3เดือนผ่านไป

 

กาลเวลาหมุนผ่านเปลี่ยนผันเร็วเข้าขั้นน่าตกใจกลัว เพราะแค่เพียงตื่นเช้าและนอนหลับเก้าสิบครั้งก็ผ่านมานานนับเกือบ1ฤดูกาลแล้ว

หลังจากเหตุการณ์วันนั้นทุกอย่างก็เริ่มกลับไปเป็นปกติสุข เหมือนทุกครั้งที่เคยประสบพบผ่าน บ่าวไพร่ก็ยังคงต้องกลับมาทำงาน คอยปรนนิบัติพัดวีเหล่าเจ้านายในตัวเรือน

รวมไปถึงต้องคอยดูแลนายใหญ่ของเรือนที่ป่วยการและนอนติดเตียง

ใช่แล้ว ธานินทร์เกิดเส้นเลือดในสมองแตกทำให้กลายเป็นอัมพาตไปทั้งตัว

มันเกินขึ้นหลังจากสายธารเสียชีวิตได้7วัน พอเสร็จสิ้นงานศพคนรัก ชายวัยกลางคนก็ล้มลงและเจ็บหนักจนถึงขั้นต้องส่งตัวเข้าโรงพยาบาล แต่ทศเทียนคิดว่าพ่อมีความสุขดี เพราะหลังๆมานี้ชายแก่ก็เริ่มยิ้มได้บ้างแล้วหลังรัญคอยเฝ้าดูแลโดยตรง

ส่วนพระเสือพ่อแท้ของๆรัญนั้นหายไป เขาหายไปราวกับไม่เคยมีตัวตนหลังจากที่รัญเอ่ยปากบอก

 

‘รัญไม่มีวันยอมรับคนๆ นี้เป็นพ่อ’

 

เจ้าตัวดีประกาศแข็งกร้าวต่อหน้าโลงศพของสายธาร ทั้งยังซ้ำเติมว่ามีพ่อเพียงสองคนคือสายธารและธานินทร์ แน่นอนว่าคำพูดนั้นทำเอาพระเสือหลั่งน้ำตาเลยทีเดียว

 

และทศเทียนก็คิดว่าช่างเป็นบาปกรรมที่เหมาะสม

 

ส่วนพี่ชายคนโตอย่างแทนไท .. กลายเป็นบ้า หมดมาดหนุ่มไฟแรงตำรวจในฝันของใครหลายๆคน ทว่าก็ยังโชคดีที่ได้ไอ้มิ่งคอยดูแลไม่ห่างหาย แต่ก็นะ ไอ้มิ่งก็ดูแลแค่แทนไทจริงๆ เพราะแม่แท้ๆ อย่างชะเอมที่ถูกขับไล่ให้ไปอยู่ด้วยกัน ไอ้มิ่งกลับไม่เคยพูดหาด้วยแม้สักครั้งเดียว

 

เอาเรื่องของเราบ้างดีกว่า

 

หลายวันมานี้เขาเอาแต่ทำตัวติดแนบชิดสนิทรัญ จนใบบัวเอ่ยปากแซวว่าแทบจะสิงกันก็ไม่ปาน และที่กล้าพูดจาหยอกล้อไม่กลัวโดนถีบปาก นั่นก็เพราะบุตรชายคนรองเติบโตขึ้นอย่างเหลือหลาย ทั้งใจดี มีเมตตา พูดจาคมคาย(ถึงตรงนี้ทศเทียนอยากจะตบรางวัลให้ใบบัว) เหมือนโดนผีห่าตัวไหนบังคับปากก็ไม่เชิง(แต่พอมาท่อนนี้ ทศเทียนว่าตบปากใบบัวเหมือนเดิมนั่นแหละดีแล้ว)

อ่อ อีใบบัวลืมบอกไป เดี๋ยวนี้เขานอนด้วยกันแล้ว หลังจากต้องทนเห็นนายมันงอแงเป็นเด็กเปรตมาสองสามเดือนติด ในที่สุดวันก่อนคุณรัญก็ใจอ่อนยอมจำนนนายมันซักกะที

 

แต่ทว่าใบบัวไม่เคยรู้เลยว่าทศเทียนนอนบนพื้น และรัญนอนบนเตียง แล้วมันก็จะไม่มีวันรู้ด้วยเด็ดขาด!

