ตอนที่ 4 สวนสัตว์เปิดและจิตแห่งความมุ้งมิ้ง

 

 

 

 

ครับ 

 

ฮุ่นหมินคนเดิม เพิ่มเติมคือหลับลึกมา เอาตรงๆวันนี้ผมกะจะขังตัวเองไว้ในห้องก็เลยบอกบ่าวว่าไม่ต้องเข้ามาในเรือนไม้ไผ่ผม 

At มิติกำลังขวามือ 

นี่คุณแมว ตัวอ้วนสามสีผู้ดูแลศาลาเปิดอ้ากว้างท้าแดดแต่ทำหลังคา จำได้ว่าคราวก่อนมีกำแพงแต่ช่างมัน 

"ท่านแมวข้ามาฝึกปราณ"

"โอ้ว ดียิ่ง เชิญเลยข้าสัญญาว่าจะไม่รบกวน"

หลังคำเสร็จฮุ่ยหมินจัดแจงที่นั่งดีๆแล้วลองนั่งสมาธิ เพื่อคลำหาจินตันจริงๆแค่เหมือนฟังเสียงหัวใจแต่ความรู้สึกอยู่ตรงกลางอกแถวๆลิ้นปี่แค่นั้น ความรู้สึกเย็นๆร้อนๆเหมือนลมพัดวูบเข้าร่างกายไม่หยุด ยิ่งนั่งยิ่งรู้สึกเหมือนมีพลัง รู้สึกเข้าถึงหนังจีนขึ้นมาหน่อยๆ บอกตรงๆว่าที่ชาติเก่าผมมีพลังแบบนี้นะ นั่งถ่ายปราณรักษาไปวันๆอะบอกเลย ไม่ต้องรงต้องเรียนมันแล้ว กายวิภาค ยาเยอ คลิปผ่าตัดไรงี้ นั่งฝึกปราณพอ คิดแล้วก็ตลก ทั้งเรื่องข้ามมิติ ข้ามโลก ข้ามเวลา ข้ามมาเจอโลกแฟนซีสุดตีนจริงๆ นั่งฝึกปราณจนลืมเวลา ลืมตามาอีกที ท่านแมวนั่งเคี้ยวหางตัวเองเล่น จะว่าไปท่านแมวนี่ก็เหมือนแมวที่ป้าในหอเลี้ยง เป็นแมวพันธุ์ขาสั้นขนฟู มีขนสามสี ขาว ดำ ส้ม ตาก็สีแดง บางทีก็ฟ้า บางทีก็เหลือง อธิบายไม่ถูกสีรุ้งไปเลยแล้วกัน 

"ท่านแมว"

แมวตัวโตเท่าสุนัข(แต่เสือกขาสั้น) หยุดงับหางตัวเองแล้วเดินนวยนาดมาคลอเคลียแถวขาผม 

"ว่าไงขอรับ"

น้วย กูบอกเลย แพ้แมวอ้อน แค่แมวป้าในหอกูซื้อชุดให้เป็นสิบ 

"ข้าอยากรู้ว่าในนี้เลี้ยงสัตว์อะไรบ้าง"

เขาถาม จริงๆสงสัยตั้งนานละ เกี่ยวกับสัตว์วิเศษ และสัตว์หายากของยุค แถมยังไม่ได้เรียนกับท่านเค้าแมวด้วย ขอเจอก่อนแล้วกัน

"โอ้ ข้าพาไปได้ มันอยู่อีกซีกของมิตินี้ขอรับ"

"ดีๆ อยากไป ท่านตัวเล็กประมาณนี้หน่อย อยากอุ้ม"

เขาทำท่ากะประมาณตัวแมวของป้าในหอ ตัวเท่าเก้าอี้นั่งยอง ท่านแมวก็ไม่ทำให้ผิดหวังย่อขนาดตัวพออุ้มได้ เขาก็จับอุ้มแนบอกท่านแมวก็พาวาร์ป เอ๊ย เหาะสิ เหาะไปซะไกล จนเขาเห็นป่าขนาดใหญ่ที่มีภูเขาสลับซับซ้อน แถมข้างๆยังเป็นทะเลทราย 

"โห สวยจัง"

เขาอุทาน พอลงถึงพื้นหน้าป่าก็มองเข้าไป ก็เห็นสรรพสัตว์ต่างๆเหมือนเข้ามาในไนท์ซาฟารี แต่รอบๆส่วนใหญ่จะเห็นกระต่ายสีขาวอยู่ มีนกบ้าง สัตว์กินพืชงี้ วัว หมู 

