บทที่ 10

ก่อเกิดความใกล้ชิด

 

ดอกทิวลิป

การตกหลุมรักอย่างหัวปักหัวปำ เป็นการบอกรักครั้งแรก หากต้องการจะบอกคนที่ตัวเองรักว่า ฉันตกหลุมรักเธออย่างหมดหัวใจแล้ว

 

 

หนึ่งจับจูงมือเจ้าของห้องไปยังห้องนอนที่เปิดไฟค้างเอาไว้ ร่างสูงพาคนตัวเล็กไปยืนมองสถานที่ ที่พวกเขาต้องใช้ร่วมกันเตียงขนาดควีนไซซ์ ดูช่างน่าพอเหมาะกับคนตัวเล็กนี้จัง แต่ถ้าจะให้นอนสองคนบนเตียงคงจะเบียดกันเล็กน้อย คล้ายพ่อกับลูกนอนด้วยกัน ไม่สิต้องเป็นแบบคนรักกัน

“วีจะนอนฝั่งไหนครับ?”

“ฝั่งนี้ก็ได้ครับ” วีชี้ไปยังฝั่งที่เขายืนอยู่

“งั้นนอนกันดีกว่าครับ” หนึ่งทำลายความกระอักกระอ่วน ทั้งสองขยับเขยื้อนตัวลงไปนอนลงบนเตียง ฝั่งซ้ายเป็นคนตัวเล็ก ฝั่งขวาเป็นชายร่างสูง

 

ร่างสูงคิดแผนการในหัวไว้หมดว่าถึงเวลานอนแล้วเขาจะต้องทำยังไง พอเอาเข้าจริงกลับไม่กล้าทำตามแผนสักอย่าง เอาแต่เงยหน้าแหงนมองเพดาน ส่วนวีเองประมาณในชีวิตเขาเคยนอนร่วมห้องกับเพื่อนคนอื่นมาเยอะ แต่ก็ไม่เคยจะนอนร่วมเตียงกับใครเลย

“ปิดไฟนะ”

“คะ ครับ”

 

5 นาทีผ่านไป ทั้งสองคนที่ควรจะหลับตาลง แต่ทว่ากลับยังลืมตาและรู้สึกแปลก ๆ

“วีง่วงยังครับ”

“ยังครับ”

 

หนึ่งเอ่ยถามขึ้นในขณะห้องมืดสนิท เขารับรู้ว่าอีกคนยังคงไม่หลับ ด้วยคนตัวเล็กยังนอนนิ่งแต่เสียงลมหายใจยังดังอยู่ไม่ราบเรียบสม่ำเสมอ

“วีครับ พี่ขอจับมือหน่อยได้ไหมครับ พี่ไม่ค่อยคุ้นชินกับการนอนร่วมกับใคร”

 

คนตัวโตกว่าหงายฝ่ามือยื่นไปทางด้านข้างคนตัวเล็ก เขารอให้อีกคนเอามือเรียวเล็กมาวางด้านบนด้วยความสมัครใจ เขารอไม่นานมือนั้นวางทับมือของเขา แรงสัมผัสเบาบางส่งผลกระทบต่อหัวใจที่เต้นรัวอย่างหนักหน่วง ใบหน้ายกยิ้มอย่างอดใจไม่ไหว รอยยิ้มที่มักไม่ค่อยจะเผยให้ใครเห็นแม้แต่คนใกล้ตัวน้อยนักจะได้เห็น ถ้าจะยิ้มคงเป็นยิ้มเพื่อการค้าเท่านั้น

 

หนึ่งเติบโตในครอบครัวนักธุรกิจขนาดใหญ่อันตรายรอบด้าน การฝึกฝนให้รับมือตามสถานการณ์ต่าง ๆ พวกเขาจะถูกฝึกให้นอนเพียงลำพังและจำกัดพื้นที่ส่วนตัวเพื่อความปลอดภัย เขาต้องมานอนหลับร่วมเตียงกับคนอื่นจึงไม่เกิดขึ้น รวมถึงกิจกรรมเซ็กซ์ด้วย เมื่อเสร็จแล้วจะแยกย้าย เขาถึงกลัวจะเผลอพลั้งมือทำอะไรลงไป เลยจำเป็นต้องขอจับมือเอาไว้เพื่อจะได้รู้ว่ามีอีกคนนอนร่วมด้วย

 

