11 ตอน บทที่11
โดย WonderM
18ปีก่อน
เพราะเป็นเพียงไพร่พลธรรมดา มิได้เป็นข้าทาสไทอย่างเช่นใครอื่นเขา จึงมีชีวิตดำรงอยู่เพื่อทำงานแลกเบี้ยไปวัน ๆ มิได้มีนายบ่าวคอยจิกหัวสั่งให้หม่นหมองช้ำใจ
อาศัยอยู่กับพี่สาวคนหนึ่งนามว่าสายฝน เป็นคนธรรมดาหนึ่งคนทว่าสวยกว่า แต่ถึงกระนั้นก็ไม่เคยตั้งจิตริษยา แม้นจะมีขุนน้ำขุนนางมาเยือนไม่เว้นแต่ละวัน
ส่วนตัวเขาเองมีนามว่าสายธาร เป็นนามที่บิดาตั้งให้ตอนลืมตาแต่แรกเกิด เขาจำได้ว่าพ่อตั้งใจตั้งให้คล้องกับคำว่าสายฝน ซ้ำยังจำได้ดีว่าพอเกิดมาก็ตัวเล็ก ผิวนวล ผอมกะหร่องเกินทน ไม่เคยเหมาะสมกับชายชาติทหารให้บิดาได้ดั่งใจ
แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีคนคอยให้ความรักและภักดีอยู่ตลอด แม้ใครจะพร่ำบอกว่าพวกโจรป่าคบไม่ได้
อยากรู้นักว่ามารู้ดีกว่าตัวกูได้ยังไง
ก็กูดูใจของกูมาเป็นปี ๆ
"พี่สาวเอ็ง.."
"หืม?"
"มันท้อง8เดือนแล้วหรือ"
สายธารขมวดคิ้วอยู่ในอ้อมอกของคนเป็นผัวหลังจากเสร็จกิจรัก คนตัวเล็กอึกอักก่อนจะทำสีหน้าฉงน เหตุใดเสือถึงเอ่ยถามถึงสายฝนพี่สาวแสนดีของตน ไม่เคยรู้เลยว่าสนใจครอบครัวเขาด้วยเหมือนกัน
"พี่ถามทำไมหรือ"
"เปล่า"
"..."
"ข้าได้ยินชาวบ้านมันพูดกันว่าท้องโย้แล้ว"
สายธารแค่นหัวเราะ นี่แหละหนาลูกสาวคนสวยของพ่อทูนหัว บิดาอุตส่าใช้เบี้ยอัฐปกปิดข่าวฉาวว่าลูกสาวตั้งครรภ์ไม่มีพ่อ แต่ความลับก็คงยังรั่วเหม็นหึ่ง ผึ่งมาถึงกองโจรป่า
น่าสมเพช
"ใช่ มันท้อง"
เสือพยักหน้ารับ
"แล้วท้องกับใคร"
"จะใครเล่าพี่ ก็ไอ้เศรษฐีธานินทร์เจ้าของร้านอัญมณีนั่นอย่างไร"
สายธารว่าพลางกรอกลูกกะตาไปมา ยามเมื่อนึกถึงหน้าพี่สาวสายฝนคนสวย บรรดาผู้ชายมีมากมายหลายหมื่นแสน แต่กลับยกความรักแรกแย้มให้ผู้ชายเจ้าชู้ที่เอาตีนเขี่ยก็หาได้
"เขารักพี่สาวเอ็งจริงหรือวะ"
"ฉันว่าไม่"
"ทำไม"
"เมียมันนับสิบ จะมาลงหลักอะไรกับลูกไพร่ธรรมดา"
"งั้นหรือ"
"แถมมันยังมีลูกชายจากเมียเอกกับเมียรองแล้วตั้ง2คนนะพี่ มันไม่สนใจพี่สาวฉันดอก"
"นั่นสินะ"
เสือตอบรับในลำคอเบาๆ สีหน้าหล่อเหลามีหนวดเคราดูครุ่นคิด เขากำลังนึกคิดถึงแผนการณ์บางอย่างที่จะกระทำต่อชายหนุ่มนามว่าธานินทร์
และสายธารเองก็ไม่เคยเอะใจเลยว่ามีอะไรแอบแฝงในประโยคคำถามเหล่านั้น ชายหนุ่มกระชับกอดคนเป็นผัวแน่นด้วยรู้สึกอบอุ่นปลอดภัย
ไม่ได้คิดด้วยซ้ำว่านั่นจะเป็นวันสุดท้ายของกองโจร
และไม่ได้คิดว่าผัวพี่สาวหน้าตาซื่อบื้อ
จะลงมือฆ่าผัวตัวเองในรุ่งอรุณของอีกวัน
.
