ตอนที่ 17 : 

 

 

ฮุ่ยหมินเดินตามแรงจูงของหลินอวิ๋น ทั้งสองเดินเคียงข้างกันด้วยใบหน้าของลูกเทพทำให้สาวน้อยใหญ่ต่างเมียงมองอย่างเขินอาย แต่เพราะมือหนากางร่มสีดำยืนข้างๆบุรุษในชุดดำ เกอน้อยใหญ่ก็ต่างเมียงมองบ้าง ร่างสูงในชุดขาวนี่แม่งหล่อจริงว่ะ ฮุ่ยหมินคิดแล้วถือถังหูลู่หักไม้ปลายแหลมแล้วจ่อปากอีกคน หลินอวิ๋นยิ้มจางๆแล้วค่อยๆกัดคล้ายกลัวผลไม้จะเจ็บ 

"อุ้ย ผ้าเช็ดหน้าข้าตก"

เด็กสาวในชุดสีชมพูพูดขึ้นแล้วช้อนตามองคนชุดขาวด้วยอารมณ์ที่ส่งใจไปให้เต็มที่ แต่รองเท้าขาวเหยียบเต็มๆผ้าเช็ดหน้าแล้วเดินประคองอีกคนโดยไม่สนใจ 

"นิสัยไม่ดี"

ฮุ่ยหมินว่า แต่อีกคนกลับไม่โต้ตอบยื่นหน้ามาทำท่าจะกินถังหูลู่แทน จึงได้แต่ถอนหายใจแล้วยื่นถังหูลู่ให้กิน เหมือนเลี้ยงลูกแล้วตอนนี้ ทั้งสองเดินเรื่อยๆ เจออะไรน่ากินก็แวะทาน และมาจบลงตรงโรงเตี๊ยม ศิษย์ในโรงรั้วดำที่ทำท่าจะลุกต่างพากันเคารพและยกโต๊ะให้ ทำความสะอาดเรียบร้อย 

ฮุ่ยหมินขอบคุณแล้วบอกว่าไม่ต้องจ่ายเดี๋ยวเลี้ยงเด็กๆก็พากันดีใจก่อนจะพากันออกไปเที่ยวต่อ หลินอวิ๋นสั่งอาหารมาเต็มโต๊ะ ฮุ่ยหมินกวาดตามองรอบๆโรงเตี๊ยมเห็นชายผ้าสีทองที่คนปกติทั่วไปไม่ใส่ผ้าสีนี้ตรงบันได และคนที่ลอบตามอีกสองสามคน มือขาววางบนโต๊ะแล้วคว่ำมือหงายมือสองครั้ง ไม่นานหลินอวิ๋นก็ผิวปากเบาๆ 

"อ๊าก"

คนในโรงเตี๊ยมสะดุ้งหันไปมองต้นเสียงเห็นว่ามีชายสามคนนั่งคุกเข่าข้างโต๊ะบุรุษชุดขาวชุดดำ ทั้งสองมีใบหน้าเกลี้ยงเกลาโดยเฉพาะบุรุษชุดขาว แต่เหตุการณ์ตรงหน้าน่าสนใจกว่า 

"ตามพวกข้ามาทำไมกัน ฮึ?"

ชายทั้งสามสะบัดตัวไปมา แล้วหันหน้ามามองกันก่อนจะพยักหน้าแต่ไม่ทันจะทำอะไรก็ถูกเงาบางอย่างพาดผ่านหน้าไป ยาเม็ดที่กินแล้วทำให้หยุดหายใจที่ควรอยู่ในปากก็อยู่บนโต๊ะไม้ 

"ข้าแค่ถาม กลับจะฆ่าตัวตายเลยรึ"

มือขาวหยิบเม็ดยาขึ้นมาดู 

"ยาหยุดอากาศ มีฤทธิ์ทำให้ร่างกายไม่รับอากาศเข้าไปในร่างกาย เจ้าจะหายใจไม่ออกและหมดลมในที่สุด ยาหายากเช่นนี้ ข้าเดาดังๆเลยแล้วกันเจ้าเป็นนักฆ่าสำนักดังใช่หรือไม่ ให้ข้าร่ายรายชื่อสำนักดังออกมาให้ผู้คนทายเล่นดีหรือไม่ว่าเจ้ามาจากสำนักใด"