 

คนตัวโตนอนหน้ามุ่ยบนพื้นไม้แข็งมีเพียงผ้าปูบางๆ ที่เจ้าตัวดีเหมือนจะใจดียกให้หยิบยืมมาใช้

หมดสภาพเลยกู

หันหลังหนีไปคนละทางก็แล้ว เพื่อที่จะแสดงออกให้รู้ว่าไม่พอใจ แต่ก็เหมือนว่าจะส่งไปไม่ถึงอีกคนเอาซะเลย ทศเทียนแอบหันหน้าชำเลืองมองคนรัก ที่นอนห่มผ้าหนาเตอะปกปิดร่างกายเสียมิดชิด

อะไร ทำอย่างกับกลัวจะโดนสายตาของเขาโลมเลียตอนเข้าสู่ห้วงนินทรา

 

ก็ใช่สิ! มันก็ต้องอยู่แล้วไหม!



 

“เฮ้อ”



 

ทศเทียนถอนหายใจเสียงดัง ตั้งใจให้คนตัวเล็กที่นอนขดในผ้าห่มได้ยิน

 

เงียบสนิท



 

“เฮ้ออออ” ดังและลากยาวกว่าเดิม



 

“อะไร” รัญขยับท่านอนหันมามองร่างสูงด้วยสายตาขู่เข็ญที่ตนคิดว่าดุดันที่สุดแล้วกระมัง

 

น่ารัก

 

“พื้นแข็ง” ทศเทียนโอดครวญ



 

“สองคืนก่อนคุณเทียนยังนอ-”

 

พี่เทียน” ทศเทียนส่งสายตาคาดโทษ ด้วยเคยบอกให้เรียกพี่ แต่อีกฝ่ายก็ยังจะเรียกคุณอยู่ร่ำไป

มันน่าทำโทษไหมล่ะนั่น

 

“สองคืนก่อน พ..พี่เทียนก็ยังนอนได้เลย” คนตัวเล็กพูดพลางเขินม้วนยกผ้าห่มปิดครึ่งหน้าจนเหลือให้เห็นแต่ดวงตากลมโต

 

“ก็วันนี้นอนไม่ได้แล้ว” คนตัวใหญ่ไม่ยอม

 

“งั้นก็กลับไปนอนห้อง พ..พี่เทียนซี้”

 

“แล้วรัญจะไปนอนกับพี่ไหม”

 

“บ้า!” เจ้าตัวดีว่าพลางมุดผ้าห่มยกมันขึ้นปิดมิดจนถึงศีรษะ ค้างไว้อยู่สักพัก จนได้ยินเสียงเปิดประตูจึงเปิดออก

โกรธหรือนั่น..

 

“คุณเทียน..”




 

“...”




 

ไร้สัญญาณเสียงตอบกลับ ครั้นพอสอดส่องดวงตาไปทั่วทิศก็ไม่พบร่างของพี่ชายคนรองอีก เจ้าตัวดีเริ่มยู่หน้า เหมือนว่าจะโดนโกรธเข้าให้แล้ว

 

“บอกให้เรียกพี่”

 

เสียงกระซิบเบาบางตรงกกหูทางด้านขวาทำเอาคนตัวเล็กสั่นสะท้านขนลุกเกรียว ที่มองตรงไม่ยักกะเห็น นั่นก็เพราะขึ้นมาบนเตียงแล้วซะอย่างนั้น คนตัวเล็กเบ้ปากกะจะหันไปต่อว่าให้สำนึก หากแต่พอขยับได้เพียงนิด ริมฝีปากก็ถูกอีกฝ่ายโน้มตัวเข้ามาขบกัดอย่างไม่ทันจะตั้งตัว

 

“อื้ออ”

 

