6 ตอน V กลุ่มหญ้าแฝกในฤดูฝน
โดย FIT FOR FINE
Listen to this song for your อรรถรสในการอ่าน
SOYOU (소유) - I MISS YOU
V
กลุ่มหญ้าแฝกในฤดูฝน
(Photo by Marc Zimmer on Unsplash)
(คุณรู้จักฉันจากการแอบมองไม่ใช่เหรอ)
(แล้วทำไมคุณถึงมาหาฉันตอนนี้ล่ะ)
I love you, love you, love you
(ฉันรู้สึกได้ถึงความผูกพันของสองเรา)
And I miss you, miss you
(คุณคือโชคชะตาของฉัน)
“เป็นความผิดของฉันเองค่ะ ฉันเป็นคนให้น้องฮันเข้าไปในแล็บ”
“เดี๋ยวขออนุญาตแสกนฟอร์สของแต่ละคนก่อนนะครับ—”
“ไม่ครับ ที่จริงแล้วมันเป็นความผิดของผมเอง ถ้าผมไม่พาเอมิลี่ไปเจอฮันแต่แรก—”
“ผมก็ผิดด้วยครับที่ไม่ห้ามพวกพี่เขาไว้”
“นี่! หยุดเอาความผิดไปลงที่ตัวเองกันได้แล้ว งั้นก็ผิดมันด้วยกันทั้งหมดนี่แหละ”
ก่อนที่เอมิลี่ โจเซฟและลูคัสจะได้เถียงกันไปมากกว่านี้ ตำรวจประจำสถานีมหาวิทยาลัยแห่งสหพันธรัฐก็รั้งให้หยุด บอกให้นั่งอยู่ในความสงบและให้เปิดการเข้าถึงข้อมูลจากฟอร์สของตนเองเพื่อให้เจ้าหน้าที่แสกน
“เรื่องนี้ใครจะผิดถูกมากน้อยแค่ไหน คงต้องรอสืบสวนให้จบกระบวนการก่อนนะครับ แต่ที่เห็นจะผิดชัดสุดคือ กฎหมายเพศรองมาตราที่ 174 วรรค 3 กล่าวคือให้ผู้ที่มีเพศรองอัลฟาและโอเมกาอยู่ในที่ปิดร่วมกัน โดยที่ทั้งคู่ไม่ใช่คู่ชีวิตที่ถูกต้องตามกฎหมายและไม่มีความยินยอมจากทั้งสองฝ่าย โดยที่สถานที่ปิดนั้นไม่มีมนุษย์อื่นหรือโรบอตร่วมอยู่ด้วย ถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดข้อกฎหมายนะครับ”
ทั้งโจเซฟ เอมิลี่และลูคัสก้มหน้าลงอย่างจำนน
“ทั้งนี้ก็ยังขึ้นอยู่กับคำให้การของผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ด้วย ในขั้นตอนนี้ คุณโฮล์มส์ให้การกับเจ้าหน้าที่ก่อนได้เลยนะครับ”
“...” เจ้าของชื่อยังนั่งนิ่งเงียบ
หลังจากเหตุการณ์ที่คาร์ลอสรัทในห้องแล็บ และเกือบจะเกิดเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น ตอนนี้ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นคาร์ลอส เอมิลี่ โจเซฟและลูคัสต้องอยู่ให้การกับตำรวจ ยกเว้นฮันที่หมดสติไปเพราะฟีโรโมนกดดันรุนแรง ตอนนี้จึงถูกส่งตัวไปอยู่ที่ห้องพยาบาล
เหตุการณ์นี้ถือว่าอยู่ในขั้นเกือบร้ายแรง ที่มันยังไม่ถึงขั้นร้ายแรง เพราะมันยังไม่มีอะไรที่เกิดขึ้นจริงๆ
“ฝั่งอัลฟาสามารถให้การได้ว่าฝั่งโอเมกาเข้ามาบุกรุกในสถานที่ส่วนบุคคลและปล่อยฟีโรโมนจนทำให้คุณขาดสติได้ และผมจะรอจนกว่าฝั่งโอเมกาจะฟื้นมาให้การอีกทีหนึ่ง ถ้าคำให้การตรงกันและไม่มีอะไรซับซ้อน เรื่องก็จะจบภายในวันนี้—”
“ปัญญาอ่อนหรือไง”
“ว่าไงนะครับ?” เจ้าหน้าที่คิดว่าตัวเองหูฝาดไปจึงถามย้ำ แต่ดูเหมือนว่านั่นจะทำให้คาร์ลอสหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิม
“ดูจากกล้องก็รู้แล้วว่ากูทำ”
“ไอ้คาร์ลอส” โจเซฟกระทุ้งศอกใส่เพื่อนให้พูดดีๆ
“ดูจากกล้องก็รู้แล้วว่ากูเป็นคนคุกคาม ยังจะต้องรอฟังคำให้การไร้สาระอะไรอีก” คาร์ลอสสาวเท้าไปหาเจ้าหน้าที่สอบสวนอย่างเชื่องช้า เจ้าหน้าที่เหงื่อแตกพลั่กอย่างไม่รู้ตัว “กูผิด”
“เอ่อ...ที่ต้องรอฟังคำให้การเพราะมีเคสแบบนี้บ่อยครับ ส่วนมากโอเมกาจะฮีทหรือปล่อยฟีโรโมนก่อนทำให้อัลฟาเกิดอารมณ์ จนกระทั่งควบคุมไม่ได้—”
เสียงของเจ้าหน้าที่คนนั้นขาดหายไปเมื่อสบเข้ากับนัยน์ตาสีฟ้า มันแวววับจนทำให้เสียงขาดห้วง ฝ่ามือของคาร์ลอสกำอยู่ที่ปกเสื้อแน่นจนยากที่จะกลืนน้ำลายอันแสนฝืดเคือง ฟีโรโมนอัลฟาในหน้าฝนปล่อยความกดดันอัดแน่นจนหายใจแทบไม่ออก
แม้แต่เพื่อนในห้องยังไม่กล้าเข้าไปใกล้
คาร์ลอสพูดเน้นคำ
“กู เป็น คน ผิด”
αβΩ
มืดมากเลย
อึดอัด
หายใจไม่ออก
ที่ไหน?
ตอนนี้ฮันไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้น สิ่งเดียวที่รับรู้คือความรู้สึกที่มันไม่ดีเลยสักนิดเดียว มันเหมือนกับกำลังลอยตัวอยู่ในสสารที่เย็นเฉียบ แต่ก็เหมือนกับร่างกายกำลังจมดิ่งในเวลาเดียวกัน มันเคว้งคว้าง ว่างเปล่า ไร้ซุ่มเสียง ร่างกายด้านชาไร้ความรู้สึก
เมื่อค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้นมา ประตูของความกลัวสุดขั้วหัวใจก็เปิดออก แม้จะมืดจนมองแทบไม่เห็นว่าอะไรเป็นอะไร แต่ก็รับรู้ได้ว่าตอนนี้ร่างกายของเขากำลังจมลงสู้เวิ้งน้ำอันแสนน่ากลัว
ยิ่งมองไปรอบตัวก็ไม่พบอะไรเลยนอกจากความว่างเปล่า ที่ยิ่งมองไกลออกไป ยิ่งพบแต่ความมืดมิด ดั่งท้องน้ำซึ่งไร้จุดสิ้นสุด ชายหนุ่มตื่นตระหนกสุดขีด แขนขาตีขึ้นลงไปมา พยายามแหงนหน้าหาแสงรำไร แต่ยิ่งทำแบบนั้นก็เหมือนกับว่าตัวเขาจะยิ่งจมลงไปใต้ก้นบาดาลเร็วขึ้น
ไม่เอา...
