18ปีก่อน

 

เพราะเป็นเพียงไพร่พลธรรมดา มิได้เป็นข้าทาสไทอย่างเช่นใครอื่นเขา จึงมีชีวิตดำรงอยู่เพื่อทำงานแลกเบี้ยไปวัน ๆ มิได้มีนายบ่าวคอยจิกหัวสั่งให้หม่นหมองช้ำใจ

อาศัยอยู่กับพี่สาวคนหนึ่งนามว่าสายฝน เป็นคนธรรมดาหนึ่งคนทว่าสวยกว่า แต่ถึงกระนั้นก็ไม่เคยตั้งจิตริษยา แม้นจะมีขุนน้ำขุนนางมาเยือนไม่เว้นแต่ละวัน 

ส่วนตัวเขาเองมีนามว่าสายธาร เป็นนามที่บิดาตั้งให้ตอนลืมตาแต่แรกเกิด เขาจำได้ว่าพ่อตั้งใจตั้งให้คล้องกับคำว่าสายฝน ซ้ำยังจำได้ดีว่าพอเกิดมาก็ตัวเล็ก ผิวนวล ผอมกะหร่องเกินทน ไม่เคยเหมาะสมกับชายชาติทหารให้บิดาได้ดั่งใจ 

แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีคนคอยให้ความรักและภักดีอยู่ตลอด แม้ใครจะพร่ำบอกว่าพวกโจรป่าคบไม่ได้

อยากรู้นักว่ามารู้ดีกว่าตัวกูได้ยังไง 

ก็กูดูใจของกูมาเป็นปี ๆ

 

"พี่สาวเอ็ง.."

 

"หืม?"

 

"มันท้อง8เดือนแล้วหรือ"

 

สายธารขมวดคิ้วอยู่ในอ้อมอกของคนเป็นผัวหลังจากเสร็จกิจรัก คนตัวเล็กอึกอักก่อนจะทำสีหน้าฉงน เหตุใดเสือถึงเอ่ยถามถึงสายฝนพี่สาวแสนดีของตน ไม่เคยรู้เลยว่าสนใจครอบครัวเขาด้วยเหมือนกัน

"พี่ถามทำไมหรือ"

 

"เปล่า"

 

"..."

 

"ข้าได้ยินชาวบ้านมันพูดกันว่าท้องโย้แล้ว"

 

สายธารแค่นหัวเราะ นี่แหละหนาลูกสาวคนสวยของพ่อทูนหัว บิดาอุตส่าใช้เบี้ยอัฐปกปิดข่าวฉาวว่าลูกสาวตั้งครรภ์ไม่มีพ่อ แต่ความลับก็คงยังรั่วเหม็นหึ่ง ผึ่งมาถึงกองโจรป่า

น่าสมเพช

 

"ใช่ มันท้อง"

 

เสือพยักหน้ารับ

 

"แล้วท้องกับใคร"

 

"จะใครเล่าพี่ ก็ไอ้เศรษฐีธานินทร์เจ้าของร้านอัญมณีนั่นอย่างไร"

สายธารว่าพลางกรอกลูกกะตาไปมา ยามเมื่อนึกถึงหน้าพี่สาวสายฝนคนสวย บรรดาผู้ชายมีมากมายหลายหมื่นแสน แต่กลับยกความรักแรกแย้มให้ผู้ชายเจ้าชู้ที่เอาตีนเขี่ยก็หาได้

"เขารักพี่สาวเอ็งจริงหรือวะ"

 

"ฉันว่าไม่"

 

"ทำไม"

 

"เมียมันนับสิบ จะมาลงหลักอะไรกับลูกไพร่ธรรมดา"

 

"งั้นหรือ"

 

"แถมมันยังมีลูกชายจากเมียเอกกับเมียรองแล้วตั้ง2คนนะพี่ มันไม่สนใจพี่สาวฉันดอก"

 

"นั่นสินะ"

เสือตอบรับในลำคอเบาๆ สีหน้าหล่อเหลามีหนวดเคราดูครุ่นคิด เขากำลังนึกคิดถึงแผนการณ์บางอย่างที่จะกระทำต่อชายหนุ่มนามว่าธานินทร์

และสายธารเองก็ไม่เคยเอะใจเลยว่ามีอะไรแอบแฝงในประโยคคำถามเหล่านั้น ชายหนุ่มกระชับกอดคนเป็นผัวแน่นด้วยรู้สึกอบอุ่นปลอดภัย

ไม่ได้คิดด้วยซ้ำว่านั่นจะเป็นวันสุดท้ายของกองโจร

และไม่ได้คิดว่าผัวพี่สาวหน้าตาซื่อบื้อ

จะลงมือฆ่าผัวตัวเองในรุ่งอรุณของอีกวัน

.