.
.
ศพไร้ญาติขาดมิตรถูกฝังอยู่ใต้พื้นดินโคลนสีน้ำตาลอ่อน เหลือทิ้งไว้เพียงแต่ความระยำตำบอนของมันที่กำลังถูกสรรเสริญเสียงสนั่นหวั่นไหว
คนตัวเล็กนั่งร้องไห้ข้างเนินศพใจจะขาด พรากอะไรไม่พราก ดันมาพรากหัวใจรักของกูได้ อยากจะเอามีดแทงตัวเองให้ตายตามแล้ว ๆ ไป แต่ยังดีที่คิดได้ว่าถ้ากูตายแล้วใครจะเอาคืนมัน
เสียงโห่ร้องไชโยให้คนลงมือฆ่าดังสนั่นไปทั่วทั้งสารทิศ สายธารยกมือสองข้างอุดรูหูแน่นจนแทบทนไม่ไหว รู้สึกโกรธโมโหจนอยากจะฆ่าแม่งให้ตาย ยิ่งได้ยินว่าเศรษฐีล้มโจรป่ายิ่งตรอมตรม
เขานอนเฝ้าหลุมศพอยู่อย่างนั้น2-3วันจนหมดสติ
เป็นสายฝนเสียอีกที่หอบสังขารพาน้องชายกลับมาบ้าน คิดอยู่แล้วว่าสายธารต้องไปหลบร้องไห้ข้างศพเสือ แต่ไม่ได้คิดเลยว่าอาการน้องจะหนักหนาน่าเหลือใจ
สายธารไม่ยอมพูดไม่ยอมจากับสายฝนอีก ทั้งสองใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตลอดทั้งเดือนโดยไม่พูดหา จนถึงขั้นแม้มีกับข้าวกับปลามา น้องชายที่เคยห่วงหาก็ไม่เผื่อแผ่พี่สาวอีกเลย
จวบจน1เดือนผ่านไปสายฝนคลอด คืนจันทร์สว่าง แสงนวลตาเกิดไสว กลิ่นหอมเหล่าบุหงาอบอวลไป
ได้หลานเกิดมาเป็นชายเฉกเช่นตน
"พี่สาวเอ็ง"
"..."
"ไม่รอด"
หมอตำแยส่งเด็กน้อยวัยแรกเกิดให้สายธารอุ้มถือ หล่อนส่ายใบหน้าดวงตาเศร้าโศกแจ้งข่าวร้ายกับผู้เป็นน้อง แต่ทว่าคนฟังกลับคิดว่ามันไม่ใช่ข่าวร้ายอะไรขนาดนั้น
ข่าวร้ายของจริงน่ะมันคือสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนก่อนต่างหากล่ะ
สายธารจ้องมองไปยังหลานชายในอ้อมอกยามเมื่อหมอตำแยเดินจากไป
นี่สินะเลือดเนื้อเชื้อไขของฆาตกรใจบาปที่กำลังจะได้รับบทเรียน
"ตั้งชื่อเจ้าว่ารัญเพราะตัวเจ้าล้วนมีกลิ่นหอมรัญจวนใจ"
"..."
"หากบุรุษใดได้เชยชมคงพร้อมจะยินยอมมอบกายถวายชีวันเพื่อให้ได้เจ้าไปครอง"
"แอ้.." นัยน์ตาใสแจ๋วของทารกน้อยจ้องมองผู้เป็นน้า ก่อนจะยิ้มร่ารับอย่างใสซื่อบริสุทธิ์
"เป็นมิตรก็คงได้ตัดความสัมพันธ์"
สายธารลูบหัวเด็กน้อย ดวงตาเหม่อลอยดูน่าเวทนา
"..."
"หรือหากเป็นพี่น้อง.."