ขอร้อง...ช่วยด้วย!!
เขากรีดร้องลั่น แต่กลับไม่มีเสียงใดออกมาจากลำคอ เมื่อไม่ได้ยินแม้แต่เสียงของตัวเอง เขาก็ทำได้เพียงร้องไห้ไร้เสียง จะสะอึกสะอื้นก็ไม่ได้ จะดีดดิ้น จะตีแข้งตีขาพาตัวเองว่ายขึ้นไปเท่าไรก็ดูจะไม่มีทางหลุดพ้นวังวนความมืดมิดนี้เสียที
เขากลัว ไม่รู้ว่าจะมีอะไรอยู่ใต้น้ำบ้าง มันเย็นยะเยือกไปถึงกระดูก มันมืด มันอึดอัด มันหายใจไม่ออก
ช่วยด้วย!
หม่าม้า! ออมม่า! น้องฮันอยู่ตรงนี้!
ใครก็ได้ช่วยด้วย!!
เฮือกลมหายใจสุดที่หลงเหลืออยู่ก่อนที่สติจะดับมอดลงไป เขาเห็นเพียงแสงสว่างจ้าจนเปลือกตาไม่สามารถปรือเปิดขึ้นได้ สัมผัสที่ถูกโอบอุ้มโดยใครบางคนที่มองไม่เห็น จำได้เพียงผมสีสว่าง ใบหน้าของอีกฝ่ายเห็นเป็นแค่เงาเพราะถูกย้อนด้วยแสงอาทิตย์ เสียงจี๊ดยาวๆ อื้ออึงก้องอยู่ในหัวของเขา
สิ่งสุดท้ายที่ได้ยินจากผู้ที่มาช่วยชีวิตไว้คือ
...รอดแล้วนะฮันนี่ ปลอดภัยแล้วครับตัวเล็ก...
“สรุปแล้วคือหมดสติไปเพราะฟีโรโมนข่มของอัลฟาเท่านั้นครับ นอกนั้นร่างกายไม่มีอะไรผิดปกติ”
“อีกนานไหมครับถึงจะฟื้น” หมอแมททิวนิ่งไปนิดเมื่อถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำสถานีใกล้เคียงถามแบบนั้น หันไปมองชายหนุ่มโอเมกาเพียงหนึ่งเดียวในห้องพยาบาลที่ยังนอนหายใจคงที่บนเตียงพักฟื้น ไหนจะสายตาจากเหล่าเพื่อนของเจ้าตัวที่กดดันให้รายงานอาการมาให้หมด
“ถ้าฟื้นแล้วก็คงให้การไม่ได้ทันทีเลยหรือเปล่าคะ เพิ่งหมดสติไป ต้องพักผ่อนอีก ไม่ใช่ร่างกายจะฟื้นตัวได้เร็วขนาดนั้น” ไคลี่พูด และทุกคนในห้องก็มีท่าทีเห็นตรงกันเพราะเข้าใจว่าคนบนเตียงไม่ได้มีเพศรองเป็นอัลฟาหรือเบตา อาจจะไม่ได้แข็งแรงหรือฟื้นตัวได้เร็วเหมือนคนอื่นๆ ทว่าเจ้าหน้าที่อัลฟายังดึงดันเร่งเร้า
“คือว่าเราต้องรีบปฏิบัติหน้าที่เพื่อจบงานครับ แล้วอีกฝ่ายก็แค่หมดสติไม่ใช่หรือครับ ตื่นมาให้การกับตำรวจสักเล็กน้อยคงไม่—” มีข้อความขัดจังหวะเข้าเอฟอร์สของเจ้าหน้าที่คนนั้น เจ้าตัวเงียบไปเมื่ออ่านคำสั่ง
“โอเคครับ งั้นรอให้คุณฮัน ไนท์หายดีแล้วค่อยมาให้การวันหลังก็ได้ครับ ยังไงวันนี้พวกเราขอตัวกลับก่อน”
เจ้าหน้าที่ตำรวจสองนายเดินออกจากห้องพยาบาลไป ทำให้บรรยากาศในห้องดูโล่งขึ้นเยอะ ชินและไคลี่เพื่อนของฮันเดินมาเกาะขอบเตียง แล้วก็เดินวนอยู่ในห้องพักฟื้นอย่างนั้นเพราะไม่รู้ว่าจะทำอะไรดีระหว่างรอ ยังไม่กล้าแจ้งไปที่ครอบครัวของฮัน เพราะไม่รู้ว่าเจ้าตัวอยากให้จะพ่อแม่รู้เรื่องนี้ไหม
เสียงประตูห้องเรียกสายตาของทุกคนในห้องให้หันไปมอง เป็นไคลี่ที่ขมวดคิ้วขึ้นเมื่อเห็นว่าใครเดินเข้ามาบ้าง
นี่มันแก๊งรวมพลคนโฉดหรือยังไง
“ฉันไม่น่าปล่อยให้ฮันนี่ไปกับพวกเธอเลย” ไคลี่ยืนกอดอกกั้นทางผ่านไปยังเตียงของเพื่อนตัวเล็ก
“บอกพ่อแม่ฮันนี่ดีไหม” ชินถาม
“เดี๋ยวรอฮันนี่ตื่นก่อนดีกว่า”
“อาการเป็นยังไงบ้างครับหมอ” โจเซฟถามหมอประจำตึก B
ตึก B เป็นศูนย์รวมของความสะดวกต่างๆ ในมหาวิทยาลัย ไม่ว่าจะศูนย์อาหาร เทคโนโลยีการสื่อสารทุกรูปแบบ หรือเทคโนโลยีทางการแพทย์ ห้องพยาบาลที่นี่มีเครื่องมือครบครันและใหญ่ที่สุดในมหาวิทยาลัย ไม่แปลกที่เอมิลี่จะอุ้มฮันมาที่นี่ แต่เป็นคาร์ลอสที่แปลกใจเสียเองมากกว่า ไม่ใช่แค่แปลกใจ แต่กลัวใจด้วยว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง
คาร์ลอสไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย จำไม่ได้เลยสักอย่าง จำได้เพียงความรู้สึกที่มันโหยหาจนล้นปรี่
เหมือนได้อะไรบางอย่างที่คร่ำครวญมาโดยตลอดกลับคืนมา
ถ้าไม่ได้ดูกล้องวงจรปิดจากห้องแล็บ คาร์ลอสต้องไม่เชื่อคำพูดของเพื่อนแน่ว่าตัวเองมีอาการรัทซ้ำครั้งที่สองติดกัน จนหน้ามืดตามัวแบบนั้น
“ฮัน อัลเลน ไนท์”
“ชื่อเต็มของผม”
“ซีแอล”
“นายคือซีแอลใช่ไหม”
“My CL”
นั่นคือคำสุดท้ายที่คาร์ลอสจำได้ หลังจากนั้นภาพก็ตัดฉับ ตื่นมาอีกทีก็มีตำรวจมาสอบสวน และร่างของคนที่เขาพยายามไล่ให้ออกจากห้องแล็บ ก็มาอยู่ที่ห้องพยาบาล
คาร์ลอสกลืนน้ำลายลงอย่างฝืดเคือง ไม่ได้ยินด้วยซ้ำว่าหมอพูดว่าอะไรบ้าง ถูกเอมิลี่ดันให้ไปนั่งรอข้างเตียงผู้ป่วยที่มีม่านล้อมเพื่อความเป็นส่วนตัว เขาไม่เห็นว่าคนหลังม่านนั้นมีสภาพเป็นอย่างไร ไม่อยากแม้แต่จะคิดว่าถ้าเพื่อนของตัวเองเข้ามารั้งไว้ไม่ทัน จะเกิดอะไรขึ้น
สำหรับผู้กระทำ มันจะถือว่าเป็นเพียงความผิดพลาดหนึ่งในชีวิต
แต่มันจะเป็นตราบาปไปตลอดชีวิตของผู้ถูกกระทำ
“คาร์ลอส”
“ไอ้คาร์ล”
“ไอ้คาร์ลอส!”
