7 ตอน บทที่7
โดย WonderM
เป็นเวลาเนิ่นนานที่ทศเทียนรู้สึกเบื่อหน่ายรำคาญตา ไม่ใช่ว่าเขาไม่ชอบใจที่ได้ไปไหนมาไหนกับรัญ หากแต่เหล่าชายฉกรรจ์เหล่านั้นพาเอาเขาเองหัวเสียไปแทบไม่น้อยเลยทีเดียว
ขนาดเจ้าตัวเดินเข้าร้านจนลับตาแล้ว ก็ยังพากันชะโงกหัวดูราวกับไม่เคยพบไม่เคยเจอ ไอ้คนพี่ก็ได้แต่ทำสายตาอาฆาต ทำปากขมุบขมิบว่า มองหาพ่อมึงหรอ สั่งสอนไป แต่แล้วยังไง พากันกลัวซะที่ไหน สู่รู้กันนักว่าหากคนน้องอยู่แล้วคนพี่จะเจียมเนื้อเจียมตัว
แส่ไม่เข้าเรื่องจริงๆ
"คุณเทียนเป็นหมาหรือ"
รัญว่าพลางขณะก้มหน้าก้มตาเช็คเพชรนิลจินดาในมือเล็ก แม้แววตากลมโตจะไม่ได้จ้องมองคนพี่อยู่ แต่ก็พอจะรู้ว่าระหว่างทางที่เดินมา เสือร้ายอย่างทศเทียนขู่ขย้ำใครไปแล้วบ้าง
"อะไรนะ.."
ทศเทียนเลิกคิ้วได้ยินไม่ถนัดหู คล้ายๆจะได้ยินไกลๆว่าโดนด่าเบาๆ
"คุณเทียนแยกเขี้ยวขู่ทุกคนตลอดทางเลย"
"อ่อ" ทศเทียนยกยิ้มมุมปากพยักหน้ารับ
ที่แท้น้องเองก็รู้มาตลอดทาง คิดไปเสียได้ว่าตนนั้นทำลับตาแล้วแท้ๆ แต่ช่างเถิด รู้ก็ดี เพราะว่า
"น้องก็รู้ว่าพี่รักและหวงน้องเสียยิ่งกว่าใคร"
คนพี่แสยะยิ้มไม่แยแสคำพูดคำจาตัวเองว่ามันช่างสองแง่สองง่ามเสียยิ่งกระไร ยิ่งคนตัวเล็กทำตาเขียวปั๊ดส่งมาเมื่อครั้นเห็นเด็กในร้านซุบซิบกันตนนั้นยิ่งชอบใจ
เอาสิ ปากมอมเล่ากันต่อไปเลยไอ้พวกหน้าโง่
"คุณเทียนควรระวังคำพูดบ้าง" รัญยกมือเล็กป้องปากตำหนิเขาเบาๆ ด้วยเพราะกลัวผู้คนรอบข้างจะพากันจะเข้าใจผิด ทั้งยังกลัวจะพากันส่งต่อข่าวปลอมที่ถูกแต่งเติมให้คนพี่พลอยเสียชื่อเสียงไปด้วย
"พี่ไม่ส-"
' นางวันทอง '
' คนสองใจ '
' พี่ก็จะแต่ง น้องก็จะเอา '
' จับปลาสองมือ '
รัญชะงัก ยืนตัวนิ่งแข็ง อัญมณีในมือเล็กค่อยๆถูกกำแน่นจนปลายแหลมทิ่มแทงเนื้ออ่อน บาดลึกเป็นรอยทางยาว
ไม่เป็นไร เขาด่าแค่เรา
หากแต่คนพี่ไม่ได้คิดเช่นนั้น ทศเทียนกลืนคำที่ตั้งใจจะพูดและน้ำเสียงแสนอ่อนโยนลงลำคอ ก่อนจะหันขวับกลับไปมองทางต้นตอของเสียง สายตามัจจุราชถูกกระตุ้นคืนกลับสู่นัยน์ตาสีนิล หากแต่เหล่าผู้คนหน้าร้านล้วนเดินสัญจรผ่านไปมา ไร้วี่แววเหล่านักนินทาตัวฉกาจ เจ้าของเสียงจากนรกขุมไหนเมื่อสักครู่โดยสิ้นเชิง
"น้องเห็นใช่ไหม"
น้ำเสียงสั่นโมโหของทศเทียนปลุกเรียกสติของรัญกลับคืนมา คนตัวเล็กรีบกะพริบไล่น้ำตาที่กำลังจะรินไหล แล้วจึงเสแสร้งฉีกยิ้มสดใสดังเช่นเดิม
"อ..อะไรหรือคุณเทียน"
"อย่ามาโกหกรัญ"
"น้องไม่..."
