47 ตอน ชายลึกลับ(2)
โดย นกเป็ดน้ำ
หลังจากเดินทางมาประมาณสามสัปดาห์ ในเช้าวันหนึ่งบารัตก็เอ่ยกับทุกคนระหว่างนั่งล้อมวงกันกินอาหารว่า
“โน่นไง แผ่นดินต้าชิง” เขาชี้มือไปเบื้องหน้า ทุกคนหันไปมองตามที่เขาชี้
“โห สวยงามมาก” แหวนอุทานรีบลุกขึ้นจากวงกินข้าวไปดูทันที กัณหาเองก็ชะเง้อคอมองอย่างตกตะลึงในความงามของต้าชิง
บ้านเมืองเบื้องหน้าพวกเขาดูแปลกตา แม้จะไปท่องเที่ยวมาหลายเมืองแล้ว ทั้งเขาริมอ่าว การายา งาวี ศรีวิชัย โกวา แต่บ้านเมืองเหล่านั้นก็ยังมีลักษณะบ้านไม้ใต้ถุนสูงจากพื้นคล้ายกับกรุงศรีอยุธยา อาจจะยกเว้นที่วังมุกที่เป็นเรือนแพลอยน้ำ แต่ก็ยังมีลักษณะพื้นฐานหลายอย่างคล้ายๆกัน แต่ที่ต้าชิงนี่ต่างออกไป บ้านเรือนที่นี่ล้วนมีรูปทรงแปลกตา ไม่ใช่เรือนไม้ใต้ถุนสูง แต่เป็นกลุ่มเรือนเตี้ยๆ กับหลังคาทรงโค้งทำจากกระเบื้องสีเทา มีสวนอยู่ตรงกลางบ้าน เส้นทางเดินในเมืองก็ทำเป็นทางอย่างดีไม่เหมือนเส้นทางในเมืองที่เคยเห็นมา กัณหา อาติ และแหวนพากันชี้ชวนดูลักษณะบ้านเรือนรูปทรงแปลกตาเหล่านั้นอย่างตื่นเต้น จนไม่ทันสังเกตว่าบารัตลดความเร็วและความสูงของเรือเหาะลง
ในที่สุดพวกเขาก็ลงจอดที่ชานเมืองที่มีทุ่งนาและป่าสีเขียวชอุ่มชุ่มชื้น ทุกคนดูตื่นเต้นมากและอยากลงไปสำรวจเมืองกันเต็มแก่แล้ว กัณหารีบแต่งตัวนุ่งโจงกระเบนให้มั่นแล้วก็ตามช่วงลงมาจากเรือเหาะ
“ข้าจะรออยู่ที่นี่นะ ท่านเสร็จธุระเมื่อไหร่ ก็มาตามข้าได้” บารัตตะโกนไล่หลังทุกคน
“ตกลง แล้วเจอกัน” ช่วงโบกมือให้ก่อนออกเดินนำทุกคนเข้าสู่เมืองเถียนอัน
“ท่านรู้จักบ้านเพื่อนของท่านอาจารย์หรือ” กัณหาแปลกใจที่ช่วงนำทางพวกเขาได้ไม่ติดขัด
“ข้าเคยมาแค่ครั้งเดียว” ช่วงตอบสบายๆ “ก่อนเข้ารับราชการ มันนานมากแล้วข้าเองก็จำทางไม่ได้หรอก แต่ท่านอาจารย์จางหมิ่นเป็นอาจารย์อาคมที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในเมืองเถียนอัน ข้าว่าไปสอบถามผู้คนภายในเมืองน่าจะได้คำตอบไม่ยาก”
“โธ่ นึกว่ารู้จริง” แหวนรีบแซวทันควัน
“เก็บปากเก็บคำของเจ้าไว้เสียบ้าง” ช่วงตาเขียวใส่แหวน
เจ้านกการเวกถอนใจ
“เอาน่าอุตส่าห์มาตั้งไกล พวกท่านอย่าทะเลาะกันนักเลย” อาติอมยิ้ม มองสำรวจเส้นทางรอบตัว ที่เป็นทางเดินริมท้องนา “ข้าว่านั่นทางเข้าเมือง”
“ไปกัน” ช่วงรับคำ พาเดินต่อ
