2 ตอน บทที่ 2 ยิ่งใจดียิ่งชอบคุณมากขึ้น
โดย T.mines
บทที่ 2
ยิ่งใจดียิ่งชอบคุณมากขึ้น
(ดอกลิลลี่ ประทับใจในตัวคุณอย่างมาก)
น้ำเสียงและท่าที่แสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ วีเงยหน้าไปมองเห็นเพียงด้านข้างของใบหน้าที่หล่อเหลา ไนน์ชักสีหน้าคล้ายไม่พอใจแต่ไม่ถึงกับขั้นหงุดหงิดแต่น่าจะแบบว่ารำคาญเล็กๆ เขาเลยตวัดสายตาไปมองคนที่พูดว่าเป็นคนรักของคนอื่นอย่างเต็มปาก คนนั้นตอบกลับเขามาด้วยรอยยิ้มที่มุมปาก ชิ...
“อย่าเยอะ แล้วมีอะไรถ้าจะบอกให้รีบกลับบ้านนะ เสร็จแล้วจะกลับเอง” ไนน์บอกไปแบบตัดบท หันหลังไปทางโรงอาหารพร้อมโบกมือลาเหนือหัวโดยที่ไม่มองอีกคน
“อ้าวรออะไรครับ พวกเราก็ไปกันด้วยดิ” เสียงชายหนุ่มอย่างคิวบอกอย่างไม่ใส่ใจ พวกเขาทั้งหมดเดินตามไนน์ไป แต่คนตัวเล็กร่างบางยังหันกลับไปมองด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจ
“เด็กน้อยจริงๆ หึหึ” หนึ่งบ่นกับตัวเองตามด้วยเสียงหัวเราะในลำคอ ก่อนจะเดินไปหาบอดี้การ์ดของเขาที่ยืนหลบมุมถ่ายรูปกลุ่มเพื่อนของไนน์ “ไปตามสืบมาให้หมด คนที่ชื่อวีนะ เอาที่อยู่มาให้ด้วย” ดวงตาเรียวยาวมองตามคนตัวเล็ก
“พวกมึงไปนั่งตรงนั้นไหม?”
จัสมินชี้ไปยังโต๊ะริมทางซ้ายมือที่ว่างพอจะให้พวกเขาทั้งหมดนั่งรวมตัวกันได้ พวกคนอื่นต่างพยักหน้าขานรับในความคิด ต่างพากันเดินมุ่งหน้าไปยังโต๊ะตัวนั้น จัดแจงวางกระเป๋าในการจับจองพื้นที่ของแต่ละคน สอดส่ายสายตามองไปยังร้านค้าภายในโรงอาหารที่เปิดไม่ครบด้วยยังคงอยู่ในช่วงปิดเทอม จัสมินและเมเปิ้ลออกไปซื้อข้าวด้วยกัน ส่วนเจโอและคิวแยกไปคนละทาง
“วีอยากกินอะไรเหรอ?” ไนน์เอ่ยปากถามระหว่างวางกระเป๋าลงข้างตัวเขา
“ไม่รู้สิ แล้วไนน์จะกินอะไรล่ะ?” คนตัวเล็กร่างบางตอบกลับ ยู่ปากอันเล็กๆ ตามด้วยคิ้วขมวดเข้าหากันอย่างคิดหนัก พร้อมกับเงยหน้ามองคนถาม
“มาถามกลับทำไมเนี่ย?” ไนน์มองดูท่าทางการกระทำที่เห็นแล้วมันเขี้ยวและถามกลับไปด้วยความเอ็นดู มือสากๆ ยีลงบนศีรษะกลมทุยของเพื่อนตัวเล็ก
“วีกินเย็นตาโฟก็ได้ แล้วไนน์จะกินด้วยกันไหม?” เขาตอบกลับไปด้วยเสียงอู้อี้อย่างเขินอาย มือเรียวเล็กยกขึ้นไปลูบจัดทรงผมตัวเอง
“ปะ เดี๋ยวพาไปซื้อ ไนน์กินข้าวแกงร้านนั้นก็ได้”
ทั้งสองพากันเดินไปยังร้านอาหาร วีจัดการสั่งรายการอาหารของตัวเอง เส้นใหญ่เย็นตาโฟ และเลียบเคียงเสมองคนด้านข้างที่มาด้วยกัน เสียงทุ้มนุ่มออกมาพร้อมกับการขยับริมฝีปากบาง “ป้าครับ ผมเอาคั่วกลิ้ง ผัดผักแล้วก็กุนเชียงทอดครับ” พร้อมกับท่าทางการชี้นิ้วจิ้มไปยังกับข้าวด้านหน้า มันดูราวกับว่ามีเสน่ห์ให้เขาจับจ้องไม่วางตา เสียงเรียกจากพ่อค้าบอกว่า เย็นตาโฟได้แล้วครับน้อง นั่นทำให้เขาได้สติรีบหะนกลับมารับชามจากพ่อค้า ถ้าขืนยังมองนานกว่านี้อีกหน่อย คงโดนจับได้แน่นอนว่าคิดไม่ซื่อกับเพื่อนใหม่ตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน
หลังจากไนน์ซื้อเสร็จมายืนพิงอยู่ด้านข้าง มือหนึ่งล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงนักเรียน ส่วนอีกมือหนึ่งถือจานข้าว ยืนรอเขาปรุงเย็นตาโฟอยู่
“น้องค่ะ ขอไลน์หน่อยได้ไหมคะ?”
