17 ตอน บทที่ 17 ความหลังในวันวาน
โดย T.mines
บทที่ 17
ความหลังในวันวาน
ดอกดารารัตน์ (Daffodil)
“น้ำใจไมตรีและความเอื้ออาทรของเธอ สมแล้วกับที่เป็นเพื่อนรักที่แสนดีของฉัน” อีกทั้งดอกไม้ดอกนี้ยังมีความหมายอีกนัยหนึ่งว่า เกียรติยศ ความกล้าหาญ สัญลักษณ์ของความหวังอีกด้วย
"ดอกไม้แห่งความหวัง" น่าจะเนื่องมาจากในแถบยุโรปนั้น เมื่อผ่านช่วงฤดูหนาว
อันแสนทรมานแล้ว ดอกไม้ชนิดแรกที่ผลิดอกก่อนใครก็คือ ดอกแดฟโฟดิล หมายถึงการเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิ
และความหมายอีกนัยยะหนึ่งของฤดูใบไม้ผลิก็คือการเริ่มต้นชีวิตใหม่อันสดใสและอบอุ่น
หนึ่งมองตามเจ้ากระต่ายน้อยเดินหนีเข้าไปในบ้าน นี่คือครั้งแรกในชีวิตตัวเขาเองไม่สนใจว่าคนเก่งว่าพูดอะไร เอาแต่จับจ้องไปยังใบหน้าและสายตาอันตัดพ้ออย่างไม่พอใจ เขาเองไม่แน่ใจว่า ตอนนี้น้องวีแค่ยังโกรธหรือเกลียดเขาจริง ๆ
ย้อนกลับไปสองสัปดาห์ที่แล้ว
หลังจากได้รับสายจากเลขาว่าดอกกล้วยไม้ส่งออกไปมีปัญหา เขาก็ตรงไปยังบริษัทเหลือเพียงเลขาเขาคนเดียว ปัญหาคือกล้วยไม้มีจุดสีเหลืองอมน้ำตาลขนาดเล็กถึงขนาดปานกลาง หรือเรียกกันโดยทั่วไปในกลุ่มคนขายดอกไม้คือโรคดอกสนิม ถึงแม้ทางไร่จะควบคุมสภาพแวดล้อมอย่างดีแล้ว ก็ยังสามารถเกิดขึ้นได้ โรคนี้มักจะเกิดในช่วงหน้าฝนหรือในช่วงหมอกจัด
ก่อนการจัดส่งมีการตรวจเช็กสภาพดอกอยู่แล้ว เขาเดาว่าโรคคงปรากฏระหว่างการขนส่งไปยังปลายทาง ชายหนุ่มรีบแจ้งปัญหาไปยังฝั่งทางไร่ให้รีบตรวจสอบและหาทางควบคุม หรือกำจัดทิ้งไม่ให้ลุกลามไปยังไปโรงเรือนอื่น
“คุณลิตาเตรียมตั๋วเครื่องบินไปฝรั่งเศสด่วนเลยนะครับ” หนึ่งออกคำสั่งยังก้มหน้าอ่านรายงานในแฟ้มเอกสารเกี่ยวกับการส่งออกล่าสุด “ผมรบกวนขอเอกสารการสั่งกล้วยไม้ตระกูลหวายของไตรมาสนี้ทั้งหมดด้วยครับ”
“ได้ค่ะ”
Rrrrrr
“ครับ”
[คุณหนึ่งครับ ผมให้คนงานเดินไปสำรวจในแต่ละโรงเรือนแล้วนะครับ ช่วงนี้มีฝนตกในช่วงกลางคืนและหมอกลงจัดในช่วงเช้า ผมเดาว่าปัจจัยนี้ส่งผลต่อการเกิดโรคในกล้วยไม้]
“ครับ ช่วยตรวจสอบและแจ้งผลให้เร็วที่สุดนะครับ ผมจะได้วางแผนต่อ”
[ส่วนโรงที่เจอโรค ผมให้คนไปกำจัดหมดแล้ว ส่วนโรงอื่นจะทำการพ่นยาไปก่อนครับ]
“...” เสียงดังจากเครื่องส่งวิทยุไร้สายดังแทรกเข้ามา
[คุณหนึ่งครับ ทางคนงานแจ้งมาแล้วครับ ว่าเจอเพิ่มอีกสองโรงอยู่ติดกัน แต่มันคือโรงที่จะส่งออกในสัปดาห์หน้า แล้วโรงอื่นยังเก็บเกี่ยวไม่ได้ครับ]
“เอาไงดีนะ” ชายหนุ่มคิดหนัก เพราะมันเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงยาก ถ้ามันเกิดโรคระบาดแล้วย่อมต้องหาทางรับมือ “งั้นจัดการทางนั้นก่อนแล้วกันครับ ผมขอคุยกับทางลูกค้าอีกทีว่าจะเอาไงกันดี”
[ได้ครับคุณหนึ่ง]
“หลังเสร็จจากทางนี้ แล้วผมจะขึ้นไปตรวจดูที่ไร่อีกทีนะครับ ทางนั้นฝากทางคุณทวิชเข้มงวดเกี่ยวกับการดูแลและตรวจสอบอันอื่นก่อนส่งหน่อยครับ”