"ท่านแมว พวกสัตว์วิเศษอยู่ตรงไหนละ"

ผมถามคนในอ้อมอก ขนนู่มมมนุ่ม

"อยู่ภูเขาครับ ส่วนใหญ่พวกมันจะจำศีลกัน แต่ตอนนี้คงออกมากันบ้างแล้วเพราะกำไลมีเจ้าของคนใหม่มาแล้ว"

เขาพยักหน้ารับ ลอยๆตรงไปแถวหุบเขา ไม่นานก็มีเสือตัวสีขาวขนาดใหญ่เท่ารถยนต์เดินออกมามองหน้าของเขาแล้วแกว่งหางไปมา ท่านแมวบอกว่านี่คือเสือขาวในตำนาน สักพักก็มีสิงโตแดง จิ้งจอกเก้าหาง โผล่มาบ้าง ส่วนใหญ่เป็นสัตว์วิเศษพวกมันใช้ชีวิตเป็นวงจรกันไป 

"ข้าลงไปคุยกับพวกเขาได้มั้ย"

"ได้ขอรับ"

ท่านแมวก็พาร่อนลงไปคุยกับสัตว์พวกนี้ ตื่นเต้นสัส น่ากลัวด้วย 

"สวัสดีนะ"

พอเขาเอ่ยคำทักทายพวกสัตว์ทั้งหลายต่างพากันก้มหัวให้ และพูดกันอย่างพร้อมเพรียง

"ขอรับนายท่านฮุ่ยหมิน"

หูยยยยยย รู้สึกดีอะ เขาลองขอสัมผัสพวกเขาแต่ละตัว ทุกตัวก็ให้สัมผัส แบบตื่นเต้น อีเหี้ ยยย ขนนุ่มกันมาก ขนาดเกล็ดปลายังลื่นผิว ฮุ่ยหมินลูบคลำสัตว์แต่ละตัวอย่างตื่นเต้นและฟินไม่ทันเห็นว่ามีสัตว์ขนาดตัวใหญ่บินโฉบลงมา แต่สัตว์ตัวอื่นเห็นแล้วก็ต่างพากันเดินหายไปเงียบๆยกเว้นท่านแมวและเสือขาวที่โดนลูบคางอยู่ ดวงตากลมเหลือบเห็นเกล็ดสีขาวที่หางตาก็หันไปมองก็ยืนอึ้ง 

"มะ...มังกร"

เสียงในคอของเขาหายไปหลังเผลอเรียกสิ่งมีชีวิตตรงหน้า 

"ขอรับท่านฮุ่ยหมิน ข้าคือมังกรเซียน"

มังกรตัวใหญ่โน้มหัวลงเล็กน้อย ท่านแมวกระซิบเบาๆข้างหูว่ามังกรมีศักดิ์ศรีไปยอมก้มหัวให้ใครเท่าไหร่ยกเว้นคนที่คู่ควร เขาพยักหน้าให้ทั้งๆที่ยังตั้งสติไม่ได้ 

มึงมาตั้งสติเองมั๊ย! กูตั้งไม่ได้อีเหี้ ย 

"เอ่อ...ยินดีที่ดะ...ได้รู้จักนะท่านมังกร"

เสียงมึงหยุดสั่นที กูขอร้อง 

ผมพยายามยิ้มที่คิดว่าดูดีให้เจ้ามังกรตัวนี้ ท่านแมวน่าจะเห็นว่าเขายังกลัวเลยเหาะไปกระซิบข้างหูแหลมๆของคุณท่านเจ้าพระยามังกร(ตั้งยศให้ตามความกลัว) พอท่านแมวเหาะลงมาคลอเคลียที่ขาเรียว ตัวของคุณท่านเจ้าพระยามังกรก็หดลงเหลือตัวกระจิ้ด โอ้ย น่ารัก 

"ท่านลดขนาดตัวให้ข้าหรือ"

"ท่านคงไม่ถูกกับขนาดตัวจริงของข้า ตัวเท่านี้ท่านคงไม่เกร็งเท่าไหร่"

