:30 PM

JOSEPH - [‘โทษทีว่ะ กดผิด] 05:30 PM

เขาละสายตาออกจากข้อมือตัวเองอย่างไม่สนใจนัก เพราะรู้ว่าปกติเวลาที่เพื่อนในกลุ่มจะนินทาเขา พวกมันก็จะทำกันแบบนี้ เขาทำเพียงหายใจเข้าออกอย่างคงที่ เพียงเท่านั้นก็ได้รับฟีโรโมนอื่นนอกจากกลิ่นชาคาโมมายล์ผสมน้ำผึ้งหอมๆ จากคนตรงข้าม ห่างออกไปไม่กี่โต๊ะทางด้านหลัง

ฟีโรโมนไอ้โจเซฟ

ฮันที่นั่งหันหน้ามองข้างกระจกร้านไม่รู้เรื่องไม่รู้ราว สัมผัสได้ถึงฟีโรโมนของคนตรงข้ามกันที่เปลี่ยนไป เจ้าตัวรีบหันหน้าไปมอง แต่ก็เห็นเพียงใบหน้าคมเรียบนิ่งพาให้เกร็งเหมือนเดิม

คุณเขาปล่อยฟีโรโมนเหมือน...หวงอาณาเขตยังไงอย่างนั้น

เป็นเพราะเรานั่งอยู่ตรงนี้นานเกินไปหรือเปล่านะ เขาเลยอึดอัด

ก่อนหน้านี้หลังจากที่รู้ว่าโจทย์งานในเทอมนี้คืออะไร เขาก็แทบจะกุมขมับ ตอนนี้ก็เลยนั่งคิดว่าสถานที่ที่จะต้องเลือกไปอีกที่หนึ่ง จะเลือกไปที่ไหนดี แม้จะไม่มั่นใจว่าอัลฟาตรงหน้าจะอยากทำงานกับเขาไหม

“ว่าแต่...ข้อสอบวิชาปรัชญาสมัยใหม่มันยากมากเลยเหรอครับ ทำไมคุณถึง...” สอบไม่ผ่าน

“...”

“ขอโทษที่เสียมารยาทนะครับ ผมแค่อยากรู้แนวทางในการเรียน”

“ก็แค่วิชาโลกสวย ไร้หลักการ พิสูจน์ตามหลักวิทยาศาสตร์ไม่ได้ ไม่มีผลลัพธ์ที่แน่นอน”

เป็นฮันที่เงียบไปแทน

เป็นคนพูดน้อย แต่พูดทีก็ตรงมาก หรือไม่ก็ทำเอาเสียหลักไปเลย

“คุณคงไม่ถนัดวิชาแบบนี้สินะ แต่ว่าในโจทย์มีให้ใช้หลักตรรกศาสตร์อยู่ คุณน่าจะทำส่วนนี้ได้ดี ส่วนผมจะช่วยฝั่งสุนทรียศาสตร์แล้วกันครับ” ฮันคลี่ยิ้มหวาน แต่เมื่อไม่เห็นอีกฝ่ายแสดงอาการใดๆ ก็หุบยิ้มลง “คุณอายุเท่าไรเหรอครับ อยู่ปี 3 แล้ว น่าจะ...22 หรือ 23 หรือเปล่าครับ?”

“20”

“?” ฮันเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ “ทำไม...อายุเท่าผมเลย”

“เข้ามหา’ลัยตั้งแต่ 17” เสียงทุ้มต่ำอธิบาย “ทุนจากรัฐบาล โครงการวิจัยฟิสิกส์วิทยาศาสตร์ระดับชาติ สาขาฟิสิกส์ควอนตัมระดับอนุภาค”

“เก่งจัง”

“...”

“เรียนหนักมากไหมครับ” ฮันมีสีหน้าเป็นห่วง เขาเริ่มเข้าใจว่าทำไมอีกคนถึงสอบไม่ผ่านวิชาปรัชญาสมัยใหม่เสียที คงเพราะทุ่มเทให้กับการเรียนสาขาของตัวเองมากกว่า และคงจะไม่ถนัดในสายศิลป์ “คุณคงจะเหนื่อยมากเลยสินะ”

“...”

ฮันประสานสายตากับดวงตาที่มองอยู่ก่อนหน้า คลี่ยิ้มกว้างแล้วพูดเสียงใส “พ่อแม่คุณต้องภูมิใจมากแน่”

“หุบปาก”

ทว่าสิ่งที่ออกมาจากปากของคาร์ลอสทำให้ฮันชะงัก รอยยิ้มกว้างบนใบหน้าค่อยๆ คลายลง เขาไม่รู้ว่าตัวเองพูดอะไรผิดไป

คนตัวสูงกว่าลุกพรวดออกไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ ทำให้ฮันที่เก็บของเข้ากระเป๋าแล้ววิ่งไล่หลังออกมาตามไม่ทัน

เป็นอะไรของเขา...เดาใจไม่ออกเลย

 

αβΩ

 

สามสัปดาห์ผ่านไป

การเรียนหนักขึ้นจากช่วงแรกเป็นเท่าตัว งานใหม่ผุดขึ้นมามากมายก่ายกองไม่ต่างจากดอกเห็ด ไหนจะชิ้นงานที่ต้องวาดส่งผ่านกระดาษเป็นกองพะเนินอยู่บนชั้นเก็บงาน

แม้ว่าสมัยนี้คนจะนิยมทำงานเอกสารกันแบบไร้กระดาษ และต่อให้จะเป็นงานวาดก็ไม่ต้องกังวลเพราะเดี๋ยวนี้มีกระดาษอิเล็กทรอนิกส์หลากหลายรูปแบบให้เลือกเพื่อช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อมได้ก็จริง

แต่เพราะเรียนเจาะจงในสาขาวิชาศิลปะ การวาดแบบดั้งเดิมจึงยังมีความจำเป็นในการเรียนเพื่อพัฒนาฝีมืออย่างรอบด้าน อีกทั้งเทรนด์ยุค 21 ก็กำลังกลับมา การทำอะไรที่ไม่ผ่านเอฟอร์สหรือระบบดิจิทัลจึงเป็นวิถีที่ดูคูลและเป็นที่นิยมมาก

งานเยอะจนหัวหมุน แทบจะไม่มีเวลาให้คิดอย่างอื่นนอกจากหาแรงบันดาลใจเพื่อวาดรูป แต่ทำไมกลับรู้สึกโหวงเหวงในใจอย่างบอกไม่ถูก

พู่กันหัวเล็กที่ถูกแต้มด้วยสีดำค้างเติ่งอยู่กลางอากาศ นิ้วเรียวยาวคีบมันด้วยนิ้วชี้และนิ้วกลาง นั่งเท้าคางอย่างเหม่อลอย จนปลายพู่กันแห้งกรัง แข็งทื่อ

“เฮ้อ...” ฮันถอนหายใจออกมาครั้งที่เท่าไรแล้วก็ไม่อาจทราบได้

เพื่อนที่กำลังใช้สมาธิในการทำงานถึงกับหันมามอง

ในห้องพักขนาดไม่ใหญ่นัก มีเพียงเตียงนอนเดี่ยว ห้องน้ำในตัว และโต๊ะตัวกว้างที่น่าจะเป็นเฟอร์นิเจอร์ชิ้นเดียวที่กินพื้นที่ในห้องมากที่สุด

