24 ตอน บทที่ 24 เราสองคนรักกันครับพ่อ
โดย T.mines
บทที่ 24
เราสองคนรักกันครับพ่อ
ดอกเดซี่สีเหลือง ความมุ่งมั่นที่จะเอาชนะใจให้ได้ ความพยายาม ความซื่อสัตย์ ไม่หวั่นแม้เจออุปสรรค
เช้าวันรุ่งขึ้น หนึ่งต้องพาคนน้องกลับบ้านตามคำสั่งของว่าที่พ่อตา ร่างสูงหอมแก้มปลุกคนรักให้ตื่นเตรียมตัว เจ้าคนตัวน้อยขยับตัวมุดหน้าลงบนหมอน ตวัดผ้าห่มร่นขึ้นเผยสะโพกบางส่วนของร่างกายอันเปลือยเปล่าจากการร่วมรักกันเมื่อคืน ชายหนุ่มผู้หื่นกระหายในตัวคนรักกลืนน้ำลายลงคอ ลากลิ้นลงเลียผิวขาวที่โพล่พ้นออกมา ความเย็นและความสยิวปลุกเร้าคนตัวเล็กจนต้องเบิกตาโต
“อะ!!..อื่อ...พี่หนึ่ง...” หนูวีตวัดสายตาดุไปยังชายหนุ่มคนรัก
หนึ่งช้อนตามองคนจอมดุลากลิ้นเลียอีกที ย้ายริมฝีปากมาจูบแก้ม ตามด้วยคำพูดเย้าแหย่ “ทำไมคะ พี่ปลุกหนูแล้วไม่ยอมตื่น แต่พอหนูขยับผ้า” เขาจับมือบางวางแปะลงแก่นกายแข็งชี้โด่เคารพธงชาติ “สิ่งนี้เลยตื่นขึ้นมาแทนหนูเลยค่ะ” คนขี้แกล้งยังไม่หยุดอยู่แค่นั้จับมือน้องขยับรูด
“อื่อ...พี่หนึ่ง...” เจ้ากระต่ายตัวน้อยกลายร่างเป็นกระต่ายชมพู บิดมือหนีจากการกอบกุมแท่งร้อน ก้มหน้างอง้ำบ่นคนขี้แกล้ง “เมื่อคืนกินไปตั้งเยอะ ยังไม่อิ่มเหรอ คนหื่นกาม”
หนึ่งอมยิ้มในความน่าเอ็นดูปนความมันเขี้ยว จ้องมองร่างขาวเต็มไปด้วยรอยจ้ำแดงที่เขาฝากไว้ พอเห็นว่าคนพี่เงียบไป ร่างบางมองสำรวจตัวเอง มือเรียวเล็กออกแรงดึงผ้าผืนบางหมายจะมาปกปิดกาย
คนหื่นกระชากผ้าผืนนั้นโยนทิ้งไป ปีนขึ้นคร่อมบนร่างบาง ตามด้วยเสียงหื่นกระหายอยาก “เขาบอกว่าตอนเช้าให้ดื่มนมเยอะ ๆ”
“อะ!!!”
เสียงครางจากคนตัวเล็กระหว่างคนรักเขาจู่โจมชิมติ่งไต ชายหนุ่มลงลิ้นรัว ทั้งดูดทั้งขบกัด จนรอบฐานนมบวมแดงและมีรอยฟัน
“อ้า..อ๊า...พี่หนึ่งวีสะ เสียวค่ะ”
“หนูเสียวเหรอคะ แต่พี่แข็งมากเลยค่ะ เอากันไหมคะ?”
ชายหนุ่มร่างสูงพยักหน้าเชื้อเชิญคนรักให้ยอมตกลง มือหนายังสาละวนลูบไล้ตามร่างกายคนน้อง ลากลามไปยังซอกขาไต่ไล่ขึ้นล้วงสะกิดก้อนกลมของพวงแฝด ถูไถไปถึงร่องทางด้านหลังตอดขมิบรับแรงสัมผัส
“อ๊า!! พะ พี่หนึ่ง...วะ... วีต้องกลับบ้านะครับ...”
