23 ตอน XXI The Dream
โดย FIT FOR FINE
Listen to this for your อรรถรสในการอ่าน
SYML - Fear of the Water
XXI
The Dream
(Photo by Constantin Popp on Unsplash)
You’re dislocated, don't be like that
And you smile when you dive in,
like you're never coming back
So hold my body, yeah hold my breath
See your face when I black out,
I’m never coming back
“ผมจะไม่มีแฟน”
“หือ?”
“ผมจะไม่มีแฟนครับ เพราะผมรักแม่”
“โธ่...ลูกรัก แม่ก็รักลูกครับ”
หญิงสาวหน้าตาสะสวยพูดกับลูกของตัวเอง ใบหน้าอ่อนหวานยิ้มละไม มือเรียวละจากการปอกเปลือกแอปเปิล หันไปโอบกอดลูกชายตัวน้อยที่ขยับเข้ามาซบแนบ
ภายในห้องครัวขนาดพอดีสำหรับบ้านหลังเล็กๆ แถวชานเมือง มีเพียงผู้หญิงที่มองผ่านๆ อาจจะคิดว่ายังอยู่ในวัยสาว ใบหน้าไร้ร่องรอยความแก่ชรา ถ้าไม่บอกก็ไม่อาจทราบว่าเธอมีลูกน้อยวัยหกขวบมาหนึ่งคนแล้ว
“พูดจริงนะ ผมรักแม่ที่สุดในโลก จะอยู่กับแม่ตลอดไปเลย” เด็กน้อยยังยืนยันคำเดิม มือก็โอบกอดคนเป็นแม่แน่นไม่คลาย
คนเป็นแม่ยิ้มหวาน มีเพียงแวบเดียวเท่านั้นที่ดวงตาคู่สวยหวามไหว ไม่มีใครทันสังเกตทั้งนั้น
เธอดันลูกออกจากอ้อมอกเพื่อสบตายามกล่าว
“แม่รู้ว่าลูกรักแม่ แต่สักวันลูกก็ต้องมีแฟน มีคนรัก...มีครอบครัวเป็นของตัวเอง ลูกอยู่กับแม่ตลอดไปไม่ได้หรอกจ้ะ”
“ไม่เอา ผมไม่มีทางรักคนอื่นได้หรอก”
คนเป็นแม่ได้แต่ยิ้มบาง โอบกอดลูกด้วยความทะนุถนอม เธอรู้ว่ามันเร็วไปที่จะอธิบายให้เด็กหกขวบเข้าใจถึงความซับซ้อนในความสัมพันธ์ของมนุษย์ เธอจึงไม่ได้ว่าอะไรต่อ แม้ว่าภายในใจจะขมขื่นเพียงใด
“ไม่ไปนะ อย่าไป ไม่จริงใช่ไหม...ฮึก ไม่ใช่เรื่องจริงใช่ไหม”
“ผมขอร้อง อย่าทิ้งผม...”
แม้แต่ในคืนฟ้ามืดมัวหมอง เด็กน้อยผู้เป็นลูกส่ายหน้า น้ำหูน้ำตาไหลราวสายน้ำ เขายังยืนหยัดที่จะอยู่กับผู้ให้กำเนิดของตน
“ฮือ...ไม่เอา...ผมจะเป็นเด็กดีนะ ฮึก แม่ฮะ”
เด็กน้อยจำได้ดี ในแววตาของแม่ยามบอกลา มันดูสมจริงเกินกว่าจะเป็นเรื่องล้อเล่น
“ไม่มีใครรักผม...ฮือ...ไม่มีใครรักผมเหมือนแม่”
“ไม่! ไม่อยู่! ผมจะไปกับแม่ ฮึก ฮือ...แม่!!”
“ไม่...ไม่ ขอร้อง...ไม่”
“ผมจะเข้มแข็ง...จะไม่ให้แม่...ฮึก...อึก ถูกทำร้าย...อย่า อย่าไป อย่าไป!”
“แม่รักลูกนะ...คาร์ลอส”
แม้แต่ในยามที่มือน้อยถูกปล่อยให้อยู่เพียงลำพัง
แม้แต่ในตอนที่ดวงตาแดงก่ำมองแผ่นหลังของแม่เดินจากไป
แม้แต่ในตอนที่รถคันนั้นขับฝ่าสายฝนจนลับสายตาไป
หรือแม้กระทั่งตัวของเขาล้มลงกับพื้นที่นองชื้นไปด้วยหยาดฝนปนน้ำตา
คาร์ลอสก็ยังคงมีความหวังว่าแม่จะกลับมา เขาเก็บคำสัญญานั้นไว้มั่น ปลอบใจตัวเองซ้ำๆ ว่าแม่ไม่ได้หายไปไหน แม่ยังรักเขาที่สุด และเขาจะรักแม่คนเดียวตลอดไป ไม่แบ่งปันพื้นที่หัวใจให้ใครอื่น
ใครเล่าจะรู้...ว่าคำสัญญาของเด็กน้อยในวันนั้น จะพังลงในสิบกว่าปีต่อมา
Adam: แล้ว ‘คนอื่น’ ของเอ็งนี่หมายถึงใครล่ะ 06:06 AM
Adam: พ่อหนุ่มโอเมกาหน้าหวานคนนั้นน่ะเหรอ 06:06 AM
: ลุง ตั้งแต่เกิดมาผมเคยขออะไรจากลุงหรือเปล่า 06:07 AM
Adam: แกไม่เคยขอ แกปฏิเสธเป็นอย่างเดียว 06:07 AM
: ถ้าอย่างนั้นผมขอ อย่าดึงคนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เข้ามาเลย 06:08 AM
: นะครับ 06:08 AM
อีกฝั่งเงียบไปครู่หนึ่งจนใจของอัลฟาหนุ่มเขว
ซ่า...ซ่า
เสียงสะท้อนลอดออกมาจากห้องน้ำเป็นระยะ บ่งบอกว่าฮันยังอาบน้ำอยู่
: ลุงอาดัม ชีวิตนี้ผมจะเสียอะไรก็ได้ แต่ผมจะไม่ยอมเสียคนรักไปอีกแล้ว 06:09 AM
คาร์ลอสตัดสินใจใช้คำว่า ‘คนรัก’ ที่ไม่ระบุว่าเป็นผู้ใด แต่คนที่อยู่อีกฟากก็ไม่ได้ว่าถึงเรื่องนั้นต่อ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเข้าใจที่สื่อ
Adam: กลับอเมริกาแล้วมาหาลุงบ้างนะ 06:10 AM
Adam: มีหลายเรื่องที่อยากคุยด้วย 06:10 AM
: ลุงก็รู้ว่าผมไม่อยากเข้าไปยุ่งแถวนั้น ผมไม่อยากให้เรื่องไปถึงหูเขา 06:10 AM
‘เขา’ ที่คาร์ลอสกล่าวถึงไม่ทราบว่าใคร ชายหนุ่มพิมพ์ต่อ
: ลุงก็รู้ 06:10 AM
: ถ้าเขารู้ ต่อให้เรื่องเล็กๆ เขาก็จะทำให้เป็นเรื่องใหญ่ ลุงก็รู้ใช่ไหม ผมไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวาย ไม่ชอบให้มาจุกจิกอีกแล้วถึงได้เดินออกมาจากชีวิตแบบนั้น 06:11 AM
Adam: ฉันขอแก้จากคำว่า ‘เดินออกมา’ เป็น ‘หนีออกมา’ จะใช่กว่านะ 06:11 AM
