ตอนที่ 21

 

 

แคว้นซีเปียน

 

ชายร่างสูงโปร่งผิวขาวในชุดสีน้ำเงินเข้มเกือบดำเดินช้า ๆ เข้าท้องพระโรงของราชวัง โดยมีชายอีกคนที่สูงกว่าใบหน้าหล่อเหลาจมูกโด่งคม ผิวขาวสว่างในชุดสีขาวถือร่มสีดำมีเชือกสีแดงห้อยระยา 

เมืองหลวงแคว้นซีเปียนคือเมืองซางหลานแคว้นนี้อยู่ทางตะวันตก เป็นแคว้นที่ติดใกล้กับทะเล และมีเรือเทียบท่าค่อนข้างเยอะ แต่ไม่เท่ากับแคว้นหนานเปียนที่อยู่ทางใต้

เมืองหลวงซางหลานเป็นเมืองที่ค่อนข้างเจริญไปด้วยผู้คนที่มีหลากหลายเชื้อชาติ ไม่ว่าจะพวกผมสีทอง หรือพวกผิวสี แม้กระทั่งผมสีแดงใบหน้ามีกระก็มี 

สินค้าของแคว้นซีเปียนคือสินค้าที่แปลกตา พืชพันธ์แถบนี้แทบไม่มีต้องรับมาจากแคว้นอื่น ฮ่องเต้สมัยล่าสุดก็มีสร้างผลงานจากภาษีเทียบท่าและการส่งออก ทำให้มีสนมมากหน้าหลายตา เรียกได้ว่าเก็บหมดทุกเชื้อชาติ 

"ถวายบังคมฮ่องเต้หลาน"

ฮุ่ยหมินถวายการเคารพโดยการเคารพแบบค้อมตัวลงแค่นั้น ซึ่งฮ่องเต้หลานก็อนุโลมเนื่องจากอีกฝ่ายเป็นถึงเซียนเจ้าของโรงรั้วดำ ที่สำคัญฮ่องเต้เมืองหลวงของแคว้นหนานเปียน กับฮ่องเต้เมืองรองของแคว้นเป่ยเปียนก็มีอาการบาดเจ็บล้มป่วยเพราะไปมีเรื่องกับเซียนผู้นี้

"อย่าได้มากพิธี ท่านเซียนมีอันใดรึ"

ร่างโปร่งยิ้มเล็กน้อย รอยยิ้มนั้นชวนขนลุกไม่น้อย ใบหน้าที่ดูชาญฉลาดชวนคนหลงเชื่อนั้นบอกได้ว่ามาด้วยความหวังดี 

"ข้าน้อยมาสมัครเป็นราชครูที่เมืองซางหลานพะยะค่ะ"

ว่าจบทั่วท้องพระโรงก็เงียบลง ราชครูปัจจุบันก็เหงื่อตก เขาไม่กล้าแม้แต่จะค้านว่าตนก็ยังอยู่ แค่ปราณยังเทียบไม่ได้เลย

"มิต้องห่วงว่ากระหม่อมจะมาแย่งงานใคร กระหม่อมจะเลือกคนที่กระหม่อมอยากสอน เช่น รัชทายาทตอนนี้อย่างไรพะยะค่ะ"

ดวงตากลมโตสีดำจ้องมองลูกศิษย์ที่ตอนนี้ยิ้มแป้นเมื่อเห็นอาจารย์ตนเอง ก่อนจะหุบยิ้มลงเพื่อรักษากิริยา 

"หากท่านเซียนมีใจอยากรับลูกเราเป็นศิษย์เราก็ไม่ว่าอันใด แต่ลูกของเราเรียนจบแล้วมิใช่หรือ"

ฮ่องเต้ถามด้วยความงงงวย รัชทายาทของเมืองซางหลานนั้นเรียนจบมาแล้ว หนึ่งปี ทั้งยังรับราชกรณียกิจต่าง ๆ ไปทำบ้างแล้ว 