[ได้ครับ]
เขานั่งอ่านรายงานการสั่งซื้ออยู่ทั้งคืน เพราะปัญหาค่อนข้างส่งผลกระทบกว้างไม่เพียงแค่ที่นี่ที่เดียวแต่ยังรวมไปถึงการนำกล้วยไม้ชนิดอื่นที่มีในออร์เดอร์สั่งมาทดแทน และยังต้องบริหารดอกกล้วยไม้ที่มีให้เพียงพอต่อยอดที่สั่งไว้ล่วงหน้าอีก
ชายหนุ่มหนีไปนอนในช่วงใกล้รุ่งส่างเพื่อให้สมองได้พักบ้าง กำหนดการบินไปฝรั่งเศสในช่วงดึกของคืนนี้ เขาเลยสั่งให้จินเข้าไปเก็บของใช้ส่วนตัวและเอกสารต่าง ๆ ในตอนนี้ย้ายมาปักหลักคอนโดหลังน้อย เขาก็อยากเข้าไปเก็บด้วยตัวเอง แต่ไม่มีกล้าแม้ก้าวเท้าเหยียบย่ำเข้าไป เขากลัวว่ายิ่งเข้าไปหาน้องมากเท่าไหร่ น้องยิ่งเกลียดเขามากขึ้น จึงยอมถอยออกมาก่อน หลังจากได้รับข้อความจากคนเก่งมาบอกว่าเจ้ากระต่ายน้อยไปนอนค้างยังคอนโด บ่งบอกว่าน้องคงไม่อยากเจอหน้าเขามาก จนต้องหนีไปอยู่ที่อื่น
บางทีปัญหาเข้ามาในเวลานี้ก็ดีไปอย่าง จะได้ไม่มีให้เวลาคิดถึงเจ้ากระต่ายน้อยของเขา หนึ่งบินไปขอโทษและรับปัญหาทั้งหมด เขาแก้ไขโดยการส่งเอื้องช้างน้าวเผือกที่มีราคาแพงมาทดแทน และส่วนทางเอื้องมาดามเขาก็ทำการส่งดอกที่มีขนาดเล็กลงมาแทน โดยจะทำการลดราคาให้ครึ่งหนึ่งด้วย ทางนั้นก็รู้สึกพอใจในการแก้ไขในครั้งนี้
เขาต้องบินไปยังประเทศต่าง ๆ จากฝรั่งเศส อิตาลี และกลับมาโซนเอเชียคือ ญี่ปุ่น จีนและสุดท้ายคือฮ่องกง ก่อนจะบินกลับมาไทย บินไปมารวมถึงเคลียร์งานค้างทั้งหมด ก็ผ่านพ้นไปเกือบสองสัปดาห์ แต่ในระหว่างนั้นเขาก็คอยฟังรายงานจากคนที่เขาให้ไปตามดูแลความปลอดภัยของเจ้าตัวน้อย
“คุณหนึ่งครับ ไอ้คีนโทรมาถามคุณหนึ่งจะกลับเชียงใหม่วันไหน คุณไนน์จะขึ้นไปเที่ยวครับ” จินรับสายจากบอดี้การ์ดของเจ้านายน้อยอีกคน
“ช่วงต้นสัปดาห์แหละ แล้วนี่คนเก่งกูจะสอบเสร็จแล้วเหรอ?” ชายหนุ่มตอบ
“อีกสองวันเสร็จแล้วครับ ช่วงนี้คุณวีดูสดใสร่าเริงเหมือนเดิมนะครับ ผมเดาว่าคงทำข้อสอบได้ครับ” จินอ่านใจเจ้านายได้ว่า ความจริงแล้วเลี่ยงจะถามถึงคนในดวงใจเป็นถามหาน้องชายแทน
“อืม ก็คงงั้นแหละได้อยู่กับคนที่เขาชอบนี่” น้ำเสียงตัดพ้อตัวเอง เขาได้รับรายงานตลอดช่วงเวลาห่างกัน เจ้ากระต่ายน้อยของเขาไปเรียนและพักคอนโดน้องชายตลอด รูปภาพส่งมาให้ดูล่าสุดเจ้าตัวยิ้มกว้างอย่างสดใสกับน้องชายเขา
“งั้นผมแจ้งทางคีนไปเลยนะครับ คุณไนน์ฝากมาบอกว่าจะพาของขวัญไปปลอบใจเรื่องงานด้วยนะครับ”
“...??” หนึ่งเลิกคิ้วมองหน้าบอดี้การ์ดกลั้วยิ้มอย่างสงสัย
หนึ่งบินกลับมายังเชียงใหม่ เขาตั้งใจจะอยู่พักผ่อนสักสัปดาห์ ก่อนจะบินกลับไปเคลียร์ใจกับวี ถ้าหากน้องยังไม่ยอมให้อภัย เขาก็คงต้องยอมรับในสิ่งที่จะเกิด แต่ถามว่าจะยอมแพ้ไหมก็ไม่ คนไม่ทิ้งโอกาสย่อมมีโอกาสเสมอ
“หนึ่ง หนึ่งใช่ไหม” เสียงหญิงสาวเรียกชื่อเขามาจากด้านหลังในระหว่างรอรับกระเป๋าตรงสายพาน นั่นทำให้เขาหันไปมองตามเสียง
“ละอองฝน?”