“อะไร” เจ้าของชื่อหลุดจากห้วงความคิด เงยหน้าขึ้น แล้วก็เห็นว่าทุกคนกำลังมองมาที่เขา
“หมอเรียกมึง”
“คุณฮันฟื้นแล้วครับ แต่ผมมีเรื่องที่ต้องถามพวกคุณทั้งสองคน”
“พวกเราเข้าไปด้วยได้ไหมคะ” ไคลี่กระเด้งลุกขึ้นจากที่นั่ง
“อ่า... คือว่าจำนวนคนเยอะเกินไป แล้วก็เรื่องที่จะถามเป็นเรื่องค่อนข้างส่วนตัวครับ”
“ยังไงก็จะไม่ยอมให้ฮันนี่อยู่ตามลำพังกับหมอนี่แน่นอนนะคะ—”
“ไคลี่...ไม่เป็นไร” เสียงหนึ่งดังลอดผ่านม่านกั้น ทำให้ไคลี่หยุดลง “ไม่เป็นไรครับหมอ ให้เพื่อนๆ อยู่ด้วยเถอะ เพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย”
เสียงนุ่มทุ้มและฟีโรโมนกลิ่นดอกไม้อ่อนๆ ดูเหมือนจะทำให้ทุกคนคล้อยตามได้ไม่ยาก คาร์ลอสได้ยินแต่เสียงผ่านม่านที่ถามออกมา “เว้นแต่ว่าซี— ผมหมายถึงคาร์ลอสจะไม่สะดวกใจ”
เมื่อได้ยินดังนั้น ทุกคนในห้องก็ดูเหมือนจะเล็งเป้ามาที่อัลฟาตัวซีดเป็นตาเดียว คนที่ถูกกดดันทางสายตาไม่พูดอะไร ทำเพียงแค่พยักหน้า แล้วเดินตามหมอเข้าไปในม่านสีขาวสะอาด
สิ่งแรกที่เห็นคือข้อมือบางที่มีสายน้ำเกลือเจาะอยู่ คาร์ลอสขมวดคิ้วเมื่อนึกถึงคำที่นายแพทย์พูดว่าแค่หมดสติ ย่อตัวลงนั่งกับเก้าอี้ข้างเตียงที่ถูกจัดเตรียมไว้ สุดท้ายแล้วก็จำต้องยอมเงยหน้า ประสานสายตากับคนบนเตียงที่มองอยู่ก่อนแล้ว
“คุณ— นายโอเคไหม” ฮันที่ใบหน้ายังคงซีดเซียวถามขึ้น
“ห่วงตัวเองเถอะ” เมื่อเสียงทุ้มต่ำพูดประโยคนั้นออกไป ใบหน้าเล็กก็ก้มลงมองมือตัวเอง คาร์ลอสขมวดคิ้วแน่น เขาไม่ได้อยากจะพูดห้วน แต่เขาหมายถึง ก่อนที่จะห่วงคนอื่น ห่วงตัวเองก่อนดีไหม
“ผมโอเคแล้ว” ฮันได้กลิ่นฟีโรโมนอัลฟาตีกันนอกม่าน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเพื่อนๆ กำลังเงี่ยหูฟังกันสุดกำลัง
“งั้นหมอขอเริ่มเลยนะครับ ช่วงนี้คุณฮันมีความผิดปกติอะไรที่เกิดขึ้นกับร่างกายบ้างไหมครับ เช่น ฮีทมาไม่ตรงเวลา มาๆ หายๆ หรืออาการหมดไฟ หมดกำลังใจ ไม่อยากอาหารหรือกินเยอะเกินไป ไม่อยากทำอะไรแต่ก็ต้องหาอะไรทำตลอดเวลา”
"ถ้าจะเอาที่เห็นชัดสุด ช่วงนี้เวลาฮีทผมมาเร็วกว่าปกติมาก แล้วก็ไม่คงที่เท่าแต่ก่อนด้วยครับ"
"มีอาการอื่นร่วมด้วยไหมครับ"
"มีแต่ฮีทนานหลายวัน...ฮีททีก็ทั้งวัน แล้วก็—" ฮันชะงักไป เม้มปากเบาๆ ใบหูเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง
"แล้วก็อะไรครับ?" หมอแมททิวที่กำลังพิมพ์ข้อมูลเงยหน้ารอฟังต่อ
ฮันรู้สึกคิดผิดที่ปล่อยให้เพื่อนรอฟังอยู่ในห้องด้วย
“อ่า...จะว่ายังไงดีล่ะครับ แหะๆ” ฮันได้แต่ขำกลบเกลื่อนยามที่เห็นอัลฟาเจ้าของกลิ่นอบอุ่นนั่งจ้องมาไม่วางตา ยกมือเกาแก้มตัวเองยุกยิก อยากจะเอาหน้ามุดผ้าห่มแล้วแกล้งหลับมันอีกรอบ
“ตอบมาได้เลยครับไม่ต้องอาย ห้ามโกหกหมอนะครับ เพราะข้อมูลคนไข้มีความสำคัญในการประมวลผลมาก” หมอแมททิวยิ้มอย่างอ่อนโยน นั่นยิ่งทำให้ฮันหน้าร้อนเห่อไปหมด
“ช่วงสามสัปดห์ที่ผ่านมานี้ เวลาฮีท...ไม่รู้สึกเต็มอิ่มเลยครับ”
“ครับ ว่าต่อได้เลยครับ”
“เวลาทำ...ก็ต้องนึกถึงหน้าเขาตลอด" ฮันก้มหน้าลงมองมือตัวเอง บีบๆ นวดๆ มันอยู่อย่างนั้นเพราะไม่รู้ว่าจะเอามือไปไว้ที่ไหน แล้วก็ไม่อยากเห็นสายตาที่ทำให้รู้สึกร้อนรุ่มนั่นด้วย
"..." คาร์ลอสขมวดคิ้วแน่นเมื่อฟังมาถึงตรงนี้
“นึกถึงหน้าใครนะครับ?” แมททิวจี้จุดที่ฮัน ไนท์ไม่อยากพูดออกมามากที่สุด ทั้งห้องเงียบกริบ รอฟังเสียงคนบนเตียงพูดต่อ
“ผมต้องนึกถึงหน้าเขาตลอด ตอนที่ทำ...อึก หน้าของ…” ฮันพูดเสียงค่อย แต่เพราะเป็นอย่างนั้น ทั้งห้องก็ยิ่งเงียบลงถึงขนาดที่ว่าถ้ามีแมลงหวี่แมลงวันบินผ่านก็น่าจะได้ยิน
“...”
“หน้าของคาร์ลอส...อึก” จู่ๆ ฮันก็สะอึก มือเรียวยกผ้าห่มขึ้นมาปิดหน้า
“...”
