บทที่ 25

คุณคือคนที่ผมจะรักเพียงผู้เดียว

ดอกทานตะวัน ความรักอันมั่นคง จะรักเธอแต่เพียงผู้เดียวดั่งเช่นดวงตะวัน

 

 

หนึ่งแอบซุ่มอยู่ข้างล่าง เขารอจนทั้งบ้านดับไฟสนิทแอบปีนขึ้นมาหาคนรัก โดยเข้าทางต้นมะม่วงข้างห้องที่เขาเคยถามเจ้าตัวเอาไว้ เคาะหน้าต่างอยู่สักพัก คนตัวน้อยก็มาเปิด

 

“คิดถึงจังเลยค่ะ” ชายหนุ่มหอมหัวคนรักระหว่างสวมกอด

 

“แป๊บนะครับ” วีคลายกอดหนึ่ง ผละตัวออกเดินไปล็อกประตูห้อง เข้ามาสวมกอดเอวอีกครั้ง “คิดถึงเหมือนกันครับ”

 

หนึ่งพาคนรักเขาไปนั่งบนเตียงนอน จับไหล่สองข้างไล่สายตาสำรวจแฟนของเขาหลังจากต้องแยกจากกันมาหลายชั่วโมง ใบหน้าหมองคล้ำลง ตาบวมช้ำจากการร้องไห้

“ดูสิคะ ตาบวมหมดเลย ปวดเบ้าตาไหมคะ” หนึ่งลูบหน้าคนรักด้วยความเป็นห่วง เจ้าตัวน้อยได้รับการปลอบโยนจากคนพี่เตรียมเบะปาก “ไหนสัญญากับพี่แล้วว่าจะไม่ร้องไงคะ”

“...” ร่างบางพยักหน้าสูดจมูกอย่างจำยอม

“ดึกแล้วนอนพักผ่อนนะคะ” คนตัวโตดันร่างของคนน้องให้นอนลง เขาขยับลงไปนั่งกับพื้น

“พี่หนึ่งมานอนกับวีนะ วีอยากกอดพี่หนึ่ง” เจ้าตัวน้อยรั้งตัวชายคนรักให้ขึ้นมานอนร่วมเตียง นึกขึ้นได้เตียงเขามันเล็ก ไม่พอจะนอนสองคนได้ “นอนเบียดกับน้องวีได้ไหม...”

“ได้ค่ะ” หนึ่งส่ายหัวอมยิ้มให้กับเจ้ากระต่ายน้อยขยันใช้ความน่ารักออดอ้อนเขาจัง ร่างบางถัดตัวไปด้านในให้คนพี่ขึ้นมานอน “เบียดหน่อยนะคะ” หนึ่งนอนหงายช้อนแขนโอบไหล่น้องวี ส่วนวีเองนอนตะแคงข้างกอดคนตัวโต “นอนได้ไหมคะ หรือว่าหนูจะปีนขึ้นมานอนบนตัวพี่” หนึ่งกลั้วยิ้มกระซิบเสียงกระเส่าหยอกล้อ

แปะ ฝ่ามือเล็กตีบนแผ่นอก “ยังจะมาเล่นอีกนะพี่หนึ่งเนี่ย” เสียงดุไม่จริงจัง

“นอนได้แล้วค่ะน้องวีของพี่หนึ่ง พรุ่งนี้มีเรียนนะคะ” หนึ่งจูบประทับปากเล็กนุ่มหยุ่น ค่อย ๆ ถอดออกอย่างเสียดาย “ฝันดีค่ะ”

 

เจ้าตัวเล็กเหนื่อยจากการร้องไห้มาทั้งวัน ผล็อยหลับในอ้อมกอดของเขา หนึ่งยังคงลืมตาตื่นอยู่ เขากำลังรอรายงานจากลูกน้องคนสนิท เพราะเขาต้องการคำตอบเร็วที่สุด ไม่งั้นต้องปีนมาขโมยนอนกอดคนรักเขาแบบนี้อีก

 

ครืด ครืด เสียงสั่นของโทรศัพท์จากจิน

“อืม” เขาขานรับสายด้วยเสียงลดครึ่งหนึ่งกลัวรบกวนคนหลับ

[ทราบตัวคนปล่อยข่าวเรื่องนี้แล้วครับคุณหนึ่ง]