หญิงสาวท่าทางมั่นใจและสวยแต่งตัวด้วยเสื้อนิสิตรัดรูปโชว์สัดส่วน กระโปรงทรงเอยาวแค่คืบ ใบหน้าแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางในลุคสาวเซ็กซี่ ยกยิ้มหวานมายังชายหนุ่มร่างโปร่ง
ไนน์ยืนพิงอยู่เลิกคิ้วมองใบหน้าสวยยิ้มมายังเขา เขายกยิ้มมุมปากตอบกลับ มือสากล้วงอยู่ในกระเป๋าหยิบสิ่งที่หญิงสาวต้องการออกมา นิ้วเรียวแตะสแกนปลดล็อก เข้าแอปพลิเคชันดังกล่าวตามต้องการก่อนจะยื่นให้อีกฝ่ายจัดการ
“แล้วพี่จะทักไปนะ” คำทิ้งท้ายก่อนนิ้วมือจะแตะเข้าสัมผัสบริเวณปลายนิ้วของอีกฝ่ายช่วงยื่นโทรศัพท์มาหากัน
“ครับผม”
“ไนน์วีเสร็จแล้วไปกันเถอะ”
คนร่างบางมองดูทุกอย่างตั้งแต่เดินเข้ามาตั้งแต่ทักและจากไป ร่างโปร่งพยักหน้าให้เขาเตรียมจะออกเดินไปด้วยกัน เสียงดังจากแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ดังขึ้น เขาดูชายหนุ่มเงยหน้าไปมองยังโต๊ะของหญิงสาวก่อนจะเก็บลงกระเป๋ากางเกง ไนน์เป็นคนที่ดูดีอย่างมากในสายตาเขา อาจจะรวมไปถึงคนอื่นรอบข้างด้วย ด้วยท่าทางและสีหน้าไม่สนโลกมันดูมีเสน่ห์น่าค้นหา
คนในกลุ่มกลับมากันครบหมดแล้วเหลือเพียงแค่พวกเขาสองคนกำลังเดินเข้าไปร่วมด้วย เมเปิ้ลและจัสมินนั่งด้วยกัน ถัดมาคือคิว ส่วนฝั่งตรงข้ามมีเจโอนั่งอยู่คนเดียว ไนน์ดันตัวเขาให้เขาไปนั่ง และวางจานข้าวข้างๆ
“ไนน์เอาน้ำอะไร เดี๋ยววีไปซื้อให้”
“เดี๋ยวไนน์ไปซื้อให้เอง พวกมึงล่ะเอาไรไหม?”