“ต้องนึกถึงคาร์ลอสตลอดตอนทำ...ถึงจะเสร็จครับ"
HOLY SHIT
หลังจากฮันพูดประโยคนั้นจบ กลุ่มคนที่เงี่ยหูฟังนอกม่านได้แต่นั่งตาแข็ง บ้างก็ทำเป็นตบยุงทิพย์ พากันหน้าเน่อหูเหอแดงไปหมด โดยเฉพาะลูคัสที่อายุเพิ่งจะพ้นวัยบรรลุนิติภาวะมาได้ไม่เท่าไรก็นั่งตาโตแทบถลน เลิ่กลั่กกันไปหมด เอมิลี่ทำท่าจะปิดหูลูคัส แต่ก็ถูกโจเซฟลากออกจากห้องไปโดยปริยาย แล้วชินกับไคลี่จะอยู่นั่งฟังเรื่องส่วนตัวของเพื่อนให้อึดอัดทำไมกันล่ะ!
“อ่า เอ่อ...เราออกไปรอข้างนอกนะฮันนี่ ถ้ามีอะไรโทรมาเลยนะ” ไคลี่ป้องปากพูด แล้วเดินออกไปกับชินอย่างรวดเร็ว
“ฮื่อ” ฮัน ไนท์พ่นลมหายใจร้อนๆ ใต้ผ้าห่มสีขาว ทั้งคุณหมอและคาร์ลอสเห็นเพียงฝ่ามือบางที่จับขอบผ้าให้ปิดบังใบหน้าเนียน แต่กลับบังใบหูที่แดงก่ำตัดกับผ้าสีขาวสะอาดไม่มิด
“ครับ หมอถามต่อนะ...ทำไมถึงต้องนึกถึงหน้าคาร์ลอสตอนที่ทำ แล้วทำที่ว่านี่ หมายถึงทำอะไรครับ”
“คุณหมอแมททิว” ฮันเรียกชื่อหมอเสียงอ่อนเพราะสู้ความเขินอายไม่ไหว เขาจะคิดว่าหมอกำลังแกล้งจริงๆ แล้วนะ “คุณหมอไม่รู้จริงๆเหรอครับ”
“หมอจำเป็นต้องถามเพื่อความเข้าใจที่ตรงกันน่ะครับ ถ้าทำของคุณฮันหมายถึงช่วยตัวเอง ก็ถือว่าเข้าใจตรงกันกับหมอครับ”
“ฮื่อ...คุณหมอ” เขาอยากจะระเบิดตัวเองเป็นโกโก้ครันช์
“ถามไปทำไม” เสียงทุ้มของคนที่นั่งเงียบอยู่นานถามขึ้น ดวงตาคมกริบดูไม่ชอบใจนัก “ถามไปแล้วได้อะไร”
นายแพทย์แมททิวสังเกตว่าอัลฟาตรงหน้าน่าจะมีแต่อารมณ์หงุดหงิดและความไม่เข้าใจ อาจจะรอให้ถามอาการจนเสร็จไม่ไหว เขาจึงบอกสาเหตุที่ต้องเรียก สองคนนี้มาคุยอย่างตรงไปตรงมา
“เพราะผมกำลังคิดว่าพวกคุณทั้งคู่ เป็นโซลเมทหรือคู่แท้แห่งโชคชะตาของกันและกันครับ”
“คุณหมอแมททิว...ว่ายังไงนะครับ” ฮันลดมือลงมองหน้านายแพทย์ชายที่บอกความเป็นไปได้ ไม่ใช่แค่ฮันที่ชะงัก แม้แต่อัลฟาหน้าเดียวอย่างคาร์ลอสก็ยังมีแวบหนึ่งที่แววตาวูบไหว
“พวกคุณอาจเป็นคู่แท้แห่งโชคชะตาของกันและกันครับ”
“คู่? คู่แห่งโชคชะตา?” คาร์ลอสย้ำคำพร้อมขมวดคิ้ว นั่งกอดอกนิ่งเหมือนกำลังประมวลผลเรื่องทั้งหมดในสมอง
“ครับ พวกคุณเคยได้ยินคำนี้กันมาก่อนใช่หรือเปล่า โซลเมท” แมททิวฉายวิดีโอฮอโลแกรมให้ทั้งคู่ดู “ภาพจากกล้องในห้องพยาบาล วันเดียวกับที่คุณโฮล์มส์พาคุณฮันมาที่นี่เพราะเป็นลม ผมเพิ่งมาเช็กเจอว่าช่วงกลางวันของวันนั้นพวกคุณก็มาที่นี่เหมือนกัน เพราะคุณโฮล์มส์รัท ถูกไหมครับ”
ฮันและคาร์ลอสมองฮอโลแกรมความคมชัดสูง ฉายภาพเคลื่อนไหวของพวกเขาในวันที่ฮันถูกจับมาโยนไว้ที่นี่
พวกเขามีท่าทางทรมานหลังจากที่ได้สบตากัน ต่างคนต่างล้มลงไปนอนหอบหายใจคล้ายคนมีอาการโรคหัวใจกำเริบ และวินาทีต่อมาก็มีแสงสีฟ้าสว่างวาบพุ่งออกจากอก
“นะ นั่น...อะไรครับ” ฮันชี้นิ้วไปยังแสงสีฟ้าที่พุ่งออกมากลางอกทั้งของตัวเองและคาร์ลอสด้วยความตกใจ แมททิวกดหยุดวิดีโอไว้ตรงนั้น
“สังเกตดูแล้ว แสงที่พุ่งออกมาจากอกของพวกคุณสองคน คล้ายกับกลุ่มคนเหล่านี้เลยครับ” นายแพทย์หนุ่มเปิดอัลบั้มที่มีภาพผู้คนมากมายนอนคุดคู้ บ้างก็นอนแผ่ด้วยสภาพใบหน้าที่แสนเจ็บปวด แต่สิ่งเดียวที่ทุกภาพมีเหมือนกันคือลำแสงสว่างพุ่งจากกลางอก
“นี่คืออาการของผู้ที่เจอคู่แห่งโชคชะตาเป็นครั้งแรกครับ” แมททิวมองสีหน้าของทั้งคู่ที่อึ้งกิมกี่ไปเป็นที่เรียบร้อย เขาว่าต่อ “กอปรกับอาการรัทฉุกเฉินของคุณโฮล์มส์ที่เกิดขึ้นติดต่อกันในระยะเวลาไม่ถึงเดือน และคุณรัทเฉพาะตอนที่อยู่กับคุณฮัน อีกทั้งพวกคุณทั้งคู่ยังถูกจับคู่ให้เป็นพาร์ตเนอร์ทำงานด้วยกัน อ้อ เรื่องนี้ผมรู้มาจากข้อมูลทะเบียนนักศึกษาของพวกคุณ ทุกอย่างผมลองนำมาวิเคราะห์ดูแล้ว คิดว่าพวกคุณคือโซลเมทกันครับ”
“ตะ แต่ว่า...” ฮันพูดไม่ออก
“ไร้สาระ” เสียงทุ้มของคาร์ลอสดังขึ้น
“แล้วคุณจะอธิบายอาการที่มีแสงพุ่งจากอกว่าอย่างไรครับ ตามหลักการแพทย์แล้ว เคสแบบนี้มีไม่มาก ส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับฟีโรโมนเป็นส่วนประกอบสำคัญ เหตุการณ์ประหลาดเหล่านี้จะถูกพบได้มากในคู่ที่มีฟีโรโมนเข้ากันได้ดี หรือที่คนทั่วไปเรียกกันว่าโซลเมทครับ”
ไร้ซุ่มเสียงใดออกจากปากของทั้งฮันและคาร์ลอส พวกเขาไม่อยากจะเชื่อ...เรื่องโชคชะตาในตำนานว่ามันเกิดขึ้นจริงกับตัวเอง
“ผมยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าจริงไหม ดังนั้นรบกวนตอบคำถามผมให้ครบทุกข้อด้วยนะครับ” คาร์ลอสไม่ได้เถียงอะไรขึ้นมาอีก เขานั่งคิดตาม
“คุณฮันระบุได้ไหมครับว่าคุณโฮล์มส์มีกลิ่นฟีโรโมนเป็นอะไร”