หญิงสาวตัวเล็กผอมผิวขาว ยืนอมยิ้มส่งมายังเขา หนึ่งก้าวเดินไปหาพร้อมกับยิ้มตอบรับ ละอองฝนคือหญิงสาวที่เป็นเพื่อนสนิทเขาคนหนึ่งก่อน จะกลายมาเป็นแฟนและในสถานะปัจจุบันคือแฟนเก่า
เรื่องราวของพวกเขาเริ่มต้นเหมือนเด็กหนุ่มสาวในวัยเรียนทั่วไป ทั้งสองเป็นเด็กเรียนดีด้วยกันทั้งคู่ หนึ่งคือเด็กมีนามสกุลดังพ่วงท้าย ไม่ว่ากิจกรรมอะไรในโรงเรียนทั้งสองมักจะได้เสนอชื่อเป็นอันดับแรก ละอองฝนเป็นผู้หญิงสดใสร่าเริง ช่างพูดช่างจา เวลาได้อยู่ด้วยมักจะไม่เบื่อ พวกเขาเริ่มสนิทกันมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้มากกว่าเพื่อนคนอื่น จวบจนขึ้นมัธยมปลาย เพื่อนเริ่มพูดชงเรื่องความเหมาะสมของพวกเขาทั้งสอง ในช่วงแรกพวกเขาทั้งสองก็ปฏิเสธไป คิดว่าไม่นานคงเลิกไปเอง มันกลับไม่เป็นอย่างนั้นเพื่อน ๆ พยายามสร้างโมเมนต์ต่าง ๆ จนถึงวันที่พวกเขาทั้งสองมานั่งคุยกันจริงจังในความรู้สึกและตกลงจะลองคบกันช่วงมอห้าเทอมสอง และประกาศให้เพื่อนในกลุ่มรับรู้
ในระหว่างการคบกัน ละอองฝนน่ารักเสมอต้นเสมอปลาย เอาใจใส่ชายหนุ่มตลอดเวลา การโทรหามักจะเป็นละอองฝนที่โทรหาเขาก่อน รวมถึงเวลานัดไปไหนมาไหน หญิงสาวจะไปก่อนเวลาและรอชายหนุ่มตลอด จนบางครั้งหนึ่งเองรู้สึกผิดที่ไม่ค่อยใส่ใจหญิงสาวเท่าไหร่ ตลอดเวลาการคบกันพวกเขาทั้งสองไม่เคยจะทะเลาะกัน ชีวิตการเป็นแฟนกันช่างราบรื่น
จนมาถึงวันที่พวกเขาต้องแยกย้ายกันไปเรียน หนึ่งต้องบินไปต่อเรียนบริหารที่อเมริกา ส่วนละอองฝนได้ทุนเรียนทางด้านจิตรกรรมที่เยอรมัน
“หนึ่ง ตลอดเวลาที่คบกันมา หนึ่งรู้สึกกับเรายังไงเหรอ?” ละอองฝนถามด้วยเสียงไม่ได้คาดคั้นหรือไม่พอใจ เพียงแต่ถามแบบในทุกคราอย่างใจเย็น “แต่ถ้าหนึ่งไม่ตอบเราในตอนนี้ไม่เป็นไร เราแค่อยากให้หนึ่งตอบตัวเองให้ได้มากกว่า สำหรับเราแล้วหนึ่งคือผู้ชายเพอร์เฟกต์มาก ๆ ควงไปไหนมาไหนก็มีแต่คนอิจฉา แต่ในมุมมองของฝนน่ะ หนึ่งไม่ได้มองฝนมากกว่าเพื่อนคนหนึ่งเลย หนึ่งเทกแคร์เหมือนเพื่อนคนอื่น แต่พอคนอื่นมองฝนอยู่ในฐานะแฟน เลยพยายามบอกให้หนึ่งทำแบบนั้น และหนึ่งก็ยอมทำตาม วันที่รู้ผลขอทุนว่าฝนได้ไปเยอรมัน หนึ่งดีใจแสดงความยินดีกับฝน หนึ่งไม่เสียใจสักนิดเลยเหรอที่แฟนตัวเองต้องห่างกัน และอาจจะต้องเลิกกันเพราะเวลาต่างกันมาก ๆ” ละอองฝนเอียงคอถามเขา
“เอ่อ...”
“นี่เย็นมากแล้ว ฝนกลับบ้านก่อนนะ แล้วกลับไปคิดหาคำตอบมาด้วยล่ะฝนจะรอคำตอบจนกว่าฝนจะบินไปเยอรมันนะหนึ่ง” หญิงสาวลุกขึ้นปัดกระโปรงและโบกมือลาก่อนจะเดินไปยังรถที่จอดรอรับกลับบ้าน
“...”