Adam: ฉันเข้าใจว่าแกไม่อยากสานสัมพันธ์กับครอบครัวอีกต่อไปแล้ว แต่ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าแกยังมีสายเลือดเอลเลียต โฮล์มส์อยู่ 06:11 AM
Adam: เพราะรู้ว่าแกลำบาก ฉันเลยอยากช่วย ที่หมายถึงช่วยหลานจริงๆ ไม่ได้มีอะไรแอบแฝง ไม่มีอะไรต้องการตอบแทนด้วย 06:11 AM
คาร์ลอสชะงักมือที่กำลังจะพิมพ์คำว่า ‘ลุงต้องการอะไร’ ก่อนจะลบทิ้งเมื่อเห็นประโยคที่ไม่ต้องการอะไรตอบแทนจากคนที่จะทำอะไรก็ต้องได้ผลประโยชน์
: แล้วลุงจะส่งข้อความมาขู่ทำไม 06:12 AM
Adam: ข้อความขู่? 06:12 AM
Adam: ข้อความอะไร ฉันเพิ่งได้คุยกับแกวันนี้ในรอบกี่เดือนก็ไม่รู้ 06:12 AM
: ไม่มีอะไรครับ 06:12 AM
คาร์ลอส โฮล์มส์รู้ว่าลุงทางสายเลือดไม่มีทางเชื่อว่ามันไม่มีอะไร แต่น่าจะเข้าใจว่าเขายังไม่อยากเล่าเพราะไม่ได้คิดว่ามีความสลักสำคัญอะไร
Adam: เฮ้อ…แกนี่มันหัวแข็งเหมือนแต่ก่อนไม่มีผิด แต่ก็เปลี่ยนไปเยอะจนนึกทึ่ง 06:12 AM
: ? 06:12 AM
Adam: แต่ก่อนเป็นเด็กดื้อ เดี๋ยวนี้โตเป็นหนุ่มแล้ว 06:13 AM
“…” คาร์ลอสกะพริบตาปริบมองข้อความที่อ่านแล้วไม่เข้าใจ ในหัวคิดว่า หรือลุงเขาแก่จนเริ่มเวิ่นเว้อถึงเรื่องเก่าๆ หรือแค่ชอบออกนอกเรื่องไปเรื่อยเหมือนคนสูงวัยใกล้เกษียร
Adam: โตจนมีเมียแล้ว 06:13 AM
อัลฟากลิ่นดินหลังฝนตาเหลือก
เมีย?!
Adam: เอ้าทำไมเงียบ หรือยังไม่ได้กัน ไม่จริงหรอกน่า…อย่างเอ็งเนี่ยนะจะรอไหว 06:13 AM
: ไม่ใช่เรื่องของลุง แล้วก็เรียกฮันว่าเมียไม่ได้ ลุงไม่มีสิทธิ์ 06:14 AM
Adam: เอ้อเจ้านี่ ไม่ใช่เมียแล้วอะไร เขาเป็นผัวเอ็งหรือไง 06:14 AM
“เฮ้อ…” คาร์ลอสกุมขมับ แอบบังใบหูขึ้นสี
ปฏิเสธไม่ได้ว่าสรรพนาม ‘เมีย’ มันทำให้เขาร้อนผ่าวไปทั้งกกหู เพราะรู้ว่าในชีวิตจริงเขาคงใช้คำนี้เรียกฮันไม่ได้ เพราะฮันก็เคยบอกว่าเป็น Non-Binary ไม่ได้อยากระบุว่าเป็นชายหรือหญิง
แต่อัลฟาหนุ่มรู้ดีอยู่แก่ใจ ว่าเขาอยากใช้สรรพนามนี้เรียกคนรักขนาดนี้ จึงได้แต่เขินอายกับตัวเองในใจ
Adam: ชื่อฮันสินะ โอเค ลุงจะจำไว้ แต่อยากขอยืนยันหน่อย…แกไม่ได้ไปทุบหัวเขาลากเข้าห้องถูกไหม ถึงฉันจะอยู่ระดับนี้แต่ฉันช่วยแกไม่ได้นะบอกไว้ก่อน กฎหมายว่ากันไปตามกฎหมาย เดี๋ยวนี้ตรวจสอบได้หมดแล้ว แกจะมาร้องขอให้ฉันช่วยตอนเขาไปแจ้งความเอาเรื่องไม่ได้ 06:13 AM
: ลุง! ผมรักฮัน ฮันรักผม เรารักกัน 06:13 AM
Adam: ก็ใครจะไปรู้ พูดจริงนะ ทรงๆ อย่างแก ตอนหน้านิ่ง เหมือนคนที่ฆ่าใครเป็นกิจวัตร 06:14 PM
Adam: เออนั่นแหละ เอาเป็นว่ากลับอเมริกาแล้วก็มาหาฉันบ้าง โอเคนะ
: ปฏิเสธได้ด้วยเหรอ 06:14 PM
Adam: ก็ได้นะ แต่แกคงไม่อยากพลาดเรื่องสำคัญหลายเรื่องที่ฉันต้องบอกแก 06:14 PM
: สำคัญ? 06:14 PM
: สำคัญระดับไหน 06:15 PM
Adam: สำคัญระดับ Carliest 06:15 PM
“…” คาร์ลอสนิ่งไปทันทีเมื่อเห็นคำนั้น ถ้าเป็นคนอื่นอาจไม่เข้าใจว่าระดับที่ว่ามันคือระดับไหน มันมาจากชื่อของเขา ที่เอามาใส่ขั้นกว่าและขั้นสุด
Carlos เรื่องสำคัญ แต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่และไม่ใช่เรื่องด่วน ไม่ได้มีผลกระทบโดยตรงกับเขา แต่ควรจดจำและใส่ใจ
Carlier เรื่องสำคัญมาก เป็นเรื่องด่วน เพราะอาจมีผลกระทบกับเขา เช่น การสืบครองมรดกของตระกูล เรื่องการเมือง ธุรกิจที่มีคนในครอบครัวดำเนิน หรือเรื่องที่เกี่ยวกับคนในสายครอบครัวนามสกุลเอลเลียต โฮล์มส์
Carliest เรื่องสำคัญที่สุด เป็นเรื่องที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาโดยตรง ซึ่งมันก็มีเพียงไม่กี่เรื่องหรอกที่สำคัญและมันก็เกี่ยวกับเขาโดยเฉพาะ
นี่คือโค้ดลับที่มีเพียงคาร์ลอสและอาดัมรู้กัน ที่จริงก็มีอีกคนที่รู้…แม่
เขายังจำตัวเองในวัยเด็กที่ช่วยกันตั้งโค้ดลับกับแม่และบอกเรื่องนี้ให้กับใครอีกคนที่ไว้ใจ ซึ่งก็คือลุง
มันเกิดจากการตั้งระดับความสำคัญของเรื่องต่างๆ ให้เด็กชายคาร์ลอสมาตั้งแต่เด็กๆ เพราะเด็กน้อยจะได้รู้ว่าเรื่องไหนสำคัญมากน้อยแค่ไหน เรื่องไหนคือเรื่องใหญ่ จะซนทำตามใจอยากตัวเองทุกอย่างไม่ได้เด็ดขาด
และตั้งแต่ที่กำหนดระดับความสำคัญนี้มา ก็ยังไม่มีสักครั้งที่มีใครได้กล่าวถึงระดับ Carliest ดังนั้น เรื่องนี้จะเป็นอะไรไปได้อีกนอกจาก—
“ว้ากก—”
“ที่รัก! เป็นอะไร!” คาร์ลอสรีบวิ่งไปทางห้องน้ำทันทีเมื่อได้ยินเสียงร้องหลุดออกมาทางห้องน้ำ
“ไม่ๆ! ไม่ต้องเข้ามานะ—”
ปึง!
