บทที่ 11 

ความลับไม่มีบนโลกใบนี้

การ์ดีเนีย (Gardenia) หรือพุดซ้อน

ดอกไม้สำหรับคำขี้อาย ดอกไม้แห่งการแอบชอบ เพราะมันหมายถึง ความรักที่เป็นความลับ

 

 

ไนน์ถอนหายใจและมองคนอื่นๆ “สรุปต้องคอนโดกูแล้วแหละ” เขากลืนน้ำลายไปหนึ่งอึกและพูดกับเพื่อนๆ ว่า “มีเรื่องที่กูยังไม่บอกพวกมึงอยู่เรื่องนึง ทุบได้แต่อย่าโกรธนะมึง เอาแบบว่าไปถึงคอนโดกูแล้วพวกมึงจะรู้เอง”

 

“หรือว่ามึงซ่อนลูกเอาไว้วะ” คิวถามขึ้นมาอย่างเร็ว

“โห... ไอ้คิวมึงเล่นลูกเลยเหรอ เออเอาจริงก็มีนะ จอดอยู่หลายคันเลยว่ะ ลูกนินจาเอย ลูกCBRเอย” ไนน์เล่นมุกไปร่วมกับคิวพร้อมยกนิ้วนับบิ๊กไบค์ลูกรักโชว์เข้าไปอีก

“ไปพวกมึงขึ้นเรียนกัน ไม่ต้องไปปัญญาอ่อนตามไอ้สองตัวนี้ เล่นมุกควายๆ” จัสมินรีบแขวะเพื่อนทันทีที่มีโอกาส ตอนนี้หญิงสาวยังเคืองคิวอยู่

 

ทั้งหมดลุกขึ้นเตรียมตัวไปเรียน วีหันมามองหน้าไนน์อย่างสงสัย ชายหนุ่มยกยิ้มตอบกลับมอบยิ้มสดใสอบอุ่น ราวกับแสงแดดยาวเช้าอันอบอุ่นในฤดูหนาว

“วันเสาร์ให้ไนน์มารับไหมหรือว่าจะขับรถหนึ่งไปส่ง” ไนน์ถามระหว่างเดินขึ้นบันได พวกเขาทั้งสองเดินรั้งท้ายสุดของกลุ่ม

“ไนน์มารับได้ไหม แต่จะไม่บอกวีก่อนเหรอว่าไนน์มีความลับอะไร” เจ้ากระต่ายน้อยทำสีหน้าอยากรู้อยากเห็นและออดอ้อนในคราวเดียวกัน ยิ่งสร้างความมันเขี้ยวให้แก่อีกคน

 

ไนน์บีบจมูกเล็กจนมีสีแดงเถือก แรงบีบลงไปมันน้อยนิดเอง “ไม่บอกหรอก แต่ไนน์ขอวีอย่างหนึ่งได้ไหม วีอย่าโกรธไนน์นะ ยอมให้ตีแทนเลย” ไนน์แบมือไปรอรับโทษจากเพื่อนตัวน้อย

“ตีแค่นี้พอแล้ว รอให้รู้ก่อนว่าเรื่องอะไรค่อยตีใหม่อีกรอบยังไม่สาย” แปะ! มือเล็กที่ออกแรงตีราวกับขนนก กระต่ายน้อยทำหน้าดุ ไนน์แกล้งกลับด้วยการจับมือเอาไว้และออกแรงยื้อไว้

“งั้นวันเสาร์นี้ไนน์ไปรับที่คอนโด ถ้าไปถึงแล้วจะโทรหา และเป็นการไถ่โทษล่วงหน้า ไนน์เลี้ยงข้าวเที่ยงด้วย” ไนน์โยกมือวีเล่นไปพร้อมกับพาเดินไปยังห้องเรียน

“อืม...” คนตัวเล็กขานรับเบา ๆ ด้วยใบหน้าเห่อร้อน ก็ไนน์กอบกุมมือเขาเล่นไปในระหว่างพาไปยังห้องเรียนคล้ายกับจับจูงเดินไปด้วยกัน

 

เช้าวันเสาร์ไนน์มารับคนตัวเล็กประมาณแปดโมงเช้า พวกเขาทั้งหมดนัดเจอกันที่คอนโดตอนเก้าโมง ไนน์พาวีไปกินข้าวเช้าก่อนกลับไปยังคอนโด หนึ่งออกมาส่งว่าที่แฟนให้กับน้องชาย และ บอกว่าเดี๋ยวเค้าจะตามไปหานะ ไนน์ไม่แน่ใจว่าอันนี้บอกกับเขาหรือบอกกับเพื่อนเขากันแน่ ระหว่างรอทั้งสองล่ำลากัน เขาส่งข้อความไปบอกในกลุ่มไลน์ของบรรดาพี่ ๆ ทั้งหลายว่า (ถ้าจะแวะมาหาให้มาตอนเย็นขอทำงานก่อน) เพราะเขารู้ว่าถ้าพวกพี่มาคงมาป่วนมากกว่ามาเฝ้าเขา

