เตือนมีการบรรยายเกี่ยวกับการทารุณกรรมเด็ก

 

ตอนที่ 9 : สร้างโรงเรียน

 

 

หลังจากคล้อยหลังเด็กน้อย ผมเดินไปที่ลานกว้างๆ ข้างป่าไผ่ ลานตรงนี้กะว่าจะทำเป็นเรือนให้นักเรียนเดี๋ยวให้ทาสที่ซื้อมาพักไปก่อนพรุ่งนี้ค่อยซื้อที่ดินเพิ่ม 

ผมดึง ย้ำ ดึงเรือนขนาดเท่าๆกันออกมา สามสี่เรือนโดยไม่ต้องสร้าง แอบทำระหว่างที่คนอื่นอาบน้ำกันอยู่ ขนาดเรือนไม่ใหญ่มากเป็นเรือนสำหรับนอนอย่างเดียว เพราะทาสที่ซื้อมาสี่สิบกว่าคนแบ่งให้นอนเรือนละสิบคนยังกว้าง แยกชายหญิง

ส่วนเกอน้อยบอกจะไปนอนกับน้องชายตัวเองที่หน้าโต๊ะยาวชั้น 1 ของโรงเตี๊ยมเลยให้เครื่องนอนไป ผมสั่งให้ทุกคนนอนแล้วมารวมตัวกันตอนยามเหม่า[๙] เวลานี้ยังไม่ดึกมากเท่าไหร่ น่าจะนอนกันอิ่มน่าดู 

ผมกับหลินอวิ๋นที่แย่งร่มไปถือให้ เกอน้อยและเด็กน้อยสามคนเดินเข้าโรงเตี๊ยม ผมยื่นเครื่องนอนให้ บอกเกอน้อยแล้วว่าคืนนี้น้องชายตัวเองทรมานแค่ไหนก็อดทนห้ามพาไปหาหมอ 

ตกลงเสร็จผมกับลูกเทพก็ขึ้นไปบนห้องชั้นห้าที่ตอนนี้ตกแต่งสวยมาก ฝีมือลูกเทพนั้นแหละ เราทั้งสองเข้าไปในห้วงจิตกัน

 

ห้วงจิต 

 

ผมเดินเข้าไปหาท่านเค้าแมวที่หลับอยู่ตรงคานไม้สำหรับให้นกเกาะ 

"ท่านนก ตื่นๆ"

ดวงตากลมลืมขึ้นปีกขยับบินวนตัวผมสองสามรอบก็กลับมาเกาะคานไม้ที่เดิม

"มีอะไรรึท่านฮุ่ยหมิน"

"ข้าอยากเรียนเกี่ยวกับการแพทย์ในโลกแห่งนี้ ท่านพอจะสอนได้หรือไม่"

"โอ้ ข้าสอนได้ทุกอย่าง ปราณท่านกำลังเข้าขั้น 10 ใกล้ถึงด่านเซียน ไม่เพิ่มพลังปราณก่อนรึ"

ผมส่ายหน้า

"เรียนก่อน เดี๋ยวค่อยเพิ่ม หลินอวิ๋นก็บำเพ็ญเพียรที่มิติท่านแมว เดี๋ยวข้าค่อยไปก็ได้"

ท่านนกบินมาเกาะโต๊ะที่เคยเรียนพร้อมหนังสือ ตำรา ม้วนคัมภีร์ต่างๆยาวเป็นเมตร 

"เริ่มเลย"

 

 

...

 

ร่างของฮุ่ยหมินที่ตาลึกโบ๋ ร่างกายซูบผอม เดินเอนซ้ายขวาไปมาออกจากเรือนไม้ในมิติของท่านแมว เส้นผมคล้ายร่วงเป็นกำ ข้างๆมีชายร่างสูงเกือบสองเมตร จับตัวไว้ไม่ให้ล้ม 

"ภรรยาไปแช่ตัวที่แม่น้ำปราณเถอะ"

เสียงทุ้มดังข้างหูคนที่พึ่งเข้าด่านเซียนหมาดๆ ฮุ่ยหมินพยักหน้าหงึกหงักเดินไปที่แม่น้ำปราณลงไปแช่ตัวทั้งชุด หลินหวิ๋นก็ลงไปแช่ด้วย มือหนาปลดกว๊านและเชือกรัดผมคนที่ไร้เรี่ยวแรงออก เอาน้ำลูบชำระสิ่งสกปรก 

ใกล้ๆกันมีศาลาแช่เท้าสัตว์มิติทั้งสี่มองเจ้านายใหม่ด้วยแววตาสงสามปนสมเพช 

"ข้าเตือนท่านแล้ว"<< ท่านนก

"ข้าคิดอยู่ว่าท่านไม่น่ารอด"<< ท่านแมว

"เกินกำลังๆ"<< ท่านงู

"หึ"<< ท่านเสือ 

 