อัลฟาหนุ่มกระแทกประตูเข้าไปทันที ดีที่ฮันไม่ได้ล็อก ดังนั้นเขาถึงเห็นว่าฮันยืนร่างเปลือยเปล่าอยู่ตรงอ่างล้างหน้า
ฉ่า
แถมยังตัวแดงเป็นกุ้งลวก
“ไหนเธอเป็นอะไรครับ—”
“แง้ เราบอกว่าอย่าเข้ามาไงเฟร้ย!” ฮันปิดหน้าแล้วยืนหันหลังให้ แต่การห้ามปรามนั้นดูจะไม่ได้ผลนักเมื่อรับรู้ได้ว่าคนตัวสูงกำลังยืนประชิดอยู่ด้านหลัง
“ฉันได้ยินเสียงเธอร้อง ก็นึกว่าลื่นล้ม...”
“ไม่ได้ลื่น เรา เราแค่...”
“ไหนเป็นอะไรขอฉันดูหน่อย”
“อ๊าก ออกไปก่อนได้ไหมซีแอล เราอาย”
คนโป๊ยืนหันหลังปิดหน้าที่ขึ้นเลือดฝาด ไม่ทราบว่าเพราะไออุ่นจากฝักบัว หรือเพราะรู้ตัวว่าโดนจ้องจากทางด้านหลัง ในสภาพที่ตัวเองไร้เสื้อผ้าสักชิ้น
ถึงจะได้กันแล้วก็ใช่ว่าจะไม่เขินนะเว้ย!
“ฉันจะไม่ออกไปจนกว่าเธอจะยอมหันมามองหน้ากัน ที่รัก ไหนเธอเจ็บตรงไหนขอดูได้ไหมครับ”
“... :( ” ในที่สุดฮันก็ยอมหันหน้ากลับมา โอเมกากลิ่นฟุ้งหลังอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ เบะปากคว่ำ น้ำตาจะไหลอยู่รอมร่อเพราะขลาดอายไม่ไหว มือข้างหนึ่งปิดหน้า มืออีกข้างปิดส่วนสงวน
กระทั่งหันหลังกลับไปแล้วพบกับอัลฟากลิ่นอบอุ่นหัวใจยืนกางผ้าเช็ดตัวรออยู่ ทันทีที่สายตาบรรจบกัน อีกฝ่ายก็ส่งยิ้มให้
“ :) ”
คนบ้า ขี้โกง เกิดมาหล่ออะไรขนาดนี้วะ!
“ ;((” ฮันยิ่งเบะปากคว่ำลงกว่าเดิม ในตอนที่อีกฝ่ายฟันผ้าเช็ดตัวรอบเอวเขา ไม่มีการมองละลาบละล้วง จาบจ้วงจ๊วบจ๊าบให้ได้อายไปมากกว่านี้
ใบหน้าคมเป็นสันเงยขึ้นมองหน้าโอเมกาที่ทั้งตัวพราวไปด้วยหยดน้ำ วินาทีแรกคือเห็นมุมปากกระจับที่เบะลงอย่างน่ามันเขี้ยว ในใจของชายตัวสูงคิดว่าฮันยังไม่หายขวยเขิน หรือยังงอนที่เขาไม่ยอมทำตามคำสั่งที่ว่าให้ออกจากห้องน้ำไป
แต่วินาทีต่อมา สิ่งที่กระแทกเข้าเต็มตาของคนตัวโตกว่าก็คือ รอยแผลสดข้างแก้มนิ่ม มีเลือดซิบไหลซึมอยู่น้อยๆ
“เธอเลือดออกนี่!” มือใหญ่รีบประคองข้างแก้มกลมที่มีรอยบาดของอะไรบางอย่างคมกริบ นัยน์ตาสีฟ้าวาวโรจน์ “ใครทำเธอ เจ็บมากไหมที่รัก ไปเดี๋ยวฉันทำแผล—”
“อือ...ใจเย็นๆ ซีแอล บ้าเหรอ อยู่ในห้องน้ำใครที่ไหนจะมาทำเราได้”
อัลฟาตัวสูงขมวดคิ้วมุ่น
“ก็พวกฝักบัวไม่รักดี อ่างล้างหน้าไม่เป็นมิตร หรือผ้าเช็ดหน้าของโรงแรมมันสากเกินไปสำหรับผิวเธอ”
ฮันกะพริบตาปริบๆ “เป็นเอามาก...”
“แต่เธอไม่ได้ลื่นลมกระแทกอะไรใช่ไหม หรือเจ็บตรงไหนอีก ฉันจะพาไปหาหมอ”
“พูดตามตรงเลยนะ...”
“ครับ เธอพูดได้ทุกอย่างอยู่แล้ว”
“แค่มีดโกนหนวดบาดแก้มอะ”
“...?”
“ที่จริงมันก็แค่นั้นแหละ นายจะวิ่งเข้ามาแตกตื่นทำไม” ฮันเกาหัวยุกยิกเพราะใจมันชักจะคันนุบนิบ
“ก็...เดี๋ยว เธอจะใช้มีดโกนหนวดทำไม เธอไม่มีหนวดด้วยซ้ำที่รัก”
ฮันยู่ปาก แต่คาร์ลอสทำหน้าเครียด
“ก็...ก็เราเห็นในเมตาเว็บ เขาบอกว่าอัลฟาจะถูกดึงดูดโดยโอเมกาที่ไม่มีขนมากกว่าคนที่มีขน”
“...” อัลฟาหนุ่มหลับตา
“จริงนะ เราก็แค่อยากโกนให้มันเนียนๆ นายจะได้รู้สึกว่าเราสะอาดไง”
“ที่รัก” คาร์ลอสดึงคนตัวน้อยออกมาจากห้องน้ำ
“อะไร เราก็แค่อยากเอาใจนายง่ะ”
ผ้าคลุมอาบน้ำถูกนำมาคลุมไหล่มน มือหนาผูกเชือกรัดเอวให้อย่างดี ก่อนจะโอบเอวฮันไว้ระหว่างที่ตัวเองนั่งลงปลายเตียง
“ฉันจะบอกอะไรบางอย่าง...เธอรู้ใช่ไหมครับว่าขนตามร่างกายมันเป็นธรรมชาติของมนุษย์ ต่อให้เธอจะโกนหรือไม่โกน เธอก็ยังเป็นเธออยู่ดี สิ่งเหล่านั้นที่คนอื่นพร่ำบอกในอินเทอร์เน็ต มันคือมายาคติที่มนุษย์สร้างขึ้น เธอรู้หรือเปล่าว่าส่วนใหญ่มันมาจากค่านิยมอัลฟาเป็นใหญ่นะ”
“...ว้าว นายรู้ด้วยแฮะ”
“หลังจากที่โดนเธอดึงสติในคาเฟ่วันนั้น ฉันก็ไปหาอ่านเรื่องนี้มาหมด ถึงได้รู้ว่าตัวเองโง่งมที่ยังจมอยู่ในโลกที่บรรพบุรุษสร้างมาอย่างเละเทะขนาดไหน”
“ขอบคุณมากที่ใช้คำว่าดึงสติแทนคำว่าลุกขึ้นฉอด”
อัลฟาหนุ่มหัวเราะทุ้ม โยกตัวคนตรงหน้าไปมา
“It’s your hair, your body, your choice”
“อื้อ”