เสียงครางกระเส่าพร่ำบอกชายคนรักในสิ่งที่ต้องทำของวันนี้ ถ้าหากคนพี่ไม่ยอมหยุดยังจะชักจูงต่อ เขาคงมิอาจต้านทานได้ไหว ยอมโอนอ่อนไหวไปตามน้ำ
ชายหนุ่มร่างสูงโน้มตัวกระซิบ “ค่ะพี่รู้ แต่พี่อยาก หนูนอนหนีบขาให้พี่หน่อยนะคะ”
คนพี่จับพลิกร่างบางที่นอนอ่อนระทวยจากการเล้าโลมให้นอนคว่ำลง สอดส่วนแข็งขืนซอกในขาแนบติดก้อนกลมสีขาว กดจูบไล่ตามแผ่นหลังสีขาวราวน้ำนมอย่างหลงใหล
ร่างสูงสอบเอวขยับเข้าออก เสียงเนื้อกระทบกันปนเสียงครางต่ำของชายหนุ่มด้านบน ชายหนุ่มกระแทกเอวอย่างหนักหน่วง มือหนาล้วงไปกอบกุมแท่งร้อนของคนใต้ร่างมารูดรั้ง พาคู่รักถึงฝั่งฝันพร้อมเสียงครางและหอบกระเส่าด้วยความสุขสมร่วมกัน
“อ้า.../ อืม...”
ในเวลาต่อมาหนึ่งขับรถพาคนรักของเขามายังบ้านที่เคยมาส่งเมื่อครั้งก่อนหน้า วันนี้เขาเตรียมสิ่งของมาไหว้พ่อตากับแม่ยาย รวมถึงพี่สาวของคุณแฟนเต็มสองมือ ไม่ว่าจะรังนกเอย เครื่องดื่มบำรุงกำลัง เครื่องสำอางแบรนด์ชั้นนำ และกระเป๋าถือสองใบสำหรับแม่ยายกับพี่สาว
“พี่หนึ่งจอดรถไว้ตรงนั้นเลยครับ” หนุ่มน้อยเจ้าของบ้านชี้บอกคนรักจอดรถข้างประตูรั้วบ้าน
เสียงรถจากทางด้านนอกบอกถึงการมาของบุตรชาย ชายวัยกลางคนเดินมาออกมามองสองคนรักจับจูงมือกันเดินเข้ามาในอาณาเขตบ้าน หญิงสาวสองคนรีบเดินเร่งตามมาอย่างกระชั้นชิด
คนตัวเล็กเห็นบิดามายืนรอตรงหน้าบ้าน เขารีบปล่อยมือจากคนพี่ “เอ่อ..พ่อ สวัสดีครับ นี่พี่หนึ่งแฟนน้องวีครับ” เขายกมือไหว้และกล่าวแนะนำคนรักให้แก่บิดาตน
“สวัสดีครับคุณพ่อ สวัสดีครับคุณแม่ และพี่วาด้วยครับ” ชายหนุ่มร่างสูงยกมือไหว้ผู้อาวุโสกว่าทีละคนตามลำดับ
“อืม” บิดาของคนน้องรับไหว้ด้วยท่าทางฮึดฮัด
“คุณพ่อครับ คุณแม่ครับ พี่วา ผมซื้อของเล็ก ๆ น้อย ๆ มาฝากด้วยครับ นี่รังนกบำรุงร่างกาย...”
“ฉันมีลูกแค่สองคน และจำได้ว่าไม่เคยนับใครเป็นลูกด้วย” บิดาของเจ้าตัวเล็กพูดแทรกขัดขึ้นมา ก้าวเดินดึงแขนบุตรชายมาไว้ข้างกาย “น้องวีเข้าบ้านลูก และนายมาทางไหนไปทางนั้น เชิญ!”
“พ่อ...”
