นางทาสที่เอาข้าวมาให้พวกเขา แวะมาอีกที เพื่อแอบเก็บใบตองที่ใช้ห่อข้าว นางนิ่มถือโอกาสขอร้องหล่อนให้ช่วย หล่อนตกปากรับคำ แล้วก็หายไปสักพัก ก็กลับมาพร้อมรอยยิ้ม

“ได้ผลดีเลย นิ่ม ข้าเอาผสมในเหล้าและน้ำดื่ม ทุกคนหลับดีเชียว แม้แต่ยามเฝ้านักโทษ” นางทาสพยักพเยิดไปทางชายคนที่เฝ้าหน้าเล้าไก่ที่นั่งสัปหงกอยู่ “ รีบไปเถิด แต่พวกเจ้าจะออกมายังไงละ”

“ได้ ง่ายนิดเดียว” แหวนยิ้ม ก่อนลงมือไขกุญแจเล้าไก่ เพียงสักพักกุญแจก็เปิดออก แหวนถอดกุญแจที่คล้องโซ่ที่พันประตูเล้าไก่อย่างง่ายดายก่อนจะมุดตัวออกจากเล้าไก่ไป

เธอแน่จริง กัณหาคิดในใจก่อนขยับตามออกมา สักพักแม่นิ่มก็ตามออกมาด้วย หลังจากขอบอกขอบใจนางทาสนั้นแล้วพวกเขาก็รีบออกมา

“ไปทางนั้นเจ้าค่ะ” แม่นิ่มชี้มือไปทางต้นไม้มืด “ข้าว่า ใต้เท้าถูกขังที่นั่น”  

นางนิ่มพาพวกเขาเดินไปตามทางเดินมืดๆอย่างชำนาญ เห็นได้ชัดว่าหล่อนรู้เส้นทางเป็นอย่างดี สักพักพวกเขาก็มาโผล่ที่ใต้ถุนเรือนไม้สักทองของเศรษฐีทองใบ ใต้ทุนเรือนนั้นมีชายหลายคนนอนหลับฟุบอยู่ ไหเหล้าวางเกลื่อนตรงบริเวณที่พวกเขานอน ตรงกลางวงนั้น มีช่วงถูกมัดข้อมือด้วยโซ่ผูกไว้กับคาน 

“พวกเจ้า!!! หลบออกมาได้ไง” ช่วงอุทานอย่างตกใจ

“อย่าเสียงดังสิ อยากให้พวกมันตื่นเรอะ” แหวนเอ็ดเบาๆ

กัณหากับแหวนช่วยกันลากแคร่มาไว้ใกล้กับบริเวณที่ช่วงถูกมัด ก่อนที่แหวนจะเหยียบแคร่ขึ้นไปไขปลดล็อกโซ่ สักพักโซ่ก็ถูกปล่อยลงจากคาน

ตุ้บ!!! 

เสียงร่างของช่วงกระแทกกับพื้น

“โอ๊ย!!!” ช่วงร้อง ยกมือลูบก้นที่กระแทกพื้นอย่างจัง “บอกข้าก่อนก็ได้ ข้าตั้งตัวไม่ทัน”

“เบาสิ” นางนิ่มเอ็ด หน้าซีดเผือด แต่ชายที่หลับอยู่รอบๆก็ยังคงกรนเสียงดัง ช่วงค่อยๆขยับลุกขึ้นจากพื้นดิน ก่อนปลดโซ่ที่ผูกข้อมือของตน 

“ไปทางไหนต่อละ” เขาถาม ยังคงลูบก้นอย่างเจ็บปวด 

“ทางนี้เจ้าค่ะ” นางนิ่มชี้ “ออกไปทางนี้ก็พ้นบ้านเศรษฐีแล้ว”

“ประเดี๋ยวก่อน” กัณหาเอ่ยขึ้นมาก่อนทุกคนจะขยับออกไป “แล้วนกละ ฉันต้องไปเอานกก่อน”

“นกหรือเจ้าคะ” นางนิ่มใจคอไม่ดี “นกน่าจะถูกเก็บไว้บนเรือนกับเศรษฐีเจ้าค่ะ”

“งั้นฉันจะไปเอา แม่นิ่มไปกับฉันด้วย ฉันไม่รู้ทาง”

“ข้าว่าให้ข้าไปกับแม่ดีกว่า ข้าไปไวกว่าท่าน และแอบเอาของออกมาเก่งกว่า” แหวนเสนอ

“อวดเหลือเกิน ความสามารถในการย่องเบาเนี่ย” น้ำเสียงประชดประชันตามมาแทบจะทันที “รีบไปเอามาสิ จะรออะไร ข้ากับคุณหนูจะไปรอที่หน้าบ้าน ดูต้นทางไว้”

“รู้ละน่า” 

 

 

กัณหากับช่วงแอบย่องออกไปรอที่ลานกรวดหน้าบ้านเศรษฐีทองใบ ช่วงสอดส่ายสายตาไปโดยรอบอย่างวิตกกังวล กัณหาชำเลืองขึ้นไปที่เรือนของไม้สัก เห็นนางนิ่มกับแหวนค่อยๆ ย่องขึ้นไปบนเรือนอย่างเงียบกริบ