ริมฝีปากอวบอิ่มเม้มเข้าหากันแผ่วเบา ก่อนจะหาเสียงตัวเองเจอ
“กลิ่นฝนครับ...แต่เหมือนเป็นฝนที่ตกลงในดินหญ้าแฝก กลิ่นเย็นๆ ฉ่ำๆ เหมือนน้ำมันหอมระเหยเวติเวอร์” เมื่อได้ยินดังนั้นหมอแมททิวก็นั่งพิมพ์อะไรบางอย่างมุ่น ส่วนคาร์ลอสผู้ที่เป็นเจ้าของกลิ่นฟีโรโมนนั้นก็ได้แต่ขมวดคิ้ว
นึกว่ากลิ่นฝนอย่างเดียว
“แล้วคุณคาร์ลอสล่ะครับ ได้กลิ่นฟีโรโมนของคุณฮันเป็นกลิ่นอะไร”
“คาโมมายล์” คาร์ลอสพูดทันทีแบบไม่ต้องนึก ดวงตาสีน้ำข้าวประกายฟ้ายามที่ต้องแสงจับจ้องไปยังคนที่ทำตาโตเหมือนไม่เคยรู้มาก่อน
“เหมือนดอกคาโมมายล์ใช่ไหมครับ” แมททิวย้ำคำ แต่แค่พูดด้วยสำเนียงอเมริกัน เสียงทุ้มต่ำของคาร์ลอสกล่าวต่อโดยที่ยังไม่ละสายตาไปจากดวงตาสีน้ำเงินดั่งท้องทะเล
“เหมือนชาคาโมมายล์...ที่ใส่น้ำผึ้งอุ่นๆ” สำเนียงบริทิชเห็นจะฟังได้แตกต่างชัดเจนจากคำว่าคาโมมายล์ที่คาร์ลอสเปร่งออกมา
“กลิ่นผมมันเยอะขนาดนั้นเลยเหรอครับ ผมนึกว่าตัวเองกลิ่นเหมือนดอกไม้อะไรสักอย่าง แต่ไม่รู้เลยว่า...” ฮัน ไนท์หูแดงระเรื่อ เผลอเกาแก้มอย่างลืมตัวเมื่อเห็นดวงตาคู่คมที่จ้องมาไม่วางตา...จะมองอะไรกันนัก
เพราะถ้าให้เดา ตอนนี้สภาพเขาถ้าไม่เหมือนอัลปากาสีน้ำตาลขนฟูตัวหนึ่ง ก็คงเหมือนสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่อยู่ในวงศ์อูฐอย่างพวกลามะหรือยามาเป็นแน่ ปกติหวีผมก่อนออกจากห้องมาแล้วผมหยักศกธรรมชาติมันยังชี้โด่ชี้เด่ แต่นี่นอนหลับไปนานตั้งเท่าไร ตื่นมาเมื่อกี้ไม่รู้จะมีขี้ตาติดไหม ตอนนี้เขาต้องเหมือนอัลปากาต้วมเตี้ยมที่วิ่งตามฝูงไม่ทันเพราะสะดุดก้อนกรวดแถวนั้นจนหน้าทิ่มดินแน่...
ขนาดเล่นฟิลเตอร์คุณดูเหมือนสัตว์อะไรห้าครั้งติดต่อกัน ฮันก็ได้เหมือนน้องอัลปากาทุกครั้ง แถมเพื่อนก็ยังใส่โรงด้วยว่าเหมือนมาก แต่ไม่น่ารักเท่าน้องหรอกนะ
เขาที่เป็นคนรักสัตว์ เห็นอัลปากาขนนุ่มฟูก็ต้องมองว่าน้องน่ารักอยู่แล้ว แต่ว่าอย่างเขาคงไม่ได้น่ารักแบบน้องแน่นอน
ฮันที่คิดว่าถูกจ้องเพราะสภาพโทรมๆ ของตัวเอง ก็เลยแอบจับผมที่ชี้โย้เย้ไปคนละทิศทางสางมันให้ลงลวกๆ หารู้ไม่ว่าคาร์ลอสเองก็มองไปอย่างเผลอตัว ในหัวไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น
“พวกคุณรู้กลิ่นฟีโรโมนของกันและกันอย่างชัดเจน อีกทั้งยังมีอาการรัทหรือฮีทฉุกเฉิน ส่วนมากคู่อื่นจะเป็นคนที่มีเพศรองเป็นโอเมกาครับที่ฮีทฉุกเฉิน ถ้าเอาตามความเชื่อตามตำนานแล้ว...เขาว่ากันว่าใครเป็นคนที่ฮีทหรือรัทครั้งแรกเมื่อเจอหน้าโซลเมท เขาจะรักและหวงแหนคู่เขามาก เอ...อย่าเพิ่งมองตาขวางใส่หมออย่างนั้นสิครับคุณโฮล์มส์ หมอแค่เล่าตามความเชื่อเท่านั้นครับ”
“ก็แค่รัทฉุกเฉิน อาจจะเป็นเพราะความเครียดหรืออย่างอื่นก็ได้” คาร์ลอสแย้ง “แล้วไอ้ระบบจับคู่พาร์ตเนอร์นั่นก็เอามาอ้างอิงกับทุกคู่ไม่ได้ ระบบมันสำเร็จแค่ 99.99%”
ฮัน ไนท์นั่งกะพริบตาปริบๆ มองหน้าคุณหมอแมททิวกับคาร์ลอสสลับกันไปมา ตัวเลขร้อยละที่อีกฝ่ายพูดเมื่อกี้ เขาไม่รู้หรอกว่ามันคืออะไร แต่มันก็เป็นตัวเลขที่สูงเลยทีเดียว...
“เอ่อ...ผมมีข้อสงสัยครับ” ฮันเผลอยกมือขึ้นพูดแทรกความอึดอัดนี้ “ระบบจับคู่พาร์ตเนอร์ เขาจะสุ่มจากอะไรเหรอครับ เห็นหลายคนบอกว่าคล้ายระบบสุ่มคู่เดต...มันไม่ใช่แค่ระบบสุ่มคู่ให้ทำงานด้วยกันเท่านั้นหรอกเหรอครับ”
ฮันเงยหน้ามองแมททิว นายแพทย์หนุ่มในชุดกาวน์สีขาวสะอาดกำลังจะเอ่ยตอบ แต่ก็โดนแย่งพูดเสียก่อน
“ไม่ใช่” เจ้าของภาษาอังกฤษสำเนียงบริทิชสุดลื่นหูในความรู้สึกของฮันเอ่ย “ระบบนี้มีจุดประสงค์เพื่อจับคู่ที่เข้ากันได้มากที่สุด โดยประโยชน์หลักจะอยู่ที่การทำงานโปรเจ็กต์ร่วมกัน ส่วนประโยชน์รองที่แอบแฝงไว้คือ จะจับคู่ให้กับผู้ที่มีความต้องการหรือรสนิยมใกล้เคียงกัน โดยจะนำข้อมูลหลายส่วนมาประกอบกัน เช่นเพศหลัก เพศรอง รสนิยมทางเพศที่ชอบ หรืออื่นๆ อีกหลายส่วนที่คอมพิวเตอร์สามารถคำนวนหามาได้ ยิ่งใครที่เป็นบุคคลสาธารณะในอินเทอร์เน็ต เปิดเผยตัวตนในนั้นมากเท่าไร การจับคู่นี้ก็จะยิ่งง่ายขึ้นมากเท่านั้น”
คาร์ลอสมองฮันที่นั่งทำหน้ามุ่ย คิ้วสวยขมวดมุ่น เขาสรุปอีกครั้ง
“สรุปก็คือระบบนี้จะจับคู่ให้กับคนที่มีความเข้ากันได้ในทุกด้าน ถ้าไม่ได้คบหากันไปจนสู่เป็นคู่ชีวิต อย่างน้อยๆ ก็จะได้เพื่อนร่วมงานที่คุยกันถูกคอและเข้าใจกันมาร่วมโปรเจ็กต์”
“แต่พวกเราไม่เห็นจะ— ไม่เห็นจะเข้ากันได้ตรงไหนเลย...” ฮัน ไนท์พูดตะกุกตะกัก “เอ๊ะ แล้วก็รสนิยมทางเพศผม...”