พลันแววตาสายธารก็วาวโรจน์ดุดันขึ้นมาน่าหวาดกลัว คนตัวเล็กยกยิ้มเหยียดมาดร้าย ก่อนจะกระชับกอดเด็กน้อยในอ้อมแขนแน่นขึ้น
"..."
"ก็คงได้เข่นฆ่ากันเอง"
ลูกมึงฆ่ากันเอง
ลูกมึงได้กันเอง
หายนะตระกูลสิงหาเลิศเดชากำลังจะมาเยือนมึงแล้ว ไอ้ธานินทร์ !
.
.
.
ปัจจุบัน
สายธารแสยะยิ้มลอบมองสองพี่น้องอยู่บนชานเรือนด้วยความอิ่มอกอิ่มใจ ไม่เสียแรงที่ยอมเอาตัวเองขายเป็นทาสจัญไรเรียกร้องความเห็นใจตั้งแต่เมื่อ10ปีก่อน
ตอนที่รัญอายุได้เพียง8ขวบปี
แต่ถึงกระนั้นใช้เวลาเป็นทาสเพียงยังไม่2ปีดี ตำแหน่งเมียเอกที่เขาลือกันว่าได้ยากหนักหนาก็ตกลงมาอยู่ในมือ แน่นอนว่าพร้อมกับตำแหน่งคู่หมั้นของหลานรักที่เฝ้าทนุถนอมมาตลอดเวลาเพื่อการนี้
มึงพรากโลกของกูไป
กูจักพรากโลกของพวกมึงคืน
ไอ้ตระกูลอัปรีย์จัญไร
ทศเทียนนิ่วหน้าชำเลืองแววตาขึ้นมองสายธารที่ยืนยิ้มคนเดียวด้วยความสงสัย ก่อนที่ไม่นานจะรีบปั้นสีหน้าใหม่ทำทีไม่ได้ฉงนอะไร ยามเมื่ออีกคนจ้องมองมา
เพราะอะไรถึงยิ้ม
เพราะอะไรถึงดูดีใจขนาดนั้น
ทศเทียนครุ่นคิดคนเดียวเงียบเชียบจนรัญต้องตีสกิดไหล่เบา ๆ
"คิดอะไรอยู่หรือคุณเทียน"
"คิดว่า.."
"..."
"คิดว่าน้องงดงามแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรกันหนา" ทศเทียนเปลี่ยนแววตาก่อนจะหันมาผุดยิ้มเย้าแหย่
"..."
"เมื่อไรหนา"
"ตั้งแต่เกิด" รัญยักคิ้วสามครั้งน่าเอ็นดูจนคนเป็นพี่อดที่จะหัวเราะไม่ได้ คนตัวเล็กเบ้ปากนิดๆก่อนจะก้มหน้าปักผ้าในมือต่อ
"รัญ"
"อื้อ ว่า"
"พรุ่งนี้พี่จักไปทำธุระนอกเมือง"
รัญหยุดมือกึก ขมวดคิ้วเรียวสวยเงยหน้าขึ้นมองพี่ชายคนรอง
"คุณเทียนคงไม่ได้.." หมายถึงคงไม่ได้ไปฆ่าใครหรอกใช่ไหมนะ.. ก็อารมณ์ดีเยอะขึ้นแล้วนี่
"เปล่า"
"แล้วคุณเทียนจะไปไหนหรือ" เจ้าตัวดีเอ่ยถามพลางเอียงหน้าสงสัย ทศเทียนอดนึกเอ็นดูไม่ได้ เขาเหยียดยิ้ม เอื้อมมือหนาข้างขวาขึ้นมาลูบหัวอีกฝ่ายเบา ๆ
"ไว้กลับมาแล้วพี่จะบอกนะเจ้าตัวดี"
"ทำไ-" ครั้นจะเอ่ยสอบถามต่อสีหน้าคนพี่ก็เริ่มดูกังวลขึ้นมานิดๆ แม้จะพยายามปั้นให้ปกติปิดความรู้สึกผิดมากแค่ไหน คนเป็นน้องก็เริ่มจับทางและสังเกตได้ รัญจึงจำยอมกลืนทุกถ้อยคำลงลำคอ ใบหน้าหวานพยักขึ้นลงรับช้า ๆ คิดแค่ว่าพี่ชายตนคนนี้นั้นเชื่อถือได้ ได้โปรดจงอย่าสงสัยอะไรให้มากความ
"แล้วคุณเทียนจะกลับวันไหน" รัญเปลี่ยนคำถามเพื่อความสบายใจ หมายถึงความสบายใจของตัวเอง
"สักสองสามวันกระมัง"
"ขนาดนั้นเชียวหรือ" รัญเบิกตากว้าง ทิ้งผ้าปักในมือลง รู้สึกไร้กะจิตกะใจจะทำสิ่งใดต่อ อยู่ด้วยกันมา10ปี ตัวหรือเคยห่างกันเกิน1วันก็ไม่ แล้วนี่จะไปไกลถึง2-3วัน
"อืม" ทศเทียนพยักหน้ารับ ในขณะที่คนเป็นน้องน้ำตาคลอเบ้า
"ต้องคิดถึงมากแน่ๆเลย" คนตัวเล็กพึมพำในลำคอ
"อะไรนะ"
"น้องบอกว่า"
"..."
