บทที่ 6 

แซนด์วิชที่หวานฉ่ำ

ดอกแมกโนเลียหรือดอกยี่หุบ ดอกไม้แห่งความสง่างาม

(ยี่ที่จากคำว่ายิ้ม ยี่หุบคือยิ้มไม่หุบ)

 

“ไปส่งน้องวีที่ห้องหน่อยนะครับ”

สายตาที่ช้อนขึ้นมามอง พร้อมกับแรงกระตุกชายเสื้อ หนึ่งที่เจอสายตาแบบนี้ ใจที่ชอบไปแล้วยิ่งชอบหนักขึ้นไปอีก เขาผ่อนลมหายใจควบคุมร่างสองไม่ให้ออกมา หันมามองปากเบะและใบหน้าคล้ายจะร้องไห้ เจ้ากระต่ายตัวน้อยนี่หนาจะอ้อนอะไรให้มันรู้เวล่ำเวลาหน่อย คนใจบาปอย่างเขาจะอดทนไหวไหมล่ะ สวดภาวนาในใจอย่างให้ร่างสองออกมานะ หนึ่งรีบจับมือเล็กพาเดินกลับไปยังห้องน้องน้อย

“ถึงห้องแล้วครับ ไม่ต้องกลัวนะ ชั้นนี้ไม่มีใครตายและไม่มีผะผี... กุ๊กกู๋หรอก มีอะไรหรือถ้ายังกลัวโทรหาพี่ได้ หรือไม่ก็เปิดประตูมาเคาะห้องเราห่างกันแค่นี้เอง”

หนึ่งปล่อยมือและจับไหล่คนตัวเล็กพร้อมทั้งอธิบายเรื่องราวให้ฟัง แต่พอคำว่าผีหลุดออกมา แววตาลู่ต่ำไปด้วยความกลัว เขาต้องกลับมาพูดคำที่น่ารักอย่าง กุ๊กกู๋ แทน

“โอเคครับ แต่วีรบกวนพี่ได้จริงนะ”

“ครับ ได้เสมอและตลอดเวลาเลย” น้ำเสียงทุ้มลึกและอบอุ่นในคราเดียวกัน ทำให้เขาสบายใจและไม่กลัว “เข้าห้องได้แล้ว เหนื่อยมาทั้งวันแล้วนี่ครับ” หนึ่งย้ายมือข้างหนึ่งจากไหล่มาทาบไว้บนหัวกลม

“ครับ”

หนึ่งขยับตัวถอยหลังออกมา วีที่หันหลังทาบคีย์การ์ดเข้ากับประตูห้อง และหันมากล่าวกับคนตรงหน้าด้วยกล่าวด้วยคำพูดอย่างขัดเขิน

“งั้นฝันดีนะครับพี่หนึ่ง”

หนึ่งยึดขอบประตูและออกแรงดึง วีชะงักเงยหน้าขึ้นมาสบตา “พี่จะบอกว่าตอนเช้าพรุ่งนี้อย่าลืมไปทำแซนด์วิชที่ห้องนะ แล้วก็นี่ด้วย”

ชายหนุ่มร่างสูงโน้มตัวมาจับศีรษะด้วยมือทั้งสองข้าง เป่าลงบนกระหม่อมของคนตัวเล็ก และตามด้วยเสียงพูดแสนเบาสบายราวกับลมเย็น พัดผ่านเข้ามาด้วยใบหน้าที่ยิ้ม “ฟู่ เป่ากระหม่อมให้แล้วนะ คืนนี้ฝันดีนะครับ” ตามมาด้วยมือหนาช่วยปิดประตู

 

วียังอยู่ในอาการค้างตั้งแต่ลมเป่าลงมาบนหัวจนประตูปิดลง เขาเหมือนกับเครื่องยนต์ที่กระตุกกึกและดับลงแบบนั้นแหละ มือบางยกขึ้นมาแตะอกข้างซ้าย เขาเดินล่องลอยไร้วิญญาณไปยังห้องน้ำ และเรียกสติตัวเองกลับมาด้วยน้ำเย็นที่สาดใส่หน้าตัวเอง