หนึ่งมองแผ่นหลังของหญิงสาวหายเข้าไปในรถยนต์ส่วนตัว มุ่งหน้าออกไปยังประตูโรงเรียน ภายในใจเขาหน่วงขึ้นมาทันที ถามว่าเขารู้สึกดีกับละอองฝนหรือไม่ คำตอบคือเขารู้สึกดี แต่ถามต่อว่ามันมากพอจะเป็นความรักไหม เขาก็ตอบว่ามันยังไม่มากพอ ถึงแม้ตลอดระยะเวลาเขาได้พยายามแล้วมันก็ไม่ได้ดีขึ้นมาเลย อย่างที่เธอบอกกับเขานั่นแหละ ‘วันที่รู้ผลขอทุนว่าฝนได้ไปเยอรมัน หนึ่งดีใจแสดงความยินดีกับฝน หนึ่งไม่เสียใจเหรอที่แฟนตัวเองต้องห่างกัน’ เขาอยากจะบอกว่าเขาไม่เสียใจเลยแม้ แต่นิดกลับยินดีด้วยซ้ำที่เธอได้เรียนในสิ่งที่ชอบและใฝ่ฝันมานาน และอีกใจหนึ่งคงเป็นเพราะอาจช่วยยืดเวลาทบทวนความรู้สึกออกไปได้อีกสักหน่อย แต่กลับกลายว่าละอองฝนต้องการคำตอบก่อนจะไปเรียนต่อ
ชายหนุ่มใช้ชีวิตอยู่ในไร่ดาหลากับน้องชายสุดรักโดยลืมเลือนสิ่งที่รับปากหญิงสาวคนหนึ่งเอาไว้ จนหญิงสาวต้องตามมาเอาคำตอบถึงที่ไร่
“คุณหนึ่งครับ แม่เลี้ยงให้มาตามไปที่เฮือนใหญ่ครับ” เสียงตะโกนร้องบอกของคนงานด้านล่าง
หนึ่งเดินออกมา “แม่ได้บอกไหมว่าเรื่องอะไร?”
“อ้ายโชคก็บ่อู้เต้อ แต่เห็นว่าเป็นแม่หญิงมานะครับ”
ไนน์ในตอนวัยเด็กอายุเพียงแค่สิบกว่าขวบเดินมาจากบ้านพร้อมพี่ชาย “ผู้หญิงมาหาหนึ่ง แฟนใช่ไหม?” แม้ถึงจะยังเด็กแต่ไนน์ก็ไม่ใช้ว่าจะไม่ประสีประสา เพราะอยู่กับบรรดาพวกพี่ ๆ ทั้งหลายที่เติบโตกว่าวัยเขาจึงไก้เรียนรู้อะไรมากมาย
“ไม่ใช่ครับ แค่เพื่อนพี่” หนึ่งตอบออกไปทันที ตัวเองถึงกับชะงักกับคำตอบที่ให้แก่น้อง โดยที่ไม่ต้องคิดอะไรเลยคือคำตอบเขามันชัดเจนที่สุด “คนเก่งจะไปด้วยไหม หรือเล่นรออยู่นี่”
“ไปด้วยดีกว่า จะไปดูหน้าเพื่อนหนึ่ง ถ้าน่ารักไนน์ขอจีบนะ”
“แก่แดดนะเรา” หนึ่งกอดคอน้องน้อยมายีหัวด้วยความมันเขี้ยวสุด ๆ ถึงจะอยากจีบ พี่ก็ไม่ให้จีบหรอกครับ พี่ไม่หวงคนนั้นนะ แต่หวงเรานี่แหละ
ทั้งสองคนพี่น้องขับรถ ATV ออกจากบ้านพักตรงไปยังเรือนหลังใหญ่ เขาเดินเข้าไปพบว่า หญิงสาวนั้นกำลังคุยอย่างสนุกสนานกับมารดาของเขา แน่นอนละ ก็เธอเป็นคนคุยสนุก เข้ากับคนอื่นได้อย่างดี จะมีใครบ้างอยู่กับเธอแล้วไม่ยิ้มออกมาบ้าง
“โห...นี่เพื่อนหนึ่งเหรอ สวยจังเลย” เด็กน้อยไนน์เดินตามหลังพี่ชายชะโงกหน้าไปมองแขกที่นั่งร่วมกับป้าของเขาตรงโซฟา
“ขอบคุณค่ะ นี่น้องไนน์ใช่ไหมคะ หนึ่งชอบพูดถึงอยู่บ่อย ๆ” หญิงสาวตอบและส่งยิ้มหวานอย่างเอ็นดูให้แก่เด็กชาย
“พี่หนึ่งมาแล้ว แม่กำลังคุยกับหนูละอองฝนอย่างสนุกเชียว เห็นว่ามีเรื่องจะคุยกับพี่หนึ่ง ตามสบายกันเลยนะลูก ไนน์มากับป้าครับ” มารดาของชายหนุ่มลุกขึ้นและกวักมือเรียกหลานชายตัวน้อยให้ตามไปด้วย “ไปกินซาลาเปาจิ๋วกันลุงเพิ่งแวะมาให้ครับ”
“ไปฮับ” เสียงขานรับอย่างแข็งขันกับเสียงกะหนุงกะหนิงของป้าหลานหายเข้าไปยังครัวด้านใน
