13 ตอน บทที่ 13 First Kiss (NC เบา ๆ)
โดย T.mines
บทที่ 13
First Kiss
ไลแลค Lilac ดอกไม้ที่สื่อถึงความรักครั้งแรกและความเชื่อมั่นในตัวคนรัก
“จำไว้นะพวกมึง อย่ายุ่งกับคนของกู”
ขายาวก้าวกลับไปยังคนตัวเล็กที่ยืนตัวสั่น น้ำตายังคงไหลไม่หยุดด้วยความกลัว มือหนาโอบไหล่ออกแรงบีบกระชับและใช้มืออีกข้างผลักประตู พ้นกรอบสี่เหลี่ยมออกมาคนตัวเล็กของเขาทรุดลงไปกองบนพื้นด้วยสภาพอันน่าสงสาร ใจเขาทั้งเจ็บปวดและโมโหเดือดดาล ถ้าหากคนน้องโดนมากกว่านี้ เขาจะทำให้พวกมันไม่สามารถอยู่ในโลกนี้และไม่สนว่าพวกมันจะลูกใคร
“วีครับ โอเคไหม” หนึ่งทรุดตัวลงไปนั่งกอดปลอบเจ้าตัวเล็ก
“ฮื่อ...พี่หนึ่งวีกลัว...พวกมันบังคับให้วีกินอะไรก็ไม่รู้ ถ้าพี่หนึ่งไม่มาวีจะทำไง ฮื่อ...” เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยเสียงอันสั่นเครือ มือเรียวเล็กกำแขนเสื้อเขาแน่น ใบหน้าสวยและสดใสเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตาซุกในอกของชายหนุ่ม
“พี่อยู่นี่แล้วนะ พี่จะไม่ให้ใครทำอะไรวีเด็ดขาด” เขายังกอดปลอบมือลูบหลังอย่างอ่อนโยน “กลับบ้านกัน ไม่ต้องกลัวนะคะ พี่หนึ่งของหนูอยู่นี่แล้ว” เขาช้อนตัวคนน้องเข้าเอวให้ใบหน้าเกยบนบ่า มือหนาช้อนสะโพกพาเดินลงบันไดไปยังรถ แถมยังพูดปลอบคนตัวเล็กไปตลอดการเดินทาง
ร่างสูงวางคนในอ้อมกอดลงบนเบาะอย่างแผ่วเบา วีเหมือนจะหลับไประหว่างทาง ด้วยแอลกอฮอล์ที่ดื่มบวกกับความเหน็ดเหนื่อยจากการร้องไห้ เขาคิดว่าพอกลับถึงห้องคงต้องเรียกหมอให้มาดูน้องสักหน่อยไม่รู้ว่าไอ้พวกเวรนั่นเอาอะไรป้อนให้คนของเขา มือบางเหนี่ยวคอไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ท่าทางกึ่งขึ้นคร่อมทับบนตัวและแขนเรียวเล็กคล้องคอมันช่างอีโรติกมาก ถ้าไม่อยู่ในสถานการณ์แบบนี้
“วีครับปล่อยพี่ก่อนครับ พี่จะต้องขับรถ” หนึ่งขบกรามอย่างอดทน “นะครับปล่อยพี่ก่อน”
“ไม่เอา...ไม่ปล่อยวีกลัว” เสียงเพ้อของเจ้าตัวเล็ก
หนึ่งกดจูบอย่างนุ่มนวลบนหน้าผาก ตามมาด้วยเปลือกตาทั้งสอง จูบซับปลอบประโลมเจ้าคนตัวเล็กและค่อยๆ แกะแขนทั้งสองข้างออกอย่างเบามือ เขาต้องการพาคนเจ้าตัวน้อยไปพักผ่อนให้เร็ว ส่วนเรื่องที่ยังค้างคาอยู่คงต้องฝากเจ้าของพื้นที่จัดการให้ทีหลัง
รถจอดลงลานหน้าพร้อมกับคนหลับตื่นลืมตาขึ้นมา อาการร้อนวูบวาบไปทั่วร่าง มือเรียวเล็กเริ่มปัดป่ายถูไถไปทั่วตัว ลำคอรู้สึกแห้งผาก ลมหายใจถี่ขึ้น
“พี่หนึ่ง...” เสียงเรียกอันแหบพร่าเต็มไปความเย้ายั่ว
“คะ ครับ” หนึ่งขานรับพร้อมกับกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก หันไปมองท่าบิดตัวเร่าของคนตัวเล็ก คอเสื้อที่เปิดกว้างลึกลงไปยังติ่งเล็กๆ สีชมพู
กริ๊ก! เสียงปลดเข็มขัดนิรภัย พร้อมกับร่างเล็กปีนขึ้นมาคร่อมบนตัวคนขับ