แหวนกับนางนิ่มขึ้นมาถึงชานไม้หน้าเรือนที่อาบไล้ด้วยแสงจันทร์ กรงนกมากมายแขวนไว้ที่ฝั่งตรงกันข้ามกับบันได นกที่อยู่ในกรงกำลังหลับสนิท หัวซุกไว้ใต้ปีก แหวนกับนางนิ่มเดินดูกรงนกจำนวนมากอย่างละเอียด แต่ไม่พบนกสีทองในกรงเหล่านั้น 

“ไอ้แก่นั่น เอานกไปไว้ไหน” แหวนถามอย่างหงุดหงิด เดินวนรอบกรงเหล่านั้นอีกรอบ 

“แม่ว่าเขาอาจจะเก็บมันไว้ในห้องนอน” นางนิ่มชำเลืองไปทางในเรือน “เอ็งเคยลักนกนั่นไปรอบหนึ่งแล้ว เขาคงไม่ปล่อยไว้ข้างนอกให้เอ็งลักเป็นรอบสองหรอก ยิ่งช่วงนี้เพิ่งจับนกนั่นได้ใหม่ จะยิ่งเห่อมาก น่าจะเก็บไว้ใกล้ตัว”

“แปลว่าข้าต้องเข้าไปในห้องนอนไอ้แก่นั่นรึ” อีกฝ่ายทำท่าขนลุกขนพอง

“ก็น่าจะต้องเข้าไป แต่เอ็งต้องปีนเข้าไปทางหน้าต่างนะ ประตูห้องนอนมันมีกลอน มันน่าจะลงกลอนประตูอยู่ มาทางนี้ เข้าไปทางนี้” นางนิ่มชี้ไปที่หน้าต่างบานหนึ่ง

“แม่ แม่ลงไปรอข้างล่างได้เลย ไม่ต้องรอข้า แม่ขึ้นลงบันไดช้า” แหวนบอก “พอข้าขโมยมันมาได้จะได้หนีไปได้เร็ว”

“ได้ เอ็งก็ระวังตัวละ” นางนิ่มกระซิบก่อนแยกออกมาอีกทาง 

แหวนตรงไปที่นั่น ปีนเข้าไปทางหน้าต่างห้องนอนเศรษฐีทองใบ ในห้องมีเตียงไม้สักขนาดใหญ่อยู่กลางห้อง เศรษฐีหัวล้านกำลังนอนกกกอดหญิงสาวคนหนึ่งอยู่บนเตียง และนั่นที่โต๊ะข้างเตียงฝั่งตรงข้าม มีกรงนกสีทองวางอยู่ เจ้านกตัวสีทองนอนฟุบอยู่ที่พื้นกรงเหมือนตายแล้ว

แหวนเดินอ้อมเตียงอย่างเงียบกริบ ไปจนถึงตรงที่กรงนกวางอยู่ เธออุ้มกรงนกขึ้นอย่างระมัดระวัง ก่อนเดินอ้อมเตียงมาจนถึงบริเวณหน้าต่าง พยายามจะปีนออกไป แต่กรงนกสีทองนั้นหนักมากทำให้ปีนลำบาก เธอจึงเปลี่ยนใจไปออกทางประตูแทน แหวนวางกรงนกลงข้างๆอย่างเบามือ แล้วพยายามค่อยๆถอดกลอนประตูออกอย่างเงียบกริบ แต่

ปัง!!!

เสียงกลอนประตูกระแทกเมื่อมันเปิดออก หญิงสาวที่นอนบนเตียงสะดุ้ง หล่อนหวีดร้องเมื่อเห็นคนอื่นในห้องนอน หล่อนรีบดึงผ้าห่มมาปกปิดเรือนกาย พร้อมกับเขย่าตัวเศรษฐีทองใบอย่างแรง แหวนรีบเปิดประตูและอุ้มกรงออกมาทางประตู เพราะน้ำหนักของมันทำให้เธอวิ่งได้ช้าลง เศรษฐีทองใบสะดุ้งเมื่อถูกเขย่าตัว 

“อีแหวน มันมาขโมยนก” เสียงกรีดร้องของหญิงสาวดังมาจากในห้อง

เศรษฐีทองใบร้องอย่างโกรธจัด เขากระโดดลงจากเตียงคว้าผ้านุ่งพันรอบเอว ก่อนวิ่งออกจากห้องมาถึงชานเรือน แหวนกำลังจะวิ่งลงบันไดพอดีทองใบก็มาคว้าคอหล่อนไว้ได้ที่หัวบันได

“อีแหวน!!!”  เสียงร้องดังเหมือนฟ้าผ่าเต็มไปด้วยความโกรธ เสียงนั้นดังลงไปถึงคนสามคนที่รออยู่ที่ลานกรวดด้านล่าง ทองใบใช้แขนล็อกคอแหวนแน่นจนหล่อนสำลัก เผลอปล่อยมือจากกรงสีทอง กรงนกนั้นหล่นลงมาจากชั้นสอง ช่วงรีบวิ่งมาคว้ากรงไว้ได้ทัน 