"เรียนจบหลักสูตรพื้นฐานก็ถือว่าจบแล้วพะยะค่ะ แต่หลักสูตรของราชวัง กิจการบ้านเมือง และการช่วยเหลือประชาชนยังไม่จบ กระหม่อมจึงมาสั่งสอนเพิ่มเติมในฐานะอาจารย์"

ฮุ่ยหมินเอ่ยเสียงเรียบคล้ายกดดันให้รีบรับสักที รัชทายาทเห็นอาจารย์ตัวเองก็รีบลนลานเอ่ยด้วยความเร่งรีบทันที 

"ท่านพ่อ โปรดให้ลูกได้รับการสั่งสอนจากท่านอาจารย์ด้วยเถอ เพื่อความผาสุกของบ้านเมือง ลูกจะตั้งใจเรียนเป็นอย่างดี"

 

 

 

หลังจากฮุ่ยหมินได้ออกเดินทางจากโรงรั้วดำ ข่ายฝานที่รู้ข่าวก็รู้สึกแย่เล็กน้อย เขารู้สึกเศร้า แต่ไม่นานนักก็มีประกาศจากเมืองหลวงเกี่ยวกับจอมมารที่รุกรานเมืองโดยรอบ ทำให้ศิษย์โรงรั้วดำออกมาทำภารกิจช่วยเหลือผู้คน 

จื่อข่ายฝานก็ออกมาทำภารกิจกับศิษย์พี่ด้วย ทำให้ชื่อเสียงของโรงรั้วดำแพร่กระจายขจรไปไกลไปทั่วทุกแคว้น โดยเฉพาะจื่อข่ายฝานที่เป็นศิษย์เอกของโรงรั้วดำ ไหนจะพลังธาตุน้ำแข็งหายาก กระบี่ในตำนานปิงและพยัคฆ์ขาวสัตว์วิเศษอีก อีกไม่เกินสองปีข่ายฝานก็จะเรียนจบจากโรงรั้วดำ 

ก็มีข่าวลือว่าองค์รัชทายาทขอออกปราบจอมมารโดยมีข่ายฝาน และ ลูกศิษย์หมอเทวดาร่วมด้วย ซึ่งทำให้หลายคนสนใจและโหมกระพือข่าว

"ท่านอาจารย์คิดว่าอย่างไรเล่า"

ฮุ่ยหมินที่ยืนถือตำราของหายากในวังหลวงซางหลาน เลิกคิ้วขึ้น คิดอะไรวะ พอดีหนังสือสอดไส้นิยายประโลมโลก อ่านไปด้วยสยิวไปด้วย

"เรื่องใดละ"

ร่างบางถามพลางเหลือบมองหลินอวิ๋นที่นั่งคุกเข่าสำนึกผิดเมื่อตอนเช้านั้นก่อกวนเขาจนโดนโกรธ 

"เรื่องของศิษย์น้องข่ายฝาน ว่าแล้วศิษย์ก็อยากไปปราบจอมมารด้วย เสียดายท่านพ่อไม่ให้ไป"

หลานต้าเย่ รัชทายาทเมืองหลวงซางหลานแคว้นซีเปียนทำปากขมุบขมิบ 

โป๊ก

เสียงตำรากระแทกหัวรัชทายาทไม่เกรงกลัวอำนาจในรั้ววัง หากมีข้ารับใช้ผ่านมาสักคนคงตาโตอ้าปากเหวอไปแล้ว 

"โอ้ย ท่านอาจารย์"

ต้าเย่น้ำตาคลอ ทำไมอาจารย์ไม่เกรงใจเขาเลย เขาเป็นรัชทายาทนะ 

"จอมมารเกิดจากส่วนที่ลึกที่สุดของป่าทมิฬ ท่านเดินทางจากแคว้นนี้ไปถึงแคว้นเป่ยเปียน คิดว่าใช้เวลากี่วัน หากมีอันใดเกิดขึ้นกับแคว้นซีเปียนเล่า ท่านไม่อยู่ ฮ่องเต้ก็อ่อนแอถึงเพียงนั้น คิดว่าเมืองนี้จักรอดหรือ"