เมื่ออยู่กันเพียงลำพังสองคน ความเงียบเข้ามาแทนที่ หนึ่งเองพอรู้ว่าละอองฝนมาในวันนี้เพราะสาเหตุอะไร เมื่อไม่มีใครจะเอ่ยปากก่อน คนต้องการคำตอบจำเป็นต้องพูดก่อน
“หนึ่งรู้ใช่ไหมว่าพรุ่งนี้ฝนจะบินแล้ว และเราเองก็อยากได้คำตอบแต่หนึ่งเองไม่ยอมติดต่อฝนไปเลย ทำให้ต้องมาเอาคำตอบถึงที่นี่” น้ำเสียงถามในวันนี้มันเปลี่ยนไปจากวันวาน เป็นน้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความเหนื่อยหน่าย
“ฝน หนึ่งขอโทษ”
คำพูดประโยคเดียวแม้จะไม่ได้คำตอบอย่างที่เธอต้องการ แต่คำนั้นสามารถบอกทุกอย่างได้ชัดเจน ละอองฝนเตรียมใจสำหรับคำตอบมาอยู่บ้างแล้ว แต่ก็อดจะเสียใจไม่ได้ ระหว่างเธอกับหนึ่งมันน่าจะเรียกว่ารักข้างเดียวมากกว่า
“ขอบคุณนะหนึ่งที่ยอมบอกกับเรา ตอนแรกเราคิดว่าหนึ่งจะไม่ยอมเจอเราด้วยซ้ำ หนึ่งเป็นผู้ชายที่เก่ง ตัดสินใจอะไรรวดเร็ว แต่พอเป็นเรื่องเกี่ยวกับหัวใจหนึ่งจะไม่ค่อยกล้าตัดสินใจ และมักเลือกจะหนีแบบนี้ เราเลยต้องมาคาดคั้นเอาคำตอบ เราก็ขอโทษด้วยนะ ตลอดเวลาที่ผ่านมาทำให้หนึ่งอึดอัด”
“ไม่ ไม่เลยฝน เวลาอยู่กับฝนหนึ่งสบายใจมากกว่า” ชายหนุ่มปฏิเสธในสิ่งที่หญิงสาวกำลังคิด
“แต่มันก็ไม่เพียงพอทำให้หนึ่งรักเราใช่ไหม?”
“...” ชายหนุ่มถึงกับนิ่งเงียบเมื่อได้ยินคำถามทิ่มแทงใจเขา
ละอองฝนปั้นหน้ายิ้มและปรับเสียงพูดให้ดูสดใสดังเดิม และเธอเชื่อว่าชายหนุ่มพอจะรับรู้ถึงความเสียใจของเธอได้ หญิงสาวถอนหายใจหนึ่งเฮือก “เราสบายใจขึ้นแล้วละ เรื่องของความรัก ต่อให้พยายามแค่ไหนก็ไม่ได้มาอยู่ดี ต่อไปนี้เราจะได้มูฟออนบ้างแ้วนะ แต่ฝนก็ยังคงอยากเป็นเพื่อนกับหนึ่งอยู่ดีนะ”
“หนึ่งขอโทษนะ เราพยายามจะรักฝนแล้ว แต่เรารู้สึกมากกว่าเพื่อนไม่ได้จริง ๆ และหนึ่งดีใจที่ฝนยังอยากเป็นเพื่อนกับเราอยู่ทั้ง ๆ ที่เราทำไม่ดีกับฝนไว้ตั้งเยอะ”
เคยมีคนบอกกันไว้ว่า ถ้าคนที่เคยคบกันจะมาเป็นเพื่อนกันมีอยู่สองสาเหตุ หนึ่งคือพวกเขารักกันมาก และสองพวกเขาไม่เคยรักกันเลย ละอองฝนน่าจะอยู่ในสาเหตุที่หนึ่ง และส่วนหนึ่งเองคงอยู่ในสาเหตุที่สอง
ละอองฝนยิ้มให้แก่หนึ่ง ยิ้มยังคงเช่นเดิมทุกครั้งถึงแม้จะเจือปนด้วยความเศร้าบ้างแต่ก็ยังคงสดใสอยู่ดี “งั้นเราขออวยพรให้หนึ่งเจอกับคนที่หนึ่งรักอย่างสุดหัวใจและเขาก็รักหนึ่งอย่างเช่นที่ฝนได้เคยรักหนึ่งด้วยเช่นกัน”
“เราก็อวยพรให้ฝนเจอกับคนที่ฝนรักและรักฝนอย่างจริงใจ และเพื่อนคนนี้จะอยู่เคียงข้างฝนเสมอและตลอดไปนะ”
นั่นคือความทรงจำสุดท้ายของเขาก่อนจะได้เจอละอองฝนอีกครั้ง
กลับมายังปัจจุบัน
“ใช่ฝนเอง เราไม่เจอกันกี่ปีแล้วเนี่ย หนึ่งยังหล่อเหมือนเดิมเลย” เสียงสดใสทักทายมายังชายหนุ่มต่างจากใบหน้าสวยดูซูบซีด
“ฝนกลับมาเยี่ยมบ้านเหรอ”
“จะว่าแบบนั้นก็ไม่เชิงนั่นแหละ” หญิงสาวตอบกลับมาไม่ค่อยเต็มเสียง
