เพราะกลัวว่าพี่ชายคนรองอย่างทศเทียนจะไปมีเรื่องมีราวอีก รัญจึงแอบย่องออกมาจากตัวเรือนแต่เช้าตรู่เพื่อไปทำบุญที่วัดเหมือนอย่างเคย ของถวายสังฆทานที่จัดเตรียมไว้ตั้งแต่พลบค่ำเต็มสองมือเรียวเล็ก แม้จะไม่หนักหนาด้วยเพราะเป็นแค่บรรดาเครื่องหอม พวงมาลัย แต่ก็มีจำนวนมากมายจนทำให้มือบางขึ้นสีได้เช่นกัน

“ตาเถร”

รัญตกใจจนเกือบปล่อยเหล่าบุษบามาลีในมือร่วงหล่น เมื่อครั้นหันไปเห็นร่างสูงย่ำกรายมาภายใต้แสงรุ่งอรุณ ใบหน้าอันแสนคุ้นเคยส่งยิ้มเบาบางมาให้รัญ พลางลอบมองอีกฝ่ายด้วยความเอ็นดูดุจน้องชายแท้ๆ แท้ยิ่งกว่าไอ้คนที่ยังนอนหลับไหลอยู่ในห้วงนิทราเสียอีก

“ตัวเจ้าก็เท่านี้ ใยถึงได้หอบของพะรุงพะรังถึงเพียงนั้น”

แทนไทเอ่ยถามเมื่อเห็นมือเรียวบางของคนตัวเล็กขึ้นสีแดงและสั่นเล็กน้อยด้วยเพราะความหนักจากของที่ถือในมืออย่างไม่ต้องสงสัย ไม่ได้สังเกตเลยว่า บัดนี้ใบหน้าขาวนวลของเจ้าตัวก็กำลังขึ้นสีด้วยความเขินอายไม่ต่างกัน

“คุณแทน..”

เสียงเล็กหวานแหบพร่าเอ่ยเรียกแทนไททั้งยังเบิกตากว้าง ส่งผลให้แทนไทขมวดคิ้วเป็นปมพลางส่งสายตาดุดันให้น้องชายคนเล็กโดยไม่ทันรู้ตัว

“ตกใจหรือที่พี่ไม่ใช่คุณเทียน”

“...”

รัญอ้าปากเล็กจะตัดพ้อต่อว่า ก็มีแต่ทศเทียนไม่ใช่หรือที่คอยอยู่ดูแลเขามาตลอด แต่ครั้นได้สบสายตาที่ดูเหมือนกำลังตำหนิเขาอยู่เสียอย่างนั้น รัญจึงได้แต่กัดริมฝีปากบางของตนเพื่อหยุดทุกถ้อยวาจาที่กำลังจะพรั่งพรูออกมาไว้แทน

รัญรู้สึกพ่ายแพ้ทุกอย่างของคนตรงหน้าเหมือนคนโง่ คนโง่ที่รู้ว่ากองไฟกำลังลุกโชนมอดไหม้แต่ก็ยังอยากจะย่ำเดิน

“มา แบ่งให้พี่ช่วยเจ้าถือเถิด”

ปากบอกว่าแบ่งแต่หยิบยกทั้งหมดออกไปถือไว้เพียงคนเดียว

“วันนี้คุณแทนไม่ไปงานราชการหรือ”

“ไป แต่เห็นเจ้าจะไปวัดคนเดียว บ่าวไพร่ก็ไม่ยอมพาไป มันอันตราย”

แทนไทพูดเสียงเรียบ ใครจะยอมบอกตรงๆกัน ว่ามาดักรอตั้งแต่ยังไม่ทันจะเช้าตรู่

“คุณเทียนริบบ่าวไพร่น้องไปหมดแล้ว”

ร่างสูงชะงักเมื่อได้ยินชื่อของน้องชัง

“....”

รัญนึกขำเล็กน้อยเมื่อถึงการกระทำของพี่ชายคนรอง

“แล้วเจ้าตัวก็ยกตนมาเป็นบ่าวไพร่ให้น้องแทนซะเอง แต่ว่าเพราะเหตุการณ์เมื่อวานน้องเล-”

“ช่างเถิด ไม่ต้องพูดอีก”

แทนไทเอ่ยตัดความรำคาญ พลางก้าวขายาวๆ ออกจากตัวเรือนไปทันที เขาไม่ชอบฟังเรื่องน้องชายตัวดีนัก โดยเฉพาะยิ่งจากปากของรัญเองแล้ว เขายิ่งไม่ต้องการฟัง

รัญพยักหน้ารับน้อยๆ ก่อนจะค่อยๆ เดินตามร่างสูงไปต้อยๆ ดอกบุหงาส่าหรีที่ธานินทร์บิดาเลี้ยงของตนเป็นคนปลูกตั้งแต่ตนยัง10ขวบ ส่งกลิ่นหอมเย้ายวนใจไปตลอดทั้งทาง ราวกับจะส่งสัญญาณบางอย่าง รัญลอบมองพี่ชายด้วยความหลงไหลเป็นครั้งที่นับไม่ถ้วน

นี่จะถือเป็นการเริ่มต้นวันที่ดีได้หรือไม่กันนะ

 

 

‘โคร้ม!’