หนึ่งคว้าจับสะโพกประคองเจ้าตัวเล็กที่ตอนนี้กลายร่างเป็นกระต่ายน้อยแสนเย้ายวน ริมฝีปากบางประกบจูบกับสิ่งเดียวกัน ร่างสูงเบิกตากว้างกับการกระทำ เขาไม่คาดคิดว่าน้องน้อยจะลงมือก่อน หนึ่งตอบสนองทันที เขาขบเม้มดูดชิมกลีบริมฝีปากสีชมพู เล็มเลียในสิ่งที่อยากชิมมานาน เสียงดังจ๊วบจ๊าบดังก้องในรถ เขาผละปากให้คนตัวเล็ก หอบอากาศเข้าปอด แค่เพียงไม่กี่วินาทีเขาประกบปากดูดดุนสอดแทรกเรียวลิ้นร้อนเข้าไปในโพรงปากเจ้าตัวเล็ก ใบหน้าของเขาแนบสนิทจนไร้ช่องว่าง ชายหนุ่มปรับเอียงใบหน้าให้ได้องศา ลิ้นกวาดต้อนสำรวจปากเล็กอันคับแน่นไปด้วยลิ้นทั้งสอง เขาตวัดลิ้นหยอกล้อกับเรียวลิ้น เลียเก็บน้ำสีใสเลอะขอบมุมปากอีกคน มือน้อยออกแรงทุบไหล่เขา บอกเขาว่าเจ้าตัวหายใจไม่ออก หนึ่งปล่อยออกมาอย่างเสียดาย
“แฮก ๆ” เจ้ากระต่ายน้อยหอบหายใจกอบโกยอากาศเข้าปอด
ชายหนุ่มไม่ยอมปล่อยให้นานอีกเช่นเคย เขาประกบจูบอยู่ซ้ำ ๆ อยู่หลายรอบ แต่เขาก็ยังไม่เพียงพอ เขายังอยากจูบอยากกลืนกินปากอันนี้ ให้กินทั้งคืนยังได้เลย
ในที่สุดร่างสูงยอมปล่อยปากคนตัวเล็กบวมเจ่อ ร่างบางเอนหลังพิงพวงมาลัยหอบหายใจเข้าปอดราวกับปลาบนบกขาดน้ำ หนึ่งซบหน้าลงบนอกคนน้องที่กระเพื่อมขึ้นลงฟังเสียงหัวใจที่เต้นแรงไม่แพ้ของเขาเช่นกัน
“พี่ต้องทำไงกับเราดีนะ” เขาถอนหายใจอย่างอดกลั้นถึงขีดสุด แก่นกายที่ขยายคับแน่นปวดหนึบในกางเกง
ร่างสูงตัดสินใจว่าจะอดทนไม่ทำอะไรน้องวีเด็ดขาด เขาอยากรักและทะนุถนอมร่างของว่าที่แฟนมากที่สุด เขาช้อนตัวเล็กเข้าเอวในท่าเดียวกับตอนอุ้มออกจากผับ คนตัวเล็กที่ยังไม่หมดฤทธิ์ยา เอาหน้าซุกไซ้ซอกคอ เลียชิม ยังลงฟันแหลมที่คอเขาด้วย
เพียะ! มือหนาฟาดก้นนิ่มอย่างแรง เผื่อเจ้าตัวมีสติขึ้นมาบ้าง ขายาวพยายามก้าวให้ยาวและเร็วและออกแรงฟาดไประหว่างที่คนตัวเล็กพยายามยั่วเขา เขายอมโดนเจ้าตัวเล็กดุที่ฟาดจนก้นแดง ดีกว่าให้เกลียดในความไม่ยับยั้งชั่งใจ
“เจ็บ!! พี่หนึ่งขา..วีร้อน ชะ ช่วยวีหน่อย...” เสียงบอกอย่างไม่พอใจ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นน้ำเสียงกระเส่ากระซิบซอกกกหู มือเล็กลูบไล้ทั่วแผ่นหลังหนา ๆ
“วีครับ! อยู่เฉยๆ” เสียงกดต่ำแหบพร่าไปยังคนตัวเล็ก เขากัดฟันแน่นด้วยความอดทน จนใบหน้าขึ้นเป็นรูปสันกราม
หนึ่งพาวีไปยังห้องน้ำ ยัดเข้าใต้ฝักบัวเปิดน้ำราดด้วยน้ำที่เย็นจัด หนึ่งโอบกอดเจ้าตัวเล็กไว้แนบอก “อดทนไว้นะวี อดทนก่อนนะ”
“พี่หนึ่งขา ช่วยวีหน่อยค่ะ วี...อ้า...ไม่ไหวแล้ว” เจ้ากระต่ายแสนซนร้องขอคนพี่ด้วยใบหน้าแดงซ่านเร้าอารมณ์ บดเบียดแก่นกายที่ตื่นตัวเขากับต้นขาของเขา