ฮุ่ยหมินยิ้มเหี้ยม การที่พูดชื่อสำนักอื่นออกมาอาจจะเป็นชนวนสงครามของแต่ละสำนักขึ้นมาก็ได้ ยิ่งอยู่กลางโรงเตี๊ยมเช่นนี้ นักฆ่าทั้งสามทำหน้าสับสนขมวดคิ้วจะตายก็ตายไม่ได้ จะหนีก็ยังหนีไม่ได้เพราะมีเงาดำอยู่รอบตัว 

"พะ..พวกข้าบอกแล้ว"

ฟิ้ว ฟึ่บ

เสียงบางอย่างแหวกอากาศพุ่งไปยังชายที่พูดสารภาพแต่ถูกหยุดด้วยมือหนาของชายชุดขาว เหล่าสตรีต่างพากันกรีดร้องเสียงดัง บุรุษหลายคนก็รีบลุกชักดาบทันที 

"ผู้ที่สั่งการเจ้ามิรู้รึว่าถ้าอยากฆ่าเซียน ธนูดอกเดียว นักฆ่าสามคนก็ทำอะไรไม่ได้"

ฮุ่ยหมินเอ่ยถามบรรดาคนที่คุกเข่า ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว ปราณในร่มสีดำแผ่กระจายครอบโรงเตี๊ยมทำให้ธนูดอกอื่นไม่สามารถทะลุผ่านได้ชายคนที่พูดสารภาพก้มหัวร้องไห้ทันที

"ข้าน้อยขอโทษ พวกข้าเป็นคนสำนักหยาง เขา เขาสั่งให้พวกข้าตามฆ่าเจ้าของโรงรั้วดำขอรับ ฮือ อย่าทรมานข้าเลย"

ชายสองคนมองเพื่อนด้วยความอาฆาต ฮุ่ยหมินพยักหน้าแล้วหันไปมองกาน้ำชาแทนมือขาวสัมผัสก้านร่มสีดำที่วางไว้ปราณี่กั้นไว้ก็ทลายทำให้ธนุที่ค้างอยู่พุ่งมาเสียบกลางร่างชายทั้งสามทันที ทุกคนต่างพากันกรีดร้องโหวกเหวกโวยวาย เถ้าแก่โรงเตี๊ยมเองก็ไม่กล้าเอาเรื่องชายทั้งสอง 

 

...

 

ฮุ่ยหมินเดินกลับห้องตนเองพร้อมหลินอวิ๋น ทั้งสองรีบเข้าไปในกำไลทันที 

"ข้าตกใจแทบแย่!"

ฮู่ยหมินตะโกนออกมา 

"ภรรยาเบาเสียงของเจ้าด้วย"

ฮุ่ยหมินทำหน้าบึ้งทันที นิ้วขาวชี้หน้าคนที่กำลังกรองน้ำชาบนโต๊ะ

"เจ้าพูดได้นี่ ข้าทะลุมิติมาถึงจะเคยต่อสู้แต่ไม่เคยปล่อยให้คนตายเลยนะ เพราะข้าเป็นหมอ! ข้าปล่อยให้เขาตายเลยนะ"

ฮุ่ยหมินกระทืบเท้าซ้ำๆขะจัดอารมณ์ที่รู้สึกผิดทิ้ง 

"ทำใจให้สบายภรรยาข้า ดื่มน้ำชาเสียก่อน"

หลินอวิ๋นรินชาช้าๆ ท่านแมวก็กระโดดขึ้นโต๊ะมานอนเอนตัว 

"นายท่านฮุ่ยหมินต้องฝึกอีกมาก"

ร่างสูงชุดขาวพยักหน้าเห็นด้วย

"ไอ้พวกไร้หัวใจ"