เวรกำ ไอ้พวกสัตว์ 

 

หลังจากที่โดนลูกเทพอาบน้ำให้พลังก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม ไม่ใช่ เพิ่มขึ้นมาฉิบหาย แทบทะลักออกมา พอๆกับร่างสูงข้างๆที่ผ่านด่านขึ้นเซียนมาเหมือนกัน 

ฮุ่ยหมินใส่ผ้าสีทองตัวในสุดทับด้วยผ้าสีดำผ้าคาดเอวก็สีดำ ห้อยหยกสีทอง แล้วใส่ผ้าคลุมตัวนอกเป็นผ้าโปร่งแสงปักด้ายสีดำช่วงปลายผ้าเป็นสีทองรูปดวงจันทร์ที่แอบหลังเมฆ ผ้าคลุมไม่ได้ปักเองบังเอิญไปรื้อเจอมา 

หลินอวิ๋นก็ใส่ชุดคล้ายกันแต่ผ้าเป็นสีขาว ลายผ้าคลุมเป็นลายดวงอาทิตย์ ใส่หยกอันเดียวกับของฮุ่ยหมิน 

"ปะออกไปข้างนอกก่อนแล้วกัน"

พอออกมาข้างนอกเวลาก็เท่าเดิมแต่ฮุ่ยหมินไม่ได้หลับ จัดการบางอย่างกับหลินอวิ๋นจนเช้า 

 

...

 

ยามเหม่า 

 

ฮุ่ยหมินนั่งในท่าขี้เกียจแทบจะไหลนอนไปซบหลินอวิ๋นที่ตอนนี้เป็นชายหนุ่มเต็มตัว เจ้าตัวก็บอกว่าจะไม่โตไม่มากกว่านี้แล้ว คือไม่แก่นั้นเอง ร่างโปร่งกึ่งนั่งกึ่งนอนไปกับเก้าอี้และโต๊ะที่มีน้ำชากับขนม ตรงนี้เป็นลานกว้างฝั่งฝึกศิลปะการต่อสู้ เลยเป็นที่หญ้ากว้างๆแค่นั้น 

"มากันครบรึยัง"

ฮุ่ยหมินเอ่ยถาม ทาสที่อายุมากหน่อยก็อาสานับคนเห็นว่าครบก็บอกฮุ่ยหมิน ร่มดำที่มีเชือกแดงห้อยหุบลงวางบนโต๊ะ

"อืมๆ ข้าจะบอกว่าที่ซื้อพวกเจ้ามาเนี่ย เพื่อมาช่วยข้าทำโรงเรียน คล้ายๆสถานศึกษาหรือที่ให้ความรู้ ข้าจะเรียกมันว่าโรงเรียน พวกเจ้าทุกคนต้องอ่านออกเขียนได้ก็พอ ข้าอยากให้พวกเจ้าสร้างรั้วสูงให้เสร็จภายในเจ็ดวัน พร้อมกับโรงครัว บ้านพักพวกเจ้าด้วย ตอนนี้พักที่เรือนป่าไผ่ไปก่อน ข้ามีอาหารสามมื้อ ที่พัก พร้อมเบี้ยหวัดให้ ส่วนนี้"

ฮุ่ยหมินสะบัดมือก็มีชุดสามสี่ชุดโผล่ออกมา บนชุดมีหยกสีขาวที่มีคำว่าฮุ่ยสลักไว้

"เสื้อผ้ากับหยกของที่นี่ หากไม่อยู่ในเวลางานอนุญาตให้ใส่ชุดนอกได้ แต่ไม่ให้เข้ามาในโรงเตี๊ยม ส่วนหน้าที่ชายสิบห้าคนไปทำรั้ว อีกห้าตนไปทำโรงครัว ผู้หญิงทำอาหาร ใครมีแรงก็ช่วยผู้ชาย อย่าทำตัวเหลาะแหละไม่งั้นข้าจะคืนกลับไปที่โรงประมูล"

ผมขู่ไปงั้นแหละ จริงๆไม่ทำคงปล่อยไปไม่ยุ่งเกี่ยวกัน ฮุ่ยหมินแจกซาลาเปาให้ทุกคน แล้วแยกย้ายกันออกไป ตัวเขากับหลินอวิ๋นไปติดต่อเรื่องที่ดินกับสิ่งก่อสร้างสำหรับการสร้างรั้ว 

 

...

