เป็นอย่างที่เจ้าตัวดีคาดคิดเอาไว้ไม่มีผิด เพียงชั่วข้ามคืน ในรุ่งเช้าวันถัดมา ข่าวลือผิดๆก็หนาหูเลื่องลือไปแสนไกล บ้างก็ว่า รัญจูบกับทศเทียนกลางโต๊ะสำรับอาหาร บ้างก็ว่าแทนไทอัดน้องชายคนรองจนเกือบปางตาย แต่มีเพียงข่าวเดียวที่เป็นเรื่องจริงจากความโกลาหลทั้งหมด นั่นก็คือ 

รัญขอถอนหมั้นแทนไทเองกับตัว

แน่นอนว่าทศเทียนนั้นแทบคลั่งตั้งแต่ตื่นตอนรุ่งสาง ลืออะไรก็ไม่เท่าลือว่าคนของเขาเป็นชายชั่วสองหัวใจ เหตุใดอ้ายอีพวกนี้ช่างเป็นคนจัญไร มีปากไว้เพียงประดับหน้าโดยแท้ 

 

"จะไปไหนคุณเทียน"

 

รู้ทันกันเสมอแม้ยามตัวเองวิตกกังวลจริต คนตัวเล็กยืนจังก้าเท้าสะเอวขวางหน้ากระไดเรือนด้วยท่าทางกระวีกระวาดสุดฤทธิ์ เดาไม่ยากเลยสักนิดว่านี่คงมายืนรอตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น

 

"ไม่เอาถึงตาย" 

 

ทศเทียนเอ่ยเสียงแข็ง ผลุบดวงตาหนีจากใบหน้าหวานที่มีแววออดอ้อนไม่ยินยอมให้ไป

 

"คุณเทียน"

 

"ก็บอกแล้วว่าจะตัดลิ้นแม่งให้หมด"

 

"คุณเทียน"

 

"หรือเผาเรือนทิ้งเสียก็สิ้นเรื่อง"

 

"คุณเทียน !"

 

รัญตะโกนแว้ดเสียงดัง ก่อนจะเดินมาหยุดด้านหน้าของพี่ชายคนรอง ที่กำลังแอบย่องหนีเขา ไปทำเรื่องราวเสี่ยงภัยเพื่อตัวเขาเองอีกเป็นครั้งที่ล้าน คนตัวเล็กกว่าเบ้ปากคว่ำลง เอื้อมสองมือเรียวสวยไปดึงแก้มทศเทียนด้วยความหมั่นไส้

เก่งจริงๆเลยนะตัวแค่นี้

 

"รัญ"

 

"หืม"

 

"อย่าได้พยายามห้าม-" 

 

รัญยู่ริมฝีปากก่อนจะดึงสองมือออก แล้วแปรเปลี่ยนเป็นโอบกอดรอบตัวคนที่สูงกว่า

 

"ชายชั่วสองหัวใจ" คนตัวเล็กแค่นกล่าวเสียงบางเบา

 

"ใครมันพูดให้น้องฟัง" ทศเทียนขมวดคิ้วถาม  สายตาดุดันตวัดมองรอบตัวพยายามจ้องจับผิด

 

"..."  เพียงแต่เจ้าตัวดีไม่ได้เอ่ยตอบ รัญเลือกที่จะเงียบปากแล้วส่ายหน้าปฏิเสธไปมา

 

"รัญ น้องไม่ใช่คนแบบนั้น"

 

"คุณเทียนรู้หรือ"

 

"พี่ย่อมรู้"

 

"แค่คุณเทียนรู้"

 

"..."