ไม่ได้เลือกโต๊ะนี้มาเพื่อกินข้าวอย่างเดียวแต่อย่างใด แต่เพราะเป็นโต๊ะที่ออกแบบมาเพื่อใช้ทำงานศิลปะได้อย่างหลากหลายรูปแบบ โดยเฉพาะวาดรูปหรือสร้างงานศิลปะทุกชนิด เลือกปรับความสูง ความเอียง ความโค้งมนของขอบโต๊ะได้

ทั้งยังมีชั้นเก็บของและลิ้นชักด้านข้างเยอะ เอาไว้เก็บอุปกรณ์อย่างเป็นหมวดหมู่ สามารถเชื่อมต่อกับเอฟอร์สแล้วเลือกกระดาษอิเล็กทรอนิกส์ส่งเข้าจอภาพบนโต๊ะ แล้ววาดด้วย air pen ได้ จะใช้เป็นโต๊ะรองเขียนธรรมดา หรือจะเลือกเป็นระบบจอสัมผัสก็แล้วแต่ผู้ใช้งาน

โต๊ะนี้เหมาะกับนักวาด สถาปนิก หรือนักออกแบบทุกแขนง แต่ราคาก็แรงมากตามคุณภาพและฟังก์ชันที่หลากหลาย ดังนั้นถ้าให้เลือกระหว่างเจียดเงินไปซื้อของตกแต่งห้องสวยๆ หรือโต๊ะวาดรุ่นใหม่ล่าสุด ฮันขอเลือกโต๊ะวาดตัวใหญ่นี่ก็แล้วกัน ใช้งานพร้อมกันหลายคนได้ด้วย จะได้ชวนเพื่อนมานั่งทำงานด้วยกัน

“เป็นอะไรฮันนี่” ไคลี่กดย่อโปรแกรมสำหรับออกแบบห้อง ขยับเก้าอี้เลื่อนมาใกล้ “มีเรื่องอะไรหรือเปล่า ได้ยินเสียงถอนหายใจหลายรอบแล้วนะ”

วันนี้มีเพียงไคลี่ที่มานั่งทำงานที่ห้องเป็นเพื่อน ส่วนชินบอกว่าอยากนอนพักที่ห้องตัวเอง ปกติแล้วฮันจะชวนทั้งคู่มานั่งทำงานที่ห้องบ่อยๆ อยู่แล้ว อย่างน้อยๆ ก็สุดสัปดาห์ ตอนแรกเพื่อนก็เกรงว่าจะเป็นการรบกวน แต่เมื่อรู้ว่าฮันเป็นคนขี้เหงา อยากให้เพื่อนมานั่งทำงานด้วยกัน แม้จะไม่ใช่งานเดียวกัน แต่มานั่งเงียบๆ ทำงานด้วยกันก็ได้

สัปดาห์นี้ไคลี่ไม่มีธุระไปไหน ก็เลยได้มานั่งทำงาน คุยสัพเพเหระที่ห้องของฮัน เขาก็อยากไปทำงานที่ห้องเพื่อนบ้างเหมือนกันนะ แต่ไคลี่ไม่อยากให้ไปเพราะบอกว่าห้องรกมาก

ฮันยืดตัวขึ้นบิดขี้เกียจเล็กน้อย วางพู่กันลงบนจานสีข้างกระดาษที่ยังเก็บรายละเอียดไม่เสร็จ

“เปล่า...แค่เบื่อน่ะ” ไคลี่ทำหน้าเหมือนไม่เชื่อว่าเขาแค่เบื่อ “แล้วก็ เครียดเรื่องเทอมโปรเจ็กต์”

“วิชาปรัชญาสมัยใหม่?”

“อื้ม” ฮันนั่งเท้าคางอย่างเบื่อหน่าย

นั่นไง...พอสมองมันว่าง ก็เผลอคิดถึงใครบางคนขึ้นมาอีกแล้ว

โจทย์เทอมโปรเจ็กต์ในวิชานี้คือ ให้เชื่อมโยงสถานที่ที่ได้รับมอบหมายว่ามีความเกี่ยวข้องกับวิชาสุนทรียศาสตร์และตรรกศาสตร์อย่างไร ซึ่งต้องสื่อสารมันออกมาโดยใช้ทักษะวิชาของคณะที่ผู้เรียนเลือก

เขายังไม่เข้าใจโจทย์อยู่ดีว่ามันหมายความว่ายังไง คือต้องอธิบายว่าสถานที่ที่ไปก่อให้เกิดความสุนทรีอย่างไร แล้วไอ้ความสุนทรีที่เพิ่งจะเชื่อมโยงไปมีด้านไหนที่เกี่ยวข้องกับตรรกศาสตร์บ้างอีกทีน่ะเหรอ สื่อสารออกมาด้วยคณะสาขาของผู้เรียนต่ออีก คือต้องวาดรูปสถานที่ท่องเที่ยวที่สวิตเซอร์แลนด์ส่งเหรอ

สวิตเซอร์แลนด์ เป็นเสมือนแดนสวรรค์สำหรับผู้ที่รักธรรมชาติ เพราะยังเป็นประเทศที่สามารถอนุรักษ์ธรรมชาติให้กับสถานที่ท่องเที่ยวเอาไว้ได้ตั้งแต่ยุค 21

ฝันอยากไปเห็นธรรมชาติที่นั่นด้วยตาตัวเองสักครั้งในชีวิตมาตั้งนานแล้ว

สุนทรียศาสตร์สามารถเชื่อมโยงกับอะไรที่เป็นศิลปะได้ง่าย และเขาที่เรียนการออกแบบองค์รวมก็พอจะเห็นลู่ทางในการทำงานออก

แล้วคุณคาร์ลอสที่เรียนฟิสิกส์ควอนตัม ต้องทำอะไรส่งละ

นั่นไง...คิดเรื่องงานได้ไม่เท่าไร ก็นึกถึงเขาอีกแล้ว

“ยังไม่ได้คุยกับพาร์ตเนอร์เหรอ” เมื่อฮันส่ายหน้า ไคลี่ก็ขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ “ไหนขอดูข้อมูลพาร์ตเนอร์ของฮันนี่หน่อย”

ฮัน ไนท์เปิดเอฟอร์ส 20 ปิดโหมดแสดงเฉพาะเจ้าของเพื่อให้เพื่อนข้างกายได้เห็นด้วย ดึงมันออกมาจากข้อมือแล้วกดขยายจอ

ข้อมูลพาร์ตเนอร์ที่ถูกบันทึกในยูเอสเมล บอกเพียงนามสกุล ชื่อย่อ เพศ คณะสาขาที่เรียน และรูปภาพหน้าตาของพาร์ตเนอร์ ถ้าอยากรู้ข้อมูลมากกว่านี้ต้องกดส่งคำขอดูข้อมูลส่วนตัว

ซึ่งฮันกดส่งคำขอไปตั้งแต่สามสัปดาห์ที่แล้ว แต่ก็ยังไม่มีการตอบรับจากทางฝั่งนั้น ส่งอีเมลไปหาเท่าไรก็ไร้การตอบกลับจนท้อใจ

สรุปแล้วเขาไม่อยากทำงานกับเราจริงๆ สินะ

“พาร์ตเนอร์ของฮันนี่ชื่ออะไร เรียนอะไร เป็นใครมาจากไหน เล่ามาให้หมดเลย!” ไคลี่ที่เห็นแค่ใบหน้ามุมตรงของอัลฟาหนุ่มก็ถามรัว

“ชื่อ...คาร์ลอส”