“ทำไมพวกมึงไม่มาปลุกกู!”

เสียงโหวกเหวกโวยวายดังมาจากห้องนอนของลูกคนชายคนรอง ธานินทร์วางช้อนกินข้าวในมือลงพลางมองไปที่ห้องต้นเสียงด้วยความสงสัย เหล่าบ่าวไพร่ที่อยู่รับใช้ต่างพากันวิ่งหนีออกมาหาเขาด้วยสีหน้าหวาดผวา บางคนมีเลือดติดหัวไหลเป็นทางด้วยเพราะโดนของแข็งปาใส่จากนายน้อยที่กำลังโมโหโกรธา

“เดี๋ยวน้องไปดูเองคุณพี่”

‘สายธาร’ อดีตบ่าวชายในเรือนที่ตอนนี้ถูกยกยอตำแหน่งฐานะกลายเป็นเมียเอกของเรือน ควบไปถึงตำแหน่งพ่อแท้ๆของรัญ เอ่ยห้ามธานินทร์ด้วยความใจเย็น ใบหน้าหวานพยักขึ้นลงเบาๆ บ่งบอกว่าตนจัดการได้ ทำให้ธานินทร์ยอมล้มตัวนั่งลงอย่างเดิม

สายธารเดินไปที่ห้องนอนของลูกชายตัวดี ไม่ได้มีท่าทีตกใจคงเพราะความเคยชิน เมื่อก้าวเข้าไปได้เห็นสภาพห้องเละเทะเพราะถูกเจ้าของห้องอารมณ์ร้ายทำลายขว้างของไปมา ก็ยิ่งนึกสมเพชอยู่ในใจ สายธารเหลือบมอง ‘ใบบัว’บ่าวหญิงที่รับใช้ทศเทียนส่วนตัว มันยังคงนั่งก้มหน้าเงียบๆอยู่ข้างกายนายของตนไม่ได้มีท่าทีหวาดกลัวหรือทำท่าวิ่งหนีออกไปเช่นเดียวกับบ่าวไพร่คนอื่นๆ สายธารละสายตาจากทุกสิ่ง จ้องไปที่ทศเทียนด้วยใบหน้าเรียบเฉย ทศเทียนเองเมื่อรับรู้การมาถึงของอีกคนก็หันไปสบตาอย่างไม่เกรงกลัว

“จะพังบ้านงั้นหรือคุณเทียน”

สายธารเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่ทศเทียนไม่เคยที่จะชอบใจ

“ฉันจะทำอะไรมันไปหนักหัวพ่อธารหรือยังไง”

วาจาแสนหยาบคายถูกพ่นออกมาจากปากอย่างไม่เคารพเช่นเคย สายธารยิ้มรับไม่ได้ถือสา ไม่ได้มองว่าอีกฝ่ายเป็นศัตรูที่น่ากลัว

“หัวฉันน่ะคงไม่”

“...”

“แต่ถ้าเป็นหัวลูกรัญ..”

“หุบปาก!”

ทศเทียนเกลียดสายธารที่ชอบใช้ลูกมาอ้างเพื่อทำความชั่ว ต่อหน้าของเขาอยู่ร่ำไป ต่อหน้าคนอื่นก็แสร้งแสนดี หารู้ไม่ว่าภายใต้ใบหน้าหวานปานน้ำผึ้งนั้น เก็บซ่อนฤทธิ์เดชไว้มากมายเพียงใด

“ถ้าจะโวยวายแค่เพราะลูกรัญไปวัดกับพ่อแทนก็หยุดเสีย ใยจึงทำตัวเป็นเด็กๆ ไปได้”

“ไม่ต้องมาแส่”

“หยุดเสีย ก่อนที่ฉันจะบอกลูกรัญไม่ให้ยุ่งกับคุณเทียนอีก”

สายธารพูดข่มไว้แค่นั้น ก่อนจะส่งสายตาอย่างผู้มีชัย แล้วหันกลับเดินออกไปอย่างไม่ใยดี ทศเทียนได้แต่กำหมัดในมือแน่นจนเส้นเลือดขึ้นปูดเป็นรอยทางยาว ใบบัวปรี่เข้ามาเอามือกุมนายของตนเงียบๆ ด้วยความห่วงใย พลางหันไปยังทิศที่สายธารเดินออกไปด้วยความเจ็บแค้น

