บทที่5

 

ผมจะจีบคุณแล้วนะครับ

(กุหลาบสีแดง ผมตกหลุมรักคุณเข้าแล้ว)

 

 

หนึ่งเข้ามายังคอนโดหรูของน้องรักอย่างไนน์ ห้องส่วนตัวของน้องชายสุดรักที่เข้ามาหาได้ แต่สามารถนอนค้างไม่ได้ ถ้าเกิดอยากจะนอนค้างมักตามมาด้วยไอ้พวกน้องที่เหลือทันที อย่างน้อยต้องมีหนึ่งถึงสองคนมา ไม่ยอมให้ลูกพี่ลูกน้องของเจ้าของห้องใครใดคนหนึ่งได้หน้าคนเดียว

“คนเก่งหนึ่งซื้อกาแฟกับซาลาเปาไส้ชาเขียวมาฝาก รวมถึงฮะเก๋าด้วยครับ” เขายกถุงใช้ให้ลูกน้องขับไปต่อคิวซื้อตั้งแต่เช้ามืด

“อืม” เสียงตอบรับสั้น ๆ จากคนเพิ่งตื่นนอนมองมายังด้านล่างจากชั้นสองของคอนโด

“ไปล้างหน้าแปรงฟันแล้ว ค่อยมากินครับ” สิ้นคำบอกกล่าวจากพี่ชาย ไนน์หมุนตัวเดินกลับเข้าไปยังห้องอีกรอบ

ไนน์จัดการของโปรดที่พี่ชายซื้อมาให้อย่างเงียบ ระหว่างกินก็สังเกตพี่ชายคนโตเอาแต่เงียบไม่พูดจาอะไรสักอย่าง ปกติจะชวนคุยไม่หยุดปาก สารพัดวิธีจะพูดเอาใจเขาแถมขิงข่าใส่พี่คนอื่น

“หนึ่งมีอะไร?” ชายหนุ่มถามด้วยเสียงสงสัยและจับจ้องมองหน้ารอคอยคำตอบ

“คือ...” คนพี่ตอบมาด้วยน้ำเสียงอ้ำอึ้ง

“...” เขาเลิกคิ้วถามพี่ชายซ้ำอีกรอบ

เสียงถอนหายใจรวบรวมความกล้าของหนึ่ง “คือหนึ่งจะถาม ถามว่าคนเก่งกำลังสนใจหรือแอบชอบวีหรือเปล่า?” เสียงถามค่อยเบาลง ถึงจะเสียงเบาแต่พวกเขาอยู่เพียงแค่สองคน และไนน์เองก็ตั้งใจฟัง ไม่บ่อยนักจะได้เห็นอาการประหม่าของพี่ชายเขาสักที

“แล้ว?” น้องชายคนเล็กหรี่ตาที่กลมโตมองไปยังพี่ชาย ก่อนจะพยักพเยิดหน้าใส่

“...”

“แล้วถ้าคิดแบบนั้นด้วยจะทำไมเหรอ?” ไนน์นิ่งเงียบลงไปสักพักดูสีหน้าพี่ชายหม่นหมองลงก่อนพูดต่อพลางส่ายหัวอย่างเอ็นดูในความน่าสงสาร “วีคือเพื่อนไนน์และไนน์ยังมองวีเป็นได้แค่เพื่อนเท่านั้น” รอยยิ้มกว้างพร้อมกับแววตาเป็นประกายแสดงออกมาอย่างปิดไม่มิด ต่างกับไอ้คนก่อนหน้านี้อย่างชัดเจน นี่พี่กูหลงขนาดนี้แล้วเหรอ ยังไม่ได้เป็นอะไรยังขนาดนี้ถ้าคบกันจริง เราคงตกกระป๋อง แต่ก็ดีแบ่งไปคนนึงก็ปวดหัวน้อยลง เขายกยิ้มมุมปากอย่างมีความสุข

“แต่คนเก่งจะคิดกับวีแค่เพื่อนจะไม่มากกว่านั้นใช่ไหม?” หนึ่งรีบถามด้วยเสียงอ่อยๆ พร้อมกับสีหน้าเป็นกังวล

“วีคือเพื่อน ถ้าไนน์จะคิดมากกว่านั้นคงพูดคำว่า เพื่อน ไม่สนิทปาก ไนน์จะไม่แสดงออกว่ารับรู้เรื่องและจะทำตัวเหมือนเดิมอย่างที่เคยเป็น หนึ่งก็พอรู้ว่าไนน์เป็นคนที่มีเพื่อนน้อย สนิทกับใครก็ยาก ถ้าเกิดวันไหนวีเกิดเข้าใจผิดว่าไนน์ชอบหรือวีมาบอกเอง วันนั้นจะก็บอกกับวีเอง เพราะไนน์ไม่อยากเสียเพื่อนคนนี้ไป” ใบหน้าจริงจังพร้อมน้ำเสียงเน้นย้ำออกจากปากน้องชายเป็นประโยคที่ยืดยาวสุดในวันนี้

“แต่เอาเข้าจริง พี่ก็อยากให้คนเก่งเปิดใจกับวี วีเขาเองเป็นคนน่ารักน่าเอ็นดู พี่กลัวว่าวีเขาต้องเสียใจมาก” หน้าเริ่มหงอยลงไปอีกรอบ แต่ถ้าน้องชายสุดรักเปิดใจให้กับวีเขาก็อยากให้ทั้งสองมีความสุข

ไนน์มุ่นคิ้วอย่างงุนงงในอีกคน และเขาส่ายหัวซ้ำไปอีกทีก่อนจะพูดตอบกลับได้ด้วยเสียงเนือย “หรือจะไม่จีบตามใจนะ”

“ไม่ครับ จีบชัวร์” น้ำเสียงเหมือนราวกับดวงตาเห็นธรรมใกล้บรรลุอรหันต์

“ตอนแรกว่าจะมากันวีออกจากไนน์ไง บอกคนอื่นว่างั้นไม่ใช่เหรอ” ไนน์ยักคิ้วกวนหนึ่งทีให้แก่พี่ชาย

“เอ่อ..” ถึงกับไปต่อไม่ถูกคำพูดจุกลำคอขึ้นมาทันที เขาเองยอมรับว่าตอนแรกแค่ว่าจะมากันให้ออกห่าง แต่นับตั้งแต่วันแรกที่เจอเหมือนตัวเองจะเฝ้ารอกับการมาพบหน้าอีกครั้งจนเผลอลืมต้องไปทำอะไร แกล้งตีหน้าสลดด้วยความสำนึกผิดให้น้องชายสุดที่รักเห็นใจในความผิดครั้งนี้

“...” ไนน์ลุกขึ้นไปเอามือวางบนบ่าก่อนจะออกแรงบีบ “หนังแกะที่ห่มไว้มันหลอกได้แค่คนอื่นนะกับพี่น้องที่โตมาด้วยกันมันคลุมปิดไม่มิดหรอก ได้คำตอบแก้ไขความค้างคาใจแล้วนะ นั่นลูกชายคนเล็กของกลุ่มไนน์ และอย่าทำให้วีร้องไห้ไม่งั้นโดนยำจากทั้งกลุ่มแน่” ไนน์คลายมือออกก่อนจะเดินตรงไปยังห้องทำงานของตนเองและยังหันมาเหลือบมองพี่ชายนั่งยกยิ้มร้าย และยังอยากย้ำว่าพี่เขาน่ะมันร้ายที่สุด ไม่ใช่สิ ต้องบอกว่าพวกพี่เขาน่ะมันร้ายทั้งหมดแหละ สีหน้าท่าทางทั้งหลายที่แสดงออกมามันหลอกได้แต่คนอื่นแหละ แต่หลอกพวกคนที่โตมาด้วยกันไม่ได้