“ชื่อคุ้นๆ แฮะ ว่าแต่เขาชื่อกลาง กับนามสกุลอะไรล่ะ”

“ชื่อกลางเหรอ”

ชื่อกลางมีความสำคัญมากสำหรับการระบุตัวตนที่ชัดเจน เพราะในปัจจุบันมีคนชื่อซ้ำกันนับไม่ถ้วน คนที่มีชื่อและนามสกุลเหมือนกันมีเยอะมาก ยิ่งในสหรัฐอเมริกาและอังกฤษที่คนสามารถเปลี่ยนชื่อและนามสกุลได้ไม่จำกัดครั้งยิ่งแล้วใหญ่ ดังนั้น ชื่อกลางที่ยังต้องได้รับการสืบทอดมาจากครอบครัวหรือบรรพบุรุษจึงเป็นสิ่งสำคัญเช่นเดียวกัน

“…เลียต โฮล์มส์

ฮันนึกถึงวันที่คาร์ลอสเดินไปขอเปลี่ยนพาร์ตเนอร์กับศาสตราจารย์ที่หน้าห้องบรรยาย และพูดอะไรบางอย่าง

ซึ่งตอนนั้นเขาได้ยินไม่ชัดนัก

ในวินาทีนั้นเองที่ชื่อหนึ่งในสมอง ผุดชัดเจนขึ้นจากความทรงจำที่ฝังลึก ชื่อหนึ่งที่จำได้ขึ้นใจแม้เวลาจะผ่านล่วงเลยไปนานขนาดไหน นานมากแล้ว

นานมากแล้วจริงๆ ที่ไม่ได้นึกถึง

มีเหตุการณ์ผ่านไปมากมายในช่วงสิบเอ็ดปีที่ผ่าน มันผ่านไปเร็วราวพริบตา มนุษย์ความจำสั้น ลืมง่าย แต่ถึงอย่างนั้น ชื่อนี้ก็ยังคงติดอยู่ในความทรงจำอันล้ำค่าเสมอมา

เพื่อนในวัยเด็กที่สนิทที่สุด

...คาร์ลอส เอลเลียต โฮล์มส์…

นายไปคุยอะไรกับคุณครูประจำชั้นมาเหรอ

“…เปล่า

เราตื่นเต้นที่จะได้ขึ้นเกรด 4 ไม่ไหวแล้ว แป๊บเดียวพวกเราก็จะจบเกรด 6 แล้วก็ขึ้นเกรด 7 แล้วก็จะจบเกรด 12 เวลาผ่านไปไวจังเลยเนอะ

“...”

ขึ้นเกรด 4...นายจะยังเรียนที่นี่อยู่ใช่ไหม

“...”

“...?”

ฮัน ชื่อนาย...มาจากภาษาอะไร

ภาษาเกาหลี ออมม่าเราเป็นคนเกาหลี แต่หน้าเราไม่เหมือนคนเอเชียเลยใช่ไหม ออมม่าบอกว่าเราได้ยีนส์หม่าม้ามาเยอะกว่า เราเหมือนหม่าม้ามากกว่าเหมือนออมม่า แต่เวลาถามหม่าม้า หม่าม้าจะบอกว่าเราหน้าเหมือนออมม่ามากกว่า หม่าม้าชอบชมว่าออมม่าเป็นคนที่สวยมาก สรุปแล้วเราก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเราหน้าตาเหมือนใครมากกว่า

แม่นาย ต้องสวยมากแน่

ช่าย ทั้งหม่าม้าและออมม่าเราสวยมาก

ฮันแปลว่าอะไร

แปลว่าหนึ่ง

“…”

อ้อ แล้วก็แปลว่าที่สิ้นสุดได้ด้วยนะ

"เรียกเราว่าซีแอล"

"...?"

Can I call you…”

“...”

“...my honey?

“...”

“and let me be your CL”

ไม่ต่างจากวิดีโอที่ถูกอัดเก็บเข้าสมองส่วนความจำ มันฉายขึ้นดั่งกดเล่น

ฮันรู้สึกมีความหวังอันล้นเปี่ยม

นายคือซีแอลของเราใช่ไหม

 

αβΩ

 

ถังขยะ

Knight, H. ส่งคำขอเพื่อเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ

3 สัปดาห์ที่ผ่านมา

Knight, H. (ข้อความ) เรามาเจอกันเพื่อคุยเรื่องโปรเจ็กต์ไหมครับว่าสรุปแล้วจะเอายังไงดี ผมอ่านข้อกำหนดและเงื่อนไขเรียบร้อยแล้ว ให้นักศึกษาเริ่มต้นเดินทางได้ตั้งแต่ต้นเดือนหน้า เราจะไปกันวันไหน แล้วอีกที่ที่ต้องเลือกเอง เราจะเลือกที่ไหนกันดีครับ

2 สัปดาห์ที่ผ่านมา

Knight, H. (ข้อความ) ถ้าคุณอ่านข้อความนี้แล้ว รบกวนตอบกลับหน่อยได้ไหมครับ

ผมยังรอคอยที่จะได้ทำงานร่วมกับคุณ

ด้วยความเคารพ

1 วันที่ผ่านมา

คาร์ลอสมองเอฟอร์ส 21 ที่วางแผ่อยู่บนโต๊ะด้วยสายตาเรียบนิ่ง อ่านข้อความที่ส่งมาตั้งแต่เมื่อวาน แล้วกดย้ายมันไปอยู่ในถังขยะ

ครบยี่สิบเอ็ดวันแล้วที่เขากักตัวเองอยู่ในห้องแล็บ ไม่ออกไปเรียนออนไซต์ที่ห้อง ไม่ออกไปเจอผู้คน เอาแต่หมกตัวอยู่กับเครื่องควอนตัมคอมพิวเตอร์

ไม่อยากยอมรับกับตัวเอง ว่ากำลังพยายามหลีกเลี่ยงที่จะได้เจอใครบางคนอยู่ เขาเอาแต่ทำงานชิ้นใหญ่ที่ได้รับมอบหมาย มันจำเป็นต้องใช้ทั้งความคิด แรงกาย แรงใจกว่าจะแก้ไขปัญหาแต่ละอย่างและพัฒนาระบบให้สมบูรณ์ได้

ถึงจะแก้ต่างให้ใจตัวเองว่ายุ่งนักหนา แต่ไม่วายยังนึกถึงเรื่องอื่นอยู่ตลอด ซึ่งมันกวนใจและทำลายระบบการทำงานของเขาเป็นอย่างมาก

“นี่มึงจะไม่ออกไปหาอะไรกินกับพวกกูจริงนะ?” เสียงของเอมิลี่ดึงสติที่เหม่อลอยของคาร์ลอสกลับคืนมา

“ไม่”

โจเซฟยืนพิงขอบโต๊ะ กอดอกมองเพื่อนที่หมกตัวอยู่ในแล็บทั้งวันทั้งคืน ไม่ยอมออกไปรับลมหรือแสงแดดมาเกือบเดือน กิน นอน ใช้ชีวิตอยู่ในนี้จนสภาพซีดเซียวคล้ายแวมไพร์ ตำนานสุดฮิตในช่วงยุค 19 - 21

ปกติก็จะเห็นเพื่อนตัวดีตั้งใจทำงานอยู่ในห้องแล็บตลอดเวลาอยู่แล้ว รู้อยู่ว่าเพื่อนเป็นคนจริงจังตั้งใจในเป้าหมายมาก ทว่าครั้งนี้ดูจะผิดแปลกไปเล็กน้อย