“แหม... ดูแลกันดีจังเลยนะพาไปซื้อข้าว นี่จะไปซื้อน้ำให้อีก มึงไม่คิดอะไรกับน้องวีลูกกูใช่ไหมไอ้ไนน์” เสียงถามจากจัสมิน ดวงตาหรี่จับจ้องผิดมายังเพื่อน
“กูแค่ไปซื้อน้ำให้เอง”
“ไม่เป็นไรเดี๋ยววีไปซื้อเองได้” เขารีบโบกมือปฏิเสธความหวังดีจากเพื่อน เตรียมลุกขึ้นออกจากที่นั่ง
“นั่งลง เอาอะไรบอกมาจะไปซื้อให้” น้ำเสียงเรียบนิ่งมาพร้อมกับมือหนาบังคับกดให้เขานั่งลง
“เอาน้ำเปล่าก็ได้” วีตอบไปด้วยน้ำเสียงง่อยๆ
“ได้”
คนตัวเล็กมองตามแผ่นหลังคนอาสาไปซื้อน้ำให้เขา และหันกลับมาปะทะกับสายตาเพื่อนร่วมโต๊ะจับจ้องมายังเขาเป็นตาเดียวยกเว้นเจโอเอาก้มหน้ากินสุกี้แห้งอยู่ แต่ละคนต่างพากับมองเขาอย่างจับผิด ยิ่งทำให้เขากระวนกระวายใจอยู่อย่างมาก ปากขยับขึ้นลงเหมือนจะเปล่งคำพูดออกมาพร้อมแก้มแดงปรั่ง แต่ไม่รู้ว่าจะบอกว่าอธิบายยังไงกับสถานการณ์นี้ดี
“เลิกแกล้งเพื่อนได้แล้วพวกมึง” น้ำเสียงติดดุออกมาปากคนหน้านิ่งอย่างเจโอ
“ว้า...ขออีกนิดไม่ได้เหรอว่ะ” เสียงร้องเว้าวอนอย่างเสียดายจากเมเปิ้ลนั่งอยู่มุมโต๊ะ
“นั่นนะสิ” น้ำเสียงจากจัสมินไปทางเดียวกับเมเปิ้ลตามด้วยอีกคน
“พอทำหน้าแบบนี้ยิ่งน่าเอ็นดูเข้าไปใหญ่เลย” มือหนาจากชายหนุ่มหน้าตาลูกครึ่งดึงแก้มคนตัวเล็ก
“อื่อ...เอ็บนะอิว”
เพี้ยะ!! “อย่าดึงแก้มลูกชายกู มึงเนี่ยตอดลูกกูตลอดเลยนะ” จัสมินตีไปมือของคิวที่กำลังดึงแก้มเพื่อนตัวเล็กอยู่ และหันไปมองตาเขียวปัดใส่ชายหนุ่มนั่งตรงข้าม
“วีอย่าไปคิดมากเรื่องที่พวกนี้มันแซวล่ะ ไนน์มันคงแค่อยากดูแลแหละ ดูท่าทางมันสนใจอะไรใครที่ไหน นู้มีคนมาขอไลน์มันอีกล่ะ” เมเปิ้ลยกนิ้วชี้ไปทางชายหนุ่มยืนอยู่และแจงด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยให้แก่ร่างบางฟัง คนอื่นๆ พยักหน้าเห็นด้วย ส่วนตัวเขาเองหันไปดูอีกคนกำลังยื่นโทรศัพท์ให้แก่คนหญิงสาวคนใหม่ที่เดินเข้ามาหา หญิงสาวลอบบอกเพื่อนตัวน้อยเป็นนัย เพราะหากว่าไอ้คนที่ดูแลน้องเล็กของกลุ่มสนใจวีขึ้นมาจริงๆ ปล่อยเป็นเรื่องของทั้งสองคน แต่ถ้าไม่แล้ว เธอกลัวว่าวีเองจะคิดไปไกลกว่านี้ ด้วยท่าทางแอบปลื้มชายหนุ่มของเจ้าตัวน้อย
ไนน์กลับมาโต๊ะพร้อมกับน้ำอีกหลายขวด เขาซื้อมาฝากเพื่อนคนอื่นด้วย หย่อนตัวลงนั่งข้างเพื่อนตัวเล็ก ตักข้าวจ้วงเข้าปากทันทีด้วยความหิว เงยหน้าขึ้นมาตามน้ำเสียงที่เอ่ยถามเขา