ในที่สุดพวกเขาก็เดินจากนอกเมืองเถียนอันเข้ามาสู่ในตัวเมืองที่คึกคักไปด้วยผู้คน แต่งตัวด้วยเสื้อผ้ายาวจนแทบจะคลุมเท้า กัณหาแอบสังเกตว่าคนในเมืองนี้ผู้หญิงจะไว้ผมยาวปล่อยสยายลงมาถึงกลางหลัง ตกแต่งด้วยเครื่องประดับสวยงาม ผู้ชายจะมัดผมขมวดอยู่บนกระหม่อมคล้ายกัณหา บางคนก็ปล่อยยาวเหมือนผู้หญิง ทุกคนล้วนใส่เสื้อผ้าที่มีสีสันสวยงาม ลักษณะบ้านเรือนก็เป็นบ้านชั้นเดียวหรือสองชั้น ทาเป็นสีแดงสวยงาม ถนนที่พวกเขาเดินไม่ใช่แค่ทางที่ราบเพราะมีคนเดินผ่านตลอด แต่เป็นทางที่ปูด้วยหินหรืออิฐจำนวนมาก ปูจนเป็นถนนตรงยาวที่สวยงาม
ระหว่างที่พวกเขาชื่นชมบ้านเรือนและผู้คนโดยรอบ ชาวเมืองเองก็มองการแต่งกายที่แสนแปลกประหลาดของพวกเขาเช่นกัน พวกเขาดูตื่นเต้นปนแปลกใจที่เห็นคนต่างถิ่นในเขตเมืองของพวกเขา ช่วงสอบถามผู้คนข้างทางที่พวกเขาพบถึงที่พักของท่านอาจารย์จางหมิ่น
“อาจารย์จางหมิ่น ท่านพำนักอยู่ตรงนู้นไง” ชายคนหนึ่งบอกชี้มือไปที่เรือนทรงต้าชิงที่อยู่ฟากตรงข้ามถนน “ชื่อ สำนักโม่ฝ่าช่าน”
“ขอบคุณมาก” ช่วงตอบโค้งให้เขาก่อนเดินนำพาทุกคนมาที่หน้าเรือนดังกล่าว ด้านหน้ามีประตูไม้สีแดงปิดไว้ มีป้ายเขียนตัวอักษรรูปทรงประหลาดแปะไว้อยู่ด้านบน พวกเขายืนมองหน้าประตูอย่างไม่แน่ใจว่าควรจะทำอย่างไรดี
“เราควรเปิดเข้าไปไหม” แหวนถามขึ้นมา
“มาหาใครรึ” เสียงชายคนหนึ่งดังขึ้นข้างหลังพวกเขา ทุกคนพร้อมใจกันกลับหลังหันทันที เบื้องหน้าพวกเขามีชายร่างสูงผิวขาว สวมเสื้อคลุมตัวยาวถึงเท้าสีขาวมองพวกเขาอย่างสงสัย
“ข้าชื่อช่วง ลูกศิษย์ท่านอาจารย์จวงแห่งเขาริมอ่าว เดินทางมาที่นี่เพื่อขอพบท่านอาจารย์จางหมิ่นแห่งเถียนอัน ตามคำสั่งของอาจารย์ของข้า”
“โอ้ ถ้าเช่นนั้นตามข้ามาเลย ท่านอาจารย์กำลังรอพวกท่านอยู่พอดี” ชายคนดังกล่าวมีท่าทีอารีอารอบกับพวกเขาในทันที เขาเดินไปที่ประตูยกมือขึ้นเคาะประตูสีแดงสามครั้ง แล้วประตูก็เปิดออกเอง “เชิญเข้ามา”
พวกเขาเดินผ่านประตูสีแดงเข้าไป ภายในเป็นลานหินโล่งกว้าง อีกฟากของลานหินมีเรือนชั้นเดียวทรงต้าชิงหลังใหญ่ สองข้างมีอ่างหินปลูกดอกบัวสวยงาม
“ฟางเหนียง ฮุ่ยหวง ฮุ่ยหลิน มีใครอยู่ไหม” ชายผิวขาวตะโกน “เสี่ยวจิน เสี่ยว…”
“นายท่านมีอะไรให้ข้ารับใช้หรือเจ้าค่ะ” ร่างเล็กผอมบางของสตรีสาวใบหน้างดงามคนหนึ่งวิ่งมาตรงหน้าพวกเขา หล่อนเองก็สวมชุดเสื้อคลุมยาวถึงเท้า แต่เสื้อคลุมของหล่อนเป็นสีฟ้าสดใส ผมยาวถึงกลางหลัง บนผมตกแต่งด้วยเครื่องประดับสวยงาม
“นี่คือ ลูกศิษย์ของเพื่อนท่านอาจารย์จากเมืองทางใต้ เดี๋ยวเจ้าช่วยพาพวกเขาไปพักที่เรือนรับรองด้วยนะ”
“เจ้าค่ะ นายท่าน” หล่อนรับคำ ผายมือเชิญพวกเขาให้ไปกับหล่อน “เชิญท่านทั้งหลายทางนี้เจ้าค่ะ”
