9 ตอน VIII Let me do it Bro (?)
โดย FIT FOR FINE
Listen to this for your อรรถรสในการอ่าน
Ruel - Younger
VIII
Let me do it Bro (?)
(Photo by Leon Seibert on Unsplash)
Deep in my heart, I know that it's over
Deleted your number so I can't call you
Call you my brother, the way that we used to
When we were younger,
younger
หนาว...ไปถึงกระดูก
หยาดฝนโปรยปราย แสงแดดหดหาย ความมืดมิดเข้าปกคลุม สิ่งเหล่านี้คือการรวมตัวกันของทุกสิ่งที่ฮัน อัลเลน ไนท์เกลียด
ขนาดของร่มที่เคยพอดีสำหรับผู้ใหญ่หนึ่งคน เล็กลงทันตาเมื่อต้องครอบคลุมเผื่อแผ่ไปถึงแผ่นหลังกว้าง แม้ว่าเส้นผมสีอ่อนและเสื้อยืดจะลู่ลงแนบเพราะชุ่มน้ำแล้วก็ตาม
“นายไม่เคยโดนทิ้ง...ถึงไม่เข้าใจ ว่าคนถูกทิ้งมันรู้สึกยังไง” เสียงของฮันสั่นเครือตามแรงอารมณ์ มือข้างที่ถือร่มพยายามยื้อขึ้นสูงอีก เพื่อไม่ให้หยาดฝนหยดเย็นยิ่งกว่าน้ำแข็งกระเซ็นโดนอัลฟาตัวสูง
ฮันจับชายเสื้อสีขาวเปียกๆ ของคาร์ลอสไว้ ไม่ได้กระชากหรือดึงรั้ง มือเล็กทำเพียงจับเอาไว้เท่านั้น จับไว้เพื่อให้มั่นใจว่าอีกฝ่ายยังยืนอยู่กับตัวเอง และเขาก็หนาวสั่นเสียจนอยากหาที่พึ่งพิง
ริมฝีปากที่แห้งผากของฮันแตกลอกซ้ำแล้วซ้ำอีก ฟันขาวขบเม้มเบาๆ กลิ่นเลือดก็คาวฟุ้งทั้งปาก
อย่าเงียบแบบนี้ ปฏิเสธออกมาตรงๆ เลยยังดีกว่า
เจ้าของแผ่นหลังกว้างหันกลับมาในวินาทีนั้น นัยน์ตาสีฟ้าอ่อนที่ไม่เคยคาดเดาความรู้สึกได้แดงก่ำ ฮันยังไม่ได้พูดอะไรอีก วงแขนแกร่งก็รวบโอเมการ่างบางเข้าสู่อ้อมกอดแน่น
กลิ่นฝนปนหญ้าแฝก เจือแฝงความทุกข์ระทม เคล้าความเหงา เคล้าความเปล่าเปลี่ยว ฮันสัมผัสได้ถึงฟีโรโมนที่แตกตัว มันกระจายออกจากอกอุ่น แม้ฝนจะตกแรงแค่ไหน แต่ฟีโรโมนจากอัลฟาที่แนบอกกลับชัดเจนกว่า เป็นความรู้สึกที่หลากหลาย ทุกอย่างเหมือนกาแฟลาเต้ที่ถูกคนแล้วเรียบร้อย มันผสมปนเปจนยากจะแยกเอสเปรสโซและนมออกจากกัน
คาร์ลอสกระชับเจ้าของฟีโรโมนชาคาโมมายล์แน่น แต่ฮันไม่ได้รู้สึกอึดอัด เขาแค่รู้สึกสับสนมากกว่า
ฝ่ามือหนาสองข้างประคองอยู่ที่แผ่นหลังให้ความทะนุถนอม ลูบขึ้นลงอย่างหวงแหน ปลายจมูกโด่งแนบกับซอกคอ ปัดผ่านผิวเนื้อ สูดกลิ่นที่ทำให้สบายใจ ทุกครั้งที่อยู่ใกล้ คล้ายกับได้พักตัวพักใจ เหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก
“ขอโทษ” คาร์ลอสพูดอยู่ข้างใบหู ผละออกมาพร้อมกับจับร่มคันเดียวในมือฮัน “ถือให้”
ฮัน ไนท์มองคนที่แย่งร่มในมือเขาไปถือเอง ยังไม่ทันได้พูดอะไร นิ้วหัวแม่มือของคาร์ลอสก็เกลี่ยแก้มเขาทั้งสองข้างให้อย่างอ่อนโยน พร้อมเสียงทุ้มที่ไม่ห้วนเหมือนครั้งที่ผ่านมา
“ขอโทษ จะไม่ทิ้งไปอีกแล้ว”
“นายเปียก...” ฮันทัก ไม่ใช่แค่เกรงว่าอีกฝ่ายจะหนาว แต่เพราะเขาเองก็ตัวสั่นงันงกจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว “เข้าไปหลบฝน—”
“คุณลูกค้าขา ลืมเค้กหนึ่งก้อนกับกระเป๋าค่า...”
ดวงตาสองคู่หยุดประสานกัน หันไปมองพนักงานสาวที่วิ่งถือร่มออกมา ในมือมีกล่องเค้กและกระเป๋าสะพายสีดำของฮันติดมาด้วย แต่เมื่อเห็นว่าคู่ชายอัลฟาและโอเมกากอดกันกลมท่ามกลางพายุฝนฟ้าคะนอง เป็นภาพที่โรแมนติกเสียยิ่งกว่าซีรีส์ที่เคยดู เธออ้าปากค้าง ก่อนจะค่อยๆ ก้าวขาถอยหลังกลับไป
“เดี๋ยวเอาของวางไว้ตรงนี้นะค้า ขอโทษด้วยค่า” พนักงานร้านเค้กเอาของไปวางไว้ข้างร้านโซนที่ฝนสาดไม่ถึง แล้วรีบวิ่งกลับเข้าไปด้านใน เกรงว่าจะเป็นการรบกวนเวลาพลอดรักของทั้งคู่
ฮัน ไนท์กะพริบตาปริบๆ เพราะยังไม่ทันได้แก้ตัวอะไร หันกลับมาอีกครั้งก็เห็นว่าคาร์ลอสยืนจ้องหน้าตัวเองอยู่ ไหนจะร่มที่ถือเยื้องมาฝั่งเขามากกว่า
“หลบฝนก่อนได้ไหม เราหนาว”
หนาวที่แบบว่า พูดทีฟันก็กระทบกันกึกๆ อย่างห้ามไม่ได้แล้วอะ
คาร์ลอสไม่ได้หัวเราะที่เห็นฟันขาวกระทบกันแต่อย่างใด อัลฟาหนุ่มคว้ามือฮันให้ถือร่มไว้แทน ก่อนจะวิ่งออกจากร่ม ฮันตกใจเมื่อเห็นอีกคนวิ่งตากฝนไปหยิบถุงเค้กและกระเป๋าสะพายอย่างฉับไว ไม่กี่วินาทีก็กลับมาอยู่ใต้ร่มเดียวกัน
ภาพเมื่อกี้ยังติดอยู่ในหัวอยู่เลย...เท่เป็นบ้า
ภาพของคาร์ลอส หนุ่มอัลฟาฟีโรโมนเข้มข้นชวนเคลิ้ม เป็นมนุษย์ที่น่าจะสูงเกิน 6’5’’ ฟุต