ใบหน้าหวานพยักหัวขึ้นลงทันที นิ้วเรียวยาวสัมผัสหัวเล็กๆขนาดเท่าฝ่ามือ เหมือนตุ๊กตามังกรในห้างเลย เขาเคยซื้อมาตัวสีส้มแต่อันนี้ตัวสีขาวชื่อว่าก๊อตจิล่า 

"ข้าตั้งชื่อให้ท่านได้มั้ย"

ฮุ่ยหมินเอ่ยถามอย่างกล้าๆกลัวๆ คิดถึงทุกอย่างในชาติที่แล้วมาก 

"ได้ขอรับ ท่านสามารถตั้งชื่อให้ทุกอย่างในกำไลแห่งชื่อได้แต่ถ้าสิ่งนั้นทำพันธะแห่งเลือดเมื่อไหร่ท่านก็ต้องปล่อยไปนะขอรับ"

ท่านแมวอธิบาย เขาพยักหน้าเข้าใจในตำราเรียนเรื่องสรรพสัตว์คนหลายคนที่มีปราณต่ำมักจะทำพันธะแห่งเลือดกับสัตว์วิเศษซึ่งถ้าคนตายสัตว์ก็ตาย แต่ถ้าสัตว์ตายคนไม่ได้ตายก็สามารถทำสัญญาใหม่ได้ ซึ่งเขารู้สึกถึงคำว่าไม่แฟร์มากๆแต่มันก็เป็นไปตามกฎแห่งโลกใบนี้ 

"อื้อ งั้นท่านชื่อคุณท่านเจ้าพระยาก๊อตจิล่านะ"

เขาลองยกมังกรย่อส่วนเท่าขนาดตุ๊กตาในโลกเก่าขึ้นมา โอ้ย หนัก ไอ้สัส 

"ขอบพระคุณขอรับ"

 

 

...

หลังจากไปทัวร์ที่สวนสัตว์(วิเศษ)ไปกระผมนายฮุ่ยหมินก็ไปฝึกปราณจนถึงด่านราชัน ขั้น 8 จริงๆก็แอบโกงนิดหน่อยแต่มันจำเป็นเพราะหลังจากอ่านหนังสือนิยายของพวกตัวเอกเหลือเวลา 7 ปีในการทำให้ตัวเองเป็นเซียน ถึงเวลาในกำไลไม่สิ้นสุดแต่เขาก็ต้องหาประสบการณ์ข้างนอก เลยจำเป็นต้องมีพลังเยอะๆ ออกจากสกุลตัวเองแล้วผจญภัยแถวๆที่ที่ตัวเอกในนิยายเรื่องต่อไปจะเกิดโผล่มา แน่นอนพอปราณราชันถึงขั้น 8 ผมก็ไปหาท่านงูเซาแมวทันทีเพื่อที่จะ

"กรี๊ดดด!!!!"

"เฮ๊ย!"

โอ้โห งู งูอ้วนตัวเท่าท่อบำบัดน้ำเสียตัวหงายท้องแผ่อาณาเขตไปทั่ว พอเขาโผล่มาก็เห็นท่านงูเลยกรี๊ดออกมาด้วยความกลัว ท่านงูก็สะดุ้ง สะดุ้งคู่หางงูก็เกือบปัดมาโดนหน้าละ อีกนิดเดียว 

"ท่านฮุ่ยหมิน"

"มึงอย่าพึ่งคุย มึงกลับไปเป็นตัวขนฟูก่อน"

ขนลุก 

พอท่านงูกลายเป็นเจ้าตัวขนฟูๆแล้วก็พาตัวเองโดดดึ๋งๆมาทางผมด้วยความดีใจ 

"ในที่สุดท่านก็มาหาข้าสักที"

เขายิ้มให้แห้งๆ ถ้ามึงไม่เป็นงูกูจะมาบ่อยยๆอยู่หรอก 

"ข้าอยากได้ชุดดำๆสักชุด"

"ท่านจะเอาชุดสีดำไปทำอะไรท่านเป็นเกอนี่"

เกอ[๕] ของที่นี่จะเป็นจุดแดงตามที่ต่าง ๆ บนร่างกาย ร่างเขาก็มีจุดแดงคลั่กตรงท้องน้อย คนนอกตระกูลหลายคนเลยไม่รู้ว่าเขาเป็นเกอเท่าไหร่ 

