ตอนที่ 12 : 

 

ข้าลืมตาขึ้นมาเห็นแม่ของข้าทำงานร้อยปัด แกะสลักปิ่นราคาพอกินข้าววันละมื้อ พอข้ารู้ความข้าก็ทำงานทดแทนให้แม่ข้าที่แก่ชราลง เถ้าแก่โรงสีใช้ข้าแบกข้าวทุกวัน เถ้าแก่เนี๊ยโรงเตี๊ยมใช้ข้าล้างจานทุกวัน เหรียญที่ได้พอนับกินข้าวได้เพิ่มวันละสองมื้อ

วันนี้ก็เช่นเคย ข้าแบกข้าวสารจนปวดหลัง เดินไปมาระหว่างเกวียนกับโรงสี เมื่อเสร็จดีเกือบตะวันตกดินข้ารีบรับเหรียญทองแดง 10 เหรียญแล้ววิ่งขณะปวดหลังจนน้ำตาซึมไปล้างชามจานกระเบื้องที่โรงเตี้ยมใกล้บ้าน เขาหลังคดโค้งอีกครั้ง จู่ๆก็มีเสียงดังโหวกเหวกโวยวายดังมาจากหน้าโรงเตี๊ยม ชายคนหนึ่งวิ่งมาหาข้า

"ข่ายฝาน! แม่เจ้านอนตายหลังเรือน ข้าไปพบเจอรีบไปดูแม่เจ้าเร็ว!"

ข้าตกใจกับสิ่งที่รับรู้รีบผละจานชามที่ล้างอยู่แล้ววิ่งสุดกำลังเพื่อไปดูให้แน่ใจว่าชายเมื่อครู่ไม่ได้โกหก ข่ายฝานยืนอยู่หน้าเรือนหลังเก่าสภาพทรุดโทรมขาก้าวไม่ออก ร่างกายเริ่มแสดงท่าทีต่อต้านและลังเลใจ 

'ถ้าแม่ข้าตายจริงๆ ข้าจะทำอย่างไรหรือชายเมื่อครู่โกหกข้า ชายผู้นั้นเป็นใครกัน'

ข่ายฝานเดินเข้าไปด้วยความหวาดระแวง ดวงตาสีดำกวาดมองรอบเรือน เมื่อไปถึงกลางเรือนก็พบร่างขาวซีดของผู้หญิงที่เลี้ยงดูเขาตั้งแต่จำความได้ ทำงานหลังคดหลังแข็งเพื่อซื้ออาหารสักมื้อให้เขากิน เข่าของลูกผู้ชายกระแทกลงกับพื้นเรือนร่างกายที่ควรจะขยับขึ้นลงจากการหายใจ ไม่มีร่างกายของแม่นั้นนิ่งสนิท มือหนาลูบไปตามกรอบหน้า

ไม่นานภาพตรงหน้าก็พร่าเลือน ไหล่กว้างสั่นไหวน้ำตาไหลเปรอะเปื้อนไปทั่ว ข่ายฝานยกมืออันขาวซีดของบุพการีที่รักยิ่งมาแนบแก้มชื้นน้ำตา แม้ไม่มีเสียงอะไรแต่ความเศร้าโศกเสียใจกระจายไปทั่วเรือน

บุรุษชุดดำยืนข้างนอกเรือนรับฟังคำว่าการจากนักรบเงาของตนเองอย่างเงียบๆ 

 

....

 

ร่างของข่ายฝานเดินด้ายสภาพไร้วิญญาณสะโหลกสะเหลก เมื่อสองวันก่อนเขาเพิ่งฝังร่างแม่ตนเองไปกับมือ เขาไม่รู้ว่าชายผู้นั้นคือใคร เขาไม่รู้ว่าแม่เขาตายได้อย่างไร แม่ของเขาจากไปด้วยท่าทีสงบไม่มีการต่อสู้ หลังจากที่ฝังแม่แล้วเขาก็ไม่มีกะจิตกะใจในการทำงานจนเถ่าแก่โรงสีกับเถ่าแก่เนี๊ยไล่เขาออกจากงาน เขาไม่รู้จะไปที่ใดเรือนก็ถูกชาวบ้านยึดไปเป็นของตนเองอย่างหน้าหนา ข่ายฝานเป็นเพียงแค่เด็กอายุสิบสองหนาว

ในขณะที่เดินอยู่นั้นหางตาเหลือบไปเห็นชายผ้าสีดำ ครั้นเงยหน้าดูก็พบว่าตนเองเดินเข้ามาในป่าลึกตรงหน้าของเขานั้นมีชายร่างสูงในชุดสีดำข้างๆก็มีชายชุดขาวที่ตัวสูงกว่าในมือของเขาถือร่มสีดำ ใบหน้าของชายชุดดำดูสุขุมนุ่มลึกดวงตาสีดำที่จ้องเขาอยู่นั้นช่างน่าสงสัย 

"เด็กน้อยเจ้าเป็นอะไร"

บุรุษชุดดำถาม

"ท่านเป็นใครหรือขอรับ"

ข่ายฝานถามอย่างสุภาพด้วยน้ำเสียงหวาดกลัว

"ข้าเป็นเพียงบัณฑิตที่มารับเด็กทุนของโรงรั้วดำในปีนี้"

เด็กน้อยทำหน้างุนงง

"ใครหรือขอรับ"

"เด็กที่ชื่อจื่อ ข่ายฝาน"

 

...

