13 ตอน XI SEA no BLUE. YOU no ME.
โดย FIT FOR FINE
Listen to this song for your อรรถรสในการอ่าน
Troye Sivan - could cry just thinkin about you
XI
SEA no BLUE. YOU no ME.
Photo by Kate Trifo on Unsplash
I could cry just thinkin' about you
Every line I write is something about you
Every guy I want looks something just like you
Every book I read I only read for you
Every art piece is just to remind you
ผู้ที่เป็น Thalassophobia (โรคกลัวทะเล) ไม่ไหว อย่าฝืนอ่านค่ะ
ความรุนแรงจากฝันร้าย รุนแรงมากจริง (ไม่รู้ต้องเขียนคำเตือนยังไง แต่ไม่มีเลือด ไม่มีอะไรที่สยดสยองค่ะ)
“ฮันนี่ ได้ยินไหม”
“คาร์ลอส…?”
“ได้ยินไหมครับ เด็กดี”
“ทำไม...” ฮันแปลกใจจนนึกไม่ออกว่าจะต้องพูดอะไรต่อ เพราะสิ่งที่เขาเห็นตอนนี้มีเพียงคาร์ลอสที่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้า และโอดครวญถึงบางอย่างน่าสงสารจับใจ
จากตอนแรกที่ฮันนั่งอยู่ในล็อบบี้ของโรงแรมกลางกรุงเจนีวา เมื่อภาพทั้งหมดโฟกัสสู่สายตาอีกที ร่างของเขากลับนั่งอยู่บนทุ่งหญ้าเตียนๆ สีเขียวโล่งกว้าง แสงแดดสะท้อนเข้านัยน์ตา มันสว่างจ้าเสียจนต้องยกมือขึ้นบัง ทุกอย่างที่ไกลออกไปดูเลือนราง สิ่งเดียวที่เห็นชัดเจนคือใบหน้าของคาร์ลอสที่ห่างเพียงหนึ่งฝ่ามือ
นั่นคือคาร์ลอส
ที่เหมือนไม่ใช่คาร์ลอส
“คิดถึงเหลือเกิน...เราขอโทษ”
คาร์ลอสที่อยู่ตรงหน้าว่าเสียงแหบแห้ง น้ำตาไหลพรากอย่างไม่อาจกลั้น คุกเข่าอยู่ตรงพื้นแล้วโอดครวญให้กับอะไรบางอย่างอยู่อย่างนั้น
“เราไม่เข้าใจ คาร์ลอส?” ฮันจ้องเข้าไปในดวงตาที่แดงก่ำ บวมช้ำเหมือนผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักหน่วง เขากำลังจะยื่นมือเข้าไปหา แต่ก็ต้องชะงักเพราะประโยคต่อมา
“ขอโทษจริงๆ ที่เราช่วยไว้ไม่ทัน”
“...” ว่าไงนะ?
“ความผิดเราทั้งหมด ทุกอย่างมันเป็นความผิดของเรา”
“นายพูดอะไรเนี่ย ไม่เห็นจะเข้าใจ—”
“ถ้าตอนนั้นเราไปช่วยไว้ทัน ถ้าเราไม่หนี ถ้าตอนนั้นเราเลือกที่จะอยู่กับฮัน ทุกอย่างมันคงไม่จบแบบนี้”
ฮันพยายามตั้งสติ มองคนตรงหน้าที่ไม่ว่าจะมองอย่างไร ก็ไม่คิดว่าใช่คาร์ลอสคนเดียวกับที่ตนเองรู้จัก เขาคิดว่าตัวเองอาจจะติดอยู่ในห้วงความฝัน มันอาจจะเป็นอาการข้างเคียงของยาชนิดพิเศษ
เขาคิดว่าตัวเองกำลังฝัน และที่เข้ามาอยู่ในนี้ได้เพราะตัวเองอาจจะเกิดอาการฮีทกะทันหันจนโดนฉีดยาระงับฮีทเร่งด่วน และตอนนี้เขาก็กำลังสลบอยู่ในห้องพยาบาลสักที่หรือของโรงแรม มันต้องเป็นแบบนั้นแน่...ใช่ไหม
ฟึ่บๆ
อีกทั้งเมื่อฮันลองโบกมือไปมา สายตาคู่นั้นก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะขยับตาม หรือตอบสนองกับการเคลื่อนไหวของเขาเลยแม้แต่น้อย ในตอนที่ฮันลุกขึ้นยืน คนที่หน้าตาเหมือนคาร์ลอสก็ยังมองตรงเหมือนเดิม ในระดับเดิม เหมือนจุดโฟกัสของคนตรงหน้าอยู่ที่อะไรบางอย่าง ที่อยู่ข้างหลังของฮัน
ตุบ...ตึกตึก
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเสียงหัวใจของฮันมันดังจนน่ากลัว ยากที่จะควบคุมร่างกายไม่ให้สั่นไปตามความกังวล
หัวคิ้วสวยขมวดเข้าหากันแน่น เมื่อมองพื้นที่ตนเองเหยียบ มันก็เป็นเพียงเนินหญ้าสั้นเตียน แต่ไม่รู้ทำไมจังหวะที่ค่อยๆ หันหลังกลับไป ก้อนเนื้อในอกของเขามันถึงเต้นเร็วผิดปกติ
สัมผัสแรกใต้ฝ่าเท้า ฮันก้มลงมองเมื่อรู้สึกได้ว่ากำลังเหยียบอะไรบางอย่าง มันคือดอกคาโมมายล์ช่อหนึ่ง และฮันก็เผลอเหยียบดอกของมันจนใบช้ำเละ
“คนตายไปแล้ว โทษตัวเองไปจะได้อะไรขึ้นมา”
ฮันสะดุ้งเมื่อมีเสียงหนึ่งดังขึ้นจนต้องเงยหน้าอัตโนมัติ และนั่นคือสิ่งที่ทำให้ฮันตกใจจนเหงื่อข้างขมับไหลลงมาไม่หยุด
คนที่พูดประโยคนั้นคือตัวเขาไม่ผิดแน่
“นายเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้วไม่ได้หรอก คาร์ลอส” คนที่หน้าเหมือนฮันในเสื้อเชิ้ตสีขาว ทับด้วยเสื้อโคตสีเบจตัวใหญ่กล่าว มือล้วงกระเป๋า สายตามองตรงมายังคนที่นั่งโอดครวญกับพื้นนิ่ง ท่าทางดูภูมิฐานกว่าเขามาก
หรือนี่จะเป็นลางบอกอนาคต?