“เธอรู้แต่ทำไมถึงยังทำตามคนในเมตาเว็บล่ะครับ มีเหตุผลอื่นอีกหรือเปล่า เช่น...ฉันเผลอไปแสดงอาการอะไรที่ทำให้เธอรู้สึกไม่มั่นใจในร่างกายตัวเอง บอกได้เลยนะครับ บางทีฉันอาจจะยังหลงเหลือนิสัยแย่ๆ ในวันนั้นอยู่ จะมาใช้ข้ออ้างขอความเห็นใจว่าเพราะตัวเองเติบโตมาในสังคมแบบนั้นก็ไม่ได้ เดี๋ยวนี้ยุคสมัยมันไปถึงไหนแล้ว มีอินเทอร์เน็ต อุปกรณ์ทางการสื่อสารก็มีครอบคลุมเข้าถึงทุกชนชั้น ไม่มีทางแก้ตัวให้ตัวเองแบบนั้นได้หรอก มีแต่จะก่นด่าตัวคนที่โง่เขลาในวันวาน”
ฮันดึงคนหัวบลอนด์มาแนบอก
“นายเปลี่ยนไปแล้ว ซีแอล อดีตแก้ไขไม่ได้...มีแต่จะทำให้ปัจจุบันและอนาคตดีขึ้นนะ”
“ครับ ที่รัก”
“เหตุผลที่เราโกนขน ไม่ใช่เพราะถูกขับกล่อมด้วยค่านิยมอัลฟาเป็นใหญ่อะไรนั่นหรอก แล้วก็ไม่ใช่เพราะเราไม่มั่นใจกับธรรมชาติของตัวเองด้วย เหตุผลมันมีแค่อย่างเดียวเลย”
“อะไรครับ”
“เราแค่อยากให้ซีแอลเห็นเวอร์ชันที่ดีสุดของเรา อย่าเพิ่งขมวดคิ้ว เราไม่ได้หมายความว่าก่อนหน้านี้เราไม่ดี แต่เราแค่อยากเริ่ดขึ้นไปอีกง่ะ เข้าใจมะ”
“โธ่...ฮันนี่”
“ต่อให้ตอนนี้เราจะยังไม่ได้คบกับใคร หรือไม่ได้สนใจเรื่องรักใคร่กับใครเลยก็ตาม เราก็ยังเลือกที่จะทำแบบนี้ แต่ก่อนหน้านี้เราแค่ไม่มีเวลาให้ตัวเองเท่านั้นเอง ถ้าเลือกได้เราก็อยากจะเป็นคนผิวเนียนขนเกลี้ยง เซ็ตผม แต่งหน้าให้ดูไม่เป็นหมีแพนด้า ปกติแค่ตื่นมาทันทาครีมกันแดดก็หรูแล้ว ที่เราทำก็เพราะว่าเรารักตัวเอง อยากเห็นตัวเองในเวอร์ชันที่ดี แล้วก็อยากให้นายได้เห็นเราในแบบที่เราชอบตัวเองมากๆ เหมือนกัน”
“...”
“เข้าใจป่าว หรือเราอธิบายงงๆ นะ”
“เข้าใจสิ ฉันแค่...ปลื้มปริ่มน่ะ”
“หาาา ‘ปลื้มปริ่ม’ มันศัพท์ตั้งแต่สมัยไหนกันนี่”
αβΩ
เกือบเที่ยง กว่าทั้งคู่จะมาถึงโรงแรมเดิมที่เข้ามาพักวันแรก ทุกคนกลับมารวมตัวกันเพื่อกลับอเมริกา ในที่สุดก็ได้เจอเอมิลี่และลูคัสตัวเป็นๆ หลังจากคืนนั้นที่คาร์ลอสโทรไปปรึกษา
จะเรียกว่าปรึกษาก็ไม่เชิง เพราะตอนแรกมีนัดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องโปรเจ็กต์ใหญ่ของสาขาควอนตัมกันอยู่แล้ว แต่เรื่องส่วนตัวของเพื่อนที่ไม่ชอบให้ใครมายุ่ง(a.k.a เสือก)มันก็ช่างเอนเทอร์เทนเพื่อนๆ ได้ดีเสียจริง
แต่ไม่รู้ทำไม ต่างฝ่ายต่างแปลกไปเมื่อเห็นหน้าเพื่อน
ไม่มีใครทักกัน แต่เหมือนจะรู้กันในใจ
ถึงเวลาต้องบอกลาสวิตเซอร์แลนด์ ก่อนถึงสถานีไฮเปอร์ลูปพอดที่ 22 สถานีต้นทาง รัฐเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ สถานีปลายทาง รัฐนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา และถูกต้อง พอดเดียวกับขามา แต่นี่เป็นขากลับ ซึ่งจะเริ่มออกขบวนเวลาบ่ายโมงตรง หลายคนจึงขอแวะซื้อของที่ระลึกก่อนขึ้นขบวน
“สร้อยข้อมือสวยดีนะคะ”
“ครับ ขอบคุณนะ” ฮันอมยิ้มยามมองข้อมือขวาของตัวเองที่มีสร้อยหินเรียงตัวกันราวกับกาแล็กซี
ลอว์เรน โอเมกาหญิงพาร์ตเนอร์ของลูคัสเป็นฝ่ายทักก่อน ในระหว่างที่ยืนเลือกของไปฝากคนที่บ้านเหมือนกัน
“เป็นยังไงบ้างคะ”
“ครับ? อะไรเป็นยังไง”
“ก็ ‘ยา’ ไงคะ ใช้ดีไหม”
ฮันเบิกตาโต
“กระปุกยาอันนั้น...ลอว์เรนเป็นคนให้มาหรอกเหรอ ว่าแต่ทำไมถึงพกของแบบนั้นมาด้วยล่ะครับ”
“ก็เผื่อได้ใช้”
“...” ฮันไปต่อไม่เป็น อ้าปากแล้วก็หุบเหมือนมีเรื่องจะถาม แต่ก็ไม่ถามดีกว่า กระทั่งคนที่ยืนดูเคสเอฟอร์สอยู่กล่าวต่อ
“แล้วก็เผื่อมีคนอื่นต้องใช้...ซึ่งก็ได้ใช้จริงๆ ด้วย”
ฉ่า
ไม่ใช่เสียงผัดฉ่ากระทะร้อนแต่อย่างใด แต่มันคือใบหน้าของฮัน ไนท์ที่ร้อนผ่าวจนแทบไหม้นี่ต่างหาก
แม้ไม่ได้ป่าวประกาศ แต่ก็เหมือนทุกคนจะดูออกว่าเขากับคาร์ลอสคบกันแล้ว แบบจริงจังน่ะนะ
“ว่าแต่พาร์ตเนอร์ของฮันไปไหนคะ ปกติเห็นยืนประกบไม่ห่าง”
“ฮื่อ ลอว์เรน อย่าแซวนักสิ”
“เปล่าแซว พูดเรื่องจริงทั้งนั้นค่ะ แค่สงสัยน่ะ”
“เห็นบอกว่าจะไปเข้าห้องน้ำครับ”
“ขอพูดอะไรได้ไหมคะ”
“ว่ามาได้เลยครับ ลอว์เรน”
