เป็นเวลาเนิ่นนานที่ทศเทียนรู้สึกเบื่อหน่ายรำคาญตา ไม่ใช่ว่าเขาไม่ชอบใจที่ได้ไปไหนมาไหนกับรัญ หากแต่เหล่าชายฉกรรจ์เหล่านั้นพาเอาเขาเองหัวเสียไปแทบไม่น้อยเลยทีเดียว

ขนาดเจ้าตัวเดินเข้าร้านจนลับตาแล้ว ก็ยังพากันชะโงกหัวดูราวกับไม่เคยพบไม่เคยเจอ ไอ้คนพี่ก็ได้แต่ทำสายตาอาฆาต ทำปากขมุบขมิบว่า มองหาพ่อมึงหรอ  สั่งสอนไป แต่แล้วยังไง พากันกลัวซะที่ไหน สู่รู้กันนักว่าหากคนน้องอยู่แล้วคนพี่จะเจียมเนื้อเจียมตัว

แส่ไม่เข้าเรื่องจริงๆ

"คุณเทียนเป็นหมาหรือ"

รัญว่าพลางขณะก้มหน้าก้มตาเช็คเพชรนิลจินดาในมือเล็ก แม้แววตากลมโตจะไม่ได้จ้องมองคนพี่อยู่ แต่ก็พอจะรู้ว่าระหว่างทางที่เดินมา เสือร้ายอย่างทศเทียนขู่ขย้ำใครไปแล้วบ้าง

"อะไรนะ.."

ทศเทียนเลิกคิ้วได้ยินไม่ถนัดหู คล้ายๆจะได้ยินไกลๆว่าโดนด่าเบาๆ

"คุณเทียนแยกเขี้ยวขู่ทุกคนตลอดทางเลย"

"อ่อ" ทศเทียนยกยิ้มมุมปากพยักหน้ารับ

ที่แท้น้องเองก็รู้มาตลอดทาง คิดไปเสียได้ว่าตนนั้นทำลับตาแล้วแท้ๆ แต่ช่างเถิด รู้ก็ดี เพราะว่า

"น้องก็รู้ว่าพี่รักและหวงน้องเสียยิ่งกว่าใคร"

คนพี่แสยะยิ้มไม่แยแสคำพูดคำจาตัวเองว่ามันช่างสองแง่สองง่ามเสียยิ่งกระไร ยิ่งคนตัวเล็กทำตาเขียวปั๊ดส่งมาเมื่อครั้นเห็นเด็กในร้านซุบซิบกันตนนั้นยิ่งชอบใจ 

เอาสิ ปากมอมเล่ากันต่อไปเลยไอ้พวกหน้าโง่

​​​​​​"คุณเทียนควรระวังคำพูดบ้าง" รัญยกมือเล็กป้องปากตำหนิเขาเบาๆ ด้วยเพราะกลัวผู้คนรอบข้างจะพากันจะเข้าใจผิด ทั้งยังกลัวจะพากันส่งต่อข่าวปลอมที่ถูกแต่งเติมให้คนพี่พลอยเสียชื่อเสียงไปด้วย 

"พี่ไม่ส-"

 

' นางวันทอง '

 

' คนสองใจ '

 

' พี่ก็จะแต่ง น้องก็จะเอา '

 

' จับปลาสองมือ '

 

รัญชะงัก ยืนตัวนิ่งแข็ง อัญมณีในมือเล็กค่อยๆถูกกำแน่นจนปลายแหลมทิ่มแทงเนื้ออ่อน บาดลึกเป็นรอยทางยาว

ไม่เป็นไร เขาด่าแค่เรา

หากแต่คนพี่ไม่ได้คิดเช่นนั้น ทศเทียนกลืนคำที่ตั้งใจจะพูดและน้ำเสียงแสนอ่อนโยนลงลำคอ ก่อนจะหันขวับกลับไปมองทางต้นตอของเสียง สายตามัจจุราชถูกกระตุ้นคืนกลับสู่นัยน์ตาสีนิล หากแต่เหล่าผู้คนหน้าร้านล้วนเดินสัญจรผ่านไปมา ไร้วี่แววเหล่านักนินทาตัวฉกาจ เจ้าของเสียงจากนรกขุมไหนเมื่อสักครู่โดยสิ้นเชิง

"น้องเห็นใช่ไหม"

น้ำเสียงสั่นโมโหของทศเทียนปลุกเรียกสติของรัญกลับคืนมา คนตัวเล็กรีบกะพริบไล่น้ำตาที่กำลังจะรินไหล  แล้วจึงเสแสร้งฉีกยิ้มสดใสดังเช่นเดิม

"อ..อะไรหรือคุณเทียน"

"อย่ามาโกหกรัญ"

"น้องไม่..."