รัญตกใจเบิกตากว้าง สองมือน้อยๆ ยกขึ้นจะผลักออก แต่แรงคนตัวเล็กเช่นเขาหรือจะสู้ยักตัวโตหื่นกามได้ ทศเทียนไม่รอช้าใช้ฝ่ามือข้างหนึ่งรวบรัดข้อมือเรียวสวยขึ้นเหนือหัว ก่อนจะกดจูบส่งลิ้นเข้าสำรวจโพรงปากหวานอย่างหื่นกระหาย เขาดูดดึงขบเม้มอยู่อย่างนั้นจนริมฝีปากอิ่มรูปกระจับแทบขึ้นสี ซ้ำยังมีเสียงเฉอะแฉะดังขึ้นทั่วทั้งห้อง น้ำลายเหนียวเหนอะหนะก็ไหลออกข้างสองมุมปากจนหยดติ๋ง เมื่อเห็นว่ารัญไม่ได้ขัดขืน ทศเทียนจึงยิ่งหอบหายใจหนัก ก่อนจะผละออกจากริมฝีปากบางอย่างอ้อยอิ่ง

 

“หยุดไหม..” เอ่ยถามเสียงออดอ้อนในขณะที่คนน้องนอนน้ำตาคลอสั่นระริก เจ้าตัวดีสูดอากาศตักตวงลมหายใจจนเต็มอิ่ม กัดริมฝีปากนิ่งแล้วจึงส่ายหน้าเบาๆ

ทศเทียนชะงักไปกับคำตอบ ปล่อยคลายมือที่ล็อคข้อแล้วซุกหน้าเข้าซอกคอขาว

 

“ถ้าไม่หยุดตอนนี้ พี่หยุดไม่ได้แล้วหนา..”

 

เสียงเว้าวอนทำเอาคนตัวเล็กอารมณ์กระเจิงไปจนหมด รัญขยับลุกขึ้น ผลักทศเทียนที่คร่อมตัวเองไว้ กดลงไปกับพื้น ก่อนจะเป็นฝ่ายขึ้นคร่อมกดทับร่างหนาอยู่ด้านบน

 

“อย่าหยุด”

 

เหมือนเป็นประโยคคำสั่งที่รอฟังมานานนับ คนโดนทับรีบคว้าอีกฝ่ายให้โน้มตัวลงมาจูบอย่างเลือดร้อน ปากก็จูบเอาใจน้อง มือซ้ายก็เอื้อมไปถอดกางเกงตนให้กองลงอยู่ตรงขา จากนั้นจึงเอื้อมกลับมาใช้สองมือฉีกกระชากกางเกงน้องให้ขาดออกจากกันเป็นสองส่วน

 

“อ๊ะ..” รัญสะดุ้งเฮือกเมื่อคนพี่ส่งนิ้วร้อนเข้าไปตรงรอยจีบ พยายามขยับหนีเพราะมันเจ็บจนแทบน้ำตาไหล แต่ไม่ว่าจะร้องออกมาดังเท่าไร ทศเทียนก็ไม่มีวี่แววว่าจะปล่อยกัน

 

“เจ็บ .. พี่เทียน รัญเจ็บ”

 

“ทนหน่อยนะ .. ได้ไหม” ก็เล่นพูดไปมองกันไปด้วยสายตากลืนกินเช่นนั้น แล้วเหตุใดไอ้รัญมันจะปฏิเสธเขาได้ลงคอ

 

“ด..ได้ อื้ออ” พูดยังไม่ทันจบก็ถูกคว้าเข้าที่ลำคอระหง กดให้ลงมารับรสจูบแสนหวานนี้อีกครั้ง

ทศเทียนพึงพอใจกับเสียงคราง จึงเร้าอารมณ์ด้วยการเพิ่มจากหนึ่งเป็นสองและสามนิ้วเข้าไป

 

“อ๊ะ อ๊า ม..ไม่ไหว” กรีดร้องจนน้ำตาไหลหยด แต่คนพี่ก็ยังไม่สลดจูบปลอบได้

ทศเทียนชักนิ้วเข้าออก6-7หน ผละริมฝีปากออกเพื่อจับจ้องมองใบหน้าที่แดงก่ำ

 