หนึ่งปลดกางเกงของคนน้องร่วงหล่นกองบนข้อเท้า และรูดซิปควักของตัวเองออกเช่นกัน มือสากคว้าสิ่งอ่อนไหวที่มีขนาดสมของเจ้าตัวรวบกับของเขา ขยับมือรูดรั้งขึ้นลงไปตามจังหวะ คนตัวเล็กเผยอริมฝีปากเป็นจังหวะให้คนตัวโตบดเบียดริมฝีปาก แล้วส่งลิ้นร้อนเข้ามาสำรวจในโพรงปาก ส่วนทางด้านล่างก็ยังทำหน้าที่อย่างต่อเนื่องขึ้นลงตามจังหวะช้าและเร่ง เร่งจนถึงขีดสุด น้ำสีขาวพุ่งออกจากแก่นกายของเจ้ากระต่ายน้อย
“อะ อ้า พี่หนึ่ง...” เสียงกรีดร้องจบพร้อมกับร่างอันหมดแรงคอพับลง
“อืม...” ชายหนุ่มขยับมือต่ออีกนิดเขาก็พาตัวเองไปถึงฝั่งฝันตามคนตัวเล็ก
“เฮ้ย...หมดฤทธิ์สักที”
ชายหนุ่มมองคนในอ้อมกอด เขาจัดการถอดเสื้อผ้าพวกเขาที่เปียกออก ช้อนร่างบางและจัดการเช็ดตัวใส่เสื้อผ้าชุดนอนให้และหันไปจัดการเสื้อผ้าตัวเอง ตามด้วยต่อสายหาบอดี้การ์ดของตัวเอง
[ครับคุณหนึ่ง] เสียงปลายสายจากจิน
“มึงไปพาไอ้หมอนิกมาหากูที่ห้องไม่สิ ห้องน้องวี”
[คุณวีเป็นอะไรครับ]
“กูให้ไปพามาก็ไปพามา ไม่ต้องถามมาก 15 นาทีต้องถึง” เสียงคำสั่งเด็ดขาด
[ครับ...] บอดี้การ์ดยังไม่ทันพูดจนจบสายตัดไปทันที
จิน~ เจ้านายกูเป็นอะไรอีกวะเนี่ย แต่ 15 นาทีมันเร็วไปไหมครับ ผมไปก็เกือบสิบนาทีแล้ว แต่รู้สึกว่าจะมีงานเข้าอีกแล้วจิน
ชายร่างสูงคว้ากุญแจมอไซค์และขับออกจากห้องพักส่วนตัว ในระหว่างทางต่อสายคุณหมอ โชคดีที่คุณหมอกำลังเพิ่งผ่าตัดเสร็จ เขาเลยสั่งให้รออยู่ตรงนั้น เขากำลังจะรีบไปรับ ห้านาทีต่อมา จินวิ่งมาลากคุณหมออายุมากกว่าเขาถึงสามปี ออกมาจากห้องในสภาพชุดทำงานขึ้นควบมอไซค์ที่จอดสตาร์ทเครื่องรอ เสื้อกาวน์สีขาวของคุณหมอปลิวโบกสะบัดตีไปกับลมตลอดทาง
“เร็วครับหมอ หมดเวลาแล้วเนี่ย” จินฉุดกระชากลากคนที่มาด้วยไปยังลิฟต์
“อะไรของมันวะ รีบยังกะใครจะตายห่า” เสียงหงุดหงิดจากคุณหมอหนุ่ม ไหนจะเหนื่อยจากการยืนผ่าตัดยังไม่ทันจะได้กลับบ้านก็โดนลากมาทำงานอีก
“ผมก็ไม่รู้ครับ แต่เสียงบ่งบอกว่าถ้าช้ากว่าที่กำหนดอาจจะมีคนตายไม่ผมก็หมอนิกแหละ ผมขอเลือกเป็นหมอแทนแล้วกันนะครับ”
“อ้าวไอ้เวรนี่ เอากูมาตายแทน” คุณหมอยกสเตทโตสโคปที่ห้อยคอติดมาทำท่าจะฟาด
ติ่งต่อง! ประตูเปิดออกอย่างเร็ว “ช้าสัส!” พวกเขาทั้งสองอยากจะเถียง แต่เจ้าของคำด่าเต็มไปด้วยแววตาที่พร้อมฆ่าคนตาย เอาแต่ลอบบ่นในใจแทน
‘เร็วกว่านี้ต้องเปิดวาร์ปมาแล้วล่ะพ่อคุณ...หมอนิก’
‘ผมขับรถมานะครับเจ้านาย ต่อให้บินมาก็ยังไม่ทันใจคุณหนึ่งอยู่ดี...จิน’
“คนป่วยอยู่ไหน” คุณหมอรีบหาถามคนไข้ก่อนที่ชะตาเขาจะขาด
เจ้านายผายมือไปยังห้องนอนที่เปิดประตูค้างไว้ คุณหมอเดินไปพบคนป่วยบนเตียงนอนหอบหายใจอย่างแรง โดนม้วนด้วยผ้าห่มเป็นข้าวห่อสาหร่าย คุณหมอหนุ่มมองกลับไปยังคนที่สั่งให้เขามาตรวจ ว่าจะให้ตรวจแบบนี้ใช่ไหม
“ตรวจสิมองหน้าทำไม!!” เสียงคำสั่งกดต่ำอย่างร้อนใจ
“ครับ”
“...” คุณหมอขยับตัวเข้าไปใกล้ หมายจะยื่นมือมาแกะผ้าห่มที่รัดตัวเพื่อทำการตรวจเบื้องต้น