 

ผ่านมาสามวัน 

 

ฮุ่ยหมินเดินตรวจงานกับลูกเทพที่เรียกข้างหูอยู่นั้นว่าภรรยาๆ ตัวสูงเกือบสองเมตร ใบหน้าคมขำโคตรพ่อโคตรแม่หล่อ หล่อมาก หล่อจนเจ็บใจ ฮุ่ยหมินเป็นเกย์เลยสนใจไม่น้อยพอคิดว่าจะได้ลูกเทพนี่มาเป็นผัวก็...

รำคาญ

ร่างโปร่งดูโรงครัวที่เสร็จแล้ว มีเตา ฟืนและอุปกรณ์ทำครัวพร้อม ชายห้าคนที่ตอนแรกทำครัวก็ย้ายไปสร้างบ้านพักสำหรับบ่าวตรงที่ดินที่ซื้อมา แบ่งเป็นจำนวนครอบครัวส่วนใหญ่จะไม่ค่อยมีครอบครัวเท่าไหร่เพราะถูกแยกขาย 

พวกผู้หญิงเริ่มแบ่งงานทำอาหารบ้าง ทำความสะอาด ซักผ้า มีแรงหน่อยก็ไปทำรั้วสูง กับพวกบ่าวผู้ชาย ตอนนี้รั้วเกือบรอบโรงเรียนแล้ว ชาวบ้านหลายคนเริ่มเรียกว่าโรงรั้วดำแทน เพราะแม่งทาสีดำสีโปรดฮุ่ยหมิน 

เกอน้อยที่พึ่งรู้ชื่อว่าชื่อ หลิว หยาง ส่วนน้องชายตัวน้อยสามคนชื่อ เจีย เจียง เจี้ยง พี่น้องสี่คนนี้ถูกผมแยกออกมาเพราะปราณหายากอย่างปราณเพิ่มพลังให้ผู้อื่น เด็กชายสามคนยังไม่มีปราณ ผมก็มีปราณทั่วไปใช้ได้ทุกปราณเพราะต้องสอนพวกพระเอก ส่วนหลินอวิ๋นเนื่องจากเป็นลูกเทพปราณเฉพาะคือปราณเทพ 

หลิวหยางผมเห็นว่าอ่านออกเขียนได้เลยให้ไปศึกษาตำราแพทย์ไว้ ส่วนเด็กน้อยสามคนที่หายดีจากโรคแล้ว ก็โดนผมปลูกฟันให้ใหม่ กระดูกบางที่ก็ร้าวรักษาเรียบร้อย ผมยกให้หลินอวิ๋นสั่งสอนเรื่องวิทยายุทธ์แทน เด็กน้อยสามคนก็ตั้งใจเรียนดี ตกดึกก็เรียนหนังสือกับพี่ชายตัวเอง

ลิ้นของเด็กผมปลูกคืนให้ไม่ได้ เพราะมันไม่ใช่แคลเซียม ผมศึกษาทุกตำรา ถ้าลิ้น เนื้อ แขน ขา นิ้ว โดนตัดต้องเอามาต่อ ไม่สามารถสร้างใหม่ได้ ถ้าเป็นของแข็งจำพวกกระดูก ฟัน เล็บ สามารถสร้างใหม่ให้ได้ 

รู้จากปากหลิวหยางว่าเด็กสามคนนี้ไม่ใช่น้องแท้ๆเก็บมาเลี้ยงจากพ่อแม่หลิวหยาง หลังจากพ่อแม่ตายด้วยโรคระบาดหลิวหยางแบกน้องขอทานไปทั่วจนมาถึงเมืองนี้ที่หลิวหยางได้ครูมาสอนลมปราณให้ พอฝึกปราณได้แค่ด่านสามัญขั้น 4 ครูก็ถูกลักพาตัวหาไม่เจอ เงินก็ไม่มี 

ซ้ำยังมาล้มป่วยอีก เหล่าน้องชายก็ไปขอเงินจากบ้านเศรษฐีเหวิน แต่ถูกนำไปบำเรอกามขึ้นเตียงทั้งสามคนพร้อมแลกกับเงินพอซื้ออาหารกับยา น้องชายที่เห็นว่าทำแล้วได้เงินจึงทำเรื่อยๆ จนถูกทารุณกรรม ทั้งบ่าวในเรือน และถูกถอนฟันตัดลิ้นเพื่อไม่ให้พูดเรื่องเลวทรามของเศรษฐี สุดท้ายหลิวหยางก็ถูกเศรษฐีเหวินจับไปบำเรอกาม เห็นว่ามีปราณวิเศษเลยขายให้โรงประมูลแทน

ตอนฟังครั้งแรกผมสงสารเด็กๆจับใจ แม้ว่าเด็กๆจะพูดไม่ได้แต่นัยน์ตาที่เศร้าแสนเศร้าทำเอาบ่าวหลายคนเห็นใจ ผมก็เช่นกัน