“อ๊ะะ อื้อ .. ม..ไม่ไหวแล้ว” รัญร่ำไห้ด้วยเพราะความไม่เคยได้รับทุกขลาภด้านตัณหา มือน้อยๆ คอยแต่กำจิกคอเสื้อคนใต้ร่างจนเป็นรอยยับขยุย

 

“พี่จะเอาเข้าแล้วนะ..” สอบถามพอเป็นพิธีก็เท่านั้น แต่ครั้นเห็นเขาพยักหน้ารับก็ยิ่งตระหนักว่าอยากเอาให้ดิ้น



 

‘กึด’

 

เสียงเสียดสีตรงปลายหัวกับรอยหยักตรงบั้นท้ายทำเอาคนตัวเล็กที่ทำเป็นเก่งถึงกับอับอายจนอยากมุดแทรกแผ่นหนี

ด้านทศเทียนเองก็ไม่รอรี จับตัวน้องให้อยู่กับที่ ก่อนจะค่อยๆ กดแก่นกายเข้าทางที่ได้ตระเตรียมอยู่สองนาน

 

“อืมม..”

 

ทศเทียนครางรับในลำคอเมื่อทั้งลำค่อยๆ สัมผัสกับความคับแคบของรูขนาดเล็ก เขารู้สึกพร่าเบลอจนอยากจะกระแทกกระทั้นจนอีกฝ่ายต้องร้องขอชีวิตกัน

 

“อ๊ะ อ๊า เจ็บ ข..เข้าไม่ได้หรอก ห..ใหญ่จัง เข้าไม่ได้ อ๊าา”

 

ว่าจะทำเบาๆ ค่อยเป็นค่อยไป หากแต่ประโยคที่เพิ่งจับใจความได้ ทำเอาคนเป็นพี่ถึงกับขนลุกเกรียว

ทศเทียนกัดริมฝีปากห้ามปรามตัวเองแน่น สองมือโยกย้ายมาเคล้าคลึงส่วนก้นงอน ก่อนจะบีบคั้นหมั่นเขี้ยวจนผิวนวลเปลี่ยนสีเป็นรอยแดง

 

“เจ็บ.. เจ็บ อ่ะอ๊า อ๊ะ เจ็บ..” รัญร้องโอดโอยจนคนพี่นึกสงสาร แต่อารมณ์ของเขาเองก็วิ่งเตลิดจนหยุดจอดแทบไม่ไหว ทว่าก็ยังคงมีความห่วงใย เอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้แก่กัน

ทศเทียนเหงื่อผุดพราวทั่วร่าง เริ่มสวนสะโพกขึ้นเข้าหารูรักของอีกฝ่าย

เริ่มจากเนิบนาบก่อนจะปรับเปลี่ยนเป็นยกระดับเมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กเริ่มรองรับของเขาได้อย่างเต็มตัว

 

“อ๊ะ อ๊ะ อ๊าา อ๊ะะ อ๊ะ” รัญโดนจับยกแขนตรึงกลางอากาศ สั่นสะท้านสะดุ้งเฮือกทุกครั้งที่ถูกเสย ยิ่งร้องครางก็ทำยิ่งแรงขึ้นไม่มีท่าทีจะหยุดเลย 

โธ่เอ๋ย .. ไอ้รัญมันตายแน่ .. ตายแน่นอน

 

“อ๊ะ ม..เมื่อย..อ๊า..” รัญครางตัดพ้อ แข้งขาอ่อนหมดแรงจนล้มพับ ทศเทียนกัดปากหยุดชะงักก่อนจะเอื้อมบีบจับขยำก้อนกลมวนวงรี

เล่นอยู่สักพักให้เจ้าตัวดีไว้ใจในท่วงท่า แล้วจึงออกแรงดันพลิกกลับขังอีกคนไว้ใต้ร่างโดยสมบูรณ์

 