วีงวยงงในอากัปกิริยาของบิดา ชายหนุ่มมองคนในบ้านแต่ละคนสลับไปมากับหน้าคนรัก พี่สาวและแม่ของเขาส่ายหน้าอย่างช่วยอะไรไม่ได้ ส่วนคนรักเขายังยิ้มสู้เสือ
“คุณพ่อครับ” หนึ่งเรียกบิดาของคนรักด้วยน้ำเสียงสุขุมนุ่มลึก “ผมจริงใจกับน้องนะครับ ผมรักน้องอย่างเต็มหัวใจ และผมมั่นใจว่าเราทั้งสองรักกันครับ”
“ฉันไม่ต้องการให้น้องวีคบกับคุณ เลิกยุ่งกับลูกชายของฉัน”
ในคราแรกหนึ่งเองก็งงในตัวพ่อของวี ทั้งที่เพิ่งเคยเจอหน้าถึงกับออกอาการไม่ชอบขี้หน้าเร็วขนาดนี้ แต่ทำไงได้ถ้าลูกชายของเขาน่ารักน่าฟัดแบบน้องวี คนเป็นพ่อย่อมหวงเป็นธรรมดาอยู่แล้ว เขาทำได้คือการแสดงความจริงใจรวมถึงความบริสุทธิ์ใจแก่ว่าที่พ่อตา หลังจากสิ้นสุดประโยคนั้น หนึ่งต้องกลับชะงักในคำพูด
เจ้าคนตัวเล็กร้องเรียกบิดาเสียงอ่อน “พ่อ... น้องวีรักพี่หนึ่งนะครับ” เจ้าตัวเล็กย้ายไปยืนเคียงข้างคนรักของตน
“น้องวีหยุดพูด พ่อมีเหตุผลของพ่อ น้องวีไม่เคยดื้อแบบนี้ กลับมายืนตรงนี้!!” เสียงดุอันแข็งกร้าวของบิดา จนตัวเล็กถึงกับสะดุ้งด้วยความกลัว น้ำตาไหลลงอาบแก้ม หนึ่งโอบกอดคนรักเขาแนบอก
“พ่อใจเย็นก่อน น้องร้องแล้วค่ะ” วาเดินเข้ามาเกาะแขนรั้งตัวบิดาจะพุ่งเข้าไปกระชากตัวน้องชายออกมา
“น้องวี! มาหาพ่อเดี๋ยวนี้!” บิดายังคงไม่ยอม ยกมือกวักเรียกลูกชาย
หนึ่งคลายอ้อมกอดจับบ่าคนรักยกมือปาดน้ำตา เขายกยิ้มบางปลอบใจตัวน้อย “หนูไปเถอะค่ะ พี่โอเค”
“พี่หนึ่ง..ฮื่อ...” เจ้าตัวน้อยพะว้าพะวังไม่อยากแยกจากคนพี่ แต่คำขาดของบิดาจึงยอมผละตัวออกไป
เสียงร้องไห้งอแงปากเบะ แววตาของน้องตื่นกลัวว่าพวกเขาต้องแยกจากกัน ใบหน้าขอบตาแดงก่ำ ใจเขาปวดร้าวราวกับปลายมีดกรีดตรงหัวใจ ต้องปั้นหน้ายิ้มให้คนรักเขาสบายใจ ถ้าเขาทำได้คงจะพาน้องออกไปจากตรงนี้ เขาสามารถรับเลี้ยงและดูแลไม่ให้ขาดเหลืออะไร แต่นั่นคือคนในครอบครัวคนสำคัญสำหรับน้อง คนที่ควรถอยในตอนนี้คือเขาเอง
“พี่รักน้องวีมากนะคะ หนูจำตอนก่อนจะมากรุงเทพได้ไหมคะ? เราสองคนสัญญากันว่าจะเป็นคู่ชีวิตกัน เชื่อใจพี่นะคะ กลับเข้าบ้านก่อน” หนึ่งดันหลังคนรักเขาให้เข้าไปยังด้านใน
“น้องวีมาครับ” บิดาของเจ้าตัวน้อยจับข้อมือน้อยรั้งและฉุดดึงเข้าบ้าน ชายวัยกลางคนหยุดหันมาบอกแก่ชายหนุ่มอีกคน “ถ้าจะให้ดีเลิกยุ่งกับวีสะ แม่ พี่วาเข้าบ้านได้แล้ว”