ไม่นานคนบอบบางอย่างน้องวีก็ผล็อยหลับไป หนึ่งพลิกตัวมานอนตะแคงหันมองหน้าคนน้องชัด ๆ ความจริงแล้วสายตาเขาปรับแสงได้ตั้งนานแล้ว แค่เพียงไม่กล้าหันมามองเจ้าตัวมากกว่า ยกมือข้างที่เป็นอิสระขึ้นมาแนบแก้มนิ่ม นิ้วมือค่อยไล้ไปตามกรอบหน้า ก่อนจะหยุดตรงริมปากเรียวเล็ก ริมฝีปากที่เขาอยากจะครอบครอง ไม่แค่ริมฝีปากแต่อยากจะครอบครองเจ้ากระต่ายน้อยทั้งตัว รวมถึงหัวใจดวงนี้ด้วย ถ้าพาตัวเองมาขนาดนี้เขาพอจะมีหวังไหม

จุ๊บ ริมฝีปากประทับหน้าผากขาวเนียนเรียบ “พี่ขอฝากรอยไว้ก่อนนะ สักวันพี่จะได้จุ๊บตอนที่หนูยังตื่นอยู่”

 

เช้าวันรุ่งขึ้น วีลืมตามาเจอภาพชายหนุ่มสุดหล่อในระยะที่เรียกว่าโคสอัปสุด ๆ กำลังนอนหลับโดยเอามือทั้งสองข้างมากอบกุมมือของเขาและซุกไว้ข้างแก้ม การกระทำอันน่าเอ็นดูเรียกรอยยิ้มของเจ้าตัวน้อย เขาอยากจะเอามือออกมาแต่กลัวว่าจะให้อีกคนตื่น ในขณะตัวเขาเองพยายามออกแรงอย่างเบาเพื่อจะดึงมือออก ดวงตากลมเรียวรีเปิดเปลือกตาขึ้น วีสบกับนัยน์ตาคมคู่สีรัตติกาล คนอายุมากกว่าค่อยคลี่ยิ้มเขาเองยิ้มตอบกลับไปเช่นกัน มือหนาย้ายมาวางทาบแก้มและลูบเบา ๆ ตามด้วยเสียงแหบแห้งจากการตื่นนอน

“อรุณสวัสดิ์ครับเจ้ากระต่ายน้อย”

“คะ ครับ อรุณสวัสดิ์ครับ”

 

กระต่ายน้อยตอบไปด้วยเสียงตะกุกตะกัก เขารับรู้ว่าคนนี้มีเสน่ห์ ถึงแม้ตอนนี้จะอยู่ในสภาพหัวฟูและยุ่งเหยิงก็ยังดูดีและหล่อแบบว่าการตื่นนอนไม่สามารถลดทอนความหล่อได้เลย มือหนายังไม่หยุดลูบหัว ช้อนผมไปแนบหูบ้าง อาจจะเป็นเพียงการเอ็นดู แต่คนที่รับผลการกระทำนั้น หัวใจจะวายแล้ว...

 

หนึ่งยังไม่คิดจะหุบยิ้มแม้แต่นิด ก่อนหลับไปเขาคิดว่าถ้าตื่นมาเจอวีในทุกเช้าเขาจะรู้สึกแบบไหน แต่ตอนนี้เขารู้แล้วแหละว่าโคตรน่ารักเลย หัวฟูดวงตายังดูง่วงนิดหน่อย แต่พอน้องยิ้มต้อนรับในเช้าวันใหม่พร้อมกับคำทักทายยามเช้า เขาแทบไม่อยากจะย้ายตัวเองไปไหนเลย ขอนอนจ้องอย่างนี้ไปนาน ๆ ได้ไหม

“มะ มือ พี่หนึ่งปล่อยมือวีได้แล้วครับ วีปวดฉี่” เขาไม่ได้ปวดเบาจริง แต่ต้องการหนีออกจากการถูกคนตัวโตนอนมองหน้ากันแบบนี้

“ครับ วีอาบน้ำก่อนเลยนะครับ พี่จะทำข้าวเช้าให้กิน” ชายหนุ่มยกมือเคาะประตูห้องน้ำบอกคนตัวเล็กที่หนีหายลับไปทันทีหลังจากลุกจากเตียง

 

วีอาบน้ำเสร็จ คนน้องก็เดินตามกลิ่นข้าวต้มหอมไปยังห้องครัวอันเล็กกระทัดรัด หน้าเตาก้มสูดดมกลิ่นอาหารเช้า พ่อครัวกำลังหั่นต้นหอมและผักชี ร่างสูงเดินไปยืนซ้อนหลังร่างบาง มือข้างซ้ายถือเขียง และมือข้างขวาหยิบทัพพีมาปาดผักโรยใส่หม้อข้างต้ม เจ้ากระต่ายน้อยรู้สึกว่าตัวเองกำลังโดนโอบกอด

“หอมไหมครับ แต่พี่หอมกมาเลยนะ” น้ำเสียงทุ้มกระซิบอย่างแผ่วเบาข้างหู หนึ่งได้กลิ่นครีมอาบน้ำอ่อนจากคนตัวเล็ก "หอมที่ไม่ได้มาจากข้าวต้มนะครับ"