ฮันพยายามวิเคราะห์สถานการณ์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด แต่เพิ่งนึกได้ว่าก่อนหน้านี้ตนเองกำลังจะหันไปมองสิ่งที่คาร์ลอสในฝันโอดครวญเมื่อครู่ ทว่าเสียงมีคนข้างกายเอ่ยขัดเสียก่อน
“เพราะฉันไปช่วยฮันไม่ทัน เขาถึงตาย” คาร์ลอสคนนั้นเอ่ย ดวงตาสีแดงก่ำจ้องตัวฮันอีกคนกลับ “เป็นเพราะนายไม่ตาย ไม่ได้หมายความว่าการที่ฮันในโลกนี้ตาย ไม่ใช่เรื่องจริง”
“ไม่ว่าจะในมิตินี้หรือมิติไหน มันก็ต้องมีมิติที่ฉันตายอยู่แล้ว ฉันในมิติของนายแค่โชคร้ายเท่านั้น หยุดโอดครวญถึงอดีตสักทีเถอะ มันทำให้นายดูน่าสมเพช...”
“ฉันจะแก้ไขมัน”
“ล้มเลิกความคิดไร้สาระนั่นซะ นายกำลังจะทำให้มิติกาลเวลาปั่นป่วน...”
เสียงของทั้งคู่เบาลงเรื่อยๆ จากท้องฟ้าที่เคยเปิด มีแสงตะวันสาดจ้า ตอนนี้มันกลับหมุนเร็วคล้ายถูกเร่งกาลเวลา ก้อนเมฆเคลื่อนผ่านเร็วขึ้นและเร็วขึ้น จากพระอาทิตย์สีส้มกลายเป็นสีแดง และมันก็หายไปถูกแทนที่ด้วยดวงจันทร์ลอยเด่น ความมืดมิดเข้าปกคลุม เหมือนเขาโดนเร่งเวลามาตอนค่ำย่ำพระจันทร์
แต่มันกลับเป็นกลางคืนที่มืดสนิท ไม่มีดาวเลยสักดวง
คาร์ลอสและฮันในห้วงความฝันนั้นหายไปแล้ว เหลือเพียงฮัน อัลเลน ไนท์ผู้ที่ยังยืนขาแข็งอยู่ที่เดิม ลมหนาวยามค่ำคืนพัดผ่านลำตัวจนขนอ่อนลุกชัน รอบตัวฮันไม่มีใครทั้งนั้น มีเพียงป่าที่ห้อมล้อมเขาให้อยู่ใจกลางทุ่งหญ้าสั้นเตียนนี้
มันวังเวง ไร้แซ่เสียง เล่นเอาขนหัวลุก
สัมผัสประหลาดที่ไล่จากปลายเท้าขึ้นมาทำให้ฮันกรีดร้องและดีดลำตัวออกจากตรงนั้นอย่างตื่นตระหนก เมื่อหันกลับไปมอง มันก็เป็นเพียงต้นคาโมมายล์ที่งอกขึ้นมาพันเกี่ยวขา ก่อนดอกของมันจะเหี่ยวเฉาตายในเวลาต่อมา
และนั่นทำให้ฮันได้เห็นสิ่งที่ทำให้เขาต้องเบิกตากว้าง
Han Allen Knight
2200 - 2214
R.I.P
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะ!
มันคือศิลาหินที่สลักชื่อของเขาและปีคริสต์ศักราชไว้ มีดอกไม้วางเรียงรายอยู่บนเนิน ไม่ต้องมีคำอธิบายใดๆ ฮันก็รู้ได้ว่าสิ่งนี้คือหลุมฝังศพ และมันฝังร่างของเขาเอาไว้
“ฝัน นี่มันแค่ฝัน...ตื่น ฮันตื่นสิ ตื่น!!” ฮันกรีดร้อง ทั้งทุบอกชกหัว ทั้งหยิกแขนตัวเอง พยายามทำทุกสิ่งเพื่อให้ตนเองหลุดจากฝันร้ายนี้ แต่นี่คงไม่ร้ายมากพอ
“เกิดมาเป็นโอเมกา ก็ทำได้แค่อย่างเดียวหรือเปล่า”
ฮันสะดุ้งตัวโยนเมื่อเสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหูซ้าย แต่พอหันหลังไปกลับพบเพียงความว่างเปล่า อีกเสียงดังข้างใบหูขวา “วัยนี้ก็เริ่มฮีทแล้วนี่นา ไม่อยากให้พวกเราช่วยสนองสักหน่อยเหรอ”
ฮันหอบหายใจแรง ฝ่ามือและแผ่นหลังชื้นเหงื่อไปหมด เขากลัวจับใจ น้ำตาหยดใสไหลลงข้างแก้ม แต่ถึงอย่างนั้นดวงตาของฮันก็ยังล่อกแล่กเลิ่กลั่กด้วยความผวา หันซ้ายหันขวาพะวงไปรอบด้าน พยายามหาต้นตอของเสียงน่าพิศวง
จังหวะหนึ่งที่เสียงทุกด้านเงียบสงัด จากก่อนหน้านี้ที่อย่างน้อยก็ยังได้ยินเสียงใบไม้ใบหญ้าและเสียงลมพัดพาหนาวสั่น ทว่าตอนนี้ทุกอย่างมันกลับหยุดนิ่ง และฮันรู้ว่านี่คือสัญญาณเตือน ว่ามันเพิ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นของฝันร้าย
หมับ
“ไม่!!” ฮันตะโกนลั่นในตอนที่มีมือปริศนาล็อกต้นแขนทั้งสองข้าง แล้วลากตัวเขาไปด้านหลัง ฮันทั้งดิ้น ทั้งตะโกนขอความช่วยเหลือ ขาทั้งสองข้างที่ทรงตัวและรั้งแรงดึงเอาไว้ไม่อยู่ไถลไปกับพื้น
ทุกอย่างมันดูสมจริงเกินไป สมจริงจนฮันต้องออกแรงดิ้นให้หลุดจากวงแขนนั้นให้ได้ “ดิ้นไปก็เท่านั้น”
“ปล่อย!!” ฮันตะโกนสุดเสียง ถีบตัวเองสุดแรงเกิดเมื่อพวกมันกำลังลากเขาเข้าไปในโพรงป่า ที่ทางเข้านั้นมีควันขมุกขมัวสีดำ เห็นด้วยตาเปล่าก็รู้ว่าควันสีดำนั้นต้องมีอะไรประหลาดซ่อนอยู่เป็นแน่ ในจังหวะนั้นเองที่ฮันใช้ขาข้างหนึ่งถีบเงาบางอย่างที่มองไม่เห็นเป็นรูปร่าง มันผงะไปชั่วคราว ฮันจึงใช้จังหวะนั้นในการสะบัดทั้งตัวออกมา แล้ววิ่งสุดแรงเกิด