ฮุ่ยหมินว่าแล้วดื่มชาอึกใหญ่ ถอดเสื้อนอกออกด้วยความร้อน เหงื่อออกเต็มหลังขอบอกไว้ก่อนว่าตัวฮุ่ยหมินนั้นไม่เคยฆ่าใครและไม่เคยปล่อยให้มีคนตายจะพยายามยื้อชีวิตคนไข้มากที่สุดแบบนี้ อย่างมากคือฝึกต่อสู้แล้วบาดเจ็บสาหัส ทะลุมิติมาก็แค่ทำคนอื่นเจ็บเท่านั้น เพราะฉะนั้น 

กูตื่นเต้น

กูรู้สึกผิด 

กูใจเต้นแรงเว้ย 

ฮุ่ยหมินนั่งจนสงบใจแล้วก็อาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่ หลินอวิ๋นก็เช่นกัน ทั้งสองออกมานอกมิติร่างสูงนอนริมแล้วตบที่นอนข้างๆคนในชุดดำกลอกตาไปมาแล้วล้มตัวนอนข้างๆ 

 

...

 

ฮุ่ยหมินนั่งหาวบนที่นั่งสูงที่เตรียมไว้สำหรับสำนักที่ส่งศิษย์เข้ามาในป่าทมิฬ แน่นอนวันนี้ข่าวลือเรื่องโรงรั้วดำมีปราณแข็งแกร่งและสู้กับนักฆ่ากลางโรงเตี๊ยมโด่งดังไปทั่ว เจ้าตัวก็นั่งเอียงตัวคล้ายจะนอนไม่สนใจอันใดทำให้ศิษย์ที่เห็นธาตุแท้อย่างข่ายฝานอับอายแทน ศิษย์ในโรงรั้วดำยืนเรียงไม่เป็นแถวเท่าไหร่แต่ก็มีกิริยาท่าทางดูดี ดูสูงส่งทำให้ศิษย์สำนักอื่นแอบเมียงมองหลายครั้ง โดยเฉพาะคนที่ยืนข้างองค์รัชทายาท ฮุ่ยหมินแอบยิ้มกับแผนการในใจ 

พิธีการเปิดโดยมีฮ่องเต้กล่าวเปิดสั้นและขึ้นไปนั่งฝั่งตรงข้ามกับเหล่าสำนักต่างๆ ฮุ่ยหมินเห็นว่ามีการเปิดลูกแก้ววัดพลังก่อนเข้าไปตามสำนักต่างๆแต่โรงรั้วดำกลับเป็นกลุ่มสุดท้ายที่ได้วัดพลัง ที่สำคัญยังไม่ได้เข้าทันทีหลังวัดพลังอีก ดวงตากลมมองไปยังคนในชุดสีทองที่นั่งจ้องมาทางเขาเช่นกัน รอยยิ้มเย้ยหยันทำให้เขาจำได้แล้วว่าคนนี้คือใคร พี่ใหญ่เสี่ยวหยางนั้นเอง ห่างไปไม่กี่ปีกลับกลายเป็นฮ่องเต้แบบนี้ หมายความว่าก่อนหน้านี้ต้องมีการกบฏ แน่นอน 

มึงจะเล่นแบบนี้ใช่มั้ย ได้ มึงเจอกูฮุ่ยหมินพ่อทุกสถาบัน

 

เพล้ง!

 

ลูกแก้ววัดพลังแตกดังเพล้งท่ามกลางความงุนงงของทุกคนที่ไม่มีใครไปแตะหรือทำอะไรกับมัน ขันทีหน้าซีดรีบไปหาลูกแก้วลูกใหม่ทันที แต่ทันทีที่วางก็แตกทันที ทุกคนในที่นี้ต่างพากันมองหน้ากันไปมาฮ่องเต้ได้รับการกระซิบจากขันทีก็ทำหน้าบิดเบี้ยวแล้วตวัดตามองอดีตน้องชายที่ออกจากตระกูล ฮุ่ยหมินจิบชาอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว มือขาวแกะผมเปียคนข้างกายเล่น 

เพล้ง

เพล้ง 

เพล้ง

 

