9 ตอน บทที่ 9 ขอแค่ได้อยู่ใกล้อีกนิด
โดย T.mines
บทที่ 9
ขอแค่ได้อยู่ใกล้อีกนิด
ลิลลี่สีส้ม Orange Lily
(แสดงออกถึงความร่าเริง สดใส ความปิติสุขที่ได้อยู่ใกล้ คือ สุขใจที่ได้ใกล้เธอ)
“พี่หนึ่ง เลือดพี่ไหลเปื้อนเสื้อครับ...ทำไงดี วีทำพี่เลือดไหลใช่ไหม ฮื่อ...” เสียงคนตัวเล็กโวยวายอย่างตื่นตระหนก สายตาเอาแต่จดจ้องไปยังเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนย้อมไปด้วยสีแดงสด มือบางขยับย้ายจะเข้าไปช่วยกดจับตรงเลือดออก แต่หยุดชะงักมือกลับมาด้วยความกลัวว่าจะทำให้คนตัวโตเจ็บกว่าเดิมเพราะความซุ่มซ่ามของตน
“วีครับ ใจเย็นๆ พี่เจ็บแต่ไม่มากเท่าไหร่ วีไม่ต้องร้องนะ พี่โอเคครับ” น้ำเสียงของชายหนุ่มบอกกับเจ้าตัวเล็กอย่างปลอบโยน มือหนาบีบกระชับมืออันเรียวเล็กย้ำอีกด้วย
“อือ... คะ ครับ ใจเย็น ใจเย็น” วีครางรับ พูดปลอบตัวเองให้สงบลง แต่เขาก็ฉุกคิดได้ว่าต้องพาคนเลือดออกไปหาหมอ “พี่ต้องไปหาหมอครับ" วีออกแรงดึงรั้งคนตัวโตกว่าตัวเองให้ลุกขึ้นยืน
ชายหนุ่มตัวโตออกแรงดึงคนตัวเล็กให้นั่งลงที่เดิม ดวงตาคู่กลมโตจ้องไปยังใบหน้าเรียวเล็ก ย้ายมือทั้งสองข้างไปกอบกุมมือน้อยๆ พร้อมทั้งพูดด้วยเสียงอันหนักแน่น เพื่อให้คนตัวเล็กมีสติ “วีครับ! พี่ไม่เป็นไร แต่ตอนนี้พี่ขอเข้าไปทำแผลที่ห้องวีได้ไหมครับ”
“อะ อะ ทำแผลใช่ ๆ ต้องทำแผล” เจ้าตัวรีบลุกขึ้นและดึงอีกคนให้ลุกเข้าไปยังห้องของตัวเอง
วีพาคนเจ็บไปยังโซฟาขนาดพอเหมาะตรงกลางห้อง จับให้นั่งลงก่อนจะปลีกตัวไปหยิบอุปกรณ์ทำแผลมานั่งลงข้าง ๆ เปิดกล่องและหยิบน้ำเกลือเตรียมทำความสะอาด
ชายหนุ่มเห็นเจ้าคนตัวเล็กกระวีกระวาดจัดการ เขาเลิกชายเสื้อโชว์หุ่นที่เจ้าตัวไปออกกำลังกายรักษาหุ่นมาเพิ่มในช่วงเวลาว่างจากการไปรับไปส่งคนตัวเล็ก เจ้าตัวน้อยไม่แม้จะใช้หางตาแล สนใจอยู่แต่กับไอ้ผ้าผืนสีขาวขนาดเล็กบนตัวเขา ลอบเทปด้วยการมือสั่นและระวังอย่างมาก ราวกับว่าถ้าโดนเพียงปลายเล็บจะทำให้เลือดมันทะลักออกมาเพิ่มอีก
เมื่อรับความสนใจน้อยลง คนตัวโตหรี่ตาแล้ว สูดปากราวกับว่าเจ็บหนัก “โอ๊ะ! จะ เจ็บ...ซี้ด...”