“ทำอะไรน่ะ!!” เสียงตวาดพร้อมกับปัดมือเขาออก
คุณหมอหันไปบอกอีกคนอย่างเหนื่อยหน่าย “คุณหนึ่งครับ ถ้าไม่แกะออกผมจะตรวจยังไงครับ ฟังเสียงหัวใจผ่านผ้าหนา ๆ แบบนี้ไม่ได้นะครับ”
“เออ แกะได้แต่ห้ามแตะต้องอย่างอื่น ห้ามมองนอกเหนือจากสิ่งตรวจ”
จินเลิกคิ้วมองอาการหวงคนของเจ้านายอย่างออกหน้าออกตา ในส่วนของคุณหมอถึงกับคิ้วกระตุกในคำสั่ง อยากจะด่ากลับไป ถ้าหวงขนาดนี้ไปเรียนหมอมาตรวจเองเลยไหมเจ้านาย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้แค่พยักหน้ายอมรับคำสั่ง
“ผมว่าน้องคนนี้น่าจะได้รับสารกระตุ้นประสาท จากอาการหัวใจเต้นแรง ลมหายใจหอบถี่ ม่านตาที่ขยายกว้างและอาการกระสับกระส่าย เดี๋ยวผมฉีดยานอนหลับให้อาการน่าจะดีขึ้นครับ” คุณหมอจัดการฉีดยาให้คนป่วย และบอกกล่าวกับคนร่วมห้องอีกว่า “ถ้าอาการไม่ดีขึ้นหรือมีอาการอาเจียน หายใจเร็วขึ้น รีบพาไปโรงพยาบาล”
“แล้วมีอะไรที่ต้องระวังอีกไหม”
“คงไม่แล้วล่ะครับ ดูจากน้องเขาอยู่สภาพนี้ผมก็คงไม่ต้องพูดแล้วครับ” คุณหมอปรายตาไปมองคนตัวผอมบางผิวขาวนอนหายใจอย่างสม่ำเสมอหลังจากได้รับยา ส่วนเจ้านายของเขาอยู่ในสภาพหัวเปียกโชก เขาเดาว่าต้องอดกลั้นอย่างมาก
“คุณหนึ่งให้ผมอยู่ด้วยไหมครับ เผื่อจะได้ไปโรงพยาบาล...” จินถามด้วยเสียงเบาลงทีละนิดเมื่อเจ้านายตวัดสายตาราวกับปืนไรเฟลส่องมายังเขา
“มึงแค่เตรียมตัวเอาไว้ ถ้ามีอะไรกูจะเรียกไป”
“ครับ” จินขานรับ และนี่ไงงานเข้าจริง ๆ สแตนด์บายรอทั้งคืนแน่ ๆ
“งั้นถ้าไม่มีอะไรแล้ว พวกผมขอตัวกลับเลยนะครับ”
หนึ่งพยักหน้าอนุญาตให้ทั้งสองออกไปจากห้อง เขาลุกขึ้นยืนพิงหัวเตียง ใช้มือเขี่ยปอยผมที่ปกหน้าผากคนตัวเล็กของเขา หยิบโทรศัพท์มาต่อสายหาหนึ่งในน้องชายฝาแฝดทาซอท
[ว่าไงมึง มีอะไร] ทาซอทรับสายและพวกเขารับรู้ว่าถ้าไม่มีอะไรจะไม่โทรหากัน
“ห้องที่อยู่ถัดจากห้องน้ำไปสามห้อง พาเด็กกูไปมอมยา มึงดูให้กูหน่อยว่าเป็นใคร ถ้าจะให้ดีลากพวกมันมาให้กูด้วย”
[แล้วจะให้องค์ชายของกูรู้เรื่องไหม] องค์ชายที่ทาซอทพูดถึงคือไนน์น้องชายสุดที่รักของพวกเขา
“ยังก่อน รอน้องตื่นก่อนค่อยให้เจ้าตัวเขาตัดสินใจเอง”
[เออแล้วแต่มึงแล้วกัน ส่วนเรื่องนี้กูจัดการให้รอฟังข่าวเลย]
“เออขอบใจมึง”
หลังจากจัดการเรื่องทุกอย่างจบ หนึ่งย้ายตัวเองขึ้นไปนอนข้างคนตัวน้อย ยกตัวสอดแขนรอใต้คอ โอบกอดตัวเล็กจากทางด้านหลังจนแทบไม่เหลือช่องว่างให้อะไรมาแทรกกลางระหว่างพวกเขา ใบหน้าแนบแผ่นหลังฟังเสียงลมหายใจของเจ้าตัวเล็กยังเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ
คนตัวน้อยตื่นขึ้นมาในช่วงเกือบเที่ยง ลืมตาขึ้นมารับรู้ว่าตัวเขาเองตกอยู่ในอ้อมกอด อาการปวดหัวและมึนหัวเล็กน้อย เจ้าตัวขยับตัวออก แต่คนที่ยังไม่ตื่นลากตัวเอาไว้ในอ้อมกอดแน่นยิ่งกว่าเดิม ร่างบางเม้มปากด้วยความเขิน ถึงจะรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยแต่ก็ยังอายอยู่ดี