ไม่ใช่แค่ไม่ออกจากห้องหรือทำงานหามรุ่งหามค่ำอย่างเดียว แต่บางช่วงก็แอบเห็นเพื่อนตัวซีดดูเหม่อลอย นั่งจ้องจอนิ่งเงียบเหมือนคนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

และโจเซฟมั่นใจว่าความผิดปกตินี้ไม่ใช่แค่ตนเองที่สังเกตได้

“บ่ายนี้ก็จะไม่ไปเรียนที่ห้องด้วย?” โจเซฟถาม ย้ำชื่อวิชาที่ดูเหมือนว่าเพื่อนอัลฟาคนนี้จะดูหลีกเลี่ยงการเข้าเรียนมากที่สุด “วิชาปรัชญาสมัยใหม่”

“ไม่” คาร์ลอสยังย้ำคำตอบเดิม ซ้ำยังหันไปทำอะไรสักอย่าง ทำทีเหมือนไม่สนใจนัก แม้ว่าเพื่อนจะโน้มน้าวอยากให้ออกไปข้างนอกมากแค่ไหนก็ตาม

เอมิลี่ที่เพิ่งรวบผมสีน้ำเงินให้เป็นทรงสูงอยู่หน้ากระจกเสร็จ เดินมายืนค้ำหัวข้างเพื่อนอัลฟาตายด้าน

“กูบอกเลยนะว่าถ้าเทอมนี้มึงยังสอบไม่ผ่านอีก เทอมหน้ามึงตายแน่ งานจะเยอะกว่านี้อีกเท่าตัว”

“แล้ว?”

เอมิลี่เม้มปากแน่น ชักจะทนความไม่สนโลกของเพื่อนคนนี้ไม่ไหวแล้ว “มึงไม่อยากเรียนจบ?”

“แค่เพราะวิชานั้นวิชาเดียว ไม่ทำให้กูเรียนไม่จบ”

“นี่มึงกำลังพยามหลบหน้าโอเมกาคนนั้นอยู่สินะ”

โจเซฟแอบสะดุ้งเมื่อสายตาคมเฉี่ยวตวัดมามองเมื่อได้ยินเอมิลี่พูดประโยคนั้นจบ

คาร์ลอสรู้ได้ทันทีว่าโจเซฟบอกเพื่อนทั้งกลุ่มแล้วเรียบร้อย

“หึ” ริมฝีปากที่ถูกแต้มอย่างดีด้วยลิปสติกสีแดงเบอร์กันดียกยิ้มร้าย ยืดตัวตรงในเสื้อแจ็กเก็ตสีดำ ขายาวในกางเกงหนังและรองเท้าบูธสีดำคู่ใหญ่เหยียดตรง ดูสง่างาม แต่ก็ดูชั่วร้ายในคราวเดียว ก่อนจะกอดอกอย่างเป็นภาพที่คนในกลุ่มรู้กัน ว่าถ้าผู้หญิงคนนี้ทำท่าทางนี้ มันหมายความว่ากำลังจะมีเรื่องเกิดขึ้น

เอมิลี่แอบเห็นเพื่อนอัลฟาตัวโตกลืนน้ำลายจนลูกกระเดือกขยับ นั่นยิ่งทำให้เธอส่งเสียงหัวเราะในลำคออย่างห้ามไม่ได้

น่าสนุกจริง

“ถ้ามึงไม่เข้าเรียน กูก็จะเข้าเรียนแทนมึง เป็นไง?” เอมิลี่หันไปทางโจเซฟและลูคัสที่ยืนกะพริบตาปริบๆ “พวกมึงก็ต้องไปกับกู”

“เรื่องของมึง”

 

αβΩ

 

“วันพรุ่งนี้ก็จะเป็นวันแรกที่เริ่มยื่นเรื่องขอเดินทางกับมหา’ลัยได้แล้ว มีใครติดปัญหาหรือมีข้อสงสัยอะไรไหมครับ”

“ถ้า 1 สัปดาห์ไม่พอ ขออยู่ต่อได้ไหมคะ”

“มหา’ลัยให้งบสถานที่ละเจ็ดวัน หกคืนเท่านั้นครับ สำหรับที่พักและค่าอาหารสามมื้อต่อวัน นอกเหนือจากนี้ถามว่ายังอยู่ต่อได้ไหม...ก็ได้นะครับ แต่ว่านักศึกษาต้องออกค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด”

“ที่พักแยกห้องกันใช่ไหมครับ”

“แน่นอนอยู่แล้วครับ” ศาสตราจารย์ตอบ “แต่ถ้าใครอยากเอางบที่พักไปใช้อย่างอื่น จะนอนห้องเดียวกันก็ได้นะ แต่สงวนสิทธิ์ให้เฉพาะคู่ที่มีเพศหลักและเพศรองตรงกันเท่านั้นนะครับ ส่งยื่นความยินยอมเข้าระบบมาได้เลย”

“อะไรอ่า” ไคลี่โอดครวญเบาๆ เมื่อได้ยินดังนั้น ทำหน้าเสียดายอย่างขบขัน “นึกว่าจะได้นอนห้องเดียวกับพี่สาวสุดสวยซะแล้ว”

“ต่อให้จะเลือกนอนห้องเดียวกันได้ทุกเพศ พี่เขาก็คงไม่ยอมนอนห้องเดียวกับไคลี่อยู่แล้วหรือเปล่า?”

“ชิน!แกจะพูดให้ฉันเจ็บใจเล่นทำไมเล่า” ไคลี่ขมวดคิ้ว แล้วก็นั่งหน้าหงอ เบะปากเมื่อนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ก่อน

สัปดาห์ที่แล้วไคลี่เพิ่งจะไปขอพาร์ตเนอร์ของตัวเองเดต แต่ก็ได้รับคำปฏิเสธมาอย่างชัดเจน พร้อมกับบอกว่าไคลี่ไม่ใช่ไทป์ของเธอ

มันไม่เกี่ยวกับสวยไม่สวย เพราะเธอก็สวย แต่ว่า...

แต่ว่าอะไรละคะพี่

พี่ชอบผู้หญิงหวานๆ น่ะ

“นี่ฉันยังหวานไม่พอหรือไงเล่า!” ไคลี่เปิดกระจกมองสภาพตัวเองที่พยายามปรับการแต่งตัวให้ดูเหมือนคนที่เรียกว่า...สาวหวาน

ซึ่งสาวหวานที่ไคลี่คิดว่าใช่คือเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีชมพูนู้ดตัวโคร่ง มาพร้อมกับกระโปรงขาสั้นสีเอิร์ธโทน รองเท้าบูธกับถุงเท้านุ่มฟูสะดุดตาคู่ใหญ่ สูงถึงครึ่งข้อสี off-white เครื่องประดับจากที่ปกติใส่เต็มทั้งข้อมือ นิ้ว คอ ใบหูก็เหลือแค่ประปรายบางส่วนเท่านั้น

ใบหน้าและทรงผมก็ปรับใหม่ จากที่ปกติผมสีน้ำตาลแดงธรรมชาติจะปล่อยผมยาวและไม่ได้เซตอะไร ก็ตัดซอยและย้อมใหม่ ไม่รู้ว่าสาวหวานบ้านไหนที่ย้อมผมสีแดงไฮไลท์อยู่กลางหัว

ใช่ ไคลี่ไฮไลท์ผมแดงกลางหัว ทั้งฮันและชินที่เห็นครั้งแรกถึงกับงง

“ก็บอกช่างว่าเอาให้เหมือนลุคที่แต่งไปวันนั้น”

“แล้ววันนั้นเธอแต่งตัวแบบไหน” ชินขมวดคิ้วมุ่น

“เสื้อยืดสีดำแขนยาว ทับด้วยเสื้อยืดแขนสั้นสีขาว แล้ววันนั้นฉันใส่กระโปรงไปด้วยนะ หวานสุดๆ!”

