ตอนที่ 1

 

 

คุณเคยคิดสภาพการตายของตัวคุณมั้ยครับว่าเป็นยังไง สำหรับผมนั้นไม่ได้คิดครับ คิดทำไมละปัดโธ่เดี๋ยวทุ่มด้วย---

อะแฮ่ม! 

ครับ กระผมนามว่า ฮุ่ยหมิน ลูกครึ่งไทยจีน แม่จีน พ่อไทย อายุอานามก็ 32 เมื่อสี่เดือนที่แล้ว สถานะโสด เป็นเกย์ มีคู่ขาสองสามคน เรียนแพทย์เฉพาะทางสาขาเวชศาสตร์ฉุกเฉิน

แต่ก็นั่นแหละครับการที่คนเราโพสต์สุ่มเสี่ยงเรื่องที่คุณก็รู้ว่าเป็นเรื่องอะไรลงในโลกออนไลน์ และเกิดการพูดถึงและวิพากษ์วิจารณ์เป็นจำนวนมากยอดรีนี่อย่านับเลยครับ เพราะปลิว เป็นเหตุให้อธิการลงมาพูดคุยด้วยครั้งแรกและพูดสวยๆพร้อมใบขาวๆที่ทำให้ผมต้องตกงานมายืนรับชะตาเหม่อมองฟ้า คุณแม่กับคุณพ่อก็เสียไปตั้งแต่ขึ้นปีสี่ใหม่ๆ มีมรดกพอเรียนจบและทำงานจนหลังโก่งวันไหนว่างก็ดริ้งกับนอน เงินก็ใช้ไม่กี่อย่างเพราะทำงานตัวเป็นขน โถ่พ่อคุณแผนกฉุกเฉิน แม่งฟ้อนกันบ่อยยิ่งเวลากลางค่ำกลางคืนที่มีเด็กแว๊นนะ ฟ้อนจนคิดว่าถ้ามีงานบวชคงเป็นคนเต้นหน้านาคท่าเย็บแผลอะ

แต่ไม่ทันจะได้ไปหางานเต้นหน้านาคกระผมฮุ่ยหมินที่ยืนหน้าร้านหมูปิ้งแบบหล่อๆก็สามารถตายห่าได้ครับ ด้วยการที่มีเด็กช่างวิ่งไล่กัน ชนผม ฮุ่ยหมินคนนี้ก็หงายหลัง ข้างหลังมีไม้เสียบหมูปิ้งที่ลุงแกตั้งไว้รอเสียบหมู  พวกคุณนึกออกละเนอะ อย่าเล่ากว่านี้เลยผมสยอง ตัวผมที่เป็นสีขาวๆยืนมองตัวเองแบบปลงๆ มองไปที่เด็กช่างที่หนีไปไกลกับเด็กช่างคู่อริมองศพผมแบบ แทบอ้วก 

เฮ้อ ชีวิต รันทดจังเว้ยยย 

 

ตึ้ง!

 

โครม! 

"โอ้ยยยย เจ็บๆๆๆ"

หลังกู ตูดกู

ความรวดร้าวเจ็บปวดส่งตรงไปที่สะโพกและหลัง ผมกะพริบตามองรอบกายอย่างงงงวย ห้องไม้สักลายโบตั๋น เตียงสี่เสาที่มีผ้าสีขาวห้อยลงมา โต๊ะเครื่องแป้งลายโบราณ ร่างผอมลุกพร้อมกับทุบหลังตัวเองเบาๆ ข้างนอกมืดทึบไม่มีแสงสว่าง มีแต่ตะเกียงโบราณ เมื่อมองที่ตัวเองเหมือนใส่ผ้าแบบทบไปมา คล้ายชุดคนจีนในหนังจีน ซีรีส์จีน 

อิหยังวะ

เพื่อความชัวร์ฮุ่ยหมินเดินไปที่โต๊ะเครื่องแป้ง แล้วอ้าปากหวอ ดวงตารีเรียวไม่โตหรือตี๋ แต่เป็นเรียวสวย จมูกโด่ง ปากงี้บางเฉียบ หน้าก็เรียวเล็ก ผมยาวเฟื้อยเป็นราพันเซล

ใครวะ 

คิ้วเข้มขมวด คนในกระจกก็ทำตาม ยกแขนซ้าย ในกระจกก็ยกตาม แขนขวาก็แล้ว ทำหน้าบู้บี้ก็แล้ว ใจของฮุ่ยหมินเริ่มสั่นไม่หยุด 

"เชี่ยอะไรเนี่ย!"