“ว่ามา”

[เป็นเพื่อนร่วมคณะคุณวี และติดตรงคนนั้นต้องทำรายงานร่วมกับคุณวี จะให้ผมลากตัวไปเลยไหมครับ] จินคิดว่าเรื่องนี้ต้องถามความคิดเห็นของเจ้านายก่อน ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาสามารถลากตัวมาได้เลย ยิ่งถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับเจ้านายน้อยอย่างคุณไนน์จัดการทันที แต่เดี๋ยวนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว ถ้าเกี่ยวกับเจ้านายคนใหม่ต้องผ่านการอนุมัติก่อน

หนึ่งกำหมัดแน่น แววตาเต็มไปด้วยไอโกรธ ไม่ได้ดั่งใจสักอย่าง ตั้งแต่ไอ้คนก่อนลามมาถึงไอ้คนนี้อีกตัว “เชี่ยแม่ง! ปล่อยมันไปก่อน” สั่งผ่านลอดไรฟัน

[ครับผม]

“จิน ช่วงนี้ไปตามประกบวี โยกคนอีกคนมาทำหน้าที่แทน”

[ครับ]

 

หนึ่งนั่งไล้ใบหน้าคนหลับ ทั้งแสนสวยและน่ารัก มองยังไงก็ไม่เบื่อ แถมยังหลงหนักเข้าไปอีก ตอนนี้เวลาตีสามแล้ว เขาต้องไปก่อนที่จะโดนจับได้ หนึ่งจูบหน้าผาก โน้มตัวกระซิบข้างหูคนตัวเล็ก

“พี่ต้องไปก่อนนะครับ”

“อื่อ...” เจ้าตัวสะดุ้งตื่นงัวเงียครางในลำคอและพลิกตัวหลับต่อ

 

เจ้าตัวน้อยสะดุ้งตื่นกวาดสายตาหาคนเมื่อคืน ไม่อยู่แม้แต่เงาเขาตวัดผ้าห่มพับเก็บไว้บนหมอนเดินไปมองตรงหน้าต่างบานตรงต้นมะม่วง ชะโงกมองไปเขาถึงกับยิ้มกว้าง พี่หนึ่งยืนพิงรถเงยหน้ามองเขาพอดี ขาเล็กออกวิ่งทันที

 

“น้องวีจะไปไหน?” พ่อของชายหนุ่มยืนกอดรออยู่หน้าประตูบ้าน “กลับไปอาบน้ำแต่งตัวลงมากินข้าว เดี๋ยวพี่วาจะออกไปส่งและรับกลับบ้านด้วย” เสียงคำบอกกล่าวจากบิดา เจ้าตัวน้อยมองคนยืนห่างจากเขาไม่กี่ร้อยเมตรตาละห้อย ลากขาไร้เรี่ยวแรงกลับไปยังห้องตัวเองอีกครั้ง

 

วาขับรถมาส่งน้องชายยังมหาวิทยาลัย โดยมีรถของแฟนน้องชายขับตามหลังมาไม่ห่าง หลังจากน้องชายเธอลงไป ชายหนุ่มคนดังกล่าวรีบตามไปทันที

“หนึ่ง!” เธอร้องเรียกชายหนุ่มคนดังกล่าว เจ้าน้องชายหันมามองหญิงสาวพยักหน้าตอบกลับ แล้วทั้งสองยืนรอให้คนที่เธอต้องการคุยเดินมาหาพวกเขา

“น้องวีไปเรียนก่อนนะ พี่วา” ตัวเจ้าเล็กบอกลาพี่สาว หันมองคนรักด้วยสายอาลัยอาวรณ์ไม่อยากจากไปเลย “พี่หนึ่ง วีไปก่อนครับ”

ชายหนุ่มยิ้มพยักหน้าให้คนรักของเขา “ค่ะ”

“ไปกินกาแฟกันหน่อยไหม”

“ครับ”

 

 

ร้านกาแฟใต้ตึกของคณะวิศวกรรมในช่วงเช้าคนไม่แน่นจึงมีพื้นที่ให้พวกเขาสามารถพูดคุยกันได้ รอจนพนักงานมาเสิร์ฟ วาจึงเปิดปากพูด