แม้จะแต่งตัวง่ายๆ อย่างเสื้อยืดสีขาว กางเกงยีนส์สีเข้ม แต่เพราะรูปร่างสมส่วน อกผาย ไหล่ผึ่ง มีกล้ามเนื้อพอดี ผมสีบลอนด์ที่เปียกชื้นถูกเสยไปด้านหลัง วิ่งเหยาะๆ ฝ่าสายฝนไปหยิบของมาให้ เป็นภาพที่ชวนให้ใจเต้นอย่างแปลกประหลาดเอาจริงๆ ก็ไม่แปลกหรอกถ้าใครๆ จะใจเต้นที่ได้เห็นภาพนี้...แปลกใจมากกว่าว่าทำไมถึงเพิ่งมาสะดุดกับความหล่อของอีกฝ่ายเอาตอนนี้
แก้มของฮันร้อนผ่าว ไม่กล้าสบตากับคนตัวสูงกว่า แต่พอหลบเลี่ยงสายตาลงมาก็รู้ตัวว่าคิดผิดแล้ว...แผงอกกว้างภายใต้เสื้อยืดแนบเนื้อนี่มันทำให้เขาร้อนไปถึงใบหู ลามไปถึงลำคอ ฮันคิดว่าตัวเองต้องไม่สบายแน่ๆ
“ขอบใจนะ เดี๋ยวเราถือเอง” ฮันยื่นมือจะไปรับของของตัวเอง แต่คาร์ลอสก็ไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้น
“ไม่ต้อง” คนตัวสูงว่า มือข้างที่ว่างจูงแขนคนที่แดงไปทั้งหน้าอย่างปิดไม่มิดให้เดินตาม “มึงถือแค่ร่มไม่ให้ตัวเองเปียกก็พอแล้ว”
ถึงจะว่าอย่างนั้น ฮันก็พยายามสุดความสามารถที่จะถือร่มให้บังคนตัวสูงกว่าเขามาก แต่ก็ต้องให้ตัวเองเปียกน้อยที่สุดด้วย กลายเป็นภาพยักแย่ยักยันของฮันที่ตัวเตี้ยกว่า มือซ้ายถูกจับจูง มือขวาถือร่มเขย้อแขย่งสาวเท้าตามขายาวให้ทัน
ไม่นานฮันก็ถูกพามายังรถยนต์คันสีดำเงาวับ คันเดียวกับที่ทำให้เขาตกใจเมื่อเช้า มันถูกจอดนิ่งสนิทใต้หอพักนักศึกษาที่คาร์ลอสอาศัยอยู่ ฮันแปลกใจเมื่อคนตัวโตยกข้อมือแสกนเอฟอร์สหน้ารถเป็นการเปิดระบบการทำงาน ไฟหน้ารถสว่างวาบและดับไปบ่งบอกว่ารถยนต์พร้อมใช้งาน
“ขึ้นไปสิ” คาร์ลอสเดินมาเปิดประตูที่นั่งข้างคนขับให้ ฮันที่ยังยืนงงรีบกดปุ่มกลมๆ ในฝ่ามือ บานร่มเกลี่ยน้ำออกจนแห้งและหุบเข้าไปในกระบอกขนาดเท่าฝ่ามือภายในเสี้ยววิ ไม่รอให้ตัวเปียก ฮันกระโดดเข้าไปในรถทันที
“เอ่อ...คือจะไปไหนเหรอ ก็หอคาร์ลอสอยู่นี่...” ฮันถามเมื่อเจ้าของรถวิ่งกลับมานั่งฝั่งคนขับ แต่ก็นึกขึ้นได้ “จะไปส่งเราที่หอเหรอ โหยไม่เป็นไรเลย ฝนตกอย่างนี้รถติด ถ้าเราขึ้นไฮป์ไม่ถึงสิบนาทีก็ถึงห้องแล้ว—”
[ยินดีต้อนรับกลับค่ะ ไม่ทราบว่าคุณผู้ชายพาใครมาด้วยคะ กรุณาระบุสถานะบุคคลที่นั่งข้างคนขับ]
ฮันตาโตเมื่อเสียงระบบรถยนต์คันหรูดังขึ้น และเหมือนมันจะถามอะไรที่เขาก็ต้องโต้ตอบกลับไป
สถานะ สถานะ?!
เจ้าของรถไม่ได้พูดอะไร นั่งจิ้มจอคอนโทรลไม่กี่อึดใจก็ออกรถ
[ไม่ทราบว่าคุณผู้ชายพาใครมาด้วยคะ กรุณาระบุสถานะบุคคลที่นั่งข้างคนขับ—]
“หยุดถามมาก” คาร์ลอสว่าเสียงเข้ม เปิดฮีทเตอร์และดูดความชื้น ฟันของฮันถึงหยุดกระทบกันกึกๆ ได้สักที “หายหนาวหรือยัง”
“หือ!? อะ อือ หายหนาวแล้ว”
“แล้วทำไมเสียงยังสั่น”
เออ อันนี้ก็สงสัยตัวเองเหมือนกัน
ฮันไม่ได้กำลังเลิ่กลั่ก ไม่ได้กำลังทำหน้าตาตื่น แต่ถ้าไม่หันไปมองกระจกนอกรถ เขาคงไม่รู้ตัวแน่ว่าตัวเองทำตาแข็งเสียยิ่งกว่าอะไร
มีหรือที่คนขับจะไม่เห็น ทุกการกระทำของฮันอยู่ในสายตาคาร์ลอสตลอด เมื่อรถจำต้องหยุดเพราะไฟแดง คนตัวโตก็ใช้จังหวะนั้นในการเอื้อมแขนไปเบาะด้านหลัง เพื่อหยิบผ้าขนหนูผืนหนาที่เขาจำได้ว่าเคยมีติดรถไว้
ในระยะนี้ ฮันเห็นสันจมูกโด่งและกรอบกรามของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน ลำคอขาวที่นูนออกมาในตำแหน่งลูกกระเดือก บ่าไหล่ที่กว้างจนสามารถโอบกอดเขาเข้าไปได้มิด เสื้อสีขาวที่เคยเปียกชุ่มถูกดูดซับน้ำออกไปบ้างแล้ว แต่ก็ไม่สามารถปกปิดแผงอกแกร่งใต้เสื้อยืดนั้นไว้ได้
ยิ่งยามที่นัยน์ตาสีอ่อนประกายฟ้าหันกลับมาสบตา ฮันก็เผลอกลืนน้ำลายลงอย่างไม่รู้ตัว ดวงตาคมมองตามลำคอเล็กเมื่อมีการขยับ ริมฝีปากได้รูปเอื้อนเอ่ย “ผ้าเช็ดตัว เดี๋ยวไม่สบาย”
ผ้าขนหนูหนานุ่มสีเข้มถูกคลี่คลุมร่างของฮัน เจ้าของรถผละไปนั่งตามเดิม
“แต่นายใส่เสื้อเปียกๆ แบบนั้น จะไม่ป่วยเอาเหรอ เอาผ้าไป—” ฮันถามด้วยความห่วงใย กำลังจะดึงผ้าผืนสีน้ำตาลไปให้คนที่เปียกกว่าเขาเป็นไหนๆ แต่การกระทำนั้นดันช้ากว่าอัลฟาตัวใหญ่ที่ดึงเสื้อยืดถอดทางหัว ร่างกายขาวโพลนทำให้ฮันเสสายตาออกไปมองนอกรถอัตโนมัติ
คาร์ลอสโยนเสื้อที่ถอดไปด้านหลังเสร็จก็พูดประมาณว่า แค่นี้ก็ไม่เป็นปัญหา ฮันฟังไม่ได้ศัพท์มาก รู้แค่ว่า...
