บทที่ 23

เซอร์ไพรส์ในเซอร์ไพรส์ยิ่งกว่า

ดอกเยอบีร่า จิตใจที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสาแฝงด้วยความเข้มแข็ง

 

 

เช้าวันเสาร์ สองคนรักเดินทางมายังบ้านใหญ่แห่งตระกูลศิริกิจวัชรโชติ คนตัวเล็กมีอาการประหม่าอย่างเห็นได้ชัดกระสับกระส่ายดุ๊กดิ๊กอยู่ไม่สุข รถจำนวนมากจอดเต็มลานบ้าน วีไม่เคยเจอรถแพงเยอะขนาดนี้ จนไปสะดุดตากับป้ายทะเบียนของรถ

“อะ นั่นรถเพื่อนวีนี่ครับ” เจ้ากระต่ายน้อยชี้รถสี่คันจอดติดกัน

“ใช่ครับ พอไนน์รู้ว่าพี่จะพาวีมาเจอกับปู่ คนเก่งกลัวว่าวีจะเกร็งเลยชวนเพื่อนคนอื่นมาด้วยครับ”

 

“อือ...ไนน์เนี่ยดูแลวีตลอดเลย ไม่เสียแรงที่เคยแอบชอบนะเนี่ย” คนตัวเล็กยกยิ้มกว้างในความใจดีและเอาใจใส่เรื่องเล็กน้อยจากเพื่อนคนนี้ รวมถึงเพื่อนคนอื่นด้วยเช่นกัน เขาอยากขอบคุณโชคชะตาที่ช่วยให้พวกเขามาเจอกัน

 

ชายหนุ่มมองคนรัก เขาหยุดชะงักปวดแปล๊บในอก แล้วบอกกับคุณแฟนพร้อมสีหน้าอย่างเจ็บปวด “วีครับ แค่ชอบใช่ไหมครับ ชอบแบบเพื่อนใช่ไหมครับ หนูคือคนรักของพี่ใช่ไหมคะ?”

 

“ครับ...” คนตัวเล็กขานรับเม้มปากอย่างอาย ยอมซะขนาดนั้นแล้วคงชอบไนน์อยู่มั้ง ไอ้พี่บ้า

 

ภายในห้องโถงรับแขกชายหนุ่มร่างโปร่งสีหน้าเหม็นเบื่อถูกรุมล้อมด้วยพี่ชายและพี่สาว ไนน์นั่งบนโซฟาขนาบซ้ายขวาด้วยสองสาวของบ้านคือนานะและโฟร์ บนพื้นมีพี่ชายทั้งสองข้างโดยล็อกด้วยพี่ตัว ท ทูและทรัวต่างพากันใช้มือผลักให้อีกคนออกห่างจากตัวน้อง บนหัวด้านหลังมีสามชายหนุ่มยืนเรียงซ้อนหลังมือเกาะบ่าน้องชายประกอบด้วยทาซอท ฮาจิและยอซอท

 

เพื่อนทั้งสี่นั่งรวมอยู่ในอีกมุม มองดูใบหน้าเพื่อนใกล้หมดความอดทน นั่งนิ่งถอนหายใจไปหลายเฮือกแล้ว หลายครั้งที่ผ่านมาพวกเขาเจอบรรดาพี่สาวและพี่ชายของไนน์บ้าง แต่ก็ไม่ได้แสดงอาการหลงน้องหนักขนาดนี้ พอเจอวันรวมตัวกันครบถึงเข้าใจที่ไอ้เพื่อนหน้าเหม็นเบื่อพูดเอาไว้

 

“กูเจอทีละคนน่ะดีแล้ว แต่ถ้าให้พวกมันมาพร้อมกัน กูโคตรเกลียดเลยว่ะ” หนุ่มไนน์ได้กล่าวเอาไว้ก่อนเดินเข้าบ้านหลังนี้พร้อมพวกเขา

 

“เพื่อนหนูอยู่นั่นไงคะ”

 

วีหันมองตามมือของคนรักชี้บอก เขาส่งยิ้มให้กลุ่มเพื่อน มองหาเพื่อนอีกคนซึ่งหายไปกลุ่มก้อนเพื่อนเขา ก่อนจะได้รับคำตอบโดยการพยักพเยิดหน้าชี้ไปฝั่งตรงข้าม ชายหนุ่มผู้โดนกกกอดจากกลุ่มคนทั้งหลาย