“ไม่มีทางครับ ผมไม่เลิกยุ่งกับน้องเพราะเราสองคนรักกันครับ” หนึ่งบอกย้ำด้วยความสัตย์จริงภายในใจของเขา
“หนึ่งกลับไปก่อนเถอะ รอให้พ่อน้องใจเย็นกว่านี้แล้วค่อยมาคุยกัน แม่ไปก่อนนะ” ภรรยาของเจ้าของบ้านรีบเดินตามคนเป็นสามีไปอย่างเร็วด้วยความเป็นห่วงลูกชายผู้ซึ่งเอาแต่ร้องไห้เสียใจ
“เดี๋ยวครับพี่วา” หนึ่งร้องเรียกพี่สาวของแฟนเขาให้หยุดก่อน เขามีข้อสงสัยอยากจะถาม “มันเกิดเรื่องอะไรครับ ทำไมคุณพ่อถึงดูไม่ค่อยชอบขี้หน้าผมทั้งที่เราเพิ่งจะเจอกัน” ความจริงเขาอยากจะใช้คำว่า เกลียดขี้หน้า ด้วยซ้ำ แต่ยั้งเอาไว้ด้วยมารยาท
วาถอนหายใจ “ตอนนี้ทางบ้านพี่รู้แล้วว่าวีย้ายไปอยู่กับหนึ่ง และมีคนเขาพูดถึงน้องชายพี่แบบไม่ดีเอามาก ๆ พี่ต้องขอโทษด้วยนะ” เธอถอนหายใจอีกรอบก่อนจะกล่าวด้วยความรู้สึกเห็นใจ “แต่พี่เห็นด้วยกับสิ่งที่พ่อพี่ทำ เลิกยุ่งกับวีเถอะ เพราะพี่ไม่อยากให้น้องชายพี่ต้องเสียใจไปกว่านี้เลย ความรักอย่างเดียวมันไม่พอหรอก มันต้องมีอย่างอื่นมาประกอบด้วย หนึ่งน่าจะเข้าใจที่พี่พูดนะ” เธอหมุนตัวกลับเข้าไปในบ้าน โดยทิ้งชายหนุ่มให้ยืนเคว้งอยู่คนเดียว
ภายในบ้านหลังน้อย เจ้าคนตัวเล็กเอาแต่นั่งร้องไห้กอดมารดา คร่ำครวญตัดพ้อต่อว่า “แม่ พ่อไม่รักวีแล้วเหรอ อึก ไหนตอนแรกพ่อจะให้พาพี่เขามาไง อึก ฮื่อ... วีรักพี่หนึ่งจริง ๆ นะแม่ ฮื่อ...พ่อกับแม่ไม่เชื่อว่าเราสองคนรักกันเหรอครับ”
“วา พาวีขึ้นไปบนห้อง เฝ้าไว้ด้วยอย่าให้ติดต่อกับทางนั้น” คำสั่งเด็ดขาดจากบิดา
“...” ลูกชายตัวน้อยตาแดงจากการร้องไห้หันไปมองพ่อผู้ใจร้าย น้ำตาหยุดไหลจากการปลอบของมารดาเอ่อล้นไหลลงอาบแก้มอีกครั้ง เขาเม้มปากสนิทกักกั้นเสียงไม่ให้ออกมา ค่อยลุกขึ้นยืนเดินตามไปพี่สาวไปยังชั้นบน
“ไปวี” หญิงสาวที่รักน้องชายอย่างมากเดินลูบไหล่ปลอบโยนตัวน้อยของเธอ
เหลือเพียงหนึ่งหญิงกับหนึ่งชายวัยกลางคน ในห้องอันเงียบสนิท ภรรยาแสนสวยใช้ชีวิตร่วมกันมาสามสิบกว่าปีมองหน้าคนรักนั่งก้มหน้าเครียด และส่ายหัวในความดื้อแพ่ง
“พ่อจะไม่ใจร้ายกับลูกไปหน่อยเหรอ แม่รู้ว่าพ่อรักลูกนะ แต่ลองให้โอกาสพวกเขามาอธิบายจะดีกว่าไหม”