 

คอนโดหรูติดอันดับของประเทศตั้งอยู่ใจกลางเมือง ล้อมรอบไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้าทั้งบนดินและใต้ดิน ห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่โต ไม่ได้มีเพียงแค่ห้างเดียว ไนน์จอดรถไว้ด้านหน้าทางเข้า ก่อนคีนบอดี้การ์ดประจำกายจะมาขับขึ้นไปจอดยังพื้นที่ส่วนตัวของเขา เขาพาวีเดินเข้ามายังล็อบบี้ส่วนกลาง และทั้งสองนั่งรอเพื่อนคนอื่น

“ไนน์คอนโดมึงหรูหรามากกก” จัสมินวางกระเป๋านั่งลงพร้อมห่อปากบอกพวกเขาสองคนด้วยเสียงเวอร์วังอลังการ “แล้วคนที่เหลือล่ะวะ ยังมาไม่ถึงเหรอ”

“คงใกล้แล้วล่ะมั้ง” ไนน์ตอบ

“นั่นไงมากันแล้ว” วีเงยหน้าไปมองตรงประตูทางเข้ามีเสียงเพื่อนเขาเดินเข้ามาพร้อมกัน

“ไอ้เชี่ยไนน์ มึงคือองค์รัชทายาทประเทศไหนวะ” คิวทักทายด้วยคำสุภาพที่สุดแล้ว

“ความลับมันคงไม่ธรรมดาแหละ แม่งถ้าเป็นองค์รัชทายาทแบบที่ไอ้คิวบอก พวกกูหัวไม่หลุดจากบ่าเหรอวะ” เมเปิ้ลทำหน้าขยาดพร้อมยกมือไปจับคอตัวเอง

“พอ ๆ ไม่ต้องจินตนาการไปไหน ขึ้นไปห้องกูก็รู้แล้ว” ชายหนุ่มเจ้าของห้องยกมือห้ามความคิดแปลกจะหลุดออกมาอีก

 

ไนน์พาเพื่อน ๆ ไปยังลิฟต์ส่วนกลางและสแกนลายนิ้วมือไปยังชั้นที่พักของเขา เพียงไม่กี่วินาทีมาถึงชั้นที่เขาอาศัยอยู่ ทั้งชั้นมีห้องเพียงห้องชุดสองห้องเท่านั้น ชายหนุ่มผายมือไปยังห้องของเขา เขากดรหัสเข้าห้อง ภายในมีชายหนุ่มบอดี้การ์ดอยู่เตรียมของว่างเอาไว้ พอเสียงประตูก็มายืนต้อนรับ

“คุณไนน์ครับ ผมจัดของว่างวางไว้แล้วนะครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวกลับห้องครับ”

“เออ เดี๋ยวคีน” ไนน์ร้องบอกให้บอดี้การ์ดส่วนตัวหยุดก่อน โดยที่กลุ่มพวกเขายังยืนออกันที่หน้าประตูกำลังผลัดเปลี่ยนรองเท้าเป็นสลิปเปอร์ เขาสูดหายใจเข้าปอดก่อนจะแนะนำอีกคนให้เพื่อนเขา “พวกมึงนี่ไอ้คีนบอดี้การ์ดส่วนตัวกู”

“สวัสดีครับ คุณวี คุณคิว คุณเจโอ คุณเมเปิ้ลและคุณจัสมิน” บอดี้การ์ดหนุ่มร่างใหญ่หันไปโค้งคำนับและเรียกชื่อแต่ละคนอย่างครบถ้วนและถูกต้อง

“...” ทุกคนเบิกตากว้าง ในคำว่า บอดี้การ์ดส่วนตัว และเจ้าตัวทักทายพวกเขาจนครบทั้งที่เพิ่งเจอหน้ากัน

“มึงไปได้แล้ว ถ้ามีอะไรจะเรียกแล้วกัน” ไนน์โบกมือไล่

“ครับ” คีนเดินออกไปอย่างไม่รีรอ

 

คอนโดของชายหนุ่ม หลานรักที่สุดของเจ้าสัวอสังหาริมทรัพย์อันดับหนึ่งของประเทศจะใช้คำว่าหรูหรานั่นคงไม่เกินจริง ชั้นที่หนึ่งเมื่อเดินเข้ามาจะมีโซนส่วนกลางมีชุดโซฟารองรับคนได้ราวสิบกว่าคน ประกอบด้วยห้องนอนขนาดกลางสามห้อง อยู่ทางด้านหลังโซนรับแขกสองห้อง และอีกห้องอยู่บนชั้นสองและอีกห้องนอนขนาดใหญ่คือห้องนอนของไนน์แถมด้านข้างมีสวนหย่อมขนาดเล็กเอาไว้ให้เจ้าตัวออกมานั่งเล่นได้ ในส่วนห้องทำงานห้องครัวและห้องน้ำสำหรับแขกจะจัดอยู่ที่ชั้นหนึ่งถัดเข้าไปด้านใน