 

...

 

ครับ หลังจากที่สำรวจห้องหับและข้าวของคิดได้อยู่อย่างเดียวคือเกิดใหม่ชัวร์ๆ แต่ปกติเขาเกิดมาเป็นทารก กูวาร์ปมาก็เกือบโตเต็มที่ละ ดูจากหน้าตาชาติใหม่ก็น่าจะ 18-19 ปี ผมไม่กล้าออกไปข้างนอกเท่าไหร่เลยมารื้อข้าวของในห้องนี้แทน ก็เจอหนังสือที่มีอักษรจีน กับ เครื่องประดับ อีกหีบเป็นเสื้อผ้าสีขาวกับสีเขียว ผมอ่านออกแค่ตัวเดียวคือคำว่าฮุ่ยหมิน ที่แปลว่าฉลาดแหลมคม ชื่อผมเอง อิอิ จริงๆถึงจะเป็นลูกครึ่งจีนแต่ผมก็พูดจีนเป็นอย่างเดียว ไม่ได้อ่านออกเขียนได้เท่าไหร่ เพราะไม่ได้ใช้ ปกติใช้คุยกับพ่อแม่แต่ท่านเสียโตมาก็มีบินไปจีนบ้างเลยยังพูดจีนได้อยู่ รื้อข้าวของออกมาได้แปบๆก็เก็บเข้าไป ผมยังไม่รู้เลยว่าที่นี่มีประวัติความเป็นมายังไง รอเช้าก็ไม่รู้ว่าอีกนานมั้ยเลยตัดสินใจ นอนหลับบนเตียง

 

..

 

"คุณชายหมิน ตื่นเถอะเจ้าค่ะ"

เสียงแหบแก่ของหญิงชราดังนอกประตู ปลุกให้ผมตื่นขึ้นด้วยความตกใจ รีบวิ่งไปเปิดประตู พบหญิงชราตัวเท่าไหล่หลังค่อมเล็กน้อย ผมขาวโพลน ใบหน้าเหี่ยวย่น สวมชุดสีฟ้าซีดเกือบขาว 

"เอ่อ.. สวัสดีครับ"

ผมทักด้วยท่าทางอึดอัดใจ 

"อรุณสวัสดิ์เจ้าค่ะ คุณชายหมิน บ่าวเตรียมน้ำอุ่นมาแล้วเจ้าค่ะ"

หญิงชราผายมือไปทางผู้ชายที่สวมชุดสีคล้ายๆกันกับหญิงชราแบกถังน้ำที่มีควันลอยฉุ่ยสามสี่ถังห้อยคานไม้ ร่างสูงโปร่งขยับหลบให้ทันที ชายคนนั้นก็เข้าไปข้างใน ส่วนหญิงชรานั้นก็ลากฮุ่ยหมินไปอีกทางจับเปลื้องผ้าและพาหย่อนลงอ่างน้ำอุ่น 

หลังจากที่จัดการเครื่องแต่งกายทั้งหมดเรียบร้อยดีฮุ่ยหมินก็รู้ประวัติคร่าวๆของร่างนี้ว่าเป็นหนึ่งในคุณชายของอนุภรรยานับสิบของเสนาบดีในราชวัง เนื่องจากมีลูกเมียเยอะจึงแบ่งไว้อย่างพอดีปลูกเรือนคนละหลัง แบ่งบ่าวไว้เรือนละ 2-3 คน เออ ดีเนาะ แบ่งให้ลูกเท่าๆกัน

 ถามหญิงชราที่เป็นบ่าวมากจนแกทำหน้างงแต่ก็ตอบมาอยู่ดี ร่างนี้ก็เป็นคุณชายที่ร่ำเรียนหนังสือได้พอดี เตรียมตัวที่จะสอบขุนนางเข้าไปในวัง เป็นคนที่เงียบนิ่งไม่ค่อยพูดเท่าไหร่ แต่ก็เป็นกระสอบทรายและกระโถนให้พวกพี่น้องในตระกูลไม่ว่าจะถูกทุบตี หรือด่าทอ ก็ไม่ค่อยสนใจเรื่องการใช้ความรุนแรงในครอบครัว เจ้าของร่างทำแค่ตั้งหน้าตั้งตาเรียนเท่านั้น แถมโลกนี้ก็ไม่ได้แบ่งตามราชวังในประวัติศาสตร์จริงๆของจีนแต่การแต่งตัวและภาษาเหมือนกันเด๊ะ!