“ม..ไม่ไหวแล้ว พ..พี่เทึยน..นะๆ” เจ้าตัวดีทำตาแป๋วออดอ้อนหลังรู้ตัวว่าโดนหลอกเข้าเต็มเหนี่ยว

 

“อืมม จะเสร็จแล้ว..” ตอบกลับเสียงแหบพร่าแต่กลับไร้ทีท่าอย่างที่ว่านั่นสักที เพราะเพียงแค่ได้มองแววตา ทศเทียนก็จับขาเจ้าตัวดียกขึ้นสูงเพื่อพาดบ่า ก่อนจะสอดใส่เข้ามา ลึกจนต้นขาน้องชนเข้ากับกล้ามเนื้อท้องของตนเอง

 

“อ๊ะ! อ๊าา ก..โกหก.. โกหกใช่ไหม ม..ไม่ไหว..แล้วนะ อ๊ะ อ๊ะ อ๊า”

 

รัญไม่เคยจะรู้ตัวว่ายิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุแยงตะแคงรั่วกัน ยิ่งพูดเสียงหวานก็ยิ่งลึกล้ำ จนทำเอาคนพี่ต้องระบายด้วยการกระแทกซ้ำ ให้เกิดเสียงเนื้อกระทบกระทั่งกันดังลั่นไปทั้งเรือน

เสียงช่องทางเฉอะแฉะถูกเสียดสี ทำเอาเจ้าตัวดีเขินม้วนจนต้องยกมือเรียวขึ้นโอบกอด บางครั้งก็จิกเล็บลงบนแผ่นหลัง บางครั้งก็ขยุ้มหัวระบายอารมณ์โดนเสพสม

รัญอ้าปากค้างครางจนน้ำลายไหล ยิ่งโดนกระแทกเข้าออกแรงเท่าไรก็ยิ่งรู้สึกมวนตรงท้องน้อย ราวกับคนจะปวดเบา

 

“อ๊ะอ๊า ป..ปวดฉี่ ..มะ ไม่ไหวอ๊ะะแล้ว” ทศเทียนครางระส่ำเมื่อเห็นสีหน้าคนตัวเล็ก เขาจัดการซอยถี่สร้างความสุขสมนั้นให้ถึงปลายฝันอย่างที่ควรจะต้องเป็นมานานนับ

 

“อ๊ะอ๊าา!”



 

แววตาหยาดเยิ้มรัญเหลือกขึ้นมองบน ก่อนจะกรีดร้องตัวกระตุกสามสี่หนแล้วจึงปลดปล่อยน้ำรักสีขาวโพลนออกมาท่วมลำตัว ทศเทียนแลบลิ้นเลียริมฝีปากมองภาพนั้น ก่อนในที่สุดความอดทนทั้งหมดที่อดกลั้น จะหมดสิ้นมลายลงในพริบตาเดียว

 

“อ๊ะ! อ๊า อ๊ะ อ๊ะ อ๊าา!”

 

ปลดปล่อยของตัวเองยังไม่ทันพักหายใจ คนพี่ก็เสือกไสเข้ามาย้ำนับสิบสิบครั้งไม่พักเลย



 

“ซี้ดด..”



 

ทศเทียนกัดริมฝีปากตัวเองจนเลือดซิบ พลางซอยเอวขยับสะโพกอย่างถี่ยิบ แล้วจึงร้องครางฮึมในลำคอสีหน้าวูบไหว ก่อนที่สุดในตอนสุดท้ายเขาจะกดแท่งร้อนย้ำลึกลงไป แล้วจึงปลดปล่อยน้ำรักของตัวเองไว้ ทิ้งลงไปในตัวของอีกคน

 แช่เอาไว้จนมันรินไหลล้นออกรู

 

เสียงครางกระเส่าสงบลงเหมือนลมพายุถูกพัดผ่าน ทศเทียนหอบหายใจหนัก ทว่าส่วนล่างมันยังคงค้างไม่หายแข็ง แต่เพียงแค่มองดูเจ้าตัวดีนอนตัวสั่น เนื้อหนังมีแต่รอยบีบช้ำ ทศเทียนจึงได้แต่ยอมถอดถอนแท่งร้อนของตัวเองออก ไม่พูดพร่ำทำซ้ำให้เจ็บช้ำรำคาญใจ

 

“ขอโทษ”

 

ว่าพลางซุกศีรษะลงบนอกนุ่มของคนรัก

 

“มัน..”