ในขณะพวกเขาทั้งสองกำลังจะยืนพูดคุยกัน มีเด็กน้อยวิ่งเข้ามาชนทางด้านหลังของหญิงสาวเซถลาไปข้างหน้า ถ้าชายหนุ่มไม่ใช้แขนโอบรัดเอวเอาไว้คงล้มไปกองกับพื้น แม่ของเด็กชายรีบวิ่งเข้ามาจับตัวเด็กน้อย และกล่าวขอโทษพวกเขา และยังหันไปดุเด็กชายด้วย หนึ่งประคองให้ละอองฝนยืนตัวตรง แต่หญิงสาวกลับมีอาการหน้ามืดโยกตัวไปมาคล้ายจะเป็นลม
“เราว่าฝนไม่ไหวแล้วล่ะ ไปหาหมอดีกว่า เราพาไปเอง” ชายหนุ่มสังเกตอาการตั้งแต่เจอกัน หญิงสาวสีหน้าซีดเซียวจนเห็นได้ชัดเจน
“ไม่เป็นไรหนึ่ง นั่งพักสักครู่ก็หายแล้ว” หญิงสาวปฏิเสธออกไป
“อย่าดื้อ” หนึ่งหันมาดุเพื่อนของตัวเอง พร้อมจัดแจงให้บอดี้การ์ดลากกระเป๋าพวกเขาไปด้วยกัน ส่วนตัวเขาเองพยุงหญิงสาวไปยังรถ
หนึ่งสั่งให้คนขับรถพาพวกเขาไปยังโรงพยาบาลเอกชนใกล้สนามบินที่สุด เพื่อให้คนป่วยรับการรักษาอย่างเร็ว พอซักประวัติของคนไข้ไม่นานก็เชิญเข้าห้องตรวจ หายกันไปพักใหญ่ จนหญิงสาวก็ออกมาพร้อมใบหน้าซึ่งดูไม่ดีนัก
“เป็นไงมั่งฝน หมอว่ายังไง” เขาเอ่ยถามเมื่อหญิงสาวมาถึง
“...” ละอองฝนอ้ำอึ้งอยู่สักพัก
คุณหมอสาวเดินตามมาเห็นอาการของหญิงสาวไม่กล้าจะบอกแก่ชายหนุ่ม เธอเลยคิดจะบอกแทนเอง “ขอแสดงความยินดีกับคุณพ่อและคุณแม่ด้วยนะคะ”
“ครับ?” หนึ่งงวยงงในคำตอบ
หญิงสาวได้แค่ยิ้มแห้งให้แก่เพื่อนหนุ่ม แอบเคืองในใจนิดหน่อยว่าคุณหมอจะรีบแทรกมาทำไม “คือเราท้องนั่นแหละ”
“เฮ้ย!! ยินดีด้วยนะ”
หมอและพยาบาลพวกเธอทั้งหมดเข้าใจว่าทายาทหนึ่งเดียวแห่งไร่ดาหลาเดินประคับประคองหญิงสาวมายังโรงพยาบาล และมั่นใจว่าหญิงสาวคนดังกล่าวต้องมีความสำคัญอย่างมากแน่นอน แต่พอได้ยินประโยคดังกล่าว พวกเขาชักไม่แน่ใจ ว่าที่คุณหมอกล่าวยินดีนั้นถูกคนหรือไม่
คุณหมอยังไม่ละความใส่ใจคนไข้ “คุณผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่แฟนของคุณทัชชกรเหรอคะ” น้ำเสียงถามด้วยความกระท่อนกระแท่น
“ครับ? อ๋อนี่เพื่อนของผมครับ"
เพล้ง! เพล้ง! เพล้ง! เสียงหน้าแตกกันเป็นแถว ๆ ทั้งหมดต่างพากันมองหน้าเจื่อน
“ต้องขอโทษด้วยนะคะที่ดิฉันเข้าใจผิด เชิญคุณแม่ไปรับยาทางด้านล่างเลยนะคะ” พยาบาลสาวผู้มีหน้าเข็นรถก็มาพาพวกเขาทั้งหมดไปด้านล่างหลังคุณหมอกล่าวขอโทษเสร็จ
“ให้หนึ่งไปส่งบ้านเลยหรือเปล่า” เขาถามระหว่างรอให้บอดี้การ์ดไปจัดการรับยาและจ่ายค่าใช้จ่าย
ละอองฝนยังคงมีอาการเวียนหัวอยู่ หนึ่งหยิบยาดมที่เขาพกติดตัวมาด้วย ยาดมของเจ้ากระต่ายน้อยลืมทิ้งไว้บนรถ เขาก็เลยหยิบมาใส่กระเป๋า ในบางครั้งแอบเอามาดมบ้าง
“ไปส่งเราที่โรงแรมแถวนี้ก็ได้ พอดีบ้านเราไม่มีใครอยู่ ไปงานปอยที่ขอนแก่น และน่าจะอยู่เที่ยวกันด้วยอีกสองสามวันถึงจะกลับ”
“ไปพักกับเราก่อนดีกว่า เราว่าฝนอยู่คนเดียวไม่น่าจะโอเคนะ ถ้าเกิดเป็นลมขึ้นมาอีกจะแย่ ที่สำคัญฝนไม่ได้ตัวคนเดียวแล้วนะ” หนึ่งขมวดคิ้วด้วยสีหน้าเคร่งเครียดบอกแก่ว่าที่คุณแม่