“กระโปรงแบบไหน รองเท้าอะไร อธิบายมาให้หมด”

“กระโปรงสั้นลายสก็อตสีแดง กับรองเท้าบูธครึ่งข้อ”

ฮันเผลอเม้มปากเพราะกลัวว่าตัวเองจะหลุดขำ แต่นั่นก็ไม่สามารถหลุดลอดสายตาของหญิงสาวหนึ่งเดียวในกลุ่มไปได้

“อะไร! ฉันอุตส่าห์ใส่กระโปรงเลยนะโว้ย” ไคลี่ทำหน้ามุ่ย นั่งเท้าคางแล้วมองไปยังพาร์ตเนอร์ของตนที่นั่งอยู่ด้านหน้าห้อง โอเมกาหญิงสุดสวยที่ไคลี่หมายถึง

“เป็นตัวของตัวเองก็ดีแล้วไคลี่ ถ้าพี่เขาจะชอบ ไม่ว่าไคลี่จะเป็นแบบไหนเขาก็ชอบอยู่แล้ว”

“ฮันนี่กำลังจะบอกว่าต่อให้เราจะทำอะไรพี่เขาก็ไม่ชอบเราอยู่แล้วใช่ไหม”

“เฮ้ย ไม่ใช่ ไม่ได้หมายถึงแบบนั้น อือ...คือถ้าคนมันจะใช่ ไม่ต้องพยายามสุดท้ายแล้วมันก็ใช่อยู่ดี เข้าใจที่เราจะสื่อไหม”

สุดท้ายแล้วไคลี่ก็ได้แต่นั่งร้องไห้ทิพย์และยอมรับความจริง กระทั่งจบคาบ

คนเริ่มทยอยเดินออกจากห้องไป เหมือนเป็นภาพวนลูป ที่ฮัน ไนท์จะต้องมองหาใครสักคนในห้องบรรยาย แล้วก็ต้องเดินคอตกกลับไปเป็นสัปดาห์ที่สี่ ทว่ากลิ่นฟีโรโมนอัลฟาเข้มข้นที่ลอยมาใกล้ ทำให้เขาที่กำลังเก็บของลงกระเป๋าต้องเงยหน้าขึ้นมอง

“’ไงครับ”

ฮันเห็นโจเซฟที่ยืนยกมือให้ ชายอัลฟาที่เข้ามาทักเขาอย่างเป็นมิตรในวันนั้น แต่วันนี้ไม่ได้มาคนเดียว

ข้างกันมีผู้ชายอัลฟาอีกคนที่หน้าตาดีและดูเป็นมิตรไม่ต่างกัน และผู้หญิงอัลฟาตัวสูงที่สะดุดด้วยผมสีน้ำเงินโทนสว่าง จังหวะที่ฮันหันไปมองหน้า เธอก็คีบแว่นตาสีทึบออกด้วยท่วงท่าน่ามอง

“ไฮ~ โอเมกาของไอ้คาร์ล”

“อะไรนะครับ?” ฮันไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอพูด

“อยากรู้จริงว่านายทำยังไง ไอ้คาร์ลอสถึงได้—”

“นี่ใครอะฮันนี่” ในตอนนั้นเอง ไคลี่ที่เพิ่งไปเข้าห้องน้ำกลับมาก็ถามขึ้น เรียกให้สามคนตรงหน้าของฮันหันกลับไป

ดวงตาสีเลือดนกของไคลี่ไปหยุดอยู่ที่ผู้หญิงอัลฟาที่สูงพอๆ กันกับตัวเอง และอีกฝ่ายก็ดูเหมือนจะชะงักไปเช่นกัน

ก่อนที่ดวงตาคมเฉี่ยวของเอมิลี่จะมองไล่ตั้งแต่หัวจรดเท้า พาเอาคนที่ถูกมองขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ

“หึ” เอมิลี่ทำเพียงส่งเสียงในลำคอและกระตุกยิ้ม และนั่นยิ่งทำให้ไคลี่คิดว่าตัวเองกำลังโดนเหยียดหยามทางสายตา เธอเชิดหน้าขึ้นและพูด

“มองอะไรไม่ทราบ”

“แต่งตัวน่ารักดี”

“...”

“เอ๊ะ?”

ไม่ใช่เสียงแปลกใจของไคลี่ แต่เป็นของอัลฟาชายอีกสองคน ฮัน และชินที่สังเกตเหตุการณ์อยู่ห่างๆ เผลอพูดออกมาพร้อมกันต่างหาก

งงมากแม่...ศัพท์สแลงยุค 21 ต้องใช้ในสถานการณ์แบบนี้สินะ

ไคลี่ขมวดคิ้วมองอัลฟาหญิงที่แต่งชุดหนังสีดำแขนขายาวทั้งตัว แต่เสื้อแจ็กเก็ตนั้นดันเปิดกระดุมแหวกออกเล็กน้อย เผยเนินหน้าอกอวบอิ่มให้เห็น ยิ่งเจ้าของยืดตัวตรงและยกแขนขึ้นกอดอก ก็เหมือนจะยิ่งเน้นอวดสรีระน่าชม

เอมิลี่สังเกตเห็นว่าหญิงสาวตรงหน้ากำลังจับจ้องอะไรอยู่ นั่นยิ่งทำให้เธอยกยิ้มกว้าง

น่าสนใจ

“เอาไว้ก่อนแล้วกัน ฉันขอคุยกับหมอนี่ก่อน” เอมิลี่หันหน้ากลับมาหาหนุ่มหน้าหวานที่กำลังทำหน้าเด๋อด๋า

“คุณหมายถึงผมเหรอครับ?”

“เธอเป็นพาร์ตเนอร์ไอ้คาร์ลอสหรือเปล่าล่ะ”

“สรุปพี่รู้ยังว่ากลิ่นอะไร” ลูคัสหันไปถามคนข้างกาย

“กลิ่นดอกไม้” โจเซฟตอบ

“รู้แล้วว่าดอกไม้ แต่ดอกอะไรเล่า”

“เดี๋ยวๆ นี่พวกเธอต้องการอะไรจากฮันนี่ของเราไม่ทราบ มาพูดจาแบบนี้ มันเหมือนคุกคามกันเลยนะ!” ไคลี่เข้ามาดึงตัวฮันให้ออกจากวงอัลฟา ที่แต่ละคนท่าทางดูไม่น่าไว้ใจเลยสักนิด

“ฮันนี่? ของเธอ?” เอมิลี่เลิกคิ้ว ก่อนจะเอียงคอมอง “แล้วที่เธอจ้องนมฉันเมื่อกี้ไม่เรียกคุกคามเหรอ?”

“เดี๋ยวนะ!!” ไคลี่หน้าแดงก่ำ “ขอโทษ แต่คนมันไม่ได้ตั้งใจมองนะ!”

“ไม่ได้ตั้งใจมองหน้า?”

“ไม่ได้ตั้งใจมองหน้าอกเธอต่างหาก!”