“สาบานด้วยเกียรติหลานชายคนโตของตระกูลศิริกิจวัชรโชติเลยครับ ไม่มีวันนั้นแน่นอน” หนึ่งตะโกนไล่หลังตามไปเต็มเปี่ยมด้วยความมั่นใจ

“...” ไนน์ยกมือโบกไล่ไอ้พี่ชายให้กลับไปได้แล้ว

 

วันเปิดเทอมแรกของนักศึกษาใหม่อย่างคนตัวเล็ก เขาไม่อยากไปสายหลังจากอาบน้ำเสร็จวีตั้งใจว่าจะไปหาอะไรกินที่มหาลัยและบางทีอาจจะชวนเพื่อนคนอื่นไปหาอะไรกินพร้อมกัน ในใจหวังอาจจะได้กินร่วมด้วยกันเพื่อนคนแรก ภาพมโนยังทันไม่เริ่มต้องจบลงจากเสียงเคาะประตูหน้าห้อง

วีกลอกตามองบน ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็นเพื่อนบ้านห้องตรงข้าม ตั้งแต่ย้ายมาอยู่ถ้าอีกคนเป็นนกหัวขวานป่านนี้คงเจาะประตูห้องเขาเป็นรู เล่นเคาะแทบจะสามเวลาก่อนอาหาร นี่ถ้าไม่เกรงใจคงมีก่อนนอนร่วมด้วย

“จะออกไปมหาลัยยังครับ แล้วไปยังไง?” เสียงถามทันทีจากเพื่อนบ้าน เมื่อเจ้าของห้องเปิดประตูออกมา

คนตัวเล็กใช้สายตาสำรวจชายหนุ่มตรงหน้า วันนี้แต่งตัวดูภูมิฐานในมาดนักธุรกิจ วียอมรับว่าอีกคนหล่อมากเอาจริง ๆ ก็หล่อและดูดีตลอดเวลา แต่วันนี้มาในชุดสูทเรียบเนียนแบบนี้ยิ่งเพิ่มคาริสมา เออยอมก็ได้ว่าหล่อจนแสบตาแล้ว

“กำลังจะไปขึ้นรถไฟฟ้าครับ”

คอนโดพวกเขาอาศัยอยู่ไม่ได้ติดกับสถานีรถไฟฟ้า สามารถเดินไปได้แค่ประมาณสิบนาที แต่ถ้าขี้เกียจหน่อยมีวินมอไซด์คอยบริการอยู่ริมฟุตบาท

“ปะพี่ไปส่ง ทางผ่านพอดี”

“ไม่ครับ ผมจะไปเอง...”

“ไม่ใช่ไปส่งอย่างเดียว พี่ฝากข้าวเช้าไปให้ไนน์ด้วย รอที่รถนะครับ” หนึ่งพูดขัดขึ้นมาและยกถุงกระดาษสีน้ำตาลขึ้นมาโชว์

 

คนตัวเล็กอ้าปากแย้งไม่อยากให้อีกคนไปส่งที่มหาวิทยาลัย เพราะกลัวว่าคนอื่นจะมองไม่ดี ก็คนที่เขาจะไปด้วยธรรมดาที่ไหน เขารู้ว่าอีกคนมีชื่อเสียงขนาดไหนก็ในวันไปกินข้าวรวมตัวกันล่าสุดกับเพื่อนนั่นแหละ ขึ้นชื่อว่า ทัชชกร ศิริกิจวัชรโชติ ถามจริงว่าในประเทศนี้มีใครไม่รู้บ้าง แต่เล่นอ้างชื่อเพื่อนเขาจะปฏิเสธยังไง

 

หนึ่งเมินคำปฏิเสธโดยการเดินไปยังลิฟต์ที่จะลงไปยังด้านล่าง วีเองจะทำไงได้ล่ะ คนตัวเล็กเดินมุ่ยหน้าเข้าไปหยิบกระเป๋าใส่อุปกรณ์สำหรับการเรียนวันนี้เดินตามไป

 

รถสปอร์ตที่จอดในลานจอดรถ หนึ่งยืนรอวีอยู่รถฝั่งผู้โดยสาร เปิดประตูให้ว่าที่อนาคตแฟนตัวเองเข้าไปในนั่ง และพาตัวเองไปยังฝั่งคนขับ เจ้าของรถยื่นถุงกระดาษที่ภายในประกอบด้วย กล่องใส่แซนด์วิชแฮมชีสและแซนด์วิชทูน่า และยังมีแก้วเก็บความร้อนใบเล็กบรรจุไปด้วยช็อกโกแลตร้อนและนมอุ่นพร้อมกันถึงสองแก้ว

“อะไรครับ?” วีรับถุงกระดาษและถามกลับไปอย่างงุนงง

“อาหารเช้าครับ มีแซนด์วิชเครื่องดื่ม แต่พี่ไม่รู้ว่าวีชอบกินอะไรพี่เลยเอามาทั้งนมและช็อกโกแลตครับ”

“ขอบคุณครับ” คนตัวเล็กกล่าวขอบคุณ

 

ถึงแม้วีเองจะไม่ได้คิดอะไรกับหนึ่งก็ตาม แต่พอเห็นถึงความใส่ใจและความใจดี ภายในเขาก็รู้สึกอุ่นวาบขึ้นตรงก้อนเล็ก ๆ ในอก ยิ่งพอเปิดกล่องเข้าไปเจอแซนด์วิชจัดมาอยู่ในรูปชิ้นสี่เหลี่ยมคำเล็กๆ พร้อมไม้จิ้มสะดวกในการกิน แถมเจ้าตัวเองยังเพิ่มความสวยงามด้วยการประดับช่อดอกพวงชมพูอีกสองช่อในกล่อง ยิ่งทำให้ตัวเขาเองมั่นใจอย่างหนึ่งสิ่งที่ชายคนนี้ทำมาให้เขากินนั่นผ่านการใส่ใจอย่างมาก

“น่ากินมากเลยครับ” คนตัวเล็กบอกออกไปด้วยน้ำเสียงขอบคุณจากใจจริงพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง

มือหนาสอดไปในปอยผมและลงแรงขยี้เบา “ครับ งั้นกินเยอะ ๆ นะ”

 

หนึ่งตัวเกร็ง พลางชักมือกลับมาอย่างเร่งด่วน ด้วยรอยยิ้มที่น่ารักจนใจเจ็บแบบนี้ เขากลัวจะอดใจเอาปากประกบไม่ได้ รีบตั้งสติให้กับตัวเองอย่างเร็ว เขากระแอมเรียกสติตัวเอง และหันมาขับรถไปส่งนักศึกษาใหม่ไปมหาลัย