“แต่เราเกรงใจหนึ่งน่ะ ไม่อยากรบกวน” หญิงสาวบอกด้วยสีหน้าจริงจังเช่นกัน ถึงจะเป็นเพื่อนสนิทกัน แต่ถ้าให้ไปรบกวนแบบนี้ เธอก็ยังเกรงใจอยู่ดี
“เพื่อนกันไม่มีคำว่าเกรงใจ แต่ถ้าฝนกับเจ้าตัวน้อยเป็นอะไร เราจะรู้สึกผิดมากกว่า เอาล่ะไม่รับคำปฏิเสธ” ชายหนุ่มเข็นรถผู้ป่วยไปยังทางเดิน และสั่งให้คนขับรถไปรับพวกเขาทางออก
ชายหนุ่มพาเพื่อนสาวของเขาไปไปไหว้แม่และพ่อของเขา ก่อนจะพาไปยังบ้านพักของตนเอง เขาอยากให้ละอองฝนพักที่บ้านใหญ่ แต่พอเห็นสายตาเป็นประกายและใบหน้าเต็มไปด้วยความหวังเรื่องลูกสะใภ้ เขากลัวว่าถ้าขืนให้อยู่ด้วยรังแต่จะทำให้เพื่อนเขาอึดอัดไปเปล่า ๆ
เขาพาหญิงสาวไปยังบ้านพัก โดยเจ้าตัวพักอยู่ห้องชั้นด้านล่าง ส่วนตัวเขาเองก็พักห้องตัวเองบนชั้นสอง ต่างฝ่ายแยกย้ายไปทำธุระส่วนตัว ไม่นานแม่บ้านก็เอากับข้าวมาส่งยังบ้านพัก สายตาสอดส่ายไปมาจนหนึ่งเองต้องปราม
“ป้าเพ็ญครับ มองเยอะไปแล้วครับ” หนึ่งบอกแล้วจ้องด้วยหน้าขึงขัง
“คุณหนึ่งก็ ป้าขอผ่อแฮมหน่อยเตอะ จะข่างขนาดเจ้า” (ขอป้าดูหน่อยเถอะค่ะ จะหวงอะไรขนาดนั้น)
“ป้าครับ” เขาต้องกดเสียงต่ำและส่งสายตาอย่างไม่พอใจถึงจะยอมถอยทัพแต่โดยดี เขาพอจะรู้ว่าได้รับคำสั่งจากนายผู้หญิงประจำบ้านให้มาตามสืบ
“เจ้า...คุณหนึ่ง” น้ำเสียงยอมถอดใจและเดินกลับออกไปจากบ้าน
ละอองฝนเดินมานั่งร่วมโต๊ะกินข้าวฝั่งตรงข้ามกับเขา “พอจะกินได้ไหม?” เพราะเขาพอจะรู้ว่าช่วงแรกของการตั้งท้องมักเหม็นกลิ่นอาหารหรืออะไรที่แปลก ๆ
“กินได้นะ” หญิงสาวก็ตักต้มจืดลูกรอกมาใส่ในจานตัวเองและซดน้ำ
“เราได้ข่าวว่าฝนได้งานทำที่นู่นหลังจากเรียนจบแล้ว ช่วงนี้กลับมาพักผ่อนเหรอ?” หนึ่งเป็นการไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบทั่วไประหว่างทั้งสองกินข้าวกัน
หญิงสาวไหวไหล่แบบสบาย ๆ “บอกตามตรงนะ เราทะเลาะกับแฟนเลยหนีกลับมาบ้าน คือช่วงนี้เราแบบงอแงเอาแต่ใจ ถ้าหนึ่งได้เจอน่าจะบอกว่างีเง่ามาก ๆ แต่พอรู้ตัวเองว่าท้องก็คงเพราะฮอร์โมนแน่เลย” ละอองฝนหัวเราะกับตัวเอง
ชายหนุ่มเลิกคิ้วเอียงคออย่างสงสัย “นึกภาพละอองฝนงีเง่าไม่ออกเหมือนกัน แต่ถ้าคนนั้นได้เห็นมุมนี้ของฝนแสดงว่าฝนฝากใจไว้กับคนนั้นแล้วสิ”
“เขาเป็นคนที่เอาใส่ใจฝนดูแลฝนอย่างสม่ำเสมอ เรารู้สึกสบายใจเวลามีเขาอยู่เคียงข้าง แต่ช่วงเดือนที่ผ่านมาเราเอาแต่งอแง ให้เขามารับเราที่ทำงานตลอด บางครั้งเขาก็เลิกงานค่ำ แต่วันไหนเขามาได้เขาก็รีบมา แต่วันไหนมาไม่ได้เขาก็จะบอกล่วงหน้า แต่เราก็ไม่พอใจอยู่ดี จนถึงครั้งล่าสุดเราบอกว่าถ้าไม่มารับจะกลับเมืองไทย แต่เขาติดงานลูกค้าคนสำคัญ แต่เราก็พูดไปแล้วไง ผลออกมาโผล่ที่เชียงใหม่”
หนึ่งส่ายหัวอย่างเห็นใจชายหนุ่มคนดังกล่าว “โถ..ฮอร์โมนคุณแม่”