 

วีขยับเดินเข้ามาก่อนคนอื่น มองสำรวจรอบๆ พื้นที่ส่วนตัวของชายหนุ่ม เขาไล่สายตาไปรอบจนครบมาหยุดที่กรอบรูปตรงฝาผนัง มีหลายรูปแต่สิ่งที่สะดุดตาคือ กรอบอันใหญ่สุดมีผู้หญิงสาวสวยและชายหนุ่มสุดหล่อกับเด็กน้อยกำลังเล่นรถของเล่นสายตาทั้งสองคนไม่มองกล้องแต่มองไปยังเด็กชาย และถัดมาคือรูปไนน์ยืนอยู่กับชายวัยกลางคนนั่งที่เก้าอี้อย่างภูมิฐานและชายวัยกลางคนดังกล่าวคือบุคคลที่คนทั้งประเทศนี้ ไม่มีใครไม่รู้จัก เจ้าสัวชัช ชัชรินทร์ ศิริกิจวัชรโชติ

 

“นะ ไนน์ รูปพวกนี้” วีชี้ไปยังกรอบรูป ดังกล่าวเรียกสายตาคนอื่นมาดูร่วมด้วย

 

ไนน์เดินตามมาหลังสุดยิ้มแห้งให้เพื่อน ๆ ต่างตวัดสายตาทั้งสิบมามองและตวัดกลับไปสำรวจบุคคลในรูปกันต่อ เขาได้ยินเสียง พูดคุยโต้ตอบกันไปมาของคนทั้งห้า โดยเขาไม่กล้าจะเข้าไปแทรก นี่พี่หนึ่งนี่ ใช่นี้พี่ทู ส่วนนี้ฝาแฝดมาเฟีย นี่คุณโฟร์เจ้าของสายการบิน ….

“พวกเขาคือคนในศิริวัชรโชติกรุป หลานทั้งหมดของบ้าน แล้วมึงเกี่ยวข้องอะไรกับพวกเขา” เจโอถามด้วยเสียงอันเยือกเย็นตามด้วยรอยยิ้มราวกับเดาเรื่องได้หมดแล้ว

“บอกพวกกูมา และขอเดาสิ่งพวกกูคิดน่าจะถูก” ตามมาด้วยจัสมินยิ้มหวานตาหยี แต่ไนน์รู้สึกว่ายิ้มนั้นสำหรับเขาขมชัด ๆ

“พูดเรื่องอะไรกัน วีงงไปหมดแล้ว” เจ้าคนตัวน้อยงุนงงในคำพูดของเพื่อนคนอื่นมองคนนั้นทีคนนี้ที

“ถึงว่ามีรถแพ งและตอนนี้ยังตามมาคอนโดหรู” คิวแสยะยิ้ม

“อ้าปากคายออกมาไอ้ไนน์” เมเปิ้ลสั่งเสียงขุ่น

 

ไนน์ยกมือสองข้างยอมแพ้ และผายมือไปยังโซฟาตรงกลางห้อง “ยอมแล้วครับ เชิญคุณเพื่อนไปนั่งก่อนไหมครับ ผมจะอธิบายให้ฟังและตอบคำถามทั้งหมด”

 

พรึบ! สี่คนที่คาดคั้นร่างโปร่งเดินและทรุดตัวนั่งอย่างเร็วและวีเดินมาทีหลัง ส่วนไนน์เดินตามไปเหมือนลูกไก่น้อยอย่างสงบเสงี่ยม

 

“ขออธิบายก่อนนะ กูคือหลานเจ้าสัวชัชคนเล็กสุด และที่กูใช้นามสกุลของพ่อกูอยู่ เพราะแม่ให้ใช้ตั้งแต่เกิดเลยยังไม่เปลี่ยน” ไนน์อธิบายรวดเดียวไม่ให้ใครแทรก “และพวกนี้คือพี่กูแต่ละคนเรียงลำดับหนึ่ง ทู หนุ่มเศษฝรั่งทรัว โฟร์ ฝาแฝดเกาทาซอท-ยอซอท นานะและฮาจิตามนั้นเลย”

“...”