“ทำไมหรือครับ” หมอแมททิวเลิกคิ้วถามเมื่อฮันเงียบเสียงลง
“ผมไม่เคยเปิดเผยกับใครว่ามีรสนิยมทางเพศยังไง แต่ว่าเคยกรอกในประวัตินักศึกษาไปว่า...ผมเป็น Non-Binary น่ะครับ”
ฮันแอบเห็นว่าคาร์ลอสชะงักไป หมอแมททิวจึงหันไปถามอีกฝ่าย “แล้วคุณโฮล์มส์ละครับ”
“อะไร” คาร์ลอสหลุบสายตาลงแวบหนึ่ง “ไม่รู้ จำไม่ได้แล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นผมคงต้องขอเช็กประวัติที่คุณกรอกไป—”
“Non-Binary จบไหม” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นไม่ดังนัก ขัดจังหวะก่อนที่แมททิวจะได้ทำการค้นประวัติ ฮันได้ยินมันชัดเจน แล้วนั่นก็ทำให้รู้สึกประหลาดใจไม่น้อย “กรอกไปว่าเป็น Non-Binary”
กรอกไปเหมือนกันเลย
“ว้าว กรอกรสนิยมทางเพศไปเหมือนกันเลยสินะครับ ทุกอย่างลงล็อกพอดีเลย ผมมีเพื่อนที่กำลังศึกษาเกี่ยวกับเรื่องโซลเมทอยู่ ถ้าพวกคุณอยากได้คำตอบที่แน่ชัด—”
“เรียกมาฟังแค่นี้?”
“ฟังก่อนนะครับคุณโฮล์มส์ เรื่องนี้ค่อนข้างสำคัญเพราะน้อยคนบนโลกที่จะเจอโซลเมทของตัวเอง ผมเข้าใจว่าคุณเป็น Non-Binary แต่ถ้าได้ลองคุยกันกับคุณฮันดู พวกคุณอาจจะสานสัมพันธ์กันแบบ—”
“ไร้สาระ” คาร์ลอสลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว ไม่รอให้แมททิวพูดจบ ขายาวก็ก้าวออกจากห้อง ฮันที่เห็นดังนั้นก็รีบดึงสายน้ำเกลือ และวิ่งลงจากเตียงตามออกไป
“เดี๋ยวก่อนคุณฮัน มาให้หมอเช็กอาการก่อนครับ”
เมื่อผลักประตูออกไปก็เห็นทุกคนไม่ว่าจะเพื่อนฝั่งตัวเอง หรือเพื่อนฝั่งคาร์ลอสยืนอยู่ด้านหน้าห้อง ทุกคนทำหน้างุนงงไม่เข้าใจ ฮันมองหาแผ่นหลังกว้างที่เริ่มห่างออกไปไกลเรื่อยๆ
“ฮันนี่ จะไปไหนน่ะ” ไคลี่ที่เด้งตัวขึ้นจากเก้าอี้ลุกขึ้นถาม
“เดี๋ยวเรามานะ” ฮันไม่รอให้เพื่อนได้ถามอะไรไปมากกว่านั้น เขารีบวิ่งตามคนตัวสูงที่เริ่มหายเข้าไปกลางวงผู้คน แต่ที่สังเกตเห็นได้ง่ายคือผมสีบลอนด์และแผ่นหลังกว้างในเสื้อเชิ้ตสีดำ
ฮันพยายามวิ่งให้เร็วขึ้น เขาไม่สนใจสายตาคนรอบข้างที่มองมา
“คาร์ลอส! เดี๋ยวก่อน...” ฮันเริ่มเหนื่อยหอบ รู้สึกมึนหัวเพราะลุกขึ้นมาวิ่งอย่างกะทันหันด้วย “คาร์ลอส เรามาคุยกันก่อนได้ไหม”
ฮันเข้าใกล้อัลฟาหน้าดุขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งสาวเท้าตามทันอยู่ด้านหลัง ห่างเพียงสองช่วงแขน
“คาร์ลอส เอลเลียต โฮล์มส์!— แฮก” ในที่สุดฮันก็วิ่งตามมาทัน กระทั่งเรียกอยู่ข้างหลังในระยะนี้ อีกฝ่ายก็ไม่มีท่าทีจะหันมาสนใจ เรียกชื่อเต็มก็แล้วยังทำเมิน ข้อมือซ้ายรู้สึกได้ว่ามีข้อความเข้าจากเพื่อนหลายครั้งแต่เขาเองก็ไม่สน
ฮันตัดสินใจเรียกออกไปคำหนึ่งเพื่อให้อัลฟาตัวสูงหยุดเดิน
“ซีแอล”
ขายาวที่กำลังก้าวชะงักลงในที่สุด
“...”
“แฮก— ในที่สุดก็หยุดหนีสักทีนะซีแอล” ฮันก้มหน้าลงหอบอากาศเข้าปอด
นายคือซีแอลของเราจริงๆ สินะ
“เป็นอะไร ทำไมไม่พูดกับเราเลยล่ะ” ฮันเดินอ้อมไปยืนอยู่ด้านหน้าของคาร์ลอส ดวงตาคู่คมก้มลงมามอง หัวคิ้วสีน้ำตาลอ่อนขมวดเข้าหากันเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ “นายจำเราไม่ได้เหรอ”
ฮันเม้มปากตัวเองหลังจากถามคำถามนั้นออกไป เขากลัว...กลัวว่าเพื่อนคนนี้จะจำตัวเองไม่ได้
“เราฮันไง...ฮันนี่ของนาย” ถ้าเป็นปกติ ฮันคงไม่กล้าเรียกชื่อตัวเองแบบนี้ แต่เพราะอยู่ในสถานการณ์ที่อยากรื้อฟื้นความทรงจำคนตรงหน้ากลับคืนมา เมื่อยังเห็นว่าอัลฟาตรงหน้าเงียบ เขาก็ใจหาย “เราฮันนี่ เพื่อนนายตั้งแต่เกรด 1 ถึงเกรด 3 คนที่ชอบไปดูแมลงเต่าทองด้วยกันหลังเลิกเรียนกับนายไง...จำไม่ได้เหรอ”
“...”
