บทที่ 15

กระต่ายน้อยรู้ใจตัวเอง

ดอกดาวเรือง (Marigold)

การเจ็บปวดและความโศกเศร้า สลดเสียใจ แต่อีกนัยหนึ่งหมายถึง การปลอบประโลมหัวใจ

 

 

 

Rrrrrrr

[คุณหนึ่ง ขอโทษที่โทรมารบกวน แต่ทางโรงแรม De Galles และศิริกิจ โฮเทล แจ้งมาบอกว่าเอื้องมะลิกับเอื้องมาดามที่เราส่งไปล็อตล่าสุดมีปัญหาค่ะ] เลขาคู่ใจของชายหนุ่มรายงาน

“ครับ เดี๋ยวผมจะเข้าไป”

[ได้ค่ะคุณหนึ่ง]

 

หนึ่งหันกลับไปมองประตูห้องที่เขาออกมาพร้อมกับปลายสายดับลงไป เขาถอนหายใจด้วยความรู้สึกผิดกับเจ้าตัวเล็ก แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือหน้าที่รับผิดชอบ ชื่อเสียงและความเชื่อมั่นของไร่ดาหลาต้องไม่มีอะไรด่างพร้อย

 

เสียงปิดประตูและคำพูดร้ายจากคนตัวเล็กพูดที่ใส่อีกคน เขาเองก็เจ็บปวดไม่น้อยกว่าคนนั้น วีทิ้งตัวพิงโซฟา มองดูไปรอบ ๆ น้ำตาแห่งความเสียใจไหลรินลงบนแก้ม เขาต้องเกลียดพี่หนึ่งสิ ต้องเกลียด ใช่ต้องเกลียด เขามีคนที่ชอบอยู่แล้ว คนตัวน้อยพยายามหลอกตัวเองว่ายังชอบเพื่อนสนิทอยู่ เขาพลางคิดได้ว่าถ้าหากไปสารภาพรักกับไนน์ แล้วเกิดไนน์รับความรู้สึกของเรา พี่หนึ่งก็จะไม่ได้สิ่งที่ต้องการ อยากกันออกดีนัก เอาให้อกแตกตายไปเลย

 

วีพาตัวเองมายังคอนโดของเพื่อนสนิทอย่างไนน์ เขาไม่ได้โทรบอกว่าตัวเขาจะมา เพียงแค่คิดว่าจะมาก็มาเลย วีกดรหัสหน้าประตูลิฟต์ และพาเขาไปยังชั้นที่ต้องการ ห้องที่เขาเพิ่งจะมาเมื่อไม่กี่วันก่อน

 

เขากดกริ่งหน้าห้อง ไม่นานเจ้าของห้องมาพร้อมกับประตูเปิดต้อนรับ

 

“อ้าววี มาได้ไง เข้ามาก่อนสิ” ไนน์ถามด้วยความแปลกใจ ก่อนจะเอียงคอไปยังด้านหลังคนตัวเล็กเพื่อหาอีกคนที่เจ้าตัวคิดว่าน่าจะตามมาด้วย

“ไนน์ วีมีเรื่องจะคุยด้วยหน่อยน่ะ” เจ้าตัวเล็กบอกระหว่างเดินเข้ามาด้านใน

วีเดินตามไนน์มายังชุดโซฟากลางห้อง ชายหนุ่มใช้สะโพกเอนพิงโซฟายกมือกอดอก

“อืม มีอะไรว่ามาสิ”

“คือ คือวี วีชอบไนน์” คนตัวเล็กบอกออกไปด้วยใจสั่นไหวและเต้นแรงด้วยความตื่นเต้น แต่ในใจอีกส่วนยังรู้สึกหน่วง ๆ เพียงคิดว่าแค่ได้บอก ถ้าคนที่เขาสารภาพปฏิเสธไม่รับรัก เขาคงรู้สึกโล่งมากกว่าเสียใจ

“...” ไนน์ในอาการตกใจเล็กน้อย ไม่คิดว่าเพื่อนตัวน้อยจะจู่โจมแบบนี้ เขาขมวดคิ้วก่อนจะถามกลับไป “วีชอบไนน์แบบคนรักใช่ไหม?” คนตัวเล็กตอบกลับมาด้วยการพยักหน้าช้า ๆ

คนถามเลิกคิ้วและเปลี่ยนเป็นมุ่นคิ้วใช้ความคิด “ถ้าวีมั่นใจว่าใช่ งั้นไนน์ขอจูบวี จูบแบบดีปคิสคงไม่ว่าอะไรนะ” พลางแสยะยิ้มในใจ