“แล้วที่กูไม่บอกพวกมึงตั้งแต่แรกคือกูไม่รู้จะบอกยังไง จะให้กูบอกพวกมึงเหรอ กูคือหลานเจ้าสัวแต่ไม่ได้ใช้นามสกุล และที่บ้านยังไม่อยากให้แสดงตัว”

“เอออย่างที่ไอ้ไนน์บอกก็จริงนะ กูให้อภัย” จัสมินรีบเข้ามาช่วยเพื่อน

“อย่าเลยไอ้จัส มึงแหละตัวดี จำตอนที่กูสงสัยได้ไหม แล้วมึงบอกว่ามันไม่ใช่ (ตอนที่6) ” เจโอยกนิ้วจิ้มหน้าผากและออกแรงดันไปหนึ่งที

“แหะ ๆ โทษไอ้ไนน์ใครบอกให้มันโตมานิสัยเปลี่ยนล่ะ” จัสมินหัวเราะแห้งใส่ชายหนุ่มและหันมาโบ้ยความผิดใส่ตัวต้นเหตุ

“วีหนูพอจะเข้าใจไหมลูก” เมเปิ้ลถามเจ้าเพื่อนตัวน้อยของกลุ่มที่คิ้วยังขมวดอยู่

“...” เจ้าตัวตอบด้วยการส่ายหัว

“มึงบอกเพื่อนตัวน้อยเลยไอ้ไนน์” คิวชี้หน้าและออกคำสั่ง

“คืองี้ครับวี ไนน์เป็นหลานของเจ้าสัวชัช วีพอจะรู้จักไหมครับ” ไนน์พูดอย่างช้า

“เจ้าสัวชัช คนที่เป็นเจ้าของโรงแรมชื่อดังและคอนโดแพงหลายคอนโดนั่นน่ะเหรอ” กระต่ายน้อยตอนแรกได้ยินชื่อพลางยู่ปากครุ่นคิดอย่างสงสัยและทำหน้าตกใจเบิกตากว้างตามมาทันทีที่คิดออก

“ครับ ไนน์เป็นหลานปู่ ลูกคนเดียวของลูกสาวคนเล็กของปู่ และรวมถึงเป็นลูกพี่ลูกน้องของหนึ่ง ทู ที่วีเคยเจอไปก่อนหน้านี้ครับ”

“แล้วทำไมมึงเรียกเจ้าสัวว่าปู่ไม่ใช่ตาเหรอวะ” เจโอแทรกขึ้นมา

“เรียกตามพี่กูตอนเด็ก มันเลยติดปากมา” ไนน์ตอบ ด้วยความพ่อกับแม่ของไนน์เองเสียไปตั้งแต่เขาอายุได้เพียงหนึ่งขวบและได้รับการเลี้ยงดูมากับพี่ ๆ ที่เป็นลูกพี่ชายของแม่เขา ต่างเรียกขานเจ้าสัวชัชว่าปู่ จึงทำให้เขาเรียกขานชื่อนั้นไปด้วย

“อืมเข้าใจแล้ว งั้นในที่นี้วีก็จนสุดน่ะสิ” คนตัวเล็กพยักหน้าอย่างเข้าใจ

 

วีพลางคิดถึงสถานะของตัวเอง เพื่อนของเขาเป็นทายาทนักธุรกิจ ตอนแรกคิดว่าไนน์แค่รวยอย่างเดียว แต่ตอนนี้พ่วงตำแหน่งทายาทนักธุรกิจที่รวยอันดับหนึ่งของประเทศเข้าไปอีก เขาเองก็อดน้อยใจในโชคชะตาตัวเองไม่ได้ แต่ถ้าหากอยู่ในกลุ่มเพื่อนที่ธรรมดากว่านี้เขาคงไม่รู้สึกแบบนี้

 

ในห้องเงียบลงทันทีพอเจ้าตัวน้อยของกลุ่มพูดด้วยเสียงอันเบาบางอย่างน้อยใจ ตอนแรกพวกเขาไม่คิดอะไร แต่ด้วยสังคมและฐานะของพวกเขาอยู่มาจะเกิดการเปรียบเทียบก็ไม่แปลก ความทัดเทียมในโลกนี้นั้นมันไม่มีอยู่ในความเป็นจริง

จัสมินอยู่ใกล้เพื่อนตัวน้อยสุดขยับเข้ามาใกล้มาจับมือเจ้าตัว ตามมาด้วยเมเปิ้ลวางมือบนบ่าและพยักหน้าให้เจ้าตัว

“ไม่ได้คบกันที่ฐานะสักหน่อยทำไมต้องน้อยใจด้วย จัสมินคบวีที่เป็นวี เป็นน้องน้อยของกลุ่ม” จัสมินบอกด้วยเสียงจริงใจ

“ถ้าน้องวีคิดมาก ไอ้ไนน์มึงไปลาออกจากการเป็นหลานเจ้าสัวเลยนะมึง” สีหน้าจริงของคิวบอกไอ้คนทำน้องน้อยของพวกเขาน้อยใจ

“ขายคอนโดนี้ทิ้งด้วย ย้ายไปอยู่ที่อื่นไม่เอาหรูแบบนี้ นามสกุลเออมันไม่ได้ใช้อยู่แล้ว แล้วพวกที่เหลือไปบอกที่บ้านของดสืบทอดธุรกิจชั่วคราวจนกว่าจะเรียนจบ” เมเปิ้ลรีบสั่งคนอื่นอย่างเอาใจคนตัวเล็ก