“คนเลวอย่างมันไม่สมควรเป็นพ่อรัญ”

ทศเทียนเอ่ยขึ้นมาเงียบๆ นัยน์ตาดุดันราวกับอยากจะฆ่าให้ตาย ใบบัวพยักหน้ารับเบาๆไม่ได้ตอบรับอะไร

“ฉันจะปกป้องรัญจากพวกมันเอง”

ทศเทียนโกรธจนใบหน้าขึ้นสีแดง เหงื่อออกเต็มฝ่ามือหนาทั้งสองข้างเมื่อนึกถึงใบหน้าของเด็กน้อยที่เขาเฝ้าคอยทะนุถนอมมานับปี เขาทำอะไรไม่ได้เลยกับชายผู้เสแสร้งมารยาคนนั้น หากตนไม่ได้หลงรักลูกกาเหว่าแล้ว ทุกอย่างจะง่ายดายไปเสียหมด แต่เพราะลูกกาเหว่าได้เข้ามาอยู่เสียเต็มหัวใจ เขาจึงทำได้แต่คอยปกป้องคนรักอย่างถึงที่สุด แม้จะต้องเจอกับภัยอันตรายหรือตัวจะต้องตาย

ก็ ช่าง หัว เขา เถอะ

 

หนึ่งร่างเล็กและหนึ่งร่างสูงเดินเคียงคู่กันออกจากวัดด้วยความเงียบงัน ไม่ได้เอ่ยคำพูดใดต่อกัน มีเพียงเสียงซุบซิบจากชาวบ้านที่ต่างลอบมองทั้งคู่ด้วยความชื่นชม ด้วยเพราะรู้กันทั้งชุมชนปากน้ำ ว่าทั้งสองนั้นเป็นคู่หมั้นกันมาตั้งแต่ยังเล็ก แต่ก็ไม่เคยพบเห็นทั้งคู่จะสนิทสนมกันเท่ากับน้องชายคนรอง จนบางทีก็พากันอดคิดไปไม่ได้ว่า เรือนสิงหเลิศเดชา เปลี่ยนตัวคู่หมั้นจากคนพี่มาเป็นคนน้องเสียแล้วกระมัง

ด้านแทนไทเองก็ลอบมองคนข้างกายอยู่หลายครั้ง ใบหน้าหวานช่างงดงามคล้ายกับสายธารบิดาของเจ้าตัวไม่มีผิด ช่างแปลกนักที่ตนเพิ่งจะมาเผลอไผลสังเกตสังกาทั้งที่น้องก็อยู่ข้างกายมาตลอด8ปี

“ปีนี้เจ้าอายุเท่าใด”

รัญเงยหน้ามองคนตั้งคำถามด้วยแววตาใสซื่อ นัยน์ตาสีดำเผลอส่อแววตัดพ้อเล็กน้อย

“คุณแทนมีกระไรหรือ”

“16 หรือ 17”

“18แล้วคุณแทน”

ร่างเล็กเม้มปากทำสีหน้าปั้นปึง อดรู้สึกเสียน้ำใจกับพี่ชายคนโตไม่ได้

แทนไทหันมองน้องชายคนเล็กที่อยู่ๆ น้ำเสียงหวานก็พลันเปลี่ยนเป็นมีโทสะ ครั้นเมื่อเห็นใบหน้าเล็กแอบคว่ำรูปปากเป็นพระจันทร์โค้ง ก็รู้สึกอยากจะดึงมาง้องอนกลางชุมชนเสียอย่างนั้น

“งอนพี่หรือ”

“...”

“เจ้าอย่างอนพี่เลย พี่จะจำไว้ให้ขึ้นใจเสีย”

รัญแสร้งทำหน้าเฉยชาราวกับไม่ได้ยิน ถึงแม้ในใจจะรู้สึกหวั่นไหวด้วยความปิติยินดีมากเพียงใดก็ตาม สองร่างต่างพากันเปลี่ยนเรื่องคุยสัพเพเหระไปตามประสา รัญเป็นคนร่าเริงน่าคบหารู้จักการใช้ถ้อยคำวาจา ทำให้แทนไทที่ไม่ค่อยมีเวลาอยู่เรือนเพื่อใช้เวลากับเจ้าตัว อดนึกเอ็นดูน้องชายคนเล็กมากขึ้นอย่างเสียไม่ได้ ทั้งยังนึกเสียดายเวลาที่ผ่านมาว่าตนไปทำสิ่งใดอยู่ ถึงไม่เคยรู้ตัว ว่าตนนั้นมีเพชรเม็ดงามเช่นรัญอยู่ในมือ และยังเป็นสิ่งที่ทศเทียนไม่มีเสียด้วย

 