“วันนั้นแม่ก็ได้ยินนี่ว่าคนอื่นเอาลูกเราไปพูดถึงขนาดไหน แล้วไอ้นั่นยังทำให้น้องวีโกหกพวกเราด้วยนะแม่ แล้วแม่คิดว่าคนพวกนั้นจะมาจริงใจกับคนฐานะธรรมดาอย่างพวกเรา? เพราะพ่อรับรู้ถึงความรู้สึกนั้นมาแล้ว” ชายวัยกลางคนนิ่งเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยตบท้ายน้ำเสียงแห่งความรู้สึกผิดอย่างมาก “พ่อไม่อยากให้คนที่พ่อรักต้องเจอแบบนี้อีกคน”
ย้อนกลับไปเมื่อสมัยในช่วงที่เขายังอยู่ในช่วงมหาวิทยาลัย เขามีน้องสาวฝาแฝดเรียนร่วมสถาบัน และเธอพบรักกับชายหนุ่มดั่งเทพบุตรของหญิงสาวหลาย ๆ คน ไม่ว่าจะเป็นฐานะร่ำรวย หน้าตาหล่อเหลา แต่กลับมาตามจีบน้องสาวฝาแฝด เขาจึงได้แต่ตักเตือนในฐานะพี่ชายด้วยความเป็นห่วง พอเห็นได้เห็นน้องสาวมีความสุขก็ยอมมองข้ามไปเฝ้าดูอยู่ห่าง ๆ และคิดว่าชายคนนั้นรักน้องสาวเขาอย่างจริงใจ
ไม่นานสันดานเห็นแก่ตัวของคนรวยก็โผล่หางออกมา ชายหนุ่มคนดังกล่าวเดินทางมายังบ้านเขาพร้อมด้วยคู่หมั้นและพ่อแม่ บอกว่าตอนนี้เขารักกับคนรักมาก ประกาศให้น้องสาวเขาเลิกยุ่งกับชีวิตเขาสักที เลิกมาตามตื๊อเลิกมาวุ่นวาย พ่อแม่ฝ่ายผู้ชายคนดังกล่าวต่อว่าพ่อกับแม่ของเขาอย่างร้ายกาจว่าจงใจให้ลูกตัวเองมาจับคนรวย ชีวิตจะได้ดีขึ้นใช่ไหม และการกระทำอันเลวทรามของผู้ชายคนนั้นคือการปาเงินใส่หัวน้องสาวเขา
เรื่องราวมันควรจะจบแค่นั้น ถ้าไม่มีการเล่าจากปากต่อปากจนเรื่องราวทั้งหมดมันบิดเบี้ยว กลายเป็นว่าพ่อกับแม่เขาให้ลูกสาวตัวเองไปเสนอตัวขายให้แก่พวกลูกเศรษฐีคนมีเงิน เป็นคนขายลูกกิน น้องสาวเขาเสียใจที่ทำให้พ่อกับแม่อับอาย คนในบ้านพยายามเตือนเธอกับการเลือกคบผู้ชายคนนี้แล้ว แต่เธอกลับไม่ยอมฟัง เชื่อมั่นในตัวชายคนรักของเธออย่างสุดหัวใจ ด้วยความเสียใจต้องเลิกรากับคนรักและสร้างความผิดหวังในทางบ้าน พี่ชายมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับคนที่มาต่อว่า เธอไม่สามารถไปเรียนได้เพราะทนความอับอายไม่ได้ พ่อกับแม่ตกเป็นขี้ปากชาวบ้านเพราะตนเอง จึงตัดสินใจจะจบชีวิตตนเอง