“แง้...ไม่ต้องทำแบบนั้น วีไม่น้อยใจแล้ว” เจ้าตัวน้อยร้องขัดเพื่อนที่ไม่ได้มีสีหน้าล้อเล่นแต่อย่างใด

“ไม่ได้หรอกวี ถ้าพวกเราต้องทำให้น้องน้อยรู้สึกไม่ดี พวกเราต้องแก้ไข รอแป๊บนะ ขอต่อสายหาที่บ้านก่อนคงต้องบอกให้เป็นเรื่องเป็นราวชัดเจน”

 

เจโอบอกด้วยน้ำเสียงนิ่งเป็นการเป็นงานที่สุดและมือยังหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกางเกงและพร้อมโทรออก ส่วนคนอื่นพอเห็นก็ทำตามด้วยการหยิบโทรศัพท์มาพร้อมกับเตรียมตั้งท่าเช่นเดียว

“ฮื้อ...ไม่โกรธแล้วไม่น้อยใจแล้ว ไม่ต้องโทรนะ....” วีร้องงอแง ยกมือไปจับโทรศัพท์เพื่อนคนอื่นเป็นพัลวัน

ฮ่า ๆ ๆ เสียงหัวเราะเพื่อน ๆ ที่รวมหัวกันแกล้งคนตัวเล็ก มือหลายมือตามพากันมาหยีหัวบ้าง หยิบแก้มบ้าง และตามมาด้วยคำพูดแสนอบอุ่นหัวใจคนตัวเล็ก

“วีคือน้องน้อยของกลุ่มที่น่ารัก พวกเราคบวี เพราะวีเป็นวี แค่เป็นวีแค่นั้นเรื่องอื่นไม่สนใจ ถ้ามีใครมาพูดเรื่องนี้พวกเราพร้อมกางปีกปกป้องวีสุดตัว ไม่ต้องน้อยใจในโชคชะตานะ แต่สำหรับโอต้องขอบคุณด้วยซ้ำที่พาทุกคนมาเจอกันและได้เป็นเพื่อนกันแบบนี้”

“...” ไม่มีคำพูดใดๆ ออกมาทุกคนต่างพากันยิ้มแย้มในคำพูดของเจโอพูดแทนความในใจของทุกคน

ก่อนจะนานกว่านี้เป็นเจ้าตัวคนเดิมเรียกสติให้เพื่อนกลับมายังเป้าหมายที่มากันในที่นี้ “ทำงานเถอะเสียเวลากับเรื่องไอ้เชี่ยไนน์นานแล้ว”

“เออแม่ง!”

 

เสียงสบถของคนทั้งหมดตามมาและลุกเดินไปจับจองเก้าอี้ทำงานตรงโต๊ะกินข้าวได้จัดเตรียมไว้สำหรับพวกเขา รวมถึงของว่างวางรอพวกเขา

“แม่งกูว่าอีกไม่นานเพื่อนอาจจะรวยกว่าพวกเราอีกว่ะ ผัวในอนาคตรวยฉิบหาย” คิวแอบบ่น

“เบามึง ช่วยดูพี่มันไปก่อนว่ายังไงกับวี ถ้าไม่ดีช่วยกัน กันออกมาแหละ” จัสมิน

“แต่ก็ดูท่าทีเพื่อนเราเอนเอียงไปทางนั้นนะมึง” เจโอ

“แต่ที่วีมันแอบชอบไอ้ไนน์ล่ะ” เมเปิ้ล

“เออนั่นดิ” เสียงบ่นออกมาพร้อมกันพร้อมเสียงถอนหายใจตามมา

ไนน์รั้งตัววีพร้อมแบมือไปตรงหน้าคนตัวน้อยและยิ้มอย่างยอมรับผิด “อะ! ให้ตีเลย ตีแรงเลยนะ โทษฐานทำวีน้อยใจ”

“...” เจ้าตัวน้อยส่ายหัว

“ไม่น้อยใจนะ ยังไงวีคือเพื่อนคนแรกของไนน์ และเพื่อนคนสำคัญอันดับหนึ่งเลยนะ” มือหนาลูบหัวปลอบโยน ชายหนุ่มบอกด้วยเสียงอบอุ่นและจริงจังอยากให้เพื่อนคนนี้เชื่อแบบนั้นจริง

“อืม...ไม่น้อยใจละ” วียิ้มกว้างให้กับเพื่อนคนนี้

“ไปทำงานกันเถอะคนอื่นรออยู่” ไนน์ดันหลังให้เดินไปยังเพื่อนคนอื่นจัดการวางอุปกรณ์ สำหรับเตรียมทำรายงานกันบนโต๊ะกินข้าวถัดไปในทางโซนครัว

 