 

“…”



 

“มันดีมากเลย..” เจ้าตัวดีว่าพลางแก้มขึ้นสี ก่อนจะลูบเส้นผมของคนพี่เล่นเพื่อคลายความกังวล



 

“หืม..” ทศเทียนเงยหน้าจ้องมองคนรัก เมื่อเห็นว่าเจ้าตัวดีหมายความตามที่กล่าว คนตัวสูงก็ฉีกยิ้มกว้าง ก่อนจะจับมือเล็กๆ หมับ! เข้าที่เป้าของตัวเอง

 

รัญถลึงตาอ้าปากค้าง

 

ดูเหมือนคนตัวเล็กจะคิดผิดสุดถนัด เพราะเมื่อพูดป่าวประกาศไปเช่นนั้น วันนั้นเขาก็แทบจะไม่ได้นอนไปทั้งคืน.. 








 

115ปีต่อมา



 

"ว่ากันว่าคุณรัญยังคงเป็นคนหน้าตาสะสวยที่สุดในปากน้ำ ถึงแม้อายุอานามจะล่วงเลยเข้าเลข6 แต่ถึงกระนั้นต่อให้สวยมากสักเพียงไหน ผู้คนก็ต่างรับรู้กันเหนือถึงใต้ ว่าท่านนั้นมีเจ้าของแล้ว แถมเจ้าของที่ว่ายังดุเหมือนหมา เอ่อ อันนี้ลูกๆ หลานๆ เขาพูดต่อกันมาเองกับปากเลยนะครับ ผมไม่เกี่ยว”



 

“ฮ่าๆๆๆ” เสียงบรรดาลูกทัวร์หัวเราะรับขานคำบอกเล่าของไกด์หนุ่ม



 

"ส่วนคุณทศเทียนในวัยเกือบ70 ก็ยังคงปากร้ายใจดำไม่เคยเปลี่ยน แต่มีที่เพิ่มเข้ามาจากการหึงหวงภรรยา ก็คือการหวงและห่วงบุตรบุญธรรมที่ตนกับภรรยารับมาเลี้ยงครับ”



 

เสียงอื้ออึงตอบรับพลางพากันจ้องมองรูปวาดชายหนุ่มรูปงาม ที่ถูกตั้งประดับไว้ในเขตหวงห้ามกลางตัวเรือน



 

“งั้นก็ลูกหลานก็ไม่ใช่ในสายเลือดสิครับ เพราะท่านทั้งสองรับมาเลี้ยง และท่านทั้งสองก็เอ่อ เป็นผู้ชาย..”



 

ลูกทัวร์คนหนึ่งยกมือเอ่ยขึ้นถาม พร้อมกับประโยคหลังที่เสียงค่อยๆเอนอ่อน



 

“ใช่ครับ”

 

ชายหนุ่มตอบเสียงดังฟังชัด

 

“แต่ผมแน่ใจว่า ท่านทั้งสองนั้นรักและเอ็นดูลูกหลานเหมือนเป็นสายเลือดเดียวกันกับท่านแน่นอน ไม่อย่างนั้นเรือนแห่งก็นี้คงไม่เกิดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้ทุกท่านได้รับชมกันอย่างในวันนี้ครับ”

 

เสียงปรบมือดังขึ้นเมื่อกล่าวจบประโยค ‘รามิล’ โค้งขอบคุณยิ้มรับ ก่อนจะปล่อยลูกทัวร์พักและขอตัวไปทำธุระส่วนตัวเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา






 