คืนนี้ฝนตกแรงจังแฮะ
αβΩ
[ยินดีต้อนรับกลับค่ะ คุณโฮล์มส์ บ้านถูกล็อกอินครั้งล่าสุดเมื่อห้าวันที่ผ่านมา โดยคุณพ่อบ้านชาร์ล]
“นี่บ้านนาย!?”
ว่ากันตามตรง ฮันพอจะเดาได้ตั้งแต่ตอนเด็กๆ แล้วว่าบ้านของคาร์ลอสค่อนข้างมีฐานะ แต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะมีฐานะขนาดมีบ้านเป็นหลัง แถมไม่ใช่หลังเล็กๆ แคบๆ ด้วย “เฉลยมาเลยเถอะว่าครอบครัวนายเป็นเศรษฐีคริปโท
”“ก็แค่บ้านเดี่ยว หลังเล็กๆ”
“หลังเล็กเท่าบริษัทอสังหาริมทรัพย์น่ะสิไม่ว่า!”
บ้านเดี่ยวขนาดสามชั้นที่แยกออกจากตัวเมือง มีรั้วขนาดสูงล้อม มีสนามหญ้าหน้าหลัง ตัวบ้านทำด้วยกระจก One Way Mirror หรือกระจกที่มองทะลุออกมาได้ด้านเดียว ขนาดความกว้างความยาวไม่ใช่เล่นๆ
เมื่อเดินเข้าไปเสียงจากระบบบ้านก็ทำงาน ไฟและฮีทเตอร์ทำงานอัตโนมัติ ฮันตาโตยามเห็นการตกแต่งที่มีความเรียบง่าย เน้นฟังก์ชันการทำงานเป็นหลัก พื้นที่โล่งกว้าง เพดานยกสูง แต่มีการดีไซน์รายละเอียดเล็กน้อยที่สวยงาม วิจิตรราวกับผสมศิลปะทุกยุคเข้าด้วยกันไว้เป็นอย่างดี
ทำเอาหลงลืมไปเลยว่ามีอัลฟาแก้ผ้าส่วนบนเดินนำตัวเองอยู่ ความเขินอายมลายหายไปหมดสิ้น เหลือแต่ความตื่นเต้น ตื่นตาตื่นใจ
“อย่าบอกนะว่าสถาปนิกที่ดูแลบ้านนี้คือ...” ตอนแรกยังไม่มั่นใจ แต่เมื่อหันไปเห็นลายเซ็นบนผนังด้านหนึ่ง ฮันก็ทำถุงขนมเค้กร่วงหลุดมือ “ฟูจิโมะโตะ!!”
“เป็นอะไร กูตกใจหมด” คาร์ลอสที่เพิ่งเดินไปหยิบเสื้อตัวใหม่มาใส่ยังไม่ทันพ้นหัว รีบวิ่งกลับมาดูคนที่ยืนร้องโหยหวนเกาะกำแพง คิดว่าเป็นอะไร กลับเห็นภาพที่ทำให้ประหลาดใจกว่าเดิม คิ้วหนาขมวดมุ่น “มึงตากฝนจนเพี้ยนเหรอ”
“บ้านนายถูกออกแบบโดยบริษัทฟูจิเลยเหรอวะเนี่ย นายมันรวยเป็นบ้าเลยคาร์ลอส” ฮันยืนกางแขน กางขาเกาะผนังด้านในสีขาว ก่อนที่ทั้งตัวจะไหลลงไปกองที่พื้นไม้โอ๊กขาวอย่างดี
มันมีความเป็นธรรมชาติ ร่มรื่นด้วยกระจกรอบด้าน มองออกไปเห็นต้นไม้และพื้นหญ้าสีเขียวชอุ่ม ตามสไตล์นักออกแบบต้นกำเนิดบริษัท
“มีบ้านที่ออกแบบโดยฟูจิโมะโตะ มีโรลส์-รอยซ์ดีไซน์ 2022 โกสต์ แบล็ก แล้วนายจะไปอาศัยอยู่หอพักนักศึกษาแคบๆ ทำไมกัน”
“ฟูจิโมะอะไรนะ” คาร์ลอสไม่รู้จัก จะว่าไปเขาไม่เคยสนใจเลยต่างหาก อย่าว่าแต่มีความสนใจ ถ้าไม่มีเหตุอะไรก็แทบจะไม่มาเหยียบที่บ้านด้วยซ้ำ
ฮันที่นอนลูบพื้นไม้โอ๊ก ไม้สังเคราะห์ขัดเงาราคาแพงขมวดคิ้วแน่น ก่อนจะเงยหน้าจ้องตาเขม็ง
“บริษัทฟูจิโมะโตะ หรือที่คนทั่วไปเรียกว่าฟูจิ เป็นบริษัทออกแบบชื่อดังของญี่ปุ่น เอกลักษณ์ของบริษัทนี้คือขนาดไม่สำคัญ เน้นฟังก์ชันการใช้งาน ซึ่งจะใส่ความเป็นธรรมชาติเข้าไปด้วย เพราะสถาปนิกยุคเริ่มแรกเชื่อมั่นในธรรมชาติและตัวมนุษย์ สองอย่างนี้มันเป็นของคู่กัน”
เจ้าของบ้านยืนกะพริบตานิ่ง ผ่อนลมหายใจ ก่อนจะเกาหัว “เหรอ ก็ดี”
“ก็ดีบ้าอะไรเล่า นี่มันคือสุดยอดเลยต่างหาก!” ฮันมุ่ยหน้า ลูบผนังที่สลักลายเซ็นบริษัทไปมา
“ลุกขึ้นมาเถอะ ถ้าชอบเดี๋ยวกูพามาบ้านบ่อยๆ”
“แล้วทำไมตอนเด็กๆ ถึงไม่พาเรามาเล่นบ้านนายสักที” ฮันยอมลุกขึ้นมาจากพื้นไม้โอ๊กสีน้ำตาลอ่อน แต่สายตายังละจากกำแพงข้างจอโทรทัศน์ฝังผนังไปไม่ได้ ในใจลังเลอยู่ว่าขอถ่ายรูปคู่ลายเซ็นดีไหม “ไม่สิ นอกจากนายจะไม่พาเรามาบ้านแล้ว ยังหนีไปเรียนที่อื่นไม่บอกกันอีก”
คาร์ลอสมองคนหัวฟูเหมือนสัตว์สี่ขาที่กำลังขู่ฟ่อแล้วคิดว่า ตนเองควรเริ่มเล่าได้แล้ว “ตอนนั้นมีปัญหานิดหน่อย”