หากวันนั้นพี่ชายอย่างเขารู้สึกแปลกใจในคำพูดของน้องสาว และตัดสินใจย้อนกลับเข้ามาบ้านอีกรอบระหว่างกำลังเดินทางไปมหาวิทยาลัย และมันคือการตัดสินใจอันถูกต้อง ไม่งั้นเขาคงเสียน้องสาวไปตลอดชีวิต ถึงแม้ตอนนี้น้องสาวเขาจะเจอคนรักและใช้ชีวิตเรียบง่ายในต่างจังหวัด เรื่องราวยังติดค้างอยู่ในใจเขา พอเจอกับบุตรชายเขาไม่อยากให้มันเกิดขึ้นอีกครั้ง
ทางด้านบนห้องนอน
“น้องวีจะโทรไปหาแฟนเราก็ได้นะ รีบโทรไปก่อนพ่อจะมาเห็น” วาบอกแก่น้องชายตัวน้อยที่เอาแต่นอนร้องไห้
“พี่วา ทำไมพ่อเป็นแบบนี้ล่ะ วีไม่เข้าใจ วีกับพี่หนึ่งรักกันมันผิดเหรอครับ” น้องชายถามเธอด้วยน้ำเสียงหมองเศร้า ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล “หรือเป็นเพราะวีชอบผู้ชายด้วยกันเหรอครับ”
วาน้ำตาไหลรินด้วยความสงสาร มือเรียวบางรั้งน้องชายเข้ามากอด “ไม่ผิดค่ะ น้องวีของพี่รักใครก็ไม่ผิด เพศอะไรก็ไม่ผิด แต่พ่อเขามีเหตุผลของเขา น้องวีอดทนรอหน่อยนะ ถ้าเราทั้งสองคนรักกันต้องผ่านเรื่องนี้และเอาชนะใจพ่อได้ โทรไปหาพี่เขาเถอะ”
ร่างบางต่อสายหาคนรักของตัวเอง แทบจะไม่ต้องรอสายเลย ชายหนุ่มรับทันที
[ครับหนู เลิกร้องไห้ยังครับ]
“พี่หนึ่ง ฮื่อ...อึก วะ วี ฮื่อ...” พอได้ยินเสียงคนพี่เขาไม่อาจกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้
[ไม่ร้องนะครับ พี่กำลังขับรถกลับ...] หนึ่งอยากจะบอกว่า ห้องเรา แต่เขาเลือกเงียบไม่พูดออกไป เพราะกลัวทำให้คนตัวเล็กของเขาร้องไห้เพิ่มขึ้นอีก [ตอนนี้น้องวีของพี่อยู่กับใครครับ คนเดียวหรือเปล่า]
“เปล่าครับ อยู่กับพี่วา”
[ดีแล้วครับ กินอะไรหรือยัง อย่าบอกนะไม่หิว หนูต้องกินนะคะ กินเยอะ ๆ ด้วย เวลาพี่รักหนูจะหมดแรงเอาง่าย ๆ นะคะ] ชายหนุ่มเปลี่ยนเรื่องชวนคุย และยังเย้าแหย่สองแง่สองง่ามกับคนรัก และเขาเดาว่าทันทีที่พูดจบคนตัวเล็กต้องหน้าแดง
“พี่หนึ่ง...” เสียงร้องเรียกชื่อเขาอย่างลนลาน กลัวพี่สาวจะได้ยินเรื่องอย่างว่า
[…] เขาอมยิ้มหัวเราะในลำคอใส่เจ้าตัวน้อย เขาชอบมองใบหน้าเขินอายจัง อยากเห็นมาก ๆ เลย
“วีคิดถึงพี่หนึ่งจังเลยครับ”
[พี่ก็คิดถึงหนูที่สุดเลย คุณลิตาเพิ่งโทรมาหาพี่ว่ามีงานเมื่อกี้ หนูต้องดูแลตัวเองแทนพี่ด้วยนะ]
“ครับ”
[สัญญากับพี่ก่อน ว่าจะกินข้าวทุกมื้อ และไม่ร้องไห้ด้วย]
“ครับวีสัญญาก็ได้”
[ไม่เอาคำว่า ก็ได้ น้องวีต้องพูดว่า น้องวีของพี่หนึ่งจะกินข้าวทุกมื้อและไม่ร้องไห้แล้ว]