"ท่านเหยียดเกอหรือ เหตุใดใครกำหนดว่าเกอต้องแต่งตัวสีฉูดฉาดหรือสีอ่อนหวาน เกอแล้วอย่างไร ชายแล้วอย่างไร สตรีแล้วอย่างไร ทุกคนมีสิทธิในการแต่งตัว"

ฮุ่ยหมินขมวดคิ้ว ท่านงูดูตกใจก้อนขนนั้นโดนจึ๋งๆเข้าไปหาทันที

"ข้าเปล่า ข้าขออภัยที่สำหรับความคิดของข้า ข้าจะปรับความคิดของข้าใหม่ โปรดอภัยด้วย"

เขาพยักหน้าให้ก้อนขน จริงๆไม่ได้ตั้งใจบ่นหรอก วิญญาณนักฉอดเข้าสิงร่างกาย 

"เอาเถอะ ท่านเกิดมาในทัศนคติความคิดแบบนี้ มิแปลกอันไหนแต่จากนี้อย่าตัดสินอะไรให้ใครเล่า"

"ขอรับ"

คุยเสร็จก้อนขนก็พาผมเดินลัดเลาะไปทางที่เก็บเสื้อผ้า และผ้าผืนที่ม้วนแบ่งเป็นสีเป็นสี เรียงเป็นโค้ดสีเลยนะ ร่างโปร่งเดินหาเสื้อผ้าที่ต้องการและลองหลายตัวมาก ไม่มีตัวไหนถูกใจเท่าไหร่ ตัวที่ลวดลายถูกใจแต่สีไม่ถูกใจอีก เขาเลยตัดสินใจเลือกลายที่ถูกใจแล้วไปเลือกสีเอง 

 

"ท่านงู ท่านตัดเย็บเป็นมั้ย"

 

...

 

ผมขนผ้าสีดำและสีน้ำเงินมาหลายม้วนมาก จริงๆข้าวของพวกนี้ไม่มีวันหมดง่ายๆหรอกมีคัดลอกวางอีกเพียบเพราะมีไว้ให้ตัวเอกหลายๆคน ผมพาท่านงูมาเล่นกับท่านแมวด้วย และพาท่านเค้าแมวมาสอนวิชาเกี่ยวกับเย็บปักทักร้อย แน่นอน ขนกันมาที่จิตของท่านแมวเพราะเป็นจิตเดียวที่มีวิวสวยที่สุด ไปถามท่านแมวเกี่ยวกับศาลาจีน เรือนไม้จีนที่มาแต่ละครั้งก็ไม่ซ้ำกันเลย ครั้งนี้มาก็เป็นศาลาจีนอีกแบบที่อยู่ใกล้แม่น้ำปราณไหลผ่านพอที่จะเอาขาจุ่มลงไป 

"ท่านต้องพับชายผ้าเข้าไปเพื่อไม่ให้ดูหลุดลุ่ยแล้วค่อยเย็บ อ่อพับให้ตรงด้วย"

นิ้วเรียวถือเข็มร้อยด้ายข้างหนึ่งอีกข้างก็พับแนวผ้าตามที่ท่านเค้าแมวบอก 

"ท่านระวังนิ้วด้วย โอ๊ะ ชายด้ายมันเป็นปม ท่านฮุ่ยหมินวัดขนาดการเย็บดีๆสิขอรับ แก้ๆ"

ครูดี คือครูที่สอนตรงจุดแก้ตรงจุด กูแก้ตรงจุดนี้มาสี่รอบแล้วนะ น้ำตาจะไหลไม่น่าเรื่องมากเลยตัวกู แต่ฮุ่ยหมินคนนี้รักในการเรียนรู้ครับ นั่งเย็บไปไม่บ่นอะไรแต่ตีขาในน้ำไปมา 

พรึ่บ

ท่านเสือโผล่มาที่กลางศาลา ทำให้จิตทั้งสามหันไปมอง ผมก็หันไปมอง 

"ไม่ชวนข้าเลย"

ท่านเสือกล่าวงอนๆแล้วเดินนวยนาดมานอนอิงหลังบางและหลับตาลง จิตทั้งสามต่างส่ายหน้าไปมาแล้วก็ทำกิจกรรมของตัวเองต่อ ท่านแมวกับท่านงูก็เล่นไล่จับกัน ส่วนท่านเค้าแมวก็สอนต่อ ชีวิตมีความสุขดี 

 

เขาว่าคนเรามันจะมีความสุขมากๆก่อนที่จะมีเรื่องตามมารึเปล่าวะ