"น้องยืนหันหน้ามาทางนี้ น้องเห็นใช่ไหม ว่าอีหน้าไหนมันพูด"
ทศเทียนไม่ได้ขึ้นเสียง เขากดนัำเสียงตัวเองยามเมื่อคุยกับน้องเสมอ ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะกำลังโกรธจนสติดับขนาดไหนก็ตาม
พวกมึงบังอาจมาก บังอาจมาพูดจาหมาๆใส่คนของกู !
"ค..คุณเทียนพูดอะไร.."
"รัญ"
"ก็..ก็น้องไม่รู้" รัญยังคงยืนยันคำเดิม แม้ตัวจะสั่นเทิ้มด้วยเพราะแรงกดดัน เขาไม่อยากให้ตัวเองเป็นต้นเหตุของเรื่องราวอะไรอีกแล้ว
"พี่สัญญา พี่จะไม่ทำอะไร ถ้าน้องยอมบอก แต่หากน้องไม่ยอมบอก"
ทศเทียนเงียบลง บรรยากาศรอบข้างหมองหม่นลงอย่างเห็นได้ชัด เด็กในร้านต่างรู้งานพากันหลบหลีกไปให้พ้นสายตาก่อนพญายมทูตจะมาลากกระชากชีวิต ที่ตรงนี้เหลือเพียงรัญที่พยายามยืนฉีกยิ้มสู้หน้าแบบคนใจดีสู้เสือ
เสือที่ฟังแต่เจ้าของมันเท่านั้น
"แม้ต้องพลิกฟ้าพี่ก็จะหาพวกมันให้เจอ"
ทศเทียนตวัดสายตาคมกริบพลางยกนิ้วเรียวยาวของตนลูบไล้ไปทั่วใบหน้าหวานของผู้เป็นน้อง ก่อนจะใช้นิ้วโป้งเกลี่ยปรกผมบนหน้าผากขาว แล้วจึงลูบไล้ลงมาตั้งแต่เปลือกตา
"แล้วพี่ก็จะไล่เย็บปากพวกมันทีละคน"
ผ่านจมูกเล็กเรียวสวย
"ทีละคน"
หยุดที่ริมฝีปากบางสีสด
"น้องก็รู้ว่าพี่พูดจริง .. ใช่ไหม?"
สิ้นสุดที่คางมนสีนวลตา
ก่อนที่เขาจะยอมปล่อยมือแล้วค่อยๆฉีกยิ้มให้น้องชายราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย
.
.
.
รัญรู้ว่าทศเทียนเป็นคนพูดจริงทำจริงมาตั้งแต่ไหนแต่ไร รู้ด้วยว่าจะกลายเป็นคนยังไงหากเป็นเรื่องเกี่ยว รัญ สิงหเลิศเดชา
บางทีก็อดนึกสงสัยไม่ได้ว่าตนนั้นเป็นภาระพี่ชายเกินไปไหม แล้วก็อดคิดไม่ได้ด้วยว่านี่มันเกินหน้าที่พี่ชายไปหรือเปล่า แต่ถึงกระนั้นก็ยังแอบรู้สึกดีในใจที่มีคนๆนี้คอยปกป้อง และคอยอยู่ข้างๆไม่หนีไปไหน ถึงแม้จะอยากให้เป็นอีกคนมากกว่าก็ตามที
"จะไม่เป็นอะไรหรือพี่บัว" รัญเอ่ยถามบ่าวคนสนิทของคนพี่ด้วยความหวั่นใจ ตั้งแต่ยอมปริปากบอกผู้พูดไป ทศเทียนก็รีบให้ใบบัวพาตนกลับเรือน ก่อนเจ้าตัวจะหลบหายไปท่ามกลางเหล่าผู้คนมากหน้าหลายตา
"คุณเทียนรับปากคุณรัญแล้ว คุณเทียนรักษาสัญญากับคุณรัญเสมอเจ้าค่ะ"
แม้ปากจะพูดแบบนั้นแต่ใบบัวก็แอบกังวลไม่น้อยเช่นเดียวกัน หล่อนรู้จักนายน้อยของหล่อนดี เพียงแต่นึกไม่ออกเลยว่าคุณเทียนจะไม่ทำอะไรจริงๆหรือ แล้วโทษสถานเบาของพวกปากไม่มีหูรูด นอกจากจับมันมาเย็บปากแล้วคืออะไรกัน
นึกไม่ออก ไอ้เรามันก็ถนัดเย็บเสียด้วยสิ
"รัญควรไปดู.."