 

ภายในห้อง 1208 น้ำเย็นจัดราดลงบนตัวชายหนุ่ม เขาต้องดับความรุ่มร้อนในตัวเอง เขาควรจะกลับตั้งแต่ถึงหน้าห้อง ทั้งที่กลัวร่างสองจะโผล่ ยังดันทุรังคุยกับน้องปลอบให้หายกลัว และสุดท้ายเป็นไงล่ะ ลงไปเป่าหัวเขาเฉยเลย ตอนที่เจ้ากระต่ายน้อยทำท่าตื่นตูมตกใจ เขานี่อยากจะลากอุ้มเข้าเอวพากลับห้อง ทุ่มลงเตียงแล้วฟัดให้สมใจ แต่ตอนนี้ทำได้และปิดประตูและมายืนตากน้ำเย็นอยู่นี่ไง ถ้าขืนลากเพื่อนตัวน้อยของน้องชายสุดที่รักมาทำมิดีมิร้าย เขาคงโดนคนเก่งฉีกอกแน่น

เสียงเคาะประตูห้อง หนึ่งเฝ้ารอในเช้าวันถัดมา เขาเดินไปเปิดและเชิญแขกให้เขามา

“สวัสดีครับ เอ่อ...ที่บอกว่าให้วีมาหัดทำแซนด์วิชน่ะครับ”

“เข้ามาสิ พี่เตรียมของไว้ให้แล้ว”

 

ชายหนุ่มเจ้าของห้องพาคนตัวเล็กเดินไปยังโต๊ะตรงมุมห้องครัว และผายมือให้ดูสิ่งของที่เขาเตรียมเอาไว้ให้ ขนมปัง ทูน่าที่ผ่านการผสมกับมายองเนสในโถเล็ก เบคอนทอดจนกรอบ ผักล้างสะเด็ดน้ำ และหนึ่งเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบชีสออกมาวางเรียงร่วมด้วย

“นี่ครับ ผ้ากันเปื้อนใส่ไว้ดีกว่าเดี๋ยวเสื้อจะเลอะเอาครับ”

“ขอบคุณครับ”

 

วีรับผ้ากันเปื้อนมาสวมเข้าทางด้านบนศีรษะ และหนึ่งพี่ชายแสนจะใจดีและไม่คิดล่วงเกินแต่อย่างใด เดินไปยังด้านหลัง วาดมือโอบเอวกลาย ๆ ช่วยมัดเชือกของผ้ากันเปื้อน

“ขอบคุณครับ” วีกล่าวของคุณซ้ำไปอีกรอบ ก่อนจะเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงอันตื่นเต้น “งั้นวีทำเลยนะ”

“ครับ” คุณครูหนึ่งพยักหน้าอนุญาตให้ลงมือทำ

เจ้ากระต่ายน้อยหยิบถุงมือพลาสติกมาใส่ก่อนจะลงมือหยิบขนมปังมาวางบนเขียงไม้ทรงสี่เหลี่ยม ตามมาด้วยผักสีเขียว เบคอน โปะด้วยชีสอีกหนึ่งแผ่น ทับด้วยขนมปังอีกแผ่นเป็นอันเสร็จ

เจ้าตัวหันไปยิ้มกับความสำเร็จของตัวเอง มีดในมือพร้อมหั่นลง ฉึบ! และแล้วไส้ที่อยู่ข้างในหลุดไหลออกมาด้านข้างพร้อมกับขนมปังที่เบ้ไปเบ้มา คนเลือกจะให้น้องมาทำ รู้อยู่ในใจอยู่แล้วว่าคนไม่เคยทำจะต้องหั่นออกมาแบบนี้ เขาแย้มยิ้มภายในใจ

“อะ อื่อ ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะ” เสียงโอญครวญดังออกมาปากเล็ก ๆ

“ไม่เป็นอะไร ลองทำอีกครั้งนะครับ”