ที่สำคัญมีพลังด้วย 

ไม่ว่าจะคนหรือสัตว์ แม้กระทั่งสิ่งของถ้าได้พลังใหญ่ๆ การบำเพ็ญเพียรดีๆ หรือ ปลุกพลังก็สามารถใช้กำลังภายในกับพลังปราณได้ 

กูทะลุมิติเข้ามาในหนังจีนเหรอวะ 

ฮุ่ยหมินเดินดูรอบๆเรือนก็พบว่าเป็นเรือนหลังเล็ก มีสวนผักรอบๆ และมีไม้ไผ่ปลูกเป็นรั้วสูงอีกที ทำให้เหมือนอยู่ในคุกนิดหน่อย พอออกจากรั้วไม้ไผ่แล้วก็ทางที่โรยด้วยกรวดขาวยาวแตกแขนงออกไป หญิงชราที่ชื่อเย่วถิงเดินนำไปที่เรือนใหญ่ เขาก็ตามไปอย่างว่าง่าย 

จริงๆคือกูกลัวหลงไม่กล้าเดินมั่ว 

เดินไปเรื่อยๆก็เจอเรือนเล็กที่ล้อมด้วยไม้ไผ่ตลอดจนกระทั่งเขาเห็นเรือนใหญ่กว่าเรือนฮุ่ยหมินสองสามเรือนที่ปลูกดอกไม้สวยๆแถมบ่าวในเรือนก็เยอะกว่าด้วย

"เย่วถิง ทำไมเรือนสามเรือนนี้ใหญ่กว่าเรือนคนอื่นละ"

มือขาวชี้ไปที่เรือนดังกล่าว 

"นั้นเรือนท่านเสี่ยวหยางพี่ชายคนโตของท่าน ทางนั้นเรือนคุณชายเฟยหมิงเป็นลูกที่ท่านเสนาบดีโปรดปราน และนั้นเรือนคุณหนูหมี่หยาน้องคนสุดท้องในตระกูลก่อนที่เหล่าภรรยาท่านเสนาบดีจะทำหมันกันทุกคนเจ้าค่ะ"

หญิงชราค้อมตัวบอก เขาครางรับในลำคอแล้วพยักหน้าให้เดินต่อ เอาจริงๆดูจากความโปรดปรานและจำนวนลูกของลุงเสนาแล้ว โคตรไม่สัมพัทธ์เท่าไหร่ ขอโทษที่ก่อนหน้านี้ชมว่ายุติธรรมนะ เขาเดินตามหญิงชราต้อยๆ คุณชายคุณหญิงท่านอื่นยังไม่ตื่นดี พอถึงเรือนใหญ่เขาค่อนแขวะในใจทันที

เรือนกูอย่างกับศาลหน้าบ้านเลยนะ ความใหญ่โตอลังการทำเอากูปากสั่นพั่บๆๆๆๆ

เรือนไม้ขนาดใหญ่เท่าคฤหาสน์ มีโคมห้อยสีแดง ไม้สักเงาวับเหมือนมีคนมาถูทุกวัน คานไม้ตั้งจริงๆมันก็เหมือนเรือนไม้จีนในหนังกำลังภายในนะ มองผ่านๆเหมือนศาลเจ้าจีนอ่ะถ้าเป็นสีแดง เย่วถิงบอกว่าเวลา 8 โมงคือเวลาอาหารเช้า ซึ่งประทานโทษนะ ตอนนี้พึ่ง 7 โมงได้ยินคนเคาะบอกเวลาพูดตะกี้ เขาเลยบอกยายเย่วว่าจะไปนั่งรับลมตรงศาลาก่อนแล้วกัน ยายเย่วแกเลยทิ้งผมไว้แล้วก็เดินออกไปทันที 