หลังจากลูกแก้ววัดพลังที่เตรียมมาแตกหมดห้าลูกฮ่องเต้ระเบิดโทสะ สะบัดผ้าเดินออกจากที่นั่งทันที ฮุ่ยหมินหัวเราะแล้วกวักมือเรียกศิษย์รักให้มาหา ข่ายฝานใช้ปราณกระโดดจากพื้นขึ้นที่นั่งสูง 2 เมตรที่เตรียมให้อาจารย์สำนักต่างๆ ทำให้ศิษย์บางสำนักหน้าถอดสีเพราะปราณกระโดดสูงสามารถทำได้แต่ต้องใช้ปราณที่เท้าทรงตัวค่อนข้างลำบากพวกเขาบางคนพึ่งผ่านด่านสามัญปราณ 

"อาจารย์ฮุ่ยหมิน มีอันใดหรือขอรับ"

ข่ายฝานก้มตัวเอียงหูฟังเสียงกระซิบจากอาจารย์ขี้แกล้งของตนแล้วพยักหน้าสองที ก่อนจะกระโดดไปที่เวทีวัดพลังปราณรวบเศษแก้วของลูกแก้ววัดพลังปราณไว้เต็มมือแล้วกระโดดกลับไปหาอาจารย์ตน ไม่นานลูกแก้ววัดพลังก็กลับเป็นสภาพเดิมข่ายฝานเอาไปให้ขันทีที่หน้าซีดคล้ายจะเป็นลม 

"อาจารย์ข้ากลัวเสียเวลาขอรับ เลยคืนสภาพให้ลูกแก้ววัดพลังหากอีกสี่ลูกต้องการคืนสภาพให้ฮ่องเต้เอาไปให้แทนขอรับ"

ข้ารับใช้กับขันทีอ้าปากค้าง ให้พวกเขาไปบอกให้ฮ่องเต้ขอร้องเจ้าของสำนัก หัวพวกเขาไม่หลุดออกจากบ่ารึไง ข่ายฝานยัดลูกแก้วให้ขันทีและกลับไปที่แถวศิษย์พี่คนอื่นชินชาแล้วที่อาจารย์พวกเขาชอบใช้ศิษย์น้องพวกเขาคงไม่กล้าไปบอกแบบนั้นกลัวหัวหลุดจากบ่า 

หลังเหตุการณ์ลูกแก้ววัดพลังแตกและเซียนเจ้าของโรงรั้วดำซ่อมจนคืนสภาพทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติ ศิษย์สำนักอื่นต่างพากันไปวัดพลังปราณ ส่วนใหญ่เป็นสามัญปราณปลายๆ รองลงมาเป็นพลรบปราณขั้น1-3 ศิษย์แต่ละสำนักเข้าไปในป่าทมิฬเรียบร้อยต่อมาเป็นศิษย์โรงรั้วดำ เจ้าสำนักอื่นๆต่างตกตะลึง

"พลรบปราณขั้น 5"

"พลรบปราณขั้น 7"

"พลรบปราณขั้น 9"

"พลรบปราณ ขั้น 6"

 

 

"ราชันปราณ ขั้น 2"

 

 

_____________________________________________________________

 

ตอนต่อไป เข้าป่าาาาาา 

 

 

 

 

 

เรื่องปราณนะคะอีกรอบ 

สามัญปราณ ขั้น 1-10 : สร้างลมง่ายๆ เดินเร็ว กระโดดสูง(0.5-1 เมตร) ได้ยินเสียงชัดขึ้น 

พลรบปราณ ขั้น 1-10 : ใช้ปราณกับอาวุธได้ เหาะได้เวลาสั้นๆ กระโดดสูง(2-3 เมตร) ตัวเบา ใช้ปราณตามจุดต่างๆในร่างกาย 

ราชันปราณ ขั้น 1-10 : เก่งอะ คนเก่ง เก่งจังเลยค่ะ มีกษัตริย์ แม่ทัพ นักรบบางคนเท่านั้นที่สามารถผ่านด่านนี้ได้ ราชวงศ์ค์ส่วนใหญ่จะฝึกแต่เด็กและมีวิธีฝึกเฉพาะ 

เซียนปราณ ไม่มีขั้น : รอเป็นเทพอีกที