“น้องวีอีกถุงที่อยู่ด้านหลัง พี่ฝากไปให้ไนน์ด้วยนะ คนเก่งไม่ค่อยชอบกินข้าวเช้ากินแต่กาแฟ พวกพี่ต้องคอยซื้ออะไรหลาย ๆ อย่างไปให้กินตลอดเลย”

“ไนน์ไม่ชอบกินข้าวเช้าเหรอครับ ไม่ดีต่อสุขภาพมากเลยนะเนี่ย” เจ้าตัวถามไปด้วยหยิบแซนด์วิชเคี้ยวไปด้วย ขนมปังโฮลวีทเนื้อไม่หยาบมากแต่ได้สัมผัสกำลังพอดี ชีสที่มีทั้งรสหวานและเค็มในตัวมันอร่อยมากๆ เลย ส่วนชิ้นทูน่าก็หอมผสมกับความเปรี้ยวหวานของมายองเนส แซมด้วยฟิลเลย์ ไอซ์เบิร์กทั้งกรอบและสด อร่อยสุดยอดไปเลย

“ใช่ครับ ถ้านมแย้มไม่บังคับ อย่าฝันว่าจะกินเลย แต่พี่ว่าถ้าวีทำไปให้ไนน์ต้องยอมกินแน่เลย ว่างเมื่อไหร่มาช่วยพี่ทำไหมครับ แค่แซนด์วิชก็ได้”

วียกแก้วนมมาแตะลงริมฝีปากขณะครุ่นคิด ถ้าได้ทำอะไรให้คนที่เราแอบชอบมันน่าจะมีความสุขไม่ใช่น้อย

“งั้นก็ได้ครับ เดี๋ยววีไปช่วยทำครับ”

 

คนขับลอบมองผู้โดยสารที่ยอมตกหลุมพรางเข้ามาในห้องเขา ปากเล็กเคี้ยวตุ้ย ๆ เหมือนกระต่ายน้อยกำลังแทะอาหาร คราบนมเลอะมุมปากด้วยความมือเร็วและใจร้อนของหนึ่ง นิ้วโป้งปาดคราบนมของเจ้ากระต่ายน้อยมาใช้ลิ้นเลียชิม ทันใดนั้นเขาทั้งสองต่างหยุดชะงักคล้ายตกอยู่ในภวังค์

ปี๊น!! เสียงบีบแตรดังมาจากรถคันหลังช่วยแก้ไขสถานการณ์กระอักกระอ่วนของพวกเขาทั้งคู่

“แปลกแฮะ ทำไมนมวันนี้มันหวานเป็นพิเศษ” หนึ่งกลั้วยิ้มมุมปากและเหลือบมองไปยังคนข้าง

 

ตู้ม!!! เสียงระเบิดดังในหัวของเจ้ากระต่ายน้อย เขาไม่เคยโดนใครทำแบบนี้ มันทำให้เขาใจเต้นแรงไปพร้อมกับใบหน้าเห่อร้อน วีกลบเกลื่อนอาการดังกล่าวด้วยการหันหน้าไปมองวิวข้างทางและรีบยัดของกินในกล่องเข้าปากจะได้ไม่คิดอย่างอื่น

หนึ่งพาวีมาส่งยังหน้าตึกของคณะ สายตาสอดส่องมองหากลุ่มเพื่อนนัดกันเอาไว้ ช่วงที่กำลังหมุนซ้ายขวาอยู่นั้น คนตัวเล็กก็กลายเป็นจุดสนใจอย่างมากจากการลงมาจากรถคันหรู

“วีทางนี้!!” เสียงร้องตะโกนพร้อมกับมือโบกไปมาของหนึ่งในเพื่อนสาวอย่างมัมหมีจัสมิน

คนตัวเล็กก้าวเดินไปตามทางเดินตรงไปยังกลุ่มเพื่อนที่ตอนนี้ยังมีแค่สองสาวนั่งอยู่ ส่วนคนเขาอยากเจอยังไม่มา เขาวางถุงกระดาษและปลดกระเป๋าออกจากบ่าวางลงบนโต๊ะ

“ใครมาส่งนะ? แล้วนี่ถุงอะไร?” เมเปิ้ลแอบแหวกดูข้างในถุงและไม่ได้สนใจคำตอบอันแรก แต่สิ่งเจ้าหล่อนสนใจคือของกินที่อยู่ในนั้นมากกว่า

“คุณหนึ่งมาส่งนะ แล้วก็แซนด์วิชฝากมาให้ไนน์” วีตอบ

สองสาวได้ยินคำตอบของเพื่อนตัวเล็ก ถึงกับหันขวับมองหน้ากันด้วยสีหน้าที่แปลกใจปนฉงน พร้อมกับส่งสายตาสื่อสารกันภายในใจ เขาบอกกันว่าเพศหญิงมักจะมีเซนส์พิเศษระหว่างกัน

วีรับรู้ว่าเพื่อนทั้งสองเงียบไปพร้อมกับสีหน้าที่แปลก เขารีบพูดอธิบายขึ้นมาทันที “คุณหนึ่งอยู่คอนโดเดียวกับวีและเป็นทางผ่านเลยอาสามาส่งพร้อมกับฝากอันนี้มาให้ไนน์ด้วยไง” น้ำเสียงพยายามอธิบายอย่างร้อนรน

“อืม” เมเปิ้ล

“อย่างนี้นี่เอง” จัสมิน

สองสาวพยักหน้าน้อมรับในคำตอบของเพื่อนอย่างเข้าใจ แต่ยังมิวายส่งซิกให้แก่กัน เมเปิ้ลขยิบตาใส่ ส่วนจัสมินตอบกลับมาด้วยการยักคิ้ว และในหัวทั้งสองสาวคิดเฉกเช่นเดียวกันคือ กูว่ามันแปลกนะคนที่รวยขนาดนั้นมาอยู่ที่เดียวกับวีเนี่ยนะ นายคิดเหมือนกันไหมบีหนึ่ง

สามหนุ่มหล่อของกลุ่มเดินมาพร้อมกัน และเสียงจากคนเดิมร้องเรียก เพื่อนให้มายังโต๊ะพวกเธอนั่งอยู่ พอครบองค์ประชุม เมเปิ้ลหญิงสาวกินเก่งสุดในกลุ่มหยิบกล่องทับเปอแวร์ออกมาจากถุง

“ไนน์ มีคนฝากของมาวีแนะ” พร้อมกับมือบางดันกล่องเจ้าปัญหาไปตรงหน้าเจ้าของ

ไนน์เอียงคอไปมองคนที่นั่งข้างก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นและถามออกไป “หนึ่งเหรอ?”