 

เขาก้าวไปประชิดคนตัวเล็ก มือสองข้างล็อกแขนน้อย โน้มศีรษะและขยับใบหน้าให้อยู่ระดับเดียวกัน เจ้าเพื่อนตัวน้อยตัวเริ่มสั่น ตลอดการกระทำไนน์สบตากับเจ้าเพื่อนตัวน้อยตลอด ระยะห่างระหว่างริมฝีปากของทั้งสองไม่ถึงสิบเซนติเมตรจะสัมผัสกัน ลมหายใจร้อนเป่ารดจมูกเรียวโด่ง คนตัวเล็กค่อย ๆ หลับตาลง ไนน์ยืนหน้าค้างรอจังหวะ สังเกตอาการคนบอกชอบ เขายกยิ้มมุมปาก คนเพิ่งหลับรอรับการจูบ เริ่มหยีตาด้วยความกลัวตามด้วยคิ้วขมวดเข้าหากัน แต่ยังเผยอปากและยื่นออกมา

 

ชายหนุ่มร่างโปร่งเคลื่อนใบหน้าออกห่างพร้อมกับทำเสียงจุ๊บปาก คิ้วบนใบหน้าขาวสวยคลายออกอย่างโล่งใจ เขามันเขี้ยวเจ้าตัวน้อยทันที นิ้วเรียวยาวดีดหน้าผากดัง โป๊ก! จนเป็นรอยแดงเถือก

“โอ๊ย!!” เสียงร้องของเจ้าเพื่อนตัวน้อยพลางใช้มือถูหน้าผาก ช้อนตาและยู่ปากอย่างไม่พอ

“มันน่าโดนอีกนักนะ” ไนน์เข่นเขี้ยวใส่เพื่อนตัวดี แถมยกนิ้วจะดีดซ้ำขู่ ทำหน้ากลัวเขาจะจูบทั้งที่มาบอกชอบ โดนแค่นี้มันยังน้อย

“ไนน์อะ...” พอโดนดุมีสีหน้าสลดลง

“เฮ้ย...ถามจริง น้องวีคิดอะไรอยู่ คนที่เขาชอบกัน จูบมันเรื่องปกตินะ” ไนน์ถอนหายใจและถามด้วยเสียงสงสัย “หรือวีกลัวไนน์จะจูบ หรือว่า...วีเคยจูบกับใคร จูบกับหนึ่งเหรอ?”

“...” คนตัวเล็กอ้าปากและหุบลง คล้ายจะอธิบายแต่กลับไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมา

“ทะเลาะอะไรกันถึงมาประชดหนึ่งแบบนี้ ถ้าโดนจูบขึ้นมาจะทำไงหื้อ...” ชายหนุ่มเลิกคิ้วถามด้วยเอ็นดู

“วีได้ยินคนนั้นคุยกับพี่ทูและพี่ฮาจิ เรื่องที่เข้ามาตีสนิทเพราะไม่อยากให้วีชอบไนน์ เขาทำอย่างนั้นกับวีได้ยังไง วีอยากประชดแล้วก็เลย มาทำแบบนี้” เจ้าน้องน้อยก้มหน้าบอกอย่างรู้สึกผิด

“แล้วสรุปคือวีไม่ชอบไนน์” เขาเอียงคอถาม

“ไม่ใช่นะ วีชอบไนน์ วีขอโทษ...” คนตัวเล็กโบกปฏิเสธเป็นพัลวันตามด้วยที่เสียงค่อย ๆ อ่อนลง

“วีไม่ต้องขอโทษหรอก ไนน์ก็ผิดด้วยส่วนหนึ่งที่ไม่บอกเรื่องหนึ่งให้วีรู้ ใครจะคิดว่ามันจะโง่แบบนี้” ท้ายประโยคเขาบ่นกับตัวเองมากกว่าให้อีกคนได้ยิน และหันไปคุยน้ำเสียงจริงจัง

“...”