เศรษฐีทองใบมองไปที่ลานกรวดเบื้องล่าง แสงจันทร์ส่องสว่างกระทบร่างคนสามคนที่ยืนอยู่ที่นั่นพร้อมกับสีหน้าตกใจสุดขีด เขาร้องอย่างโกรธจัด 

“หนอย อีนิ่ม เลี้ยงเอ็งนี่เลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆ รวมหัวกับไอ้คุณหนูกำมะลอนั่นมาลักนกนำโชคของข้ารึ” เสียงนั้นเต็มไปด้วยความโกรธจัดดังก้องเรือนที่เงียบสงบ สลับกับเสียงสำลักของแหวน “ดีละ ข้าจะจัดการลูกเอ็งให้ตายคามือทีเดียว” 

ไม่ว่าเปล่าเขาใช้มืออีกข้างมาบีบคอแหวนที่กำลังดิ้นขลุกขลักซ้ำอีก ใบหน้าของแหวนเปลี่ยนเป็นม่วงคล้ำ เสียงสำลักเริ่มเบาลง

“อย่านะ!!!” กัณหากับช่วงตะโกนพร้อมกัน

“ได้โปรด” นางนิ่มอ้อนวอน หน้าเริ่มซีดลง

“อย่านะ ท่านจะฆ่าเขาไม่ได้นะ” กัณหาตะโกน

“ทำไมจะไม่ได้ นังคุณหนูหน้าโง่” เสียงเย้ยหยันดังตามมา

ในตอนนั้นกัณหาไม่รู้ว่าตนทำอะไร เท่าที่รู้คือเธอรู้สึกโกรธมากที่เศรษฐีพยายามจะฆ่าแหวน เธอมองเขม็งสบกับสายตาเต็มไปด้วยความสะใจของเศรษฐี ทันใดนั้นไฟก็ลุกพรึบขึ้นที่ผ้านุ่งของเศรษฐี เขาร้องออกมาอย่างตกใจ และปล่อยตัวแหวน แหวนทรุดตัวลงนั่งกุมคออยู่ที่หัวบันได ส่วนเศรษฐีร้องเต้นพยายามดับไฟที่ชายผ้าที่ลุกโหมอย่างรวดเร็ว จนสะดุดตกบันไดลงมาถึงพื้นท่ามกลางความตกใจของคนที่อยู่เบื้องล่าง 

“โอ๊ย” เศรษฐีร้องครวญครางลุกไม่ขึ้น ได้แต่กุมหลังที่กระแทกกับพื้น ส่วนไฟที่ผ้านุ่งนั้นก็ดับสนิทลงทันที

แหวนค่อยๆลุกยืนขึ้นได้ แต่ยังคงกุมคออย่างเหนื่อยอ่อน สักพักเมื่อนึกขึ้นได้ หล่อนก็รีบวิ่งลงมาตามบันได

“หนีเร็ว” ช่วงตะโกน ส่งกรงนกให้กัณหา ก่อนวิ่งไปอุ้มแหวนพาดหลัง และนำทางพวกเขาวิ่งออกไปในความมืด

เศรษฐีทองใบได้แต่นอนมองพวกหัวขโมยที่วิ่งหนีไป จุกจนไม่อาจแม้แต่จะร้องเรียกให้ใครมาช่วย….

 

 

หลังจากนั้นอีกหลายปี คนในตลาดน้ำบ้านหวายก็ยังคงถกเถียงกันว่า นกสีทองนั่นใช่นกนำโชคแน่เหรอ เพราะหลังจากที่เศรษฐีได้มันมา เขาก็ตกบันไดบ้านเกือบสิบขั้นจนหลังหักและไม่อาจลุกเดินได้อีก แถมมิหนำซ้ำ ตอนเช้าวันถัดมาเขาให้คนไปแจ้งแก่ขุนครามว่าหมื่นช่วง อดีตสหายคนสนิทแอบอ้างเอาเด็กหญิงแปลกหน้าเป็นลูกสาวของขุนครามเพื่อมาขู่กรรโชกเอานกนำโชคของเขาจนเขาได้รับบาดเจ็บ  โดยเขาหวังว่าขุนครามจะโมโหและให้คนไปตามจับหมื่นช่วงที่ทำให้เสียชื่อเสียง กลับกลายเป็นว่า ขุนครามเอาแต่ถามหาเด็กผู้หญิงคนนั้น พอยิ่งรู้ว่าเขาจับเด็กนั่นไปขัง ขุนครามก็โกรธจัด ถึงกับสั่งให้เฆี่ยนเขาอีกหลายทีก่อนจากไป 

จนสุดท้ายเศรษฐีที่ลุกเดินไม่ได้ ก็ไม่อาจไปทำงานหาเงินได้อีก มิหนำซ้ำเหล่าบรรดาเมียสาวๆทั้งหลายของเขาก็เริ่มออกลาย หลายคนถือโอกาสที่เขาลุกไม่ได้ หยิบฉวยเอาทรัพย์สมบัติของเขาแล้วหนีจากไป…