“ไม่ได้อยากเสี้ยมนะ แต่พาร์ตเนอร์ของฮันนี่...ฮ็อตสุดๆ ไปเลยนะคะ อ้อ ไม่ต้องมองเราแปลกไป เพราะว่าเขาไม่ใช่ไทป์เรา ไม่ได้ดึงดูดเราเลยสักนิด แต่ที่เราพูดเพราะว่าสายตาคนอื่นนี่...พร้อมจ้องจะงาบตลอดเวลา แค่อยากเตือนให้คอยระวังเอาไว้ดีๆ น่ะ”
ฮันนิ่งไปไม่กี่วิก็ยิ้มตอบ
“ขอบใจนะลอว์เรน แต่เราไม่คิดว่าเราต้องทำอะไรกับเรื่องนี้เลย เพราะเราเชื่อใจคาร์ลอส”
“…” ลอว์เรนหยุดเลือกของ หันมาตั้งใจฟังที่ฮันกำลังจะพูดต่อ
ฮันยิ้มละไม
“ต่อให้ใครจะคิดไม่ดีกับเรา หรือจ้องจะทำลายความสัมพันธ์ของเราก็ตาม แต่เราเชื่อว่าปรบมือข้างเดียวไม่ดังอยู่แล้ว เราเชื่อใจคาร์ลอส และเราก็รู้ว่าคาร์ลอสเชื่อใจเราพอกัน เราเชื่อใจกันและกัน แค่นี้ใครก็มาทำอะไรไม่ได้หรอกครับ”
อีกทางหนึ่ง คนในห้องน้ำของสถานีไฮเปอร์ลูปก็มีสีหน้าเคร่งเครียด หลังจากเช็กข้อความที่ยังค้างไว้ตั้งแต่เมื่อเช้า
Adam: บทจะเงียบก็เงียบ อยากหายไปตอนไหนก็หายไปอย่างนี้เลยเรอะ นี่มันเรื่องสำคัญระดับ Carliest นะเอ็ง 06:20 AM
Adam: อ้าวเฮ้ย ฉันไม่ได้มีเวลาว่างคุยกับแกทั้งวัน ถ้าอย่างนั้นถึงอเมริกาเมื่อไร แวะเข้ามาบ้านใหญ่หน่อยแล้วกัน ตามนี้นะ 07:46 AM
: เรื่องแม่ใช่ไหม 11:50 AM
: ขอเคลียร์โปรเจ็กต์ใหญ่ก่อนแล้วผมจะไปหา 11:50 AM
: ที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่บ้านใหญ่ 11:50 AM
Adam: นั่นแหละปัญหา โปรเจ็กต์ที่แกกำลังทำอยู่มันไปกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ ทางสวิตซ์ส่งจดหมายมาถึงฉันเรื่องนี้ 11:51 AM
Adam: และฉันคิดว่าแกน่าจะต้องหยุดทำเรื่องนี้ 11:51 AM
: ลุงก็รู้ว่าผมหยุดไม่ได้ 11:52 AM
Adam: ทำไมถึงจะหยุดไม่ได้ แกหยุดมันได้ เริ่มคิดโปรเจ็กต์ใหม่ตอนนี้ก็ยังไม่สาย เขาไม่ได้บังคับจบภายใน 4 ปีซะหน่อย 11:52 AM
: ผมหยุดไม่ได้ 11:53 AM
: จนกว่าจะได้เจอแม่ 11:53 AM
Adam: คาร์ลอส 11:54 AM
: ผมรู้ว่าลุงจะพูดอะไร ถ้าไม่ช่วยก็อย่ามาห้าม ลุงก็รู้ว่าผมเป็นประเภทยิ่งห้ามแล้วเหมือนยิ่งยุ 11:54 AM
: ลุงน่าจะรู้ว่าชีวิตนี้ผมไม่ได้มีเป้าหมายอะไรยิ่งใหญ่เหมือนคนอื่น ไม่ต้องดิ้นรนกับเรื่องปากท้องหรือการงานในชีวิตเหมือนคนอื่น ผมมีแค่อย่างเดียวในชีวิตที่ต้องตามหา มันคือเป้าหมายเดียวในชีวิตผม 11:55 AM
: นี่คือเรื่องเดียวจริงๆ ที่จะมาปลดล็อกความทรมานของผม 11:55 AM
: ดังนั้น ผมขอ ถ้าลุงไม่อยากช่วยก็อย่ามาห้ามกัน 11:55 AM
Adam: แล้วถ้าฉันช่วย 11:55 AM
: ?11:56 AM
Adam: ฉันจะช่วยแกตามหาแม่ โอเคไหม 11:56 AM
คาร์ลอสชะงักไปเสี้ยววิ แต่เขารู้ดีว่าคนเป็นลุงไม่มีทางช่วย ถ้ามันไม่มีอะไรบางอย่างที่อีกฝ่ายได้ผลประโยชน์
: ข้อแม้ล่ะ 11:57 AM
Adam: ทั้งแกและคนที่ทำโปรเจ็กต์ร่วมกัน ต้องไม่ไปยุ่งกับข้อมูลลับทางราชการระหว่างประเทศอีก โดยเฉพาะกับองค์กรของเซิร์น เห็นบอกว่าถ้ามีข้อมูลหลุดลอดออกไปได้อีก แกและเพื่อนของแกอาจโดนขึ้นบัญชีดำ หรือที่แย่สุดก็คือโดนหมายศาลของสวิตซ์ 11:57 AM
Adam: เรื่องนี้เรื่องใหญ่และสำคัญมาก มันยังเป็นเรื่องใหม่มาก ถ้ามันมีผลลัพธ์ไปในทางที่แย่มากกว่าดี ฉันไม่คิดว่ามันจะเป็นผลแย่แค่สำหรับแกและเพื่อนเท่านั้น แต่ขนาดของผลกระทบอาจจะใหญ่กว่าที่แกคาดไว้ก็ได้ ใครจะรู้ 11:58 AM
: ถ้าลุงได้รู้ว่ามีองค์กรลับแยกตัวออกมาทำเรื่องนี้โดยเฉพาะ แล้วมันถูกพัฒนาไปถึงไหนแล้ว ลุงจะไม่พูดแบบนี้ พวกนั้นอันตรายและน่าเฝ้ามองกว่าเด็กอย่างผมเยอะ 11:58 AM
เสียงประกาศเรียกขึ้นขบวนครั้งที่สองดังขึ้น คาร์ลอสจึงละสายตาจากข้อมือที่มีเอฟอร์ส หันไปล้างมือยังอ่างด้านหลังที่ตัวเองยืนพิงมาโดยตลอด ก่อนจะรีบเดินออกจากห้องน้ำอัลฟาชายที่ไม่มีคนเข้าเลยสักคน
Adam: องค์กรลับ? 11:58 AM
Adam: อ้าว หายไปอีกแล้วเจ้านี่ 11:59 AM
Adam: เฮ้อ 11:59 AM
“นั่นไง มาแล้วพี่”