"ต้องคิดถึงคุณเทียนมากแน่ๆเลย"
ทศเทียนอ้าปากค้างก่อนจะรีบเก๊กหน้ากลับตามเดิม
อะไร นับวันยิ่งปีกกล้าขาแข็ง เจ้าตัวดีคงจะได้ฤกษ์ได้ยามโดนฟัดก่อนวัยอันควรแล้วกระมัง
"รัญ น้องบอกทุกคนแบบนี้เลยหรือเปล่า"
"ไม่นะ"
"..."
"บอกคุณเทียนคนเดียว"
ทศเทียนจะจดจำเสียให้ขึ้นใจ ว่ายิ่งเจ้าตัวดีอายุมากขึ้นเท่าไร
เขาก็ยิ่งคลั่งมากขึ้นเท่านั้น
เดี๋ยวกลับจากธุระมา คงจักต้องวิ่งหากรงเหล็กมาสวมใส่ พร้อมล่ามโซ่เสียบกุญแจคาไว้ แล้วเล่นโล้สำเภากันไป จนถึงโต้รุ่งอีกวันของอีกวัน
"จะนั่งอยู่ตรงนี้อีกนานหรือไม่ น้องจะไปแล้วนะ"
"..."
"มานี่"
รัญยืนเท้าสะเอวถือผ้าปักจ้องมองคนพี่ ที่ยังคงนั่งยิ้มเหม่อลอยเหมือนคนสติไม่สมประกอบ เจ้าตัวดีชี้ไปยังพื้นข้างๆที่ตัวเองยืนอยู่บ่งบอกให้อีกคนรีบตามมา ทศเทียนอึกอักเล็กน้อยเมื่อยามถูกปลุกจากภาพความฝัน เขากลืนน้ำลายลงลำคอระหง ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วจึงก้าวขายาวเดินตามเจ้าตัวดีไป
ยอมแล้ว
ยอมทุกอย่างแล้ว
ให้เป็นหมาก็ยอม
.
.
.
เป็นอีกวันที่โคตรน่าเบื่อหน่ายสำหรับมิ่ง เกิดมาใช้ชีวิตเฮงซวยที่ไม่ได้เลือกไม่พอหรือไร ถึงยังให้เสือกไปรู้ความลับของเจ้านาย จนนกเขาไม่ขันมาหลายมื้อยามเนี่ย !
