ตอนที่ 15 : เดินป่าพาเพลิน

 

 

 

หลังจากที่ฮุ่ยหมินเดินทางกลับมาจากการไปเยี่ยมเสือสีขาวก็พบว่าลูกเทพของเขาได้ทำการไปปัดหัว แค่ก หมวก! หมวกม่านมุกของฮ่องเต้เสียแล้ว เหตุการณ์ก็ผ่านไปหลายวันซะแล้วฮ่องเต้นั้นก็ไม่กล้ากร่างอะไรอีก กลับเมืองตัวเองอย่างว่องไว แต่ข่าวกลับลามไวยิ่งกว่าไฟไหม้ทุ่ง ว่าในโรงศึกษารั้วดำชุบเลี้ยงเทพเซียนไว้ 

โรงศึกษาเขาไม่ได้คัดเลือกเด็กมากมายอยู่แล้วหลิวหยางจัดการตัดสิทธิ์แค่เด็กที่ดูมีปัญหาแล้วจัดการแบ่งตารางเรียบร้อย โดยครั้งนี้ฮุ่ยหมินได้เข้าไปเป็นอาจารย์ในการสอนวิชาการใช้พลังช่วงบ่ายแน่นอนว่าพระเอกที่ดีต้องเป็นคนที่เก่งกาจ ท๊อปห้า เก่งจนชีวิตจะหาไม่ เก่งไปไหนเนี่ยตัวแค่นี้! 

ฮุ่ยหมินขอยืนยันจากการที่ข่ายฝานบรรลุพลังแล้ว ข้ามขั้นมาก็ใช้พลังซัดเพื่อนร่วมห้องเกือบตาย ดีเข้าไปขวางทัน แน่นอนว่าฉากนี้ต้องมา 

 

'เจ้ามีพลังที่หายาก'

'จริงหรือขอรับ'

'ใช่ หลังจากวิชาข้าตอนเย็นจงมาที่ป่าไผ่ '

 

ตรงเป๊ะในแบบฉบับนิยาย ฮุ่ยหมินได้สอนเคล็ดวิชาการต่อสู้ของวิชาน้ำแข็งสำหรับปราณน้ำแข็งเสียอย่างเดียว ดาบที่ข่ายฝานใช้มีแค่ดาบไม้ที่ไม่มีปราณในตัว เพราะไม่มีกระบี่หรือดาบไหนสามารถรับปราณพระเอกของเราได้เลย 

โถ่ พ่อพระเอกของพี่ 

อุแค่กๆ หมายถึงพระเอกของทุกคน ข่ายฝานนี่ก็สมกับเป็นพระเอกของนิยายสายฮาเร็มจริงๆ เพราะมีผู้หญิงชอบเกือบทั้งห้องยังไม่รู้ตัว เขาทำผ้าเช็ดหน้าตกก็ดันเก็บให้และเดินหนีซะงั้น เขาล้มต่อหน้าก็ใช้ดาบประคอง เขาส่งยิ้มให้กลับโบกมือให้รุ่นพี่ด้านหลังแทนซะงั้น โอ๊ย กูต้องสอนวิถีชีวิตได้กับผู้หญิง 108 ข้อมั้ย!!

ไหนจะหลินอวิ๋นที่ช่วงนี้เหมือนอารมณ์ขึ้นลงอีก เป็นห่าไร ชอบโอบเอวพอเขาดิ้นนิดดิ้นหน่อยก็งอนตุบป่องไม่ยอมพูดด้วย อะไรของมึง! เหงามากมั้ยไม่มีใครเล่นด้วยเหร๊อ แต่ก็เท่านั้นแหละ ฮุ่ยหมินก็เป็นคนง้ออยู่ดี สุดท้ายกลายเป็นลูกเทพที่ชอบเกาะแกะเวลาเขาไปสอนข่ายฝาน เป็นแบบนี้จนเวลาผ่านไป 

 

สองปีผ่านไป

 

เร็วมากเหมือนมีคนกรอวิดิโอ ฮุ่ยหมินที่ตอนนี้นอนเอกเขนกเอาขาข้างหนึ่งจุ่มสระบัว มือก็หยิบขนมเปี๊ยะยัดเข้าปาก ใช่เวลาตอนนี้คือตอนเช้า เวลาที่เด็กๆกำลังเรียนภาคเช้าและหลิวหยางไปสอนเหมือนกัน ตอนนี้สระบัวมีแค่เขา 

"ภรรยา"

อ่อ อีลูกเทพนี้ด้วย 

"อะไร"

"เจ้าจะจัดการเข้าป่ารึยัง"

จ่อม !

ขาที่จุ่มน้ำถูกยกมาพร้อมกับร่างขาวในชุดสีดำหันไปมองอีกคน

"หลินอวิ๋น! ข้าลืม!"

...

"ไม่เป็นไร ข้าให้เจี๋ยงไปดูป่าแล้ว ค่อนข้างมีอันตรายเหมือนกันนะ เพราะเหมือนมีคนปล่อยสัตว์วิเศษเข้าไปในป่า"

ปล่อย?