"น้องยืนหันหน้ามาทางนี้ น้องเห็นใช่ไหม ว่าอีหน้าไหนมันพูด"

​​​​​ทศเทียนไม่ได้ขึ้นเสียง เขากดนัำเสียงตัวเองยามเมื่อคุยกับน้องเสมอ ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะกำลังโกรธจนสติดับขนาดไหนก็ตาม

พวกมึงบังอาจมาก บังอาจมาพูดจาหมาๆใส่คนของกู !

"ค..คุณเทียนพูดอะไร..​​​​​"

"รัญ"

"ก็..ก็น้องไม่รู้" รัญยังคงยืนยันคำเดิม แม้ตัวจะสั่นเทิ้มด้วยเพราะแรงกดดัน เขาไม่อยากให้ตัวเองเป็นต้นเหตุของเรื่องราวอะไรอีกแล้ว

"พี่สัญญา พี่จะไม่ทำอะไร ถ้าน้องยอมบอก แต่หากน้องไม่ยอมบอก"

ทศเทียนเงียบลง บรรยากาศรอบข้างหมองหม่นลงอย่างเห็นได้ชัด เด็กในร้านต่างรู้งานพากันหลบหลีกไปให้พ้นสายตาก่อนพญายมทูตจะมาลากกระชากชีวิต ที่ตรงนี้เหลือเพียงรัญที่พยายามยืนฉีกยิ้มสู้หน้าแบบคนใจดีสู้เสือ

เสือที่ฟังแต่เจ้าของมันเท่านั้น

"แม้ต้องพลิกฟ้าพี่ก็จะหาพวกมันให้เจอ"

ทศเทียนตวัดสายตาคมกริบพลางยกนิ้วเรียวยาวของตนลูบไล้ไปทั่วใบหน้าหวานของผู้เป็นน้อง ก่อนจะใช้นิ้วโป้งเกลี่ยปรกผมบนหน้าผากขาว แล้วจึงลูบไล้ลงมาตั้งแต่เปลือกตา

"แล้วพี่ก็จะไล่เย็บปากพวกมันทีละคน"

ผ่านจมูกเล็กเรียวสวย

"ทีละคน"

หยุดที่ริมฝีปากบางสีสด

"น้องก็รู้ว่าพี่พูดจริง .. ใช่ไหม?"

สิ้นสุดที่คางมนสีนวลตา

ก่อนที่เขาจะยอมปล่อยมือแล้วค่อยๆฉีกยิ้มให้น้องชายราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย

 

.

.

.

 

รัญรู้ว่าทศเทียนเป็นคนพูดจริงทำจริงมาตั้งแต่ไหนแต่ไร รู้ด้วยว่าจะกลายเป็นคนยังไงหากเป็นเรื่องเกี่ยว รัญ สิงหเลิศเดชา

บางทีก็อดนึกสงสัยไม่ได้ว่าตนนั้นเป็นภาระพี่ชายเกินไปไหม แล้วก็อดคิดไม่ได้ด้วยว่านี่มันเกินหน้าที่พี่ชายไปหรือเปล่า แต่ถึงกระนั้นก็ยังแอบรู้สึกดีในใจที่มีคนๆนี้คอยปกป้อง และคอยอยู่ข้างๆไม่หนีไปไหน ถึงแม้จะอยากให้เป็นอีกคนมากกว่าก็ตามที

"จะไม่เป็นอะไรหรือพี่บัว" รัญเอ่ยถามบ่าวคนสนิทของคนพี่ด้วยความหวั่นใจ ตั้งแต่ยอมปริปากบอกผู้พูดไป ทศเทียนก็รีบให้ใบบัวพาตนกลับเรือน ก่อนเจ้าตัวจะหลบหายไปท่ามกลางเหล่าผู้คนมากหน้าหลายตา

"คุณเทียนรับปากคุณรัญแล้ว คุณเทียนรักษาสัญญากับคุณรัญเสมอเจ้าค่ะ"

แม้ปากจะพูดแบบนั้นแต่ใบบัวก็แอบกังวลไม่น้อยเช่นเดียวกัน หล่อนรู้จักนายน้อยของหล่อนดี เพียงแต่นึกไม่ออกเลยว่าคุณเทียนจะไม่ทำอะไรจริงๆหรือ แล้วโทษสถานเบาของพวกปากไม่มีหูรูด นอกจากจับมันมาเย็บปากแล้วคืออะไรกัน 

นึกไม่ออก ไอ้เรามันก็ถนัดเย็บเสียด้วยสิ

"รัญควรไปดู.."