.

.

ศพไร้ญาติขาดมิตรถูกฝังอยู่ใต้พื้นดินโคลนสีน้ำตาลอ่อน เหลือทิ้งไว้เพียงแต่ความระยำตำบอนของมันที่กำลังถูกสรรเสริญเสียงสนั่นหวั่นไหว

คนตัวเล็กนั่งร้องไห้ข้างเนินศพใจจะขาด พรากอะไรไม่พราก ดันมาพรากหัวใจรักของกูได้ อยากจะเอามีดแทงตัวเองให้ตายตามแล้ว ๆ ไป แต่ยังดีที่คิดได้ว่าถ้ากูตายแล้วใครจะเอาคืนมัน

เสียงโห่ร้องไชโยให้คนลงมือฆ่าดังสนั่นไปทั่วทั้งสารทิศ สายธารยกมือสองข้างอุดรูหูแน่นจนแทบทนไม่ไหว รู้สึกโกรธโมโหจนอยากจะฆ่าแม่งให้ตาย ยิ่งได้ยินว่าเศรษฐีล้มโจรป่ายิ่งตรอมตรม 

เขานอนเฝ้าหลุมศพอยู่อย่างนั้น2-3วันจนหมดสติ

เป็นสายฝนเสียอีกที่หอบสังขารพาน้องชายกลับมาบ้าน คิดอยู่แล้วว่าสายธารต้องไปหลบร้องไห้ข้างศพเสือ แต่ไม่ได้คิดเลยว่าอาการน้องจะหนักหนาน่าเหลือใจ

สายธารไม่ยอมพูดไม่ยอมจากับสายฝนอีก ทั้งสองใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตลอดทั้งเดือนโดยไม่พูดหา จนถึงขั้นแม้มีกับข้าวกับปลามา น้องชายที่เคยห่วงหาก็ไม่เผื่อแผ่พี่สาวอีกเลย

จวบจน1เดือนผ่านไปสายฝนคลอด คืนจันทร์สว่าง แสงนวลตาเกิดไสว กลิ่นหอมเหล่าบุหงาอบอวลไป

ได้หลานเกิดมาเป็นชายเฉกเช่นตน

 

"พี่สาวเอ็ง"

 

"..."

 

"ไม่รอด"

หมอตำแยส่งเด็กน้อยวัยแรกเกิดให้สายธารอุ้มถือ หล่อนส่ายใบหน้าดวงตาเศร้าโศกแจ้งข่าวร้ายกับผู้เป็นน้อง แต่ทว่าคนฟังกลับคิดว่ามันไม่ใช่ข่าวร้ายอะไรขนาดนั้น 

ข่าวร้ายของจริงน่ะมันคือสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนก่อนต่างหากล่ะ

สายธารจ้องมองไปยังหลานชายในอ้อมอกยามเมื่อหมอตำแยเดินจากไป

นี่สินะเลือดเนื้อเชื้อไขของฆาตกรใจบาปที่กำลังจะได้รับบทเรียน

"ตั้งชื่อเจ้าว่ารัญเพราะตัวเจ้าล้วนมีกลิ่นหอมรัญจวนใจ"

 

"..."

 

"หากบุรุษใดได้เชยชมคงพร้อมจะยินยอมมอบกายถวายชีวันเพื่อให้ได้เจ้าไปครอง"

 

"แอ้.." นัยน์ตาใสแจ๋วของทารกน้อยจ้องมองผู้เป็นน้า ก่อนจะยิ้มร่ารับอย่างใสซื่อบริสุทธิ์

 

"เป็นมิตรก็คงได้ตัดความสัมพันธ์"

สายธารลูบหัวเด็กน้อย ดวงตาเหม่อลอยดูน่าเวทนา

 

"..."

 

"หรือหากเป็นพี่น้อง.."

 

พลันแววตาสายธารก็วาวโรจน์ดุดันขึ้นมาน่าหวาดกลัว คนตัวเล็กยกยิ้มเหยียดมาดร้าย ก่อนจะกระชับกอดเด็กน้อยในอ้อมแขนแน่นขึ้น

 

"..."