คนในอ้อมกอดเม้มปากตอบ “อะ อืมหอมครับ วีหิวแล้วง่ะ” ใจเต้นแรงเพราะการกระทำของคนตัวสูง รีบผละตัวออกอย่างเร็ว โดยก้มลอดแขนและพยายามเบี่ยงตัวออกมา

หนึ่งไม่ยอมให้คนตัวหอมหนีจากไปง่าย “เดี๋ยวครับ ชิมข้าวต้มให้พี่ก่อน” หนึ่งใช้มือว่างคว้าแขนอันเรียวเล็ก ก่อนจะปล่อย หันมาจัดการวางเขียงลงและหยิบช้อนมารองรับน้ำซุปจากทัพพีและ ใช้ลมเป่าให้คลายร้อนสักครู่ยกมาจ่อปากเล็ก ๆ ที่อวบอิ่มน้ำ

“อร่อย...” สีหน้าแววตาเต็มไปด้วยประกายระยิบระยับ

“วีจะกินก่อนก็ได้นะครับ พี่ขอตัวไปอาบน้ำก่อน”

 

พ่อครัววางมือบนหัวและออกแรงโยกเบา ก่อนที่ตัวเองผละเดินกลับเข้าไปยังห้องนอน วีมองตามแผ่นหลังหายไปพร้อมกับเสียงปิดประตูห้องน้ำ คนตัวเล็กทรุดตัวลงนั่งกับเก้าอี้ ยกมือมากุมหน้าอกพร้อมกับถอนหายใจอย่างแรง การกระทำเมื่อกี้และเมื่อเช้าตอนตื่นนอนทำให้หัวใจเขาเต้นแรงมาก ถ้าเขาไม่คิดว่าแอบชอบไนน์อยู่ เขาคงชอบอีกคนแน่ ๆ เลย

 

ผ่านไปราวเกือบสัปดาห์กับการมาอาศัยร่วมกับเจ้าคนตัวน้อย ไม่แตกต่างจากเมื่อก่อนมากนัก เพียงแค่เปลี่ยนจากการเดินไปห้องตรงข้าม เพราะย้ายตัวเองมาอยู่แทน ตอนเช้ากินข้าวร่วมกัน ซื้อขนมไปให้น้องชายเขายังคงพาวีไปส่งที่มหาลัยเหมือนเดิม ถ้าเกิดวันไหนช่วงเย็นเขาไปรับไม่ได้จะฝากฝังน้องชายมาส่งแทน หรือถ้าเขารู้ล่วงหน้าก็จะให้เจ้าตัวขับรถไปเอง ถึงแม้จะทำหน้างอง้ำ เพราะไม่อยากขับรถแพง แต่ถ้าวันไหนไนน์พามาส่งวีจะยิ้มกว้างและเบิกบานกว่าทุกที แต่หนึ่งเองก็คงยังไม่รู้ว่าตัวเองก็ทำให้คนตัวเล็กใจเต้นแรงทุกครั้งที่ได้ใช้เวลาร่วมกัน

 

เขาพาวีเดินไปส่งที่โต๊ะประจำของกลุ่มเพื่อน แต่แปลกใจในวันนี้มีแขกร่วมโต๊ะเกินมาหนึ่งตัว ชายหนุ่มแปลกหน้านั่งเคียงข้างน้องสุดรักกำลังลอกกระดาษออกจากซาลาเปาจิ๋วให้อยู่

“มาแล้วเหรอ ที่รักครับซาลาเปาทูเอาออกให้แล้วนะ ให้เค้าป้อนด้วยเลยไหม” ทูลูกพี่ลูกน้องอีกคนของเขาและพี่ชายคนที่สองของไนน์ ทักทายเขาด้วยสีหน้าและท่าทางกวน และหันไปออดอ้อนน้องชายดังเดิม

“คนเก่งหนึ่งซื้อกาแฟมาให้แล้วครับ” เขาหยิบกาแฟยังไม่ทันจะได้ส่งให้ก็โดนขัดจากไอ้คนนั่งเคียงข้างน้องชายสุดที่รัก

“กูซื้อให้แล้ว มึงมาช้าที่รักกูหิว”

“กูมาเวลานี้เป็นประจำ มึงแหละมายุ่งอะไรด้วยกับคนเก่งของกู”

“มึงเอาเวลาไปดูคนของมึงเถอะ ไหนว่าจะมากัน อุ๊บ!! เชี่ยหนึ่ง!!” มือหนารีบเอามาอุดปากและจมูกพร้อมกันอย่างแน่น ทูรีบแกะมือไอ้พี่คนโตอย่างเร็ว แม่งเล่นหนักเลยนะไอ้หนึ่งกะเอากูตายห่าเลยหรือไง

