(อ่านปล.ให้ดี)

 

ตอนที่ 19 : แมวยักษ์ตัวน้อย 

 

 

 

 

ฮุ่ยหมินเดินไปตามทางของป่าทมิฬกับหลินอวิ๋นทั้งสองเดินเคียงข้างกัน โดยไม่ได้มองรอบข้างเท่าไหร่คนตัวเล็กกว่าเดินไปกินกินแอปเปิ้ลไป ส่วนหลินอวิ๋นมือข้างหนึ่งถือร่มสีดำบังแดดให้ภรรยาตัวเอง อีกข้างก็ถือตระกร้าผลไม้ 

"เจ้าคิดยังไงกับศิษย์คนต่อไปในรอบ 100 ปี"

ฮุ่ยหมินเอ่ยถามอีกคนไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย 

"ภรรยาว่าอันใดสามีก็ว่าตามนั้น"

หลินอวิ๋นตอบเสียงนุ่ม

"ข้าจะเข้าไปราชสำนักเพื่อไปเป็นราชครู"

ฮุ่ยหมินว่า พระเอกคนที่สองของเขาเป็นองค์ชายที่ไร้ปราณ อัปลักษณ์ ไม่มีดี พ่อไม่รัก แม่ไม่รัก ถูกทิ้งไว้ในตำหนักร้าง ชีวิตชอกช้ำยิ่งกว่านางสนมซะอีก

เอาเป็นว่าเรื่องหน้าไว้ก่อน เอาพระเอกตรงหน้าให้เรียบร้อยก่อนแล้วกัน

ฮุ่ยหมินคิดแล้วเดินดุ่มๆไปที่ที่หนึ่ง 

 

...

 

ข่ายฝานเดินไปถึงป้ายที่เขียนว่าบุปผาหมื่นจันทร์ก็หยิบออกมาดอกเดียวแล้วเดินกลับยังชายชราที่นั่งเขี่ยดินเล่น ชายหนุ่มแอบนึกถึงคนแก่แถวบ้านเก่าขอตนที่ชอบเขี่ยดินเล่น 

"ข้าขอนำบุปผาหมื่นจันทร์ไปหนึ่งดอก หากท่านต้องการให้ข้าน้อยทำอันใดโปรดบอกมา"

ข่ายฝานยกมือคำนับและโค้งหัว ชายชราโบกมือไปมา

"ไม่เป็นไรๆ เจ้าหยิบไปเยอะๆเลย"

ชายชราว่าอย่างใจดีแต่ข่ายฝานกลับส่ายหัวและพยุงชายแก่ให้ลุกขึ้น แล้วพากลับกระท่อม เมื่อถึงกระท่อมก็เห็นว่าองค์รัชทายาทยังไม่ตื่น

"อ่อ เจ้าเด็กคนนั้นไม่ต้องห่วงออกจากที่นี่ได้ก็ตื่นเอง"

ข่ายฝานทำหน้ามึนแล้วพยักหน้าอย่างเข้าใจ ไม่ใช่ทุกคนที่เซียนจะอนุญาตให้มาอยู่ในที่ของตัวเองสินะ 

 

 

 

...

 

 

หลังจากออกมาจากถ้ำเหมันต์ข่ายฝานก็ได้สมุนไพรจากเซียนชรามากมายจนต้องเก็บไว้ในแหวนมิติทั้งยังมีกลิ่นสมุนไพรหายากติดตัวรัชทายามที่สลบอยู่ฟื้นขึ้นด้วยความงงงวย

"เกิดอะไรขึ้นกัน"

ข่ายฝานอธิบายพอสังเขป เมื่อรู้ว่าตนไม่ได้ถูกเลือกรัชทายาทหนุ่มก็ทำหน้าเสียดายออกมา 

"นี่สมุนไพรหายาก หากพระองค์ต้องการ"

ข่ายฝานยื่นสมุนไพรที่ไม่เกี่ยวข้องกับความต้องการของหลิวหนาวให้ประมาณหนึ่ง คนที่เสียดายก็ยิ้มแป้นเดินต่อในป่า

ข่ายฝานได้แต่ส่ายหน้าเบาๆกับความน่าเอ็นดูขององค์รัชทายาทไม่นานก็เดินเข้าไปในป่าลึกตะวันตกดินแล้วทั้งสองจึงตั้งแคมป์ในป่าแล้วนอนกันโดยผลัดเวรยามเฝ้ากันคนละครึ่งคืน

 

...