“พี่ไม่คิดจะมาขวางเราสองคนนะ แต่เรื่องพ่อพี่ หนึ่งช่วยเข้าใจหน่อยแกเคยเจอแบบนี้มาก่อน แกเลยไม่อยากให้มันซ้ำรอยกับลูกชายอีก ช่วงนี้ก็ขยันทำคะแนนหน่อย”

“ทำไมพี่วามาช่วยผมครับ” หนึ่งเคลือบแคลงในการกระทำ เมื่อวานยังเห็นด้วยกับพ่อตัวเองอยู่

“พี่สงสารน้องชาย” หญิงสาวถอนหายใจ “วีน่าจะรักหนึ่งมาก วีไม่เคยดื้อกับที่บ้านขนาดนี้ และพี่ขอแค่ถ้าวันไหนไม่รักน้องพี่แล้วบอกน้องดี ๆ และพามาส่งคืนพี่นะ” หญิงสาวบอกด้วยความกังวลใจปนขอร้อง

“ไม่มีทางครับ ไม่วันไหนที่ผมจะไม่รักวี” น้ำเสียงหนักแน่น สายตาจ้องเขม็งยังใบหน้าหญิงสาวด้วยความไม่พอใจ เพราะมาดูถูกความรักของเขา

“งั้นพิสูจน์ให้เห็นแล้วกัน พี่ไปล่ะ” วาผละตัวออกมาทันที บีบมือสั่นเทาด้วยความกลัวสายตาของชายหนุ่มแฟนของน้องชาย

จินเดินมาโค้งคำนับแก่เจ้านาย และลากเก้าอี้มานั่งฝั่งตรงข้าม “จะให้ตามสืบเรื่องพ่อคุณวีด้วยไหมครับ” บอดี้การ์ดนั่งอยู่โต๊ะติดกับเขา

“ก็ดี” หนึ่งดูเวลา ถอนหายใจเสียงดัง “เฮ้ย! น้องวีของกูขึ้นเรียนไปแล้ว ฝากดูด้วยล่ะ โดยเฉพาะไอ้เชี่ยนั่น”

“ครับผม”

 

 

ในชั้นเรียนของนักศึกษาวิศวกรรมยานยนต์หลังสิ้นสุดชั่วโมงเรียน เจ้าน้องน้อยของกลุ่มโดนจ้องจากเพื่อนห้าคน พวกเขาแปลกใจว่าสองคนที่เป็นแฟนกันกะหนุงกะหนิงเมื่อสองวันก่อนหายไปไหน เพื่อนพวกเขาสภาพโทรมตาช้ำคล้ายผ่านการร้องไห้และมีเรื่องอยู่ภายในใจ

“จะเล่าเองหรือให้คาดคั้นคะลูก” มัมหมีจัสมินออกลายแล้ว

“เล่าครับ” ตามด้วยเสียงสั่งอันเรียบนิ่งจากไนน์เพื่อนรัก

 

เจ้าตัวน้อยเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้กลุ่มเพื่อนฟัง ริมฝีปากบางเบะออกเรื่อย ๆ เตรียมตัวร้องไห้ น้ำตาคลอขอบเบ้าตา ทั้งหมดจ้องหน้าถลึงตาใส่กัน ทั้งมือทั้งเท้าสะกิดกันไปมาให้ช่วยคิดหาทางปลอบ หวยมาออกตรงชายหนุ่มไนน์น้องชายแฟนเพื่อน

“วะ วีไม่ต้องห่วง หนึ่งมันจัดการได้อยู่แล้ว...” เขาชะงักเค้นคำปลอบ “หนึ่งไม่ยอมเสียวีไปแน่นอน ไม่ต้องห่วงนะ ตำแหน่งหลานสะใภ้คนโต หนึ่งมันจองไว้ให้วี” ไนน์ส่งสายเลิ่กลั่กให้คนอื่นช่วยปลอบต่อ

“วีไม่ต้องห่วงนะ ยังไงพวกเราทั้งหมดจะช่วยเป็นพยานรักของวีไปอธิบายกับพ่อด้วย” เมเปิ้ลเข้ามาช่วยปลอบอีกแรง เจ้าตัวถึงยกยิ้มออกมาบ้างเพื่อลดความกังวลของเพื่อน