“นิดหน่อยขนาดไหนล่ะ เช่น นายเกเรมากจนพ่อแม่ต้องจับย้ายโรงเรียน ไปเรียนที่โรงเรียนประจำ...” ฮันว่าจะพูดยาวกว่านี้ แต่เมื่อเห็นว่าคนตัวโตเงียบไปพร้อมหลุบตาต่ำ เขาก็คิดว่าตัวเองไม่ควรล้อ “ขอโทษ ถ้านายไม่สะดวกใจจะเล่าแค่ความเป็นไปเป็นมาคร่าวๆ ก็ได้นะ เช่น ต้องย้ายที่อยู่กะทันหัน แล้วนายทำไอดีฟอร์สเดิมหายเลยไม่ได้บอกเราก่อนอะไรแบบนี้—”
เสียงเจื้อยแจ้วของฮันขาดห้วงไปเมื่อถูกจู่โจมด้วยคาร์ลอส คนตัวสูงกว่าย่อตัวลง มือสองข้างประคองใบหน้ามนก่อนประทับจูบ
ความนุ่มเคล้าคลึงริมฝีปากล่าง ไล่ขบเม้มไปถึงริมฝีปากบน ผละออกมาดูผลงานที่แดงก่ำเล็กน้อย ก่อนจะเปิดล่วงล้ำเข้าไปในโพรงปากอ่อนนุ่ม เกี่ยวกระหวัดรัดรึงลิ้นอ่อนของฮัน จนเจ้าของร่างไหลลงไปนอนแผ่ที่พื้นอย่างไม่รู้ตัว
ฝ่ามือหนาประคองท้ายทอย ส่วนแขนอีกข้างรัดช่วงเอวขึ้นให้ เพราะพื้นไม้มันแข็ง คาร์ลอสตะโบมจูบอย่างกระหาย แต่ไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่านั้น
“แฮก— อื้อ” ฮันค่อยๆเปิดเปลือกตา สิ่งที่เห็นมีเพียงเพดานสูงและใบหน้าหล่อคมที่มองมา “สวยจัง”
“?” คาร์ลอสเลิกคิ้วขึ้น ริ้วแดงเกือบจะปรากฏให้เห็นบนใบหูใหญ่ ถ้าไม่ใช่เพราะฮันพูดต่อ
“เพดานยกสูงไปถึงชั้นสอง ไม้โอ๊กขาวตัดกับแสงวอร์มไลท์ เหมือนกระจกสะท้อนพื้นกับเพดาน สวยสุดๆ ดูไร้แรงโน้มถ่วง—” ลิ้นนุ่มถูกดูดดึงไปอีกครั้ง
คาร์ลอสเกี่ยวกระหวัดอย่างไม่พักให้หายใจ ดวงตาคมคอยมองปฏิกิริยาของคนใต้ร่าง นอกจากเสียงน้ำลายที่เฉอะแฉะ เสียงหอบอากาศเข้าปอด ก็ได้ยินเสียงอ่อยๆ ออกมาจากมนุษย์ตัวนิ่ม
อัลฟาตัวโตรู้ว่าคนที่หดคอหนีความรู้สึกวาบหวามกำลังจะรับไม่ไหวจึงผละออก เสียงทุ้มแหบพร่า สายตาร้อนแรงยามถาม
“เพดานยังสวยอยู่ไหม หือ” คาร์ลอสมองริมฝีปากอิ่มที่มีรอยแตกน้อยๆ เขาเลิกคิ้วเมื่อคิดว่าเมื่อครู่ก็ไม่ได้จูบรุนแรงขนาดนั้น ทำไมปากถึงแตกได้...
“สวยสิ— เดี๋ยว” ฮันอ้าปากค้างเพื่อหอบหายใจ เบนหน้าหนีคนที่กำลังจะโน้มลงมาอีกครั้ง มือที่เล็กกว่าดันสันกรามคนด้านบนให้หันไปทางอื่น
แค่นี้หัวใจก็แทบจะกระเด็นออกมาอยู่แล้ว!
คาร์ลอสมองอย่างพิจารณาแล้วนึกเสียดาย อยากไล่เลียกลีบปากที่แตกช้ำนั่นอีกสักครั้งเป็นการปลอบประโลม
“นายยังไม่ได้ตอบเราเลยนี่ ว่าสรุปสถานะของเราคืออะไร”
“ถ้าตอบแล้วยังไงต่อ”
“ก็— ก็...” ฮันเม้มปาก หยุดสายตาไว้ที่แผงอกกว้างที่เปลี่ยนเสื้อเรียบร้อย ไม่มีอะไรเล็ดลอดมาให้ใจสั่นเล่นอีก “สรุปเราเป็นแฟนกันหรือยัง!”
“ยังไม่เห็นมีใครขอ จะเป็นได้ไง” คาร์ลอสยิ้มมุมปาก
“ก็ใช่ไงเล่า ถึงได้ถามว่าเราเป็นอะไรกัน”
“เป็น...เพื่อน?”
“เพื่อนที่ไหนเขาจูบกัน” ฮันเกาแก้มตัวเอง พูดพึมพำอย่างกระดากอาย “ไม่ใช่จูบโปะโปะธรรมดาด้วย...นี่มันดีพคิสเลยไม่ใช่หรือไง”
“...” คาร์ลอสไม่รู้หรอกว่าจูบแบบโปะโปะที่ฮันว่าคือยังไง แต่ไม่น่าจะใช่แบบดูดดื่มแน่นอนฟังจากบริบทแล้ว
“เวลาถามหาสถานะทีไร นายก็วิ่งหนีทุกทีเลยด้วย” ว่าแล้วก็ขอทุบอกหนาไปหนึ่งที นัยน์ตาสีฟ้าอ่อนนิ่งขึ้น ก่อนจะว่าเสียงเบา
“เพื่อน” เมื่ออัลฟากลิ่นฝนพูดคำนี้ออกมา ฮันก็อ้าปากค้าง อยากจะถามซ้ำว่าเพื่อนที่ไหนเขาทำกันแบบนี้ แต่คาร์ลอสก็พูดต่อ “A friend with benefit”
“...”
ฮันเงียบไปพักใหญ่ มองใบหน้าหล่อเหลาที่จ้องตนเองนิ่งเช่นกัน ฝ่ามือที่ประคองอยู่ตรงต้นคอนวดคลึงแผ่วเบา และเขาก็ชอบสัมผัสนี้
“ถ้า—”
“ก็ได้” ฮันตอบ แต่ดันพูดขึ้นพร้อมกับที่อัลฟาหนุ่มกำลังจะบอกอะไรบางอย่าง “อะไรนะ”
“เปล่า...ก็ได้คือ?”