“เจ็บเหรอครับ วีจะเบามือกว่านี้อีกนะครับ” เจ้ากระต่ายน้อยเตรียมเบะปากจะร้องไห้อยู่แล้ว เพราะความซุ่มซ่ามของเขาถึงทำให้คนตรงหน้าเลือดตกยางออก
“พี่ขอโทษ พี่ไม่อดทนเองแหละครับ พี่ทำแผลเองดีกว่าไหมครับ”
“...” เจ้าตัวน้อยแตะสำลีน้ำเกลือแบบกล้า ๆ กลัว ๆ จากการร้องไห้ไปเมื่อกี้ พยายามกลั้นหยดน้ำไหลออกมาพร้อมกับปากเล็กเม้มกลั้นเอาไว้
หนึ่งคว้ามือคนตัวเล็กพร้อมกับก้อนสำลีมาแตะยังแผล “วีครับ พี่โอเคแล้ว ทำแผลให้พี่นะ ไม่ต้องกลัวพี่เจ็บวีมือเบามาก” เขาใช้น้ำเสียงให้คนตัวเล็กมั่นใจว่าเขาไม่เจ็บจริง และเน้นย้ำตรงคำว่าเบาด้วยเสียงสูงกว่าปกติ แต่ด้วยอาการของน้อง เขาไม่มั่นใจว่าคนตัวเล็กยังจะทำได้ไหม “เอางี้ไหมครับ พี่พอทำเองได้ วีไม่ต้องทำ” หนึ่งเลือกดันตัวคนคุกเข่าหน้าเขามานั่งด้านข้าง
“แต่...”
“ไม่มีแต่ครับ พี่ทำเอง วีคอยช่วยแล้วกัน” น้ำเสียงอันเด็ดขาด คนตัวเล็กได้แต่พยักหน้ายอมทำตามแต่โดยดี
คนตัวสูงในตอนนี้รู้สึกผิดอย่างมาก เขาตั้งใจว่าจะแกล้งคนตัวเล็กแค่ให้ตกใจเท่านั้น ไหงเลยเถิดมาถึงขั้นทำให้ร้องไห้ หนึ่งค่อย ๆ ใช้ไม้พันสำลีเช็ดทำความสะอาดแผล และทาด้วยเบตาดีนโดยมีคนตาแฉะคอยช่วยส่งมาให้ และตามด้วยผ้าปิดแผลและแปะด้วยเทปกาวธรรมดาแบบไม่กันน้ำ แต่เรื่องกันน้ำเอาไว้ก่อนตอนนี้ทำแผลเสร็จแล้วถึงเวลาปลอบเจ้าตัวเล็ก
“วีครับ พี่ทำแผลเสร็จแล้วแค่นี้เอง และพี่ไม่เป็นอะไรแล้ว ไม่ต้องร้องแล้วนะ” มือหนากอบกุมใบหน้าอันเล็กกระจิด นิ้วโป้งยกเช็ดปาดซับน้ำตาเปียกชุ่ม “ไม่ร้องแล้วนะครับ” เสียงทุ้มปลอบโยนพูดซ้ำอีกรอบ
“...” คนตัวเล็กสูดก้อนสะอื้น พยักหน้าตอบรับ
“ดีแล้วครับ” หนึ่งยิ้มรับและละมือไปลูบหัวแทน
ผ่านไปราวนาทีทั้งสองยังนั่งเคียงข้างกันโดยไร้ซึ่งคำพูดใด ๆ ชายหนุ่มยังรู้สึกผิดติดในใจ ส่วนวียังรู้สึกไม่ดีที่ทำคนพี่เจ็บตัว ในเมื่อน้องเลือกไม่คิดซักไซ้เรื่องแผล เขาถือสร้างโอกาสให้ตัวเองดีกว่า
“วีเห็นประกาศเรื่องนิติหรือยัง คือพี่แบบว่าดวงซวยสุด ได้เลือดไม่พอยังทำคีย์การ์ดหายอีก ตอนนี้ก็เลยไม่รู้ว่าจะไปนอนไหน เพื่อนพี่แต่ละคนก็อยู่กับแฟน จะไปรบกวนพวกมันก็ใช่เรื่อง ส่วนไอ้พวกน้องทั้งหลาย...เฮ้ย! ถ้าไปบอกมันเรื่องนี้มีแต่สมน้ำหน้ากลับ” เสียงตัดพ้อตัวเองอย่างน่าสงสารตามด้วยถอนหายใจ