“เอมิลี่ หยุดแกล้งคนอื่นได้แล้ว” เป็นโจเซฟที่ปรามเพื่อนสาวไว้ “อยากมาเจอฮันไม่ใช่หรือไง”

ในตอนนั้นเองที่เจ้าของชื่อสะดุ้ง

“’โทษทีครับ ลืมแนะนำตัว ผมลูคัส นี่พี่โจเซฟ ส่วนนี่พี่เอมิลี่” เป็นลูคัสที่รีบแนะนำตัว เพื่อไม่ให้สถานการณ์มันกระอักกระอ่วนไปมากกว่านี้ “พวกเราแค่อยากมาเจอคุณ”

“เจอผม? ทำไมเหรอครับ”

ยังไม่ทันได้เริ่มคุย โจเซฟก็บอกว่าออกไปหาที่นั่งคุยกันดีๆ จะดีกว่า ชินที่เห็นว่าไม่ใช่ธุระกงการอะไรของตัวเองก็ขอตัวกลับก่อน ส่วนไคลี่ที่จะไม่ปล่อยให้เพื่อนตัวเล็กไปกับอัลฟาแก๊งนี้ตามลำพังอย่างแน่นอน ดึงดันจะตามไปด้วยกัน

สุดท้ายก็พากันมาลงหลักอยู่ที่คาเฟ่ในคณะวิทยาศาสตร์

“ชื่อฮันนี่เหรอ เธอน่ะ”

“เปล่าครับ ผมชื่อ ฮัน ไนท์ คุณเอมิลี่สินะครับ”

“ฉันกับโจเซฟอายุ 21 ไม่ต้องเรียกคุณก็ได้ ส่วนลูคัสอยู่ปี 1 เหมือนกับนายแต่อายุ 18” หญิงผมน้ำเงินพูดด้วยสำเนียงน่าฟัง ท่าทางก็ดูเท่มากด้วย ฮันเผลอมองเธอเพลิน “ถึงตาพวกเธอแนะนำตัวแล้ว”

“ผมฮัน ไนท์ครับ แต่เรียกฮันเฉยๆ เถอะ ส่วนนี่เพื่อนผมไคลี่ อยู่เอกสถาปัตยกรรมและการตกแต่งภายใน ส่วนผมเรียนเอกศิลปะและกลยุทธ์การออกแบบ อยู่ปี 1 ครับ” ฮันพูดด้วยน้ำเสียงน่าฟัง ส่วนไคลี่เอาแต่นั่งกอดอกนิ่งเงียบ ไม่พูดไม่จา

“ตอนนี้นายน่าจะสงสัยว่าพวกเราเป็นใคร” โจเซฟพูดด้วยรอยยิ้ม “พวกเราเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกับคาร์ลอสน่ะ”

“คุณ— ผมหมายถึง...คาร์ลอส ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนเหรอครับ” ฮันที่ได้ยินชื่อของใครบางคนที่ไม่ได้เจอหน้ามาเกือบเดือนก็รีบถามด้วยความอยากรู้ “ผมเป็นพาร์ตเนอร์กับเขา คือว่าผมติดต่อเขาไม่ได้เลย ข้อมูลส่วนตัวเขาก็ไม่ยอมกดความยินยอมให้เข้าถึง เราต้องเราเริ่มทำงานวิชาปรัชญาสมัยใหม่ด้วยกันแล้ว แต่ว่า...”

ฮันหลุบสายตาลงมองมือตัวเอง

“ไอ้เฮงซวยนี่” เอมิลี่พูดขึ้นมาไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย แถมยังทุบโต๊ะดังปัง “มันทำอย่างนี้กับเธอเหรอ ไอ้คาร์ลอส ฉันจะไปลากหัวมันมาเอง อย่ากังวลไปเลยนะ”

บอกตามตรง เพื่อนสนิทอย่างโจเซฟกับลูคัสที่ทำงานมาด้วยกันเป็นปีๆ ยังไม่เข้าใจอารมณ์ของผู้หญิงคนนี้เลย ตอนที่ได้ยินคำด่านั่นก็คิดว่าจะมีเรื่องซะแล้ว แต่พอได้ยินประโยคนุ่มนวลตามมา พร้อมด้วยสายตาอ่อนโยนมองไปยังโอเมกาหนึ่งเดียวในโต๊ะ ก็ถึงกับร้อง WHAT ในหัว

“ขอบคุณนะครับพี่เอมิลี่” ฮันยิ้มกว้างอย่างมีความหวัง

“อยากไปเจอมันตอนนี้เลยไหม” เอมิลี่ถาม ก่อนจะมองไปยังอัลฟาหญิงข้างๆ “ขอยืมฮันนี่ของเธอสักวัน คงไม่เป็นไรหรอกนะ”

“ไม่ได้ ฉันจะไปด้วย” ไคลี่ว่าเสียงเข้ม ทว่าเมื่อเห็นดวงตาสีใสราวกับผืนน้ำสะท้อนจ้องมา บวกกับฟีโรโมนกลิ่นที่ตีเข้าโสตประสาทรับความรู้สึก ไคลี่ก็อ่อนลง

ฟีโรโมนของเอมิลี่ทำให้เธอขนอ่อนลุกชันอย่างห้ามไม่ได้ มันไม่ได้ขู่ให้กลัวจนหัวหด หากแต่ทำให้สะดุดจำต้องหยุดชะงัก อึดอัด หายใจติดขัด คล้ายกับหยอกเย้า ยั่วยวน ชวนให้คลั่ง

ยิ่งริมฝีปากกระจับสีแดงเบอร์กันดีนั้นยกยิ้มขึ้น ไคลี่ก็เหมือนคนลืมหายใจไปชั่วขณะ

บ้าจริง ไม่เคยมีใครทำให้รู้สึกแบบนี้มาก่อน

“ฮันนี่ของเธอจะไม่เป็นอันตรายแน่นอน ฉันรับประกัน”

 

αβΩ

 

EMILY - [ยังอยู่แล็บ?]

EMILY - [เดี๋ยวเอาของกินเข้าไปให้]

คาร์ลอสเหลือบมองข้อมือตัวเองที่มีข้อความใหม่สองรายการ เขาหมุนคอไปมาเพื่อคลายความเมื่อยขบจากท่านอนฟุบโต๊ะเป็นเวลานาน ก่อนจะหันกลับไปพิมพ์อะไรบางอย่างที่พยายามแก้อยู่นานแต่ก็ยังไม่สำเร็จ

กรุณารอการเชื่อมต่อสักครู่

การเชื่อมต่อไม่ผ่าน

การเชื่อมต่อไม่ผ่าน

กรุณาเชื่อมต่อใหม่อีกครั้ง

คาร์ลอสถอนหายใจ นั่งนิ่งอยู่สักพักเพื่อคิดหาวิธีใหม่ เขานั่งดูข้อมูลงานวิจัยของนักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์ สาขาฟิสิกส์ในปีการศึกษานี้ของกลุ่มอื่นไปพลาง