 

วีผู้มาทีหลังมองหน้าคนทั้งสองเถียงกันไปมา หันไปมองเพื่อนคนอื่นส่งสายตากันไปมาถามว่า เรื่องอะไร ส่วนเพื่อนคนอื่นก็ทำหน้างงเช่นเดียวกับวี สองสาวและสองหนุ่มมาก่อนวีไม่นาน ที่โต๊ะมีแค่ไนน์และอีกคนนั่งอยู่ และได้รับคำแนะนำว่าชื่อ ทู เป็นญาติไนน์อีกคน แต่ยังไม่ทันพูดคุยอะไรกันต่อ เพื่อนตัวเล็กก็มาพร้อมกับญาติของไนน์อีกคนและทุ่มเถียงกันในเวลาต่อมา

 

ไนน์กลอกตาอย่างเหนื่อยหน่าย เขาต้องมาเจออะไรแบบนี้แต่เช้า “หนึ่ง ทู หยุดทะเลาะกันแยกย้ายไปทำงานได้แล้ว” น้ำเสียงเรียบตึงสั่งพี่ชายทั้งสอง

“ที่รัก...” เสียงโอดครวญจากทู

“คนเก่งคร๊าบบบบ” ตามด้วยเสียงพี่ชายอีกคนร้องอย่างเจ็บปวด

“มึงเลยไอ้หนึ่ง ที่รักเลยไล่กู ถ้ามึงไม่มากูมีเวลาสวีตกับไนน์”

“มึงนั่นแหละมาทำไม นี่มันหน้าที่กู”

“หน้าที่มึง มั่นใจจังเลยนะไอ้หนึ่ง” เสียงเหยียดทับมายังพี่ชายพร้อมกับใบหน้าเหยียดยิ่งกว่าคำพูด

 

คนกลางที่โดนพาดพิงลุกขึ้นยืนพร้อมกับลากเพื่อนตัวเล็กจากข้างกายพี่ชายมาไว้ข้างตัวเอง และหันไปเรียกเพื่อนที่นั่งอยู่ในโต๊ะ “พวกมึงขึ้นเรียนเถอะ ปล่อยให้ทะเลาะกันอยู่นี่แหละ” ไนน์จูงแขนวีพาก้าวเดิน ก่อนหยุดชะงักและชี้หน้าคนอายุมากกว่าทั้งสอง “ไม่ต้องตามมานะ เย็นนี้ไม่ต้องมาให้เห็นด้วย วีกลับกับไนน์แทน”

 

ไนน์จ้ำพรวดด้วยอารมณ์หงุดหงิดไปยังตึกเรียนและเพื่อนคนอื่นก็ลุกเดินตามมาพร้อมกับยกมือไหว้ลาแขกทั้งสอง พอมาถึงห้อง เพื่อนสุดกวนตีนที่สุดในกลุ่มเอ่ยถาม

“ไอ้ไนน์มึงนี่ฮอตนะเนี่ยไม่ว่าจะหญิงหรือชายขยันเข้าหาจัง มาแย่งเอาใจมึง คนเก่งมั่ง ที่รักมั่ง” คิวยักคิ้วกวนให้สองที

“เออ แล้วที่มึงบอกว่าญาติเนี่ย มึงแน่ใจนะไม่ใช่โกหกพวกกู แท้ที่จริงพวกนั้นมาจีบมึง” เมเปิ้ลเขย่าแขนถามอย่างอยากรู้

“...” เจโอไม่ถามเอาแต่หรี่ตาจ้องอย่างจับผิด

 

พวกเขายังไม่ทันจะพูดคุยกันต่อ อาจารย์ผู้สอนก็เปิดประตูเข้ามา พวกที่เหลืออยู่ภายในห้องพร้อมใจกันพลิกนาฬิกาดูเวลากัน ทันทีว่าถึงเวลาเรียนแล้วเหรอ เพราะบทสนทนาของกลุ่มเขายังเป็นที่สนใจของคนในคลาส

“ยังไม่ถึงเวลาค่ะนิสิต พอดีว่าอาจารย์มาคุยงานเสร็จก่อนเวลา เลยมารอสอนเลยค่ะ” อาจารย์ตอบแบบยิ้มกับนักศึกษาทั้งหลาย

“คร้าบบบ / ค่ะ” เสียงขานรับพร้อมกับเสียงหัวเราะตามหลังมา เพราะทุกคนคงรับรู้ถึงสิ่งที่พร้อมใจกันทำก่อนหน้านี้

 