“คือ...ถ้าพี่หนึ่งไม่ว่าอะไรจะนอนที่ห้องวีก็ได้นะครับ วีจะช่วยดูแลพี่ไปด้วย” น้ำเสียงถามอย่างเบาบางเจือปนไปด้วยความรู้สึกผิด
“รบกวนด้วยนะครับ” หนึ่งเตรียมคำตอบนี้มานานตั้งแต่จงใจโยนคีย์การ์ดทิ้ง พลางยกยิ้มในใจ “แต่ถ้าพี่จะรบกวนต่ออีกนิดได้ไหมครับ พาไปซื้อของใช้ส่วนตัวได้ไหมครับ” คนตัวโตช้อนตาอ้อนคนตัวเล็ก
“ได้ครับ”
"เสร็จแล้วเราไปกินข้าวกันด้วยดีไหม พี่ขอเลี้ยงข้าววีทุกมื้อได้ไหม ในฐานะคนมาอาศัย” คนตัวเล็กอ้าปากจะร้องทักคัดค้าน แต่หนึ่งที่ไวกว่าร้องทักขึ้นมาแทน “ไม่รับคำปฏิเสธครับ”
“ก็ได้ครับ” คนตัวเล็กจำใจยอมรับ ทั้งที่ปกติแล้วเขาเองนั่นแหละมักจะรบกวนคนพี่ ครั้งนี้เขาเองก็อยากตอบแทนกลับไปบ้างแต่ก็ไม่ได้รับความยินยอม
คนตัวโตลุกขึ้นพร้อมกับกระตุกมือวี พร้อมกับพยักหน้าให้ลุกออกมาจากโซฟา ถือโอกาสจูงมือคนน้องเดินออกห้องไปยังลิฟต์ เจ้าของมือยังงุนงงไม่ประสีประสาปล่อยให้คนพี่ชักนำไปอย่างง่ายดาย
วีอาสาขับรถให้คนเจ็บแทน หนึ่งก็ยินยอมแต่โดยดี จนทั้งสองฝ่าด่านรถติดของเมืองหลวงประเทศนี้มายังห้างสรรพสินค้าชื่อดังตามที่คนพี่เอ่ยปากว่าจะมา พวกเขาขับรถวนอยู่สักพักก็หาที่จอดรถ หนึ่งยังถือโอกาสจูงมือคนตัวเล็ก อ้างว่ายังเจ็บแผลอยู่ จับมือวีเดินแล้วรู้สึกไม่ค่อยเจ็บ
หนึ่งถามคนตัวเล็กว่าหิวหรือยังระหว่างเดินผ่านพ้นประตูทางเข้า เจ้าตัวตอบกลับมาด้วยอาการส่ายหน้า เขาพาเดินไปยังโซนขายเสื้อผ้าแบรนด์ดัง เลือกชุดที่ใส่นอนและใส่ไปทำงานอย่างละสี่ห้าชุด ก่อนจะหันไปเลือกซื้อให้คนตัวเล็กบ้าง
“วีมาลองชุดนี้ให้พี่หน่อยสิ พี่ว่าเหมาะกับเรานะ” หนึ่งเอาเสื้อผ้าบนราวแขวนดูขนาดพอดีตัวเจ้าตัวเล็ก
“ครับ?” วีรับชุดมาอย่างงง ๆ และมือหนาดุนดันพาตัวเขาไปยังห้องลองชุดตรงหน้า
ร่างบางเลือกชุดให้ตัวเอง และคิดว่าเข้ากับเขามากที่สุดมาลองสวมใส่ เสื้อเชิ้ตสีครีมแขนสั้น คลุมทับด้วยคาร์ดิแกนสีชมพูอ่อนและกางเกงสามส่วนสีน้ำตาล
“เป็นไงพี่หนึ่ง” วีเดินออกมาพร้อมโพสท่าคล้ายนายแบบเพราะเพื่อนสาวทั้งสองคนสอนเขามาเอง เวลาโดนสาวๆ ลากมาช่วยเลือกเสื้อผ้าในเวลาว่าง