“...” วียู่ปากแบบเสียใจอย่างมาก แต่ก็พยักหน้าและยอมทำอันใหม่

 

หนึ่งขยับตัวมายืนซ้อนด้านหลังและหยิบของเสียไปเมื่อกี้ไปใส่ลงในกล่องใสด้านข้าง เขารอจนคนน้องทำแบบเดิมจนเสร็จ และขยับตัวเข้าแนบชิดอีกนิด มือหนาวางบนมืออันเล็กที่ตอนนี้โดนมือของเจ้าของห้องทาบหายไปอยู่ใต้ฝ่ามือ กลิ่นน้ำหอมอ่อนโชยมาจากกายของหนุ่มร่างสูงจนวีเองก็ประหม่า ความร้อนจากกายร่างสูงอันแนบมายังแผ่นหลังของคนตัวเล็ก เสียงทุ้มพูดอยู่บนเหนือหัวพร้อมกับแรงสั่นไหวจากกายของคนด้านหลัง จนวีเม้มปากสนิทพร้อมกับใจเต้นตึกตัก

“น้องวีต้องจับให้แน่นและกดกลางระหว่างมีดแบบนี้นะครับ แล้วค่อย ๆ หั่นช้า ๆ แบบนี้ครับ นี่ไงครับได้แล้ว” คำสอนแทบจะไม่เข้าหูของวีเลย พอมือหนาปล่อยมือเขาเหลือเพียงความอุ่นยังคงเจือจางอยู่ แต่ความร้อนผ่าวที่ใบหน้ายังคงมากขึ้น

“คะ ครับ ทำอันอื่นต่อเลยนะครับ”

วีลนลานด้วยความตื่นเต้นปนเขินอาย หยิบจับอะไรหลุดมือร่วงลงพื้นโต๊ะไปหมด หนึ่งยืนแอบขำเบา ๆ ในความโก๊ะของเจ้ากระต่ายน้อย

“วีพอทำได้แล้วนะ พี่ขอตัวไปเอาของในห้องก่อนนะ ทำตามสบายเลยนะ”

วีที่ได้ยินเสียงปิดประตูหลังจากอีกคนปลีกตัวออกไป เขาถึงกับถอนหายใจอย่างแรง และเป่าลมออกมาจากด้วยเช่นกัน

“ฟู่!!! ทำไมใจต้องเต้นแรงแบบนี้ด้วยนะ ไม่ต้องคิดอย่างอื่นแล้ว ทำแซนด์วิช ทำแซนด์วิชดีกว่าเดี๋ยวไปเรียนสาย” กระต่ายน้อยบ่นกับตัวเองให้จดจ่อกับสิ่งตรงหน้า

หนึ่งออกมาพร้อมกับเอกสารในมือรวมถึงไอแพดสำหรับทำงาน พบว่าคนน้องจัดเตรียมแซนด์วิชไปได้หลายชิ้นแล้ว พร้อมทั้งยังเตรียมวางไว้ในจานสำหรับตัวเขาข้างๆ แก้วกาแฟที่เขากินหมดไปเมื่อกี้

“นี่วีเตรียมไว้ให้พี่เหรอ” เขาถามพร้อมกับนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดิม

“ครับ พี่หนึ่งจะเอาอะไรเพิ่มไหม วีจะได้หยิบให้ วีมาเล่นห้องพี่เละหมดเลย” ร่างบางก้ม ๆ เงย ๆ จัดการจัดสิ่งที่เขาทำลงกล่องเพื่อเอาไปให้เพื่อนคนอื่น และถ่ายรูปลงไปกรุปแชตให้เพื่อน ๆ ดูด้วย และยังทิ้งข้อความบอกว่า ทำเองรอกินนะ

“วีเสร็จหรือยัง มานั่งกินพร้อมกันครับ”

“พี่หนึ่งกินไปก่อนเลย” วีร้องบอกขณะในตัวเองกำลังชื่นชมผลงานและส่งรูปถ่ายไปให้คุณแม่สุดที่รัก