กลุ่ม Alpha-dop: ระบบพยากรณ์ภัยธรรมชาติ ระยะเวลา 100 ปีข้างหน้า - สำเร็จ 98.5%

กลุ่ม U1973: ระบบควบคุมความทรงจำผู้ป่วยอัลไซเมอร์ - สำเร็จ 99.98%

กลุ่ม The1-A: ระบบรับความรู้สึก MR ใน Metaverse ขั้นที่ 4 - สำเร็จ 91.68%

กลุ่ม S-4685: ระบบป้องกันความปลอดภัยส่วนบุคคล - สำเร็จ 99.89%

กลุ่ม Gofyourself: ระบบจับคู่พาร์ตเนอร์ - สำเร็จ 99.99%

กลุ่ม Quan-T: ระบบคำนวนจุดสิ้นสุดของจักรวาล - สำเร็จ 82%

กลุ่ม QTM1: ระบบสื่อสารกับสิ่งมีชีวิตนอกโลก - สำเร็จ 85%

และมาหยุดอยู่ที่หน้าข้อมูลของกลุ่มตนเอง

กลุ่ม A3: ระบบประมวลการทำงานของเวลา - สำเร็จ 80.89%

คาร์ลอสรู้สึกปวดหัว มวนท้องอย่างบอกไม่ถูก เขาได้แต่นั่งถอนหายใจซ้ำๆ และหมกมุ่นอยู่กับการแก้ระบบที่ขึ้นว่าผิดพลาดมาตั้งแต่เช้า

งานวิจัยเรื่องนี้มันซับซ้อนเกินกว่าที่นักศึกษาจะเลือกใช้เป็นงานวิจัยเพื่อจบการศึกษา ถ้าเลือกระบบอะไรที่มันแก้ได้ง่ายกว่านี้เหมือนกับกลุ่มอื่น แค่เขียนโปรแกรมให้ผ่านเกณฑ์ 95% ก็ถือว่าเรียนจบ

ทว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งที่เขาพยายามกับมันมาหลายปี

ถ้าทำสำเร็จ ไม่ใช่เพียงจะได้จบการศึกษาก่อนคนในวัยเดียวกัน แต่มันอาจจะถูกจารึกในหน้าประวัติศาสตร์

มนุษย์คิดว่าเวลาเดินไปข้างหน้าเสมอ ไม่มีการย้อนกลับ แต่ในเมื่อเราควบคุมการทำงานของอะตอมได้แล้ว ทำไมเราถึงจะควบคุมการเคลื่อนที่ของเวลาไม่ได้ เพราะถ้าหากทำได้...

...เรื่องย้อนเวลาก็ไม่ไกลไปกว่าจินตนาการ

แกร๊ก

เสียงประตูเลื่อนอัตโนมัติถูกเปิดผ่านรหัสส่วนตัวเพียงแผ่วเบา คาร์ลอสไม่ได้หันไปมองเพราะรู้ว่าห้องแล็บนี้เข้าได้เฉพาะผู้มีรหัส ซึ่งมีเพียงเฉพาะเจ้าของห้องสี่คนเท่านั้น นั่นก็คือเขา เอมิลี่ โจเซฟและลูคัส

ทว่ากลิ่นฟีโรโมนสุดหอมหวนนั้นทำให้อัลฟาที่กำลังใจลอยเงยหน้าขึ้น

“สวัสดีครับ”

ทันทีที่หันหลังไป ก็เห็นชายหนุ่มที่มีดวงตาเป็นประกายระยับจ้องมองมาที่ตัวเอง เสียงนุ่มเอ่ยทักทาย และในมือก็มีห่ออะไรบางอย่าง

“ผม...เอาอาหารมาให้”

“เข้ามาได้ยังไง” คาร์ลอสพูดเสียงเข้ม มองประตูเลื่อนที่ปิดลงอัตโนมัติ ก่อนจะเห็นเอมิลี่ที่ยืนโบกมือให้ผ่านกระจกห้องสีใสด้านนอก เขาขบกรามแน่น ห้องแล็บถูกล้อมด้วยกระจกก็จริง แต่เป็นกระจกที่ไม่สามารถมองเข้ามาด้านในได้ มองทะลุออกไปด้านนอกได้ทางเดียวเท่านั้น

พวกมันคิดจะทำอะไรกันอีก

คาร์ลอสยอมรับว่าไม่ไว้ใจเพื่อนตัวเองเลย ไม่รู้ว่าพวกนั้นจะมาไม้ไหน กำลังมีแผนจะทำอะไร เอาโอเมกาเข้ามาในห้องทำไม ทั้งๆ ที่พวกมันก็รู้ว่าเขาน่ะ...

...เกลียด

“พี่เอมิลี่ให้ผมเอาอาหารมาให้คุณ ทั้งวันคุณยังไม่ได้กินอะไรเลยใช่ไหม” ฮันพูดจบก็ไม่มีเสียงตอบรับ เจ้าตัวเลยทำเพียงแค่ยืนเม้มปากเบาๆ ยื่นห่อเบอร์เกอร์ออกไปตรงหน้า

“ออกไป”

“ครับ เดี๋ยวผมก็ออกไปแล้ว คุณรับไปก่อน—”

!!

ห่อเบอร์เกอร์ถูกมือหนาปัดทิ้งจนมันกระเด็นลงพื้นไปอย่างไม่ใยดี ฮันได้แต่ยืนตัวแข็งทื่อด้วยความตกใจ และดูเหมือนว่าคนที่ทำเช่นนั้นก็เพิ่งจะรู้สึกตัวเหมือนกันว่าทำอะไรลงไป

ฝ่ามือเล็กที่ยังค้างอยู่ตรงหน้าเริ่มขึ้นรอยแดง ฮันดึงฝ่ามือที่ถูกฟาดไปพร้อมกับเบอร์เกอร์เข้ามากอบกุม

มันไม่ได้เจ็บขนาดนั้น แต่ไม่รู้ทำไมน้ำตาหยดหนึ่งถึงไหลลงมาอัตโนมัติ ฮันรีบก้มหน้าลงมองพื้นเพื่อปิดบังหยาดน้ำใสที่ไหลลงข้างแก้ม

“ผมรู้ ว่าคุณเกลียดคนอย่างผม แต่ผมเลือกเกิดไม่ได้”

“...”

“สามสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร มันเอาแต่นึกถึงคุณ กลิ่นฟีโรโมนของคุณ ผมไม่เคยเป็นแบบนี้กับใครมาก่อนเลยสาบานได้” ฮันนวดฝ่ามือของตัวเองเผื่อว่ามันจะหายแดง “การที่สมองมันเอาแต่นึกถึงคุณตลอดเวลา...มันทำให้ผมไม่มีสมาธิจะทำอะไรเลย ทั้งๆ ที่เฝ้ารอจะได้เจอคุณในคาบวิชาปรัชญา เจอกันแค่สัปดาห์ละครั้งก็ถือว่าน้อยมากพอแล้ว แต่คุณก็ไม่มาเรียนที่ห้องอีก”

ฮันไม่กล้าเงยหน้าขึ้นสบตา เขาไม่อยากเห็นอีกฝ่ายทำหน้าใจร้าย

“คุณบอกว่าคุณเกลียดผม แต่วันนั้นคุณก็จูบผม แล้วคุณก็ทำเหมือนว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น มันทำให้ผมสับสนมากนะ”

ฮันสูดกลิ่นฟีโรโมนที่แสนโหยหานั้นเข้าเต็มปอด รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย

“ผมรู้แค่ชื่อและนามสกุลของคุณ แต่รู้สึกคุ้นมาก เลยอยากรู้ว่าชื่อกลางของคุณคืออะไร คุณเหมือนใครบางคนที่ผมเคยรู้จัก แต่ก็ไม่มั่นใจอยู่ดี...คุณช่วยบอกชื่อเต็มของคุณได้ไหม”

“...”