“นะ น่า...” น้ำลายอึกใหญ่เคลื่อนลงคอพร้อมกับคำว่าน่ารักเป็นบ้า ชายหนุ่มไล่สายตาตั้งแต่ไปหัวจรดปลายเท้าและไล่กลับมามองซ้ำอีกรอบ
"น่า...ฟัด" ร่างสูงตอบกลับอยู่ในลำคอ
“ว่าไงนะครับ”
คนตัวเล็กเอียงคอรอคอยคำตอบ ถ้าทำแบบนี้กับเพื่อนสาวเขาจะตอบกลับมา ผู้ชายรักผู้ชายหลง แต่ถ้าไปถามไนน์ล่ะก็จะได้รับคำตอบว่า ดูดีมาก นั่นทำให้เขารู้สึกดีเป็นอย่างมาก ส่วนเพื่อนคิวจะบอกว่า น่ารักเช่นกัน และคนสุดท้ายเจโอตอบมาแค่ยกนิ้วโป้งสองข้างให้
“ดูดีมากเลยค่ะคุณลูกค้า พอใส่เสื้อสีชมพูตัวนี้ทับไปอีกยิ่งเพิ่มความน่ารักสดใสอย่างมากค่ะ” พนักงานสาวที่คอยบริการอดรนทนไม่ไหว ยังไม่มีคำชมหลุดมาจากปากอีกคนและตัวเธอเองเห็นเอาแต่จ้องอย่างเดียวจึงเอ่ยปากชมเอง
“ขอบคุณครับ” พอได้รับคำชมเจ้าตัวกล่าวขอบคุณและยิ้มหวานเป็นการตอบแทน
“อะแฮม! ช่วยเอาพวกนี้ไปคิดเงินด้วยนะครับ เอาทั้งหมดนี้เลย” ชายหนุ่มกระแอมใส่ในระหว่างทั้งสองยืนแจกยิ้มให้กันพร้อมกวาดนิ้วใส่กองเสื้อผ้าและส่งบัตรเครดิตให้พนักงานสาวออกไปจัดการ เพราะความน่ารักของเจ้าตัวน้อยนี้เขาอยากจะเก็บไว้มองคนเดียว
“พี่หนึ่งมันเยอะไปครับ” วีเบิกตากว้าง เสื้อผ้านับสิบชุดและมีแต่ของแพงทั้งนั้น ปกติเขาจะมาแค่ลองเล่น ๆ กับเพื่อนแต่ไม่ซื้อ ไม่ใช่ไม่ชอบนะแต่เท่าที่มีอยู่ก็ใส่ไม่หมดแล้ว แถมเขาไม่ค่อยไปไหนด้วย
“ยังเหลือรองเท้าอีก เสร็จแล้วไปกินข้าวกันวีเลือกร้านมาเลยนะ”
ชายหนุ่มเปลี่ยนเรื่องไม่สนใจคำทักท้วงของคนน้อง และออกแรงลากเจ้าตัวไปยังร้านขายรองเท้าด้านข้าง เขาถามคนน้องว่าใส่เบอร์อะไร ไม่นานรองเท้าก็ลงมาอยู่ในถุงจำนวนสี่คู่ และยังแถมซื้อฝากน้องรักอย่างไนน์อีกสองคู่รุ่นใหม่ล่าสุดเพิ่งออกเมื่อวานนี้ แน่นอนว่าไอ้พวกน้อง ๆ คนอื่นคงยังไม่ซื้อให้คนเก่งของเขา ถ้าซื้อไปแล้วเหมือนกันคนที่ซื้อไปทีหลังจะอารมณ์เสียอย่างมาก แค่คิดก็มีความสุขแล้ว ส่วนของตัวเองสองคู่เพียงพอ
วีเลือกร้านอาหารราเมงญี่ปุ่นระหว่างเดินผ่าน วีเองเคยมากินกับที่บ้านอยู่บ้าง รสชาดสมกับชื่อร้านแต่คงไม่เท่าร้านหรูระดับภัตตาคารที่อีกคนเคยสั่งมาให้เขากิน
“อยากกินที่นี่เหรอครับ ถัดไปอีกชั้นอร่อยกว่า ร้านที่พี่เคยสั่งไปให้เรากิน”