“ก็คือตกลง” โอเมกาผิวน้ำผึ้งยกแขนขึ้นคล้องคอคาร์ลอส “แต่ก่อนที่เราจะมีอะไรกัน นายต้องเล่าเรื่องทั้งหมดมาก่อนนะ”
เป็นหนุ่มผิวซีดที่หันหน้าหนี ไอ สำลักหน้าดำหน้าแดง เรียวแขนที่รั้งลำคอไว้จำต้องปล่อย ฮันลุกขึ้นนั่ง จับไหล่หนาให้หันมาเพื่อขอดูอาการ
“นายโอเคไหม คาร์ลอส?” ถามด้วยสีหน้าห่วงใย พลิกหลังมือสัมผัสหน้าผากคนไอโขลกๆ “เป็นเพราะตากฝนแน่ๆ นายไม่สบายเลยเห็นไหม”
αβΩ
“โอ๊ยๆ! เบาหน่อย ชอบความรุนแรงหรือไง”
“เมื่อกี้ทีนายทำแรงๆ เรายังไม่บ่นเลยนะโว้ย”
ฮันโวยวายทีเล่นทีจริง ลดแรงขยี้เส้นผมสีบลอนด์ลงเล็กน้อย ในขณะที่มืออีกข้างถือไดร์เป่าผมประจุไอออนลบขนาดกะทัดรัดส่ายไปมา
ก่อนหน้านี้ที่ฮันตอบตกลงกับสถานะ FWB
ไป คนเริ่มอย่างอัลฟาตัวสูงกลับเป็นฝ่ายไอสำลักหน้าดำหน้าแดงอยู่เป็นนาที เลยถูกไล่ให้ไปอาบน้ำเพราะคิดว่าตากฝนจนเป็นไข้ แต่โอเมกาหนุ่มจะหารู้ไม่ ว่าที่ทำให้อัลฟาตัวเขื่องเป็นเช่นนั้น ไม่ใช่เพราะโดนน้ำฝนเลยสักนิดคาร์ลอสอาบน้ำสระผมใช้เวลาไม่นานก็สวมเสื้อคลุมตัวยาวเดินออกมา ปิดมิดชิดขนาดที่ว่า ทั้งตัวเห็นแค่ข้อมือกับข้อเท้า เดินออกมาก็เห็นคนตัวเล็กนั่งรอบนเตียง ในมือมีไดร์เป่าผมพร้อม เสียงใสว่า
“รีบมาเป่าหัวให้แห้งเร็ว ปล่อยทิ้งไว้นานหวัดจะกินเอานะ”
หลังจากที่เจ้าของบ้านปล่อยให้โอเมกาน้อยไปอาบน้ำก่อน แล้วก็เป็นฝ่ายเป่าผมสีน้ำตาลนุ่มวอลลุ่มเยอะจนแห้งสนิท ฮันก็ขอเป็นฝ่ายทำให้บ้าง
แต่อาจจะเกิดการปะทะกันเล็กน้อยเมื่อคาร์ลอสโดนกระชากหัวเป็นการเอาคืน ซึ่งก็ไม่ได้กระชากจริงจังหรือตั้งใจทำให้เจ็บเสียเมื่อไร เป็นเพราะผมของอัลฟาหนุ่มที่แทบไม่ได้รับการบำรุงเลยต่างหากที่มันแข็งจนพันติดนิ้วฮัน
“ไม่ดึงให้หัวกูหลุดไปเลยละ”
“อย่าเว่อน่า ก็ผมนายมันแข็งทื่อพันกันขนาดนี้ บ้านก็ออกจะหลังเบ้อเริ่ม ไม่มีทรีตเมนต์หรือครีมนวดใช้เหรอ”
“ไม่จำเป็น”
ฮันทำหน้าเหลือเชื่อ ขยี้ผมสีสว่างเป็นครั้งสุดท้าย เสียงไดร์เป่าผมหยุดลงในวินาทีนั้น มือเล็กหยิบหวีมาจัดทรงให้อัลฟาที่นั่งบนเตียงนิ่ง เหมือนเด็กโดนจับอาบน้ำทาแป้ง ปล่อยให้ผู้ปกครอง(?)พลิกหัวไปมาเพื่อดูแลความเรียบร้อย
ถ้าเป็นปกติอย่างที่ทำทุกวัน คาร์ลอสคงจะพันผ้าเช็ดตัวแค่ท่อนล่างเดินออกมาไม่สนทั้งนั้นว่าจะเป็นเพื่อนหญิงหรือชาย แต่เพราะเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ทำให้เขาไม่กล้าทำอะไรที่เข้าข่ายคำว่าให้ท่า(?)หรืออะไรก็ตามที่อาจทำให้โอเมกาตัวน้อยคิดไปเองว่าวันนี้อาจมีอะไรเกิดขึ้น
ไม่เอาด้วยหรอก...เขาไม่กล้าเสี่ยงกับมนุษย์ตัวจ้อยที่พูดคำนั้นออกมาด้วยสายตาใสซื่อได้ ตั้งแต่ ‘เราอยากทำรักตอนที่ยังมีสติ’ ไหนจะ ‘ก่อนที่เราจะมีอะไรกัน’
น่ากลัวเกินไป
“สรุปคือไปเรียนที่อังกฤษ ย้ายตามพ่อ...แล้วไงต่อ”
ฮันเอ่ยถามเรื่องที่อีกฝ่ายยังเล่าไม่จบ เมื่อหวีผมให้เสร็จ จากที่ชันเข่าด้านหลังคนตัวสูงเพื่อเป่าผมให้จนแห้ง ก็หย่อนก้นนั่งท่าขัดสมาธิข้างกันบนเตียง
“พ่อกูแต่งงานใหม่”
“โอ้...พบรักใหม่ที่อังกฤษเหรอ” ฮันนั่งเท้าศอกข้างหนึ่งลงกับเข่า เงยหน้ามองผู้พูดอย่างสบายๆ
“ไม่รู้ไปรักกันตอนไหน แต่งเพื่อสังคม แต่งเพื่อทุนนิยม ก็คงจะรักกันมั้ง...รักในเชิงพาณิชย์”
ฮันไม่อยากจะขบขันศัพท์ที่อีกฝ่ายบัญญัติขึ้นมาใหม่ เขาไม่รู้ว่าเรื่องนี้ซีเรียสมากแค่ไหน แต่สังเกตจากสายตาคาร์ลอสที่ยังปกติดี บรรยากาศเลยไม่อึดอัดอย่างที่คิด
“เอ๊ะ เดี๋ยวก่อนนะ บ้านนายอยู่นี่ แล้วทำไมไปเรียนที่เซนต์พอล” ฮันขมวดคิ้ว ก่อนจะเบิกตาแทบถลน “อย่าบอกนะว่าขึ้นไฮป์ไปกลับวันละพันกว่าไมล์!”
“ใช่ที่ไหน กูมีบ้านอยู่ที่นั่นอีกหลัง”
“ยังมีบ้านอีกหลัง! บ้านแบบ บ้านที่ตั้งบนพื้นดิน?” เมื่อคาร์ลอสพยักหน้า ฮันก็อ้าปากค้าง เขาไม่รู้ว่าจะตกใจเรื่องอะไรก่อนดี “ที่ดินเดี๋ยวนี้แพงหูฉี่ ทำงานทั้งชาติยังไม่รู้เลยว่าจะซื้อที่ดินเป็นของตัวเองได้ไหม ครอบครัวนายทำธุรกิจมืดใช่มะ เฉลยมาเลยเหอะ ไม่อยากลุ้นแล้ว”
“มืดไหมไม่รู้ ไม่ได้ติดต่อกับครอบครัวมานานแล้ว...ตั้งแต่กลับมาเรียนอยู่ที่นี่” ฮันเงียบอย่างรอฟัง คาร์ลอสจึงว่าต่อ “พ่อกูเคยเป็นนักการเมือง ไม่รู้ว่าตอนนี้ยังเล่นการเมืองอยู่ไหม ลุงกูก็เหมือนกัน พรรคเสรีนิยม แต่ตอนนี้เหลือแค่ลุงกูแล้วมั้งที่ยังดำเนินอยู่ พ่อกูเดี๋ยวนี้น่าจะดำรงตำแหน่งผู้บริหารร่วมกับแม่ใหม่ ธุรกิจอุตสาหกรรมเทคโนโลยี”
“พรรคเสรี...” ฮันนึกถึงนามสกุลกลางของคาร์ลอส ‘เอลเลียต โฮล์มส์’ แล้วพยายามนั่งคิดว่าใครที่น่าจะใช่ลุงของอัลฟาตัวโต ในจังหวะนั้นเองที่คิ้วสีน้ำตาลขมวดเข้าหากัน ก่อนที่ตากลมโตจะเบิกกว้างขึ้น กว้างขึ้น ไม่ต่างจะปากที่อ้าจนแทบฉีก คาร์ลอสรู้ได้ทันทีว่าต้องเตรียมรับแรงกระแทก “อาดัม เอลเลียต โฮล์มส์!!”