“เราฮันนี่...แมวตัวสีน้ำตาลที่นายป้อนอาหารให้น้องเหมือนเด็กเบบี๋ นายก็ตั้งชื่อน้องให้เหมือนเราไง” ฮันใจห่อเหี่ยวลงเมื่อไม่มีปฏิกิริยาใดตอบกลับมา เขาเริ่มคิดทบทวนว่าเขาพูดอะไรผิดไปตรงไหน หรือว่าคนตรงหน้าไม่ใช่เพื่อนคนเดิมที่เขาจำได้ หรือเพราะว่าเรื่องมันผ่านมาเป็นสิบปีแล้ว อีกฝ่ายถึงจำไม่ได้... เขาหลุบตาลง
จริงด้วยสินะ เรื่องก็ผ่านมาตั้งนานมากแล้ว ใครจะไปจำเรื่องเล็กน้อยที่ทำในวัยเด็กแบบนั้นได้ อีกอย่างคาร์ลอสในตอนนี้...ก็ไม่เหมือนคาร์ลอสในตอนนั้นเลยสักนิด
“เพราะเราเป็นโอเมกาสินะ...” หยดน้ำใสไหลลงพื้น แบบที่ถ้าไม่สังเกตก็คงไม่ทันเห็น “จริงด้วย...เพราะตอนนั้นพวกเรายังไม่รู้เพศรองกันนี่นา ถึงได้เป็นเพื่อนเล่นด้วยกันได้”
ฮัน ไนท์ปาดน้ำตาที่ยิ่งห้ามก็เหมือนจะยิ่งไหลออกมา “ถ้าซีแอลรู้ว่าเราเป็นโอเมกาตั้งแต่แรก คงไม่เป็นเพื่อนเรา—”
“ไร้สาระอะไรอีก” คาร์ลอสยอมก้าวเข้าไปใกล้ เห็นน้ำตาแล้วหงุดหงิดใจ “จะร้องไห้ทำไม”
“ฮึก— อึ่ก เราไม่ได้อยากร้อง— นะ...” ฮัน ไนท์สะอึกสะอื้น ยิ่งกลั้นเสียงเท่าไรก็ยิ่งสะอึกน้ำตาตัวเองมากเท่านั้น เป็นจังหวะเดียวกับที่ฝ่ามือหนาเอื้อมมาปาดน้ำตาให้ นิ้วโป้งสีซีดของคาร์ลอสเกลี่ยน้ำตาเม็ดโตออกจากแก้มนิ่มสองข้างไม่เบา แต่ก็ไม่ได้แรง
“หยุดร้อง อายคนอื่น” มือข้างที่ปาดน้ำตาออกให้ก็จูงแขนของฮันให้เดินตามเข้าไปในลิฟต์ที่ไม่มีใคร เมื่อลิฟต์ปิดลง ฮันที่เพิ่งจะควบคุมลมหายใจตัวเองให้เป็นปกติก็ขยี้ตาแผ่วเบา เสียงทุ้มต่ำของคาร์ลอสเอ่ย “กูจำได้”
“?” ฮันเอียงคอไปหาเพราะได้ยินไม่ชัดนัก “ซีแอล...จำได้เหรอ”
“อือ” คาร์ลอสยืนกอดอกพิงผนังลิฟต์ มองตรงไปยังประตูลิฟต์อยู่ท่าเดียว กลับกันกลายเป็นฮันที่เบิกตากว้าง
“ซีแอลจำได้ตั้งแต่ตอนไหน” เมื่อเห็นว่าอีกคนทำเป็นมองผนังลิฟต์กลบเกลื่อนไม่ยอมตอบ ฮันก็เลยเอากำปั้นทุบไปที่ไหล่หนาหนึ่งครั้ง “อย่าบอกนะว่าจำได้ตั้งนานแล้ว แล้วซีแอลจะวิ่งหนีเราทำไม ปล่อยให้เราวิ่งตาม แล้วก็— แล้วก็ปล่อยให้เราร้องไห้อยู่ข้างนอกนั่นอีก!”
“แล้วใครใช้ให้วิ่งตามมา” คาร์ลอสกอดอกเอียงคอมองดวงตาคู่สวยที่แดงก่ำ พอได้สบตาแล้วก็เผลอมองอย่างลืมตัว
“ก็เรายังคุยกันไม่เคลียร์เลย— หมอแมททิวก็ยังไม่ได้สรุปว่าเราเป็น— เป็น...” ริมฝีปากอิ่มเม้มเข้าหากันแผ่วเบา คาร์ลอสมองตามอย่างเผลอไผล “มันไม่ใช่หรอกจริงไหม ก็เราเป็น...เพื่อนกันนี่”
เมื่อคนตัวเล็กกว่าพูดดังนั้น คาร์ลอสก็ขมวดคิ้วแน่น รู้สึกไม่ชอบใจ แต่ก็ไม่รู้ว่าไม่ชอบใจอะไร รู้สึกหงุดหงิด มองอีกฝ่ายกัดปากแล้วอยากจับจูบอีกครั้ง
“หรือว่าซีแอล— ไม่สิ คาร์ลอส...ยังอยากเป็นเพื่อนกับเราอยู่ใช่ไหม” ฮันเริ่มไม่มั่นใจในตัวเอง คิดไปต่างๆ นานาว่าเป็นเพราะเพศรองที่ทำให้อีกฝ่ายไม่ชอบ และพยายามที่จะหลีกเลี่ยงเขา
“ไม่อยาก” เมื่อเสียงทุ้มว่าดังนั้น หัวใจดวงน้อยของฮันตกก็ไปอยู่ที่พื้น แต่ยังไม่ทันได้เป็นคาโมมายล์ที่เหี่ยวเฉา ฮันก็ถูกดันชิดผนังลิฟต์ ใบหน้าขาวซีดคมเป็นสันโน้มลงมาใกล้ เสียงทุ้มแหบพร่ายามที่เอ่ย “ไม่อยากเป็นเพื่อน”
แต่เมื่อริมฝีปากของคาร์ลอสประทับจูบลงมา สัมผัสที่ต่างออกไปทำให้ผงะ เห็นฮันที่ยกมือขึ้นมาบังปากตัวเองไว้ คาร์ลอสเลยได้จุ๊บลงที่ฝ่ามือของฮันแทน
“ทำแบบนี้ทำไม?” ฮัน ไนท์พยายามผลักอกกว้างภายใต้เสื้อเชิ้ตสีดำสนิทออก แก้มสีน้ำผึ้งเนียนปลั่ง “เพื่อนกันเขาไม่— ไม่จูบกันแบบนี้”
“ก็บอกว่าไม่เป็นเพื่อนไง” คาร์ลอสพูดเสียงต่ำ โอบเอวบางเข้ามาชิด เหลือบมองตัวเองเลขที่บอกว่าตอนนี้กำลังอยู่ชั้นอะไร...คงต้องรีบแล้ว
“หยุดแกล้งเราเดี๋ยวนี้เลยนะคาร์ลอส” ฮันไม่อยากสบกับดวงตาที่เหมือนกำลังมองทะลุปรุโปร่งอยู่นั่นเลย ไหนจะกลิ่นฟีโรโมนเย็นๆ ที่พาให้ขนอ่อนลุกซู่ “นายไม่ใช่คุณจินซองอูนะ หยุดทำแบบนี้เลย”
เป็นคาร์ลอสที่ชะงักแขนที่โอบรัด หัวคิ้วขมวดอีกแล้ว “ใคร?”
“อะไร?”