“วีตั้งใจจะเลี้ยงตอบแทนที่พี่หนึ่งซื้อของให้ แต่วีมีเงินพอเลี้ยงได้แค่ร้านนี้” กระต่ายน้อยตอบคำถามด้วยเสียงเบา “แต่ถ้าพี่หนึ่งไม่ชอบไปร้านนั้นก็ได้นะครับ แต่ถ้ามันเกินรบกวนพี่หนึ่งออกให้ก่อนได้ไหม?” วีก้มหน้าบอกไปอย่างอาย ๆ
หนึ่งอมยิ้มในความน่ารักของเจ้าตัว เขายกมือขึ้นลูบหัวไปหนึ่งที ย้ายลงไปจูงมือ “ปะ เข้าไปในร้านกัน”
น้ำเสียงใจดีและเต็มไปด้วยความเต็มใจ วีช้อนสายตาขึ้นมามองและยิ้มกว้างให้คนพี่ที่ตกลงยอมให้เขาเลี้ยง “อืม”
หนึ่งรับรู้ว่าคนน้องในตอนนี้ยังเต็มไปด้วยความเกรงใจ เรื่องเงินสำหรับเขาเล็กน้อยมาก สิ่งที่เขาจับจ่ายออกไปหากมองย้อนกลับมารายได้ที่พึงจะได้รับในแต่ละวันยังมากกว่าด้วยซ้ำ แต่ถ้าคนตัวเล็กอยากแสดงความขอบคุณเขาก็ยินดีรับเอาไว้ เพราะไม่ค่อยเจอกับคนที่ไม่คิดถึงเรื่องนี้หลังจากรับรู้เรื่องฐานะของเขา ซึ่งแตกต่างจากหนูวีคนน่ารักและขี้เกรงใจเอามากเลยทีเดียว
มื้อนี้หนึ่งเลือกจะให้คนเลี้ยงเป็นคนสั่งอาหาร เขาอยากรู้ว่าน้องจะจำเมนูของเขาได้ไหม และน้องก็จำได้ แถมยังจำของน้องรักเขาได้อีก บางครั้งเขาก็อิจฉาคนเก่งของเขาที่ไม่ว่าทำอะไรวีก็สนใจไปหมด
หลังกลับจากกินข้าวและซื้อของจำเป็นสำหรับการฝากฝังสิ่งที่เล็ก ๆ น้อย ๆ เอาไว้ในห้องของคนตัวเล็ก เพื่อแสดงว่าเขาคือส่วนหนึ่งของเจ้าตัวเล็ก วีให้คนเจ็บไปอาบน้ำในห้องส่วนตัวก่อน โดยเจ้าตัวไม่ลืมจะแวะซื้อผ้าปิดแผลแบบกันน้ำมาให้คนร่วมห้อง และยังอาสาเปลี่ยนให้เจ้าตัวก่อนอาบน้ำ
หนึ่งได้โอกาสก้าวเข้ามาในอีกส่วนของวี เขาไล่สายตาสำรวจการตกแต่งห้องคร่าว ๆ มองว่าการตกแต่งห้องได้น่ารักสมกับเป็นเจ้าตัวดี ผละตัวเองเข้าไปอาบน้ำและเขาเลือกจะซื้อมาแค่แปรงสีฟัน ส่วนแชมพู ครีมอาบน้ำ เขามาใช้ของเจ้าของห้องและอยากจะพิสูจน์คำที่ว่า “ครีมอาบน้ำกลิ่นเดียวกัน แต่พออยู่บนตัวคนที่เราชอบทำไมมันหอมกว่า” ได้ยินมานักต่อนักแล้ว มันจะจริงไหม ชายหนุ่มอาบน้ำใช้เวลาเพียงไม่นานก็เดินออมาจากห้อง