 

"ก็คงได้เข่นฆ่ากันเอง"

 

ลูกมึงฆ่ากันเอง

 

ลูกมึงได้กันเอง

 

หายนะตระกูลสิงหาเลิศเดชากำลังจะมาเยือนมึงแล้ว ไอ้ธานินทร์ !

 

.

.

.

 

ปัจจุบัน

 

สายธารแสยะยิ้มลอบมองสองพี่น้องอยู่บนชานเรือนด้วยความอิ่มอกอิ่มใจ ไม่เสียแรงที่ยอมเอาตัวเองขายเป็นทาสจัญไรเรียกร้องความเห็นใจตั้งแต่เมื่อ10ปีก่อน

ตอนที่รัญอายุได้เพียง8ขวบปี

แต่ถึงกระนั้นใช้เวลาเป็นทาสเพียงยังไม่2ปีดี ตำแหน่งเมียเอกที่เขาลือกันว่าได้ยากหนักหนาก็ตกลงมาอยู่ในมือ แน่นอนว่าพร้อมกับตำแหน่งคู่หมั้นของหลานรักที่เฝ้าทนุถนอมมาตลอดเวลาเพื่อการนี้

มึงพรากโลกของกูไป

กูจักพรากโลกของพวกมึงคืน

ไอ้ตระกูลอัปรีย์จัญไร

 

 

ทศเทียนนิ่วหน้าชำเลืองแววตาขึ้นมองสายธารที่ยืนยิ้มคนเดียวด้วยความสงสัย ก่อนที่ไม่นานจะรีบปั้นสีหน้าใหม่ทำทีไม่ได้ฉงนอะไร ยามเมื่ออีกคนจ้องมองมา 

 

เพราะอะไรถึงยิ้ม

 

เพราะอะไรถึงดูดีใจขนาดนั้น

 

ทศเทียนครุ่นคิดคนเดียวเงียบเชียบจนรัญต้องตีสกิดไหล่เบา ๆ

 

"คิดอะไรอยู่หรือคุณเทียน"

 

"คิดว่า.."

 

"..."

 

"คิดว่าน้องงดงามแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรกันหนา" ทศเทียนเปลี่ยนแววตาก่อนจะหันมาผุดยิ้มเย้าแหย่

 

"..."

 

"เมื่อไรหนา"

 

"ตั้งแต่เกิด" รัญยักคิ้วสามครั้งน่าเอ็นดูจนคนเป็นพี่อดที่จะหัวเราะไม่ได้ คนตัวเล็กเบ้ปากนิดๆก่อนจะก้มหน้าปักผ้าในมือต่อ

 

"รัญ"

 

"อื้อ ว่า"

 

"พรุ่งนี้พี่จักไปทำธุระนอกเมือง" 

รัญหยุดมือกึก ขมวดคิ้วเรียวสวยเงยหน้าขึ้นมองพี่ชายคนรอง

 

"คุณเทียนคงไม่ได้.." หมายถึงคงไม่ได้ไปฆ่าใครหรอกใช่ไหมนะ.. ก็อารมณ์ดีเยอะขึ้นแล้วนี่

 

"เปล่า" 

 

"แล้วคุณเทียนจะไปไหนหรือ" เจ้าตัวดีเอ่ยถามพลางเอียงหน้าสงสัย ทศเทียนอดนึกเอ็นดูไม่ได้ เขาเหยียดยิ้ม เอื้อมมือหนาข้างขวาขึ้นมาลูบหัวอีกฝ่ายเบา ๆ

 

"ไว้กลับมาแล้วพี่จะบอกนะเจ้าตัวดี"

 

"ทำไ-" ครั้นจะเอ่ยสอบถามต่อสีหน้าคนพี่ก็เริ่มดูกังวลขึ้นมานิดๆ แม้จะพยายามปั้นให้ปกติปิดความรู้สึกผิดมากแค่ไหน คนเป็นน้องก็เริ่มจับทางและสังเกตได้ รัญจึงจำยอมกลืนทุกถ้อยคำลงลำคอ ใบหน้าหวานพยักขึ้นลงรับช้า ๆ คิดแค่ว่าพี่ชายตนคนนี้นั้นเชื่อถือได้ ได้โปรดจงอย่าสงสัยอะไรให้มากความ