“วีฟังนะ วีไม่ได้ชอบไนน์แบบคนรัก แต่ชอบเหมือนเพื่อนคนหนึ่งเท่านั้น ไนน์ แค่ผ่านมาในช่วงเวลาต้องการความช่วยเหลือมันเลย เกิดความประทับใจและไนน์เองก็เห็นวีเป็นเพื่อนคนแรก บอกได้เลยว่าเป็นเพื่อนคนแรกที่สนิทในชีวิตเลยมันอยากดูแลเทกแคร์ แต่เพราะไนน์ไม่เคยทำและไม่เคยใส่ใจดูแลใครมาก่อนก็เลยแบบขาด ๆ เกิน ๆ ไปบ้าง ไนน์ต้องขอโทษด้วยนะ แต่ประเด็นสำคัญไม่ได้อยู่ที่ตรงนั้น” เขาหยุดไปและหันไปจ้องหน้า

“...” วีเงยหน้าขึ้นมาสบตาไนน์

“อยู่ตรงที่ตอนไนน์จะจูบวี แอบขมวดคิ้วและกลัวว่าไนน์จะจูบจริง ๆ หรือวีกำลังคิดอะไรอยู่” ไนน์นิ่งเงียบเลิกคิ้วรอฟังคำตอบ

“วีกำลังคิด...ถึง... พี่หนึ่ง” เสียงบางเบาพร้อมปลิวไปกับสายลมออกจากเพื่อนตัวน้อย

 

ในช่วงเวลาที่ไนน์บอกจะจูบเขา ทั้งสับสน และตื่นกลัวจนแอบจินตนาการถึงการจูบกับพี่หนึ่ง คิดถึงรสสัมผัสความหวานละมุนและริมฝีปากนุ่มหยุ่นประกบกัน และเกิดความกลัวขึ้นมา ถ้าไนน์รู้ว่าตัวเขาเคยจูบกับพี่ชายมาก่อนจะรังเกียจเขาไหม และสิ่งที่ชัดเจน คือหน้าพี่หนึ่งในช่วงเวลาบอกรักเขาด้วยเสียงตัดพ้อ

ไนน์หัวเราะเบาๆ และยกมือล็อกคอมายีผม “มันน่าตีนักนะ ถ้าไนน์เกิดยอมรับวีขึ้นมาจะทำไม หื้อ...จะคบกับไนน์ทั้งที่ใจตัวเองอยู่กับอีกคนน่ะเหรอ เจ้าตัวน้อยนี่น้าใจร้ายไม่เบาเลยนะ” ไนน์เข่นเขี้ยวว่าใส่ไปอีกรอบ

คนตัวเล็กรู้สึกผิดตามที่เพื่อนบอกจริง ๆ เขาเพียงแค่คิดว่าจะประชดพี่หนึ่ง แต่กลับลืมไปว่าถ้าไนน์เกิดรับความรู้สึกเขา พวกเขาทั้งสามคนอาจจะต้องเสียใจด้วยกันทั้งหมด และคนใจร้ายที่สุดคือเขา ที่ได้ทำร้ายความรู้สึกของทั้งสองคน

เพื่อนตัวน้อยโดนดุ และกำลังเสียใจที่โดนพี่ชายเขาหลอกเบะปากร้องไห้โฮทันที “ฮื่อ...นะ ไนน์ วะ วี ขอ ฮื่อ..โทษ”

“เออ ๆ ไม่ต้องร้อง” ไนน์โอบกอดเพื่อนรักร้องไห้โยเยในอ้อมอก ปลอบจนคนในอกหยุดร้อง

เพื่อนชายหนุ่มใช้เวลาปลอบเจ้าตัวน้อยอยู่สักพักกว่าจะเงียบ พอได้ร้องก็เล่นร้องไม่หยุดเลย ไอ้ไนน์เนี่ยปลอบคนเป็นที่ไหนเล่า

“โอเคหรือยัง ไปล้างหน้าก่อนไหม”

“ฮื่อ...” วีขานรับพร้อมเสียงสูดขี้มูก แถมยกมือปาดน้ำตากับปากที่ยู่ยื่นอย่างเด็กน้อยสามขวบ

 

ลับหลังคนตัวน้อย ไนน์มองตามไป เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมพี่ชายเขาหลงเพื่อนเขาสุด ๆ ก็เจ้าตัวทั้งน่ารักและแถมมาคือความเป็นเด็กน้อยเนี่ยแหละ พี่ชายชอบคนอายุน้อยกว่าและขี้อ้อนเป็นพิเศษ ในนิสัยชอบดูแลน้อง ๆ...หรือเปล่า? ...