ฮุ่ยหมินส่ายหน้า มึงไปก็แย่งซีนตัวเอกสิครับ ไอ้ฟาย หลานต้าเย่ มีศักดิ์เป็นปู่ของตัวเอกพระเอกคนที่สอง จริง ๆ เนื้อเรื่องของเรื่องที่สองก็ไใ่ได้อะไรมากหรอก เพียงแต่ว่า หลานต้าเย่คือผู้ถือครองตราแผ่นดินที่เป็นของวิเศษที่ไม่สามารถเลียนแบบได้ ซึ่งคนที่จะครองได้ต้องเป็นผู้ที่อุทิศตนแด่แผ่นดินบ้านเมืองจริง ๆ แล้วไอ้ตราเจ้าปัญหานี้แม่งมีผลต่อเนื้อเรื่องอย่างมากเพราะ ไอ้หลานต้าเย่แม่งฝากตราแผ่นดินให้ราชครูก็คือกูไงครับ ก่อนที่มันจะหนีไปบำเพ็ญเป็นเซียนระดับสูงที่โผล่มาตอนท้ายอีกที 

เอาดี เนื้อเรื่องก็ไม่ไก่กานะ เรื่องสองเนี่ย ตัวเอกหลานหวังเย่ที่ได้พระราชทานนามจากปู่คือไอ้ต้าเย่เนี่ยเป็นลูกจากสนมขั้นผิง ที่ฮ่องเต้ไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ เพราะหน้าตามีรอยไฟบากหน้า เป็นขวานฟ้าหน้าดำ แค่ก! ไม่ใช่ หมายถึงมีรอยไฟไหม้หน้าเป็นแผลหนองแดง เกิดจากสาวใช้คนหนึ่งที่ได้รับหน้าที่จากสนมขั้นเฟยอีกที 

ซึ่งสนมขั้นผิงคนเนี๊ยก็ไม่ไก่กานะจ๊ะ นางเป็นลูกสาวจากเซียนผู้หนึ่ง อันนางเนี่ยก็แบบเออบอกพ่อว่าจะออกหาผัว แค่ก หมายถึงรักแท้ พ่อก็แบบไปเลยลูก ไม่เจอไม่ต้องกลับบ้าน นางก็ไปเจอฮ่องเต้ที่งานลอยโคม ด้วยใบหน้างดงามจากขุ่นพ่อของนางฮ่องเต้ก็เกี้ยว ไปอยู่วังด้วยกันมั้ยจ๊ะ 

ด้วยความเป็นหญิงต้องรักนวลสงวนท่าทีนิดนึงก็เล่นตัวไปสองสามวันก่อนจะตามเขาไป นึกว่าเป็นองค์ชายหรือไม่เชื้อพระวงค์ไม่คิดว่าจะเป็นฮ่องเต้ เลยได้เป็นสนมขั้นกุ้ยเฟยเลยจ้า 

แต่ด้วยความวังหลวง นางไม่เคยเรียนเรื่องมารยาทดันทำเอาไทเฮาไม่พอใจ ความจริงคือโดนใส่ร้ายนั้นแหละ เลยโดนลดขั้นเป็นผิง นางก็ไม่ว่าอะไร ไม่สนใจด้วยมากกว่า 

ต่อมานางก็ตั้งครรภ์ ซึ่งตอนนั้นไม่มีใครตั้งครรภ์เลยทำให้โดนทำร้ายหนักมาก ทั้งวางยา ทั้งโปรยลูกปัดระหว่างทางเดินหวังให้ลื่น 