“ฮัน อัลเลน ไนท์” เขาค่อยๆ เงยหน้าขึ้นอย่างเชื่องช้า มองอัลฟาตัวสูงที่ยืนจ้องมานิ่งเงียบ ไม่ไหวติง “ชื่อเต็มของผม”

อีกฝ่ายนิ่งเงียบจนเขารู้สึกกลัว ดวงตาสีฟ้าใสหลุบลง คาร์ลอสหันหลังให้

“ไม่ใช่” เสียงทุ้มต่ำเหมือนพึมพำกับตัวเอง

“คุณจำผมได้ไหม”

“ไม่”

“คาร์ลอส เอลเลียต โฮล์มส์” ฮันเป็นฝ่ายพูดชื่อเต็มของอีกคน “นี่คือชื่อของคุณใช่ไหม”

เมื่อเห็นว่าฝ่ายนั้นยังยืนหันหลังนิ่ง เขาตัดสินใจพูดคำหนึ่ง

“ซีแอล”

นั่นแหละที่ทำให้คาร์ลอสชะงักไป

ฮันค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้แผ่นหลังกว้างพร้อมความหวังอันล้นเปี่ยม

“นายคือซีแอลใช่ไหม” ฮันตัดสินใจยื่นมือออกไปแตะไหล่คนตัวสูงกว่า พร้อมพูดคำหนึ่งที่เป็นการพังทลายทุกสิ่ง “ซีแอลของเรา”

สิ้นประโยคนั้น ฟีโรโมนกลิ่นเวติเวอร์ก็ฟุ้งกระจายราวกับเขื่อนแตก เหมือนวันนั้นในห้องพยาบาลไม่มีผิด แต่ครั้งนี้รุนแรงกว่ามาก มันทำให้ฮันแข้งขาอ่อน เขาล้มลงกับพื้น ฟีโรโมนของอัลฟากดข่มให้ยอมจำนน

อัลฟาที่ยืนนิ่งอยู่นานหันกลับมาแล้ว ทว่าดวงตาคู่นั้นมองมาราวกับจะกลืนกินทั้งตัว...

...ราวกับคนไร้สติ

“คุณ...อึก กำลังจะรัท” ฮันหอบหายใจแรง เสื้อและฝ่ามือเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ เขาพยายามจะคลานไปที่ประตูห้อง แต่ก็ถูกกระชากกลับคืนมาให้อยู่ใต้ร่าง “คาร์ลอส เรากลัว...รีบเอายามาฉีด—”

เสียงหวานถูกตัดไปเพียงเท่านั้น ริมฝีปากนุ่มถูกประกบ และลิ้นร้อนก็ชำแรกแทรกเข้าไปอย่างคุกคาม ฮันกำลังจะไร้ซึ่งสติสัมปชัญญะ เขาทำได้เพียงดันแผงอกแกร่งให้ออกห่างด้วยเรี่ยวแรงอันน้อยนิด

“เอฟอร์ส— อื้อ ช่วย—” พยายามหันหน้าหนีจากจูบร้อนก็ทำไม่ได้ จะสั่งการเอฟอร์สที่ข้อมือให้เรียกคนข้างนอกมาช่วย แต่ก็พูดได้ไม่เต็มคำเสียที สิ่งสุดท้ายที่ได้ยินคือเสียงทุ้มต่ำแหบพร่าที่กระซิบชิดใบหู

ฮันนี่ของเรา

หลังจากนั้นฮันก็ไร้ซึ่งสติ

ฝ่ามือหนากำลังจะล้วงเข้าไปใต้เสื้อเชิ้ตสีอ่อน แต่ยังไม่ทันได้ทำแบบนั้น ร่างของคาร์ลอสก็ถูกถีบจนกระเด็นไปชิดผนังห้องปฏิบัติการ

“ไอ้ห่านี่ กูให้คุยกับเขาดีๆ ไม่ได้ให้มาทำงามไส้!” เอมิลี่สบถเสียงดังหลังจากใช้แรงถีบเพื่อนตัวเขื่องกระเด็นไปไกล กระชับเสื้อแจ็กเก็ตให้ตึงตามเดิม มองเพื่อนอีกสองคนที่เข้าไปล็อกตัวคนที่รัทจนฟีโรโมนฟุ้งตลบห้องแล็บ โจเซฟรีบฉีดยาแก้รัทให้เพื่อนที่เหมือนหมาบ้าไม่มีสติ

“ฉุนฉิบหาย” เอมิลี่ย่อตัวลงประคองร่างของคนที่นอนหมดสติคอพับคออ่อน “โถ...เสื้อผ้ายับหมดเลย”

ถ้าเพื่อนเขารู้เข้า คงเอากูตายแน่

 

 

TBC

- อ้อ เราเฉลยในทวีตเตอร์ #IABOU ไปแล้วนะว่าใครคือพระเอก 2D หนึ่งเดียวในใจของฮันนี่ จินซองอูคือใคร ทำไมถึงมามัดใจฮันนี่คนดีของพรี่เอาไว้ได้ บอกเลย พระเอกจะเอารัยมาสู้อ่า

- สีผมและแนวเสื้อผ้าที่ไคลี่แต่งในตอนนี้ ถ้านึกภาพไม่ออกว่าปกติแล้วไคลี่แต่งตัวแบบไหน ลองนึกถึง Billie Eillish เป็นตัวอย่างเลย

sds

sds

 

- เสื้อผ้าที่ไคลี่แต่งตอนไปร้านทำผม (แต่เสื้อให้ลองนึกถึง ใส่เสื้อแขนยาวสีดำข้างใน แล้วใส่เสื้อยืดสีขาวแขนสั้นตัวใหญ่ๆ ทับอีกที) ใส่กระโปรงของไคลี่ = สาวหวาน หวานพอที่จะมัดใจพี่ยัง ปกตินางจะชอบแต่งแบบคูล โนสน โนแคร์ มันเป็นเท่จ๊าดจั๊ด

sds

 

- ส่วนนี่คือสีผมและแนวเสื้อผ้าของเอมิลี่งับ แนวคล้ายกับไคลี่เลย 2 คนนี้จะมีความเท่คูล แต่เอมิลี่จะออกไปแนวเท่เซ็กซี่ ส่วนไคลี่จะแนว เท่คูล ห้าวๆ เด็กสตรีทไรงี้งับ ใครยังนึกอิมเมจเอมิลี่ไม่ออก ลองส่องไอจีคุณ Ashnikko เลย เท่มาก คูลมาก (เราชอบเพลงเค้ามาก)

sds

sds

 

Comment ส่งผลต่อการอัพนิยายมาก

ถ้าคุณชอบนิยายเรื่องนี้ ได้โปรดบอกให้เราได้รับรู้

เพราะเมื่อไม่มีฟีดแบ็คใดๆ ตอบกลับมา

นักเขียนคงไม่มีกำลังใจที่แข็งแกร่งเพียงพอ เพื่อพิมพ์นิยายต่อไปจนถึงฝั่งฝันอย่างที่ตั้งใจไว้

 

ติดต่อ ติดตามได้ทาง

Twitter: @FIT_FOR_FINE

Facebook: @FITFORFINE1

Instagram: @fitforfine1

Tik Tok: @fit_for_fine

Email: fine4fit@gmail.com

 

สามารถหวีด ร่วมพูดคุย แสดงความคิดเห็นผ่าน #IABOU

หรือเพื่อติดตามเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของนิยายเรื่องนี้ที่เราจะลงไว้ที่นั่นได้เลย!