“ไอ้ไนน์ยังไม่ทันมาเรียนโปรยเสน่ห์แล้วเหรอว่ะ กูเห็นนะมึง” คิวยังคิ้วใส่คนนั่งฝั่งตรงข้าม
“มึงสนเหรอ เอาไปดิ กูไม่ค่อยชอบคนเข้าหาว่ะ ถ้าคนไหนกูสนเข้าหาเอง” ไนน์ปลดล็อกโทรศัพท์ยื่นไปยังคิว
“กูหาเองได้โว้ย” คิวดันโทรศัพท์คืนเพื่อนไป
“เออ ไนน์กูถามไรหน่อยดิ คนที่มาหามึงก่อนหน้านี้ ใช่หลานชายคนโตของเจ้าสัวชัชไหมวะ” เจโอถามขึ้นมา
“อืม”
“เขามาจีบไนน์เหรอ? ก็วีได้ยินเขาบอกว่าเป็นคนรักของไนน์ไง” น้ำเสียงเบาหวิวถามไปยังคนข้างๆ ตามด้วยเสียงหัวใจเต้นอย่างลุ้นระทึกในคำตอบ
ชายหนุ่มยังคงมีท่าทีไม่ใส่ใจกับคำถามดังเดิมกวาดข้าวในจานกินจนหมด ตามด้วยกระดกน้ำดื่มจนหมดขวด ก่อนจะตามด้วยเสียงแค่นหัวเราะในลำคอ
“พวกมันทั้งหมดชอบทำแบบนี้แหละ หนึ่งเป็นอะไรนะ เรียกว่าญาติล่ะมั่ง ญาตินั่นแหละ ไม่ต้องไปสนใจหรอกน่ารำคาญจะตาย” น้ำเสียงติดออกไปทางรำคาญที่จะพูดถึงอีกคน พวกมันของชายหนุ่มนั้รหมายถึงคือพี่ ๆ เขานั่งเอง
วียกน้ำขึ้นมาจิบแก้อาการดีใจ แค่รู้ว่าคนที่บอกว่าเป็นคนรักของไนน์แสนจะหน้าตาดี พอบอกว่าเป็นญาติเมื่อพิจารณาแล้วก็มีความคล้ายคลึงกับไนน์อยู่นะ
พวกเขาทั้งหกผลัดกันถามเรื่องราวของแต่ละคน คนตัวเล็กคิดว่าเพื่อนใหม่ที่เจอในวันนี้แต่ละคนมีครบครัวที่มีฐานะและหน้าตาในสังคมค่อนข้างมากอยู่ทีเดียว เจโอคือลูกเจ้าของร้านเพชรชื่อดังในประเทศ คิวทายาทเจ้าของค่ายโทรศัพท์ เมเปิ้ลลูกหลานเจ้าของธุรกิจพรีเวดดิ้งและออการไนซ์เจ้าใหญ่ ส่วนบ้านของจัสมินทำธุรกิจในเครือโรงพยาบาลชั้นนำ ไนน์บอกว่าเพียงแค่ที่บ้านทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ส่วนเขาแค่ทายาทร้านขายอะไหล่รถยนต์แถบชานเมือง คงมีแต่เขาดูออกจะธรรมดาสุดในกลุ่ม ไม่ได้มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักเหมือนกันเพื่อนคนอื่นๆ แต่เพื่อนเขาแต่ละคนไม่สนใจในเรื่องนี้อยู่แต่อย่างใด
ผ่านไปเกือบสองชั่วโมงสำหรับการนั่งพูดคุย แลกช่องทางการติดต่อกันแล้ว คงถึงเวลาต้องแยกกย้ายกลับบ้าน พวกเขาทั้งหมดแทบไม่รู้เลยว่าเวลาในการพูดคุยกันได้นานขนาดนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นสองสาวที่ชวนพวกผู้ชายทั้งสี่คนคุยมากกว่า
“กลับกันยังไงเหรอ?” เสียงใสจากเมเปิ้ลถามขึ้นระหว่างหยิบกระเป๋าใบสวยขึ้นมาสะพายและทุกคนเตรียมลุกเดินออกจากที่นั่ง