พวกเขาใช้เวลาช่วงเช้าจนลากไปยังบ่ายสองโมงในการจัดการทำรายงานเสร็จ ทั้งรวบรวมข้อมูลมาจัดพิมพ์และสไลด์พรีเซนต์ โดยไม่มีใครทำหน้าที่น้อยกว่ากัน แบ่งโดยกลุ่มของไนน์จะมีจัสมินเริ่มพูดในช่วงแรก ช่วงกลางจะเป็นวี และบทสรุปจะเป็นไนน์พูด ส่วนตอบคำถามพวกเขาตกลงจะช่วยกันตอบในส่วนที่ตัวเองรับผิดชอบ

 

ติ๊งต่อง! ไนน์ลุกเดินไปเปิดประตูเชิญแขกไม่ได้รับเชิญมาเพิ่มอีก หนึ่ง ทรัว โฟร์และนานะ ลูกผู้พี่ของเขาเข้ามาในห้องและพาเดินมายังเพื่อนและเริ่มแนะนำให้รู้จัก

“นี่ทรัวพี่คนที่สาม โฟร์พี่คนที่สี่ นานะพี่คนที่เจ็ดของบ้าน ส่วนคนนี้ไม่ต้องแนะนำน่าจะรู้จักกันมากแล้ว” ไนน์ผายมือไปแต่ละคนยืนเรียงรอการรายงานตัวจากน้องชายสุดรัก

“หวัดดีจ้าเด็ก ๆ นี่น้องคิว น้องเจโอ น้องจัสมิน น้องเมเปิ้ลและสุดท้ายน้องวีคนน่ารัก” โฟร์ชี้ไล่ชื่อเพื่อนน้องทีละคน และแจกยิ้มหวาน

“...”

 

เพื่อนเจ้าของห้องยกมือไหว้อย่างงุนงง ตอนแรกบอดี้การ์ดต่อมาก็พี่สาวที่รู้ชื่อพวกเขากันหมดเลย มีแต่ไนน์คนเดียวยกมือลูบคางอย่างครุ่นคิด

“ซูก้าเค้าซื้อของกินมาฝาก น้อง ๆ มากินด้วยกัน พี่ซื้อมาเยอะเลย” นานะรีบเปลี่ยนเรื่องอย่างรู้งาน ไอ้คนที่อายุมากกว่าเธอเวลาอยู่ต่อหน้าน้องรักมักจะหลุดโป๊ะกันทุกราย หญิงสาวมองหน้าน้องชายเดาว่าคงรู้แล้วแหละว่าพวกเธอตามสืบเรื่องของเพื่อนทั้งหมดแล้ว

“มาครับน้อง ๆ มานั่งกินตรงนี้เลย” ทรัวกวักมือให้ไปนั่งกันตรงโซฟาหน้าทีวีขนาดใหญ่ เพราะโต๊ะกินข้าวเต็มไปด้วยเอกสารการทำรายงาน “น้องวีมานั่งข้างพี่ครับ” ทรัวตบบนเบาะข้างตัวเองพร้อมกับยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์แจกไปยังพี่ชายคนโต

“คะ ครับ” เจ้าตัวเล็กลุกไปตามเสียงเรียก และผู้ที่อายุมากกว่าเขาย่อมเกรงใจยอมเดินไปแต่โดยดี

 

หมับ!! หนึ่งรีบมาคว้าแขนเจ้าตัวเล็กของเขาไว้ก่อนและลากให้มานั่งข้างเขาแทน “ไม่ต้องไปนั่งกับมัน มันนิสัยไม่ดี” เขาแจกคำด่าไร้เสียงไปให้ไอ้น้องชายผู้กวนอวัยวะเบื้องล่าง

 

วีตวัดสายตาไปมอบคนตัวโตที่ลากเขามานั่งข้าง ยังไม่ได้คิดบัญชีเลย เล่นหลอกเขาว่าเป็นญาติกับไนน์ ทั้ง ๆ อยู่ด้วยกันตลอดจะบอกกันบ้างก็ไม่มี ไนน์ไม่ยอมบอกยังพอทน แต่พี่หนึ่งก็เล่นไปกับไนน์ด้วยเนี่ย เจ้ากระต่ายวียู่ปากใส่พี่คนโต

 

พี่สาวอย่างโฟร์เห็นเด็กน้อยคนน่ารัก ทำหน้าไม่พอใจพี่ชายของเธอ จึงถือโอกาสกวนตีนพี่ชาย “วีมานั่งกับพี่ดีกว่า ไหนหนูชอบกินอะไรคะ” ไม่ถามเพียงอย่างเดียว เธอลุกไปลากเจ้าตัวออกมาจากอ้อมอกหมาป่าตัวดีอย่างพี่ชายเธอ

 

