ทศเทียนเกลียดตัวเองที่ทำอะไรไม่ได้ดั่งใจคิด ภาพตอนนั้นทำเอาเขาอยากจะปรี่เข้าไปกระชากพี่ชายคนโตสุด แล้วถามว่ามึงเป็นเหี้ยอะไรนัก แต่ก็ทำได้เพียงแค่ยั้งท่อนไม้ใหญ่ในมือไว้แล้วจำใจโยนมันทิ้ง

ยังไม่ใช่ตอนนี้

สองขายาวก้าวเคลื่อนไหวตามเส้นทางที่น้องคนเล็กสุดเดินย่ำหนี ไม่แน่ใจนักว่ารัญกำลังจะไปที่ไหน แต่ก็พอจะเดาได้จากนิสัยและท่าทางนั้น

ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ากำลังตามหาเขาอยู่

ทศเทียนหยุดกึกข้างเกวียนใหญ่เรือนอีน้อยที่ตนเพิ่งเดินจาก  ก่อนจะใจแทบขาดเมื่อพบน้องนั่งยองห่อตัวกอดเข่าก้มหน้าซบดูพื้นปฐพี แผ่นหลังเล็กสั่นสะท้านคล้ายกำลังร้องไห้สะอื้นอยู่ ถึงแม้เสียงระงมจะถูกเสียงหยาดฝนกลบลงจนเสียหมด แต่ทศเทียนก็รับรู้ถึงความเสียใจนั้นเต็มอกจนแทบใจสลายตาม

อยากย้อนกลับไปฆ่ามันฉิบหาย

ทศเทียนถอดเสื้อนอกสีขาวผืนใหญ่ออกก่อนจะก้าวขาเดินไปยืนอยู่ข้างหลังคนตัวเล็กกว่า คนตัวสูงค่อยๆคลี่เสื้อตัวหนาออกเพื่อกางเหนือหัวของเจ้าตัวดี ตั้งใจว่าอยากจะชะลอหยาดน้ำฝนที่หยดลงตกมากระทบตัวน้องให้เบาบางลง

ด้านรัญเองรู้สึกได้ถึงการมาของอีกคน น้องค่อย ๆ เงยใบหน้าหวานเคล้าหยดน้ำตาขึ้นมามองคุณชายของเรือนด้วยแววตาแปลกประหลาดใจก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นตัดพ้อและน้อยใจช้า ๆ

 

ทศเทียนไม่ได้เอ่ยคำพูดอะไร

 

รัญก็เช่นกัน

 

ทั้งสองสบตากันเนิ่นนานอยู่อย่างนั้น ก่อนที่รัญจะเป็นฝ่ายหันตัวกลับมากอดขาของพี่ชายด้วยความอบอุ่นใจ

.

.

.

 

ฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเสมอ ใครบางคนเคยกล่าวไว้เช่นนั้น ทศเทียนไม่เคยเชื่อในคำ ๆ นั้นจนกระทั่งได้เห็นน้องในวันนี้ รัญนั่งห้อยขาอยู่บนต้นไม้ใหญ่หลังจากดื้อด้านปีนป่ายขึ้นไปอยู่พักหนึ่ง เข่าด้านซ้ายมีรอยถลอกที่ทศเทียนไม่แน่ใจนักว่าน้องได้มาจากตอนไหน แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะจดจำใส่ไว้ในบัญชีสมองไว้ว่าอาจได้มาจากไอ้พี่ชายงี่เง่าเวรตะไลนั่น ..

สารเลว

ชั่วช้า

สามานย์

โง่เง่า

บรรลัย

เหอะ ด่าสิบปีก็ไม่หมด

"น้องจูบกับคุณแทน"

ทศเทียนขมวดคิ้วเงยหน้ามองเจ้าตัวดีที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาโดยไม่ทันตั้งตัวรับ ครั้นจะแถสีข้างถลอกว่าไม่เคยรู้มาก่อน แล้วหลอกถามว่าบอกทำไม เจ้าตัวแสบก็ทำหน้าคล้ายจะร้องไห้อีกครั้ง

"อืม" ก็เลยตัดสินใจตอบไปแค่นั้น ตั้งใจว่าจะเพียงแค่รับฟัง ให้ไม่เจ็บช้ำใจกันไปเสียทั้งคู่

"น้องควรจะรู้สึกดี" 

"..."

"แต่ไม่เลย"

"..."