 

จนกระทั่งเช้าทั้งสองต่างก็เดินทางเข้าไปในป่าเพื่อที่จะล่าสัตว์มากินข่ายฝานขอแยกตัวไปทางด้านหนึ่งส่วนองค์รัชทายาทนั้นเจอกวางป่าก็ขอตัวไปล่า ข่ายฝานเดินไปตามทางเรื่อยๆได้กลิ่นคล้ายกลิ่นสาบของสัตว์ชนิดหนึ่งจึงค่อยๆย่องเข้าไปใกล้

ชายหนุ่มตาโตอาปากค้างเมื่อเห็นว่าสัตว์อะไรที่ทนได้กลิ่นนั้นกำลังเลี้ยงอุ้งเท้าตัวเองอย่างเมามันส์ ข่ายฝานรีบติดต่อกับกระบี่ตนเองทันที

'ท่านปิง!'

กระบี่สีดำสั่นเล็กน้อยคล้ายกับสะดุ้ง

'อะไรเล่า! คนจะนอน' 

'ตื่นก่อน ข้าว่าข้าเจอสัตว์วิเศษ' 

ข่ายฝานรู้สึกตื่นเต้นเนื้อตัวของเขาสั่นระริกพร้อมทั้งยังตื่นตัวกับสัตว์ตัวใหญ่ตรงหน้าบอกได้เลยว่าตัวมันใหญ่ราวกับโรงเตี๊ยม 3 โรงต่อกัน

'อ่อ อาจารย์เจ้าบอกว่าห้ามข้ายุ่งเกี่ยวกับสัตว์วิเศษหากเจ้ารู้สึกว่ามันเป็นสัตว์วิเศษของเจ้าเจ้าก็จงลากมันด้วยตนเองเถิด'

ชายหนุ่มได้ยินดังนั้นจึงคิดแผนการทันทีว่าจะทำอย่างไรให้แมวตัวโตนั้นสนใจตัวเขา แต่ไม่ทันจะได้คิดอะไรไปมากกว่านั้น เจ้าแมวตัวนั้นก็หันมาทางเขาด้วยความว่องไวราวกับว่ามีอะไรอยู่หลังพุ่มไม้ 

พยัคฆ์ขาวสัตว์ในตำนานที่หายากนานทีพันปีจะหาเจอเป็นสัตว์วิเศษของทางสวรรค์ที่เรียกได้ว่าเป็นสัตว์ที่หยิ่งผยองโลกส่วนตัวสูง

ข่ายฝานคิดว่าเขาเคยอ่านเจอในตำราที่อาจารย์เอามาให้พยัคฆ์ขาวนั้นแพ้อยู่อย่างเดียวก็คือหญ้าสีเขียวที่มีกลิ่นเฉพาะที่มนุษย์ไม่สามารถได้กลิ่นแต่มีเพียงแมวหรือเสือเท่านั้นที่ได้กลิ่น

และใช่เซียนในถ้ำเหมันต์เพิ่งยื่นให้เขาเมื่อวานนี้

โชคดีไปมั้ย!!!!

 

 

"โฮกกก"

สัตว์ในตำนานส่งเสียงดังครั้งหนึ่งก่อนที่ค่อยๆย่างเยื้องมาทางชายหนุ่ม จมูกสีชมพูอันแสนน่ารักดมฟุดฟิดไปมาในพุ่มไม้ที่ข่ายฝานแอบอยู่

ไม่นานนักดวงตากลมโตก็จ้องมองชายหนุ่มด้วยความสนใจมันส่งเสียงในลำคอคล้ายคลึงกับความพอใจข่ายฝานกลั้นใจค่อยๆหยิบสมุนไพรในมิติออกมา

"เงี๊ยว~"

พยัคฆ์ขาวในตำนานตอนนี้ได้กลายร่างเป็นแมวตัวน้อย มันเอาอุ้งมือตะปบกับหญ้าสีเขียวก่อนที่จะค่อยๆดม ทำตาลอยคล้ายกับมอมเมาไปกับหญ้าสีเขียวชนิดนี้ 

ข่ายฝานรู้สึกเหมือนว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลเหมือนกับว่าทุกอย่างถูกจัดฉากไว้เรียบร้อยแล้วกับเป็นโรงละครงิ้ว 

แต่ไม่นานความรู้สึกนั้นก็พัดพาหายไปคล้ายกับมีใครจงใจให้เป็นเช่นนั้น

 

...