“..." หนึ่งได้แต่เข่นเขี้ยวคาดโทษเอาไว้ เพราะตั้งแต่มาถึงห้องของน้องชาย เจ้ากระต่ายน้อยของเขาก็ยังไม่ยอมมองหน้าหรือสบตาเลยเอาแต่หันหนีอยู่ตลอดเวลา เขาเองก็ไม่กล้าโวยวายอะไรมากนัก เพราะมีความผิดติดตัวอยู่

“มาเร็วพวกมึง เดี๋ยวอาหารเย็นหมดไม่อร่อย แล้วมาช่วยกูกิน ซื้อมาเยอะเกิ๊น เมเปิ้ลมีแต่ของชอบมึงเลย” ไนน์เรียกเพื่อนลงมานั่งกินร่วมกัน

 

ทั้งหมดจัดการอาหารตรงหน้าไปพร้อมกับการสนทนา โฟร์กับทรัวเป็นคนที่คุยเก่งอยู่แล้ว คอยถามเรื่องราวต่าง ๆ แถมยังคุยโอ้อวดขิงข่าเรื่องน้องชายกับบรรดาลูกพี่ลูกน้องของตัวเองไปด้วย บรรยากาศเป็นไปอย่างสนุกสนาน มีแต่น้องชายสุดรักอย่างไนน์ที่ทนไม่ไหวอยู่คนเดียว อยากไปหยุมหัวแต่ละคนและลากออกไปจากห้องเดี๋ยวนี้เลย

“นี่เชื่อไหม ตอนเด็ก ๆ ไนน์น่ารักมาก แก้มแบบอย่างเยอะ ทุกคนที่อยู่ในบ้านจะขโมยหอมแก้มเป็นประจำ จนแก้มเนี่ยแดงทั้งวัน จนวันนึงไนน์ร้องไห้วิ่งไปฟ้องปู่ว่าเจ็บแก้ม พวกพี่โดนปู่ดุว่าห้ามหอมแก้มน้อง แต่พอปู่เผลอก็ไปหอมอยู่ดีนั่นแหละ” ทรัวเป็นคนเล่าเรื่อง

“มึงก็ว่าไป ปู่ก็ด้วยเถอะหวงไว้หอมคนเดียว แต่พอโตมาก็ยังได้หอมแก้มอยู่เนี่ย” ฟอด โฟร์เล่าจนจบและวิ่งไปกระโดดหอมแก้มน้องชายที่นั่งอยู่

“โฟร์ทำไม มึงทำงี้เนี่ย นะไม่ยอมด้วย” ฟอด นานะเป็นคนที่สองวิ่งตามเข้ามาหอม

 

แล้วพี่ทั้งสองที่เหลือจะยอมเหรอ หนึ่งและทรัวรีบวิ่งเข้าไปเพื่อหอมแก้มน้อง แต่ไนน์ผู้รู้แกวรีบยกมือปิดแก้ม ทั้งสองเลยได้แค่หอมหัวไปคนละที แต่ทั้งสี่คนก็ยังไม่ยอมไปไหน ยื้อยุดฉุดกระชากแย่งกันกอดน้องชายสุดที่รัก ไนน์พยายามต่อต้านทั้งสี่รุมทึ้ง เรียกเสียงหัวเราะให้แก่เพื่อนของเจ้าตัว เพราะคนอื่นไม่มีทางได้เห็นโมเมนต์ของเพื่อนทำหน้ารำคาญสุด และผู้บริหารที่ขึ้นชื่อว่าไฟแรงทั้งสี่ในแบบทำตัวยิ่งว่าเด็กแย่งของกัน

“ช่วยกูด้วย!! ไอ้พวกเพื่อนนิสัยไม่ดี ไม่ช่วยกูเลย ปล่อยไนน์นะ! ปล่อยไนน์!!! โกรธนะ!!!” ร่างโปร่งร้องดังลั่นให้พวกเพื่อนไปช่วยแต่ไร้ความหมาย และอำนาจคำศักดิ์สิทธิ์ ว่าโกรธนะ ยังได้ผลอยู่ ช่วยให้เขาหลุดออกมาได้ในสภาพหัวยุ่งเหยิง

“...” เด็กวิศวะทั้งห้าที่นั่งดูอยู่ รับรู้เลยว่าคนมีอำนาจสูงสุดในตระกูลคือใคร บอกแค่นี้ถึงกับหยุดเล่น และลงมานั่งเรียบร้อยกันอย่างพร้อมเพียง

“แล้วไปไหนกันต่อหรือเปล่า ไนน์นัดกับพวกนี้ว่าจะไปกินเหล้ากัน” ไนน์ถามพี่และเพื่อนของเขา ชี้นิ้วไปยังอีกสองคนที่คุยกันเอาไว้

 

ไนน์ เจโอ และคิวคุยตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะเลี้ยงเหล้าตอบแทนคิวตามที่เคยรับปากเอาไว้เรื่องการเป็นตัวแทนประกวดเดือนนั่นเอง แต่ก็ยังไม่ถามเพื่อนอีกสามคน แต่ถ้าทั้งสามคนยังไม่สะดวก พวกเขาจะไปกันแค่สามคนก่อน แล้วค่อยนัดกันวันหลังอีกใจจริงพวกเขาอยากไปเที่ยวแบบเรื่องมีพ่วงด้วยแหละ