“น้ำตาคลอแบบนี้ไม่เข้ากับวีเลย วีเหมาะกับเสียงหัวเราะ รอยยิ้ม รวมถึง...อาการเขินเวลาอยู่กับพี่หนึ่งด้วย” เจโอเข้ามาร่วมปลอบ แถมยังหยุดหยอกเย้าแซวให้เจ้าตัวเขินอาย

“อั่ยยะ!!” คิวเสริมลูกคู่กับเจโอ ช่วยเรียกเสียงหัวเราะเบา ๆ จากคนที่พวกเขาพากันโอ๋

 

“คุยอะไรกันเหรอ ดูสนุกกันจัง” ปาล์มประธานรุ่นแวะเข้ามาทักทาย

 

ทั้งหมดหันมาดูคนมาใหม่ เสียงหัวเราะจางหายไปด้วย เป็นไนน์หันไปถามกลับแทนที่จะตอบ “มีอะไรเหรอ?”

 

“เรามาหาวีน่ะ ช่วงบ่ายวีว่างไหม เราจะชวนไปทำรายงานที่ห้องสมุดด้วยกัน” ชายหนุ่มคนดังกล่าวมองเพื่อนตัวน้อยของพวกเขาด้วยสายตาหวานเยิ้ม

“...” สามหนุ่มสบตาอย่างรู้กัน จ้องมองย้อนกลับไปยังคนเดิม

“ว่างสิ เรานัดกันไว้แล้วไม่ใช่เหรอ?”

“แล้วเจอกันนะครับตัวเล็ก” ชายหนุ่มยิ้มกว้าง แววตาเป็นประกายด้วยความดีใจ ใช้มือลูบหัววีเบา ๆ 

“อืม...แล้วเจอกัน” เจ้าตัวน้อยยิ้มรับและผงกหัวตอบรับ

“...” ก่อนจะเดินจากไปปาล์มแสยะยิ้มให้ชายหนุ่มทั้งสามที่ยืนจ้องหน้าเขาอย่างไม่พอใจ

“กูล่ะเกลียดขี้หน้ามัน ชิบ!” คิวสบถลอดไรฟันให้ได้ยินกันเพียงแค่พวกเขา

“...” เจโอตบบ่าคิวให้เพื่อนหนุ่มลูกครึ่งให้ใจเย็น ทั้งสามจ้องตามแผ่นหลังคนที่พวกเขาไม่ชอบขี้หน้า

 

 

หลังจบมื้อเที่ยง วีขอแยกตัวไปห้องสมุดเพื่อทำรายงานตามนัด ชายหนุ่มทั้งสามและสองสาวกำลังตกลงกันอย่างเงียบ ๆ ว่าใครจะไปอยู่กับเพื่อนตัวน้อย เพราะพวกเขาไม่ไว้ใจอีกคน แต่จะออกนอกหน้ามากเกินไปก็ไม่ดีต่อเจ้าเพื่อนตัวน้อยอีก ยิ่งมีเรื่องทางบ้านอีกพวกเขากลัวจะคิดมาก ยังไม่ทันจะตกลงกันดี ไนน์ยกมือขึ้นเบรกเพื่อน

“ไม่ต้องไปแล้วพวกมึง นู่นพี่กูจัดการแล้ว” ไนน์พเยิดหน้าชี้ไปทางบอดี้การ์ดคนสนิทของพี่ชายที่เดินตามหลังเพื่อนตัวน้อยของพวกเขาไป

 

เจ้าตัวน้อยรู้สึกผิดปกติตั้งแต่ช่วงเช้าแล้ว ไปไหนมาไหนมีแต่คนจับจ้อง แต่พอเขาหันไปมอง ทุกคนกลับหลบเลี่ยงหนีจะมองเขา และจับกลุ่มพูดคุยกัน ในขณะเขามานั่งโต๊ะร่วมกับปาล์ม สายตาหันมองมายังเขาแบบไม่มีการปกปิด

 

ร่างบางเลื่อนเก้าอี้ตรงข้ามกับเพื่อน เอ่ยถามด้วยความสงสัยในสถานการณ์ที่เกิดขึ้น “ปาล์ม วีถามอะไรหน่อยสิ ทำไมทุกคนมองวีแปลกๆ” เจ้าตัวน้อยกวาดตามองอย่างลอกแล่ก

คนถูกถามแสร้งตีสีหน้าแปลกใจ “วียังไม่รู้เรื่องเหรอ เพื่อนในกลุ่มไม่ได้บอกอะไรกับวีบ้างเหรอ?”