คนตัวเล็กยังคงนั่งรอตรงโซฟาไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหน ทำราวกับว่าตัวเองมาอาศัยห้องคนอื่น เจ้ากระต่ายน้อยเงยหน้ามองชายหนุ่มต้องนอนร่วมห้อง ในชุดเสื้อกล้ามสีเทาเข้ากับไหล่กว้าง แถมเสื้อนั้นแนบลำตัวเผยให้เห็นกล้ามท้อง เขาพอจะรู้ว่าอีกคนนั้นดูดี แต่พอมาเห็นในชุดแบบนี้อวดรูปร่างยิ่งดูดีเข้าไปอีก จนเผลอจ้องอยู่นานพร้อมกับใบหน้าเริ่มเห่อแดง ก่อนจะกระแอมเรียกสติตัวเองกลับมา
“เดี๋ยววีขอเข้าไปอาบน้ำก่อนนะครับ เสร็จแล้ววีจะขนหมอนกับผ้าห่มออกมานอนบนโซฟา ส่วนพี่หนึ่งเข้าไปนอนในห้องได้เลยนะครับ วีอาบน้ำไม่นานหรอก” เจ้ากระต่ายน้อยพูดอย่างรวดเร็วและพาตัวเองพุ่งเข้าไปในห้องน้ำอย่างเร็วเช่นกัน โดยไม่รอฟังคำตอบ
ร่างสูงทำได้แค่หัวเราะเบา ๆ และมองตามแผ่นหลังวิ่งหายไป เขาดุนลิ้นที่กระพุ้งแก้ม แค่คนอาศัยและถ้าจะให้มองก็ยังเป็นผู้ใหญ่กว่า จะมาให้เด็กกว่าเสียสละแทน ไม่มีทางอยู่แล้วยิ่งเป็นคนว่าแฟนยิ่งไม่ได้ใหญ่เลย ชายหนุ่มเลยถือโอกาสจับจองโซฟาแทนเจ้าตัวเล็ก ด้วยการลงนอนเหยียดยาว และเอาหมอนอิงมาซุกไว้ใต้ศีรษะ
เสียงกุกกักดังออกมาห้องด้านใน พร้อมกับเจ้าตัวเล็กยืนหอบหมอบและผ้าห่มผืนบางออกมา กลิ่นสบู่โชยมาจากคนเพิ่งอาบน้ำใหม่ และตอนนี้หนึ่งเข้าใจอย่างถ่องแท้ ว่าสบู่กลิ่นเดียวมันช่างแตกต่างอย่างสิ้นเชิง ตัวกระต่ายเดินมาด้วยชุดนอนสีครีมขาสั้นลายการ์ตูนยิ่งน่ารัก กลิ่นหอมนั้นหอมมาก จนอยากจะเอาหน้าไปซุกไซ้ลงบนซอกคอ ถูจมูกไถไล่ไปตามแผ่นอกจนมาถึงตุ่มไต
ผัวะ! ฝ่ามือหนาตบใบหน้าตัวเองเรียกสติ ถ้าขืนยังจินตนาการไปเรื่อย ๆ มะเขือม่วงดุ้นใหญ่อาจจะผงาดมาทักทายโลก หนึ่งสูดลมหายใจแต่กลิ่นน้องยังตามเข้าไปผ่านจมูกไปยังปอด ชัดเลย สัส! เขาด่าตัวเองเต็ม หนังแกะจะหลุดออกมาแล้ว หนึ่งดีดตัวลุกเดินไปเปิดตู้เย็นเทน้ำเย็นจัด ยกกระดกดับความหื่นกระหาย
“พี่หนึ่งครับ เข้าห้องไปนอนครับ” วีร้องบอกตามหลังและนั่งโซฟาแทน
“อืม” วีนั้นพูดด้วยเสียงปกติแต่หูของหนึ่งรับรู้ว่ามันหวานละมุนราวกับสายสมที่พัดมาทักทายใบหู
ชายหนุ่มดื่มน้ำเย็นอีกแก้วดับไฟที่ก่อตัวในใจไปอีกรอบ ก่อนจะเดินลงมานั่งข้างตัวเล็ก ยกมือมาถูจมูกอย่างแรงจนตัวเองรู้สึกเจ็บกลบกลิ่นหอมจากเจ้าตัวน้อย “วีเป็นเจ้าของห้องไปนอนที่เตียงให้สบายเลย พี่นอนตรงนี้ได้” พร้อมหยิบอุปกรณ์เครื่องนอนมาวางบนตักตัวเอง