“ไอ้จินซังอะไรนั่น”
“คุณจินซองอู พระเอกมันฮวาของเรา” ฮันพยายามออกเสียงชื่อภาษาเกาหลีให้ฟังชัดๆ “จินซองอู”
“จินแซงวู”
“ไม่ใช่ ดูปากเราสิ จิน-ซอง-อู” ฮันพูดให้รูปปากดูชัดที่สุด คาร์ลอสยกยิ้มในใจ แกล้งทำเป็นพูดไม่ได้อีกครั้ง
“จินแซงงู”
“อะไรกัน ไม่ได้คล้ายเลย เขาชื่อคุณ จิน-ซอง— อื้อ” ฮันเบิกตาโตเมื่อริมฝีปากได้รูปนั้นฉกฉวยลงมา ยังไม่ทันได้หายตกใจ เรียวลิ้นร้อนก็กระหวัดเข้ามาดูดกลืนเสียจนแข้งขาสั่น
ดวงตากลมสวยเห็นแววตาร้อนแรงที่จับจ้องมาในระยะแพขนตากั้น ลิ้นร้อนชำนาญการนั้นเกี่ยวกระหวัดลิ้นเขาไปดูดดึงอีกครั้ง โดยที่ดวงตาคู่คมยังไม่ลดละจากการสบตา วินาทีนั้นเองที่ฮันเพิ่งรู้ตัวว่าถูกหลอกให้อ้าปาก...เพื่อป้อนจูบเข้าเสียแล้ว
“แฮก— เดี๋ยว...เราหายใจไม่ทัน—”
ติ๊ง
เสียงลิฟต์เปิดขึ้นแต่คาร์ลอสก็ยังไม่ผละออกไป นั่นทำให้หัวใจของฮันเต้นแรง เขาทุบอกหนาหลายครั้ง เหลือบตาไปมองเมื่อประตูลิฟต์ที่เปิดกว้าง วินาทีนั้นใจแทบจะตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม เผลอขยุ้มเสื้อเชิ้ตสีดำจนยับยู่
แต่เมื่อไม่เห็นใครยืนอยู่ ฮันได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อริมฝีปากร้อนยอมผละออกไปมองประตูลิฟต์ตาม เขายังไม่ทันได้หอบอากาศเข้าปอดดี ใบหน้าคมก็โน้มลงมาอีกครั้ง
“ฮื่อ...ไม่เอา เราไม่ไหวแล้ว” ฮันส่ายหัวจนผมสีแอชบราวน์สะบัด ทั้งแก้ม ใบหู ลามไปถึงลำคอขึ้นสีระเรื่ออย่างเห็นได้ชัด
“แค่นี้ก็ไม่ไหวแล้ว?” คนตัวสูงกว่าหัวเราะทุ้มต่ำในลำคอ ฮันเพิ่งจะเคยเห็นปฏิกิริยาแบบนี้จากอัลฟาหน้าดุเป็นครั้งแรก นิ้วขาวซีดเกลี่ยเส้นผมนิ่มมือที่ปรกหน้าทัดใบหูให้ แล้วไล่นิ้วหัวแม่มือมาเกลี่ยริมฝีปากอิ่มอย่างโหยหา ก่อนจะประคองแก้มนิ่มทั้งสองข้างแล้วประทับจูบลงไปอย่างอ่อนโยน
คาร์ลอสจำยอมผละออกเมื่อมาถึงชั้นหนึ่ง ฮันมองตามใบหน้าคมอย่างเหม่อลอย รู้ตัวอีกทีก็ถูกจูงแขนให้เดินตามไปที่ไหนสักแห่ง และเขาก็ไม่ได้มีความรู้สึกอยากต่อต้านเลยแม้แต่น้อย
KYLIE - [ฮันนี่ไปไหน ไม่กลัวไอ้บ้านั่นรัทอีกเหรอ?]
SHIN - [มาร์คกับโจเอลรู้เรื่องแล้วนะ ส่วนพ่อแม่ฮันนี่ยังไม่รู้]
HAN - [อย่าบอกหม่าม้ากับออมม่าเรานะ แล้วก็ไม่ต้องเป็นห่วง ครั้งนี้เขาไม่เป็นอะไรแล้ว เราเป็นเพื่อนกัน]
HAN - [คาร์ลอสจะไม่ทำอะไร เราจะปลอดภัย ไม่ต้องเป็นห่วง]
เพราะข้อมือขวาถูกกอบกุมไว้ ฮันเลยต้องใช้ดวงตาในการพิมพ์แบบไร้สัมผัสส่งข้อความไปหาเพื่อน ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าตัวเองถูกพาไปที่ไหนก็ตาม แต่ฝ่ามือที่กอบกุมข้อมือเขานั้นให้ความรู้สึกอบอุ่นและเชื่อใจ
ฮันมองหอพักนักศึกษาที่อยู่ภายในมหา’ลัยโซนหลังคณะวิทยาศาสตร์แล้วก็ได้แต่แปลกใจ “มาที่นี่...ทำไมเหรอครับ”
“หอกูเอง” เมื่อคาร์ลอสตอบกลับแบบนั้น ฮันก็หน้าร้อนขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ และอัลฟาที่จูงให้เข้าไปในลิฟต์หอพักก็สังเกตได้ “คิดทะลึ่งหรือไง กูไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอก”
“...” ฮันกัดริมฝีปากล่าง ได้แต่ก้มหน้าก้มตามองแขนตัวเองที่ยังไม่ถูกปล่อยไปจากมือหนา แอบได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นตึกตักเมื่อมือขาวซีดเลื่อนจากการจับข้อมือลงมากอบกุมที่ฝ่ามือเขาไว้ คาร์ลอสเลิกคิ้วขึ้น ก้มหน้ามากระซิบเสียงต่ำ แม้ว่าในลิฟต์จะมีเพียงพวกเขา
“ยกเว้นว่ามึงจะให้ทำ”
ฮื่อ เพื่อนกัน...เขาล้อกันเล่นแบบนี้เหรอ
TBC
- อิมเมจตัวละครของเอมิลี่ โจเซฟ ลูคัส เราเพิ่มให้ในหน้าหลักแล้วนะ
- ดำเนินมา 5 ตอนแล้วแต่โจเอลกับมาร์คยังไม่โผล่ตัวเป็นๆ มาสักที รอหน่อยเด้อจ้า 2 คนนี้เพื่อนซี้ฮันนี่เขาเลย
- มีการแก้ไขสรรพนามผู้ปกครองของฮันนี่(ตั้งแต่ตอนที่แล้ว) จากพ่อกับแม่ เป็นหม่าม้าและออมม่า
- อัลปากา น้องน่ารักเหมือนฮันนี่ตอนขนนุ่มฟูไหม
Photo by Josiah Farrow on Unsplash
- บางทีเวลาอัพเนื้อหาเพิ่มครึ่งหลังอาจจะไม่ได้รับแจ้งเตือนกัน ถ้าไม่ได้เปิดตั้งค่าให้แจ้งเตือนเวลาเพิ่มเนื้อหาใหม่ เข้าไปตั้งค่าแจ้งเตือนกันก่องน้า
และวันนี้ขอต้อนรับเข้าสู่ช่วง!
Friend Zone เพื่อนกัน เขาทำกันแบบนี้เหรอ!
คือมันบ่าได้ตั้งแต่จูบรอบแรกแล้วไหม จนมาจูบรอบ 2 ก็ยังมาเพื่อนกันหยังน้อลูกกกกกกกกกกก หนีออกมาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
คาร์ลอส แกรรู้ใช่ไหมถ้าแกรทำรัยลูกชั้น ตอนต่อไป แกรจบไม่สวย
Comment ส่งผลต่อการอัพนิยายมาก
ถ้าคุณชอบนิยายเรื่องนี้ ได้โปรดบอกให้เราได้รับรู้
เพราะเมื่อไม่มีฟีดแบ็คใดๆ ตอบกลับมา
นักเขียนคงไม่มีกำลังใจที่แข็งแกร่งเพียงพอ เพื่อพิมพ์นิยายต่อไปจนถึงฝั่งฝันอย่างที่ตั้งใจไว้
ติดต่อ ติดตามได้ทาง
Twitter: @FIT_FOR_FINE
Facebook: @FITFORFINE1
Instagram: @fitforfine1
Tik Tok: @fit_for_fine
Email: fine4fit@gmail.com
สามารถหวีด ร่วมพูดคุย แสดงความคิดเห็นผ่าน #IABOU
หรือเพื่อติดตามเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของนิยายเรื่องนี้ที่เราจะลงไว้ที่นั่นได้เลย!
Comments (0)