“...” เจ้าตัวส่ายหน้าไปมา

 

ชายหนุ่มยังแสร้งถอนหายใจอย่างรู้สึกผิดที่ต้องเล่าเรื่องไม่ดีออกไป “มีคนปล่อยข่าวว่า วีเอาตัวไปจับหลานคนโตของศิริกิจวัชรโชติกรุป แบบว่าเสนอตัวไปอยู่กับคนคนนั้นด้วย แบบว่าอยากรวยทางลัด ประมาณนั้นแหละ” น้ำเสียงบอกกล่าวนั้น

 

“เหรอ แต่วีไม่ใช่คนแบบนั้นสักหน่อย วีคบกับพี่หนึ่งอย่างจริงใจ ทำไมต้องมีคนมาว่าวีแบบนี้ด้วย” เจ้าตัวเล็กตัดพ้อและต่อว่าคนที่ใส่ร้ายเขาอย่างไม่พอใจ “แล้วปาล์มคิดว่าวีเป็นคนแบบนั้นหรือเปล่า”

 

“เราไม่คิดว่าวีเป็นคนแบบนั้น แต่ก็นะ” เขาเงียบลงมองดูปฏิกิริยาของคนตัวเล็ก เงยหน้าขึ้นมาสบตาด้วยความอยากรู้ “วีไม่เหมาะกับพี่คนนั้นด้วยฐานะ และสังคมของวีกับคนนั้นต่างกันเกินไป เมื่อเราโตขึ้นความรักอย่างเดียวมันไม่เพียงพอ ต่อให้รักมากแค่ไหน ถ้ามันไม่เหมาะสมมันไม่รอด ตอนนี้วีคบกับพี่เขาแล้ว พี่เขาซื้อโดนัทชิ้นนั้นมาให้ วีว่ามันแพงไหม? แต่สำหรับเขาคนนั้นมองว่าแค่เศษเงินเท่านั้น เพื่อนในกลุ่มวีก็เหมือนกัน ของขวัญที่ซื้อมาให้วีเทียบไม่ได้กับของที่แต่ละคนมี เราไม่ได้พูดให้วีเลิกคบเพื่อนหรือคนนั้น แต่ในมุมมองของเรา วีไม่เหมาะจะอยู่ในสังคมแบบนั้น พวกเราไม่ใช่ส่วนหนึ่งในนั้น ถอยห่างออกมาก่อนที่ตัวเราเองจะถลำลึกไปกว่านี้”

 

“เหรอ...” น้ำเสียงคิดหนักคิ้วขมวดม้วนเป็นปม ในขณะอยู่กับเพื่อนในกลุ่มเขาไม่เคยมองถึงเรื่องนี้ เพื่อนทุกคนไม่เคยทำให้เขาต้องรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจกับเรื่องนี้แม้แต่น้อย ยิ่งกับพี่หนึ่งไม่ต้องบอกก็รู้ว่าดูแลเขาอย่างดี ไม่เคยสร้างความลำบากใจ แต่พอได้ฟังคนอื่นพูดถึงเขาคงต้องตระหนักในมุมมองคนอื่นบ้าง

ปาล์มดูคนตัวเล็กยู่หน้าอย่างคิดหนัก ยิ้มอย่างพอใจภายในอก “วีครับ ปาล์มรู้ว่าตอนนี้ไม่เหมาะจะพูดเรื่องนี้ โอกาสที่เราจะอยู่กับวีสองต่อสอง”

“...” วีรู้สึกตงิดในใจคำพูดของชายหนุ่มตรงหน้า ภาวนาอย่าให้เป็นแบบเขาคิดเลย

“คือปาล์มชอบวี ชอบมาตั้งแต่วันแรกเจอหน้าแล้ว จะบอกว่าไม่หวังก็ดูจะโกหกเกินไป ขอปาล์มเฝ้ามองดูวีอยู่ข้าง ๆ และเราขอโอกาสจีบได้ไหมครับ” ปาล์มกำลังเอื้อมมือจะมาจับมือวี แปะ! มือใหญ่วางบนไหล่ของเขา ปาล์มตวัดหน้าขวับ แต่คนนั้นจ้องอยู่ก่อนแล้ว ด้วยสายตาพร้อมลากไปกระทืบทันที

“พี่จิน?”