ฮันได้ยินเสียงหัวเราะอยู่ข้างหลัง เสียงนั้นดังไกลออกไปเมื่อเขาคิดว่าตัวเองวิ่งออกมาไกลจากพวกนั้นพอสมควร เขาเห็นแสงหนึ่งที่ลอดมาจากต้นไม้สูง มันสูงมาก ถ้าคนที่รู้จักต้นไม้คงมองออกว่ามันคือต้นอิคารัสในไม่กี่วินาที แต่ในตอนนี้ ฮันที่วิ่งหน้าตั้งเพื่อหนีจากตัวอะไรก็แล้วแต่ในความฝันไม่มีเวลาที่จะพิจารณาอะไรทั้งนั้น
“เฮือก!” ในวินาทีที่วิ่งเข้าไปในแสงนั้น ทุกอย่างรอบด้านพลันเปลี่ยนเป็นขาวโพลน และเมื่อเขาลืมตาขึ้นมาอีกที ก็พบว่าตอนนี้ตัวเองอยู่หน้าผา อีกก้าวเดียวเท่านั้น ถ้าฮันหยุดไม่ทัน เขาจะตกลงจากหน้าผา
ซึ่งข้างล่างคือมหาสมุทร
“ขอร้อง…ไม่เอาแล้ว ใครก็ได้ช่วยด้วย ฮึก ตื่นสักที ได้โปรด…” ฮันส่ายหน้าว่าเสียงสะอึกสะอื้น ค่อยๆ ก้าวขาที่สั่นอย่างห้ามไม่ได้เมื่อเห็นสิ่งที่ตนเองกลัวสุดขั้วหัวใจถอยหลังอย่างเชื่องช้า แต่ยังถอยได้ไม่ถึงสามก้าว แผ่นหลังของเขาก็ชนเข้ากับบางอย่าง
“อยากหนีเหรอ…ก็วิ่งไปสิ ใครห้าม”
เสียงทุ้มคุ้นหูอย่างประหลาดดังขึ้นจากทางด้านหลัง ทั้งๆ ที่ฮันควรจะดีใจที่ได้ยินแท้ๆ แต่เพราะประโยคที่เอ่ยออกมาบวกกับน้ำเสียงที่แปลกไป ทำให้ฮันสั่นกลัวจับใจ ยามหันหลังกลับไป เขาภาวนาขอให้คนตรงหน้าไม่ใช่—
คาร์ลอส
คาร์ลอสที่อยู่ตรงหน้าของฮันตอนนี้ดูเด็กกว่าปัจจุบันมาก แต่แววตานั้นราวกับเป็นคนละคน ไร้ความอบอุ่น ไร้แสงสะท้อน ไร้ความปรานี ข้างหลังของอีกฝ่ายมีผู้ชายอีกสอง ผู้หญิงอีกหนึ่งที่ฮันสัมผัสได้ว่าทั้งหมดนั้นเป็นอัลฟา
ฮันจำพวกคนที่อยู่ข้างหลังของคาร์ลอสได้
กลุ่มที่จับเขาถ่วงน้ำจนเกือบตาย
แต่คราวนี้กลับมีคาร์ลอสยืนอยู่ในกลุ่มนี้ด้วย ราวกับเป็นคนนำ นั่นทำให้ฮันทั้งสับสน ทั้งตื่นกลัว เขาส่ายหน้าไปมา ปากพึมพำแต่คำว่าไม่ ไม่ใช่ เรื่องจริงคือไม่มีคาร์ลอสอยู่ตรงนั้น เพราะคาร์ลอสแยกไปเรียนที่อื่นตั้งแต่เกรด 4 แล้ว
“คาร์ลอส นั่นใช่นายใช่ไหม นายเห็นเราไหม เราฮันไง ฮันนี่ของนาย” ฮันพยายามพูดกับคนที่ยืนประจันหน้า และอีกฝ่ายก็มองเขากลับ คิ้วหนาเลิกขึ้นข้างหนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ ฉีกยิ้มมุมปากกว้างขึ้นและกว้างขึ้น จากรอยยิ้มที่ดูดี กลายเป็นรอยยิ้มร้ายที่น่ากลัวชวนขนหัวลุก
“ทำไมถึงจะจำไม่ได้กันล่ะ”
ขาที่ยาวกว่าก้าวเข้ามาใกล้ ฮันค่อยๆ ขยับถอยทีละก้าวจนมาสุดริมผา เขาใจหล่นวูบในจังหวะที่เกือบจะทรงตัวไม่อยู่ ฝ่ามือหนาจับต้นแขนเขาเอาไว้ให้กลับมายืนตรงได้ดังเดิม
“คาร์ลอส ไม่เอา อย่าเล่นแบบนี้ เรากลัว เรากลัวทะเลมาก ขอร้อง...ปล่อยเราไปเถอะนะ” เขาอ้อนวอน น้ำหูน้ำตาไหลขนาดนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ากลัวมากขนาดไหน
ขอให้มันเป็นเพียงฝัน
ใจดวงน้อยอ้อนวอนไว้เช่นนั้น แม้ไม่รู้เลยก็ตามว่าจะต้องไปอ้อนวอนขอผู้ใด เขาถึงจะตื่นจากฝันร้ายนี้ได้เสียที
“อยากรู้ไหมล่ะว่าทำไมนายถึงกลัวทะเล?”
“…?”
“หึ”
“คาร์ลอส! ไม่!!!”
และสิ่งที่ฮันกลัวว่ามันจะเกิดขึ้น มันก็เกิดขึ้นจริง เขาถูกผลักลงจากหน้าผา ภาพทุกอย่างดูเชื่องช้าลงในวินาทีนั้น ทำให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าคาร์ลอสและพรรคพวกกำลังมองต่ำลงมาอย่างดูแคลน มองเขาที่กำลังจะตกลงสู่มหาสมุทรอันกว้างใหญ่นี้ด้วยสายตาแห่งความเกลียดชังเคียดแค้น
แต่เรื่องที่น่ากลัวกว่าคือ คาร์ลอสเผยรอยยิ้มยามมองลงมายังเขา
ฮันไม่เคยเข้าใจเวลามีคนบอกว่าความฝันมันเหมือนจริงมาก แน่นอนว่าเขาเคยฝันเจอเรื่องน่ากลัว แต่นี่มันเหมือนจริงเกินไป เหมือนจริงจนมีวินาทีหนึ่งที่เขาคิดว่าตัวเองต้องตายแน่นอน ยามที่ลำตัวกระแทกเข้ากับผืนน้ำด้วยน้ำหนักตัวทั้งหมด บวกกับความสูงที่ถูกโยนลงมา
มันเลยคำว่าเจ็บจนจุกไปมาก มันชาวาบไปทั้งร่าง ราวกับสิ่งที่ตัวกระแทกนั้นไม่ใช่ผืนน้ำ ถ้าให้เปรียบ มันคงไม่ต่างอะไรจากตกตึกหรือถูกรถชน
ความเย็นเฉียบเข้าโอบคลุมในเสี้ยววินาทีถัดมา และภาพซ้ำจากความฝันก็ทับซ้อนเข้ามาเป็นฉากๆ
เขายังคงเห็นแสงรำไรที่ส่องลงมา ฝ่ามือที่ขยับได้ชูขึ้นเหมือนอยากจะไขว่คว้าหาที่เกาะจับ ขาทั้งสองข้างชาจนแทบไร้ความรู้สึก ทุกอย่างมองเห็นยากขึ้น ความว่างเปล่าอันมืดมิดที่ยิ่งมองก็ยิ่งชวนผวา ฮันจึงเลือกที่จะปิดเปลือกตาลง