"เพราะมัวแต่เป็นห่วงคุณเทียน"

คนตัวเล็กพูดเองเออเองอยู่ฝ่ายเดียวบนกิ่งไม้ใหญ่ ทศเทียนเหลือบมองคนใบหน้าเล็กกว่าว่าต้องการจะสื่อถึงสิ่งใดกันแน่

"รัญ.."

"น้องจำวันนั้นได้แล้วนะ"

หัวใจทศเทียนค่อยๆเต้นตึกตักเร็วขึ้น ราวกับนักโทษที่กำลังจะโดนจับได้ 

"วันไหน" เสียงหนาแห้งผากแบบไม่ได้ตั้งใจตอบโต้ไปอย่างคนหมดเรี่ยวหมดแรง

"วันที่น้องเป็นลม"

ชัดเจน

ทศเทียนกัดริมฝีปากแน่น อยากก้มลงไปกราบตีนเจ้าตัวดีเสียตอนนี้ให้แล้ว ๆ

"คุณเทียนชอบน้องตั้งแต่เมื่อไร"

จึ้ก

เสมือนธนูดอกที่หนึ่งพุ่งลงตรงกลางใจ คำถามง่ายๆแต่คมคายคล้ายใบมีดกรีดลงบนเนื้อหนัง ไม่คาดคิดเลยสักนิดว่าเด็กน้อยกะจ้อยร่อยขี้อายจะกล้าตั้งคำถามตรงเป็นไม้บรรทัดเช่นนี้

"รัญ.."

"แล้วชอบเพราะอะไร"

อ่า ..

ทศเทียนเหมือนคนตาบอดหูดับชั่วขณะ ไม่ทันตั้งรับจริงๆกับน้องเวอร์ชั่นคนจริงเช่นนี้ ปกติเป็นฝ่ายทำน้องเขินอายมาตลอด ตอนนี้น้องเล่นเขาคืนกลับเป็นสิบเท่าพันเท่าเลยทีเดียว

"..."

"ตอนนั้นน้องยอมให้คุณเทียนจูบ แปลว่าน้องชอบคุณเทียนด้วยหรือเปล่า"

ฉ่าา..

เร่เข้ามาเถิด ตรงนี้มาทศเทียนทอดขาย 

เอาเลย เอาเขาไปตั้งกะทะทอดเสียเลย ให้ความเขินอายม้วยมลายกันไปข้าง

"น้องกำลังสับสน" รัญบอกกล่าวตรงๆ

"พี่รู้" ทศเทียนพยักหน้ารับ คล้ายคนจะคลั่งรักมากกว่าเดิม

"คุณเทียน"

"อืม"

"จูบกันอีกรอบดีไหม"

"รัญ"

ทศเทียนส่งเสียงตำหนิติเตียนเจ้าตัวดีว่าอย่าได้มาท้าทายเขาเลยเชียว แต่คนตัวเล็กกลับหัวเราะขบขันชอบใจไม่รู้สึกรู้สาอยู่บนกิ่งไม้ใหญ่ด้วยท่าทางเริงร่า ทศเทียนยกยิ้มให้กับท่าทีเหล่านั้น รู้สึกปลื้มใจที่ได้น้องชายคนเดิมกลับมา 

แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะไม่คิดบัญชีกับแทนไท

หลังจากกล่อมคนตัวเล็กที่เอาแต่ดื้อด้านอยู่พักใหญ่ให้กลับเรือน แสงดวงอาทิตย์ก็เริ่มอัสดงลาลับขอบฟ้าไปเสียแล้ว ระยะทางที่เดินกลับไม่ได้ไกลอะไรมากนัก แต่ก้าวแต่ละก้าวช่างสั้นราวกับจงใจให้ถึงช้าลง 

แน่นอนว่าใช่.. ทศเทียนตั้งใจให้เป็นเช่นนั้น นั่นเพราะ

หนึ่งนั้นน้องกำลังขี่หลังเขาอยู่ในตอนนี้

สองเพราะน้องกำลังขี่หลังเขาอยู่ในตอนนี้

สามสี่ห้าก็เพราะน้องกำลังขี่หลังเขาอยู่ในตอนนี้

ไม่ใช่เรื่องง่ายกว่ารัญจะยอมสยบขึ้นหลังแต่เงียบๆโดยดี ต้องขอบใจข้อเท้าน้องที่ไม่รักดีที่สะดุดล้มลงตอนกระโดดลงจากกิ่งไม้สูงใหญ่