“เราเดินไปขึ้นรถตรงหน้ามอ” วีตอบกลับ
“กูเอารถมา” เจโอ
“กูเอารถมาเหมือนกัน” คิวตอบกลับหยิบกุญแจรถออกมาควง
“กูเอาขี่มอไซด์มา” ไนน์ตอบกลับด้วยเช่นกัน
“กูขับรถมาเอง แต่บ้านวีเลยบ้านเราไปหน่อย งั้นเราไปส่งนะ” จัสมินออกปากขันอาสาไปส่ง
“ไม่ต้อง เราเกรงใจ นั่งรถกลับเองได้” วีตอบกลับ โบกไม้โบกมือด้วยท่าทางบอกว่าไม่เป็นไรและเกรงใจ
“วีให้จัสมินไปส่งเถอะ ถ้าไนน์ขับรถมาคงไปส่งเอง จะให้นั่งซ้อนท้ายแดดร้อนจัดกลัวตัวจะเกรียม” น้ำเสียงทุ้มนุ่มบอกไปกับชายหนุ่มตัวเล็กร่างบางด้วยความเป็นห่วงเป็นใย
"ใช่ๆ ให้จัสมินไปส่งแหละ แดดเมืองไทยร้อนจะตาย” คิวพูดเสริม
เพื่อนต่างพากันพูดให้เขาไปเพื่อนสาวไปส่ง แต่เพราะเขาเกรงใจเพิ่งแค่จะเป็นเพื่อนรบกวนแล้ว สายตาเพื่อนแต่ละคนที่ส่งมาด้วยความหวังดี เขาได้แต่พยักหน้าตอบรับ
“รบกวนด้วยนะจัสมิน” น้ำเสียงบอกกลับด้วยเกรงใจ
“เพื่อนกันเกรงใจอะไร” จัสมินควงแขนฉุดกระชากลากถูเพื่อนตัวเล็กของเธอไปยังลานจอด
พวกที่เหลือเดินตามมาส่งวีและจัสมินไปให้ขึ้นรถและโบกมือส่งพวกเขา ต่างพากันร่ำลาและบอกว่าเจอกันอีกทีตอนเปิดเทอมมีอะไร ทักทายกันไลน์กรุปได้เลย
ไนน์โน้มตัวมายังฝั่งกระจกและพูดกับเขาด้วยเสียงทุ้มพร้อมและผละตัวออกไปพูดกับเพื่อนคนอื่นด้วยประโยคหลัง “วี ถึงบ้านแล้วทักบอกด้วยล่ะ พวกมึงด้วยล่ะ”
“อืม...” คนตัวเล็กขานตอบในลำคอ
เมเปิ้ลเดินมายีผมของคนร่างบางตัวเล็กและพูดด้วยเสียงอันหนักแน่นไปยังคนขับรถ “จัสมินส่งน้องวีให้ถึงบ้านนะ ห้ามพากลับบ้านตัวเองล่ะ”
“น้องวีถึงแล้วบอกด้วยนะ ถ้าจัสมินพาออกนอกเส้นทางบอกพี่คิวนะ พี่จะไปช่วยพากลับบ้านแทน”
“พวกมึงนี่เห็นกูเป็นอะไร ถึงน้องวีจะน่ารักให้พาเอาไปกกกอดที่บ้านก็ตามเถอะ” เสียงแวดใส่เพื่อนดังลอดออกมานอกรถ
“เออ ไปได้แล้วพวกมึง” เจโอโพล่งออกมาห้ามศึก แต่ยังมิวายหยอกล้อซ้ำไปอีก “จัสมินส่งให้ถึงบ้านนะ” พร้อมกับนิ้วชี้กับนิ้วกลางยกขึ้นช้ำไปยังดวงตาทั้งสองข้างและหันไปชี้ตัวคนขับรถบอกว่า จับตาดูอยู่ รถยุโรปหรูราคาแพงขยับออกจากลานจอดรถพร้อมมือที่โบกลากันของทั้งกลุ่ม
เขาโบกมือลาคนอื่น และมองตามกระจกด้านข้างพอจะเห็นว่าไนน์สวมหมวกและขึ้นคร่อมบิ๊กไบท์จนเหลือเพียงแค่จุดเล็ก
เสียงเครื่องบดเมล็ดกาแฟดังอย่างต่อเนื่องภายในร้านกาแฟเล็กๆ เต็มไปด้วยบรรยากาศน่านั่งและอบอุ่น ไสไตล์มินอมอล แคลตัสขนาดเล็กสองต้นในตะกร้าสานจัดวางตรงกลางโต๊ะของลูกค้าสองท่านที่นั่งอยู่หลบมุมของร้าน กาแฟเย