“นะไม่มีค่ะ งั้นไปร้านเราเลยไหมจะได้จัดการเลย” นานะรีบแจ้งให้น้องชายทราบทันที

“ว่าไงสองสาว วีล่ะไปด้วยกันไหม” คิวถามคนเพื่อนในกลุ่ม

“ไปอยู่แล้ว...” สองสาวพูดออกมาพร้อมกันก่อนจะแปะมือ

“วีไปด้วยนะ วีไม่เคยเที่ยวเลย” เจ้าเด็กน้อยยกมือเกาแก้มเขิน

“โอเคแล้วเจอกันที่ร้านตอนสองทุ่มนะ แล้วนี่จะกลับกันเลยไหมหรือว่าอยู่เล่นกันก่อน” เจ้าของห้องถามไปยังเพื่อน และตวัดสายตาดุมายังกลุ่มก้อนบรรดาพี่ “กลับไปเลยนะ”

“วีครับ กลับพร้อมพี่เลยไหม” หนึ่งรอจังหวะเข้าหาเจ้าตัวเล็กเอ่ยถามอย่างเร็ว

“ก็ได้ครับ” วีตอบด้วยเสียงเนือย ๆ อย่างจำใจ

“ให้ไนน์ไปส่งไหม?” เขาสังเกตท่าทางเพื่อนไม่ค่อยอยากจะไปกับพี่ของเขาเท่าไหร่

“ไม่ต้องก็ได้ไนน์ จะได้ไม่ต้องย้อนไปย้อนมา แล้วเจอกันนะ”

 

กลุ่มเด็กวิศวะเดินไปเก็บข้าวของของตัวเองบนโต๊ะ ส่วนนานะเดินมาแจกการ์ดสีดำสำหรับเข้าไปในผับโดยไม่ต้องผ่านการตรวจ หญิงสาวบอกว่า ‘แค่ยื่นให้ดูก็เข้าไปเลย ทุกที่ที่อยู่ในเครือนะ’ และไนน์เดินออกมาส่งทุกคนหน้าประตู

 

หนึ่งจูงมือคนตัวเล็กให้เดินมาพร้อมบรรดาน้อง ๆ ของเขา แยกมาลิฟต์อีกตัวยังชั้นจอดรถส่วนตัว ที่เหลือแยกไปยังรถส่วนตัวของใครของมันโดยมีบอดี้การ์ดของแต่ละคนยืนรออยู่แล้ว มีเพียงหนึ่งเท่านั้นไม่มีบอดี้การ์ดประกบ เขาเปิดประตูให้คนตัวเล็กลงไปนั่งเบาะด้านข้าง ส่วนตัวเอาย้ายมาฝั่งคนขับ

“วีโกรธพี่เหรอ?” คนตัวโตถามน้ำเสียงกังวล

“...”

“พี่ขอโทษได้ไหมครับ” น้ำเสียงรู้สึกผิดถามไปอีกรอบ “นะครับ พี่ขอโทษ”

“ครับ รีบกลับเถอะวีเหนื่อยแล้ว” วีตอบทั้งที่ยังเอียงหน้ามองยังวิวทิวทัศน์ยังกระจกทางด้านข้าง

“วี...” หนึ่งเรียกชื่อเจ้าตัวเล็กอย่างแผ่วเบา

“...”

 

เพื่อต้องการจบบทสนทนาที่กำลังจะยืดเยื้อของพวกเขา คนตัวเล็กตัดสินใจปรับเบาะให้เอนลงและปิดเปลือกตาคู่สวยลง สำหรับเขาแล้วไนน์เลือกจะไม่บอกว่าตัวเองเป็นใคร เขายอมรับว่าโกรธ แต่เมื่อได้รับคำอธิบายก็ไม่โกรธเคืองอะไร แต่สำหรับคนนี้ไม่ใช่ พี่หนึ่งเป็นผู้ใหญ่กว่าตั้งเยอะ ร่วมมือกับไนน์หลอกเขา ทำเหมือนว่ารู้จักไนน์อย่างดี แต่ก็กลบเกลื่อนทุกอย่างได้ดี ทำให้ตัวเขายิ่งโกรธว่าตลอดเวลาที่ผ่านมามีความจริงใจให้เขาบ้างหรือเปล่า ไม่รู้ยังไงเขาก็ยังคงไม่พอใจอยู่ดี

 

‘น้องวีโกรธ น้องวีไม่พอใจ น้องวีจะไม่คุยด้วย’

 

To be continued…

 

 

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ฝากตามฝากถามคอมเม้ม ทั้งที่นี่และที่ @TYokmanee