หญิงสาวคนนั้นเดินนำพวกเขามาด้านข้างของเรือนชั้นเดียว ด้านข้างของเรือนนั้นเป็นสนามหญ้าที่ถูกตัดแต่งอย่างสวยงาม หล่อนพาพวกเขาเดินผ่านทางเดินกลางสนามหญ้า เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาหลายครั้ง ผ่านสะพานข้ามสระน้ำแห่งหนึ่ง ผ่านกำแพงหินที่เจาะรูทรงกลมให้เดินผ่านได้ เข้ามาที่สวนสวนหนึ่ง ฟากตรงข้ามของสวนมีเรือนทรงต้าชิง หล่อนพาพวกเขาเปิดประตูเข้าไปในเรือนนั้น เมื่อเข้าไปในเรือมีห้องโล่งกว้าง มีโต๊ะคลุมด้วยผ้าสีแดงอยู่กลางห้อง
“ที่นี่คือเรือนพักรับรองสำหรับแขก เจ้าค่ะ” หญิงสาวโค้งให้พวกเขา “เชิญท่านเลือกห้องพักได้ตามสบาย มีอยู่สี่ห้องเจ้าค่ะ” หล่อนผายมือไปที่ประตูทั้งสี่ที่อยู่ด้านข้าง ข้าน้อยชื่อเสี่ยวจิน ยินดีรับใช้ หากท่านประสงค์สิ่งใด สั่นกระดิ่งที่ด้านข้างประตูนี้เจ้าค่ะ” หล่อนชี้มือไปที่กระดิ่งสีเทาที่แขวนไว้อยู่ที่เสาต้นหนึ่ง “ในระหว่างที่พวกท่านพักที่นี่ ที่นี่มีกฎสำคัญคือแขกห้ามเดินเพ่นพ่านไปมาในสำนักเด็ดขาด หากท่านประสงค์จะออกจากเขตที่พักแขก โปรดสั่นกระดิ่งแจ้งข้า ข้าจะมารับพวกท่านเจ้าค่ะ”
หล่อนโค้งให้พวกเขาแล้วเดินจากไป
“ขนาดนั้น ห้ามเดินเพ่นพ่าน ห้ามออกไปไหนเชียวรึ” แหวนมองตามหลังอีกฝ่ายอย่างเหลือเชื่อ “นี่ข้าเป็นแขกนะ ไม่ใช่นักโทษ จะมากักขังกันเช่นนี้ได้อย่างไร”
“เป็นแขกก็ต้องรู้จักมีมารยาทและเคารพกฎของสถานที่” ช่วงปรามแหวนทันที “ถึงจะเรียกได้ว่าเป็นผู้ดี”
“เฮอะ แต่ข้าไม่ใช่ผู้ดี ข้าเป็นขี้ข้า ท่านไม่รู้เรอะ” แหวนแลบลิ้นใส่ช่วง จี้ดส่ายหน้า อาติได้ฟังอดขำไม่ได้ กัณหาเองก็แอบยิ้มตาม
ช่วงเที่ยงวันนั้นเสี่ยวจินกับสาวใช้อีกสองคนนำอาหารจำนวนมาก มาให้พวกเขาในที่พัก พวกเขานั่งกินกันอย่างเอร็ดอร่อยจนพุงกาง ต้องยอมรับว่าอาหารของที่นี่อร่อยกว่าอาหารจากป่าของชาวตาโกนันมากนัก พวกเขาจึงกินหมดอย่างรวดเร็วและขอเติมอีกหลายที ระหว่างที่พวกเขาทานอาหารเสี่ยวจินก็คอยบริการรินน้ำชาขมๆที่กัณหาไม่นึกชอบนัก รวมทั้งช่วยตักอาหารให้พวกเขาด้วย เมื่อพวกเขากินกันเสร็จ กัณหาร้องขอมะม่วงน้ำดอกไม้ให้กับจี้ดด้วย
“ที่นี่ไม่มีผลไม้เช่นนั้นหรอกเจ้าค่ะ” เสี่ยวจินตอบ “แต่ข้ามีลูกท้อ ไม่แน่ใจว่านกของท่านจะกินได้ไหม”
“ลองดูก็ได้จ้ะ” กัณหานึกสงสัยว่าลูกท้อหน้าตาเป็นอย่างไร เสี่ยวจินพยักพเยิดให้สาวใช้อีกคนออกไปเอาผลไม้มาให้