"ปล่อยตัวอะไร"

หลินอวิ๋นรินชาช้าๆ แล้วยื่นมาให้ภรรยาตัวน้อยในสายตาตนเอง

"แมงมุม"

แค่ก 

"อะไรนะ!!"

ฮุ่ยหมินสำลักน้ำชาและตะโกนออกมา

"แมงมุม"

"ข้ารู้แล้วว่าแมงมุม ข้าแค่อุทาน ใครเล่นพิเรณท์เอาไปปล่อยนะ"

หลินอวิ๋นไม่ตอบ สงสัยไม่รู้ ฮุ่ยหมินเลยไม่พูดอะไรต่อ แต่ลุกจากสระแล้วกระโดดไปที่ห้องตัวเองชั้นบนสุดของหอศึกษาแทน 

 

 

...

 

ข่ายฝานฝึกปราณตัวเองที่ป่าไผ่ระหว่างรออาจารย์ตัวเอง ปราณน้ำแข็งคือปราณหายากเพราะไม่ใช่ปราณสี่ธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ เลยไม่สามารถฝึกกับเพื่อนได้ ที่สำคัญไม่มีดาบหรือกระบี่สำหรับเรียนอย่างเต็มประสิทธิภาพ ได้แค่ดาบไม้ แม้ว่าปราณจะไปอยู่ที่พลรบขั้นห้า แต่ว่าถ้าไม่มีอาวุธที่สามารถรองรับปราณเขาได้ อาจจะอยู่แค่พลรบไปจนตาย 

ปึ่ก 

เสียงไม้ไผ่กระทบกันทำให้ข่ายฝานหันไปยกดาบไม้กันทัน มีปราณกระแทกเข้ากับดาบทำให้ร่างกายกระเด็นแต่หนุ่มน้อยไหวตัวทันจึงเหยียบลงพื้นอย่างมั่นคง 

ตึ่ง!

ปราณน้ำแข็งพุ่งไปยังทิศที่ถูกกระแทกแต่ก็แตกกระจายเพราะร่มเหล็กที่ยังไม่ถูกกางออก 

"ว่องไวขึ้น แต่ไม่สามารถให้ข้ากางร่มได้เสียที"

เสียงคุ้นหูดังขึ้นข้างหลัง ข่ายฝานตวัดขาไปกระแทกกับแขนขาวและยกตัวม้วนใช้ส้นเท้ากระแทกหวังให้โดนหัวแต่กลับโดนร่มเหล็กแทน 

"โอ๊ย"

"เด็กโง่ ร่มเหล็กข้าสามารถทุบกระดูกเจ้าแหลกได้ บอกแล้วใช้มั้ยว่าอย่าเอาศิลปะการต่อสู้ของหลินอิว๋นมาใช้กับข้า"

ข่ายฝานที่ทำส้นเท้าตัวเองเกือบแตกนอนจับส้นเท้าดิ้นไปมาจนฮุ่ยหมินถอนหายใจ 

"หลิวหยาง"

เสียงเรียกเบาๆทำให้คุณหมอหน้าสวยโผล่มาเหมือนนินจายืนข้างๆฮุ่ยหมิน

"มีอะไรหรือขอรับ"

ฮุ่ยหมินชี้ไปที่เด็กไม่ใช่สิ ชายหนุ่มหมาดๆ ที่นอนโอดโอยอยู่ 

"อีกแล้วหรือขอรับ ข่ายฝานเจ้าไม่เข็ดเสียที ข้าบอกแล้วว่าอย่าเอาตัวไปยุ่งกับร่มท่านฮุ่ยหมิน สามสิบวันที่ผ่านมาเจ้ากระดูกแตกไปเสีย ยี่สิบวัน กระดูกหักไปสิบวัน ยาที่ข้าหามาก็เสียกับเจ้าตลอด วันหยุดนี้เจ้าต้องไปเข้าป่าไปเอายากับข้านะ"

ปากเล็กขมุบขมิบบ่นคนที่เห็นมาตลอดสองปี ส่วนสูงก็แซงหน้า การต่อสู้การใช้ปราณก็จะแซงหน้าอยู่รอมร่อ แต่ดันไม่มีกึ๋นซะงั้น หลิวหยางถ่ายปราณรักษาให้ข่ายฝานจนกระดูกค่อยๆผสานตัว โดยมีเสียงครางด้วยความเจ็บเป็นลูกคู่ 

"ช่วงนี้เจ้าขี้บ่นมากขึ้นรึเปล่าหลิวหยาง"

ฮุ่ยหมินเอ่ยถามพลางแคะขี้หู ได้คำตอบคือตากลมโตค้อนจนเกือบคว่ำ

 

...

 

ข่ายฝานมั่นใจว่าหลังจากที่รับคำหลิวหยางว่าจะเข้าป่า ไม่คิดว่าต้องมาเข้าพร้อมเพื่อนรุ่นเดียวกันและพี่ๆในโรงรั้วดำ ตอนนี้หน้าทางเข้าป่ามีเด็กยืนออเกือบร้อยคนล้วนใส่ชุดของโรงรั้วดำ ทุกคนได้ใบกระดาษสาจากท่านฮุ่ยหมินที่บอกว่าจะรอที่ยอดเขากลางป่า ปัญหาใหญ่คือพวกเขาสามารถเข้าป่าไปยังไง!