“อือ”
“ประธานาธิบดี อาดัม-เอลเลียต-โฮล์มส์!” ฮันย้ำทีละคำเสียงดัง พร้อมกับมือที่เขย่าไหล่หนาตามจังหวะการพูด ก่อนจะนึกได้ รีบปล่อยคนตัวสูงที่หัวสั่นหัวคลอน “นายเป็นหลานประธานาธิบดี! หลานทางสายเลือด!?”
“อือ...” คนตอบได้แต่นั่งกะพริบตาปริบ
“แล้วอย่าบอกนะ บริษัทที่พ่อนายกับแม่ใหม่นายเป็นผู้บริหารคือ...”
“Metaverse World Group”
“แต่งครับ” จู่ๆ ฮัน ไนท์ก็ลงไปนั่งคุกเข่าอยู่หน้าคาร์ลอส แบมือออกมาข้างหน้าข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างทำเป็นเปิดฝาครอบแหวนเปล่า แบบที่ในซีรีส์ยุคก่อนคนชอบทำเวลาขอแต่งงาน “แต่งงานกับผมเถอะ คุณคาร์ลอส คุณหลานประธานาธิบดี คุณลูกเจ้าของบริษัท Metaverse ตอนนี้ผมยังไม่มีแหวน แต่เดี๋ยวแต่งกับคุณมีเงินเยอะๆ แล้วจะเอาเงินไปซื้อแหวนมาให้ทีหลังนะ”
คาร์ลอสหัวเราะลั่น เคาะนิ้วไปที่กลางหน้าผากมนหนึ่งที “เจ้าบ๊อง”
ฮันเก็บแหวนทิพย์ ลูบหน้าผากที่โดนเขกเบาเหมือนยุงตอม ฉีกยิ้มกว้างพร้อมเสียงหัวเราะแหะๆ คนบนเตียงมองตามรอยยิ้มนั้นอย่างเผลอไผล
ฮันลุกขึ้นมายืนดีๆ หัวก็เลยสูงกว่าคนตัวโตกว่าที่นั่งปล่อยขาอยู่ปลายเตียง มือเล็กแตะลงบนเส้นผมหนาสีสว่าง “มีอะไรก็บอกเราได้เลยนะ เรารู้ว่าลูกคนรวยน่ะ ต่อให้มีเงินเยอะแยะมากมายก็จริง แต่ก็รู้สึกขาดไปหลายอย่างเลยใช่ไหม”
“...”
“เราแค่อยากรู้ว่าช่วงที่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน นายมีความสุขดีไหม กินอิ่มนอนหลับดีหรือเปล่า มีคนอื่นมารังแก หรือนายไปแกล้งคนอื่นไหม ถ้ามีเราจะจัดการให้!”
“มึงคิดว่าใครจะมารังแกกูได้”
“ก็จริง...งั้นแปลว่าคาร์ลอสเป็นฝ่ายไปรังแกคนอื่นเหรอ”
“ไม่มีทั้งนั้นแหละ มึงหยุดคิดเองเออเองจะได้ไหม”
“นี่...นายตอนเอาผมลงแล้วหน้าดูดุน้อยลงเลยเห็นไหม ไม่น่ากลัวเหมือนตอนผมตั้งแล้ว” บาเบอร์จำเป็นกล่าว ลูบหัวของคนที่ดูอ่อนกว่าวัยลงไปมากเมื่ออยู่ในทรงผมเช่นนี้
“กูไม่เคยเซต มันตั้งของมันเอง ไม่รู้ทำไม” คาร์ลอสเลิกคิ้ว “กูน่ากลัว?”
“ยิ่งกว่ากรินเดลวัลด์อีก อ้อ...ถึงจะผมสีเดียวกันแต่ก็หล่อไม่สู้เดรโก มัลฟอย
หรอกนะ” เมื่อเห็นหัวคิ้วหนาชนกัน ฮันก็ร้องหา “อย่าบอกนะว่าไม่เคยดู นี่มันหนังในตำนานเลย!”“เหมือนจะเคยได้ยินชื่อ แต่ไม่เคยดู...” มือหนาไม่รู้จะวางไว้ตรงไหน เลยเอาไปวางไว้ที่เอวบางของคนที่ยืนค้ำหัวอยู่ ซึ่งดูเหมือนว่าโอเมกาหนุ่มจะไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย
“ไม่ได้การ...คืนนี้นายไม่มีอะไรต้องทำใช่ไหม” ฮันครุ่นคิด เมื่อกี้เขาเห็นจอโทรทัศน์แบบเก่าแวบหนึ่งอยู่ชั้นล่าง เมื่อหัวสีบลอนด์ส่ายไปมาเบาๆ ฮันก็จับไหล่หนาเขย่า “งั้นคืนนี้ก็ดูเลย!”
“เดี๋ยว...กูยังไม่ได้บอกเลยว่าอยากดู” มือที่วางตรงเอวฮันอยู่ไม่สุข มันนวดคลึงไปมา มันเป็นอยากสัมผัส อยากสกินชิปตลอดเวลา แบบที่คาร์ลอสก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน
แต่ฮัน ไนท์ที่เพิ่งรู้สึกตัวมองตามมือ สายตาดูมีเลศนัยวาววับ “อ้อจริงด้วย FWB เขาก็ต้องทำกิจกรรมอย่างว่า มากกว่ากิจกรรมทั่วไปสินะ”
มือหนาปล่อยจากเอวบางทันที เผลอลืมไปเลยว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ในสภาพอันตราย ยิ่งอัลฟาหนุ่มเห็นยิ้มร้ายๆ ที่ไม่รู้ว่าคิดเล่นหรือจริงของฮัน เสียงทุ้มจึงรีบเอ่ย “จะดูไม่ดู เดลวัลด์ เดรโกอะไรนั่น”
“ดู!”
“งั้นก็ลงไปรอข้างล่าง กูจะใส่เสื้อผ้า” นิ้วเขกหน้าผากของฮันไปอีกที “หยุดมองด้วยสายตาแบบนั้นด้วย ทะลึ่ง”
“ทีอย่างนี้มาทำเป็นเขิน ตอนนายจูบจนแทบจะกลืนลิ้นเรา เรายังไม่ว่าเลยเหอะ อะโด่ววว”
คาร์ลอสลุกขึ้น เดินหนีไปทางห้องแต่งตัวอย่างไม่อยากฟัง “ตัวแสบ...”
ไม่วาย ตอนปิดประตูห้องแต่งตัวหนี ยังได้ยินเสียงตะโกนข้ามมา “ปากเรามีแต่กลิ่นโกโก้ใช่ไหมนายเลยไม่ชอบ เดี๋ยวคราวหน้าเราจะแปรงฟันก่อนจูบนะ!”