“ตื่นแล้วเหรอครับ” หนึ่งรู้สึกถึงการขยับตัวของคนในอ้อมกอด เขาจึงเอ่ยถามขึ้นมาด้วยเสียงงัวเงีย เขาเพิ่งจะได้หลับไปตอนเช้า เพราะคอยแต่กังวลว่าคนหลับจะมีอาการอะไรแทรกขึ้นมา
“คะ ครับตื่นแล้ว” วีตอบไปด้วยเสียงสั่นพอ ๆ กับใจที่เต้นแรง
เจ้ากระต่ายก้มหน้าซุกอกของชายหนุ่ม พอได้สติเขาก็หวนคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน แม้ว่าภาพจะขาดหายเป็นช่วง ๆ แต่ก็ยังพอปะติดปะต่อเรื่องราวจนครบถ้วนได้ ไล่เรียบเรียงภาพแต่ละฉากที่เกิดขึ้น ไหนจะปีนขึ้นไปจูบพี่หนึ่ง แถมยังทำท่าทางให้ท่าจนโดนตีก้น และภาพสุดท้ายในห้องน้ำ
“...” เสียงกรีดร้องและร่ำไห้อย่างน่าอายภายในใจ เขาเงยหน้าลอบมองอีกคนยกมือขึ้นมาจับปากตัวเอง เขายังสัมผัสถึงรสจูบนั่นอยู่เลย
“ปวดหัวไหมครับ เวียนหัวไหม อยากจะอ้วกหรือเปล่า” หนึ่งไล่คำถามเป็นชุด เขาดันตัวเองขึ้นมาเพื่อจะดูหน้าคนป่วย แต่อีกคนเอาแต่มุดหน้าลงกับหมอน ใบหูที่แดงซ่าน หนึ่งยิ้มในความน่ารักน่าเอ็นดู
“ไม่ วีเป็นอะไรแล้ว” เสียงตอบอู้อี้ดังออกมาจากหมอน
หนึ่งจับมือของเจ้าตัวเล็กออกแรงดึงเบา ๆ ให้หลุดออกมา “หันหน้ามาให้พี่ดูหน่อย อายอะไร หื้อ...”
“ไม่เอา วีไม่กล้ามองหน้า...วีอาย อือ...” เจ้ากระต่ายน้อยโวยวายโอดครวญอย่างเขินอาย ยกเอามือมาปิดหน้า
"ขอดูหน้าหน่อยครับ" หนึ่งยิ้มให้กับคนแอบกางนิ้วมาดูหน้าเขาและหุบนิ้วไปเช่นเดิมเมื่อเห็นว่าเขายังจ้องอยู่ “อายเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเหรอ เรื่อง...ที่วีมาจะ จะจูบ” เขากล่าวพูดเว้นห่างให้คนตัวเล็กคิดตาม
“พี่หนึ่ง...” เจ้าตัวเรียกชื่อเขาลากเสียงยาว และเอามือมาปิดปากไม่ให้เขาพูดจนจบ
“...” แต่อย่างน้อยเขาก็ได้เห็นหน้าน้องแล้ว หนึ่งจีบมือทั้งสองของเจ้าตัวเล็กไว้ และเขาถามด้วยเสียงเรียบนิ่ง “ยังปวดหัวอยู่ไหม เวียนหัวไหม อยากอ้วกไหม” เขาถามย้ำแต่ละคำถาม และเจ้าตัวตอบกลับมาด้วยการส่ายหัวทุกครั้ง “คำถามสุดท้ายครับแล้วเราค่อยมาคุยกัน หิวไหม”
“...” ส่ายหัวเช่นเดิม
“วีพอจะจำเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนได้ใช่ไหมครับ” เจ้าตัวตอบกลับมาด้วยการพยักหน้า “พี่ขอโทษนะที่พี่ปล่อยวีไปเข้าห้องน้ำคนเดียวจนเกิดเรื่อง และพี่ได้ล่วงเกินวีไปด้วยครับ”
“พี่หนึ่ง...ไม่ใช่ความผิดพี่เลย วีดื้อจะไปเอง และถ้าพี่หนึ่งไม่ไปช่วยวี ก็ไม่รู้อะไรจะเกิดขึ้นมั่ง วีสิต้องขอโทษในความดื้อของวี ส่วนเรื่องนั้นมันเหตุสุดวิสัยน่ะครับ” เจ้าตัวบอกกับคนร่วมห้องมีสีหน้ารู้สึกผิดและปากเบะจะร้องไห้ ร่วมกับหน้าเห่อแดงที่พูดถึงเรื่องสิบแปดบวก