"แล้วคุณเทียนจะกลับวันไหน" รัญเปลี่ยนคำถามเพื่อความสบายใจ หมายถึงความสบายใจของตัวเอง

 

"สักสองสามวันกระมัง" 

 

"ขนาดนั้นเชียวหรือ" รัญเบิกตากว้าง ทิ้งผ้าปักในมือลง รู้สึกไร้กะจิตกะใจจะทำสิ่งใดต่อ อยู่ด้วยกันมา10ปี ตัวหรือเคยห่างกันเกิน1วันก็ไม่ แล้วนี่จะไปไกลถึง2-3วัน 

"อืม" ทศเทียนพยักหน้ารับ ในขณะที่คนเป็นน้องน้ำตาคลอเบ้า

 

"ต้องคิดถึงมากแน่ๆเลย"  คนตัวเล็กพึมพำในลำคอ

 

"อะไรนะ"

 

"น้องบอกว่า"

 

"..."

 

"ต้องคิดถึงคุณเทียนมากแน่ๆเลย"

 

ทศเทียนอ้าปากค้างก่อนจะรีบเก๊กหน้ากลับตามเดิม 

อะไร นับวันยิ่งปีกกล้าขาแข็ง เจ้าตัวดีคงจะได้ฤกษ์ได้ยามโดนฟัดก่อนวัยอันควรแล้วกระมัง

 

"รัญ น้องบอกทุกคนแบบนี้เลยหรือเปล่า"

 

"ไม่นะ"

 

"..."

 

"บอกคุณเทียนคนเดียว"

ทศเทียนจะจดจำเสียให้ขึ้นใจ ว่ายิ่งเจ้าตัวดีอายุมากขึ้นเท่าไร 

เขาก็ยิ่งคลั่งมากขึ้นเท่านั้น 

เดี๋ยวกลับจากธุระมา คงจักต้องวิ่งหากรงเหล็กมาสวมใส่ พร้อมล่ามโซ่เสียบกุญแจคาไว้ แล้วเล่นโล้สำเภากันไป จนถึงโต้รุ่งอีกวันของอีกวัน

 

"จะนั่งอยู่ตรงนี้อีกนานหรือไม่ น้องจะไปแล้วนะ"

 

"..."

 

"มานี่"

รัญยืนเท้าสะเอวถือผ้าปักจ้องมองคนพี่ ที่ยังคงนั่งยิ้มเหม่อลอยเหมือนคนสติไม่สมประกอบ เจ้าตัวดีชี้ไปยังพื้นข้างๆที่ตัวเองยืนอยู่บ่งบอกให้อีกคนรีบตามมา ทศเทียนอึกอักเล็กน้อยเมื่อยามถูกปลุกจากภาพความฝัน เขากลืนน้ำลายลงลำคอระหง ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วจึงก้าวขายาวเดินตามเจ้าตัวดีไป

ยอมแล้ว

ยอมทุกอย่างแล้ว

ให้เป็นหมาก็ยอม

.

.

.

 

เป็นอีกวันที่โคตรน่าเบื่อหน่ายสำหรับมิ่ง เกิดมาใช้ชีวิตเฮงซวยที่ไม่ได้เลือกไม่พอหรือไร ถึงยังให้เสือกไปรู้ความลับของเจ้านาย จนนกเขาไม่ขันมาหลายมื้อยามเนี่ย !

บอกเลยว่าโดนเร้าจนอารมณ์หมด ลูกชายตรงหว่างขาก็ยังคงหด และไม่มีท่าทีว่าจะตื่นมาให้ชื่นหัวใจ ชีวิตที่ไร้เรื่องอย่างว่า เป็นชีวิตที่แสนจะไร้สีสันสิ้นดี

ชีวิตหนอชีวิต อะไรจะอาภัพได้ปานนี้

 

มิ่งอยากตาย

 

ซะที่ไหนล่ะ 

 

ดึกดื่นจนพระอาทิตย์ไปวิ่งเล่นที่ไกลโพ้น แต่ไอ้มิ่งก็ยังคงก้มหน้าก้มตาสับหมูสับไก่เตรียมเผื่อมื้ออาหารในวัดถัดๆไป ทั้งๆที่บ่าวไพร่คนอื่นหลับเป็นตายกันเสียหมด

ก็คนมันนอนไม่หลับ ยิ่งอยากโดนเx็ด ก็ยิ่งนอนไม่หลับ 

ไอ้เหี้ย

สับไก่แม่งเลย

 