นถูกดูดไปครึ่งหนึ่งของแก้ว แต่ทั้งสองยังไม่มีท่าทีจะคุยกันสักที
ชายหนุ่มหนึ่งในคนที่ร่วมโต๊ะยกนิ้วจิ้มลงไปบนหนามเล็กตามประสาคนคุ้นเคยกับสิ่งมีชีวิตที่เป็นพืชตั้งแต่เด็ก ลำต้นอ่อนลงเล็กน้อย ทำให้เขารู้ว่าแคลตัสต้นนี้คงถึงเวลาต้องให้น้ำสักหน่อย
“ที่มาหากูมีธุระอะไร?” ชายหนุ่มเอ่ยถามลูกพี่ลูกน้องตัวเอง
“เรื่องที่ดินที่ปู่ให้ไปจัดการ” คำตอบสั้น ๆ ห้วน ๆ จากปากน้องสาวคนเล็กของบ้านตอบกลับมา
ชายหนุ่มเปรยตาขึ้นไปมองน้องสาว ยกแก้วกาแฟขึ้นมาดูดให้หมดจนมีเสียงดัง
“มึงจัดการไปสิ เกี่ยวไรกับกูล่ะ” เขาบอกด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
นานะ หญิงสาวหนึ่งในสองของตระกูลศิริกิจวัชรโชติ จ้องมองไปยังพี่ชายคนโตของบ้านด้วยแววตาอันแสนจะเบื่อหน่าย เธอเป่าลมออกทางปากระบายความหงุดหงิดที่จะไม่กระชากหัวไอ้พี่ชายมากระแทกโต๊ะ
“มึงฟังกูนะหนึ่ง ปู่บอกให้มึงกับกูไปจัดการเอาที่ดินแปลงนี้มาให้เร็วที่สุด ที่ตรงนี้ปู่เล็งเอาไว้ให้ ซูก้าของกู สร้างคอนโดขายหลังเรียนจบ” หนึ่งถึงกับเบะปากใส่น้องสาวรวมถึงน้องคนอื่นที่มีคำแทนเฉพาะไว้เรียกน้องไนน์สุดรัก อย่างเขาเองเรียกว่า คนเก่ง นานะจะเรียกว่า ซูก้า
“แล้วทำไมต้องเป็นกูกับมึง”
“คงหาผู้นำตระกูลล่ะมั่ง” เสียงตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ
“มึงไง เออ...แต่ว่าทำไมผู้นำมันข้ามรุ่นมายังพวกเราเลยว่ะ”
นานะกลอกตาขึ้นบนเป็นเลขแปด มองไปยังไอ้คนตรงหน้าอย่างท่าทางรำคาญ เธอคงหวังในตัวพี่ๆ ทั้งหลายของเธอมากเกินไปจริง แต่เอาเข้าจริงพวกเขาก็พึ่งพาซึ่งกันและกันมาตลอดแหละ เว้นไว้เรื่องเดียวแหละที่แต่ละคนแย่งเป็นอันดับหนึ่งคือพี่สุดรักของน้องไนน์ หญิงสาวรัวคำพูดออกมาเหมือนก่อนท่องสคริปต์ที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้แล้ว
“ก็ถ้าลูกคนคนโตของบ้านอย่างพ่อมึงไม่หลงเมียจนเกินไปและฝังตัวอยู่แต่กับไร่ดอกไม้ ส่วนลูกคนที่สองของบ้านที่บินไปชิมอาหารทั่วทุกมุมโลกและขลุกตัวรังสรรค์เมนูอาหารใหม่สักที่หรือตามภัตรคารของตัวเองกับเมียที่เป็นเชฟ ส่วนลูกชายคนที่สามของบ้านขยันบินออกท่องเที่ยวแทบทุกมุมเมืองในโลกนี้กับเมีย และส่วนลูกชายคนสุดท้ายคือพ่อของกูที่วันๆ เอาแต่พาเมียไปชอปปิ้ง และบรรดาพ่อของแต่ละคนหัดลูกๆ ให้ทำงานแทนตั้งแต่สิบห้าขวบไง ไม่งั้นกูกับมึงจะมานั่งเถียงกันอยู่ตรงนี้ไหม”