เขานึกถึงหน้าหม่าม้าและออมม่าในลำดับแรก นึกถึงเพื่อนๆ ที่ตอนนี้คงจะเป็นห่วงแทบแย่ที่เขาหลับไปนาน
และนึกถึงคาร์ลอสเป็นลำดับสุดท้าย ก่อนที่สติทุกอย่างจะดับหาย
ฝันนี้...ยาวนานเสียจริง
αβΩ
อีกด้านหนึ่ง คาร์ลอส เอมิลี่ ลูคัสและพาร์ตเนอร์ของทั้งคู่กำลังนั่งหน้าเครียดอยู่ภายในห้องพยาบาลประจำโรงแรม แต่คนที่ดูจะอยู่ไม่สุขที่สุดคงจะเป็นคาร์ลอส โฮล์มส์
ก่อนหน้านี้ที่ล็อบบี้ ยังไม่ทันถึงเวลานัดหมายกำหนดการณ์ของแผนการทำโปรเจ็กต์ อยู่ๆ ฮัน ไนท์ก็มีสีหน้าซีดเซียว หยาดเหงื่อไหลชื้นข้างขมับ คาร์ลอสผู้สังเกตเห็นคนแรกจึงรีบเข้าไปดูอาการ
สีหน้าไม่สู้ดีนักของฮันและดวงตาที่หรี่ลงจากอาการวิงเวียนคล้ายคนจะหมดสติในไม่ช้า ทำให้คาร์ลอสตัดสินใจช้อนแขนเข้าใต้ข้อพับขา รวบร่างฮันแนบอก ก่อนจะวิ่งไปทางห้องพยาบาล
ครั้งนี้อัลฟาหนุ่มรู้สึกโล่งอกและขอบคุณความย้ำคิดย้ำทำของตัวเอง เพราะมันทำให้เขาวิ่งไปห้องพยาบาลได้ทันทีแบบไม่ต้องสอบถามคนอื่นให้เสียเวลาว่าห้องพยาบาลอยู่ตรงไหน จากการที่เจ้าตัวสังเกตแผนที่โรงแรม แล้วจำผังคร่าวๆ ของห้องสำคัญได้ทั้งหมด
ฮัน ไนท์สลบไปเกือบสิบนาทีได้ แพทย์รายงานว่าโอเมกาหนุ่มไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง สาเหตุที่เป็นลม อาจเป็นเพราะร่างกายปรับตัวไม่ทันจากหลายปัจจัยอาจจะเพราะเมารถ หรืออาจจะเพราะเหนื่อยล้าจากการเดินทาง
และเหตุผลที่คาร์ลอสนั่งหน้าเคร่งเครียดกว่าคนอื่น เพราะเขาคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องแค่นั้น
พวกเขาออกจากสถานีไฮป์มาหลายชั่วโมงแล้ว ฮันก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะมีอาการเมารถ เมาเรือ หรือวิงเวียนศีรษะเลยแม้แต่น้อย ถ้าบอกว่าอาการมันมาทีหลัง พาร์ตเนอร์ของเอมิลี่และลูคัสที่บอกว่าเมารถตั้งแต่ลงจากพอด ตอนนี้ก็กลับมาเป็นปกติดีแล้วด้วยซ้ำ ระยะเวลามันนานเกินจะใช้คำว่าอาการมันมาดีเลย์ไปมาก
“ตอนนี้ก็ให้นอนพักไปก่อนนะครับ ผมให้วิตามินไปแล้วหลายตัว สักพักก็น่าจะฟื้น ถ้ามีเรื่องอะไรกดเรียกหมอได้เลยนะครับ หมอขอตัว” เมื่อแพทย์หนุ่มรายงานด้วยภาษาอังกฤษสำเนียงฝรั่งเศสเสร็จก็ขอตัวเดินออกไป ในห้องพยาบาลขนาดย่อมของโรงแรม ซึ่งเป็นเตียงแบบรวมจึงเหลือแต่ฮันที่นอนสลบไสล และเพื่อนๆ ที่นั่งเฝ้าข้างกายไม่ห่าง
พาร์ตเนอร์ของเอมิลี่เป็นโอเมกาชาย ส่วนพาร์ตเนอร์ลูคัสเป็นโอเมกาหญิง ทั้งคู่ไม่รู้จักใครในนี้นอกจากพาร์ตเนอร์ของตนเอง แต่เมื่อเห็นสีหน้าของเอมิลี่และลูคัสที่ดูเป็นกังวลมาก ทั้งสองก็อดจะรู้สึกเป็นห่วงตามไม่ได้
“เธอกลับไปพักผ่อนที่ห้องก่อนเถอะ ฉันอยากรออยู่นี่ต่ออีกหน่อย” อัลฟาหญิงหนึ่งเดียวในห้องอย่างเอมิลี่พูดกับพาร์ตเนอร์ของตน โอเมกาหนุ่มหน้าใสเม้มปากเบาๆ แล้วพยักหน้า ก่อนเดินออกไปเจ้าตัวยังบอกอีกว่าถ้าต้องการอะไรให้เรียกได้ทันที
ส่วนพาร์ตเนอร์ของลูคัสยังนั่งอยู่ในห้องพยาบาล รอลูคัสที่ออกไปคุยกับผู้คุมนักศึกษาเรื่องแผนการเดินทาง ที่จริงมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับคู่ของคาร์ลอสที่ยังไม่ได้เลือกกำหนดการณ์อย่างแน่ชัด แต่เพราะคาร์ลอสยังยืนยันที่จะอยู่กับฮันในห้องพยาบาล และถ้าให้พาร์ตเนอร์ของลูคัสหรือเอมิลี่ออกมาคุยแทนคงไม่ดีแน่ที่จะให้มีแต่อัลฟาในห้องกับฮัน โดยไม่มีผู้ที่มีเพศรองอื่นอยู่ด้วยเลย
ดังนั้น ลูคัสจึงอาสาออกมารับเรื่องจากผู้คุมนักศึกษาแทนเอมิลี่ ไม่นานก็เดินกลับเข้ามา “ผู้คุมฝากมาถาม ว่าอีกสี่วันพี่จะไปเมืองไหนบ้าง ตอนแรกเขาคาดคั้นจะเอาคำตอบให้ได้ทั้งๆ ที่รู้ว่าพาร์ตเนอร์พี่สลบอยู่ บอกให้พี่เลือกมาเลยจะได้ใส่ข้อมูลเข้าระบบ”
คาร์ลอสที่นั่งมองคนบนเตียงเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะหลุบตามองมือตัวเองที่กอบกุมมือของฮันอยู่ “กูไม่รู้”
“เขาบอกว่าไม่งั้นจะสุ่ม”
“กูจะรอฮันตื่น” คาร์ลอสอยากให้คนที่สลบอยู่ ตื่นมาเลือกด้วยตัวเอง
“ผู้คุมเขาไม่รอเลยพี่”