กิจกรรมห้องเชียร์วันนี้ถูกงดเพราะใกล้ถึงช่วงสอบกลางภาคเรียนแล้ว รุ่นพี่จึงมาแนะนำเรื่องแนวข้อสอบ พร้อมทั้งแจกแจงว่าหากใครสนใจต้องการให้รุ่นพี่ที่ถนัดรายวิชานั้นมาติวให้ จัดกลุ่มและขอช่องทางติดต่อกับประธานรุ่น พร้อมกับคำอวยพรในการสอบก่อนจะแยกย้ายกัน

ตามที่บอกไว้เมื่อเช้า ไนน์ต้องพาวีไปส่งที่คอนโด แต่ก่อนจะกลับไนน์ชวนวีไปหาอะไรกินก่อนเข้าไป พวกเขาแวะกินกวยจั๊บ

“วี ไนน์ยกไข่ให้ กินเยอะๆ จะได้โต แถมหมูกรอบให้อีกสองชิ้นด้วย”

ไข่ในชามขนาดครึ่งฟองย้ายมาชามตรงหน้าคนตัวเล็กและตามมาด้วยหมูกรอบ ใครๆ ก็รู้ว่าของอร่อยที่สุดกวยจั๊บคือสองสิ่งนี้ วียิ้มกว้างในความใจดีของเพื่อนคนนี้อีกแล้ว

“ขอบคุณน้า ไนน์ใจดีกับวีตลอดเลย”

“ไม่ดีเหรอ ไม่ชอบให้ใจดี ใจร้ายก็ได้นะ” ไนน์แกล้งหยอกแสร้งทำหน้าดุเสริมไปอีก แต่ก็ไม่นานคลายยกยิ้มที่มุมปากให้เจ้าตัวเล็ก “ตัวแค่นี้ดุไม่ลงจริง อยู่คอนโดโดนหนึ่งแกล้งไหมเนี่ย ถ้ามันทำอะไรไม่ดีมาบอกไนน์นะ” เขาบอกด้วยสีหน้าจริงจังด้วยความเป็นห่วง

“ไม่เลย พี่หนึ่งใจดีมากเลย” วีตอบพลางค่อยตักหมูกรอบที่ไนน์ให้กินทีละนิดเพราะเขากลัวว่ามันจะหมด

ไนน์อยากรู้ว่าเพื่อนเขากับพี่ชายไปถึงขั้นไหนแล้ว “ไนน์กับหนึ่งวีว่าใครใจดีกว่ากันแล้วชอบความใจดีของใครมากกว่ากัน”

“แค่ก ๆ ๆ” คนตัวเล็กถึงกับสำลักเพราะไม่คิดว่าจะโดนคำถามแบบเจาะจงแบบนี้ เจ้าตัวรีบคว้าแก้วน้ำมาจิบ ไนน์ยกมือประคองเขาด้วยอีกคน

“ขอโทษทีวี ไนน์ล้อเล่นไม่คิดว่าจะทำให้วีตกใจ”

“ไม่เป็นไร วีแค่ตกใจอยู่ทำไมถึงถามแบบนี้ ไนน์ก็ใจดีในแบบของไนน์นั่นแหละ ส่วนพี่หนึ่งเขาใจดีเหมือนกัน” น้ำเสียงเบาบางลงไปนิด แก้มวีเริ่มขึ้นสีระเรื่อ “แต่วีชอบความใจดีของไนน์นะ ไม่ใช่ว่าไม่ชอบความใจดีของพี่หนึ่งนะ พี่หนึ่งคอยดูแลวีแบบพี่ชาย”

“อืม...” ไนน์ยกน้ำขึ้นมาจิบ สงสารพี่ชายกูจังเขายังมองเห็นเป็นแค่พี่ชายเอง “รีบดีกว่าเย็นหมดแล้ว”

 

ไนน์ตักเส้นเข้าปาก พลางจ้องคนตัวเล็กที่อยู่ตรงหน้า ในใจครุ่นคิดไปสารพัด เขาใจดีกับวีเกินไปหรือเปล่า เขาทำให้เพื่อนคิดเกินไปหรือเปล่า แต่เจ้าตัวน้อยเนี่ยมันน่ารักไม่ทันโลก เขากลัวพี่ชายเขาจะทำอะไรมากกว่าที่รับปากเอาไว้เลยอดห่วงไม่ได้จริง ๆ

 

ชายหนุ่มพาคนตัวเล็กมาส่งยังหน้าคอนโด โดยที่ยังใส่หมวกกันน็อกเขาเช่นเดิม ยังไม่ทันจะช่วยถอดพี่ชายตัวดีเขาก็รีบถลามาจัดการ แต่พอเห็นการช่วยถอดเสื้อและรับกระเป๋ามาถือแทน คนหนึ่งรับ คนหนึ่งส่งให้ เหมือนทำกันมาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว มันคงมีอะไรมากกว่านั้นมั้ง เขาคงคิดมากไปหรือเปล่า