บอกเลยว่าโดนเร้าจนอารมณ์หมด ลูกชายตรงหว่างขาก็ยังคงหด และไม่มีท่าทีว่าจะตื่นมาให้ชื่นหัวใจ ชีวิตที่ไร้เรื่องอย่างว่า เป็นชีวิตที่แสนจะไร้สีสันสิ้นดี
ชีวิตหนอชีวิต อะไรจะอาภัพได้ปานนี้
มิ่งอยากตาย
ซะที่ไหนล่ะ
ดึกดื่นจนพระอาทิตย์ไปวิ่งเล่นที่ไกลโพ้น แต่ไอ้มิ่งก็ยังคงก้มหน้าก้มตาสับหมูสับไก่เตรียมเผื่อมื้ออาหารในวัดถัดๆไป ทั้งๆที่บ่าวไพร่คนอื่นหลับเป็นตายกันเสียหมด
ก็คนมันนอนไม่หลับ ยิ่งอยากโดนเx็ด ก็ยิ่งนอนไม่หลับ
ไอ้เหี้ย
สับไก่แม่งเลย
"พอแล้วพี่" มิ่งวางมีดที่ใช้สับเนื้อลงบนโต๊ะเสียงดัง ก่อนจะเอื้อมมือเรียวบางจิกหัวคนที่อยู่ใต้โต๊ะตรงหว่างขาให้ลุกขึ้นมาด้วยความอารมณ์เสีย
เขาอุตส่าปลุกเร้าอมให้จนง่ามขาเปียก แต่ลูกชายแสนดีหนึ่งตรงสองกลมก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะผงาด
"ให้เx็ดเลยหรอ" บ่าวหน้าตาดุดันร่างกำยำลุกขึ้นยืนหันมาไซร้ซอกคอคนตัวเล็กกว่าด้วยสีหน้าหื่นกระหาย
"เx็ดอะไร พี่เห็นไหมว่ามันไม่แข็งเนี่ย"ไอ้มิ่งใช้สองมือบางดันอกแกร่งอีกคนออก มันฮึดฮัดในลำคอนิดๆแต่ก็ยังไม่วายตามตอแยไม่เลิกรา
"แต่ของพี่แข็งนะ พี่ใส่ได้"
"ใส่ไม่ได้ ฉันจะเจ็บ ฉันไม่แข็ง"
"ใส่ได้น่า"
"ไม่ได้!"
"ไหนมาลอง-"
"โอ๊ย ไอ้เหี้ยนี่ บอกไม่ได้ก็ไม่ได้สิวะ จะไปตายห่าที่ไหนก็ไปเลย !!"
มิ่งยกขาข้างขวากระโดดถีบคนตัวสูงกว่าก่อนจะหยิบมีดสับเนื้อบนโต๊ะถือขึ้นมาขู่อย่างมีน้ำโห
"โว้ย งั้นทีหลังก็ไม่ต้องชวนกูมาเอานะมึงไอ้มิ่ง !"
"เออ กูก็ไม่เอากับมึงแล้วหรอก คว- หรือหนอนวะ ขนาดตั้งแล้วยังเล็กฉิบหาย!"
"กูก็ทำมึงร้องได้ละกันวะ !"
"โอ๊ยย พ่อคุณเอ๊ย กูร้องเป็นมารยาทมั้ง ไอ้หน้าส้นตีน ไปไกลๆตีนกูเลย ไป๊!!"
บ่าวชายที่มิ่งไม่รู้ชื่อแถมยังเพิ่งเคยเห็นหน้ายกนิ้วเรียวหนา ชี้มาที่เขาเป็นสัญลักษณ์ว่าฝากไว้ก่อนเถอะ แต่ไอ้มิ่งหาได้กลัวไม่ มันถือมีดชี้กลับไปเช่นกัน เป็นสัญลักษณ์ตอบโต้ว่า มึงก็มาสิวะ
"เหี้ยเอ๊ย"
ครั้นเมื่อบ่าวชายหนอนน้อยเดินจากไปจนลับตา ไอ้มิ่งก็ทิ้งมีดในมือลงพลางถอนหายใจอย่างหนักหน่วง คิดถึงบ่าวในสวนคนนั้นใจจะขาด แต่ลูกชายไม่ตั้งเช่นนี้คงไปร่วมอภิรมย์กับเขาไม่ได้อีกแล้ว
พูดแล้วก็อยากจะร้องไห้
ไอ้มิ่งเหยียดแขนขาไล่ระดับความชาจากการยืนนานอยู่สักพัก แล้วจึงไล่เก็บบรรดาเนื้อสัตว์เข้ากล่องใหญ่ที่เตรียมไว้ทำตอนรุ่งสาง เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้วมันจึงย่างก้าวขาเดินออกไป แต่ไม่ทันจะพ้นขอบประตูที่ไหน ก็ปรากฎร่างหนึ่งเดินเหยียดยิ้มสวนเข้ามา
ไอ้มิ่งเบิกตากว้างเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้มาคนเดียว
"ค..คุณ"
"ว่าไงมิ่ง"
"คุณสายธาร?"
.
.
.
#พี่น้องไหมน้าาา พี่น้องใช่ไหมน้าาาา ลันล้าาาาา ไม่บอกหรอก ಥ‿ಥ
Comments (0)