"ยิ้มกระไรคุณเทียน"

รัญจับสังเกตอาการคนพี่ได้ไม่ยากนักเพราะระยะห่างใบหน้าไม่ได้ไกลกัน เพียงแต่คนเป็นพี่ไม่ได้ชะงักตกใจหุบยิ้มหนีอย่างที่คาดคิดไว้ในหัว เพราะคนตัวสูงกลับเหยียดยิ้มมุมปากกว้างกว่าเดิมราวกับจงใจกวนประสาทกัน

"เปล่า"

"คุณเทียน"

"อืม"

"เจ็บขาจังเลย"

"ถึงเรือนแล้วพี่จะทายาให้"

"คุณเทียน"

"อืม"

"อย่าบอกเรื่องนี้กับใครนะ"

"..."

"คุณเทียน"

"รู้แล้ว"

"คุณเทียน"

"อืม"

"มีอะไรอีกไหมที่ยังไม่ได้บอกน้อง"

ทศเทียนเกือบจะหยุดกึกกลางทางด้วยเพราะตกใจในคำถามเสียงใสใกล้ใบหู เขาพยายามจะเหลือบมองสีหน้าท่าทางของเจ้าตัวดีเพื่อพิจารณาระดับความจริงจังของคำถาม แต่ไม่ว่าหันอย่างไรก็ไม่อาจมองเห็น

ถ้าเช่นนั้นแล้วจะให้ตอบว่ากระไรกัน

 

มากมาย

 

หรือ

 

ไม่มี

 

"คุณเทียนได้ยินที่น้องถามหรือไม่"

"ไม่"

"คุณเทียนอ่ะ"

ทศเทียนตีความเอาเองว่านั่นคงไม่ใช่คำถามจริงจังกระไร ด้วยเพราะน้ำเสียงเง้างอนซื่อใสไม่ได้ใส่ระดับความจริงจัง

"แต่น้องรู้ใช่ไหม"

"หือ.."

"ว่าพี่ไม่มีวันทำร้ายน้อง"

เจ้าตัวดีขมวดคิ้วชะงักไปสักพัก ก่อนจะฉีกยิ้มตอบรับด้วยความสัตย์จริง

"รู้แล้ว.."

"..."

"น้องรู้อยู่แล้ว.."

.

.

.

แม้ในค่ำวันนี้บรรยากาศในเรือนจะผิดแปลกไปเสียจนคนที่ใหญ่โตสุดในเรือนอย่างธานินทร์จะรู้สึกฉงน แต่คนดำรงตำแหน่งเมียระคนสนมกลับนั่งตักข้าวเข้าปากด้วยความสบายใจยิ่งกว่าใครในตัวเรือน

รู้อยู่เต็มอกว่าเกิดอะไรขึ้น

ฉลาดขนาดนี้ทำไมจะไม่รู้กัน 

แต่เพราะรู้จึงยิ่งสาแก่ใจ

แผนร้ายๆยิ่งถูกนับวันใกล้ระเบิดลง

พี่น้องฆ่ากันเอง อะไรจะสุขใจเท่านี้หนา

 

"พ่อพลาดอะไรไปหรือเปล่า"

ธานินทร์เลิกคิ้วเอ่ยสอบถาม หลังจากอึดอัดใจเนิ่นนานจนทนแทบไม่ไหว ลูกชายคนโตนั่งเงียบเป็นเป่าสาก ส่วนคนเล็กก็เอาแต่นั่งก้มหน้าไม่มองใครหน้าไหน ยิ่งไอ้คนรองนั้นยิ่งแปลก รู้ดีว่าปกติมันไม่ชอบหน้าพี่คนโตอยู่แล้ว แต่วันนี้เหตุใดถึงจ้องเสียเหมือนอยากจะฆ่าแกงกันให้ตาย

"กระไรหรือคุณพี่"

มีเพียงสายธารที่ดูไม่รู้ร้อนรู้หนาวเท่าไรนัก แววตากลมสวยเบิกขึ้นทำทีน่าฉงน ทำเป็นงงว่าตนไม่ได้รับรู้อะไร

ทุเรศ

ทศเทียนมองบนเหยียดริมฝีปากหนา อาหารคาวหวานที่แทบจะกลืนไม่ลงอยู่แล้วยิ่งคาคอจนอยากจะอาเจียรทิ้ง 

"พ่อแทน"

"ครับคุณพ่อ"

"เป็นกระไร"

"ไม่มีกระไรครับคุณพ่อ" แทนไทส่ายหน้าน้อยๆยิ้มรับ 

"พ่อรัญ"

"ค..ครับ" คนตัวเล็กไหวไหล่สะดุ้งเล็กน้อยยามเมื่อถูกขานชื่อ

"เป็นกระไร"

"ไม่ได้เป็นกระไรครับคุณพ่อ.." เจ้าตัวดีตอบเสียงเบาบาง พยายามฝืนยิ้มแหยจนใบหน้าเหยเก

 

"..."