“งั้นเดี๋ยวกูไปคุยเอง” เอมิลี่ทำท่าจะลุก แต่เสียงของคาร์ลอสรั้งไว้
“เมืองที่ไม่มีทะเล”
“อะไรนะ”
“เลือกเมืองอะไรก็ได้ ที่ไปแล้วไม่มีวิวทะเล หรือไม่ติดทะเลได้ยิ่งดี” คาร์ลอสย้ำ แต่ไม่ได้พูดเสียงดังจนคนที่กำลังนอนรู้สึกถูกรบกวน
แต่ละทริปดูงานจะมีเวลาอยู่ในประเทศนั้นๆ ทั้งหมดเจ็ดวันหกคืน สองวันแรกจะยังอยู่ในเมืองที่มาถึง ดังนั้น พวกเขาต้องดูงานสองวันแรกในกรุงเจนีวา
ที่จริงแก๊งฟิสิกส์ควอนตัมก็คุยกันตั้งแต่ก่อนมาแล้ว ว่าจะใช้สองแรกในการไปดูงานที่ห้องปฏิบัติการเซิร์น
เพื่อชมการทดลองยิงอนุภาคด้วยเครื่องเร่งอนุภาคแอลเอชซี ซึ่งพัฒนามาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 21 และยังพัฒนาอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันอีกสี่วันต่อมาต้องเลือกไปยังเมืองใหม่ๆ จะเป็นรัฐใดก็ได้ที่อยู่ในประเทศนี้ ซึ่งต้องแจ้งกับผู้คุมนักศึกษาเพื่อส่งข้อมูลการเดินทาง โดยเมื่อได้ข้อมูลสถานที่ของแต่ละคู่แล้ว ระบบจะสรุปผลออกมาว่ามีคู่ไหนที่เดินทางไปยังรัฐเดียวกันบ้างเพื่อออกงบประมาณการเดินทางและค่าที่พัก และวันที่เจ็ด วันสุดท้ายจะเป็นวันที่เปิดโอกาสให้ไปเที่ยวเล่นที่ไหนก็ได้(ถึงบางคนอาจจะแอบเที่ยวตั้งแต่วันแรกแล้วก็เถอะ) แล้วจะมารวมตัวกันที่นี่อีกครั้งเพื่อเดินทางกลับในตอนเย็น
ทางมหาวิทยาลัยไม่ได้ให้เลือกสถานที่เจาะจงมาก่อนล่วงหน้า คงเป็นเพราะให้ความยุติธรรมสำหรับทุกคนในการมาเลือกหน้างาน แต่ละรัฐต้องมีคนเฉลี่ยกันออกไป ถ้าไปกระจุกกันอยู่สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอยู่ที่เดียวคงจะไม่ดีเท่าไร
ดังนั้นการให้มาตกลงกันที่หน้างานเลยคงดีที่สุด ถ้ารู้ว่ามีรัฐไหนที่มีคนอยากไปซ้ำกันเยอะ ก็จะให้คุยกันและตกลงไปกันคนละวันเพื่อไม่ให้คนกระจุกตัวคงจะดีที่สุด
ถึงเอมิลี่จะไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมต้องเป็นเมืองที่ไม่เห็นทะเล แต่เธอก็เดินออกไปจัดการกับผู้คุมนักศึกษา(ที่ดูเหมือนจะไม่กินเส้นกันตั้งแต่ขึ้นพอด) ไม่นานก็กลับเข้ามารายงานเพื่อนที่ยังนั่งเป็นปูนปั้น
คงเป็นความโชคดีที่เมืองไม่ติดกับทะเลแทบจะไม่มีคนสนใจ เพราะใครๆ ก็อยากไปดูงานในเมืองที่ติดทะเล เห็นทัศนียภาพความสวยงามของท้องทะเล คงจะมีแต่คู่นี้แหละมั้งที่หมายเหตุว่าไม่เอา
“สบายใจได้ ส่วนใหญ่มึงได้แต่อยู่บนเขาเลยแหละ”
“อือ ขอบใจ” คาร์ลอสตอบรับแค่นั้นก็หันกลับไปหาคนบนเตียงต่อ ก่อนจะนั่งเหมือนหมาเฝ้าเจ้าของอยู่อย่างนั้น เพื่อนเห็นแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ
สงสัยหมาแถวนี้จะเผลอตกหลุมรักเข้าเต็มเปาแล้ว
พาร์ตเนอร์ของเอมิลี่เดินกลับเข้ามาพร้อมของบางอย่างในมือ
“อ้าว นึกว่าเธอขึ้นห้องไปนานแล้ว มีอะไรหรือเปล่า เอลินอยส์” เอมิลี่ทักพาร์ตเนอร์ของตัวเอง
“ผมเอานี่มาให้ครับ” โอเมกาหนุ่มหน้าหวานยื่นบางอย่างให้กับคาร์ลอส
“?” คาร์ลอสเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย มองกระปุกกลมๆ สีครีมเพื่อพิจารณาว่ามันคืออะไร
พาร์ตเนอร์ของเอมิลี่สังเกตความไม่เข้าใจในแววตาของอัลฟาหนุ่มได้ จึงอธิบายของในมือ “มันคือยาดมล้างกลิ่นฟีโรโมนครับ ดีต่อคนที่มีเพศรองเป็นโอเมกา เวลาวิงเวียนเพราะเจอคนเยอะๆ ลองให้ดมเจ้านี่ดู จะรู้สึกสดชื่นขึ้นนะครับ”
“ขอบใจ...” คาร์ลอสตอบกลับ แต่ยังไม่รับของในมือไปสักทีจนเอมิลี่ต้องรับมาให้
“ขอบใจนะเอลินอยส์”
“อื้อ...” เสียงครางจากลำคอและนิ้วมือเล็กที่ขยับเพียงแผ่วเบา เป็นสิ่งที่เรียกความสนใจของอัลฟาตัวสูงได้เป็นอย่างดี
“ฮัน” คาร์ลอสลุกพรวดขึ้นยืน
“หนูฮัน/พี่ฮันนี่” ทั้งเอมิลี่และลูคัสต่างเข้ามามุงอยู่ข้างเตียงดูอาการ
“ปวดหัว...” ฮันถูกประคองให้ลุกขึ้นนั่ง ฝ่ามือยกขึ้นมากุมขมับแน่น ดวงตาที่เพิ่งเปิดปรือยังรับแสงได้ไม่ดีนัก
“มุงกันขนาดนั้น อยากให้คนเป็นลม เป็นลมอีกรอบเหรอคะ” คนที่นั่งเงียบอยู่นานจนลืมไปแล้วว่ายังมีอีกคนนั่งอยู่ตรงนั้นกล่าว เรียกให้ทั้งห้องหันไปมองเจ้าตัวที่นั่งไขว่ห้างอ่านอีบุ๊ก “พวกคุณไม่รู้สึกถึงฟีโรโมนตัวเองกันเลยหรือไง ว่ามันอัดแน่นขนาดไหน โอเมกาไม่ชอบให้อัลฟากลิ่นตีกันมายืนมุงหรอกนะคะ”