“ไม่ต้องร้องครับ ต่อจากนี้พี่ไม่ให้ใครมาทำอะไรน้องวีของพี่อีกและพี่ดีใจนะที่พี่เป็นคนไปช่วย ถ้าเป็นคนอื่นไปแทนพี่คงขาดใจตาย” แค่ได้เห็นไอ้นั่นจูบกับน้องแทบอยากจะฆ่าให้ตาย แต่ถ้าเป็นน้องชายสุดที่รักของเขาเข้าไปช่วยแทน เขาคงฆ่าตัวเองแทนเพราะทนภาพบาดตาไม่ไหว
“...” เจ้าคนน้องเม้มปากด้วยความรู้สึกผิดและเขินอาย เขาพยายามนึกคำพูดออกมา และมันรู้ว่าจะหาคำไหนมาพูดให้เหมาะกับสถานการณ์แบบนี้ ทั้งที่เขาเป็นคนดื้อรั้นจนเดือดร้อน แต่กลับรู้สึกว่าพี่หนึ่งกำลังโทษตัวเองในเรื่องที่เกิดขึ้นกับเขา “พี่หนึ่งโกรธที่วีดื้อไหมครับ”
“ไม่โกรธครับ แต่คราวหน้าไม่เอาแบบนี้อีกแล้วนะ ต้องไม่ดื้อกับพี่อีก” เสียงดุเบา ๆ อย่างจริงจังจากคนร่างสูง
“ครับ” คนตัวเล็กขานรับอย่างสำนึกผิด
“พี่ยังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับเพื่อนเรานะ พี่ให้สิทธิวีจัดการเองเลย พี่ไปทำข้าวต้มในเรากินรองท้องหน่อยแล้วกัน” หนึ่งตั้งท่าลุกขึ้น
“ทำไมพี่หนึ่งใจดีกับวีจังเลยครับ วีแค่สงสัยนะครับ...” คนตัวเล็กจับที่มือเขา นี่เป็นครั้งแรกที่น้องจับมือเขา
หนึ่งประสานสายตากับเจ้าของดวงตาเล็กที่สดใส เขากลืนน้ำลายลงคอ เขาอยากจูบ อยากจูบมาก ๆ “ถ้าพี่ขอจูบกับวีอีกครั้ง วีก็จะรู้คำตอบของพี่” เขาตัดสินใจพูดออกไป และเขาเห็นสีหน้าตกใจของคนที่เขาขอ ก็พอรับรู้ว่าสิ่งที่เขาพูดออกไปมันผิด “พี่ขอโทษถือซะว่าวีไม่เคยได้ยินมัน” เขาเตรียมผละจะลุกไปอีกรอบ
แต่มือเล็กรั้งเขาเอาไว้ “ครับ วีก็อยากลองจูบกับพี่หนึ่งอีกครั้ง” น้ำเสียงจริงจังจนทำให้คนฟังเกิดชะงัก สายตาที่ช้อนขึ้นมามอง วีเองก็อยากรู้คำตอบของตัวเองเช่นกันว่าใจมันจะเต้นแรงไหม
“วีแน่ใจแล้วนะ”
“....” คนตัวเล็กพยักหน้าตอบ
หนึ่งประทับริมฝีปากเข้ากับสิ่งเดียวกันที่นุ่มหยุ่น และจนเจ้าของริมฝีปากสวยเผยอออกด้วยความตกใจ เขายกยิ้มมุมปาก ค่อย ๆ ละเมียดชิมกลีบปากอันน้อยอย่างช้า ๆ ไล่เล็มไปทีละนิดจากปากล่างย้ายขึ้นไปยังปากด้านบน คนพี่ไล้มือไปตามกรอบหน้าแสนสวยจนถึงหลังศีรษะ ออกแรงดุนเบา ๆ ให้ปากพวกเขาแนบชิดกันทนไร้ช่องว่างให้อากาศผ่าน เขาทั้งสองแลกเปลี่ยนลมหายใจร้อนซึ่งกันและกัน เรียวลิ้นของร่างสูง ไล้เลียขอบริมฝีปากแต่ก็ไม่รุกล้ำ ร่างสูงยอมผละริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่ง
มือหนายกมาประคองใบหน้าและจูบประทับที่หน้าผาก “ขอบคุณครับ หนูพอจะรู้คำตอบหรือยังครับ”
“...” คนที่โดนจูบพยักหน้าแทนคำตอบ
“งั้นวีไปอาบน้ำนะครับ พี่จะออกไปทำข้าวต้มให้ทาน”
หนึ่งรีบผละตัวออกมาเพราะตัวเขาเองอาจจะไปหยุดแค่จูบ แค่ฝืนตัวเองที่ไม่สอดลิ้นเข้าไปก็ยากมากแล้ว เขาอยากให้สถานะมันชัดเจนกว่านี้ถึงค่อยก้าวไปอีกขึ้น ยิ่งปากที่เม้มแน่นจะอยากจะเข้าไปกัดกินให้หนำใจ
“แล้วที่นี้จะเอาไงละไอ้วี จะมองหน้าพี่หนึ่งยังไงเนี่ย...”