“ใช่แล้ว” วีพยักหน้าอย่างแข็งขัน

ไนน์หยิบกล่องมาเปิดดูข้างใน “อะพวกมึงกินเลย หนึ่งมันทำเยอะมากช่วยกินให้หมดนะ”

วีมองเพื่อนดันของกินไปไว้ตรงกลางโต๊ะ เขาเพิ่งสังเกตว่าภายในกล่องนั้นแตกต่างจากกล่องของเขามาก ภายในกล่องบรรจุแค่แซนวิชเป็นชิ้น ๆ ไม่มีการประดับตกแต่งอะไร ส่วนไม้จิ้มฟันก็ใส่มาในถุงใสวางอยู่ด้านบนอีก เมเปิ้ลรีบจัดการแจกจ่ายอาวุธให้แก่เพื่อน และลงมือกินคนแรก

“โห!! อะอ่อยอะ” แววตาเป็นประกายและน้ำเสียงชื่นชมทั้งที่ยังมีของกินอยู่เต็มปากของคนกินเก่ง

พอมีคนชื่นชมความอร่อย ที่เหลือต่างพากันจ้วงกินตามกัน มัมหมีจัสมินหันมาถามวีคนหิ้วมาว่า กินไหม แต่เขาเองกลับไม่กล้าตอบว่าตัวเขาเองกินมาแล้วกลัวเพื่อนจะสงสัย แอบพยักหน้าและรับมากินไปหนึ่งชิ้นทั้งที่ในท้องมันเต็มไปด้วยของแบบเดียวกัน

วีหันไปมองคนที่นั่งด้านข้างที่เอาแต่อ่านข้อความในไอแพด ตั้งแต่มาถึงแล้ว และนึกถึงคำพูดก่อนหน้านี้ที่ว่า ไนน์ไม่ค่อยชอบกินข้าวเช้า

 

นิ้วเล็กๆ สะกิดแขนของชายหนุ่มให้หันมา พร้อมกับยื่นแซนด์วิชที่เขาจิ้มส่งมาให้ แต่สิ่งที่ทำให้เขาเองต้องตกใจคือไนน์อ้าปากงับกินจากมือของเขา และหันไปจดจ่อกับจอตรงหน้าต่อ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่กลับเป็นตัววีเองแอบลอบยิ้มให้ตัวเอง และเขาเองก็ยังคงทำหน้าที่ช่วยป้อนจนเจ้าตัวอิ่ม

 

การกระทำของพวกเขาทั้งสองอยู่ในสายตาของเพื่อนอีกทั้งสี่คน เมเปิ้ลและจัสมินที่รู้เรื่องราว ว่าใครเป็นคนมาส่ง เขามาตามจีบลูกชายของพวกเธอแน่นอน แต่ไอ้เพื่อนตรงหน้าเนี่ยคิดยังไงกับเพื่อนเขากันแน่ แต่ถ้ามีซัมติงกันจะไม่เกิดศึกชิงนายระหว่างพี่น้องกันเหรอ

 

สิ้นสุดในการเรียนวันแรกที่ไม่มีอะไรมากมาย เพียงแค่การแนะนำตัวของอาจารย์แต่ละรายวิชาพร้อมกับเลือกตัวแทนของชั้นปีที่จะคอยรับฝากงานจากอาจารย์และเพื่อนเพื่อรวบรวมงานไปส่ง จวบจนหมดไปหนึ่งวัน ในช่วงเย็นของคณะวิศวกรรมมีการเรียกประชุมเชียร์ครั้งแรก ทั้งหมดเดินมุ่งตรงไปยังลานกิจกรรม

 

ทุกคนที่อยู่ในคณะวิศวกรรมต่างพากันมารวมตัวกัน โดยมีพี่ปีชั้นสูงกว่าคอยจัดระเบียบให้นั่งร่วมกัน คณะของพวกเขาถือเป็นคณะที่ใหญ่เพราะจำนวนคนเยอะมากประมาณ 500 กว่าคน แต่สาขาวิชาพวกเขารับเพียงแค่ 20 คนเท่านั้น จึงนั่งรวมกันเป็นกระจุกเล็ก ๆ

“สวัสดีครับน้อง ๆ ขอต้อนรับเข้าสู่การประชุมเชียร์ครั้งแรกของวิศวกรรมศาสตร์รุ่นที่ XX พี่ชื่อนายอดิศร พรหมสวัสดิ์ ชื่อเล่น เซฟ อยู่ปีสามสาขาวิศวกรรมไฟฟ้าเป็นประธานเชียร์ในรุ่นนี้ ขอเชิญรองประธานรุ่นมาแนะนำตัวครับ” เสียงปรบมือและตามมาด้วยรุ่นพี่ผู้หญิงอีกคนก้าวขึ้นมาด้านหน้า

“สวัสดีค่ะ พี่ชื่อมนัสนันท์ จันทร์ทรา ชื่อเล่น พี่นัดค่ะ อยู่ชั้นปีที่สองสาขาวิชาวิศวกรรมอุตสาหการค่ะ”

เสียงปรบมือซ้ำอีกรอบ และประธานรุ่นให้พี่สันทนาการเข้ามาแนะนำตัวในแต่ละคนจนครบหมด บรรยากาศเรียบง่ายในการพูดคุยอย่างเป็นกันเองระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้อง ประธานรุ่นเริ่มพาเข้าสู่พิธีการมากขึ้น

“พี่ขอเข้ากิจกรรมสำคัญอย่างหนึ่งของชั้นปีที่ 1 ครับ คือการเฟ้นหาบุคคลหน้าตาดีที่สุดของคณะเรา การประกวดดาว เดือน และดาวเทียม พี่ขอให้ในแต่ละสาขาวิชาเลือกตัวแทนมาอย่างละหนึ่งคนนะครับ เริ่มเลยครับ”

เสียงพูดคุยพร้อมกับเสียงโห่แซวของแต่ละสาขาดังก้องไปทั่วลานกิจกรรม เพื่อนในชั้นปีทั้งหมดหันมาจับจ้องยังกลุ่มพวกเขาที่หน้าตาโดดเด่นทั้งกลุ่ม ปาล์มประธานรุ่นเดินลุกขึ้นเดินมายังกลุ่มพวกเขา ไนน์ เจโอและวี พร้อมกับชี้นิ้วไปหาเพื่อนรักสุดหล่ออย่างคิวทันที รวมถึงสองสาวที่ร่วมด้วย

คิวที่ชี้นิ้วเข้ามาตัวเองพร้อมกับพูดว่า “กูเหรอ?”

“เออ มึงนั่นแหละ” ห้าเสียงประสานพร้อมกัน ยกเว้นน้องวีคนดีศรีสยามคนเดียวที่ไม่พูดว่ามึง แต่พูดว่า ‘คิวนั่นแหละ’ แทน

“กูไม่ว่าง” ไนน์

“กูไม่ชอบ” เจโอ

“...” วียู่ปากและส่ายหัวไปมาอย่างเดียว

“เออ กูก็ได้ นี่กูเป็นเพื่อนที่ยอมเสียสละเพื่อส่วนร่วมนะ แต่พวกมึงต้องไปพากูไปเลี้ยงเหล้าตอบแทนนะโว้ย” คิวโวยวายทวงบุญคุณกับเพื่อนทั้งสองที่ให้เขามาทำหน้าที่แทนและสีหน้าที่มั่นใจในความหล่อของตัวเอง

“ได้เพื่อน กูเลี้ยงเต็มคราบเลย” น้ำเสียงแสร้งเหมือนจะปลาบปลื้มในความเสียสละของคิวมาจากเจโอ

“เออ กูปิดผับเลี้ยงมึงยังได้เลย” ไนน์ตอบกลับไปพร้อมมือตบลงบ่ากับความมั่นหน้าของเพื่อนคิวด้วยอีกคน