“วีไนน์ไปแล้วนะ หนึ่งซื้อกวยจั๊บมาฝากอยู่กับวีนะ ไปล่ะ” เขาโบกมือลาและขับลูกรักคันโปรดออกไป

 

อย่างเช่นเดิมทั้งสองเดินกลับไปยังห้องหมายเลข 1202 นิติผู้ดูแลยังไม่ออกจากโรงพยาบาลแต่มีคนเข้ามาดูแลแทนก็จะมาแค่ช่วงตอนกลางวันเท่านั้น ในส่วนนี้วีเองไม่รู้ กิจวัตรแบบเดิม

และถึงเวลาเข้านอน “ขอมือด้วยครับ”

 

หลังจากปิดไฟ หนึ่งแบมือขอสิ่งที่เขานอนจับทุกคืนมาเป็นเวลาร่วมสัปดาห์แล้ว ระยะห่างในการนอนร่วมเตียงขยับเข้ามาใกล้ขึ้น จากวันแรกที่ต่างฝ่ายนอนชิดขอบ และตอนนี้ขยับเหลือช่องว่างเพียงแค่ไม่กี่เซนติเมตร

“ฝันดีครับน้องวี”

วีเก็บคำถามที่เพื่อนเขาถามว่า ชอบความใจดีของใครมากกว่ากัน สำหรับคนตัวเล็กแล้วการที่มีพี่หนึ่งอยู่ด้วยมันอุ่นใจ เขาเป็นคนกลัวผีมาก ตั้งแต่ย้ายมาออกจากบ้านวีมักจะนอนโดยการเปิดโคมไฟบนหัวเตียงเสมอ เขากลัวการจินตนาการในความมืด ยิ่งถ้าเผลอนอนแล้วสะดุ้งตื่นขึ้นมาเจอแสงไฟแยงตา กว่าจะนอนหลับก็อีกนาน เขาจึงเหมือนนอนไม่ค่อยเต็มอิ่มในแต่ละวัน แต่พอพี่หนึ่งย้ายมานอนร่วมด้วยเขาหลับสนิททุกคืนเสมอ

“ฝันดีครับพี่หนึ่ง”

 

ค่ำคืนที่แสนจะอิ่มเอมในความรู้สึกของตัวเล็กค่อย ๆ ปิดตาลงเข้าสู่ภวังค์ เขาดีใจที่มีคนมาเคียงข้าง แต่ถ้าหากเป็นแบบนี้ในทุกวันคงจะดีไม่น้อย

 

“อะ พวกมึง กูทำแซนด์วิชมาให้ลองชิม” จัสมินลากกล่องพลาสติกไว้ตรงกลางโต๊ะ ภายในบรรจุเต็มไปด้วยแซนด์วิช ที่ไม่ค่อยจะเหมือนแซนด์วิชเท่าไหร่ เหมือนกองๆ อะไรสักอย่าง ทั้งห้าคนชะโงกไปดูก่อนจะเหลือบตามองหันอย่างลังเล

“คือกูกำลังหัดทำอาหารอยู่และอยากให้พวกมึงที่เป็นเพื่อนรักของกู ช่วยชิมพร้อมกับคำติชมอย่างสร้างสรรค์ให้กูหน่อย” จัสมินพนมมือหลวม ๆ และบอกพวกเพื่อนด้วยน้ำเสียงเว้าวอนปนขอร้อง

วีนึกถึงช่วงเมื่อวานเย็นก่อนเข้านอนจัสมินโทรหาเขาและบอกให้สอนวิธีทำอาหารที่ง่ายให้หน่อย แต่ด้วยสกิลการทำอาหารอันติดลบ แซนด์วิชเนี่ยแหละง่ายสุดเพราะถ้าอย่างเขายังทำได้คนอื่นต้องทำได้

 

เหยื่อทั้งห้ามองหน้าเถียงกันด้วยสายตา ว่ามึงกินก่อนดิ มึงนั่นแหละ มึงเลย วีผู้เปรียบเสมือนอาจารย์ผู้ถ่ายทอดความรู้ความสามารถให้แก่ลูกศิษย์คนนี้ เขาจึงเป็นคนแรกที่ยื่นมือไปหยิบชิ้นที่ดูพอจะกินได้เข้าปากคนแรก

 

วีพยายามขยับปากเคี้ยวและพูดไปด้วยประโยคอันถนอมน้ำใจ “อืม...รสชาติพอกินได้นะ แต่ว่ามันมีแค่เค็มกับขมหน่อยนะ”