ใช่ที่ไหนกันละ
αβΩ
“อึก...อือ เดี๋ยวสิ หายใจไม่ทัน”
ฮัน ไนท์ไม่รู้ว่ามาอยู่ในสถานการณ์นี้ได้อย่างไร ทั้งๆ ที่ตั้งใจไว้ว่าจะดูภาพยนตร์ในตำนานอย่างแฮร์รี่พอตเตอร์ให้ครบทุกภาค รู้แค่ตอนกำลังดูภาคสาม ปากเขาก็เล่าฉากถัดไปอย่างดุเดือด เห็นว่าคาร์ลอสไม่ห้ามที่ตัวเองสปอย ฮันก็ฝอยต่อไม่หยุดเพราะจิตวิญญาณความเป็นมักเกิลมันอยู่ในสายเลือด
รู้ตัวอีกที กลิ่นฟีโรโมนเวติเวอร์ก็ตีเข้าจมูกเข้ม เสียงฝนเริ่มซาลงเพราะเลยเวลาสามทุ่มกว่ามานานแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นกลิ่นฝนที่มาจากตัวคาร์ลอสก็ทำให้ฮันมัวเมา ใบหน้าคมขยับเข้ามาใกล้ ฮันที่ไม่อาจต้านทานดวงตาสีฟ้าคู่สวยก็ได้แต่ตอบรับลมหายใจและจูบร้อน
โทรทัศน์ขนาดใหญ่ที่เป็นจอ QLED หรือ Quantum Dot คือวัสดุสารตัวนำความละเอียดสูงที่มีขนาดระดับนาโน ยิ่งอนุภาคมีขนาดใหญ่ขึ้นก็จะให้สีแดงมากขึ้น หรือยิ่งอนุภาคมีขนาดเล็กลงก็จะให้สีน้ำเงินมากขึ้น จุดเหล่านี้สามารถเปล่งแสงที่มีสีต่างๆ ได้อย่างแม่นยำ เพราะขนาดของอนุภาคปรับความเร็วที่ระดับควอนตัมต่างๆ ได้ ส่งผลให้ได้การเปล่งแสงที่แม่นยำและมีประสิทธิภาพ
ซึ่งสมัยนี้คนไม่นิยมซื้อโทรทัศน์จอเบ้อเริ่มกันแล้วเพราะมันเกะกะ พื้นที่อาศัยมีน้อยอยู่แล้ว ยิ่งซื้อจอโทรทัศน์มาตั้งจะยิ่งกินพื้นที่ใช้สอย คนจึงนิยมซื้อเครื่องฉายแบบฮอโลแกรมที่มีความละเอียดสูงมาแทน หรือไม่เพื่อความเป็นส่วนตัวก็จะสตรีมมิ่งซีรีส์หรือภาพยนตร์ผ่านแว่นตาอัจฉริยะที่เชื่อมกับเอฟอร์สได้
เสียงจากโทรทัศน์ยังคงดำเนินต่อไป แต่สิ่งที่ทั้งคาร์ลอสและฮันได้ยินชัด น่าจะเป็นเสียงลมหายใจและความเฉอะแฉะจากโพรงปากเสียมากกว่า
“ไหน คนที่ร้องปาวๆ อยากได้จูบเมื่อกี้หายไปไหนแล้วล่ะ”
“ไม่ได้ร้อง— อื้อ” ยังไม่ทันได้แก้ตัว ปากก็โดนประกบอีกครั้ง
บนโซฟาตัวกว้างในห้องนั่งเล่น คนตัวบางกว่าถูกยกให้นั่งทับหน้าตักเพื่อความถนัดถนี่ในการละเล่นของลิ้นกับฟัน
สองมือของฮันจับล็อกใบหน้าคมไว้ ตัวเขามัวเมาไปกับเรียวลิ้นเก่งกาจ ไม่อยากเป็นฝ่ายถูกป้อนจูบอยู่ฝ่ายเดียว คนที่ถูกจูบจนระทวยอยู่หลายครั้งเริ่มเรียนรู้ ฮัน ไนท์อยากมอบความรู้สึกดีแบบที่เขาได้รับกลับไปบ้าง
คาร์ลอสส่งเสียงในลำคอ มือหนาที่โอบรัดเอวบางอยากจับให้คนบนร่างหยุดขยับสะโพกแบบนั้นเสียที
อัลฟาหนุ่มรู้ว่าฮันมัวแต่โฟกัสอยู่ที่การดูดกลืนเรียวลิ้น จนเผลอไผลร่างกายเคลื่อนไหวไปตามแรงอารมณ์ แต่คาร์ลอสคิดว่าถ้ายังให้เป็นแบบนี้ต่อไป เขาคงไม่สามารถหยุดแค่จูบได้
“พอแล้วเหรอ...” ฮันมองตามริมฝีปากได้รูปตาละห้อย ยามที่คล้อยออกจากกัน “อีกทีได้ไหม นะ”
“ไม่ได้” คาร์ลอสกระแอมเล็กน้อย เมื่อรู้สึกว่าเสียงตัวเองมันเข้มเกินไป “พอแล้ว อย่าโลภมาก”
ฮันหน้าหงอลง ริมฝีปากอิ่มเม้มน้อยๆ ก่อนเอ่ย “ไม่จูบแล้วก็ได้”
“งั้นก็—”
“แต่เราทำกันเลยเถอะ”
ให้ตายสิ
คาร์ลอสกำลังจะลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะประโยคล่อแหลมหลุดจากปากน่ากลืนลงท้องนั้น ไหนจะสายตาที่รอฟังคำตอบอย่างใจจดใจจ่อก็น่ารักแทบคลั่ง ฟีโรโมนชาคาโมมายล์หอมหวานกว่าทุกครั้ง ทุกอย่างดูเป็นใจ และคาร์ลอสก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าทั้งๆ ที่อีกฝ่ายเปิดทางให้ขนาดนี้ ทำไมถึงจะต้องหาเรื่องมาปฏิเสธอีก
“มึงบอกว่าจะทำเฉพาะตอนที่มีสติ”
“แล้วตอนนี้เราไม่มีสติตรงไหน”
“ฟีโรโมนมึง—”
“เราไม่ได้ฮีทนะ เรารู้ตัวเอง”
“...”
“แล้วอีกอย่าง...นายจะฝืนเจ้านั่นเอาไว้งั้นเหรอ” ฮันหลุบตามองสิ่งที่อยู่ใต้สะโพกตัวเอง “น้องนาย...ดูท่าจะไม่ไหวแล้วนะ”
“...” คาร์ลอสหลับตา เขาลูบหน้าตัวเอง สูดหายใจเข้าลึก แต่ก็รู้ว่าคิดผิดที่ทำอย่างนั้น เพราะมันทำให้เขาได้กลิ่นฟีโรโมนที่หอมหวานยั่วน้ำลายเข้าไปเต็มปอด
ชาคาโมมายล์...อยู่อังกฤษมาสิบกว่าปีไม่เคยอยากแดกชา มึงจะมาอยากอะไรเอาตอนนี้
“มันแข็งมากเลย”
“...” กูรู้แล้ว มึงจะย้ำทำไมเนี่ย
“ไม่ใช่แค่น้องนาย...น้องเราก็—”
หมับ
ฝ่ามือใหญ่ปิดปากคนที่กำลังจะพูดอะไรที่อาจทำให้เขาสิ้นสติ ตอนนี้สมาธิสำคัญที่สุด คาร์ลอสไม่เคยนับถือศาสนา ไม่เคยเข้าร่วมพิธีการ ไม่ว่าจะศาสนาไหนก็ตาม แต่ตอนนี้เขาขอนับถือคนที่ยังนับถือศาสนาพุทธ เพราะอาจเป็นคนที่มีทักษะควบคุมสมาธิอันแกร่งกล้า
!!