“สัส แม่งไม่จริงใจเลยเพื่อนกู” เสียงด่าทอแบบกระเง้ากระงอดใส่เพื่อนหนุ่มทั้งสอง

“เอาน่า คิวไปแทนพวกเพื่อนนะ เดี๋ยววีจะคอยเชียร์อยู่ขอบเวทีเลย”

“น่ารักสุดก็น้องวีนี่แหละ” คิวที่เอื้อมมือมาหยิกแก้ม นี่สิเพื่อนตัวน้อยแสนน่ารักคอยให้กำลังเพื่อนอย่างกู

“อื่อ...เอ็บนะอิว” เสียงอู้อี้บ่นใส่คนขี้แกล้งดึงแก้มของน้องวีอยู่

หลังถกเถียงกันในกลุ่มเสร็จ ปาล์มนั่งฟังตั้งแต่แรก แล้วตัดสินใจสรุปให้แทน ‘ว่าเดือนตัวแทนของยานยนต์คือคิวนะ’ และหันไปบอกกับคนอื่นที่เหลือ ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย

“แล้วดาวล่ะ สองสาวสนใจไหมครับ” ปาล์มยังคงทำหน้าที่ต่ออีก

เมเปิ้ลและจัสมินสองสาวใบหน้าสะสวยและโดดเด่นอย่างมาก ยิ้มเจือให้แก่คนถามและส่ายหัวพร้อมกับกลอกตาขึ้นบนอย่างไม่ค่อยชอบใจ

“กลุ่มของเราส่งตัวแทนไปแล้ว ให้กลุ่มอื่นทำบ้างเถอะ” จัสมินตอบกลับแบบปัดๆ คือเป็นการปฏิเสธทางอ้อมแล้ว

“อืม งั้นเราไปถามกลุ่มอื่นนะ” ประธานรุ่นล่าถอยไปยังกลุ่มอื่นต่อ

 

ภาควิชาเขาได้ตัวแทนเดือนคือคิว ดาวเป็นหญิงสาวตัวเล็กเรียบร้อยชื่อกล้วย และดาวเทียมคือแอมมี่ ได้ข้อสรุปแล้ว ตัวแทนทั้งหมดออกไปด้านหน้าเพื่อคัดเลือกเป็นตัวแทนของคณะอีกที กลุ่มของพวกเขาสนใจแค่ตอนโหวตเดือนเท่านั้น ส่วนตัวแทนเหลือแทบเลือกแบบส่งๆ ไป เพราะไม่ได้อยู่ในความสนใจของพวกเขามากนัก ผลสรุปคือเดือนได้แก่เพื่อนคิวจากภาควิชายานยนต์ ดาวจากภาควิชาไฟฟ้า และดาวเทียมจากภาควิชาโยธา

“ตอนนี้กิจกรรมหลักเราจบไปแล้ว ตอนนี้พวกเรามาร่วมสนุกกับกิจกรรมสันทนาการกันครับ” ประธานเชียร์ประกาศออกมา เสียงกลองดังลั่น

“ไนน์เป็นอะไรหรือเปล่า” วีโน้มตัวมากระซิบใกล้ จนเขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นน้ำหอมจากตัวชายหนุ่ม

เจ้าหนูวีสังเกตสีหน้าของไนน์ แท้ที่จริงเจ้าตัวลอบมองตลอดแหละ แต่พอเห็นว่าสีหน้าดูเบื่อหน่ายอย่างมาก เขาเลยตัดสินใจเข้ามาถาม

“ไม่ค่อยชอบ มันวุ่นวายนะ คนเยอะน่ารำคาญ” ไนน์ตอบกลับไปอย่างเบื่อหน่ายติดหงุดหงิด

“ทนหน่อยนะ วีดูในกลุ่มเราก็น่าจะอาการเดียวกัน เดี๋ยวคงเลิกแล้วแหละ” วีปลอบใจพร้อมกับหันดูเพื่อนคนอื่นหันมาจับคู่คุยกันแล้ว

 

“น้อง ๆ คะ มาร่วมเล่นเกมกันค่ะ ใครที่มีชื่อเล่นเป็นพยัญชนะภาษาอังกฤษเชิญออกมาข้างหน้านะคะ” เสียงจากรุ่นพี่สันทนาการตะโกนบอกรุ่นน้อง

“จิ๊” เสียงออกมาเจโอที่ไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก

“แม่ง!” นี่เสียงสบถจากคิว

“อื่อ...” เสียงร้องจากวี

กลุ่มคนที่ออกไปมีจำนวนไม่มากเท่าไหร่ และความน่าเบื่อหน่ายของกลุ่มเขาก็หายไป สนใจเพื่อนเขาโดนเรียกออกไปถึงสามคน พวกเขาทั้งสามขยับเข้ามาใกล้กันรอดูความฮาที่จะเกิดขึ้น

 

เกมที่พวกเขาจะเล่นนั้น คือเกมปะโต๊ะปะโต๋เป็นเกมต้องทำตามคำสั่ง เริ่มต้นด้วยคำว่า

ปะ มือไปจับที่หัว โต๊ะ มือจับที่บ่า ปะโต๋ มือจับที่เอว

ยังเพิ่มความยากและสับสนด้วยคำสั่งเพิ่มเติม

ใหญ่ ให้ทำมือหดเข้าหากันให้แคบที่สุด

เล็ก ให้ทำมือขยายออก ตรงข้ามกับ ใหญ่

และ คำว่า ใช่ ให้ส่ายหัว ส่วนคำว่า ไม่ใช่ ให้พยักหน้า

 

เริ่มต้นด้วยการสาธิตของรุ่นพี่ และให้น้อง ๆ ทดลองทำกันก่อน โดยจะเลือกจับเอาคนที่ทำผิดเอาไว้ ผ่านไปรอบแรก จำนวนคนลดไปครึ่งหนึ่ง คิวและเจโอกลับมารวมตัวพร้อมกับแท็กมือกับเพื่อนข้างใน เหลือแต่วียังอยู่ในกลุ่มที่ทำผิด เพื่อนในกลุ่มมองเจ้ากระต่ายน้อยมีสีหน้าหวั่นไม่มั่นใจ

“พวกมึงไม่พาน้องวีเข้ามาด้วยล่ะ” เมเปิ้ลต้อนรับด้วยการตีพร้อมบ่นเพื่อนทั้งสอง

“ดูสีหน้าสิ วีแม่งจะร้องแล้วเนี่ย” จัสมินชี้ไปยังวียืนอยู่ข้างหน้า

และผลเป็นไปตามคาดวีทำผิดอยู่คนเดียวในรอบสุดท้าย คนตัวเล็กมีสีหน้าไม่สู้ดีที่ต้องตกเป็นเป้าสายตา เขาพยายามหันมามองยังกลุ่มเพื่อนตัวเอง ทุกคนยกนิ้วให้กำลังใจ ทั้งนิ้วโป้ง และสองนิ้วที่ชูบอกให้สู้

“น้องวี..ผู้โชคดีในวันนี้ มานี่เลยครับ มายืนด้านหน้าเลย” รุ่นพี่ผายมือให้วีขยับขึ้นมาข้างหน้าอีกนิด “ด้วยความที่โชคดีของน้องวี บทลงโทษคือการเต้นเพลง แอปเปิล มะละกอ กล้วย ส้ม ปรบมือเป็นกำลังใจหน่อยครับ....”