นานะถอนหายใจด้วยเสียงอันเหนื่อยหน่ายที่สุดในชีวิตเพราะเธอต้องมานั่งเล่าเรื่องพวกนี้ให้พี่ๆ ฟังไม่รู้กี่รอบและบางครั้งก็ต้องไปฟังปู่ของเธอบ่นเรื่องนี้ด้วย
สิ้นสุดการทักทายและพูดคุยที่ไร้สาระระหว่างพี่น้อง พวกเขาทั้งคู่เข้าโหมดคุยกันเป็นการด้วยการสบตาและนิ่งเงียบไปสักครู่
“คือสรุปแล้วปู่จะให้น้องมาดูแลแทนปู่จริงๆ ใช่ไหม” ชายหนุ่มถามน้องสาวด้วยเสียงจริงจัง
“น่าจะชัวร์แล้วแหละ ปู่เล่าให้ฟังว่าหลังจากสอบเข้ามหาวิทยาลัยเสร็จน้องเดินไปบอกว่าอยากเรียนรู้งานของบริษัท ปู่เลยเรียกกูไปคุยเรื่องนี้เมื่อวาน”
“อืมมมม”
“พอน้องจะเข้ามาทำปู่ก็ให้คนกว้านซื้อที่ดินตรงนั้นมาเกือบหมดแล้ว ติดอยู่ตรงอีกไม่กี่สิบไร่เนี่ยแหละ แม่งตอนแรกไม่ยอมขายถือว่าเป็นอดีตลูกหลานคนใหญ่คนโต พอไปเจรจาขอซื้อก็อยากจะขาย แต่พอถึงวันที่จะทำสัญญาก็เริ่มโก่งราคาแล้วยังเปลี่ยนใจไปมาตั้งหลายรอบแล้ว ล่าสุดบอกไม่ขายแล้วจะเก็บเอาไว้ให้รุ่นต่อไป” พูดจบนานะทิ้งตัวพิงไปกับพนักเก้าอี้และยกมือขึ้นมากอดอกและพ่นคำหยาบด้วยความหงุดหงิดใจ “แม่งกวนตีนฉิบหาย”
หนึ่งมองดูสีหน้าคนตรงข้ามที่มีอารมณ์เกรี้ยวกราด เขาเปิดฝาแก้วน้ำยกเทก้อนน้ำแข็งใส่ปากและเคี้ยวดังก๊วบกร๊าบเพื่อกวนใจน้องเล็กน้อยและใช้ความคิดไปในตัว
“ดูว่าพวกมันคงอยากจะหยั่งเชิงดูท่าทีรุ่นหลานอย่างกูกับมึงล่ะมั้ง เบื้องหลังคงมีคนขายข้อมูลไปทางคู่แข่งแล้วทางคนในยังไม่รู้ใช่ไหมว่าน้องจะมาเขาทำ”
“ยังเลยคนที่รู้ในตอนนี้มีแค่ ปู่ คุณธานิน มึงและกูเท่านี้ แต่กูว่าอีกไม่นานคนอย่างน้าเบญคงรู้แหละหรือว่ารู้แล้วว่ะ คนอย่างนั้นคอยแต่ตั้งท่าจะเสียบแทนอยู่ตลอด” นานะขยับยักคิ้ว รอยเหยียดยิ้มยกขึ้นที่มุมปากเรียวเล็ก
“...” พี่ชายคนโตเลิกคิ้วพร้อมกับพยักหน้าเห็นด้วยในสิ่งที่พูดออกมา
“งั้นกูได้วันนัดแล้ว จะโทรหาอีกที”
“ตามนั้นเลยครับ”
“เรื่องงานจบแล้ว คุยเรื่องซูก้าหน่อยดิ ไปที่มหาลัยมีใครจะมาจีบไหม กูจะได้ไปแสดงตัวเจ้าข้าวเจ้าของ”
พอเป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของพวกเขา น้ำเสียงที่หงุดหงิด ฉุนเฉียว น่ารำคาญแปรเปลี่ยนเป็นเสียงสดใสกระตือรือร้นขึ้นมาทันควัน
“ไอ้หนึ่งเล่ามา เร็ว!!”