ลูคัสว่า เมื่อเห็นคาร์ลอสเดินเข้ามาในร้านขายของที่ระลึก ซึ่งยังมีคนคับคั่ง และที่เดินเข้ามาในร้านขายของ แทนที่จะไปขึ้นขบวนเลยก็เพราะในร้านยังมีใครคนหนึ่งที่เจ้าตัวตามหา
“ทางนี้จ้าสาว” เอมิลี่โบกมือให้เพื่อนที่กำลังชะเง้อคอมองหาใครบางคน
“สาว?” อัลฟาผมบลอนด์ขมวดคิ้ว
“สรรพนามแบบไม่ตรงตามความหมาย พูดเอาจริตเฉยๆ ย่ะ หายไปไหนมาตั้งนาน ปล่อยให้ลูกชั้นยืนเลือกของอย่างเดียวดายในฝูงอัลฟาหนุ่มๆ หล่อแซ่บซี้ดพร้อมเขมือบหนูลูก”
“ใคร??” คาร์ลอสขมวดคิ้วโดยอัตโนมัติ
“พี่เอมิลี่เขาพูดเว่อเฉยๆ มีซะที่ไหนล่ะฝูงอัลฟาหล่อแซ่บแถวนี้ เราเห็นมีแค่คนเดียว”
“เธอ? ครับ? ใคร??” คาร์ลอสถึงกับสะอึก ไปต่อไม่เป็น หางคิ้วกระตุกจนเพื่อนรอบข้างอดกลั้นขำไม่ได้
“ก็นายไง” ฮันพูดด้วยน้ำเสียงสดใส แก้มกลมถูกดันด้วยรอยยิ้มหวานอย่างน่ารัก คนตัวน้อยพูดออกมาอย่างไม่ลังเล ราวกับว่าตัวเองพูดเรื่องดินฟ้าอากาศทั่วไป ไม่ได้กำลังทำให้ชายตัวเท่าเปรตหวั่นไหวหัวใจตุ้มต่อมแต่อย่างใด
“Slay” ฆ่าได้ฆ่า = ค่าได้ค่า by ลอว์เรน
“อุ่ย” ลูคัสทำหน้าอรุ่มเจ๊าะ
“งู้ยยยย” เอลินอยส์พาร์ตเนอร์ของเอมิลี่ปิดแก้ม
“แอร้ยยย@*#*฿%” ส่วนเอมิลี่เอากระเป๋าฟาดหลังคาร์ลอสแก้เขิน
จากที่ไปไม่เป็นอยู่แล้ว ยิ่งโดนไม้นี้เข้าไป คาร์ลอสคิดว่าเขาต้องทบทวนวีรกรรมของเจ้าตัวแสบเสียใหม่ ถึงขนาดเลื่อนขั้นความเก่งกาจ ทำให้เขาหน้าร้อนผ่าวท่ามกลางประชากรนับล้าน(เว่อ)ภายในร้านขายของที่ระลึกได้ขนาดนี้!
“ไปกันดีกว่า ผู้คุมน่าจะเรียกแล้ว”
“เขาบอกว่าจะเรียกครั้งสุดท้ายตอนเที่ยงครึ่งย่ะ”
“งั้น…งั้นเธอซื้อเสร็จหรือยัง ถ้ายังฉันช่วยเลือก หรือไปกันเลย” คาร์ลอสหมุนหน้าหมุนหลัง ไม่รู้จะทำอะไรดี
“เขินแล้วล่กเหรอมึงอะ” เอมิลี่แซว
“…เออ” คาร์ลอสยอมรับแต่โดยดี
และนั่นทำให้เพื่อนๆ ถึงกับเบิกตากว้าง
ไอ้อัลฟาตายด้านคนนั้นหายไปไหนแล้ววะ?!
ไม่เกินสี่ชั่วโมง คณะนักศึกษาก็เดินทางมาถึงสหรัฐอเมริกาอย่างปลอดภัย
ฮันที่หลับไหลไปในอ้อมกอดอุ่น ตื่นมาด้วยใบหน้าซีดเผือด เม็ดเหงื่อซึมข้างขมับท่วม ตอนแรกคาร์ลอสคิดว่าตนเองโอบรัดอีกฝ่ายแน่นเกินไปจนขาดอากาศหายใจ แต่ฮันกลับตอบเพียงว่าตนเองฝันร้าย
อัลฟาฟีโรโมนชวนให้ใจชุ่มฉ่ำยังไม่หายกังวลใจ ดูจากสีหน้าก็รู้ว่าฮันยังน่าเป็นห่วง แต่คนตัวน้อยทำเพียงยิ้มกว้างระหว่างที่พูดคำว่าแค่นี้สบายมาก มันเป็นแค่ความฝัน
แม้แต่ความฝัน คาร์ลอสก็ไม่อยากให้มันมาทำร้ายฮัน ถ้าเป็นไปได้ เขาก็อยากจะเข้าไปในความฝันนั้น แล้วจัดการทุกสิ่งที่มาทำให้คนรักของเขาหวาดกลัว
แก๊งควอนตัมกลับมารวมตัวกันอีกครั้งหลังจากไม่ได้เจอหน้ากันกว่าหนึ่งสัปดาห์ ฟังดูไม่นาน แต่ในยุคที่ทุกวินาทีมีค่ากว่าทอง จึงถือว่านานพอที่จะทำอะไรหลายอย่างให้บรรลุได้
อย่างเช่นเครื่องย้อนเวลารุ่นทดลองนี่
คาร์ลอสเล่าเรื่องที่ทางหน่วยงานรัฐบาลของสวิตเซอร์แลนด์ส่งการเตือนเรื่องข้อมูลที่พวกเขาเข้าไปสืบหามาจากในเซิร์น เขาบอกคนในกลุ่มเพียงว่าถ้าเรายังไม่หยุดสืบเรื่องขององค์กรลับ ที่นำข้อมูลงานวิจัยต่างๆ จากเซิร์นไปทำการทดลองย้อนเวลาเองเช่นกัน พวกเขาอาจเป็นกลุ่มคนที่โดนรัฐบาลสวิตซ์หมายหัว
แต่คาร์ลอสไม่ได้บอกไปว่ารู้เรื่องนี้มาจากใคร ถึงแม้ว่าเพื่อนจะรู้ ว่าเขามีสายเลือดร่วมกันกับอาดัม โฮล์มส์ ประธานาธิบดี แต่ไม่ขอดึงชื่อคนนอกให้ฟังดูสับสนวุ่นวาย หรือทำให้กลายเป็นเรื่องใหญ่จะดีกว่า
กิจวัตรของคาร์ลอสเปลี่ยนไปเพียงเล็กน้อย แต่ที่เปลี่ยนไปมากคือเจ้าตัว จนเพื่อนๆ ยังสงสัยว่าแค่ทริปเดียวกับโอเมกาน้อยนุ่มฟู จะทำให้คนที่ทำตัวอย่างกับว่าตัวเองเป็นหมาป่าเดียวดายไม่อะไรกับใคร กลายเป็นหมาบ้านที่หางกระดิกหูตั้งทุกครั้งที่เห็นเจ้าของมารับขนาดนี้ได้ยังไงวะ
จากปกติที่ถ้ามีนัดทดลองเครื่องควอนตัม คาร์ลอสแทบจะไม่ปลีกตัวออกจากแล็บเลยถ้าไม่มีเหตุจำเป็น กินอาหารนับมื้อได้ ถ้าเพื่อนไม่ซื้อเข้ามาฝาก เห็นทีก็คงจะไม่กินอะไรจนกว่าจะปวดท้องแล้วต้องยอมลงไปกดแมชชีนเอาอาหารขยะมากินประทังชีวิต