 

ไนน์เองไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ คิ้วขมวดชนกันด้วยความสงสัย แต่ไม่นานก็คลายออก แต่ก็ดูแลน้องชายคนนี้ดีที่สุดแหละนะ ถ้าลองน้องวีอ้อนหน่อยมีบ้านให้คฤหาสน์ มีรถให้รถแถมผันตัวเองเป็นคนขับให้ด้วย

“วันนี้นอนนี่ไหม” ไนน์ถามเพราะเห็นว่ามันค่ำ ถ้าจะไปส่งกลับคอนโดเจ้าตัวกว่าจะฝ่ารถติดก็ดึกกันพอดี

“วีไม่มีเสื้อผ้า ไม่อยากรบกวน แค่นี้ก็รบกวนจะแย่อยู่แล้ว”

ไนน์กอดอกจ้องหน้าบอกด้วยเสียงขึงขัง “ไหนลองบอกว่ารบกวนอีกทีซิ ห้องว่างตั้งสามห้อง เสื้อผ้ามีเต็มตู้ ของกินเต็มตู้เย็น ตัวก็แค่นี้จะกินเยอะนอนกินพื้นที่แค่ไหนเชียว”

 

ไนน์ไม่รอให้เพื่อนสนิทแย้งอะไรต่อทั้งนั้น เขาดึงมือลากขึ้นบันไดไปยังห้องนอนติดกับห้องเขาบนชั้นสอง จับไปส่งยังห้องน้ำ หยิบผ้าเช็ดตัวใส่มือ ข้าวของเครื่องใช้มีอยู่ในห้องนั้นครบครันอยู่แล้ว ของมีไว้สำรองสำหรับเผื่อพวกพี่ ๆ ของเขาทั้งนั้นแหละ ที่แวะเวียนกันมานอนบ้าง ห้องเขาจะมีแม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดทุก ๆ สองวัน ถ้ามีใครมาค้างอ้างแรมก็จะมีคนเข้าทำความสะอาดหลังจากนั้นทันที

 

ร่างโปร่งกลับมาห้องตัวเองรื้อค้นเสื้อผ้าที่พอจะให้เพื่อนเขาใส่ได้ ความสูงของเขาต่างกันไม่ถึงสิบเซนยังไงเสื้อผ้าก็พอจะใส่กันได้ ไนน์เลือกเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงวอร์มขายาวที่มีเชือกรัดเอว หยิบโทรศัพท์มาส่งข้อความถึงพี่ชายคนโต ว่าคนตัวเล็กมานอนห้องเขานะ ระหว่างรอข้อความตอบกลับเขาเอาเสื้อผ้าไปให้เพื่อนและเข้าไปอาบน้ำบ้าง

 

รออยู่จนแล้วจนรอดก็ไม่ตอบกลับมา แต่ไนน์ลืมไปว่าตัวเองส่งเข้าไปผิดห้องแชต ที่เป็นแชตรวมของพี่ ๆ ทั้งหมด และตัวเองปิดแจ้งเตือนไว้ด้วย ข้อความไหลเป็นร้อย ๆ เขาเพียงคิดว่าถ้าหนึ่งเห็นคงจะโทรกลับมา

 

วีอาบน้ำและแต่งตัวเสร็จลงไปยังข้างล่าง ส่วนเจ้าของห้องบอกกับเขาว่าอาบน้ำเสร็จจะตามลงไปเช่นกัน เขาเจอคีนกำลังจัดโต๊ะ

“หวัดดีคีน” เขาโบกมือทักทาย

“สวัสดีครับคุณวี” อีกคนกล่าวทักทายกลับ และหันไปจัดการสิ่งตรงหน้า

“มีอะไรให้ช่วยไหม”

“คุณวีนั่งรออย่างเดียวก็ได้ครับ ดูจากกับข้าวแล้วมีแต่เผ็ด ๆ เดี๋ยวไปทอดไข่เจียวให้นะครับ” คีนจัดการทุกอย่างเสร็จ

“ขอบคุณนะ”

 

ชายหนุ่มตัวใหญ่ย้ายตัวเองไปเปิดตู้เย็นหยิบไข่ไก่ ตอกใส่ชาม ปรุงรสและหันตัวไปตั้งกระทะบนเตา ภาพซ้อนของอีกคน คนนั้นมักจะทำกับข้าวให้เขากินบ่อย และไข่เจียวกุ้งสับคือสิ่งที่เขาชอบมากที่สุด ขอบกรอบ ๆ หนานุ่มตรงกลาง เขาคนนั้นมักจะชวนเขาทำร่วมด้วยถึงแม้จะทุลักทุเลในทุกครั้งแต่เขาเองก็สนุก

 