"ไม่ได้นะเจ้าคะคุณรัญ" ใบบัวรีบกางแขนยาวเฟื้อยของตนขวางทางแทบจะทันที

ขืนปล่อยคุณรัญไป อีใบบัวได้กินหวายก็งานนี้

"พี่ใบบัวไม่ห่วงคุณเทียนหรือ.." น้ำเสียงอ่อนหวานบวกแววตากลมโตน่าสงสารแทบทำใบบัวลมจับ

อีเทวดาหน้าไหนช่างสรรค์สร้างผู้ชายคนนี้ แล้วใครมันจะไปใจแข็งได้ลงกันวะ !

"ม..ไม่ได้เจ้าค่ะ!"

แต่กูกลัวหวายมากกว่าโว้ยย

ใบบัวยังคงยืนกรานหนักแน่นไม่ให้รัญไป รัญกะพริบตาถี่พยายามออดอ้อน ใบบัวจึงรีบหลับตาปี๋ ไม่ยอมมองใบหน้าน่าเวทนาของบุตรชายคนเล็กของเรือนให้ต้องใจอ่อน

"รู้แล้วพี่บัว"

ใช่ นั่นเป็นการดีที่เจ้านายหัดฟังบ่าวไพร่เสียบ้าง แต่ว่า .. ทำไมน้ำเสียงคุณรัญช่างฟังดูเบาริบหรี่ คอแห้งหรือ หรือวันนี้ใช้เสียงมากเกินไปกัน

"ค..คุณรัญอยู่กับบ่าวนะเจ้าคะ"

"..."

"บ่าวเป็นห่วงคุณรัญนะเจ้าคะ"

ที่ไหนล่ะ สำคัญเลยคือห่วงตัวเองเจ้าค่ะ !

"ค..คุณรัญ.."

"..."

"คุณรัญ.."

"..."

"ฉิบหาย! คุณรัญเล่นกูแล้วไหมล่ะ!"

ใบบัวอ้าปากเหวอ ครั้นลืมตาขึ้นมาไม่เจอแม้แต่เงาผู้คน หล่อนรีบหันซ้ายหันขวามองหาเจ้าเด็กตัวแสบ ก่อนจะเห็นหลังไวๆของบางคนผ่านตาไป ใบบัวรีบใส่เกียร์หมาวิ่งฉิวไปคว้าข้อมือของเจ้าตัวดี ตั้งใจจะกราบแทบตีนว่าอย่าไปเลย แต่ในที่สุดแล้วหล่อนกลับได้พบว่า

"ไอ้มิ่ง! ไอ้ฉิบหาย! มึงเอาเสื้อคุณรัญมาใส่ได้ยังไง!"

ใบบัวอ้าปากเหวอซ้ำสองเมื่อยามผู้ที่หันหน้ามากลับไม่ใช่อนาคตภรรยาของนายน้อยตน

"อ้าว พี่บัว" มิ่งย่นคิ้วไม่เข้าใจพฤติกรรมของสองนายบ่าว เมื่อตะกี๊คนนายก็เอาเสื้อมาให้ตนใส่ พอตอนนี้คนบ่าวก็วิ่งหาเป็นหมาหอบแดด

"ก็คุณรัญบอกให้ฉันใส่นี่"

"ตาย กูตายแน่ๆ" 

ใบบัวหายใจหอบเหนื่อย ในหัวมีแต่คำว่า

ตาย ตาย ตาย

ไม่คิดเลยว่าคุณรัญจะทำกับตนได้ลงคอ พลันไม่นานก็ยิ่งหายใจหอบถี่มากขึ้นไปอีกเมื่อยามคิดถึงรสหวายของนายน้อยตน

"เรือนนี้มีแต่คนแปลกเสียจริง" ไอ้มิ่งส่ายหน้าบ่นกับตัวเองเบาๆ มันมองดูใบบัวที่ตอนนี้เดินวนลนลานไปมาเหมือนหมาถูกน้ำร้อนลวกก็ไม่ปาน

เหมือนกับว่าตัวมันเองจะอยู่ผิดที่ผิดเวลาไปเสียหมด

แล้วอีกหน่อย กูจะเจออะไรวะเนี่ย

 

.

.

.

 

"ค..คุณเทียน เมตตาพวกเราด้วยเถิดเจ้าค่ะ"

นางน้อยและนางแจ่ม ก้มลงกราบทศเทียนแทบเท้า ใบหน้าคล้ำสู้แดดสู้ฝนล้วนเจิ่งนองไปด้วยหยาดน้ำตา กลิ่นเหงื่อคละคลุ้งไปมาดูน่าสงสารเสียยิ่งกระไร

แต่นั่นใช้ไม่ได้ผลกับทศเทียน

"..."