เธอคือพาร์ตเนอร์ของลูคัส คำพูดที่แอบเสียดแทง มาพร้อมกับแว่นสายตาทรงกลมกรอบสีโรสโกลด์ประดับใบหน้า และท่าทางเหมือนอาจารย์แสนเข้มงวดสักคนทำให้อัลฟาตัวเขื่องยอมถอยกรูดจากขอบเตียง
“ลูคัส นายจะเอายังไงก็ส่งข้อความมานะ เราไปก่อนนะ” เธอเก็บเอฟอร์ส ลุกขึ้นยืนตัวตรง ก่อนจะจากไปก็เดินมาวางบางอย่างที่ปลายเตียง
“พี่คาร์ลอส พี่เอมิลี่ ยังไงผมขอตัวก่อนนะ...พี่ลอว์เรนครับ รอผมด้วย”
“เมื่อกี้...ใครเหรอ” ฮันที่เพิ่งจะลืมตาขึ้นรับแก้วน้ำไปดื่ม เอ่ยถามเมื่อเห็นคนวิ่งออกจากห้องไปหลังไวๆ เงยหน้าขึ้นมองคนตัวโตที่ยังยืนนิ่งข้างเตียง ฟีโรโมนแห่งความชุ่มฉ่ำทำให้ฮันรู้สึกดีขึ้น “แล้วเราหลับไปนานแค่ไหน”
สมองของฮันรู้สึกประมวลผลช้าลงเล็กน้อย เขาจำไม่ได้เลยว่าหลับไปตั้งแต่ตอนไหน และไม่รู้เลยว่าตัวเองได้เจอกับอะไรในฝัน
“ลูคัสกับพาร์ตเนอร์มันน่ะ ส่วนนี่พาร์ตเนอร์พี่ เอลินอยส์” เอมิลี่แนะนำคนข้างกาย ฮันสัมผัสได้ถึงฟีโรโมนโอเมกาที่นุ่มนวล เขาจึงยิ้มและทักทายกลับ
“ซีแอล?” ฮันเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจเมื่อคนตัวใหญ่จู่ๆ ก็โน้มตัวลงมาโอบตัวเขาไว้ สัมผัสจากอ้อมแขนที่รัดอย่างโหยหาทำให้คนทั้งห้องได้แต่กะพริบตาปริบๆ มองภาพตรงหน้าด้วยความงุนงง
“อยากขึ้นไปพักบนห้องไหม” เสียงทุ้มต่ำถามอยู่ข้างไหล่ ฮันอมยิ้มก่อนจะพยักหน้าเบาๆ
“อื้ม...โอ๊ะ! เดี๋ยว อุ้มเราทำไม ซีแอล” ฮันตาเหลือกเมื่อถูกช้อนตัวขึ้นในท่าอุ้มเจ้าสาว ก่อนที่ใบหูฮันจะเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มเมื่อสมองเพิ่งจะประมวลผลได้ว่า
นี่เราไม่ได้อยู่กันสองคนในห้องนะ มีคนอื่นอยู่ด้วย! จะทำอะไรเกรงใจคนอื่นหน่อยสิโว้ย!
“มึงเดินไม่ไหวหรอก” เป็นเพราะตอนนี้สมองฮันยังติดแหง็กอยู่ในความสะลึมสะลือ ถึงไม่ได้สังเกตว่าคาร์ลอสยังมีหลุดสรรพนามเดิมมา ฮันสนแต่เรื่องที่ทำให้เขาเขินจนหน้าดำหน้าแดงตอนนี้ต่างหาก
“กูว่ากูไปดีกว่า ไปกันเถอะเอลิ” ส่วนเอมิลี่ก็แกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ รวบของที่เหล่าโอเมกาน้อยสรรหามาให้ยัดเข้ากระเป๋ากางเกงเพื่อน ก่อนจะกอดคอพาร์ตเนอร์หนุ่มเดินออกจากห้องพยาบาลไปล่วงหน้า
“ซีแอลปล่อยนะ รู้ได้ยังไงว่าเราเดินไม่ไหว นายยังไม่ได้ปล่อยให้เท้าเราโดนพื้นเลยเถอะ”
“ไม่ต้องสาธิตก็รู้ว่าเดินไม่ไหว” คาร์ลอสมุ่งตรงไปที่ประตู ไม่ได้สนใจแรงแมวข่วนแต่อย่างใด นั่นยิ่งทำให้ฮันตาโตเท่าไข่ห่าน
“ว้ากกก ไม่ได้ๆๆ ไม่อุ้มเราออกไปนะ คนเยอะแน่ คนเห็นเยอะแน่ เราอายนะซีแอล” ฮันกระชากผมสีบลอนด์เหมือนดึงบังเหียนม้ารั้งไว้ไม่ให้เดินต่อ หน้าซุกเข้าที่อกแกร่งแน่นเพราะกลัวว่าใครจะมาเห็นเข้า
สัมผัสที่กระเพื่อมเบาๆ ตรงข้างแก้มของฮันคือบริเวณหน้าอกของคาร์ลอส คนตัวเล็กกว่ารู้สึกว่ามันผิดปกติจึงค่อยๆ เงยหน้า ถึงได้รับรู้ว่าคนที่อุ้มเขากำลังกลั้นหัวเราะอยู่ ฝ่ามืออรหันต์จึงทุบเข้าให้ที่แผงอกแกร่ง
“หึ...หึๆ”
“หัวเราะอะไรเล่า ก็เราอายจริงนี่ สมัยนี้คนทำอะไรแปลกนิดหน่อยก็ถ่ายเอาคอนเทนต์ไปลงให้เป็นข่าวแล้ว เราไม่อยาก...ให้เพื่อนเห็น”
“ให้เดินเองก็ได้ แต่มีข้อแม้”
“อะไรอีกล่ะ”
“ถ้าเดินเซหนึ่งครั้ง...เท่ากับหนึ่งจูบ เป็นไง?”
ข้อแม้บ้าบออะไร ใครมันจะไปตกลงวะ
αβΩ
อือ ใครมันจะไปตกลงวะ
“อื้อ...ฮะ แฮก คาร์ล— คาร์ลอส เดี๋ยวก่อนนี่ไม่ใช่ อื้ม…ไม่ใช่ห้องเรา”
“ก็ห้องมึงหมดนั่นแหละ”
ฮันโดนไล่ต้อนตั้งแต่ที่ประตูห้องยังไม่ทันงับดี เหมือนมีร่างของสุนัขตัวโตที่กำลังรอเจ้าของกลับบ้านหลังทำงานเสร็จ แต่เจ้าของยังไม่ทันได้ตั้งตัวดี มันก็กระโจนเข้าใส่แล้วแทบจะโลมเลียไปทั้งใบหน้าเหมือนไซบีเรียนตัวยักษ์แบบนี้!
บอกตามตรง ฮันยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าตัวเองไปเดินตัวเซตอนไหน แค่ก้าวผิดจังหวะนิดหน่อยคนข้างกายก็แทบจะรวบเขาเข้าเอวแล้ว!