เสียงปรบมือ สิ้นสุดลง พี่สันหันมาถามว่าพร้อมไหม เจ้าหนูวีพยักหน้าช้าอย่างไม่มั่นใจ

“เอ้า 1 2 3 แอปเปิล แอปเปิล แอปเปิล มะละกอ มะละกอ มะละกอ กล้วย กล้วย กล้วย ส้ม ส้ม ส้ม”

พี่ประธานเชียร์ยกมือเบรกเสียงเพลงให้หยุดร้อง “พอ พอ พี่ว่าสงสัยน้องวีจะอายที่ต้องเต้นคนเดียว มีเพื่อนคนไหนอาสามาเต้นเป็นเพื่อนน้องวีบ้างไหมครับ”

วีพยายามส่งสายตามายังกลุ่มเพื่อนพวกเขา สิ้นสุดประโยคของรุ่นพี่ทั้งกลุ่มยกมืออาสาและลุกขึ้นยืนทันที วียิ้มกว้างด้วยดีใจ กลุ่มเพื่อนสนิทเข้าตัวน้อยรวมคนหน้าตาดีหนึ่งในมีดีกรีประดับเดือนคณะเรียกเสียงกรี๊ด

“โห… มีแท็กทีมแบบนี้ คณะเราคัดมาแต่คนหน้าตาดีใช่ไหมครับ หนึ่งในนั้นก็มีพี่คนหนึ่งแหละ” ประธานเชียร์ได้คำตอบรับเป็นเสียงโห่แทน

“เพื่อความสวยงามในการเต้น จับคู่ครับ หันหน้าเข้าหากัน” พวกเขาจับคู่สองสาวคู่กัน และคิวกับเจโอคู่กัน ส่วนไนน์คู่กับวี โดยให้ข้างให้กับผู้ชม เมื่อเริ่มเต้นพร้อมกับเสียงเพลง โดยมีคนยกมือถือออกมาถ่ายคลิปกลุ่มพวกเขา

เมื่อเพลงร้องจบไปสองรอบ รุ่นพี่แกล้งพวกเขาต่อ โดยบอกว่า เมื่อกี้แค่ซ้อมรอบนี้เอาจริง และพวกเขาเตรียมจะร้องเพลงเล่นกันต่อบรรยากาศกำลังสนุกสนาน

“หยุด!!! พวกคุณกำลังเล่นอะไรกัน!!!” เสียงร้องตะโกนมาจากทางด้านหลังพร้อมกับกลุ่มคนที่ใส่เสื้อชอปเดินเข้ามา

เสียงเฮฮาก่อนหน้านี้เงียบลงไปทันควัน โทรศัพท์มือถือกำลังถ่ายคลิปลดลงไปอยู่ในกระเป๋า ด้วยสายตาจ้องเขม็งของกลุ่มรุ่นพี่วินัยเดินเข้ามา

“พวกผมยืนดูมาตั้งนานแล้ว ไม่มีความสามัคคีกันเลย เพื่อนโดนทำโทษอยู่คนเดียว อาสาออกมาแค่เหรอครับ ไม่มีน้ำใจ!!” เสียงตะคอกตะโกนกร้าวดังลั่น พี่วินัยคนอื่นกระจายตัวไปรอบนอกพร้อมใจตะโกน “ไม่มีน้ำใจ!!!”

 

หลายคนก้มหน้าลงไป คนที่เลือกจะเข้าเรียนคณะนี้พอจะรับรู้อยู่แล้วว่าจะต้องเจออะไรแบบนี้ หลายคนมีสีหน้าไม่พอใจออกมาร่วมด้วย ส่วนคนอยู่ด้านหน้าแสดงสีหน้าที่แตกต่างกันไป เมเปิ้ลเบะปากไม่พอใจ จัสมินกลอกตาอย่างเบื่อหน่าย คิวปรายตาไปมายังรุ่นพี่ เจโอยืนทำหน้านิ่งไร้อารมณ์ ส่วนวีไม่เคยเจอใครตะโกนเสียงดังใส่ถึงกับมีสีหน้าตื่นตกใจอย่างมาก ไนน์ยังคงมีสีหน้าเบื่อหน่ายพอเห็นหน้าวีก้าวขาขยับไปด้านข้างใกล้คนตัวเล็ก ใช้นิ้วสะกิดมือให้หันมามอง ไนน์ยกยิ้มบาง ๆ  ปลอบใจและพยักหน้าให้ว่าเขาอยู่ข้างนะ

วีขยับปากไม่ออกเสียงตอบกลับมา “ขอบคุณนะ” เขาตกใจกับเสียงตะโกนที่ดังถึงกับสะดุ้งสุดตัวเลย แต่พอไนน์ขยับเข้ามาใกล้และมอบรอยยิ้มอบอุ่นมาให้ อาการที่กลัวหายไปทันที

“ทุกคนลุกขึ้นครับ!! จัดระเบียบให้แถวตรง ส่วนคนอยู่ข้างหน้ายืนตรง จัดแถวหน้ากระดานด้วย” เสียงคำสั่งไร้การตะโกน เป็นเสียงเข้มดังฟังชัด

“ทุกคนเงยหน้ามองผม ผมจะพูดครั้งเดียวเท่านั้น ผมดูพวกคุณตั้งแต่แรก เพื่อนคุณโดนให้ออกมาเต้น เลือดวิศวะมันมีแค่นี้เหรอ วันนี้พวกคุณเพิ่งเห็นหน้ากัน แต่เมื่อก้าวเข้ามาในอยู่ในคณะเดียวกัน พวกคุณคือพวกเดียวกันเลือดสีเดียวกัน ถ้าพวกคุณไม่รักกันใครจะรักพวกคุณ!! ตอนที่เพื่อนคุณเหลือตัวคนเดียว พวกคุณยืนดูเพื่อนเฉยๆ พอให้อาสาออกมาช่วยมีคนเสนอตัวแค่นี้ไม่กี่คน!!

พวกผมจะช่วยให้พวกคุณมีความสามัคคีกันครับ นี่คือบทลงโทษสำหรับทุกคนในที่นี้ เต้นไก่ย่าง ปฏิบัติ!!”

ในใจรุ่นน้องบทลงโทษที่คิดไว้คือการซ่อม วิ่งรอบตึก วิ่งรอบสนามแต่พอมาเจอให้เต้นไก่ย่าง ก็งงล่ะสิครับ

ติ๋ง ติ๋ง ไก่ย่างถูกเผา ไก่ย่างถูกเผา ไก่ย่างถูกเผา มันจะถูกไม่เสียบ อ้า! เสียบตูดซ้าย อ้า! เสียบตูดขวา อ้า! ร้อนจริงๆ ร้อนจริงๆ

 

รุ่นน้องที่งุนงงในคำสั่งแต่ก็ยังยอมเต้น พี่สันทนาการรัวกลองและเริ่มร้องเพลงเสียงดัง โดยมีพี่วินัยที่ยืนรอบ ๆ ตะโกนออกคำสั่งพร้อมกับสีหน้าจริง เต้นให้มันสนุก!! ร้องเพลงให้มันดังด้วย!! น้องคนนั้นยังไม่เต้นอีก!!