คนตัวเล็กอยู่ในห้องทิ้งตัวลงนอน ยกหมอนที่มีกลิ่นของคนพี่มาสูดดมแก้เขิน ตัวเขาแทบจะระเบิดอยู่แล้ว รสจูบของพี่หนึ่งมอบให้มันละมุนละไม อบอุ่นหัวใจ เจ้าตัวน้อยยกมือสัมผัสปากตัวเองที่ยังบวมเจ่อ เขายังรู้สึกถึงริมฝีปากพี่หนึ่งอยู่เลย เจ้ากระต่ายน้อยกดหน้าลงกับหมอนและกรีดร้องอย่างเขินอาย และนอนบิดตัวไปมาเป็นกิ้งกือโดนน้ำร้อนลวก
คนตัวเล็กอาบน้ำเสร็จค่อย ๆ เปิดประตูห้องออกมาอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ แผ่นหลังกว้างของพ่อครัวในชุดนอน หัวฟู และผ้ากันเปื้อนอันเดิม เขามองอยู่นานจนชายหนุ่มคนดังกล่าวหันมาและยิ้มกว้างให้
“อาบน้ำเสร็จแล้วเหรอครับ ข้าวต้มเสร็จพอดีเลย” ข้าวต้มหมูร้อน ๆ ควันโชยจากชามวางลงที่ประจำบนโต๊ะกินข้าวสำหรับคนของเขา
เจ้าตัวเล็กเม้มปาก เกาต้นคอด้วยความกระดากเขินอาย “ขะ ขอบคุณครับ” กดก้มหน้าลงแทบจะติดอก พอคนตัวโตขยับเข้ามาใกล้ วียิ่งทำตัวให้ลีบลงไปอีก
“พี่ไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ เดี๋ยวออกมากินด้วย” มือหนาวางบนหัว ก่อนผละออก
“อะอืม” เจ้ากระต่ายน้อยตัวแดงขานรับในลำคอ
ไม่นานเสียงสวบสาบพร้อมกับเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามขยับออกตามด้วยร่างหนานั่งลง วีช้อนตาขึ้นมามองก่อนลู่หลบลงเช่นเดิม มือน้อยหยิบช้อนตักข้าวต้มเข้าปาก คนตัวสูงตักข้าวกินด้วยเช่นกันในขณะที่ตัวเอง ยังคงจ้องมองคนก้มหน้าลงไปแทบจะเอาจมูกกินแทน
หนึ่งลอบยิ้มในใจ ยกมือเท้าแก้มดูอาการคนขี้เขินกินข้าว “สงสัยวีจะหิวมาก หน้าหนูจะมุดลงไปในชามแล้ว” เขากลั้วยิ้มเอ่ยแซวเจ้ากระต่ายน้อยของเขาในตอนนี้เปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีชมพูทั้งตัวแล้ว
“พี่หนึ่งอะ...อย่าแซววีดิ” เสียงร้องลากยาว
“ครับ ๆ ไม่แซวก็ไม่แซว แต่เจ็บปากไหมพี่เห็นว่ามันยังบวมอยู่นะ” อันนี้ถามด้วยความเป็นห่วง
“...” คนตัวเล็กยกมือมาปิดปาก ตวัดตาเขียวปัดใส่คนแซว
Rrrrrr
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาขัดจังหวะการหยอดหวานในตอนกินข้าวของหนึ่ง เขาเดินไปหยิบดู พบว่าเป็นน้องชายที่ให้ตามเรื่องเมื่อคืนนี้ เขาคิดว่าจะแอบจัดการลับหลังน้อง แต่หลังจากยอมให้เขาจูบก่อนหน้านี้ ตัวเขาเองต้องตัดสินใจใหม่ เขาไม่อยากมีเรื่องปกปิด เขาอยากให้น้องรับรู้ตัวจริงของเขาว่าเป็นคนแบบไหน
“เออว่าไง”
[กูคุยตอนนี้เลยได้ไหม อยู่กับใครหรือเปล่ามึง]
“คุยได้ แต่เปิดโฟนให้น้องฟังด้วย”
[หื้อ! อะเออได้ ๆ] ทาซอทที่อยู่ปลายวางถึงกลับเหวอไปกับไอ้พี่ชาย จะให้อีกคนตัวน้อยฟังด้วย ดีนะบอกก่อน
“ว่ามาเลยมึง”
[ไอ้เด็กห้องนั้นก็เส้นใหญ่พอสมควรมึง มันเป็นลูกชายคนโปรดของรัฐมนตรีที่ปู่กำลังดีลเรื่องพื้นที่สัมปทานรถไฟฟ้าสายใหม่ว่ะ]
“...”