ฮันถูกมอมเมาด้วยรสจูบตั้งแต่ขายังไม่พ้นวงกบประตู แต่พอจะรับรู้ได้ว่านี่ไม่ใช่ห้องของตัวเอง พอทักท้วงไปแล้วได้คำตอบมาแบบนั้น มันก็ยิ่งเหมือนเชื้อเพลิงที่ทำให้โอเมกาหนุ่มรู้สึกร้อนไปหมด
ริมฝีปากของคาร์ลอสแนบชิมทั่วกลีบปากสวยอย่างอิ่มหนำแล้วจึงผละออกมาให้คนตัวเล็กกว่าได้หายใจ ชื่นชมผลงานซึ่งก็คือใบหน้าแดงๆ ของคนในอ้อมกอดด้วยความพึงพอใจ ก่อนจะโน้มใบหน้าลงอีกครั้งเพื่อขบเม้มใบหูนิ่มที่ขึ้นสีเข้มล่อตาล่อใจต่อ
แข้งขาของฮัน ไนท์แทบจะไร้เรี่ยวแรงในวินาทีนั้น จุดอ่อนที่ถูกกระตุ้นอย่างชำนาญการจนรู้สึกว่านี่ไม่ใช่เพียงไซบีเรียนหน้าซื่อตัวโต แต่มันคือหมาป่าที่พร้อมจะขย้ำเหยื่อเลยไม่ใช่เหรอ!
“ฮะ— ฮื่อ มัน…” ฮันได้แต่หอบหายใจแรง มือขยุ้มเสื้อยืดสีเข้มของอีกฝ่ายแน่น ยามที่ใบหูข้างหนึ่งถูกขบเม้ม ดูดดุน โลมเลีย และถูกทำซ้ำกับอีกข้าง
ลมหายใจของคาร์ลอสยามที่พยายามเล้าโลมเขามันร้อนผ่าว เสียงลมในลำคอยามที่ปรนเปรอให้ มันทำให้ฮันขนอ่อนลุกซู่ไปหมด ไหนจะตอนที่ปรือตาขึ้นมองรีแอคชั่นจากเขาอยู่ตลอดเวลาว่าพอใจไหมนั่นอีก
ในจังหวะที่สบตากัน ฮันจึงเลือกดันแผงอกตึงแน่นของอีกฝ่ายออก เพียงเท่านั้นอัลฟาหนุ่มก็ชะงักไป คิดว่ามีอะไรผิดพลาด หากฮันทำให้คาร์ลอสประหลาดใจยิ่งกว่าเดิม
“เรา…เราอยากทำให้บ้าง”
“…” คาร์ลอสนั่งคุกเข่าอยู่ปลายเตียง เงยหน้ามองคนที่นั่งอยู่บนเตียงนิ่ง
ฮันรีบอธิบาย “ก็จะให้เรามีความสุขอยู่ฝ่ายเดียวได้ยังไง เราไม่อยากเอาเปรียบซีแอลนะ”
คาร์ลอสยังคงประสานสายตานิ่ง ก่อนที่จะทนไม่ไหวหลุบตาก้มมองพื้น ฮันเกือบจะคิดว่าตัวเองพูดอะไรผิดไป ถ้าไม่ใช่เพราะคนตัวใหญ่กว่ายกมือขึ้นมาลูบหน้าตัวเอง ปิดบังรอยยิ้มหล่อเหลาที่เล่นเอาใจดวงน้อยกระตุกยิ่งกว่าเก่า
“มึงน่ารักขนาดนี้…แล้วจะให้กูทำยังไง”
“หือ?”
อยู่ๆ ก็มาชม บ้ารึเปล่า ใจคนนะเว้ยไม่ใช่กลองทอมบา มันรับแรงกระแทกเยอะขนาดนั้นไม่ไหวหรอกนะเฮ้ย!
“มึงไม่ต้องพยายามเอาใจกู เพียงเพราะกูอยากทำให้มึงก็ได้ แค่จูบตอบกูให้ทันบ้างก็พอแล้ว” คาร์ลอสว่าพลางจับผมทัดใบหูให้ พร้อมจดจำไว้ในใจ ใบหูนิ่ม…ไวต่อความรู้สึก
“ซีแอลพูดไม่เพราะอีกแล้ว”
“อือ…มันติดปากกูไปแล้ว” คาร์ลอสอยากแก้พฤติกรรมการพูดนี้เหมือนกัน ถ้าไม่ติดว่าเรื่องนี้ไม่ใช่จะแก้กันได้วันสองวัน “กูโตมาแบบนี้ ไม่ค่อยมีคนมาบอกหรอก ว่าอะไรผิดถูก อะไรควรไม่ควร”
“ไม่เป็นไรนะ คนเราเปลี่ยนแปลงกันได้ ค่อยๆ ปรับไปทีละนิดก็ได้นะ” ฮันจับแขนให้คาร์ลอสขึ้นมานั่งบนเตียงดีๆ ก่อนจะสังเกตเห็นประตูหนึ่งที่ไม่น่าจะใช่ประตูห้องน้ำ “เดี๋ยวนะ นั่นมันประตูอะไรน่ะ”
“ประตูเชื่อม”
“หา? เชื่อมไปห้องเราน่ะเหรอ” ฮันยิ่งสงสัยกว่าเดิม “ถ้าจะเปิดไปหากันได้ง่ายๆ แบบนี้ จะแยกห้องให้มันยากทำไมแต่แรกเนอะ”
“…” คาร์ลอสอยากจะบอกว่าแบ่งกันแบบนี้แหละดีแล้ว อย่าให้ได้นอนด้วยกันเลย เขากลัวใจตัวเองจริงๆ
“แล้วสรุปว่าก่อนหน้านี้คือเราสลบไปเพราะอะไรเหรอ ปกติเราไม่เคยเมารถหรือเมาเรือเลยนะ”
“ช่วงนี้พักผ่อนไม่เพียงพอหรือเปล่า” เมื่อคนตัวเล็กกว่าส่ายหน้า คาร์ลอสจึงว่าต่อ “หรืออาจจะถูกอะไรกระตุ้น…มึงกังวลเรื่องอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า ช่วงนี้”
ฮันพยายามนึกย้อนไปก่อนที่เขาจะหมดสติ ทุกอย่างก็ปกติดี จะมีก็แต่
‘ทะเล’
“อยากรู้ไหมล่ะว่าทำไมนายถึงกลัวทะเล?”
ราวกับคอมพิวเตอร์รุ่นเก่าที่ถูกใส่หน่วยความจำ ภาพเหตุการณ์ทุกอย่างในความฝันพุ่งพรวดทะลักเข้าสู่สมองราวกับสายน้ำ ฮันตัวสั่นเทิ้ม เล็บจิกต้นขาตัวเองโดยอัตโนมัติ ดวงตาคู่สวยสั่นไหว ก่อนที่หยาดน้ำใสจะหลั่งไหลลงมา
“ฮัน! ได้ยินไหม มองหน้ากูสิ!”