“ครับคุณวี” ใบหน้าถูกปรับใหม่เป็นใจดีและยิ้มแย้ม “คุณหนึ่งฝากผมเอาของมาให้ครับ บังเอิญเจอคุณไนน์บอกว่าคุณวีอยู่ห้องสมุด ผมก็เลยตามมาครับ”

“อ๋อ”

“แต่ถ้าไม่ว่าอะไร ผมขอนั่งตากแอร์ด้วยได้ไหมครับ เดินมาร้อนมากเลย” ไม่รอคำตอบตกลง เขาเคลื่อนตัวไปเลื่อนเก้าอี้ข้างเจ้านายตัวน้อยลงนั่งทันที “วันนี้ผมขออู้งานหน่อย อย่าฟ้องคุณหนึ่งเชียวนะครับ จะอยู่นิ่ง ๆ ไม่รบกวนเลยครับผม” จนยกนิ้วชี้ขึ้นมาจุ๊ ๆ ที่ริมฝีปาก

 

วีคลายความอึดอัดลงไปบ้าง หลังจากโดนสารภาพรักแบบไม่ทันตั้งตัว ด้วยพี่จินเข้ามาขัดได้จังหวะพอดี “เราขอบคุณปาล์มนะ แต่ตอนนี้วีไม่อยากคิดเรื่องอื่นนอกจากงาน และที่สำคัญตอนนี้ผู้ชายคนที่เรารักคือพี่หนึ่งคนเดียวเท่านั้น”

 

ปาล์มเข่นเขี้ยวในใจ ทำไมมีแต่คนชอบเข้ามาขวางทางความรักของเขากับวีอยู่ตลอด คนตรงหน้าหนึ่ง ยังไม่รวมเพื่อนชายหนุ่มทั้งสามคนของเจ้าตัว เขาส่ายหัวและยิ้มรับแต่โดยดี “เราเข้าใจวีนะ งั้นเราขอรอวีอยู่ตรงนี้นะ” ภายในใจเขาเดือดดาลอย่างมาก

 

 

ย้อนกลับช่วงเปิดเทอมวันแรก วันที่เจอตัวน้อยมากับกลุ่มเพื่อน ด้วยเขาเข้ามารอบสุดท้ายของการคัดเลือกเข้าเรียน วีคือคนน่ารักสดใส ทั้งหัวเราะและพูดคุยอย่างสนุกสนานกับเพื่อน จนเขาไม่สามารถละสายตาได้แม้แต่น้อย แต่สายตาของวีเองกลับไม่ได้มองไปไหน จับจ้องไปยังเพื่อนชื่อไนน์ จากนั้นเขาลอบสังเกต และมักจะมีผู้ชายคอยวนเวียนอยู่ข้างกายวีตลอด สายตาแสดงออกว่าหวงก้างชัดเจนคือหลานชายคนโตของนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อันดับหนึ่งของเมืองไทย

 

เขาเฝ้าสังเกตและจับตาดู จนแน่ใจว่าไนน์เองไม่ได้ชอบวี ควงไปกับผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า เขาจึงเดินไปพูดกับชายหนุ่มและเพื่อนของเจ้าตัวน้อยอีกสองคนขอร้องให้ช่วยเหลือในการจีบตัวน้อยพร้อมทั้งช่วยเปิดโอกาสให้กับเพื่อนคนนี้ด้วย

“พวกมึง กูชอบวี กูอยากให้พวกมึงช่วยกูหน่อย ไหน ๆ ก็เป็นเพื่อนกัน ช่วยกูกันหน่อยนะ” ปาล์มยืดอกบอกในใจอย่างลูกผู้ชายคนหนึ่งพึงจะแสดงออกมาได้

“ถ้ามึงจะจีบเพื่อนกู ทำไมต้องมาขอให้พวกกูช่วยด้วย ไม่มีปัญญาจีบเองหรือไง” คิวถามย้อนกลับด้วยสายตาเหยียดหยามไม่พอใจ