 

"นั่นก็เพียงพอแล้ว"

 

ทศเทียนชะงักเหลือบมองเจ้าตัวดีในอ้อมกอดด้วยด้วยแววตาสงสัยปนฉงน ไม่รู้เลยว่าแต่ละคำที่กล่าวนั้นถูกกลั่นกรองมาจากก้นบึ้งของจิตใจ หรือน้องเพียงพูดส่งๆไปให้เขาใจเย็นลง

 

"วันนี้อยู่ด้วยกันทั้งวันเลยได้หรือไม่"

รัญรั้งกอดทศเทียนแน่นขึ้น แม้หัวใจจะเต้นตึกตักจนเกือบจะทะลักแทบทนไม่ไหว แต่เจ้าตัวดีก็ไม่ยินยอมปล่อยมือออกโดยง่าย รัญกำลังอยู่ในช่วงสงสัย 

สงสัยว่าตัวเขาเองนั้นเป็นชายชั่วสองใจจริงหรือเปล่า

"น้องหมายความตามที่พูด?"

 

"อื้อ"

 

ทศเทียนยกยิ้มมุมปาก ยามเมื่อน้องพยักหน้าขานรับ ภาพในหัวเกิดจินตนาการที่ไม่อาจห้ามได้ มันแล่นไปถึงไหนต่อไหนโดยที่คนตัวเล็กไม่ได้รับรู้ด้วยสักนิด

ทศเทียนปล่อยให้น้องโอบกอดเงียบๆไว้เช่นนั้นนานอยู่หลายนาที เป็นเวลานานพอที่จะส่งยิ้มเหยียดพร้อมยักคิ้วทักทายยามเช้าให้กับร่างสูงหลังประตูบานหนึ่งที่ถูกแง้มออก และเพียงไม่นานมันก็ถูกปิดลงช้าๆพร้อมกับคนหลังประตูที่ถอยหลังกลับไป ไม่ได้ก้าวออกมา

แทนไทปิดประตูห้องนอนลงแล้ว แต่ประตูสันดานกำลังจะเปิดออกอีกไม่นาน

อีกไม่นาน

.

.

.

 

"พี่ใบบัว" 

"ว่า"

ใบบัวเอ่ยเสียงเรียบพลางชำเลืองมองไอ้มิ่งที่กำลังนั่งเท้าคางอยู่หน้าเตาไฟเงียบๆ หล่อนเป็นหัวหน้าบ่าวไพร่จึงย่อมสังเกตเห็นได้ว่าไอ้มิ่งดูเปลี่ยนไป มาหลายวันแล้ว สีหน้าไอ้มิ่งนั้นดูเหมือนคนกำลังครุ่นคิดอะไรสักอย่างที่แสนจะเคร่งเครียด แถมช่วงเวลานี้มันก็ไม่ค่อยจะออกไปวิ่งแรดนอออกที่ไหน ช่างผิดปกติเสียเต็มประดา

กูว่าจะไม่เสือก แต่วันนี้มันต้องได้รู้อะไรบ้างแหละวะ !

"ถ้าบังเอิญ .. พี่ไปรู้อะไรที่ไม่ควรรู้เลย"

 

"..."

 

"พี่จะทำอย่างไร"

 

ใบบัววางมีดในมือบนบรรดาผักที่ตนกำลังสับเอาไปให้หมูให้หมา แล้วหันมาเลิกคิ้วสนใจคนตรงหน้าแทบจะทันที 

"มึงรู้อะไรมา"

 

ไอ้มิ่งส่ายหน้าช้า ๆ 

 

"พี่ตอบฉันก่อน"

 

"ก็ที่มึงรู้น่ะเรื่องอะไร กูจะได้ตอบมึงถูก"

ไอ้มิ่งกัดริมฝีปากกดดันเล็กน้อย มันชั่งใจยิ่งนักว่าควรหุบปากแล้วก้มหน้าก้มตาทำงานต่อ หรือควรระบายเรื่องอัปรีย์จัญไรกับใครสักคนให้หายอึดอัดไปบ้างแม้เพียงสักนิด

"พี่จะบอกใครไหมถ้าฉันบอก"

 

"อุบ๊ะ ไอ้นี่ มึงเห็นกูเป็นคนยังไงวะ"