คิวเพ่งมองดูสีหน้าเพื่อนตัวเล็กพยายามกินและพยายามให้กำลังใจคนทำ แต่เขาถือคติว่าเพื่อนกันต้องจริงใจ “กูว่าอันนี้น่าจะเข้ากว่า คนกินตายคนคายรอด วีถ้ากลืนลงคอไปนะ เจอกันอีกชาติหน้าเลยนะโว้ย” พร้อมโบกมือ บ๊ายบาย

 

จัสมินมีสีหน้าลุ้นระทึกกับเพื่อนตัวน้อย ต้องมาเลือดขึ้นหน้าเพราะไอ้เพื่อนตัวดีคนนี้เลย “ไอ้เชี่ยคิว!!” เสียงแวดด้วยความอับอายเธอคว้าฝากล่องตีคนพูด ก่อนเจ้าตัวจะหลบและวิ่งหนี หญิงสาวผู้ไม่ยอมพ่ายแพ้ออกแรงวิ่งไล่ทุบเพื่อนทันที

“อะ! วีคายออกมา” ไนน์อาศัยจังหวะคิวลากเชฟจัสมินออกไป หยิบกระดาษทิชชูมาวางบนมือพร้อมกับรองรับให้คนตัวน้อยคายลงมา

“ขอบคุณนะไนน์”

“ดูสภาพแล้วมันกินไม่ได้ยังจะกินเข้าไปอีก” เสียงดุระหว่างไนน์รับก้อนที่วีคายออกมา

 

พอได้ยินเสียงดุอย่างจริงจัง เขาก้มหน้าลงพร้อมกับยู่ปากอย่างเสียใจ และบ่นกับตัวเองเบา ๆ “ก็ไม่อยากให้จัสมินเสียใจอ่ะ ทำไมต้องดุด้วย”

 

“จะไม่ให้ดุได้ยังไง กินลงไปปวดท้องจะทำไง” ร่างโปร่งดุซ้ำอีกรอบ เจ้ากระต่ายช้อนตาพร้อมปากที่เบะ “ไม่ต้องมามองแบบนี้ ไนน์ไม่สงสารนะ” มือสากผลักหัวเบาซ้ำไปอีกรอบ

“ถูกอย่างที่ไอ้ไนน์มันบอกแหละวี” เมเปิ้ลกล่าวอย่างเห็นด้วยกับความคิดของเพื่อน

“กล้ากินไปได้ไง เห็นสภาพแล้วน่ากลัวชิบ...”

 

เจโอนั่งนิ่งเงียบมานานแย่งปากกาจากมือเมเปิ้ลไปเขี่ยสิ่งที่อยู่ในกล่อง และพวกเขาทั้งสามรับรู้ว่าคำพูดเพื่อนตัวน้อยเมื่อสักครู่ต้องหารร้อย ด้วยสภาพแทบจะแยกไม่ออกมามันคืออะไร รับรู้ว่าไอ้แผ่นขาว ๆ นั้นคือขนมปังชัดเจน แล้วไอ้ก้อนดำ ๆ ขด ๆ แทรกอยู่นั่นอะไร ยังไม่รวมไอ้แผ่นสีเหลืองเยิ้ม ๆ นั่นชีสล่ะมั้ง แต่ปริมาณมันเยอะไป ยังไม่รวมผักที่เหี่ยวเพราะโดนความร้อนอย่างแรง

“พวกมึงเลิกตีกันได้แล้วโว้ย!!” เสียงตะโกนโวยวายร้องเรียกเพื่อนทั้งสองให้เลิกวิ่งไล่ทุบกันจากเมเปิ้ล

ไม่นานทั้งสองกลับมายังโต๊ะ วันนี้พวกเขานัดให้มาก่อนเวลาเรียนเล็กน้อย ต้องการคุยเรื่องงานกลุ่มจะให้ส่งในสัปดาห์หน้า

“จัสมินมึงถ้าไม่ไหวไม่ต้องฝืนนะ พวกกูก็คงไม่ไหวด้วยถ้าขืนกลืนไอ้พวกนี้ลงคอ คนเราไม่ต้องเก่งไปทุกอย่างบ้านมึงรวยซื้อเอาเถอะพี่หมอมึงไม่ว่าอะไรแน่นอน”

 

เมเปิ้ลสนิทกับจัสมินมากที่สุดในกลุ่มเพราะเป็นเพศเดียวกัน ลุกเดินไปกอดปลอบให้กำลังใจ เพื่อนคนอื่นๆ พยักหน้าอย่างแรงเห็นด้วยกับคำพูดของเพื่อนคนนี้ สิ่งที่พวกเขาพยายามช่วยกันสื่อสารทางสายตาเพียงเพื่อหวังในอนาคตว่าจะต้องไม่เจอชะตากรรมอันโชคร้ายแบบนี้อีก