ไนน์เดินลงมาเห็นเพื่อนตัวเล็กนั่งเหม่อมองคนในครัว เขาแกล้งดีดนิ้วใส่ข้างหูให้ตกใจเล่น ๆ ได้ดังคาด คนตัวเล็กสะดุ้งสุดตัว มองค้อนขวับ เขาแค่ไหวไหล่อย่างสนุกที่ได้แกล้ง ก่อนจะนั่งลงข้างเจ้าตัว

“ไข่เจียวร้อน ๆ มาแล้วครับ”

คีนพร้อมไข่เจียวฟูหนานุ่มกับกลิ่นหอม ๆ วางลงบนโต๊ะและนั่งลงในฝั่งตรงข้ามเจ้านายตัวเอง หยิบจานมาตักข้าวบริการเจ้านายทั้งสอง

“มองไอ้คีนเนี่ยคิดถึงใครหรือเปล่า?” ไนน์เอ่ยแซวดวงตากลมโตหรี่มองอย่างจับผิด คนตัวเล็กลู่หลบสายตายกน้ำขึ้นจิบแก้เขิน

“คุณหนึ่งแน่เลยครับ” เจ้าคีนที่นั่งร่วมโต๊ะเอ่ยถึงแทบจะทันทีแบบไม่ต้องคิด

“ระ รู้ได้ไง แค่ก ๆ” คนตัวเล็กถึงกับสำลักน้ำยกมือตบอก

“ฮั่นแน่!! คิดถึงจริง ๆ ด้วย” เสียงร้องประสานออกมาพร้อมกันทั้งเจ้านายและลูกน้อง ตามมาด้วยเสียงหัวเราะ บรรยากาศบนโต๊ะกินข้าวจึงดูครึกครืนขึ้นมากกว่าเมื่อกี้ที่เจ้าตัวเล็กนั่งทำหน้าเศร้า

“เอาน่า เดี๋ยวจะพาไปง้อถึงที่เลย” อีกคนยังไม่ปล่อยโอกาสให้กลับไปเศร้าอีกรอบ รีบบอกเจ้าตัวทันที

“ขอบคุณนะ แต่ว่าคีนรู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ?” วีที่กลับมายิ้มได้อีกครั้งบอกกับเพื่อนสนิท และหันไปถามอีกคน

คีนวางช้อนลง มองหน้าเพื่อนเจ้านายอย่างงวยงง “เขารู้กันทั้งนั้นแหละครับว่าคุณหนึ่งตามจีบคุณวีอยู่ ไม่ค่อยมาป่วนน้องชายอย่างคุณไนน์”

“ใครมั่ง” วียิ้มหน้าเหวอ ตอนที่คีนรู้เรื่องยิ่งเหวอเข้าอีกหลังจากฟังจบ

“ทั้งหมดแหละ” ไนน์ยิ้มแหย ๆ ตอบกลับ

“อื่อ....” คนตัวเล็กยกมือปิดหน้าโอดครวญด้วยความอับอาย คนอื่นรู้หมดแต่ทำไมเขาไม่รู้นะ

“เลิกเขิน กินข้าวได้แล้ว เดี๋ยวมันจะเย็นหมดแล้ว” ไนน์ตบบ่าปลอบพร้อมกับเปลี่ยนเรื่อง

ไนน์กับคีนเหลือบตามองกันอย่างรู้ใจ กลับไปกินข้าวต่อ หลังจบมื้อเย็น หน้าที่เก็บกวาดคือเจ้าคีนอยู่แล้ว ไนน์เดินไปส่งวียังห้องนอน

“ให้มานอนเป็นเพื่อนไหม?”

“ไม่เป็นไร วีขออยู่คนเดียว”

“ตามใจวีแล้วกัน ไนน์นั่งทำงานอยู่ห้องข้าง ๆ มีอะไรเรียกได้ตลอด ฝันดีนะเจ้าตัวน้อย”

“ฝันดีเช่นกันไนน์”

ไนน์มองเพื่อนสนิทปิดประตูห้องนอน ส่วนตัวเองลงชั้นล่าง ก่อนจะเดินเข้าไปคุยกับคีนเรื่องของพี่ชายคนโต

 

“คีน ช่วงนี้หนึ่งยุ่งไหมวะ?”