แต่รอดมาจ้าเพราะนางมีปราณด่านราชันขั้น 3 แล้วก็มีพ่อเป็นเซียนทำให้มีความรู้และวิธีเอาตัวรอดมาอย่างดี เลยได้คลอด แต่ก็นั้นแหละโดนนางกำนัลคนหนึ่งของนางทรยศเอาไฟลนหน้าทารกให้อัปลักษณ์

ก่อนจะมีคนไปเป่าหูฮ่องเต้ว่าเด็กคนนี้ไม่ดีอัปลักษณ์ ถึงจะเป็นองค์ชายลำดับที่ห้าก็ไม่ควรนำมายกย่อง ว่าซั่น เลยก็คนพ่อละเลยซะงั้นแต่ปู่หลานต้าเย่กลับเห็นว่าหลานลักษณะดีคล้ายตัวเองเลยตั้งชื่อให้และเลี้ยงดู ซึ่งคนก็ไม่ค่อยชอบเพิ่มอีกเพราะหลานต้าเย่ยังถือตราแผ่นดินอยู่ 

ฮ่องเต้เลยลดบทบาทองค์ชายคนนี้หนักไปอีกหวังจะกดดันให้พ่อตัวเองส่งตราแผ่นดินมาให้ ไม่นานหลานต้าเย่ก็ต้องไปบำเพ็ญเพียรเพื่อเป็นเซียนเลยต้องทิ้งหลานไว้ในวังและฝากตราแผ่นดินไว้ที่ราชครู 

และก็กลายเป็นมหากาพย์ ศึกชิงวัง เกิดขึ้นซึ่งกูครับฮุ่ยมินคนนี้ บทเยอะชิบหายไปนั่งท่องนอนท่องสนุกสนาน ราชครูเนี่ยเป็นเวียน ซึ่งสามารถเลือกสอนได้ แล้วระหว่างก่อนเกิดมหากาพย์เนี่ย ราชครูได้ออกเดินทางไปที่อื่น พอกลับมาก็ได้ภาระมาหนึ่งชิ้นหนึ่งคนถ้วน 

"อะ..จารย์"

"อาจารย์!!!!"

"โอ้ย หูจะแตก อะไร!!"

เขาตะโกนสวนไป สะดุ้งหมดบ่าห่านี่

"เรียกเป็นสิบ เหม่ออันใดหรือขอรับ หรือว่าเหม่อหาอาจารย์หลินอวิ๋น"

โป๊ก! 

เสียงแซวพร้อมใบหน้ากรุ่มกริ่มทำให้โดนตำราฟาดหัวไปอีกรอบ สมน้ำหน้า

"โอ้ย ตีมาก ๆ ข้าโง่ขึ้นมาจะทำอย่างไร"

ต้าเย่ทำหน้าบูดบึ้งก่อนจะกลับไปสนใจเนื้อหาเรียน ที่ไม่ใช่เนื้อหาการเรียนแต่เป็นปัญหาของบ้านเมืองที่เคยแก้มาได้แล้ว ต้าเย่ต้องทำความเข้าใจว่าแก้ยังไง ปัญหาเกิดจากอะไร แล้วมีวิธีอื่นในการแก้มั้ยให้ฮุ่ยหมิน 

 

 

หลิวอวิ๋นที่น้ำตาคลอคุกเข่าเพราะโดนลงโทษไม่เสร็จ เขาทำอันใดผิด ก็แค่

"ภรรยา"

เสียงทุ้มหวานหูกระซิบชวนเคลิบเคลิ้มในฝัน นิ้วเรียวขาวสอดเข้าไปในชุดนอนขาวตัวบาง ไม่ทันจะได้ลวนลามไปมากกว่านี้ก็ถูกคนตัวเล็กกว่าถีบตกเตียง 

"โอ้ย ภรรยาสามีเจ็บ"

เจ็บก็ดี ไอ้ลูกเทพลามก