“ไม่อาวววว รอกินพร้อมคนทำครับ” เสียงพูดงอแงจากคนตัวโตที่ไม่ได้รับความสนใจจากคนน้อง

 

วีตั้งใจว่าระหว่างเจ้าของห้องกิน เขาจะเก็บทำความสะอาดบริเวณที่เลอะเทอะและไปกินร่วมกับเพื่อนที่มหาลัย แต่พอได้ยินเสียงเขาก็เกิดอาการเกรงใจ ให้เขาใช้สถานที่และข้าวของทั้งหมด เขาเดินลงไปนั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม เจ้าของห้องก็ลุกเดินไปหยิบแก้วเทนมส่งมาให้เขา

 

“วีไม่ต้องทำความสะอาดนะ พี่จ้างคนให้คนมาทำความสะอาดทุกวันอยู่แล้ว ทิ้งไว้แบบนี้แหละ” หนึ่งพูดรวบรัดจัดการทุกอย่างเสร็จสรรพ วีกำลังพูด โดนขัดด้วยคำพูดต่อมา “รับแล้วกินครับเดี๋ยวจะสาย และมันเลอะแค่บนโต๊ะปัดใส่ถังขยะก็เสร็จแล้ว แม่บ้านเขาไม่บ่นหรอกครับ” น้ำเสียงติงมาทำให้วียอมกินแต่โดยดี

 

ชายหนุ่มสามคนรวมถึงหญิงสาวอีกสองนั่งรอคุณเพื่อนที่จะมาเสิร์ฟอาหารเช้าพร้อมกับกาแฟ ทั้งห้าคนมาพร้อมในวันนี้ก็สืบสาวราวเรื่องต่อจากเมื่อวานที่สองสาวถามเกี่ยวกับพี่ชายของไนน์ว่ามาจีบเพื่อนเขาเหรอ แต่ด้วยเจ้าตัวต้องรีบไปที่อื่นเลยโดนลากมาถามตอนเช้านี้

 

“ไอ้ไนน์พี่มึงจะมาจีบลูกชายของพวกกูจริงไหม? แล้วพี่มันจริงใจกับลูกกูไหม?” เมเปิ้ลถามขึ้นทันที ในขณะไนน์กำลังหย่อนตัวลงนั่งตรงเก้าอี้

“...” ไนน์ขมวดคิ้วทันควันหันไปจ้องหน้าคนถาม และก่อนจะได้ตอบอะไร เพื่อนสาวอีกคนรีบพูดซ้ำคะยั้นคะยอเขาอีกคน

“มึงรีบบอกพวกกูมาเลยนะ กูอยากรู้มากเลยนะมึง” จัสมิน

ส่วนคิวกับเจโอร่วมในวงสนทนาด้วยไม่พูดอะไร แค่ยกมือขึ้นบอกให้เขาเชิญเล่าได้แล้ว เพื่อนมึงสองคนจะแดกหัวมึงอยู่แล้ว

 

“มันจีบวีแน่นอน มันมาคุยกับกูหลายวันก่อนแล้วแหละ แต่กูจำไม่ได้ว่าบอกตอนไหน ถามว่ามันจริงใจไหม? ก็คงจริงใจแหละ ตามนิสัยมันน่ะ ไม่มาเดินตามตื๊อใครหรือคอยไปรับไปส่งใครอย่างวี แล้วอีกอย่าง แซนด์วิชที่พวกมึงกินไปเมื่อวาน ถ้าไม่ใช่เพราะวีพวกมึงไม่ได้กิน ขนาดกูเป็นน้องรักของมันยังนับครั้งที่จะได้กินเลย”

 

เจโอนั่งฟังหรี่ตามองเพื่อนไนน์พร้อมกับแสยะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์พร้อมกับเอ่ยถามอย่างมีเลศนัย “มึงเป็นอะไรกับลูกหลานตระกูลนั้น มึงใช้คำว่า น้องรัก แต่มึงบอกพวกกูว่าเป็น ญาติ อย่าบอกนะว่ามึงคือหลานคนเล็กสุด” เจโอเน้นย้ำคำว่าน้องรักและญาติ ให้ไนน์ฟัง