 

ทุกคนยกเว้นเจ้าของผลงานลงความเห็นว่า สิ่งที่คิวบอก ‘คนกินตายคนคายรอด’ ถ้าเอาไปให้พี่หมอของคุณเธอคงต้องหาคนมาช่วยชีวิตหมอแทน

“มาคุยเรื่องงานกันก่อนมึง” เจโอผู้อ่านสถานการณ์รีบเปลี่ยนเรื่อง

“เออใช่ ๆ จารย์ให้แบ่งกลุ่มละสาม ใครจะอยู่กลุ่มใคร” ไนน์เสริมทับเข้าไปอีกรอบ ก่อนเพื่อนสาวจะบันดาลดราม่า

“กู เจโอ มึงสองคนเลือกมา ส่วนวีก็ไปอยู่กับไอ้ไนน์แล้วกัน” คิวจิ้มตัวเองและชี้เจโอนั่งข้าง และชี้สลับสองสาวให้พวกเธอเลือกเอง และบอกว่าให้วีไปอยู่กับไนน์ตามปกติ

“...” เจ้าคนตัวน้อยพยักหน้าขานรับ

“กูไปอยู่กับมึงนะไนน์ ตอนนี้กูเกลียดไอ้คิวอยู่” จัสมินบอกกับเพื่อนและหันไปแลบลิ้นใส่เพื่อนตัวสูงอีกคน

“งั้นกูกับพวกมึง” เมเปิ้ลไหวไหล่

“งั้นระหว่างนี้ไปหาข้อมูลกันก่อน แล้วเอามารวมพร้อมสรุปกันวันเสาร์ไหม จะไปทำกันที่ไหนดี คอนโด?” ไนน์บอกและถาม

เจโอยกมือขึ้นคนแรก “คอนโดกูไม่ได้ พื้นที่ส่วนตัว” สั้น ๆ และจบ เพื่อนเข้าใจว่ามันไม่ให้ไปอย่างแน่ชัดไม่ต้องคะยั้นคะยออีกเลย

จัสมินพูดแทรกขึ้นมาหลังจากเจโอพูดจบ “พี่หมอห้ามพาผู้ชายขึ้นคอนโด” เพื่อนคนอื่นกลอกตาขึ้นบน มีเพื่อนวีคนดีที่ยิ้มรับ

คิวยกมือขึ้นมาด้วย “ของกูไม่สะดวกช่วงนี้มีแขกอยู่ด้วย”

 

สามคนที่เหลือมองหน้ากัน ว่าใครจะเป็นใครที่อาสาให้ใช้พื้นที่ พวกเขาเคยไปทำงานนอกสถานที่มาแล้ว ยอมรับแหละว่าพวกเขาหน้าตาดีและพอจะมีชื่อเสียงกันในแวดวงสังคมอยู่บ้าง พอไปทำที่ร้านกาแฟมักจะมีคนเข้ามาหาตลอด มันรบกวนการทำงานมากจึงตกลงกันในรอบล่าสุดว่าต้องพื้นที่ส่วนตัวเท่านั้นไม่งั้นงานไม่คืบหน้า

เมเปิ้ลชิงพูดก่อน “คอนโดกูไกล มันเล็กด้วยไม่สะดวก”

 

เจ้าตัวน้อยค่อยยกมือและพูดเบาๆ “คอนโดวีมันเล็กจะให้ยัดคนหกคนเข้าไปคงล้นออกมาแน่นอน ไม่ใช่วีหวงนะแต่วีว่าคงนั่งเบียดกันแน่” เขาพยายามหาเหตุผลมาอธิบายน่าจะสมเหตุสมผลที่สุด แต่สิ่งหนึ่งคือการที่มีอีกคนอย่างพี่หนึ่งมาอาศัยร่วมด้วย เพื่อนๆ เขาต้องมองยังไง ยิ่งไนน์อาจจะมองเขาไม่ดี

 

ไนน์ถอนหายใจและมองคนอื่น ๆ “สรุปต้องคอนโดกูแล้วแหละ” เขากลืนน้ำลายไปหนึ่งอึก และพูดกับเพื่อน ๆ ว่า “มีเรื่องที่กูยังไม่บอกพวกมึงอยู่เรื่องนึง ทุบได้แต่อย่าโกรธนะมึง เอาแบบว่าไปถึงคอนโดกูแล้วพวกมึงจะรู้เอง”

 

ไนน์รู้ว่าเพื่อนคนอื่นอาจจะไม่โกรธแต่สิ่งที่เขากังวลคือ เจ้าเพื่อนตัวน้อย

 

 

To be continued….