จากตอนแรกที่คาร์ลอสกำลังวางแผนอยู่ในหัวว่าจะทำอย่างไรให้หลุดพ้นจากสถานการณ์นี้ ความคิดทุกอย่างก็พังทลายลง สลายหายไปราวกับฝุ่นผง เมื่อฝ่ามือของตัวเองที่ปิดปากโอเมกาหนุ่มไว้ ถูกเรียวลิ้นเล็กแลบเลียจนขนอ่อนลุกชัน
มือใหญ่กำลังจะชักหนี แต่ถูกฮันจับข้อมือล็อกเอาไว้ แล้วก็ลากลิ้นชื้นไปทั่วฝ่ามือจนคาร์ลอสตาลาย ทุกอย่างตรงหน้าพร่ามัว เห็นเพียงดวงตากลมที่มองมา
“จะเอาอย่างนี้ใช่ไหม” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถาม ก็ถามไปอย่างนั้น เพราะในใจรู้คำตอบอยู่แล้ว
“ใช่ จะเอา”
ร่างของฮันถูกจับกดลงกับโซฟาในวินาทีนั้น จูบร้อนถูกป้อนในลำดับถัดไป เสื้อยืดตัวบางเอาไว้ใส่นอนของคาร์ลอสที่เพิ่งจะสวมไปได้ไม่เท่าไรถูกจับโยนออกทางหัว ฮันตัวสั่น แต่เป็นสั่นสู้นะ...
“เราไม่เคยทำกับใครมาก่อน...ช่วยสอนได้ไหม นอนกับคนไม่เป็นอย่างเรา แย่หน่อยนะ”
“ไม่เป็นไร” คาร์ลอสตอบเสียงพร่า ตัวเขาเองก็ไม่ได้เก่งกาจเรื่องอย่างว่า เกิดมาก็ระบายอารมณ์ทางเพศไม่กี่ครั้ง “มึงสิ ถ้าไม่ชอบตรงไหนก็บอกกู อย่าฝืน เข้าใจไหม”
ฮันพยักหน้าจนผมหยักศกไสว “เราดีใจ...ที่ได้ทำครั้งแรกกับคาร์ลอส”
ให้ตาย...แล้วจะให้ทนยังไงไหว
จากตอนแรกที่คิดว่าจะช้อนร่างนิ่มพากันขึ้นไปทำข้างบน แต่คาร์ลอสก็ไม่สามารถฝืนทนได้อีกต่อไป เขาโน้มตัวลงป้อนความหวานทางปากให้อีกครั้ง มือหนาพยายามแกะเชือกกางเกงนอนตัวเองที่ดึงอีท่าไหนไม่รู้ ไปพันกันเป็นปมเสียได้
ให้มันได้อย่างนี้สิวะ!
คนสองคนที่นัวกันจนไม่ได้ยินเสียงล็อกอินเข้าบ้าน ฮันปรือตาจากจูบร้อนเมื่อเห็นเงามืดทาบทับตัว ยังไม่ทันได้ทักท้วง ผมสีบลอนด์สว่างของคาร์ลอสก็ถูกกระชากไปข้างหลังอย่างแรง
“มึงทำอะไรลูกกู!”
TBC
ขอต้อนรับเข้าสู่ช่วง...
ถามเอง! ตอบเอง!
1. จะเขียนเรื่องนี้จบไหมครับ?
- จบแน่นอน!
- เนื้อหา 2 เล่มจบงับ (ประมาณ 1000 หน้า...)
2. เรื่องนี้แฮปปี้เอนดิ้งไหมคะ?
- ถ้าเป็นเอนดิ้งล่ะก็ แฮปปี้แน่นอน! (ส่วนในเรื่อง ต้องรอติดตามเลยฮะ)
3. จะเขียนคู่อื่นๆ ต่อไหมครับ?
- หุหุหุ เด่วแยกเรื่องให้เบย ว่าแต่ว่าคู่ไหนน้า...มีหลายคู่ซะด้วยสิ
4. จะทำเป็นรูปเล่มหนังสือ หรือ มี E-book ไหมคะ?
- มีแน่นอน!
- คาดว่าลงเนื้อหาในเว็บถึงประมาณตอนที่ 20 - 25 ก็น่าจะลง E-book ฮะ
- รูปเล่มอาจมาช้ากว่า E-book หน่อยฮะ อาจได้อ่านตอนจบก่อนที่ลงในเว็บงับ
5. จะลงเนื้อหาในเว็บจนจบไหมฮะ?
- ลงจนจบแน่นอน!
- แต่ตอนพิเศษที่มีเฉพาะในเล่ม ขอคิดก่องน้าว่าจะลงแบบติดเหรียญหรือให้มีแค่ในเล่มดี
6. ถ้าลงจบแล้ว จะปิดเนื้อหาหรือติดเหรียญไหม?
- ขอคิดก่องน้า
- ถ้าไม่ลงตอนพิเศษในเว็บ ก็คงไม่ปิดเนื้อหางับ
- ถ้าจะลงตอนพิเศษแบบติดเหรียญ ก็คงจะติดเหรียญตั้งแต่ช่วงกลางๆ เรื่องลงไปฮะ แต่น่าจะอีกนานเลย
- เข้าใจสายอ่านฟรี ไม่ค่อยอยากจำกัดการเข้าถึง แต่จะให้อภิสิทธิ์คนที่จ่าย ที่จะได้อ่านก่อนหรือได้อ่านตอนพิเศษแทนมากกว่าค่ะ
ถ้าเราแมสแล้ว มีเงินตั้งตัวได้แล้ว เราก็อยากจะพัฒนาตัวเองในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเนื้อหาการเขียน ภาษา เราอยากซื้อหนังสือมาอ่านเยอะๆ อยากเขียนภาษาให้สวยกว่านี้ อ่านแล้วเข้าถึงอารมณ์ของตัวละครได้มากกว่านี้ อยากจ้างคอมมิชชั่นงานสวยๆ แบบอลังไม่ต้องกลัวงบหมด
My vision อยากผลิตผลงานเพื่อให้ผู้อ่านมีความสุข มีภาพ commission แทรกในเล่มเยอะๆ Objective คืออยากให้พื้นที่นิยายของเราเป็นที่โลดแล่นของจินตนาการ เป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน อยากให้ผู้อ่านได้อะไรที่มากกว่าแค่การอ่าน อยากให้อะไรคุณที่มากกว่าสนุก จิ้น ฟิน อยากให้คุณรู้สึกว่าตัวละครเหล่านี้กำลังปลอบประโลมในตอนที่คุณเศร้า เหงา ทุกข์ใจ เพราะในขณะที่คุณอ่านนิยายเรา คุณกำลังทำให้ทุกตัวละครมีชีวิต มีความหมาย :)
สามารถหวีด ร่วมพูดคุย แสดงความคิดเห็นผ่าน #IABOU
หรือเพื่อติดตามเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของนิยายเรื่องนี้ที่เราจะลงไว้ที่นั่นได้เลย!
Comments (0)