“...” ส่วนเจ้าตัวเพียงแค่ยักคิ้วตอบกลับไป เขาเลือกจะไม่ตอบรับและไม่ปฏิเสธ ปล่อยไว้ให้คลุมเครือ สักวันเขาคงบอกเพื่อนแหละ แต่เอาเป็นว่าให้รู้พร้อมกันทีเดียวดีกว่า

“กูว่าไม่ใช่มันหรอกว่ะ”

“...” ทุกคนหันไปตามเสียงของจัสมิน ใบหน้างุนงงสงสัย เจโอเลิกคิวอย่างสงสัย แต่เจ้าตัวไม่ทิ้งช่วงในสงสัยนานและพูดออกมาติด ๆ

“ตอนที่กูระแคะระคายว่าพี่เขาจะมาจีบวีหรือเปล่ากูเลยไปลองถามพ่อว่าคุ้นเคยกับบ้านนี้ไหม นิสัยเป็นยังไง” จัสมิสเล่าเรื่องราวตัวเองรับรู้มา

“นี่มึงไปเจาะลึกมาขนาดนี้เลยเหรอ” คิวถามขึ้นซ้ำ

“ก็บ้านกูดูแลเจ้าสัวชัชอยู่ไงมึง แต่พ่อกูบอกว่าไม่รู้จักนิสัยหลานคนโตคนนี้ แต่พอจะรู้จักคนเล็กสุด ว่านิสัยขี้อ้อน เคยเจอตอนเด็ก แต่นานมากแล้ว พอโตขึ้นมาก็ไม่เจอเลยนะ เออพ่อกูบอกด้วยว่าน่าจะรุ่นเดียวกับพวกเรา แต่กูว่าไม่ใช่ไอ้ไนน์หรอก แบบว่าเขาลือกันว่าที่บ้านส่งไปเรียนเมืองนอก”

“เอาเป็นว่าเรื่องที่สงสัยไอ้ไนน์ไว้วันหลัง แต่ตอนนี้คนที่ต้องสนใจมานู่นแล้ว” คิวบู้ปากไปยังเพื่อนเขาเดินเคียงคู่กับชายหนุ่มนักธุรกิจชื่อดัง

 

รถคันเดิม คนขับคนเดิม ลงจอดลานจอดและเพิ่มเติมคือคนช่วยหิ้วของมาส่ง ก่อนออกจากคอนโดหนึ่งที่ต้องซื้อกาแฟให้ไนน์ เลยบอกให้วีถามคนอื่นด้วยจะได้สั่งเผื่อทุกคนและผลคือสั่งกันครบครัน หนึ่งเลยอาสาช่วยถือมาส่งและบอกว่าอยากมาเจอหน้าไนน์ด้วย ไม่เจอกันหลายวันคิดถึงมาก

 

หนึ่งหนุ่มมีใบหน้าหล่อเหลาและนามสกุลดัง มาในชุดสูทเข้ารูปพอดี และอีกหนึ่งหนุ่มใบหน้าหวานตัวเล็กน่ารักในชุดนักศึกษาเดินเคียงคู่กันมา คนตัวโตพอเห็นน้องชายสุดรักมองมายังเขา ก็ยกยิ้มด้วยตาเป็นประกาย เดินปรี่เข้าไปหาวางของลงบนโต๊ะและเลือกแก้วกาแฟวางตรงหน้า

“อเมริกาโนเย็น ๆ ครับคนเก่ง...” น้ำเสียงเอาอกเอาใจที่สุด

ไนน์กลอกตาขึ้นบนเล็กน้อย “อืม” รับและยกขึ้นมาดื่ม

วีนั่งลงข้างเพื่อนสนิทอย่างไนน์ เลือกหยิบกาแฟตามที่แต่ละคนสั่ง “คาปูหวานปกติของจัสมิน ลาเต้ของเมเปิ้ล และนี่เอสเปรสโซ่ของเจโอและคิว”