"ไม่ได้นะเจ้าคะคุณรัญ" ใบบัวรีบกางแขนยาวเฟื้อยของตนขวางทางแทบจะทันที
ขืนปล่อยคุณรัญไป อีใบบัวได้กินหวายก็งานนี้
"พี่ใบบัวไม่ห่วงคุณเทียนหรือ.." น้ำเสียงอ่อนหวานบวกแววตากลมโตน่าสงสารแทบทำใบบัวลมจับ
อีเทวดาหน้าไหนช่างสรรค์สร้างผู้ชายคนนี้ แล้วใครมันจะไปใจแข็งได้ลงกันวะ !
"ม..ไม่ได้เจ้าค่ะ!"
แต่กูกลัวหวายมากกว่าโว้ยย
ใบบัวยังคงยืนกรานหนักแน่นไม่ให้รัญไป รัญกะพริบตาถี่พยายามออดอ้อน ใบบัวจึงรีบหลับตาปี๋ ไม่ยอมมองใบหน้าน่าเวทนาของบุตรชายคนเล็กของเรือนให้ต้องใจอ่อน
"รู้แล้วพี่บัว"
ใช่ นั่นเป็นการดีที่เจ้านายหัดฟังบ่าวไพร่เสียบ้าง แต่ว่า .. ทำไมน้ำเสียงคุณรัญช่างฟังดูเบาริบหรี่ คอแห้งหรือ หรือวันนี้ใช้เสียงมากเกินไปกัน
"ค..คุณรัญอยู่กับบ่าวนะเจ้าคะ"
"..."
"บ่าวเป็นห่วงคุณรัญนะเจ้าคะ"
ที่ไหนล่ะ สำคัญเลยคือห่วงตัวเองเจ้าค่ะ !
"ค..คุณรัญ.."
"..."
"คุณรัญ.."
"..."
"ฉิบหาย! คุณรัญเล่นกูแล้วไหมล่ะ!"
ใบบัวอ้าปากเหวอ ครั้นลืมตาขึ้นมาไม่เจอแม้แต่เงาผู้คน หล่อนรีบหันซ้ายหันขวามองหาเจ้าเด็กตัวแสบ ก่อนจะเห็นหลังไวๆของบางคนผ่านตาไป ใบบัวรีบใส่เกียร์หมาวิ่งฉิวไปคว้าข้อมือของเจ้าตัวดี ตั้งใจจะกราบแทบตีนว่าอย่าไปเลย แต่ในที่สุดแล้วหล่อนกลับได้พบว่า
"ไอ้มิ่ง! ไอ้ฉิบหาย! มึงเอาเสื้อคุณรัญมาใส่ได้ยังไง!"
ใบบัวอ้าปากเหวอซ้ำสองเมื่อยามผู้ที่หันหน้ามากลับไม่ใช่อนาคตภรรยาของนายน้อยตน
"อ้าว พี่บัว" มิ่งย่นคิ้วไม่เข้าใจพฤติกรรมของสองนายบ่าว เมื่อตะกี๊คนนายก็เอาเสื้อมาให้ตนใส่ พอตอนนี้คนบ่าวก็วิ่งหาเป็นหมาหอบแดด
"ก็คุณรัญบอกให้ฉันใส่นี่"
"ตาย กูตายแน่ๆ"
ใบบัวหายใจหอบเหนื่อย ในหัวมีแต่คำว่า
ตาย ตาย ตาย
ไม่คิดเลยว่าคุณรัญจะทำกับตนได้ลงคอ พลันไม่นานก็ยิ่งหายใจหอบถี่มากขึ้นไปอีกเมื่อยามคิดถึงรสหวายของนายน้อยตน
"เรือนนี้มีแต่คนแปลกเสียจริง" ไอ้มิ่งส่ายหน้าบ่นกับตัวเองเบาๆ มันมองดูใบบัวที่ตอนนี้เดินวนลนลานไปมาเหมือนหมาถูกน้ำร้อนลวกก็ไม่ปาน
เหมือนกับว่าตัวมันเองจะอยู่ผิดที่ผิดเวลาไปเสียหมด
แล้วอีกหน่อย กูจะเจออะไรวะเนี่ย
.
.
.
"ค..คุณเทียน เมตตาพวกเราด้วยเถิดเจ้าค่ะ"
นางน้อยและนางแจ่ม ก้มลงกราบทศเทียนแทบเท้า ใบหน้าคล้ำสู้แดดสู้ฝนล้วนเจิ่งนองไปด้วยหยาดน้ำตา กลิ่นเหงื่อคละคลุ้งไปมาดูน่าสงสารเสียยิ่งกระไร
แต่นั่นใช้ไม่ได้ผลกับทศเทียน
"..."