 

"มองลูกเช่นนั้นหมายความว่ากระไร"

 

ทศเทียนโยนช้อนทิ้งอย่างไม่สบอารมณ์ ยามผู้เป็นพ่อส่งแววตาคมกริบคาดคั้นแต่ไม่ได้เอ่ยปากตั้งคำถามดั่งเช่นใคร ๆ

"แล้วพ่อเทียนไปทำอะไรมา"

"เหอะ" ทศเทียนเหยียดยิ้มพลางส่ายหน้าเบาๆ

อะไร ๆ ก็เขา โทษเขาเสียให้หมด

น่าเบื่อฉิบหาย

"รัญ เจ้าเทียนมันทำอะไรลูก" เมื่อรู้ว่าคาดคั้นกับลูกชายคนรองไม่ได้ ธานินทร์จึงหันไปบีบบังคับให้ลูกชายคนเล็กข้างๆให้ตอบแทน

รัญสะดุ้งเป็นครั้งที่สอง ยามเมื่อผู้คนทั้งโต๊ะจับจ้อง ใบหน้าใสค่อยๆเงยหน้ามองพี่ชายคนรอง ก่อนจะพบว่าทศเทียนนั้นจ้องมองเขาอยู่ก่อนแล้วเช่นกัน ทศเทียนยิ้มรับเบาๆ พลางทำปากขมุบขมิบจับใจความได้ว่า

 

ไม่ เป็น ไร

 

ไม่เป็นไรรัญ โทษพี่ได้เลย

 

ทศเทียนรักษาสัญญากับน้องเสมอ เมื่อน้องกล่าวว่าไม่ให้บอกใคร เขาเองก็จะไม่บอกใครทั้งนั้น แล้วก็ไม่คิดจะบอกอีหน้าไหนตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

จะรับไว้ให้เอง

ความผิดทั้งหมด

เหมือนที่เคยทำ

 

"ค..คุณเทียน..

"..."

"คุณเทียนไม่ได้ทำลูก"

ทศเทียนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยยามเมื่อเจ้าตัวดีกล่าววาจาเช่นนั้น เขาจ้องมองรัญที่กำลังกัดริมฝีปากบางแน่น ส่วนมือเล็กสองข้างกำขอบชายเสื้อจนเป็นรอยยับยู่ยี่ 

น้องคิดจะทำอะไร ?

"แล้ว-"

"ลูกขอถอนหมั้นกับคุณแทนได้หรือไม่"

 

'เคร้ง'

แทนไทคว่ำจานข้าวตรงหน้าของตนทิ้งลงอย่างไม่ไยดี สายตาเกรี้ยวกราดจ้องไปที่รัญก่อนจะคว่ำโต๊ะทิ้งต่ออย่างไม่แยแส แม้กระทั่งธานินทร์ที่กำลังอ้าปากค้างเขาก็ไม่สนใจ คนตัวสูงกำมือสองข้างแน่นจนเส้นเลือดขึ้นเป็นรอยทางยาว แล้วจึงหันมาชี้หน้าน้องชายคนรองด้วยความโกรธแค้น

"เพราะมันใช่ไหมรัญ"

"..."

"เพราะไอ้เหี้ยนี่ใช่ไหม !"

"ตายแล้วคุณแทน" สายธารเอ่ยเสียงตื่นตระหนก พลางยกมือซ้ายขึ้นมาทาบปิดริมฝีปากปกปิดรอยยิ้มชั่วร้ายไว้ใต้ฝ่ามือ

เอาอีก เอาอีก !