“ครับ น้องวีของพี่หนึ่งจะกินข้าวทุกมื้อและไม่ร้องไห้ด้วยครับ”
[น่ารักที่สุดแฟนใครเนี่ย งั้นแค่นี้ก่อนนะคะ พี่ต้องขับรถไปทำงานต่อ รักหนูนะคะเจ้ากระต่ายน้อยของพี่หนึ่ง]
“รักพี่หนึ่งเหมือนกันครับ”
วานั่งฟังสองคนรักคุยกัน อย่างน้อยทางนั้นก็ช่วยให้น้องชายเขายิ้มขึ้นมาได้ เธอบอกให้เจ้าตัวไปล้างหน้าล้างตาเดี๋ยวจะไปเอาอะไรมาให้กินรองท้องก่อนค่อยนอนพัก
หลังจากวางสายจากน้องวีของเขา รอยยิ้มจางหายสลายไปทันที เขาโกหกว่ามีงานกับคนรัก แต่ที่ต้องทำคือสืบเรื่องราว ถ้าเขามีคนรักก็ไม่แปลกที่ต้องมีเรื่องฐานะมาเกี่ยวข้อง แต่เรายังพาน้องออกงานเมื่อคืนและเรื่องถูกพูดไปถึงไหนแล้ว คนที่ฉลาดพอจะไม่แตะต้องคนของเขา ยิ่งแม่เขาออกหน้าแนะนำตัว มีแต่คนโง่เท่านั้นที่กล้าทำแบบนี้ ดีเลยจะได้จัดการไปพร้อมกับไอ้ตัวก่อนหน้านี้
หนึ่งต่อสายหาบอดี้การ์ดส่วนตัวและสั่งงานให้ไปสืบเรื่อง และยังถ่ายทอดคำพูดพี่สาวของคนรักเขาให้ฟังด้วย และขอคำตอบเร็วที่สุด
วีขึ้นมาอาบน้ำและเตรียมตัวเข้านอน ช่วงเย็นเขาลงไปกินข้าวพร้อมกันทั้งบ้าน อาหารรสชาติอร่อยเหมือนเคยบนโต๊ะนั้นมีแต่ของโปรด เขาเดาว่าพี่วากับแม่เป็นคนจัดหามาเอาใจ บรรยากาศเคยสนุกสนานกลับเงียบงันไร้การพูดคุยหยอกล้อกันภายในครอบครัว พอเขากินอิ่มก็ขอตัวขึ้นมาห้องนอน
ร่างบางนอนหงายหน้ามองเพดาน เตียงนอนขนาด 3.5 ฟุตอันคุ้นเคยตั้งแต่เด็กจนโตป่านนี้ทำไมมันดูกว้าง มันไม่อบอุ่นเท่ากับคิงไซซ์ที่มีคนตัวโตนอนกอดเขา ร่างบางเม้มปากเตรียมจะร้องไห้เพราะคิดถึงคนพี่
ก๊อก ๆ ๆ วีได้ยินเสียงเคาะ แต่มันไม่ได้มาจากทางประตู เขาลุกนั่ง เสียงเคาะดังอีกรอบ มันมาจากทางบานหน้าต่าง ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ คนตัวเล็กขยี้ตาเพื่อความมั่นใจว่าเขาไม่ตาฝาด พอมั่นใจรีบเปิดหน้าต่างรับชายหนุ่มคนที่เขาคิดถึงให้ปีนข้ามเข้ามาในห้องนอนของเขา
“พี่หนึ่ง...”
คนตัวโต แผ่นอกแข็งแรง กลิ่นกายหอมอ่อน แขนหนาออกแรงรัด คนตัวเล็กสูงแค่อก ตัวกระจิริดเหมือนกระต่ายน้อยขนฟู หากออกแรงมากกว่านี้อีกนิดตัวได้หักครึ่งแน่ อ้อมกอดที่เขาทั้งสองโหยหา กอดอันอบอุ่นของเรา...
To be continued…