ฮุ่ยหมินน้อฮุ่ยหมิน ชื่อแซ่ก็เหมือนรูปร่างหน้าตาไม่เหมือนเท่าไหร่ เกิดมาเป็นคุณชายก็ดีไม่ลำบาก แต่เขาก็ไม่อยากพัวพันกับอะไรยุ่งยาก สอบขุนนางเหรอ ไม่อยากสอบอะ ไหน ๆ ก็ทะลุมิติมาแล้วอยากทำอย่างอื่นมากกว่า ไม่อยากเป็นหมอเหมือนเดิมด้วย จะค้าขายก็ไม่อยากยุ่งยากเรื่องบัญชีสินจ้าง ควรทำอะไรดีวะ คิดไปมองกำไลสีขาวบนข้อมือไป เขาพึ่งรื้อออกมาจากหมอนเมื่อคืน เป็นกำไลสีขาวสี่วง เรียบๆ เลยเอามาใส่ทั้งข้อมือข้อเท้าเล่นๆ 

ประทานโทษ แกะไม่ออก เอาออกไม่ได้

เลยต้องใส่ไว้เหมือนนักโทษคุมขัง พอส่องมันกับแดดก็สวยดี คนบอกเวลาตะโกนดังลั่นว่าเจ็ดโมงครึ่งเขาก็หมุนตัวเตรียมจะไปกินข้าวแต่กำไลข้อเท้ากระทบกันทำให้เกิดเสียงดัง

 

กิ้ง!

 

ในห้วงจิต

 

ฮุ่ยหมินลืมตามองรอบตัวที่มีแต่ป่าและหอคล้ายๆหอดูดาว ที่นี่ที่ไหนวะ หันซ้ายขวาไม่เจอใครจึงเดินเข้าไปในสิ่งก่อสร้างที่ลักษณะคล้ายๆหอดูดาว เดี๋ยวนะ ในนิยายที่อ่านตอนสมัยยุคกลับชาติมาเกิดเวลานี้ต้องเจอคัมภีร์ต้องห้าม ไม่ก็จิตวิญญาณที่ทำให้เขามีพลังวิเศษ เข้าไปสำรวจภายในหอดูดาวมีแต่บันไดเดินขึ้นข้างบนพอขึ้นไปถึงจุดสูงสุดไม่เจออะไรเห็นแต่วิวทุ่งหญ้ากว้างๆ

อีหยังวะ คัมภีร์อะ? พลังอะ? 

เดินลงมาข้างล่างแล้วเดินเตะหญ้าไปเรื่อยๆเจอดอกไม้สีขาวโตท่ามกลางทุ่งหญ้ากว้างเลยตัดสินใจแตะๆดู หลังจากแน่ใจว่าไม่มีพิษ มือเรียวจับก้านดอกไม้แล้วดึงหลุดออกจากพื้นดิน จู่ๆเหมือนหน้าดินพลิกด้วยความรวดเร็ว ทุ่งหญ้าบัดนี้กลายเป็นทุ่งหญ้า ทุ่งนา และ พืชผักเต็มไปหมด พอมองไปที่หอดูดาวก็กลายเป็นเรือนไม้จีนขนาดใหญ่มาแทนที่ ข้างๆมีแม่น้ำไหลตัดผ่านและมีสะพานข้ามระหว่างฝั่งทุ่งที่เขายืนอยู่และฝั่งเรือนไม้จีน ฮุ่ยหมินวิ่งจ่ำเท้าไปที่เรือนไม้ทันที พอเข้าไป เจอยันต์ขนาดใหญ่ที่สลักอักษรจีนไว้

ดูถูกเด็กลูกครึ่งจีนอย่างกูเหรอ คิดว่ากูแปลไม่ออกเหรอ 

ใช่ คิดถูกแล้ว 

"ยันต์เหี้ย กูอ่านไม่ออกโว้ยยยยยย"

'หยดเลือดลงยันต์สิ'

"กรี้ด!!!!!!!!!!!!!!!!"

 

 

 

____________________________

 

เม้น = กำลังใจ