"พ่อแทน.." ธานินทร์ยังคงอ้าปากค้างกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า ราวกับว่าลูกชายสองคนถูกสลับร่างกัน

"นี่หรอวะ ร่างที่แท้จริงของคุณแทนไทผู้แสนดี ถุย"

ทศเทียนไม่ยี่หระแทนไทแม้สักนิด เขายกยิ้มถ่มน้ำลายท้าทายพี่คนโตอย่างสาแก่ใจ 

"มึงเป็นเหี้ยอะไรชอบแย่งของๆกู"

แทนไทสติดับตรงปรี่เข้าไปกระชากคอเสื้อน้องชายคนรองด้วยความโมโห หากแต่ทศเทียนไม่ได้ปัดป้องอย่างที่ควรจะทำ เขากลับยิ้มชอบใจเลิกคิ้วข้างหนึ่งอย่างจงใจกวนประสาท

"พอแล้ว พอแล้ว ฮึก.."

รัญร้องไห้สะอื้น พยายามห้ามทัพด้วยแรงทั้งหมดที่มี เจ้าตัวดีตรงเข้าไปแทรกกลางหวังให้ทั้งสองแยกจาก แต่แทนไทไม่ยอมขยับ ทศเทียนจึงเป็นฝ่ายดึงรัญมากอดรั้งไว้

"น้องกับมัน.." แทนไทเว้นวรรคกลืนน้ำลายลงคอ ยากที่จะพูดในสิ่งที่คิดไว้นัก

"..."

"ได้กันแล้วใช่ไหม" แต่เขาจำต้องพูดเพื่อให้รู้กันไปข้าง

 

'เพี๊ยะ'

ทศเทียนคิดว่าตัวเองนั้นเร็วกว่าแสงแล้วในเรื่องการต่อสู้ทุกรูปแบบ หากแต่ครั้งนี้กลับเป็นฝ่ามือของรัญที่วิ่งนำหมัดหนาของเขาไปเสียไกล มันถูกกระทบฟาดลงบนใบหน้าของแทนไทจนขึ้นรอยสีแดง

"พอที.."

"..."

"น้องจะถอนหมั้นคุณแทน"

ทศเทียนเหลือบมองใบหน้าเรียวเล็กที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยหยาดน้ำตา รัญในเวลานี้สีหน้าท่าทางดูจริงจังผิดไปจากปกตินัก น้องไม่ได้ดูเจ็บปวดสักเท่าไร แต่คนที่ปานจะขาดใจกลับกลายเป็นพี่ชายหน้าโง่ตรงหน้า

แทนไทกัดริมฝีปากหนา แววตาดุดันวูบไหวไปช่วงหนึ่ง ก่อนในที่สุดเขาจะพยักหน้ารับช้าๆ แล้วจึงยอมเดินจากไปไม่ได้เอ่ยพูดอะไรแม้แต่คำเดียว

ทศเทียนคิดว่านั่นไม่ใช่การยอมแพ้

มันแค่กำลังหาแผนใหม่เข้าสู้อยู่

"ตายแล้ว" ทศเทียนชำเลืองมองสายธารที่พูดตายแล้วซ้ำๆ พลางแสดงท่าทางตกอกตกใจเหมือนละครลิงด้วยแววตาเบื่อหน่าย แล้วจึงหันไปมองธานินทร์ที่ยังคงอ้าปากค้างตื่นตระหนก ไม่สมกับการเป็นผู้นำเรือน ก่อนที่สุดท้ายสายตาทั้งหมดจะมาจบลงที่รัญ น้องยังคงตัวสั่น ยืนนิ่งไม่เคลื่อนไหว เจ้าตัวดีหันหน้าไปอีกทาง ทศเทียนจึงไม่รับรู้ว่าน้องนั้นอยู่ในห้วงอารมณ์ใดกันแน่

"รัญ.."  ทศเทียนแตะไหล่น้องเบาๆ เมื่อเห็นว่าน้องไม่ได้ปัดป้องขัดขืนอะไร จึงก้าวเดินเข้าไปใกล้มากขึ้นกว่าเดิม

 

"คุณเทียน" รัญส่งเสียงกระซิบเบาๆให้เพียงพอแค่ได้ยินกันสองคน ทศเทียนชะงักก่อนจะตอบรับในลำคอ

 

"อืม.."

 

"พรุ่งนี้.."

 

"..."

 

"ทั้งตลาดต้องด่าน้องยับแน่เลย"

 

"อืม"

 

"..."

 

"ไม่เป็นไร"

 

"..."

 

"พี่จะตัดลิ้นพวกมันเสียให้หมดทั้งตลาดเลย"