“เท่าไหร่?” คิวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพร้อมโอนตังคืนเพื่อน

“พี่หนึ่งเป็นคนจ่าย” และวีชี้ไปยังพี่หนึ่งที่ยืนพิงโต๊ะดูน้องชายกินอาหารเช้าด้วยสีหน้าเบิกบานพร้อมกับหยิบมือถือมาถ่ายรูปไนน์

“อย่าถ่าย!” ไนน์กดเสียงเข้มยกมือมากันหน้าด้วยความหงุดหงิด “ไปทำงานได้แล้วไป”

หนึ่งที่ได้ยินเสียงบอกกับเพื่อนเรื่องค่ากาแฟ “ไม่ต้องจ่ายครับ พี่เลี้ยงเอง คนเก่งเค้าไปทำงานแล้วนะ น้องวีพี่ไปแล้วนะครับ”

“ขอบคุณครับพี่/ขอบคุณค่ะ” คนที่เหลือกล่าวขอบคุณผู้มีพระคุณสำหรับเครื่องดื่ม ยกเว้นน้องชายคนเดียวแค่ปรายตามองตามไปเท่านั้น

“ไม่เป็นไรครับ เรื่องแค่นี้เอง งั้นพี่ไปละนะ ฝากดูวีกับไนน์ด้วย”

คนที่กำลังจะจากไปมองเพื่อนตัวเล็กเขาด้วยสายตาละห้อยไม่อยากจะไป แต่เพื่อนเขาทำแค่โบกมือลา

“มึงแซนด์วิชแม่งหวานว่ะ"

“เออ กูก็ว่างั้นว่ะ”

“อืม...หวานจริงด้วย”

 

คิวหยิบชิ้นอาหารเช้าในกล่องที่เพื่อนตัวน้อยทำมาให้กินคนแรก และเริ่มบ่นก่อน ตามมาด้วยจัสมินและเมเปิ้ลหยิบตามขึ้นมากินและร่วมวงแซวเพื่อนตัวเล็ก

“เหรอ หวานได้ไง เมื่อเช้าวีกินกับพี่หนึ่งยังไม่หวานเลย” และเจ้าตัวหยิบขึ้นมากินทันที “ไม่หวานนี่ คิว จัสมิน เมเปิ้ลหลอกเราง่ะ” กระต่ายน้อยเคี้ยวไปพร้อมใบหน้างอง้ำ อีกสามคนก็หัวเราะและช่วยกันง้อ

“แอบไปชิมกันมาก่อนหน้านี้ด้วยเหรออออ” เสียงแซวลากยาวของคิว วีถลึงตาโตส่งคืนให้ แกล้งทำหน้าโมโหกลบเกลื่อนและเม้มปากด้วยความเขินที่โดนแซว

มีเพียงไนน์และเจโอหันมามองหน้าอย่างรู้กัน และไนน์ขยับปากแบบไม่มีเสียง “กูบอกแล้วว่ามันร้าย” และเจโอพยักหน้าเข้าใจในสิ่งที่เพื่อนสื่อ

แต่สิ่งที่พวกเขากังวลคือเพื่อนเขานี่แหละ จะรอดไปถึงเมื่อไหร่ เอาแค่ว่าพวกเขาจะคอยดูอยู่ห่างแล้วกัน

 

To be continued...

 

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ยี่หุบ/ยิ้มไม่หุบ ไม่แน่ใจว่าเป็นคนพี่ที่ใกล้ชิดน้อง หรือคนน้องที่โดนเพื่อนแซวนะ แต่เราเนี่ยยังชอบกลิ่นยี่หุบนะ แต่ชอบแค่บานไม่กี่ดอก แต่พอบานครบเมื่อไหร่เหม็นทันที อะไรมันมากไปก็ไม่ไหว ไร้สาระอีกแล้ว เจอกันตอนหน้านะคะ ฝากฟีดแบ็คด้วยนะคะ