“เย็นนี้ท่านอาจารย์ได้ให้จัดงานเลี้ยงต้อนรับพวกท่านที่ห้องโถงใหญ่ โปรดแต่งตัวให้เรียบร้อย ข้าได้นำชุดของชาวต้าชิงอันใหม่มาให้พวกท่านคนละสี่ถึงห้าชุดด้วย” เสี่ยวชิงผายมือไปที่ชุดที่ถูกจัดวางไว้บนถาดอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย “เมื่อถึงเวลาข้าจะมารับพวกท่านที่เรือนพักแห่งนี้เจ้าค่ะ”
“ขอบใจมาก” ช่วงรับคำ “แต่พวกเราแต่งชุดของต้าชิงไม่เป็นหรอก”
“ข้าและสาวใช้คนอื่นๆจะช่วยท่านเอง” เสี่ยวจินตอบอย่างสุขุม “หากท่านต้องการ”
“เอ่อ…” อาติกับช่วงดูลังเลใจ
“ไม่มีปัญหา” แหวนตอบรับทันทีอย่างสบายอารมณ์ ช่วงกับอาติหันมามองหล่อนพร้อมกัน
หลังจากสาวใช้ช่วยกัณหาแต่งชุดแบบชาวต้าชิงเรียบร้อยแล้ว กัณหาออกมานั่งรอรวมตัวกับคนอื่นๆที่ห้องที่พวกเขารับประทานอาหาร ทุกคนดูแปลกตามากเมื่ออยู่ในชุดแบบชาวต้าชิง แต่ก็ต้องยอมรับว่าชุดแบบนี้เหมาะสมกับสภาพอากาศที่เย็นมากกว่าเมืองที่พวกเขาจากมา กัณหายกต้นหยกมังกร ของขวัญจากท่านอาจารย์ออกมาด้วย เอามาให้อาติคลายอาคมที่สาปให้มันเล็กลง
“เอาละ ใช้ได้ละ” อาติบอกเมื่อต้นหยกมังกรกลับมามีขนาดเท่าเดิม
“นั่นคือของขวัญจากท่านอาจารย์ของท่านหรือเจ้าค่ะ” สาวใช้นางหนึ่งถามขึ้น หล่อนดูตกตะลึงเมื่อเห็นต้นหยกมังกร “งามมากเจ้าค่ะ ข้าไม่เคยเห็นของขวัญใดงามมากเท่านี้”
“พูดมากไปแล้ว ฟางเหนียง” เสี่ยวจินปรามทันที แล้วหันมาผายมือเชิญพวกเขา “เชิญเจ้าค่ะ ได้เวลาแล้ว”
เสี่ยวจินนำทางพวกเขา เดินผ่านเส้นทางที่วกวนมาจนถึงเรือนทรงต้าชิงหลังใหญ่ที่สวยงามมาก พวกเขาเดินตามนางเข้าไปในห้องภายในที่เป็นห้องโถงกว้างขวาง มีที่ผู้คนมากมายนั่งขัดสมาธิอยู่รอบๆ เมื่อพวกเขาเข้าไปถึง คนเหล่านั้นก็ลุกขึ้นยืนต้อนรับ ฟากตรงข้ามกับประตูที่พวกเขาเข้ามามีชายชราผู้มีหนวดเคราสีขาวยาวมาถึงท้องนั่งอยู่ที่เก้าอี้ที่ตั้งบนพื้นที่ยกสูงกว่าบริเวณอื่น เมื่อดูจากตำแหน่งที่เขานั่ง กัณหาเดาว่าเขาคือ อาจารย์จางหมิ่น เพื่อนของท่านอาจารย์แน่นอน กัณหาเดินนำต้นหยกมังกรไปมอบให้เขา
“นี่คือต้นหยกมังกร ของขวัญจากท่านอาจารย์เจ้าค่ะ” กัณหาบอกชายชรา “ท่านอาจารย์ให้อิฉันเดินทางนำมาให้ท่านอาจารย์จางหมิ่น”
“ขอบใจมาก” ชายชราส่งยิ้มให้ช่วง “ข้าดีใจมากที่สหายของข้ายังไม่ลืมกัน อุตส่าห์ส่งของขวัญมาฉลองครบรอบร้อยปีของข้า เสียดายที่เขาไม่ได้มาด้วย”
“ร้อยปี” แหวนอุทานอยู่ข้างๆอาติ อาติรีบเหยียบเท้าแหวนทันที
“รบกวนพวกเจ้ามากจริงๆ ต้องเดินทางมาไกล การเดินทางของพวกเจ้าเป็นอย่างไรบ้างล่ะ” อาจารย์จางหมิ่นถาม
“ราบรื่นดีเจ้าค่ะ” กัณหาตอบอย่างสงบ
“ราบรื่นกว่าสงครามนิดเดียว” อาติพึมพำ จนแหวนต้องกลั้นขำ
Comments (0)