แต่ตอนนี้นอกจากจะไม่ค่อยเห็นนอนอยู่ที่แล็บแล้วเพราะกลับไปนอนที่หอ ก็ยังใช้ชีวิตตรงตามไทม์โซนอเมริกาเหมือนคนอื่นเขา กินเป็นเวลา นอนเป็นเวลา แถมพอหมดเวลาทำโปรเจ็กต์ หรือเลิกคลาสปุ๊บ ก็จะตรงดิ่งออกจากแล็บไปเจอคนที่คุณก็รู้ว่าใครทันที
ทั้งโจเซฟ เอมิลี่ ลูคัสแทบจะชินกับโอเมกากลิ่นดอกไม้ชวนผ่อนคลายเข้าเสียแล้ว ก็ถ้าฮันไม่เลิกเรียนก่อนแล้วมารอหน้าห้องแล็บ ก็จะได้กลิ่นติดเสื้อผ้าของอัลฟาผมบลอนด์อยู่ประจำ
“เมื่อไรจะเสร็จ”
“แหม แหม แหม รีบออกไปหาเมี— “
“หยุด”
เปล่า คาร์ลอสไม่ได้บอกให้เพื่อนหยุดเพราะกลัวกลั้นอาการขวยเขินไม่ไหว เขาน่ะชินแล้ว แต่ที่ปรามก็เพราะอยากโฟกัสกับงานให้เสร็จสักที
จะได้รีบไปหาฮันยังไงล่ะ
“วันนี้ไม่ลองเครื่องใช่ไหม”
“ไม่ จะลองทดสอบตัวเต็มอีกทีพรุ่งนี้ พวกมึงอย่าหนีไปไหนล่ะ” โจเซฟพูด แต่เหมือนประโยคหลังจากค่อนข้างเจาะจงไปที่ใครคนหนึ่งเป็นพิเศษ “เพราะครั้งนี้จะลองทดสอบกับคนจริงๆ ไม่ใช่วัตถุ”
กลุ่มเพื่อนของเขาแม้ว่าจะเป็นอัลฟาสูงราวเปรต ตัวใหญ่ราวช้างสา น้ำเสียงกระโชกโฮกฮากดูไม่น่าคบค้าสมาคม แต่พวกนี้คือคนที่เข้าใจเขา และรู้ว่าตอนไหนควรเล่น ตอนไหนควรจริงจัง
อย่างเช่นลับหลังฮัน เพื่อนในกลุ่มจะใช้สรรพนาม ‘เมียมึง’ เพื่อเรียกฮัน แต่อยู่ต่อหน้าฮันก็ไม่เรียกแบบนั้นออกไปอยู่ดีเพราะรู้ว่าฮันเป็น Non-Binary การไประบุอะไรที่สื่อถึงเพศใดเพศหนึ่ง ถือเป็นการไม่เคารพในการตัดสินใจของอีกฝ่าย แม้ว่าฮันจะบอกว่าไม่ถือก็เถอะ ปากบอกโอเค แต่ใครจะรู้เล่าว่าในใจอีกฝ่ายโอเคด้วยหรือเปล่า ไม่ใช่เพราะโดนสังคมและเพื่อนๆ ของเขากดดันในทางอ้อมที่ทำให้ปฏิเสธออกไปตรงๆ ไม่ได้ว่าไม่ชอบ
ดังนั้น อะไรที่ทำให้อัลฟาตัวเขื่องเปลี่ยนจากสภาพหน้าตายกลายเป็นขับเลือดฝาดได้ ทำตัวไม่ถูก หรือมือไม้ไม่รู้จะเอาวางไว้ตรงไหน อาการแบบนั้นทำให้เพื่อนยิ่งได้ใจ ยิ่งแซวยิ่งล้อให้ได้อาย
โอเค...พวกมันแค่ยังไม่มีคนที่จริงจังด้วยก็เท่านั้นหรอก อย่าให้ได้มีนะมึง กูจะล้างแค้น เก็บมันทุกเม็ด
ล้างแค้นที่คาร์ลอสหมายถึงก็คือการได้แซวแฟนเพื่อนให้ได้ม้วนนั่นแหละ
ผ่านมาห้าวันแล้วหลังกลับมาจากทริปดูงานที่สวิตเซอร์แลนด์ ทุกวันหลังจากจบคลาส ฮันและคาร์ลอสจะไปหาอะไรกินด้วยกัน กลับหอพร้อมกัน อาจจะมีบางคืนที่ฮันขอค้างคืนที่หอคาร์ลอส
แม้ว่าอัลฟาหนุ่มจะบอกว่าห้องมันแคบ อีกฝ่ายอาจจะนอนไม่สบายก็ตาม แต่มีหรือที่ฮันจะแคร์เรื่องแค่นั้น แค่ถามกลับด้วยสายตาอ้อนๆ ว่า ‘เราโอเคทุกอย่างเลย จริงๆ นะ หรือว่าซีแอลอึดอัดเหรอที่นอนกับเรา แต่เราน่ะอยู่ที่ไหนก็ได้ ขอแค่มีนายก็พอแล้ว’ มีหรือ ซีแอลของฮัน ไนท์จะปฏิเสธลง
ซึ่งคำว่านอนของฮันก็คือการนอนจริงๆ แต่เพราะเตียงมันไม่ได้กว้างขนาดรองรับคนสองคน ดังนั้นก็อาจจะมีการโอบกอดที่แนบชิดกันเสียหน่อย
ซึ่งปัญหาก็อยู่ตรงนั้นแหละ เปล่า ฮันไม่ได้นอนดิ้นหรือกรนเสียงดังจนเจ้าของห้องอึดอัดใจ แต่อีกฝ่ายแค่ตัวหอมเกินไป น่ารักเกินไป และน่าฟัดเกินไป!
ทุกคนรู้ดีอยู่แล้ว ว่าฟีโรโมนอัลฟาและโอเมกาทำงานประสานกัน ดึงดูดกัน...โดยเฉพาะทางเพศ
ยิ่งกับคนที่เขายอมพร้อมมอบหัวใจให้ มีหรือจะทนไม่ให้ปวดหนึบยามค่ำคืนไหว
“ซีแอล คืนนี้เราขอนอนด้วยได้ไหม”
อีกแล้ว...ที่รัก ให้ฉันได้นอนหลับเต็มตาสักคืนได้ไหมครับ
“ที่จริงฉันมีงานที่ต้องเคลียร์เยอะหน่อย ไม่รู้ว่าจะได้นอนตอนไหน กว่าจะได้นอนพร้อมเธอ...ฮันครับ ฉันอยากนอนกับเธอ แต่ว่า...”
“ซีแอลกลัวว่าเราจะไปรบกวนตอนนายทำงานใช่ไหม ไม่เลย เราจะนอนนิ่งๆ นายทำงานเสร็จเมื่อไรก็ค่อยมานอนกับเราก็ได้ เราไม่ซีเรียส นะ น้า...”
อย่าอ้อน! ขอร้องเถอะครับ!
“ทำไมช่วงนี้ติดอ้อนจังครับ หือ” คาร์ลอสดึงหัวทุยเข้ามาหอมฟอดใหญ่ ระหว่างทางเดินไปยังรถโรลส์-รอยซ์คันสีดำขลับ คันดีคันเดิมกับที่ซิ่งไปรับฮันครานั้น
“เราแค่อยากนอนกับซีแอล”
“นอนที่หมายถึง...”