"พอแล้วพี่" มิ่งวางมีดที่ใช้สับเนื้อลงบนโต๊ะเสียงดัง ก่อนจะเอื้อมมือเรียวบางจิกหัวคนที่อยู่ใต้โต๊ะตรงหว่างขาให้ลุกขึ้นมาด้วยความอารมณ์เสีย 

เขาอุตส่าปลุกเร้าอมให้จนง่ามขาเปียก แต่ลูกชายแสนดีหนึ่งตรงสองกลมก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะผงาด

"ให้เx็ดเลยหรอ" บ่าวหน้าตาดุดันร่างกำยำลุกขึ้นยืนหันมาไซร้ซอกคอคนตัวเล็กกว่าด้วยสีหน้าหื่นกระหาย

"เx็ดอะไร พี่เห็นไหมว่ามันไม่แข็งเนี่ย"ไอ้มิ่งใช้สองมือบางดันอกแกร่งอีกคนออก มันฮึดฮัดในลำคอนิดๆแต่ก็ยังไม่วายตามตอแยไม่เลิกรา

 

"แต่ของพี่แข็งนะ พี่ใส่ได้"

 

"ใส่ไม่ได้ ฉันจะเจ็บ ฉันไม่แข็ง"

 

"ใส่ได้น่า"

 

"ไม่ได้!"

 

"ไหนมาลอง-"

 

"โอ๊ย ไอ้เหี้ยนี่ บอกไม่ได้ก็ไม่ได้สิวะ จะไปตายห่าที่ไหนก็ไปเลย !!"

มิ่งยกขาข้างขวากระโดดถีบคนตัวสูงกว่าก่อนจะหยิบมีดสับเนื้อบนโต๊ะถือขึ้นมาขู่อย่างมีน้ำโห

"โว้ย งั้นทีหลังก็ไม่ต้องชวนกูมาเอานะมึงไอ้มิ่ง !"

 

"เออ กูก็ไม่เอากับมึงแล้วหรอก คว- หรือหนอนวะ ขนาดตั้งแล้วยังเล็กฉิบหาย!"

 

"กูก็ทำมึงร้องได้ละกันวะ !"

 

"โอ๊ยย พ่อคุณเอ๊ย กูร้องเป็นมารยาทมั้ง ไอ้หน้าส้นตีน ไปไกลๆตีนกูเลย ไป๊!!"

 

บ่าวชายที่มิ่งไม่รู้ชื่อแถมยังเพิ่งเคยเห็นหน้ายกนิ้วเรียวหนา ชี้มาที่เขาเป็นสัญลักษณ์ว่าฝากไว้ก่อนเถอะ แต่ไอ้มิ่งหาได้กลัวไม่ มันถือมีดชี้กลับไปเช่นกัน เป็นสัญลักษณ์ตอบโต้ว่า มึงก็มาสิวะ

 

"เหี้ยเอ๊ย"

ครั้นเมื่อบ่าวชายหนอนน้อยเดินจากไปจนลับตา ไอ้มิ่งก็ทิ้งมีดในมือลงพลางถอนหายใจอย่างหนักหน่วง คิดถึงบ่าวในสวนคนนั้นใจจะขาด แต่ลูกชายไม่ตั้งเช่นนี้คงไปร่วมอภิรมย์กับเขาไม่ได้อีกแล้ว

พูดแล้วก็อยากจะร้องไห้

ไอ้มิ่งเหยียดแขนขาไล่ระดับความชาจากการยืนนานอยู่สักพัก แล้วจึงไล่เก็บบรรดาเนื้อสัตว์เข้ากล่องใหญ่ที่เตรียมไว้ทำตอนรุ่งสาง เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้วมันจึงย่างก้าวขาเดินออกไป แต่ไม่ทันจะพ้นขอบประตูที่ไหน ก็ปรากฎร่างหนึ่งเดินเหยียดยิ้มสวนเข้ามา

ไอ้มิ่งเบิกตากว้างเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้มาคนเดียว

 

"ค..คุณ"

 

"ว่าไงมิ่ง"

 

"คุณสายธาร?"

 

 

.

.

.

 

 

 

#พี่น้องไหมน้าาา พี่น้องใช่ไหมน้าาาา ลันล้าาาาา ไม่บอกหรอก ಥ‿ಥ