 

ใบบัวตบเข่าฉาดใหญ่ ใบหน้าคล้ำแดดฉายแววไม่พอใจเล็กน้อย

"ฉันรู้ แต่นี่มันเรื่องใหญ่"

 

ไอ้มิ่งทำท่ากางแขนป่าวประกาศความใหญ่

 

"เรื่องกระไรล่ะวะ"

คนตัวเล็กกระแอมไอเล็กน้อย หุบสองแขนลงช้าๆก่อนจะยกมันขึ้นมาป้องปากทำท่ากระซิบกระซาบ ใบบัวเห็นดังนั้นจึงขยับเข้าไปใกล้มากขึ้น พอได้รับฟังอยู่เพียงเสี้ยววิ จากแววตาเบิกกว้างสงสัยก็กลับกลายเป็นเส้นเรียบตรงแทบจะทันที บ่งบอกได้เลยว่าไม่ได้น่าตื่นเต้นเท่าที่ควร

"เหอะ" ใบบัวแค่นสบถ

 

"ทำไมพี่-"

 

"..."

 

"นี่..นี่พี่รู้อยู่แล้วหรอ !" ไอ้มิ่งอ้าปากเหวอครั้นใบบัวพยักหน้าหงึกหงัก 

โอ้โห กูอึดอัดมาตั้งหลายวัน รู้งี้เอานิสัยสาระแนนินทาแบบอีจันมาใช้เสียตั้งแต่วันแรกก็สิ้นเรื่อง

"พี่รู้ได้อย่างไร" 

 

"กูรู้ไม่แปลก กูรับใช้คุณเทียน"

 

"อ๋อ.."

 

"..."

"ห้ะ! น..นี่คุณเทียนก็รู้รึ!!" ไอ้มิ่งรู้สึกตัวเองเหมือนคนโง่อวดฉลาดเข้าไปทุกที เพราะเหตุใดกันที่คุณเทียนรู้แต่จึงไม่ทำกระไรเลย

จะว่ากลัวคุณสายธารก็ไม่น่าใช่

บอกว่ากลัวคุณแทนไทสิยิ่งแปลก

​​​​"ไอ้มิ่ง"

 

"..."

 

"ไอ้มิ่ง!" ใบบัวตะคอกน้ำเสียงจริงจัง มิ่งตาโตกว้างตกใจเพราะกำลังนึกคิดอะไรอยู่ในหัว

"ห..ห้ะ.."

 

​​​​​"มึงหุบปากไว้ดีๆนะ เข้าใจไหม"

พูดกล่าวเหมือนตักเตือนกันแต่โดยดี แต่ประโยคถัดไปกลับทำเอาเขาเสียวสันหลังวูบเหมือนเป็นลาง

"เพราะถ้าคนอื่นรู้เรื่องนี้เมื่อใด"

 

"..."

 

"มึงตายแน่ไอ้มิ่ง"

 

"..."

 

"ตายแบบไม่เหลือซาก"

มิ่งกลืนน้ำลายลงคอจ้องมองรุ่นพี่บ่าวที่นับถือว่าคงพูดเล่นอะไรเช่นนั้น แต่สีหน้าใบบัวดูจริงจังรวมทั้งยังส่ายหน้าห่วงใยด้วยอารมณ์ประมาณว่า มึงไม่น่าแส่หาเรื่องเข้าตัวเลย

เดี๋ยวนะ

หากพี่ใบบัวเตือนเขาด้วยความห่วงใย แล้วใครหน้าไหนที่จะเอาเราถึงตายกัน.

.

.

.