คนที่เสร็จจากการล้างจาน เช็ดมือบนผ้ากันเปื้อน “ไม่แน่ใจครับ ผมจะลองถามพี่จินให้ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวกลับห้องเลยนะครับ”

“ได้เรื่องแล้วบอกกูด้วยนะ”

 

วีเข้ามาในห้องล้มตัวลงนอนบนเตียง เขาหยิบโทรศัพท์มาดู คิดว่าจะโทรหาพี่หนึ่งดีไหม แต่ตัววีเองยังยอมรับว่ายังโกรธอยู่ แต่ใจเขาเองคิดถึงอีกคนอยู่ดี คนเคยอยู่ด้วยกันตลอด ตลอดเวลาที่ผ่านมาตัวเขาสองอยู่ด้วยกันบ่อย แต่มีพักหลังสุดพี่หนึ่งย้ายมาพักกับเขา ไหนจะกินข้าวด้วยกัน เข้านอนพร้อมกัน วันนี้ยังดีหน่อยได้ย้ายมานอนนี่ ไม่งั้นเขาคงต้องนอนร้องไห้เพราะคิดถึงอีกคนที่เคยอยู่ด้วยกัน

 

เช้าวันนี้วีได้ไปเรียนพร้อมไนน์ เขายกยิ้มด้านหน้ากระจกขำขันกับสภาพตัวเอง ทั้งที่เมื่อก่อนเขาหวังจะมีอะไรแบบนี้ แต่กลับกลายเป็นว่าเขาอยากให้คนที่อยู่กับเขาคือพี่ชายเพื่อนมากกว่า

 

ไนน์เปลี่ยนจากขับบิ๊กไบท์คันโปรดเป็นรถยนต์ เพราะต้องพาวีไปด้วยและช่วงเย็นจะพาเจ้าตัวไปเก็บเสื้อผ้าที่ห้องย้ายมาพักอาศัยห้องเขา รวมถึงคนอื่นก็จะมาฝังร่างติวหนังสือกันตลอดสัปดาห์ ก่อนจะสอบอาทิตย์หน้า

 

จัสมินกำลังจอดรถ สังเกตว่ามีรถมาจอดเทียบข้างทะเบียนคุ้นตา สักพักก็มีสองหนุ่มเพื่อนของเธอลงจากรถ หญิงสาวขมวดคิ้วแปลกใจ คือหนึ่งเพื่อนไนน์ร้อยวันพันปีจะขับรถยนต์มาสักที ถ้าฝนไม่ตกหนักมันไม่มีทางเอามา สองลูกชายตัวน้อยของเธอมาด้วย และสามคือไม่มีคนมาส่ง และสภาพชุดที่ใส่ดูไม่ใช่ของวีแน่นอน

“หวัดดีจัสมิน” วีทักทาย

“หวัดดีจ้า ทำไมมาด้วยกันล่ะ วีลูกไม่มีคนมาส่งเหรอคะ” หญิงสาวถามด้วยเสียงสดใส

ไนน์มองเพื่อนตัวเล็กเม้มปากครุ่นคิดคำตอบ “กูนี่ไง! ทั้งมาส่งและพาไปเรียนด้วย มึงสงสัยอะไรอีกไหม” ไนน์ตอบแทน

“โอเคเข้าใจก็ได้” จัสมินขานรับเสียงแปลกใจ

 

ทั้งสามเดินมายังกลุ่มเพื่อนนั่งรวมตัวอยู่เพื่อรอขึ้นเรียน ทั้งหมดพูดคุยเรื่องสัพเพเหระทั่วไป แต่มีอีกคนไม่ได้สนใจในการพูดคุยกับเพื่อนคนอื่น เอาแต่มองรถยนต์เข้ามาจอดบริเวณหน้าตึก พอเห็นว่าไม่ใช่รถคันที่เขารอก็ถอนหายใจ

“ไอ้ไนน์เพื่อนมึงเป็นอะไรวะ” เมเปิ้ลได้ยินเสียงถอนหายใจของเพื่อนตัวเล็ก โน้มตัวมากระซิบถามด้วยเสียงเบาให้แต่พวกเขาทั้งห้าคนได้ยิน

“ใช่มึง เมื่อเช้าพวกมันมาด้วยกัน พอกูถามหาพี่ชายมัน เพื่อนไอ้ไนน์นิ่งเงียบไปเลยมึง” จัสมินเสริมทัพเข้ามาอีกคน

“...” ไนน์มีท่าทีอึกอัก เขาจะบอกก็ไม่ได้ เรื่องของคนสองคนคนหนึ่งก็พี่คนหนึ่งก็เพื่อน และอีกสี่คนจ้องตาเป็นมันด้วยความอยากรู้ เลยชี้มือไปที่เจ้าตัวแทน “ถามเองแล้วกัน” ไนน์ยิ้มแห้งยกมือยอมแพ้ ทั้งสี่คนอยากรู้ต่างสะกิด เกี่ยงให้เพื่อนคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเองถาม

“มึงถามดิไอ้คิว” เมเปิ้ล

“มึงอยากรู้ถามเองดิ” คิว

“มึงก็อยากรู้พอ ๆ กับกูแหละไอ้สัด!” เมเปิ้ล

“จัส มึงถามลูกมึงให้พวกกูหน่อย” คิว

“ทำไมต้องกู เจโอมึงถามดิ” จัสมิน

เจโอชี้นิ้วหาตัวเองพร้อมกับทำหน้าเซ็ง “กูอีกแล้วเหรอ” ทั้งสามพร้อมกันทำหน้าเหมือนเทวดามาโปรด “เออ ๆ”

คนเดียวนอกเหนือการสนทนา รู้สึกว่าเพื่อนจ้องมองมา เขาเลยถามย้อนกลับ “มีอะไรเหรอ?”

เจโอไม่แน่ใจว่าเท้าใครถีบเข้าตรงหน้าแข้งเขา “คือ..พวกมันอยากรู้ว่าวีเป็นอะไร เอาแต่มองหาใคร หรือรอให้ใครมา ทะเลาะกับพี่หนึ่งหรือเปล่า?”

“...” หลังจากโดนอ้างชื่อ ทั้งสามยิ้มแห้ง ๆ ให้วี ก่อนจะย้ายใบหน้าหุบยิ้มไปถลึงตาใส่ไอ้คนผู้อยากรู้พอกัน

เจ้าน้องน้อยของกลุ่มทำหน้าละห้อยจนน่าสงสาร “รู้ไหมว่าพี่หนึ่งเข้าหาวีเพราะจะกันไม่ให้วีมาชอบไนน์”

“หา!!!” เสียงร้องของสองสาว

“กูคุยกับวีแล้ว เคลียร์จบแล้ว” ไนน์รีบพูดสวนขึ้นมา เพราะเพื่อนคนอื่นรู้ว่าวีเคยแอบชอบเจ้าตัวอยู่

“ต่อเลยลูก” จัสมิน

“แล้ววีเลยทะเลาะกับพี่หนึ่ง ตอนนี้ยังไม่คุยกันเลย เมื่อวานพี่หนึ่งมาสารภาพว่าชอบวีและเราก็ต่อว่าพี่หนึ่งแรงมาก บอกว่าเกลียดพี่หนึ่งด้วย” เจ้าตัวบอกกับเพื่อนด้วยน้ำเสียงอ่อย ปากเบะออกเตรียมร้องไห้ “วีกลัวพี่หนึ่งจะเกลียดวี”

เพื่อนในกลุ่มมองหน้ากันเลิ่กลั่ก มองหน้ากันว่าใครจะปลอบ เจโอได้โอกาสใช้เท้าถีบไปยังจัสมินที่อยู่ใกล้วีมากที่สุด

“วีไม่ต้องร้องนะ พี่หนึ่งไม่มีทางเกลียดหรอก พี่...” จัสมินนึกคำพูดไม่ออกว่าจะใช้คำว่าอะไรดี สงสายตาให้คนอื่นช่วยต่อ

“หลงวีจะตาย ไม่เชื่อถามไอ้ไนน์ดิ พี่น้องกันนี่” เมเปิ้ลเข้ามาช่วย อีกคนถอนหายใจอย่างโล่งอก

“ใช่ ๆ มันตามใจวีสุด ๆ น้องชายสุดที่รักยังไม่เคยเอาใจขนาดวีเลย ส่วนมันคงช้ำใจหนีไปเชียงใหม่แล้ว ยังไงก็จะพาไปง้อนั่นแหละ” ไนน์รีบพูดปลอบเพื่อนลิ้นแทบพันกัน

“เรื่องผู้ชายด้วยกันวีเชื่อสายตาคิวเปล่า” เจ้าตัวถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง น้องน้อยจ้องไปยังคนถามอย่างไม่ค่อยแน่ใจ แต่ก็ยอมพยักหน้า “พี่หนึ่งหวงวียิ่งกว่าอะไรดี ที่บอกจะมาหวงวีกับไนน์ คิวไม่เห็นพี่มันทำเลย” เพื่อนคนอื่นพยักหน้าเห็นด้วยรวมถึง คนที่ถูกกล่าวถึงเช่นกัน “เช้ามาส่ง เย็นมารับ แสดงความเป็นเจ้าของเห็น ๆ ใครแอบมองวีนะพี่หนึ่งจ้องแทบจะแดกหัวทันที”