คนตัวสูงไม่ได้ตอบกลับ เขามองดูเหล่าลูกหนี้ปากมอม ด้วยความสมเพชแต่ไม่เวทนา
กล้าพูด ก็ต้องกล้ารับผลที่จะตามมา
เพราะตอนพูดเสือกไม่คิด และไม่เคยจะคิดแม้กระทั่งตอนนี้ก็ตามที
ขอโทษก็แค่เพื่อให้รอดไปวันๆ ไม่เคยจะมีจิตสำนึกชอบธรรมรู้สึกผิดจากจิตจริงเลยสักนิดไอ้พวกเวรตะไล
ทศเทียนโยนมีดเล่มสั้นข้ามมือซ้ายขวาไปมาด้วยความนึกสนุก เขานั่งสง่าอยู่บนเก้าอี้สูงในขณะที่อีกสองคนหมอบกราบอยู่บนพื้นราบ
"เรา..เราจะไม่พูดอีกแล้วเจ้าค่ะคุณเทียน เมตตาพวกเราด้วย"
นางน้อยพูดไปร้องไห้ไปเสียงระงมเพื่อขอความเมตตา แต่ใจกลับคิดวกวนไปมาว่าตัวเองนั้นทำผิดมากเลยหรือยังไงกัน
คำพูดมันฆ่าใครได้ที่ไหนวะ
ในขณะที่นางแจ่มสะอึกสะอื้นจนไม่สามารถเอื้อนเอ่ยคำใดได้เลย
ทศเทียนยกยิ้มถึงแม้จะยังไม่ถึงขั้นพึงพอใจ แต่โทษสถานเบาก็คือโทษสถานเบา ที่สำคัญเขาสัญญากับน้องไว้แล้วว่าจะไม่ทำอะไรหากน้องยอมบอกชื่อคนที่มันปากระยำ
'เคร้ง'
ทศเทียนโยนมีดสั้นที่ถือไว้ลงบนพื้น ทำเอาคนปากดีสองคนหยุดชะงักด้วยความตกใจ พวกมันมองมีดสลับเหลือบขึ้นมามองทศเทียนด้วยความงุนงงใจ
"อ..อะไรหรือเจ้าคะ.."
เป็นนางน้อยเช่นเคยที่เอ่ยถาม มันแอบคิดว่าคุณเทียนคงจะใจอ่อนยินยอมให้อภัย หากแต่พอได้เงยหน้ามองดูแววตาคมกริบแสนเชือดเฉือนนั้นแล้ว มันก็รู้ตัวทันทีว่าคงไม่มีทาง
มันไม่ให้อภัยกู !
"เอาแค่ริมฝีปากบนก็พอ" ทศเทียนเชิดใบหน้าไปทางมีดสั้น
"..."
"แล้วกูจะไม่ยึดเรือนคนที่มันได้เฉือนปากอีกคน"
มัจจุราชออกคำสั่งแล้ว
ใช้เข็มเย็บปากจะไปสนุกกว่าใช้กรรไกรตัดความสัมพันธ์ฉันมิตรได้อย่างไร
นางน้อยหันขวับไปมองนางแจ่ม เพื่อนรักที่สนิทกันมานับ10ปี ที่กำลังใช้สายตาลึกล้ำจ้องมองมันอยู่เช่นกัน นางแจ่มน้ำตาไหลพรากส่ายหน้าไปมา อยากจะบอกกล่าวว่าอย่า แต่ทุกหยาดเสียงกลับถูกสะกดหยุดไว้ที่ลำคอ
ทศเทียนยกยิ้มสาแก่ใจก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มตัวแล้วจึงเดินลงจากบรรไดเรือนเล็กด้วยความปรีดา
ทำตามสัญญาแล้วนะรัญ
พี่ไม่ได้ทำอะไรเลย
เสียงทำลายข้าวของดังขึ้นภายในตัวเรือนราวกับแผ่นดินสั่นไหว ก่อนที่ไม่นานเสียงกรีดร้องโหยหวนคร่ำครวญจากผู้แพ้จะถูกตามหลังมา กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่วบริเวณเรือนน้อยใกล้ผุพัง เสียงหัวเราะของนางแจ่มก้องกังวาลไปทั่วรอบบริเวณราวกับเป็นผู้ได้รับชัยชนะในศึกครั้งใหญ่ก็ไม่ปาน
ทศเทียนหยุดเดินที่ใต้ต้นไม้ด้านหน้า เขาก้มลงหยิบดอกลีลาวดีที่หล่นร่วงบนพื้นขึ้นมาดับกลิ่นคาวจมูก ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าออกด้วยความพึงพอใจ
ถือเป็นการสั่งสอนกลายๆว่าอย่ามาแตะต้องคนของกูแม้เพียงลมปากเน่าๆของพวกมึงก็ตาม
.
.
.
ดิส อิส อะ คูมเทียน
Comments (0)