​​​​​​

หน้าต่างมีหูประตูมีช่องเสมอ ก่อนจะนินทาว่าร้ายกระไรควรตรวจสอบรอบตัวดูให้แน่ชัด มิเช่นนั้นภัยร้ายก็จะมาถึงตัวโดยง่ายราวกับถูกลิขิตไว้ให้เป็นเช่นนั้นเสมอ

สายธารลอบมองบ่าวไพร่ชั้นต่ำสองคนในครัวใหญ่ด้วยอาการนิ่งเงียบ เจ้าตัวไม่ได้มีท่าทีกระโตกกระตากโวยวายกระไรทั้งสิ้น รู้อยู่แล้วว่าสักวันเรื่องอื้อฉาวคาวโลกีย์นี้มันจะต้องแดงขึ้นมา แต่แหมไม่ได้คาดคิดสักนิดเลยว่า 

ช่างอื้อฉาวถูกจังหวะเสียยิ่งกระไร

สายธารเหยียดยิ้มชำเลืองมองแผ่นหลังไอ้มิ่งเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะย่ำเดินถอยหลังกลับออกไป

เหมือนกันจังเลยนะ

ด้านหลังมิ่งกับรัญน่ะ

.

.

.

 

เจ้าตัวดีเป็นคนเอ่ยปากขอให้เขานั้นอยู่ด้วยไปตลอดทั้งวัน แต่ไฉนไยจึงมาพลอยหลบหน้ากันไม่ยินยอมให้จ้องมองเห็นดวงตากันเสียดื้อๆ ครั้นเมื่อไม่ได้ดั่งใจ คิดถึงตั้งใจอยากจะจับจ้อง เอื้อมสองมือหนาไปจับสองไหล่ตั้งตรงหน้า บังคับให้เงยนัยน์ตาแหงนมอง เพียงแค่นั้นไม่นานมือเรียวสวยก็ฟาดเข้าที่อกขวา แล้วจึงถูกตำหนิเหมือนหมา จนต้องมานั่งหงอยอยู่ด้านหลังเงียบ ๆ

รัญนั่งร้อยพวงมาลัยจำนวนมากตั้งแต่ย่ำรุ่ง จนมันเพิ่มพูนกลายเป็นกองปึกใหญ่ ตั้งใจว่าทำๆไปคงบรรเทาอาการใจสั่นวูบไหวอะไรไปได้บ้าง แต่แน่นอนว่าผลออกมาคือไม่แม้สักนิด ก็ตราบใดที่ตัวต้นเหตุยังมานั่งไขว่ห้างหลังตรงแอบมองเขาเป็นระยะอยู่เช่นนี้ สมาธิ ปัญญาที่มีคงดับสูญสิ้นเสียหมด

มาลัยก็ไม่สวยดั่งใจ พี่ชายก็ไม่ได้ดั่งใจ ครั้นจะเอ่ยปากไล่ไป เรือนชาวบ้านก็คงราบไหม้เป็นหน้ากอง

"มองอะไรนักคุณเทียน" 

แต่ทนไม่ไหวแล้วโว้ย

รัญเขวี้ยงพวงมาลัยที่ยับเยินจากการร้อยผิดร้อยถูกลงบนพื้นแคร่ด้วยโทสะเพียงน้อยนิด แต่ก็ดูเหมือนมากพอที่จะให้คนพี่สั่นไหวทำท่าตกอกตกใจเล่นเบอร์ใหญ่ปานละครใน ละครนอก

คุณเทียนมีจริตจะก้านแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน

 

"เจ้าตัวดีโตเสียแล้ว"

 

ทศเทียนหัวเราะหึในลำคอ เมื่อเห็นว่ารัญไม่ได้เป็นน้องน้อยเชื่อเขาไปหมดเสียทุกอย่างดั่งเช่นวันก่อน ๆ ซ้ำยังเบ้ปากเหยียดคว่ำ ราวกับดูออกว่าเขาแสดง

 

"น้องโตตั้งแต่ปีมะโว้แล้ว"

 

เจ้าตัวดีส่งเสียงจิ๊ปากเบาๆ พลางผลักพวงมาลัยกองโตไปทางด้านพี่ชายคนรอง

"เอาไปทิ้งให้น้องด้วย"

 

"มันผิดอะไร ไยจึงทิ้ง"

 

"มันไม่สวย"

 

"แค่นั้น?"