“นอนจริงๆ สิ ช่วงนี้เห็นนายปั่นโปรเจ็กต์แล้วไม่กล้าชวนจ้ำบ๊ะกันหรอก”
คาร์ลอสหลุดหัวเราะ
“ครับๆ ถ้าเธอบอกว่าไม่ ฉันก็ไม่ทำอะไรอยู่แล้ว ไหนช่วงนี้เธอก็เริ่มร่างงานปรัชญาแล้วใช่ไหมครับ ถ้าฉันเสร็จจากตรงนี้แล้วจะไปช่วยเธอแบบเต็มตัวนะ อย่าเพิ่งหักโหมทำคนเดียวจนหมดล่ะ ฉันรู้ได้ไงเหรอ? แค่ดูใต้ตาเธอก็รู้แล้วไหมที่รัก”
“ฮื่อ…มันชัดขนาดนั้นเลยเหรอ”
“แต่ถึงจะเป็นแพนด้า ก็น่ารักอยู่ดีครับ”
“ว้อยยย” ฮันหยิกแขนคนตัวสูงกว่าทีเล่นทีจริง ซึ่งแน่นอนว่ามีเสียงโอดโอยตามมา แต่อัลปากาตัวน้อยรู้แล้วว่านั่นคือเสียงที่เพื่อนเรียกกันว่า ‘อาการสำออยต่อฟวามรัก’ ไม่ได้เจ็บจริงแต่อย่างใด
“โอ๊ยๆ ล้อเล่นครับ…แต่พูดจริงนะ อย่าหักโหมทำงานโต้รุ่งเหมือนแต่ก่อน โอเคไหมครับ ฉันทนไม่ไหวแน่ถ้าเห็นเธอเป็นอะไรไป”
คาร์ลอสเปิดประตูรถให้ฮันเข้าไปนั่ง ก่อนจะวิ่งไปขึ้นอีกฝั่ง ฮันรู้ว่าอีกฝ่ายรู้ ว่ารถคันราคาตั้งกี่หลัก ทำไมจะเปิดปิดประตูทั้งสองฝั่งโดยอัตโนมัติพร้อมกันไม่ได้ แต่อีกฝ่ายแค่อยากมั่นใจว่าฮันโอเค หัวไม่โขกขอบประตู นิ้วไม่ถูกหนีบ
และเหมือนว่าอีกคนจะชินกับการทำแบบนี้ ไม่ได้ทำเพราะคิดว่าเป็นเรื่องวิเศษณ์อะไร ถ้ามันเป็นความสบายใจของอัลฟาตาฟ้า ฮันก็ยอมปล่อยให้ทำไป
แต่เพราะมันเป็นอย่างนั้น ฮันถึงได้รู้สึก...รักอีกฝ่ายมากขึ้นทุกวัน
“ซีแอล”
“ครับ ที่รัก”
“ขอโทษนะที่ช่วงนี้มารบกวนนายที่ห้องประจำเลย แต่ว่าเรานอนคนเดียวไม่ได้” ฮันตัดสินใจพูดขึ้นเมื่อรถออกตัวได้ระยะหนึ่ง
“…หือ?” คาร์ลอสหันไปสบตา บ่งบอกว่าให้พูดมาเขาฟังอยู่ ก่อนจะหันกลับไปมองถนนต่อ
“เป็นมาหลายคืนแล้ว เราฝันร้ายประจำเลย ในฝันมันน่ากลัวมาก แถมยังเหมือนจริงมากด้วย บางครั้งเรายังเผลอคิดว่ามันเป็นเรื่องจริงด้วยซ้ำ”
“…” คาร์ลอสละมือข้างหนึ่งมาวางข้างตัว เป็นการกระทำที่กำลังบอกว่า ให้ฮันยื่นมือไปกอบกุม ซึ่งโอเมกาชาคาโมมายล์ก็ส่งมือออกไปกุมทันที
นิ้วหัวแม่มืออุ่นๆ นวดคลึงหลังมือของฮัน นั่นทำให้คนตัวน้อยยิ้มออก
“นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเราถึงขอมานอนกับซีแอล เพราะการที่มีนายอยู่ใกล้ๆ มันทำให้เราอุ่นใจ แล้วก็จะไม่ฝันร้ายเหมือนตอนนอนคนเดียว”
“ขอรู้ได้ไหมครับ…ว่ามันเป็นฝันแบบไหน”
“ฝันที่สมจริง…ทั้งๆ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่เหมือนเราคุ้นเคยกับมันมาก เหมือนมันเคยเกิดขึ้นกับเราจริงๆ แต่เรารู้ตัวเองนะว่านั่นไม่ใช่เรื่องจริง เรา…เราสับสน ซีแอล เรากลัว เรากลัวว่ามันจะกลายเป็นความจริงขึ้นมา”
“ที่รัก…ความฝันก็คือความฝัน ถ้าเธอยังมีฉันอยู่ตรงนี้ ใครหน้าไหนก็มาทำร้ายเธอไม่ได้” อัลฟาหนุ่มหันมาสบตาอีกครั้ง ฝ่ามือหนากระชับแผ่ความอุ่นส่งไป
“อือ…”
“ฝันว่าตกจากที่สูง? โดนทำร้าย? หรือในฝันเธอไปทำร้ายใคร? กำลังวิ่งหนีจากตัวอะไร? หรือยังฝัน ‘แบบนั้น’ อยู่หรือเปล่าครับ ไปหาหมอดีไหม บางทีมันอาจจะมาจากปัญหาความรุนแรงในวัยเด็กของเธอ ความทรงจำที่เลวร้ายมันอาจจะกลับมาเล่นงานอีก อย่าเพิ่งคิดว่าเรื่องมันนานมาก แล้วมันจะหายไป บางทีอาจจะมีอะไรไปกระตุ้นมันมาอีกครั้งก็ได้”
“มีอะไรไปกระตุ้นเหรอ”
“ครับ คราวที่แล้วก็เพราะเธอถูกกระตุ้นด้วยทะเลใช่ไหม มันถึงทำให้ความทรงจำแย่ๆ ในวัยเด็กย้อนกลับคืนมา แล้วคราวนี้ในฝันเธอเห็นอะไร”
“...”
“มันโอเค ที่รัก ไม่จำเป็นต้องบอกฉันก็ได้ ไว้เธอพร้อมเล่าเมื่อไรค่อยเล่า แต่จำไว้เสมอว่าเธอมีฉันนะ หรือไม่ ไว้เราไปหาหมอกันนะครับ”
“เห็นนาย” ฮันนิ่งไปนานกว่าจะพูด “เราเห็นนาย…ที่ไม่ใช่ซีแอล”
“…?”
“ไม่ใช่ซีแอลแบบที่เราคุ้นเคย”
TBC
มาแล้ว กลับมาเมกาแล้วจ้า ช่วงนี้ตอนดำเนินไปจะว่าค่อนข้างอืดได้ไหมนะ แต่ว่ามันมีดีเทลอะไรหลายอย่างที่อยากใส่ไว้ในนั้น ก็เลยข้ามไปฉับๆ ไม่ได้สักที แต่หลังจากนี้ทุกอย่างกำลังจะเริ่มแล้วนะ เพราะมันใกล้จะสิ้นสุดเล่ม 1 แล้วค้าบ การเริ่มต้นในเล่ม 2 จะดุเดือดเผ็ดมันส์ขนาดไหน อยากให้รอติดตามกันเลยน้า
สามารถหวีด ร่วมพูดคุย แสดงความคิดเห็นผ่าน #IABOU
หรือเพื่อติดตามเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของนิยายเรื่องนี้ที่เราจะลงไว้ที่นั่นได้เลย!
ถ้าคุณชอบนิยายเรื่องนี้ โปรดแชร์ให้ผู้อื่นได้รับรู้ เพราะนั่นคือการซัพพอร์ตนักเขียนที่ดีมากอีกวิธีหนึ่งโดยที่คุณไม่ต้องเสียเงินเลยสักบาท
ด้วยรัก
แล้วพบกันตอนหน้า?
Comments (0)