เมื่อคิวไม่ให้ความร่วมมือแล้วหนึ่ง เขาเลยหันไปทางชายหนุ่มเพื่อนสนิทคนตัวเล็กของเขา เพราะคิดว่าถ้าช่วยให้เขาจีบติดแล้ว วีจะได้เลิกยุ่งกับเจ้าตัว “ไนน์มึงเองก็ไม่ได้ชอบวี กูมองออกมาว่ามึงชอบผู้หญิง จะมากั๊กกูไว้ทำไมล่ะ แล้วคนอย่างกูไม่เหมาะกับวียังไง” ฐานะทางบ้านดีระดับพอสมควร ถึงแม้จะไม่รวยทัดเทียมกับพวกมัน แต่ควงไปไหนก็ไม่อายใคร

“เหมาะไม่เหมาะพวกกูไม่ได้ตัดสินใจ แต่คนที่ตัดสินใจคือวี ไม่ใช่พวกกู” เจโอตอบกลับ

 

ไนน์จ้องหน้าปาล์มที่ทำตัวน่ารำคาญ น่าดูรู้แล้วว่าไม่มีใครช่วยยังเซ้าซี้อยู่ได้ “แล้วกูไม่เคยประกาศว่ากูชอบหรือไม่ชอบผู้ชาย แล้วถ้ากูจะชอบวี มึงจะจีบแข่งกับกูไหมล่ะ”

“สรุปพวกมึงจะไม่ช่วยกูใช่ไหม” ปาล์มถามด้วยน้ำเสียงกระด้างไม่พอใจ

“แค่จะจีบใครสักคนมึง ยังมีปัญญาหาทางจีบเองเลย คุณสมบัติแค่นี้ก็ไม่ผ่านแล้ว” คิวย้อนบอกด้วยสายตาดูแคลน

 

สามหนุ่มเดินออกไป เขาได้ยินคำดูถูกจากปากหนึ่งในสามคน “แค่จะจีบใครสักคนมึงยังต้องใช้คนอื่นช่วย โคตรไม่จริงใจเลยว่ะ กันเอาไว้ อย่าให้มันเข้าใกล้น้องน้อยของเรา เห็นแล้วรำคาญลูกตาฉิบหาย”

 

ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เขาก็ไม่เคยได้เข้าใกล้วีอีกเลย ได้แต่ลอบมองและเฝ้าดูอยู่จากที่ไกล ๆ เมื่อไม่นานนี้วีตัวติดกับไนน์ตลอดเวลา สายตาวีมองไนน์มันดูเปลี่ยนไป หลงเหลือแค่ความชื่นชอบ ไม่ใช่สายตาของคนแอบชอบ เขาคิดว่าต้องใช้โอกาสนี้ก้าวไปหาและเดินหน้าจีบวีอย่างสุดกำลัง จนถึงวันเกิดของเจ้าตัว และเขาเตรียมของขวัญที่ตั้งใจทำอย่างมาก รอจังหวะให้วีอยู่คนเดียว เพื่อจะได้สารภาพความในใจ แต่หลาย ๆ อย่างมันผิดพลาดไปหมด ตัวเล็กมีท่าทีบ่ายเบี่ยงปลีกตัวไปโดยเร็ว เขาเองก็ไม่คิดจะลดละความพยายาม โอกาสมันพร้อมเสมอกับคนไขว่คว้า  สำหรับเขามันหมดลงในตอนตัวเล็กของเขาวิ่งไปกอดทายาทคนโตนามสกุลดัง

 

นั่นคือเหตุผลที่เขาต้องแยกวีออกจากเพื่อนในกลุ่มและคนนั้นให้มากที่สุดไม่ว่าจะวิธีใดก็ตาม ด้วยการปล่อยข่าวเสีย ๆ หาย ๆ

 

วีและปาล์มต่างพากันช่วยหาข้อมูลในการทำรายงาน โดยการกระทำอยู่ในสายตาบอดี้การ์ดในชุดสูทสีดำทั้งหมด

“ข้อมูลน่าจะครบแล้วนะ วีขอทำให้ส่วนต้น ส่วนท้ายของปาล์มแล้วกัน”

“ได้ แต่ถ้าสงสัย ปาล์มค่อยโทรหาวีอีกทีแล้วกัน”