[มึงเอาไง กูจะได้จัดการถูก]
“กลัวกระเทือนงานปู่ว่ะ แต่กูแม่งอยากเล่นกล้ามายุ่งกับคนของกู”
[คนของกูเต็มปากเลยนะมึง ถามเจ้าตัวหรือยังว่าเขาอยากเป็นไหม]
“สัส”
[เออ แล้วแต่มึงเอาไงโทรมาบอกกูแล้วกัน ช่วงนี้จะให้คนตามดูให้ก่อน ยังไงผ่านปู่ก่อนก็ดีนะมึง]
“ได้จะโทรบอกอีกที”
คนตัวเล็กแอบยกมือกุมแก้มและบังคับไม่ให้ตัวเองยิ้ม เพราะเขินคำว่า คนของกู พี่ทาซอทยังมาแซวต่ออีกเขายิ่งเขินไปใหญ่
แต่พอคิดตามเรื่องราวที่ได้ฟังผ่านโทรศัพท์ ความเขินค่อย ๆ ลดลงกลายเป็นความนิ่งเงียบ เขาเพียงแค่นึกว่า ถ้าเกิดพี่หนึ่งไม่เอื้อมมือมาช่วย ชีวิตเขาตอนนี้จะเป็นยังไง ยิ่งฝั่งนั้นเป็นคนมีชื่อเสียง วีเองไม่อยากให้ทางบ้านพี่หนึ่งเดือดร้อน และที่สำคัญเขาก็ไม่เป็นอะไรด้วย
“วีครับคิดอะไรอยู่เหรอ” หนึ่งเห็นน้องเอาแต่ใช้ช้อนคนข้าวในชามอย่างเหม่อลอย
“วีคิดว่า...ถ้าแจ้งความเอาเรื่องจะเดือดร้อนใครมั่ง จะกระทบทางบ้านพี่หนึ่งกับไนน์หรือเปล่าครับ” เจ้าตัวถามไปด้วยความกังวล
“ทำไมต้องกลัวใครเดือดร้อน วีต่างหากที่เสียหาย ถ้าขืนมันเอายาแรงกว่านี้หรือัตรายกว่านี้ให้เรากิน อาจจะตายก็ได้นะ”
“...”
“ถ้าหนูจะเอาเรื่องเดี๋ยวพี่จัดการเอง แต่คงต้องไปบอกปู่ไว้ก่อนแค่นั้นแหละ” หนึ่งเข่นเขี้ยวอยากเอาคืนแทบตาย
เจ้าตัวเล็กยังติดใจเอาความอยู่ คิดตามคนพี่บอกว่าถ้ามันหนักกว่านี้เขาคงโดนข่มขืน ไม่ก็รุมโทรมเสร็จ แล้วคงโดนโยนทิ้งเหมือนหมาตัวหนึ่งเท่านั้น “พี่หนึ่งครับวีมีแผนอย่างหนึ่ง รอให้เรื่องมันเงียบหายไปก่อน เหมือนว่าเราจะไม่เอาความ แล้วค่อยมาตลบหลังจัดการ จะได้ไม่รู้ว่าเป็นพวกเรา”
“โอ๊ะโอ เห็นแบบนี้แอบร้ายไม่เบาเลยนะเนี่ย พี่ต้องระวังตัวไว้ด้วยไหมคะ” คนพี่หรี่ตาจ้องอย่างสงสัย
“วีไม่มีเรื่องกับพี่หนึ่งสักหน่อย” เสียงตอบกลับทันควันตามด้วยแก้มพองลมอย่างไม่พอใจ
“เราไม่ต้องจำเป็นต้องดีกับทุกคน ใครดีมาเราดีตอบใครร้ายมาเราร้ายกลับ แต่ต้องคูณสิบด้วยนะครับ” หนึ่งลูบหัวเจ้าตัวน้อย ยกยิ้มร้ายให้กับคนน้องที่เข้าใจกันอย่างดี
“พี่หนึ่งแอบน่ากลัวกว่าวีอีก” เสียงบ่นเบา ๆ ของเจ้าคนตัวเล็ก
“แต่เขาว่าคนที่คู่กัน มักจะมีอะไรที่เหมือนกันอยู่นะครับ”
To be continued….
----------------------------------------------------
หนูวีกำลังจะตกหลุมรักพี่หนึ่งแล้วนะคะ เมื่อไหร่จะได้หวานกันสักที ฝากคอมเม้นติชมกันด้วยนะคะ ไรท์ห่อเหี่ยวมากเลย
ติดตามข่าวสารแจ้งอัพนิยาย ได้ที่ TW @TYokmanee หรือจะเพจของไรท์ที่ รอร.ได้เลยค่ะ