“ฮึก— ฮะ ฮึก”
“ฮัน กูอยู่นี่ ซีแอลของมึงไง เป็นอะไร บอกกูสิ” คาร์ลอสลงไปนั่งคุกเข่า ประคองใบหน้าที่เหมือนคนเห็นผี “ฮัน!!”
“อยากรู้ไหมล่ะว่าทำไมนายถึงกลัวทะเล?”
“ซีแอลอยู่นี่ไง มองหน้ากูหน่อยนะ ฮัน…”
“หึ”
“เฮือก! ซีแอล! ไม่!! อย่าทำเรานะ ฮือ...เราขอร้อง” จากที่นั่งตัวแข็งเหมือนคนสติหลุด จู่ๆ ฮันก็สะดุ้งสุดตัว พยายามผลักไล่ทุกอย่างที่มาแตะต้องโดยไม่แม้แต่จะมองหน้าผู้พูด
เพี๊ยะ
ใบหน้าคมถูกฝ่ามือที่พยายามปัดป้องตบเข้าข้างแก้มเต็มเปา แต่ถึงอย่างนั้นคาร์ลอสก็ไม่ได้แสดงอาการโกรธ เพราะอัลฟาหนุ่มไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงที่จะเรียกสติคนตรงหน้ากลับมา เขาถึงได้รวบตัวอีกฝ่ายแน่น
รวบกอดให้แน่นมากพอที่ฮันจะไม่ทำร้ายเขา และไม่ทำร้ายตัวเอง
“ฮึก…ฮือ ขอร้อง อย่า— อึก อย่าผลักเราลงไปเลยนะ” ฮันร้องไห้สะอึกสะอื้น ใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตาน้ำมูกแทบดูไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้นคาร์ลอสก็ยังกอดอีกคนให้แน่นที่สุด
ให้แน่นมากพอที่จะทำให้ฮันรู้ว่ามีเขาอยู่ตรงนี้ ไม่มีใครที่จะมาทำร้ายอีกฝ่ายได้ เมื่อร้องไห้จนแทบจะไม่มีน้ำตา ฮันก็หมดแรงขัดขืนในที่สุด คาร์ลอสจับหัวทุยๆ ให้ซบบ่าของตัวเอง ไม่รังเกียจน้ำมูกหรือน้ำตาของอีกฝ่ายที่จะเปื้อนเสื้อ
“ไม่เป็นไรแล้วนะครับ คนดี” คาร์ลอสล้วงเอากระปุกสีครีมออกมาจากกระเป๋ากางเกง เปิดฝาด้วยมือเดียว ก่อนจะผละออกมาเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายไม่เหลือเรี่ยวแรงที่จะต่อสู้ ก่อนจะแกว่งมันใต้จมูกมนเบาๆ
ระหว่างทางที่อุ้มอีกฝ่ายไปยังห้องนอนตัวเอง เขาก็ยังได้ยินเสียงพึมพำสะอึกสะอื้นอย่างน่าสงสารออกมา
“คาร์ลอส…ฮึก อึก เรากลัวทะเล…อย่าผลักเรา อึก ลงไปเลยนะ”
งานนี้คาร์ลอสไม่รู้ว่าฮันกำลังเจอกับอะไร มันอาจเป็นฝันร้ายในวัยเด็กที่ยังตามหลอกหลอนอีกฝ่าย แต่ไม่ว่ามันจะคืออะไร
เขาจะจัดการมันด้วยตัวของเขาเอง
TBC
อะแฮ่ม แล้วตอนที่แล้วดิช้อนเผลอสปอยว่าห้องเขาประตูมีเชื่อมทั้งๆ ที่ยังไม่ได้บอกในตอนง่ะ แต่ก้นั่นแหละครับคุนผุ้ชม แต่ประเดนมันอยุ่ที่ *ประตูห้องเขาเชื่อมกัน*
- การแต่งกายคร่าวๆ ของฮันคนในห้วงความฝันค่ะ ในรูปเป็นเสื้อโคต Coat Single Breasted Uniqlo U
- ต้นอิคารัส (Icarus) ต้นนี้พบได้เพียง 1 เดือนหลังจากพบ Helios ซึ่งเป็นต้นไม้ที่สูงเป็นอันดับสองของโลกตั้งอยู่ที่ Redwoods, Redwood Creek, California, USA และประมาณ 113.14 เมตร (371.2 ฟุต) ชื่อของตนไม้นี้เหมือนกับ อิคะเริส หรือ ไอคะเริส เป็นบุตรชายของเดลาลัส (Daedalus) 2 พ่อลูกคู่นี้ถูกจองจำไว้ในหอคอยบนเกาะครีต สถานที่เดียวกับมิโนทอร์ โดยกษัตริย์ไมนอส ทั้งคู่มองจากหน้าต่างออกไปเห็นทะเลสีฟ้าครามและฝูงนกนางนวลที่บินอย่างอิสระเป็นเวลานานทุกวัน จึงโหยหาอิสรภาพและต้องการออกไปจากที่คุมขังนี้
ภาพวาดโบราณ อิคะเริสถูกอพอลโลแผดแสงอาทิตย์จนปีกขี้ผึ้งละลาย (วิกิพีเดีย, 2563)
- ที่จริงเรามีความลับล่ะ เราเป็นคนในกลุ่ม Thalassophobia แต่เป็นไม่แรงนะ ดูรูปทะเลสวยๆ ไปเที่ยวทะเล เล่นน้ำทะเลตามชายหาดได้ปกติ แต่เรากลัวรูปทะเลมืดๆ ลึกๆ หรือรูปทะเลที่ถ่ายลงไปข้างล่างแล้วมันว่างเปล่ามากๆ เวลาเห็นแล้วเหมือนจะหายใจไม่ออกเลย อย่างรูปคนไปดำน้ำแล้วถ่ายใต้น้ำมานี่ก็กลัว เวลาเห็นแล้วแทบกลั้นหายใจ55555 ตอนแรกคิดว่าเอ้ย เราจะเขียนไหวไหมวะ ต้องบรรยายฉากที่ตัวเองก็กลัว แต่คิดอีกแง่ เพราะเราก็กลัวเหมือนน้องฮันเลย ดังนั้นเราขอใช้ความกลัวของเราให้เป็นประโยชน์ในการเขียน เพราะว่ากลัวเหมือนกัน เลยเข้าใจความรู้สึกของน้องฮันที่กลัวทะเลลึกมากๆ ไม่รู้ว่าบรรยายออกมาให้ทุกคนเข้าใจความรู้สึกตัวละครได้มากแค่ไหน มีไรก้ติชมได้ฮะ!
สามารถหวีด ร่วมพูดคุย แสดงความคิดเห็นผ่าน #IABOU
หรือเพื่อติดตามเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของนิยายเรื่องนี้ที่เราจะลงไว้ที่นั่นได้เลย!
Comments (0)