 

ณ โรงเตี๊ยม

สองบุรุษหนึ่งเด็กน้อยกำลังรับประทานอาหารในโรงเตี๊ยม ผู้คนต่างเมียงมองมาที่สองบุรุษรูปงามที่รับประทานอาหารอย่างมีมารยาทในขณะที่เด็กน้อยกำลังสวาปามหมูน้ำแดงอย่างเอาเป็นเอาตาย จนกระทั่งทั้งสามรับประทานอาหารจนหมดโต๊ะ เด็กน้อยก็รีบเอ่ยถามด้วยความกระตือรือร้น

"โรงรั้วดำที่ศึกษาของเหล่าขุนนางน่ะหรือขอรับ กระผมสามารถเข้าไปศึกษาได้จริงๆใช่หรือไหม แล้วกระผมต้องทำอย่างไรบ้าง ต้องซื้อของหรือไม่ขอรับ"

"โปรดใจเย็นลงก่อน แม่ของเจ้าลงทะเบียนก่อนหน้าที่นางจะสิ้นว่าขอให้เจ้าได้เป็นศิษย์ทุนในโรงรั้วดำ เจ้าเพียงแค่เข้าไปศึกษาในโรงรั้วดำเป็นเวลาสามปีและครั้นจบการศึกษาเจ้าต้องใช้ทุนโดยการที่เจ้าทำงานให้ทางโรงรั้วดำเป็นเวลาสองปี เจ้าไม่ต้องซื้อของทางเรามีชุดและอุปกรณ์การเรียนให้ เรามีโรงทานสำหรับศิษย์ในโรงรั้วดำ ที่สำคัญหากว่างจากการร่ำเรียนเจ้าสามารถทำงานหาเงินให้ตัวเองได้อีกด้วย" 

จื่อ ข่ายฝานตากโตด้วยความตะลึงจู่ๆก็มีโชคหล่นทับ โรงรั้วดำนั้นถือว่าเป็นสถานที่ที่คล้ายสำนักแต่ศิษย์ที่นั่นเข้าไปเรียนโดยไม่ต้องฝากตัวเป็นศิษย์ตลอดชีวิตแค่เรียนเพียงไม่กี่ปีก็สามารถสอบบรรจุเข้าเป็นขุนนางในราชวังอย่างง่ายดาย พรรคมังกรสวรรค์ที่ลือลั่น ประมุขพรรคคนปัจจุบันคือศิษย์ในโรงรั้วดำ ไหนจะองค์รัชทายาทแคว้นไข่ฉิงองค์ปัจจุบันผู้ที่ปรีชาสามารถว่าราชการพร้อมฮ่องเต้ก็เคยเป็นศิษย์ที่โรงรั้วดำ หลิวหยางหมอเทวดาก็เป็นศิษย์ทุนของโรงรั้วดำ ค่าเล่าเรียนนั้นถูกมากสำหรับคนรวยและเหล่าขุนนางแต่กับแพงมากสำหรับชาวบ้านที่ยากจน

โรงรั้วดำนั้นถือว่าเป็นสถานที่ร่ำเรียนที่ แม้กระทั่งเซียนยังยากเข้าไปมีเพียงศิษย์โรงรั้วดำเท่านั้นที่รู้ว่าภายในเป็นเช่นไร

"พวกท่านก็เป็นศิษย์โรงรั้วดำใช่หรือไม่ขอรับ"

บุรุษชุดดำหัวเราะออกมาดวงตาสีดำจ้องมองไปที่ข่ายฝานอย่างเอ็นดู บุรุษชุดขาวก็แย้มยิ้มเช่นกัน

"ข้าเหรอ ข้าเป็นเจ้าของโรงรั้วดำ

 

....

 

ร่างโปร่งในชุดนอนสีดำกึ่งนั่งกี่งนอนบนเตียงในปากมีเมล็ดถั่วคั่วน้ำตาลที่มีคนข้างกายป้อนให้

"หลินอวิ๋น เจ้าคิดอย่างไรกับจื่อ ข่ายฝาน"

มือหนาจับเส้นผมยาวสีดำขึ้นมาจรดที่ริมฝีปาก

"ฮุ่ยเอ๋อร์ว่าเช่นไรข้าก็ว่าเช่นนั้น สามีที่ดีย่อมมิขัดใจภรรยา"

ฮุ่ยหมินทำหน้าระอาใจก่อนจะตอบกลับไปว่า

 

"รำคาณ!!!!!!!'

ยังไม่ได้แต่งเลยโว้ย ภรรยาพ่อมึงสิ