"จริงเหรอ?” วีถามความคิดเห็น และทุกคนยิ้มและพยักหน้าอย่างแรงด้วยสีหน้าจริงจังสุด จนน้องน้อยยิ้มร่า “จริงๆ นะ”

“...” พอคนเพื่อนตัวน้อยยิ้มได้ ทุกคนต่างเป่าปากด้วยความโล่งใจ

เจ้าน้องน้อยโดนจัสมินกอดคอไปกระซิบกระซาบ “ตอนนี้สนใจเรื่องสอบก่อน อย่างที่ไอ้ไนน์บอกว่าจะพาไปง้อ เดี๋ยวคุณแม่จะสอนวิธีมัดใจผู้ชายเองค่ะ”

ไนน์โน้มตัวไปบอกแผนการกับเพื่อนให้รับรู้ “พวกมึงต้องไปกับพวกกูด้วย เรื่องตั๋วกูจัดการเอง ถือโอกาสไปเที่ยวกันด้วย”

“เออ แต่ตอนนี้กูว่าต้องทำสิ่งที่สำคัญกว่าคืออ่านหนังสือสอบ” เจโอผู้ดับฝัน

 

หลังเลิกเรียนไนน์ขับรถพาวีมาคอนโดเจ้าตัวเพื่อเก็บเสื้อผ้า หนังสือ รวมถึงของใช้ส่วนตัวเพื่อไปรวมตัวติวตามที่นัดกันเอาไว้ ไนน์จอดรถและเดินมาพร้อมกับเจ้าตัว เป็นครั้งแรกที่ไนน์ได้ขึ้นมายังห้องของเขา เจ้าตัวแตะคีย์การ์ดเปิดประตู แต่ยังไม่ทันได้เข้าไป ประตูห้องตรงข้ามเปิดออกมา เขาหันขวับทันทีพร้อมกับใจเต้นรัวอย่างแรง แต่พอคนออกมากลับไม่ใช่คนที่เขาอยากเจอ ใจมันปวดแปลบทันที

 

ชายรูปร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสีดำลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่และกระเป๋าใส่เอกสารออกจากห้อง เมื่อเห็นเขาสองคนโค้งตัวให้

“สวัสดีครับคุณไนน์ คุณวี” ชายคนดังกล่าวทักทายเขาทั้งสองคน แต่ยังไม่ทันจะพูดคุยกัน เสียงโทรศัพท์ดังเข้ามาขัดจังหวะ

 

 

Rrrrrrrrrrr

“ครับผม ครับ ๆ ผมจะรีบไปครับ” กดวางสายหันมาพูดคุยกับสองคนก่อนหน้านี้

 

“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับคุณไนน์คุณวี” ชายหนุ่มโค้งตัวและลากกระเป๋าเดินทางออกไป

“...” ไนน์พยักหน้าให้กับบอดี้การ์ดของพี่ชาย

 

วีมองตามหลังชายในชุดสูทลากกระเป๋าค่อยๆ ห่างไปยังลิฟต์จนลับตา ก่อนจะทรุดตัวนั่งกองกับพื้น น้ำตาเขาเก็บกักอดกลั้นจะไม่ร้อง บัดนี้มันไหลราวกับเขื่อนแตก ไนน์ทรุดตัวลงไปโอบไหล่วี

 

“ไนน์ ฮื่อ...พี่หนึ่งต้องเกลียดวีแน่ ๆ เลย ฮื่อ...” เสียงร้องสะอื้นของเพื่อนตัวน้อย น่าสงสารจับใจ ไนน์เองก็ช่วยอะไรไม่ได้ เพราะตอนนี้พี่ชายเขายุ่งกับการติดต่อประสานงานกับต่างประเทศตามที่บอดี้การ์ดโทรมาบอก ส่วนพี่ชายเขาตอบกลับมาว่า ขอไปจัดการความรู้สึกตัวเองก่อนแล้วค่อยมาเจอวีอีกที

 

To be continued…

 

-------------------------------------------------------------------------------------------------

กลับมาแล้วค่ะ หายป่วยมาแล่ววว ใครบ้างที่อ่านมาถึงตอนนี้แล้ว ฝากฟีดแบล็คด้วยนะคะ ขอสติกเกอร์เป็นกำลังใจให้สัหน่อยก็ยังดีค่ะ 

ฝากดใจ ใส่คอมเม้น แปะติกเกอร์ ให้หนูทีด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ (ยกมือไหว้ย่อ)

 

ตืดตามแจ้งข่าวสารที่ TW @TYokmnaee