แค่ทางเข้าก็มีเถาวัลย์ที่ดิ้นไหวไปมาราวกับเตรียมมัดพวกเขา ไม่พอยังมีเสียงสัตว์วิเศษขู่ดังเป็นเพลงในโรงงิ้ว แค่กๆ ขู่ดังเป็นจังหวะ ศิษย์พี่หลายคนยิ้มแต่เหงื่อตกกันไม่หยุด เวลานี้เช้ามืดตะวันยังไม่ขึ้นมาทอแสงในใบกระดาษจากท่านฮุ่ยหมินกล่าวว่ารอถึงตะวันลงดิน ระยะทางที่เดินไปถึงยอดเขาก็ตะวันตรงหัวไหนจะรังสีความน่ากลัวที่แผ่มาจนศิษย์หลายคนก้าวถอยหลังไม่หยุด 

หลิวหยางหัวเราะเบาๆ แล้วส่งสัญญาณดังให้ทุกคนเข้าไปในป่า 

ปัง!

ฟุ่บๆๆๆๆๆๆๆๆ

เสียงศิษย์หลายคนพุ่งตัวเข้าไปในป่า แต่ข่ายฝานชะเง้อซ้าย ชะเง้อขวาก่อนจะรวบรวมปราณไว้ที่เท้าตัวเองแล้วกระโดดสูงข้ามเถาวัลย์สีน้ำตาลและข้ามต้นไม้สูงหน้าทางเข้า เมื่อถึงพื้นก็กระโดดเหยืยบกิ่งไม้ไปแทนที่จะวิ่งที่พื้น มั่นใจว่าอาจารย์เขาไม่ใช่คนปกติ การที่เดินพื้นดินไม่ใช่ตัวเลือกที่ดี 

"เฮ๊ย!"

ใบไม้สีเขียวพัดใส่หน้าหล่อของข่ายฝาน

บางทีวิ่งบนกิ่งไม้ก็ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีเช่นกัน 

 

...

 

"แฮ่กๆ"

เสียงหอบดังทั่วป่า ร่างสูงของข่ายฝานหอบอย่างหนัก ตอนนี้แสงจากตะวันส่องเกือบถึงหัวแล้ว แต่มาได้ครึ่งทางยอดเขาแค่นั้น เขาตีกับสัตว์วิเศษตลอดทางเลย! รักอะไรกันขนาดนี้ ข่ายฝานยืนที่พื้นหญ้าสีเขียวค่อนข้างกว้าง ไม่ทันจะก้าวไปไหนก็รู้สึกยุบยับบริเวณขาพอก้มดู 

"แมงมุม!"

มือหนาปัดกางเกงตัวเองอย่างแรงแต่แมงมุมไม่ได้มาตัวเดียว แต่มาเป็นฝูง ร่างสูงจัดการใช้ปราณแช่แข็งแมงมุมแล้วเดินทางต่อ โดยไม่รู้ว่ามีชายหน้าตาเหมือนกันสามคนในชุดสีม่วงหยิบก้อนน้ำแข็งที่มีแมงมุมข้างในเก็บเข้าไปในกระเป๋า 

ข่ายฝานถึงยอดเขาแล้ว! แต่ว่ากลับเจอถ้ำที่น่าสงสัยอยู่ตรงตีนเขา อาจารย์ฮุ่ยหมินเป็นคนแปลก เพราะฉะนั้นการที่เขาเข้าไปในถ้ำก็เป็นการดี เพราะอาจจะเจอคนที่เล่นพิเรณท์ส่งใบประหลาดให้ศิษย์จนหัวหมุนกันเกือบทั้งโรงรั้วดำ ขายาวก้าวไปใกล้หินที่ปิดถ้ำแบบเผยอ ทางเข้าค่อนข้างแคบต้องเอาหินออก ข่ายฝานจัดการทำให้หินถูกแช่แข็งแล้วรวมปราณไว้ที่หมัดจัดการต่อยจนหินกระจาย

"อาจารย์หลินอวิ๋นขอบคุณสำหรับวิชาหมัดทะลวงนะขอรับ"

ข่ายฝานเอ่ยแล้วเดินเข้าไปในถ้ำ เดินเข้าจนลึกไม่นานก็เจอกระบี่สีดำวางแน่นิ่งบนแท่นหิน ดวงตาคมกะพริบสองสามที ก่อนจะเข้าไปสัมผัสด้ามจับกระบี่ 

'อุ คิกๆ อย่าจับตรงนั้น'

"อาจ๊าน!!!! กระบี่พูดได้!!!!"

 

 

 

 

____________________________________________________

 

จริงๆศิษย์กับอาจารย์ก็ไม่น่าต่างกันเท่าไหร่นะคะ 5555555555555555555555