 

4 วันให้หลัง

 

ในตอนนี้มีผู้คนต่างทยอยกันออกมาจากป่าทมิฬ ศิษย์แต่ละสำนักก็ค่อยๆทยอยออกมา หลายคนมีอาการบาดเจ็บและป่วยไข้ออกมาแต่ศิษย์ในโรงรั้วดำกับไม่มีอาการอะไรพร้อมทั้งยังหัวเราะสดใสราวกับว่าในป่านั้นมีอะไรตลกให้ชื่นชม

ฮุ่ยหมินเดินออกมาพร้อมกับชายหนุ่มชุดขาวที่กางร่มให้ศิษย์แต่ละคนก็ต่างรีบวิ่งมาหาด้วยความตื่นเต้นเล่าให้ฟังว่าภายในป่านั้นมีอะไรและเจอกับอะไรมาบ้าง

ข่านฝานที่เดินออกมาพร้อมองค์รัชทายาทก็ผละออกแล้ววิ่งไปหาอาจารย์ของตน เขารอให้ศิษย์พี่ทุกคนแนะนำเรื่องตนให้อาจารย์ฟังจนจบก่อนที่จะพูดออกมายังไม่มั่นใจ

"อาจารย์นี่ไม่ใช่สัตว์ในตำนานพยัคฆ์ขาวหรือไม่?"

ชายหนุ่มอุ้มแมวตัวน้อยบนฝ่ามือยื่นให้อาจารย์ตัวเองดู ผู้คนรอบๆต่างๆตกใจพร้อมทั้งอุทานกันเสียงดัง 

'นั้นมันสัตว์ในตำนานนี้!"

'พยัคฆ์ขาวใช่หรือไม่ข้าจำได้ว่ากลางศีรษะมันจะมีรอยสีดำคล้ายมงกุฎ'

'เด็กคนนี้ช่างวาสนาดียิ่งนัก' 

'โรงรั้วดำเป็นสำนักที่ช่างน่ากลัว' 

ฮุ่ยหมินพยักหน้าให้ แล้วลูบคางแมวน้อยเบาๆ ส่งกระแสจิตไปเบาๆว่า 

'ทำดีมากจัดไปปลาปราณสวรรค์'

แมวน้อยส่งเสียงง๊าวออกมา 

ไม่นานนักองค์รัชทายาทก็เดินเข้ามาหาข่ายฝานพร้อมชายชราคนนึง 

"ข่ายฝานนักพรตพเนจรมีอะไรอยากพูดกับเจ้านัก คนนี้ไม่ใช่คนหลอกลวงเรายืนยันได้"

ร่างสูงเลิกคิ้วแล้วสบตานักพรตที่รัชทายาทกล่าว 

"มีอันใดหรือขอรับท่านนักพรต"

ชายชรามือสั่นเทาเอื้อมไปจับแขนของข่ายฝาน

 

 

"ท่านนักผจญภัยผู้ยิ่งใหญ่ ท่านผู้กล้าแห่งมวลมนุษย์ ผู้กล้าแห่งโลกใบนี้โปรดช่วยโลกใบนี้ให้พ้นเงื้อมมือจากจอมมารด้วยเถิด"

 

 

 

_____________________________

 

ปล. รูปกระบี่ปิงค่ะ 

sds

 

 

ปล.สอง 

 

รบกวนนักอ่านร่วมแสดงความคิดเห็นเรื่องการหมั้น การจดทะเบียนสมรสระหว่างเพศเดียวกันและการแต่งงานที่ให้อายุ 18 ปีขึ้นไป 

ขออนุญาตแปะลิ้งก์ค่ะ

https://t.co/1khhNIBHpr

 

ไม่ใส่ชื่อค่ะ รบกวนด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ 

 

 

มาต่อละค้าบ