เครื่องหอมบุหงารำไปนับสิบสิบชิ้น ถูกรามิลหยิบจับใส่ในตะกร้าใหญ่อย่างทะนุถนอม ครั้นพอเก็บออกจากแคร่หลังครัวจนหมดสิ้น ชายหนุ่มก็ยกหอบเอาตะกร้าใหญ่ไว้กลางอก ก่อนจะเดินลัดเลาะมาตามทางที่คุ้นเคยเป็นประจำ แล้วผิวปากร้องเพลงเดิมซ้ำๆ อย่างอารมณ์ดี

หากแต่วันนี้กลับไม่เหมือนในทุกทุกวัน เกิดลมแรงแข็งขันฉุดกระชากเครื่องหอมหล่นกระจายใต้ต้นลีลาวดี รามิลจิ๊ปากเอ่ยโทษฟ้าโทษฝน ก่อนจะวางตะกร้าแล้วก้มลงเก็บเจ้าบุหงาทีละชิ้นอย่างอ่อนโยน

 

‘ฟุบ’

 

เก็บตั้งแต่ชิ้นแรกอย่างบางเบาตั้งใจไม่ให้ช้ำบุบสลาย หากแต่พอชิ้นสุดท้ายสิ่งที่สัมผัสได้กลับกลายเป็นมือของใครอีกคน

 

รามิลชะงักดึงฝ่ามือกลับตกใจอุทานร้อง ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายที่ตัวสูงกว่าเขาราว10เซน



 

“ขอโทษครับ”

 

คนตัวสูงกว่าว่าพลางยกยิ้มยื่นเครื่องหอมในมือคืนแต่ไม่ทันที่จะได้พูดต่อ ว่าอะไร สองสายตาก็สบเข้าหากันในจังหวะแสนลงตัว

 

เนิ่นนานกว่าจะรู้สึกว่าตนเสียมารยาท รามิลก็กลืนน้ำลายดังอึกไปสองสามหน

 

“ข..ขอบคุณครั- “

 

“คุณชื่ออะไรครับ” ยังไม่ทันที่คนตัวเล็กกว่าจะเอ่ยปากจบ คนตัวสูงก็ปิดโอกาสนั้นแล้วทำท่าเปิดโอกาสใหม่ให้ตัวเองแทบจะในทันที



 

“ครับ?” รามิลขมวดคิ้ว



 

“คือผมสนใจคุณน่ะครับ จะว่าอะไรไหมถ้าขอเบอร์ติดต่อ..”




 

“พี่รามิล!!”




 

เสียงร้องเรียกของไกด์รุ่นน้องในทัวร์ ทำเอาเจ้าของชื่อสะดุ้งจนตัวโยน



 

“รู้แล้ว!” รามิลกู่ร้องตะโกนกลับพลางรีบยกตะกร้าบนพื้นขึ้นแนบตรงกลางอก ก่อนจะหันกลับมาส่งยิ้มลา



 

“ผมไปก่อนนะครับ”



 

รามิล



 

“ค..ครับ” ไม่ต้องถามเลยว่ารู้ชื่อได้ยังไง ตะโกนกันเสียขนาดนั้น



 

ผม 'เธียร’ นะครับ” พูดพลางยิ้มกว้างโชว์ฟันขาวเรียงซี่สวย



 

“อ่อครับ..” รามิลตอบกลับยิ้มตาหยี ก่อนจะยกมือขึ้นโบกส่ายไปมา ทำเป็นท่าบ๊ายบาย ก่อนสุดท้ายจะมุ่งหน้าเดินตรงกลับสู่ทัวร์ คนตัวเล็กไม่ได้รู้ตัวเลยว่า ตนนั้นถูกมองตามจนกระทั่งแผ่นหลังห่างออกไปจนลับสายตา

 

เธียรยกยิ้ม พลางยืนนิ่งก้มมองเครื่องหอมบุหงารำไป ชิ้นสุดท้ายในมือที่คนตัวเล็กไม่ได้รับไปด้วย ด้วยใบหน้าปิติยินดี

เขายกมันขึ้นดอมดมหลับตาพริ้มเปรมปรีดิ์ แล้วจึงเอ่ยถ้อยคำวจีที่นับจากนาทีนี้จะอยู่ล้นพ้นเต็มหัวใจ



 

“รามิล”






 

จบ