“มีแหละคนนึง น่าจะแบบว่าแอบชอบ แต่คนนี้กูจัดการเอง ส่วนประวัติแต่ละคนกูจะให้คนส่งไปแล้วกัน” น้ำเสียงดูเลศนัยพร้อมกับรอยยิ้มมุมปาก
“โห ราชสีห์กูออกล่าแล้ว แววพี่สะใภ้ไหมว่ะ”
นานะมองดูแววตาพี่ชายพร้อมกับรอยยิ้มประดับข้างแก้ม ทำให้เธออดที่จะแซวไม่ได้ ถึงแม้จะไม่อยู่ด้วยกันเท่าไหร่ ตีกันสะมากกว่าแต่ครอบครัวของเรามีสิ่งเดียวที่เชื่อมกันคือไนน์และปู่ ยิ่งเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์แบบนี้ เหยื่อคงไม่หลุดรอดแน่ ๆ
“...”
ชายหนุ่มเลือกที่จะไม่ตอบ ด้วยตัวเขาเองยังมองว่าเป็นความน่ารักนั้นยังตกเขาไม่ได้ คงต้องลองดูอะไรอีกหลายๆ อย่าง แต่ตอนนี้ตัวเขาเองลงทุนซื้อคอนโดทั้งชั้นยกเว้นห้องเจ้าตัว อย่าเพิ่งบอกไอ้น้องคนอื่นล่ะ คงต้องเอาไปล้อ เพียงแค่ใบหน้าหวาน ๆ มักจะลอยมาให้เห็นอยู่บ่อย เขาพยายามเน้นย้ำกับตัวเองในหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า เอาตัวเข้าไปกีดกันเท่านั้น คนที่เขาอยากเห็นหน้าคือน้องชายสุดที่รักเขาต่างหากล่ะ ไม่ใช่คนสวยหน้าหวานสักหน่อย
พอได้นึกถึงใบหน้าเรียวสวยหวานขาวๆ ยิ่งเวลาทำหน้าดุไม่พอใจยิ่งน่าฟัด ความคิดในหัวตีกันยุ่งเหยิง จนเผลอหัวเราะเบาๆ กับตัวเอง นานะลอบสังเกตอากัปกิริยาพี่ชาย หรี่ตาจ้องจนพี่ชายเธอจนเขารู้สึกตัวจึงยกแก้วน้ำที่หมดแล้วมาดูดแก้อาการเก้อเขินเล็กน้อย พอรู้สึกตัวก็ปรับสีหน้าให้เรียบเฉยดังเดิม
นานะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูข้อความจากลูกน้องที่ส่งมาแจ้งเตือนเรื่องงาน
“กูต้องไปแหละ”
“เออไปด้วยเหมือนกัน”
นานะเดินออกมายังรถตัวเองที่จอดอยู่หน้าร้าน มองหารถคู่ใจของพี่ชายแต่กลับไร้วี่แวว และหันไปมองตัวพี่ชายเขาเดินไปยังสะพานลอยเพื่อข้ามถนนไปยังอีกฝั่งที่ไม่มีอะไรนอกจากคอนโดที่พักอาศัยดูธรรมดาสำหรับคนอย่างเธอ และแปลกใจอยู่มิใช่น้อย ถึงมันจะใกล้มหาลัยที่น้องชายเธอเรียนอยู่แต่มันห่างจากที่ทำงานของไอ้หนึ่งมาก คงไม่บ้าบอที่จะทำอะไรสิ้นคิดนอกเสียจากมันวางแผนการอะไรไว้
ชายหนุ่มขึ้นลิฟต์มายังชั้นสิบสองที่ตัวเองพักอาศัย แวะไปยืนหน้าห้องหมายเลขสองตัวหน้าเหมือนกันต่างกันแค่เลขสองตัวท้ายคือ 1202
“สัปดาห์จะเปิดเทอมแล้ว จะย้ายมาวันไหนนะครับ” เขายืนพึมพำตรงหน้าห้องก่อนจะหมุนตัวเองและทาบคีย์การ์ดเปิดประตูเข้าไปยังห้อง 1208 ของตัวเองที่อยู่ฝั่งตรงข้าม