ทั้งสองต่างพากันหัวเราะ ช่วงระหว่างนั้นทั้งสองต่างพากันแลกเปลี่ยนเรื่องราวที่ผ่านมาให้แก่กันและกันฟัง พอละอองฝนเลือกจะถามถึงเรื่องหัวใจของชายหนุ่ม เขากลับบ่ายเบี่ยงประเด็นไป ละอองฝนเองพอจะรู้นิสัยของแฟนเก่าคนนี้ดี เข้าใจว่าเจ้าตัวคงหนีมาพักใจ หรือไม่ก็หนีออกมาทำใจ
และสิ่งที่หญิงสาวเก็บเอามาคิดก็เป็นไปตามคาด เมื่อน้องชายสุดของเจ้าบ้านมาพร้อมกับกลุ่มเพื่อน ซึ่งมีชายหนุ่มรูปร่างเล็ก ใบหน้าหวาน น่ารักน่าหยิกมาด้วย ช้อนตาขึ้นมามองชายหนุ่ม ในขณะเธอกำลังเกาะแขนเพราะหน้ามืด ส่วนเจ้าก็มองตาละห้อยตามหลังคนตัวน้อยวิ่งหนีเข้าบ้านไป ไม่สนใจว่าน้องชายยืนด่าว่าอะไรบ้าง
“ฝนเราต้องเข้าไปดูดอกกล้วยไม้ในไร่นิดหน่อย ไปอยู่กับพวกน้อง ๆ ก่อนได้ไหม เรากลัวจะเป็นลมไปอีก อย่างน้อยมีคนช่วยดูแทนเรา” น้ำเสียงพูดกับเธอ แต่สายตาไม่มองมายังหญิงสาว
“ได้สิ” ละอองฝนได้แต่ลอบยิ้มอย่างมีแผนการในใจ
หญิงสาวมองดูชายหนุ่มประคองพาเดินไปยังบ้านพักของน้องชายห่างกันเพียงไม่กี่ก้าว ทำอย่างราวกับเธอเป็นคนป่วยอาการหนัก อยากจะบอกว่าแค่ท้องค่ะ แต่เธอยอมสงบปากไว้ดีกว่า เพราะกลัวแผนตัวเองจะเสีย
“คนเก่งครับ” หนึ่งตะโกนร้องเรียกน้องชายสุดรัก ระหว่างพวกเขาเดินขึ้นบันไดไปยังตัวบ้าน ชายหนุ่มค่อยๆ ผลักประตูเข้าไป
เมื่อแขกทั้งสองเข้ามาภายในบ้านนั้น บรรยากาศการพูดคุยก็นิ่งเงียบลงไปสนิท สายตาหันมาจับจ้องอย่างไม่พอใจยังพวกเธอ ชายหนุ่มคนที่พาเธอมานั้นไม่แน่ใจว่าเห็นสายตาพวกนี้ไหม เพราะเอาแต่มองหาใบหน้าอันแสนน่ารัก แต่สำหรับเธอแล้วขนบนหลังลุกชันทันที ได้แต่ยิ้มแห้งตอบกลับ หนึ่งพาละอองฝนไปนั่งร่วมกับหญิงสาวอีกสองคนที่นั่งอยู่ก่อนหน้านี้ พวกเธอทั้งสองมองจิกตั้งแต่แขนประคองจนมานั่ง พร้อมประทับรอยยิ้มสูงบนมุมปากอย่างไม่พอใจให้แก่เธอคน
“พี่ฝากฝนหน่อยนะ พอดีจะเข้าไปในไร่ ช่วงนี้ฝนเขาไม่ค่อยสบาย พี่กลัวจะเป็นลมในตอนที่พี่ไม่อยู่” หนึ่งเงยหน้าบอกน้องชายบนชั้นสองและมีคนที่เขามองหายืนหลบอยู่ทางด้านหลังน้องชาย
“อืม” ไนน์ขานรับและพยักหน้ารับรู้ “ปะวีไปนอนพักผ่อนเถอะ” เขาหมุนตัวพาเพื่อนตัวน้อยเข้าไปยังในห้องนอนส่วนตัวของเขา
หนึ่งไม่ได้รับการตอบสนองจากใครแม้แต่กับน้องชายของเขา ชายหนุ่มเอาลิ้นดุนกระพุ้งแก้มอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะถอนหายใจไปอีกหนึ่งรอบ “ฝนหนึ่งไปก่อนนะอยู่กับน้อง ๆ อย่าดื้อล่ะ”
ชายหนุ่มเดินออกไปแล้ว เหลือเพียงหญิงสาวเพียงคนเดียว เธอแจกยิ้มแห้งสนิทแห้งจนเห็นรอยแตกบนรอยยิ้มได้
“พี่ละอองฝนจะกลับมาคืนดีกับพี่หนึ่งเหรอคะ?” จัสมินใช้น้ำเสียงถามอย่างไม่เป็นมิตร
“แล้วพวกน้อง ๆ อยากให้เป็นแบบไหนล่ะคะ?” หญิงสาวเหยียดยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ตอบกลับ
To be continued…
ถ้าไม่รบกวนฝากฟีสแบ็คให้ไรท์ด้วยนะ ฝากกดใจ ใส่คอมเม้ม ติกสติกเกอร์ให้ด้วยนะคะ
ขอบคุณมากๆเลยค่ะ