“งั้นก็ได้ แต่ถ้าไลน์หาทิ้งไว้เลยนะ ช่วงนี้เราไม่ค่อยพกโทรศัพท์ติดตัวนะ” เจ้าตัวน้อยเขาไม่อยากบอกว่าโดนยึดจึงพูดเลี่ยงไป “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว เรากลับก่อนนะ พี่สาวเรามารอรับแล้ว”

“แล้วเจอกันนะวี”

“แล้วเจอกัน บาย”

 

หนึ่งดักรอตัวการก่อเรื่องที่ทำให้เขาเข้าหน้าไม่ติดกับพ่อตา รอยยิ้มมุมปากจากปาล์มคิดว่าสิ่งที่เขาทำไปได้ผลและไม่มีใครจะจับได้ เขาต้องซ่อนไอพีหลายชั้น รวมถึงสร้างไอดีปลอมในการปล่อยข่าว

“ทำลายชื่อคนอื่น รู้สึกดีไหม?” หนึ่งเดินล้วงกระเป๋าออกจากมุมเสา

ปาล์มหันไปตามเสียง “คุณพูดถึงเรื่องอะไร?”

 

ร่างสูงก้าวประชิดตัว ปรายตามองคนตัวเตี้ยกว่าเขาครึ่งศีรษะ “ลบสิ่งที่ทำไป สารภาพบาปกับเมียกูตอนที่ยังมีโอกาส” หนึ่งหยิบนามบัตรของพ่อเจ้าตัวมาโบกตรงหน้า ถ้าไม่โง่จนเกินไปคงเข้าใจในความที่เขาสื่อ ก่อนเขาฉีกให้มันขาดครึ่ง

 

น้ำเสียงจากปากคนตรงหน้าเรียบนิ่ง แต่เขากลับชาวาบไปทั่วแผ่นหลัง สายตาราวกับหมาป่าจ้องกระชากเหยื่อค่อย ๆ แสยะแยกเขี้ยวออกมา หนึ่งขยับก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว เผยรอยยิ้มมุมปาก เอานิ้วชี้เคาะขมับหนึ่งที ตามด้วยเสียง ปัง! หนึ่งกลับตัวก้าวเดินออกไปก่อนจะหยุดลงกลางคัน

“อ๋อ แล้วอย่าคิดหนี มึงต้องมาพรีเซนต์งานกับน้องวีของกู อย่างมาสร้างความวุ่นวายกับคนของกูเพิ่ม คนที่จะเดือดร้อนไม่ใช่มีแค่มึงคนเดียวแน่”

ปาล์มกลืนน้ำลายเหนียวหนืดก้อนใหญ่ลงคออย่างลำบาก นี่ไม่ใช่แค่คำขู่ เขารับรู้ว่าคนนี้สามารถทำได้จริง

 

 

ชายหนุ่มร่างใหญ่อาสาเดินมาส่งเจ้านายตัวน้อยให้ถึงรถของพี่สาวเจ้าตัว “คุณวี คุณหนึ่งให้ผมมาคอยอยู่ดูแลในช่วงนี้นะครับ ด้วยเรื่องข่าวที่ปล่อยออกมาเพราะคนไม่หวังดี คุณหนึ่งกลัวจะมีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นครับ”

“แล้วพี่หนึ่งล่ะครับ ทำไมไม่มาบอกด้วยตัวเอง...” น้ำเสียงเบาลงอย่างน้อยใจ ปากน้อยยู่ติดจมูก

จินก้มลงมาเห็นใบหน้าน้อยอดยิ้มในความน่ารักไม่ไหว “คุณหนึ่งเองอยากมาหาคุณวีใจจะขาด แค่ไม่อยากมีปัญหากับพ่อตา บวกด้วยไม่อยากให้น้องวีของพี่หนึ่งทะเลาะกับท่านพ่อตาด้วย คุณหนึ่งกล่าวไว้อย่างนี้ครับ”

“พี่จิน!!!”

 

วีก้าวขึ้นไปบนรถยนต์พร้อมกับเครื่องมือสื่อสารที่สั่นไหว ตามมาด้วยข้อความ “คืนนี้พี่ไปหาหนูเหมือนเดิมนะคะ”

 

 

To be continued…