ทศเทียนนั่งอยู่ตรงกะไดเรือนด้วยสีหน้าเรียบเฉย นัยน์ตาสีนิลฉายแววลึกล้ำสุดจะหยั่งถึง บ่าวไพร่รอบกายที่นั่งคอยรับใช้เจ้านายน้อยต่างพากันก้มหัวตัวสั่นหงกๆ เพราะความหวาดกลัว ไม่รู้ว่าวันนี้นายตนจะมาไม้ไหนอีกสายตาดุดันคมกริบสาดส่องไปรอบๆเรือนอีกครั้ง ก่อนจะพบเป้าหมายที่มองหามาครึ่งค่อนวัน แววตาของทศเทียนวูบไหวเพียงชั่วครู่เมื่อพบว่ารัญเดินกลับมากับแทนไท นั่นไม่สำคัญเท่าทั้งคู่มีท่าทางคุยกันอย่างสนิทสนม

แทนไทรับรู้ถึงสายตาดุดันของน้องชายที่จ้องมองมา จึงขยับกายเข้าไปใกล้รัญมากขึ้นอย่างจงใจ อีกทั้งยังส่งสายตาท้าทายกลับไปโดยไม่เกรงกลัว ทศเทียนผุดตัวลุกขึ้นด้วยความโมโห ท่ามกลางความตื่นตระหนกของบ่าวไพร่

กล้าดียังไง

“คุณเทียน”

เหมือนได้น้ำเย็นราดชโลมตรงกลางไฟ บ่าวไพร่พากันลอบถอนหายใจเมื่อได้ยินน้ำเสียงหวานของรัญ

“น้องรัญ”

ทศเทียนกดโทสะทั้งหมดไว้ในใจเงียบๆ นัยน์ตาแฝงรอยยิ้มให้คนตัวเล็กอย่างอ่อนโยน

“คุณเทียนมานั่งทำอะไรตรงนี้หรือ”

“น้องรัญไปไหนมา ใยไม่ปลุกพี่ไปด้วย ทำไมถึงต้องรบกวนคนอื่น

ว่าพลางปลายหางตาไปมองคนอื่นที่ยืนหัวโด่อยู่ทางด้านหลัง แทนไทยกยิ้มมุมปาก

“คนอื่นกระไรคุณเทียน พี่เป็นถึงคู่หมั้นน้องรัญ”

รัญอ้าปากเหวอไม่คิดว่าจะได้ยินแทนไทเอ่ยเช่นนั้น ทศเทียนทำหน้านิ่งก่อนจะแสยะยิ้ม

“อ่อ เพิ่งนึกได้หรือว่ามีคู่หมั้นแล้ว” เป็นวาจาที่ช่างเฉือนคมหากเข้าใจความหมายที่แท้จริงของมัน แทนไทฉลาดพอที่จะเข้าใจ เขาขมวดคิ้วนึกไปถึงความหมายที่แท้จริงของประโยคเมื่อครู่ ก่อนจะลังเลว่าทศเทียนอาจจะแค่พูดประชดประชัน ไม่ได้รับรู้เรื่องของเขาจริงๆ

“คุณเทียนหมายความว่ากระไร”

เป็นรัญที่เอ่ยขึ้นถาม เพราะจู่ๆ พี่ชายทั้งสองก็ต่างพากันเงียบไปเหมือนมีอะไรที่เขาเองก็ไม่เข้าใจ

“ไม่มีกระไรดอก พี่ก็พูดไปเรื่อย น้องรัญไปอาบน้ำอาบท่าก่อนเถิด” ว่าพลางถือวิสาสะจับแขนเรียวเล็กของคนน้องให้เดินตามไป รัญย่นคิ้วที่เรียงเส้นสวยสง่าของตนเองอย่างนึกสงสัย แต่ก็ยอมเดินตามพี่ชายคนรองไปอย่างว่าง่าย โดยทิ้งแทนไทที่กำลังยืนกำหมัดมองคู่หมั้นโดนพาตัวไปง่ายดายเหมือนเคย

เพราะมีชนักที่ติดหลัง

เพราะมีความผิดที่เคยทำ

และเพราะมีความชั่วที่เคยก่อไว้

ทำให้แทนไททำอะไรไม่ได้แม้แต่นิดเดียว เขายืนเจ็บใจอยู่อย่างนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่คิดว่าลืมไปเสียจนหมดแล้วต่างพากันประเดประดังเข้ามาในห้วงของความคิด จนกระทั่งอาทิตย์อัสดงลาลับขอบฟ้า เขาก็ยังคงยืนเฝ้าอยู่ตรงนั้น .. ตรงกระไดเรือน

เขาเกรงกลัวความหลังที่ไม่น่าจดจำ กลัวว่ามันจะย้อนกลับมาทำลายตัวเอง