“แต่พี่หนึ่งเป็นแผลอยู่นะครับ ถ้ามันได้รับการกระเทือนมาอีกจะว่าไงครับ ไปนอนบนเตียงให้สบายดีกว่า วีนอนตรงนี้ได้ สบ๊าย” เจ้าตัวยื่นมือมาหมายจะจับผ้าห่มกับหมอนบนตักคนพี่
หมับ! มือหนาจับมือเล็กและล็อกเอาไว้เล่นเกมจ้องตากัน สายตาที่หนึ่งจ้องไปยังวีมันเต็มไปด้วยความลุ่มหลงและหวานเยิ้ม จนคนตัวเล็กต้องหลุบใบหน้าลง
“อย่าดื้อครับ ไปนอนเตียงตัวเองเลย” แขกของห้องก้มหน้าหรี่ตาจ้องคนตัวเล็กขยับปากพยายามจะเถียง เขากล่าวต่อด้วยเสียงกึ่งดุเล็กน้อย “ถ้าวียังดื้ออีก พี่จะอุ้มเราไปส่งบนเตียงแทนนะครับ”
“...” คนตัวเล็กอ้าปากจะเถียงอีกรอบกับคนตัวสูงต้องหุบลงทันทีที่ได้ยินประโยคหลังและเม้มปากสนิท
“ดีมากครับ ไปนอนนะครับ ฝันดีครับน้องวีของพี่หนึ่ง” เขาบอกด้วยน้ำเสียงเอ็นดู และคลายมือที่กอบกุมมือเล็กเอาไว้ ก่อนจะย้ายมือขวายกขึ้นมาลูบและยีผมเบา ๆ
“คะ ครับฝันดี”
คนตัวเล็กขานรับด้วยน้ำเสียงกระท่อนกระแท่น วีไม่เคยเจอสายตาและน้ำเสียงอบอุ่นแบบนี้จากใครนอกจากคนในครอบครัว อย่างพี่สาว พ่อและแม่ แต่พอมาเจอกับพี่หนึ่งใจมันเต้นแรงจนเจ็บอกไปหมดแล้ว วีลุกขึ้นเดินไปยังห้องของตัวเอง และหันมาหาคนที่ยังนั่งมอง
“วีปิดไฟเลยนะครับ” หนึ่งยิ้มรับและพยักหน้าให้คนน้องจัดการเรื่องดังกล่าวได้เลย
วีเข้าห้องตัวเองยกมือทาบอกตัวเองสัมผัสแรงสั่นสะเทือนที่รุนแรงในระดับร้ายแรง เขาพลางคิดว่าอาจจะเป็นเพราะเขาเหงาและคิดถึงบ้าน พอเจอคนใจดีเหมือนพี่ชาย เขาเลยเผลอใจเต้นแรงไปด้วยเช่นกัน เจ้าตัวหยิบโทรศัพท์เข้าไปอ่านแชตในกลุ่มเพื่อน และส่งข้อความบอกฝันดี ไม่นานคนที่เขาแอบปลื้มก็ส่งสติกเกอร์หมีสีขาวตัวกลมมาบอกฝันดีในทันที เขากดเข้าไปดูข้อความนั้นอีกสองรอบก่อนวางและหรี่ไฟบนหัวเตียง
หนึ่งเฝ้ามองแสงไฟลอดผ่านขอบประตูในขณะด้านนอกมืดสนิทไร้แสงจากฝีมือของเจ้ากระต่ายตัวน้อย เขาแค่รอจังหวะเท่านั้น ใครจะยอมนอนโซฟากันฟะ พาตัวเองมาขนาดนี้แล้ว เขายังลืมตาลอบมองไปจนแสงไฟลดลง
ตุ๊บ!! เสียงสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่น้ำหนัก 75 กิโลกรัมร่วงหล่นไปยังพื้นแข็ง ด้วยทักษะศิลปะป้องกันตัวที่เรียนตั้งแต่วัยละอ่อน เขารู้ว่าตกยังไงไม่ให้ตัวเองเจ็บและกระทบเทือนถึงแผล
“โอ๊ย!!”