 

รัญลอบถอนหายใจก่อนจะกล่าวประชดประชัน

 

"มันเอาแต่จ้องหน้าน้องด้วยกระมัง"

 

"เช่นนั้นเอง"

 

"..."

 

"น้องรำคาญมันหรือ"

 

"อือ"

 

"แล้วไม่รักมันบ้างหรือไง"

รัญอ้าปากกำลังจะเอ่ยตอบโต้เถียง แต่ครั้นพอลืมตัวเผลอเงยใบหน้าสวยไปสบตาโดยไม่ได้ตั้งใจ เจ้าตัวดีก็ผลุบตาหลบต่ำหนีก่อนจะเม้มปิดสนิทเป็นเส้นตรงแน่ว

ไอ้รัญมันก็คน

ไอ้รัญมันก็ใจแค่นี้ ┗(•ˇ_ˇ•)―→ ♡

ไม่รู้ตัวเลยว่าเมื่อไรที่มันเริ่มใจเต้นแรงกับความเสมอต้นเสมอปลายของพี่ชายคนรอง

"ใกล้แล้วสินะ" ทศเทียนยกยิ้มทำทีพูดกับตัวเองเบาๆแต่อย่ากระนั้นเลย ดูเหมือนตั้งใจให้เขาได้ยิน

ใช่

ตั้งใจชัดๆ !!

 

"เอาแต่ใจ" รัญพึมพำ

 

"พี่ได้ยินหนา"

 

"น้องก็พูดให้คุณเทียนได้ยิน"

 

"อืม"

 

"..."

 

"เหมือนกัน"

 

(┛❍ᴥ❍)┛彡┻━┻

 

รัญกัดริมฝีปากบางเฉียบแน่น มิใช่ว่าโมโหโกรธาใครที่ไหน แต่เพราะปากนี้แสนจะไม่รักดี มันกำลังจะฉีกยิ้มกลับกลายเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวให้เขาได้เชยชม

ด้านทศเทียนเองมีท่าทีถูกอกถูกใจนักที่ได้เย้าแหย่คนตัวเล็กกว่า เขาไม่ยินยอมปล่อยให้เจ้าตัวดีหายเขินบิดม้วนไปเสียง่ายๆ ฉับพลันคิดได้สองมือหนาก็ยกช่อพวงมาลัยขึ้นมาดอมดม หากแต่นัยน์ตากลับสาดส่องประกายเจิดจ้าจับจ้องมองไปยังเจ้าของของมันไม่วางตา

รัญที่ได้เผลอพบสบตาเหมือนจะกระอักเลือดตายไม่มีผิด ที่ผ่านมาใช่ว่าคนๆนี้จะไม่เคยทำอะไรเช่นนั้น แต่ทว่าทำไมปัจจุบันมันกลับทำให้หัวใจเกิดการระส่ำระส่าย คล้ายจะเป็นลมล้มลงเสียบนพื้นซะอย่างนี้

 

"บ้า"

 

รัญยกช่อพวงมาลัยอีกพวงที่วางอยู่ใกล้กันขึ้นมาปาไปที่หน้าอกคนพี่ด้วยอาการขวยเขิน  

จะกี่พันคำนินทา หรือกี่หมื่นคำกีดกัน ก็ไม่อาจขวางกั้นความรู้สึกต่อกันได้อีกต่อไป

รัญไม่อาจรู้ได้เลย ว่าที่ผ่านมานั้นตนไม่เคยรัก หรือแค่เจ้าตัวไม่รู้ตัวว่ารัก 

ตั้งนานแล้ว

.

.

.

​​​

 

ขอบคุณคอมมิชชั่นสวยๆจาก

<( ̄︶ ̄)↗ FB พิด พอน (BlackFlame)