สีหน้าจริงจังและเสียงดุให้เต้นให้สนุกช่างขัดกับสิ่งที่พวกเขาคาดเดาเอาไว้ จนเกิดรอยยิ้มและเสียงหัวเราะตามมา จนในที่สุดพี่วินัยยกนิ้วขึ้นหนึ่งนิ้ว บอกว่าให้รู้ว่านี่คือเต้นรอบสุดท้ายแล้ว

“ทุกคนนั่งลงครับ ส่วนน้องด้านหน้ากลับเข้าไปนั่งประจำที่ได้ครับ ก่อนอื่นสวัสดีครับน้อง พวกพี่คือพี่วินัย” น้ำเสียงอ่อนลงจากก่อนหน้านี้แต่ยังคงความสุขุมเอาไว้

 

“อย่างที่เห็นเมื่อสักครู่ การที่พวกผมเข้ามาตะโกนและออกคำสั่งกับพวกคุณ ผมรู้ว่าหลายๆ คนไม่ชอบ และผมก็ไม่ชอบด้วยเช่นกัน ผมเลยไม่อยากทำกับรุ่นพวกคุณ ดังนั้นการรับน้องในปีนี้เราจะรับน้องแบบสร้างสรรค์ ไม่มีการตะโกนหรือทำโทษที่อาจจะก่อให้เกิดอันตรายทั้งทางร่างกายและจิตใจทั้งนั้น กิจกรรมการรับน้องนี้ไม่มีการบังคับให้เข้าร่วม แต่ผมอยากขอความร่วมมือทุกคนให้ร่วมทำกิจกรรมนี้ เหมือนเป็นการพบปะกันระหว่างพวกน้องที่เป็นรุ่นเดียวกันและกับรุ่นพี่ รวมถึงการร่วมทำกิจกรรมอาสา แจ้งข่าวสารต่าง ๆ ด้วยครับ

“สิ่งที่ผมอยากจะฝากพวกคุณเอาไว้ การช่วยเหลือซึ่งกันและกันเป็นสิ่งที่รุ่นที่ผ่านมาทำมาด้วยกัน พวกเราเน้นย้ำการให้เกียรติกันและกัน เมื่อรุ่นน้องทำผิดรุ่นพี่เตือน รุ่นพี่ทำผิดรุ่นน้องเตือน พวกเราเคารพในความคิดเห็นกันและกันด้วยคำสุภาพ และพี่ขอจบกิจกรรมวันนี้ เจอกันคราวหน้านะครับ วันนี้แยกย้ายกลับบ้านได้ครับ”

กลุ่มสมาชิกทั้งหกคนเดินออกมายังโต๊ะด้านนอกพบว่ามีชายหนุ่มตัวสูงหล่อนั่งรอ หนึ่งที่เลิกงานมาแล้วมาเฝ้าน้องชายและว่าที่แฟนในอนาคตตั้งแต่ช่วงเย็น ได้รับรายงานจากบอดี้การ์ดที่มาคอยดูแลความปลอดภัยน้องชายว่าวันนี้มาการเข้าประชุมเชียร์ เพราะกลัวว่าน้องจะโดนรังแกเขาเลยต้องมาแอบสอดส่องและรายงานไอ้พวกน้อง ๆ ของเขาเป็นระยะ พอเห็นคนทั้งสองถึงกับยิ้มกว้าง และเก็บโทรศัพท์ลงในกระเป๋าไป เพราะกลัวคนเก่งจะจับได้ว่าเขาแอบถ่ายคลิปตอนเต้นเอาไว้ดู

“คนเก่งเลิกแล้วเหรอครับ กลับบ้านเลยไหมให้หนึ่งไปส่งหรือเปล่า?” หนึ่งพุ่งความสนใจไปยังน้องชายที่เดินมาหา

“ไม่ต้อง ว่าจะไปสนามน่ะ”

“ไปกับใครครับ”

“กับคีน น่าจะมารอแล้วมั้ง” เสียงพูดจาโต้ตอบระหว่างพี่ชายและน้องชายอยู่ในความสนใจของวี

“โอเคครับ น้องวีกลับกันเถอะครับ” หนึ่งละความสนใจจากน้องชายเพราะรู้ว่าถ้าซักไซ้มากกว่านี้น้องจะเริ่มรำคาญแล้ว เขาต้องตัดใจไปให้ความสนใจเจ้ากระต่ายน้อยที่เอียงหูฟังบทสนทนาอยู่ และอาศัยจังหวะเผลอแย่งเอากระเป๋ามาถือ

“อะ! เอากระเป๋าคืนมานะ” วีเอาตัวเข้าไปยื้อแย่งกระเป๋าจากคนตัวสูงยกขึ้นสูงสุดแขน

“อยากได้ก็ตามเอาคืนสิครับ พี่พาวีไปส่งเองนะครับ” ชายหนุ่มร่างสูงบอกลาเพื่อนน้องชายและพาตัวเองพร้อมกับกระเป๋าของเจ้ากระต่ายไปด้วย

“หื้อ..งั้นวีไปก่อนนะ” วีทำหน้าเหมือนจะร้องไห้บอกลาคนในกลุ่ม เดินกระฟัดกระเฟียดอย่างไม่พอใจตามอีกคนไป

“ครับ /ค่ะ” เพื่อนเหลือขานรับและโบกมือตาม

“งั้นกูกลับก่อนล่ะ” ไนน์บอกและหมุนตัวไปยังอีกฝั่งที่เจ้าตัวจอดบิ๊กไบค์เอาไว้

เดี๋ยว!! หมับ!! แขนทั้งสองโดนสองสาวคว้าเอาไว้ ไนน์เลิกคิ้วและหรี่ตามมองทั้งสองอย่างสงสัย

“พวกกูมีเรื่องจะถาม มึงไม่ได้ชอบวีใช่ไหม และพี่มึงจะจีบวีใช่ไหม และมึงรู้ว่าวีชอบมึงใช่ไหม” สี่คนสี่คำถามครบและสลับกันถามรวดเดียว

ไนน์กวาดตามองไปยังเพื่อนทั้งหมด “คำตอบของกูคือ ใช่ ใช่และใช่ พอใจยัง” เขาตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงจริงจัง

เพียะ!! ฝ่ามือเล็ก ๆ ฟาดต้นแขนของเขาอย่างแรง ไนน์ถึงกับตกใจในแรงของเพื่อนสาวอย่างเมเปิ้ล มือสากของเขาลูบตรงที่โดนฟาดป้อย ๆ

“แล้วยังมีหน้ามาให้ความหวังลูกกูอีก” จัสมินจ้องตาเขียวปัดพร้อมใช้น้ำเสียงขึงขังใส่เขา

“ห๊ะ! ตอนไหนวะ?”