เสียงร้องดังขึ้นจากภายนอกปลุกคนกำลังเคลิ้มหลับให้รีบลุกขึ้นมาดูคนเจ็บ แสงไฟที่หรี่ลงเปิดให้สว่างขึ้นและฝีเท้าวิ่งมาอย่างเร็วพร้อมประตูเปิดออก
หนึ่งตั้งใจตกในท่านอน และนอนรอจนกว่าประตูจะเปิด และค่อย ๆ ดันตัวเองขึ้นอย่างช้า ๆ มือกอบกุมบริเวณแผล แถมยังแสร้งทำหน้าเจ็บ คนตัวเล็กรีบเปิดไฟภายในห้องพร้อมร้องเรียกชื่อเขาด้วยความตกใจ ขาก้าวพรวดเข้ามารีบช่วยประคองให้ลุกขึ้นนั่งบนไอ้ที่เขาเพิ่งพาตัวเองตกลงมา
“พี่หนึ่งเจ็บมากหรือเปล่า เห็นไหมวีบอกแล้วให้ไปนอนเตียงก็ไม่เชื่อ ถึงได้ตกลงมาแบบนี้ไง ตัวก็โตยังจะมานอนในที่คับแคบอีก ให้วีนอนตรงนี้แทน พี่หนึ่งไปนอนในห้องเลย” เสียงบ่นอย่างขุ่นเคืองด้วยความเป็นห่วงจากคนตัวเล็ก แถมเจ้าตัวยังแอบเลิกเสื้อขึ้นมาดูแผลอีก “ดีนะเนี่ยเลือดไม่ออกอีกรอบ”
หนึ่งเหลือบตามองการกระทำ เขายักคิ้วอย่างพึงพอใจในผลงานตัวเอง “พี่ยังยืนยันคำเดิม เจ้าของห้องยังต้องนอนที่เตียง พี่แค่ไม่คุ้นกับโซฟาอันนี้ คราวนี้พี่จะนอนให้ระวังกว่านี้ครับ”
กระต่ายน้อยยู่ปากใช้ความคิด “เอางี้ไหมครับ ในเมื่อเราทั้งคู่ต่างไม่ยอมให้อีกคนนอนตรงนี้ ก็ไปนอนที่เตียงด้วยกันทั้งคู่” เจ้าตัวน้อยเสนอความคิดออกมา โดยไม่รู้ว่าเข้าแผนการของอีกคน
หนึ่งกระตุกยิ้มก่อนจะปรับให้นิ่งเรียบ และยิ้มกระหยิ่มในใจ ในที่สุดก็หลุดออกมาได้ “ถ้าวีบอกแบบนั้น พี่ก็ว่ามันเป็นทางออกที่ดีสำหรับเรา งั้นรบกวนด้วยนะครับ ไปนอนกันเถอะครับ”
To be continued….
….ไอ้พี่หนึ่ง..... วีหนีไปลูก อย่าให้มันเข้าไปในห้องหนู ไอ้พี่มันร้ายจะตาย อย่าไปหลงคารมณ์มันลูก...