คนตัวสูงไม่ได้ตอบกลับ เขามองดูเหล่าลูกหนี้ปากมอม ด้วยความสมเพชแต่ไม่เวทนา 

กล้าพูด ก็ต้องกล้ารับผลที่จะตามมา

เพราะตอนพูดเสือกไม่คิด และไม่เคยจะคิดแม้กระทั่งตอนนี้ก็ตามที

ขอโทษก็แค่เพื่อให้รอดไปวันๆ ไม่เคยจะมีจิตสำนึกชอบธรรมรู้สึกผิดจากจิตจริงเลยสักนิดไอ้พวกเวรตะไล

ทศเทียนโยนมีดเล่มสั้นข้ามมือซ้ายขวาไปมาด้วยความนึกสนุก เขานั่งสง่าอยู่บนเก้าอี้สูงในขณะที่อีกสองคนหมอบกราบอยู่บนพื้นราบ

"เรา..เราจะไม่พูดอีกแล้วเจ้าค่ะคุณเทียน เมตตาพวกเราด้วย"

นางน้อยพูดไปร้องไห้ไปเสียงระงมเพื่อขอความเมตตา แต่ใจกลับคิดวกวนไปมาว่าตัวเองนั้นทำผิดมากเลยหรือยังไงกัน

คำพูดมันฆ่าใครได้ที่ไหนวะ

ในขณะที่นางแจ่มสะอึกสะอื้นจนไม่สามารถเอื้อนเอ่ยคำใดได้เลย 

ทศเทียนยกยิ้มถึงแม้จะยังไม่ถึงขั้นพึงพอใจ แต่โทษสถานเบาก็คือโทษสถานเบา ที่สำคัญเขาสัญญากับน้องไว้แล้วว่าจะไม่ทำอะไรหากน้องยอมบอกชื่อคนที่มันปากระยำ

'เคร้ง'

ทศเทียนโยนมีดสั้นที่ถือไว้ลงบนพื้น ทำเอาคนปากดีสองคนหยุดชะงักด้วยความตกใจ พวกมันมองมีดสลับเหลือบขึ้นมามองทศเทียนด้วยความงุนงงใจ

"อ..อะไรหรือเจ้าคะ.." 

เป็นนางน้อยเช่นเคยที่เอ่ยถาม มันแอบคิดว่าคุณเทียนคงจะใจอ่อนยินยอมให้อภัย หากแต่พอได้เงยหน้ามองดูแววตาคมกริบแสนเชือดเฉือนนั้นแล้ว มันก็รู้ตัวทันทีว่าคงไม่มีทาง

มันไม่ให้อภัยกู !

"เอาแค่ริมฝีปากบนก็พอ" ทศเทียนเชิดใบหน้าไปทางมีดสั้น

"..."

"แล้วกูจะไม่ยึดเรือนคนที่มันได้เฉือนปากอีกคน"

มัจจุราชออกคำสั่งแล้ว

ใช้เข็มเย็บปากจะไปสนุกกว่าใช้กรรไกรตัดความสัมพันธ์ฉันมิตรได้อย่างไร

​​นางน้อยหันขวับไปมองนางแจ่ม เพื่อนรักที่สนิทกันมานับ10ปี ที่กำลังใช้สายตาลึกล้ำจ้องมองมันอยู่เช่นกัน  นางแจ่มน้ำตาไหลพรากส่ายหน้าไปมา อยากจะบอกกล่าวว่าอย่า แต่ทุกหยาดเสียงกลับถูกสะกดหยุดไว้ที่ลำคอ 

ทศเทียนยกยิ้มสาแก่ใจก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มตัวแล้วจึงเดินลงจากบรรไดเรือนเล็กด้วยความปรีดา 

ทำตามสัญญาแล้วนะรัญ

พี่ไม่ได้ทำอะไรเลย

เสียงทำลายข้าวของดังขึ้นภายในตัวเรือนราวกับแผ่นดินสั่นไหว ก่อนที่ไม่นานเสียงกรีดร้องโหยหวนคร่ำครวญจากผู้แพ้จะถูกตามหลังมา กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่วบริเวณเรือนน้อยใกล้ผุพัง เสียงหัวเราะของนางแจ่มก้องกังวาลไปทั่วรอบบริเวณราวกับเป็นผู้ได้รับชัยชนะในศึกครั้งใหญ่ก็ไม่ปาน

ทศเทียนหยุดเดินที่ใต้ต้นไม้ด้านหน้า เขาก้มลงหยิบดอกลีลาวดีที่หล่นร่วงบนพื้นขึ้นมาดับกลิ่นคาวจมูก ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าออกด้วยความพึงพอใจ

ถือเป็นการสั่งสอนกลายๆว่าอย่ามาแตะต้องคนของกูแม้เพียงลมปากเน่าๆของพวกมึงก็ตาม

.

.

.

 

 

sds

ดิส อิส อะ คูมเทียน