“วันนี้ไงมึง มึงให้วีป้อนแซนด์วิช วีแม่งป้อนไปอายหน้าแดงเลยว่ะ” เจโอตอบแทนสาวๆ

“เชี่ย! เออกูลืมตัวว่ะ วันหลังมึงเตือนกูด้วยนะ แล้วค่อยคุยกันต่อ กูไปก่อนล่ะ เดี๋ยวไม่ทันแข่งรถ” ไนน์ตอบเสร็จวิ่งหนีหายไปทางลานจอดรถ มีแค่สองสาวมองตามคนวิ่งหนีอย่างไม่พอใจ หมายมั่นปั้นมือว่าต้องจับมันมาเค้นให้รู้เรื่อง ส่วนสองหนุ่มไหวไหล่และพากันแยกย้ายกลับบ้านเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว

 

หนึ่งเดินล่วงหน้าไปก่อนหยุดรอว่าที่แฟนตรงรถ ช่วยไม่ได้นะครับ เจ้ากระต่ายเอาแต่จ้องน้องชายของเขา หวงครับ หวงทั้งคู่แหละ ยืนตบตีความคิดในหัว คนตัวเล็กเดินมาถึงพร้อมเสียงหอบเหนื่อยเพราะต้องเร่งเดินตาม ระหว่างทางเขาลอบบ่นในใจไปหลายรอบ ขายาวยังเดินเร็วอีก ใช่สิเขาแค่ขายาวไม่เท่าเอง ขาไม่สั้นนะแค่ยาวได้แค่นี้ ได้แต่ฮึดฮัดในใจไม่กล้าบ่นออกมา

หนึ่งเปิดประตูรถให้เจ้ากระต่ายน้อยเข้าไปนั่ง ส่วนตัวเองเดินอ้อมไปยังฝั่งคนขับ เอี้ยวตัวไปหยิบขวดน้ำดื่มมาส่งให้คนด้านข้าง

“น้ำครับ”

“ขอบคุณครับ”

คนตัวเล็กรับขวดน้ำที่เปิดฝามาให้เรียบร้อยยกขึ้นดื่มอย่างหิวกระหาย ระหว่างนั้นคนขับรถบริการผู้โดยสารอย่างดี ด้วยการโน้มตัวไปคาดเข็มขัดนิรภัยให้จนเสร็จ ร่างสูงโน้มผ่านลำตัวเขา กลิ่นอายของชายหนุ่มช่างมีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก คนตัวเล็กร่างบางรู้สึกภายในจิตใจว่า สิ่งที่คนพี่ทำอยู่เขาไม่เหมือนการคุกคาม แต่เป็นเพียงกระทำด้วยความหวังดี เขาไม่แน่ใจว่าทำไมถึงได้ไว้ใจขนาดนี้เพียงรู้ว่าผู้ชายคนนี้กระทำทุกอย่างด้วยความจริงใจและใส่ใจเขา

“ขอบคุณครับ” วียกมือไหว้ทั้งที่ยังถือขวดน้ำอยู่ด้วย

“หิวไหมครับ ไปกินข้าวก่อนกลับคอนโดเราไหม”

“ก็ดีเหมือนกันครับ..โครก.........” เขาจะบอกว่าหิวแหละ แต่ไอ้ท้องร้องประท้วงบอกก่อน น่าอายที่สุดร้องแบบดังมากกกก

“หึ หึ เอาเป็นว่าหิวล่ะเนอะ” หนึ่งหัวเราะในลำคอก่อนจะพูดหยอกล้อไปอีกนิดหน่อย “อยากกินไรไหม หาร้านกินระหว่างทางนะครับ”

วีได้ข้อสรุปของตัวเองคือต้มเลือดหมูข้างทาง อาหารแสนเรียบง่าย จนเขากังวลว่าทายาทมหาเศรษฐีจะกินได้ไหม แต่อีกคนกลับกินอย่างง่ายดาย ยกเว้นน้ำดื่มที่เจ้าตัวถือติดมือลงมาจากรถ เพราะเขาบอกว่าอย่างอื่นผ่านความร้อนน่าจะปลอดภัยระดับหนึ่ง แต่แก้วที่ใส่น้ำดูไม่สะอาดต้องกินจากขวดเท่านั้น

ครึ่งชั่วโมงต่อมา พวกเขามาถึงยังคอนโดที่พักของพวกเขา ระหว่างโดยสารในลิฟต์ หนึ่งหันมามองหน้าคนน้องที่สีหน้าเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ ดูท่าทางกังวล ปากเม้มเข้าหากันและขยับไปมาราวกับว่ามีเรื่องจะพูดคุยกับเขา

“คิดอะไรอยู่ครับ”

คนน้องอ้าปากและหุบก่อนจะถอนหายใจและเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “พี่หนึ่งคิดว่าชั้นที่เราอยู่มันแปลก ๆ ไหมครับ”

“แปลก?”

“ครับ คือว่า...วีสังเกตมาแล้วนะว่าทั้งชั้นน่าจะมีแค่เราอยู่แค่สองห้อง” ระหว่างพูดสายตาของคนตัวเล็กมองไปรอบ ๆ ตัวคล้ายกับกลัวว่าใครจะมาได้ยิน ทั้งที่ในลิฟต์มีแค่พวกเขา

“...” คนซื้อคอนโดทั้งชั้น ตีสีหน้าใคร่สงสัยเช่นเดียวกัน

“หรือว่า...ชั้นเรามีอะไรไม่ดีหรือเปล่า เช่นมีคนตายในห้องใดห้องหนึ่งหรือว่ามีกุ๊กกู๋” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความตื่นกลัวและสงสัย คนพูดเริ่มขยับเข้ามายืนซ้อนหลัง แม้จะไม่ถึงกับว่าตัวติดกันแต่ก็ใกล้กว่าเดิม

“ไม่หรอกครับ” หนึ่งใช้น้ำเสียงผ่อนคลายเพื่อให้คนน้องเบาใจในเรื่องนี้

ติ่ง! ลิฟต์มาหยุดชั้น 12 พึ่บ!! ประตูเปิดออกมาพร้อมกับไฟตก จังหวะพอดีสุด ๆ วีหวีดร้องด้วยความตกใจมือไม้คว้าเกาะแขนคนที่อยู่ใกล้ตัวเอาไว้ก่อน หลับตาปี๋หดตัวลีบเข้าไปเบียดคนพี่

หนึ่งเอามือไปวางทับมือน้องที่เกาะแขนและลูบเบาๆ “แค่ไฟตกครับ ไม่มีอะไรเลยครับ”

เจ้ากระต่ายขี้ตกใจค่อยลืมตาขึ้นมามองรอบข้าง พร้อมกับถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ด้วยความกลัวผีนั่นแหละ ยอมรับก็ได้ว่ากลัว เขาช้อนตาขึ้นไปมองชายหนุ่มที่เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวในตอนนี้ และเอ่ยด้วยเสียงอ่อย

“ไปส่งน้องวีที่ห้องหน่อยนะครับ”

 

To be continued….

 

เจออ้อนแบบนี้มีแต่ตายกับตายค่ะ พี่หนึ่งจะอดทนไว้ไหมคะ ท่องพุธโธไว้นะ น้องแค่กลัวผีไม่ได้คิดอะไรกับคุงพี่นะ ไรท์ยังไม่อนุญาตให้พี่ทำอะไรน้องนะถึงน้องจะแอบอ่อยก็ตาม