 

“...” ไนน์ยิ้มเจื่อนตอบกลับมา

“ทำอะไรน้องน่ะ!! พวกมึงปล่อยคนเก่งกูเลยนะ!!” เสียงตวาดของพี่ชายคนโตสุด มือหนาดันหน้า ดึงแขน เท้าเขี่ยแต่ละคนให้ออกจากน้องชายสุดรัก ตัวไนน์เหมือนแปลงร่างเป็นหมากฝรั่งที่ต้องใช้แรงขนาดหนักถึงจะเอาแต่ละคนออกได้

“หนูวีมาแล้วเหรอลูก” หญิงสาววัยกลางคนร้องทักดังมาแต่ไกลจากทางด้านใน เดินปรี่มาหาลูกสะใภ้คนน่ารัก ตามหลังมาด้วยชายวัยกลางคนและชายวัยสูงวัยมีใบหน้าคุ้นหน้าจากสื่อต่าง ๆ ในสีหน้าเคร่งขรึม

“โว้ย!! ปล่อยได้แล้ว” ไนน์หมดความอดทนลุกขึ้นโวยวายสุดเสียง จ้ำพรวดออกมา ตวัดสายตาไล่มองไล่พี่ชายและพี่สาวจนครบทุกคน ใบหน้าบอกว่า อย่าตามมาเกาะอีกนะ

“สมน้ำหน้า” น้ำเสียงเยาะเย้ยจากชายสูงวัยคนดังกล่าว “ก่อกวนอะไรน้องแต่เช้าล่ะ”

“โห...ปู่...” เสียงร้องประสานโอดครวญจากบรรดาหลานๆ ของบ้านนี้ พร้อมด้วยใบหน้าเจ็บปวดที่น้องชายหนีจากอก เรียกเสียงหัวเราะจากผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้าน

“ไหนเพื่อนเรา แนะนำให้ปู่รู้จักหน่อยสิ” ประมุขของบ้านยกมือลูบหัวหลานชายคนโปรดเข้ามากอดเอวอ้อน

หนึ่งและไนน์ยืนประจันหน้ากัน มองสลับกันไปมา ไนน์ยักคิ้ว พี่ชายมุมปากยกขึ้น ชายหนุ่มผายมือไปยังเพื่อนตัวเล็ก

“ครับปู่ นี่น้องวี เพื่อนรักของไนน์น้องน้อยประจำกลุ่ม” ไนน์ต้องการแกล้งหนึ่งเพราะว่าเจ้าตัวคงอยากแนะนำสถานะอย่างอื่นก่อนจะให้บอกว่าคือเพื่อนรัก เขายังไม่ทันจะข้ามไปยังเพื่อนคนอื่น พี่ชายคนโตแทรกมาทันที

“คนเก่งครับ ลืมอีกอีกสถานะหนึ่งครับ น้องวีคือแฟนหนึ่งด้วยครับปู่ หลานสะใภ้คนแรกของตระกูลด้วยนะปู่ คนที่ผมรักสุดขั้วหัวใจ และคนจะที่รับมรดกจากคุณนายดาหลาด้วยครับ คู่ชีวิตผมต่อจากนี้ครับ”

“...พี่หนึ่ง!!” คนตัวน้อยกระตุกแขนเสื้อคนรักเกริ่นแนะนำตัวเขายืดยาว พูดออกมาแต่ละคำอย่างไม่รู้สึกอาย แต่คนโดนกล่าวถึงตัวแดงก่ำด้วยความอับอาย

“...!!??” คนอื่น

 

“แนะนำหมดแล้วเหรอหนึ่ง ปู่ว่าน่าจะมีอีกนะ อย่างเช่น...หลานสะใภ้ผู้น่ารัก ตัวเล็กดุ๊กดิ๊ก” ชายชราเหลือบมองเจ้าตัวน้อยที่ใคร ๆ ต่างพูดถึง อ้าปากค้างพูดไม่ออกส่งสายตาปริบ ๆ ขอความช่วยเหลือจากแม่สามี “อะ ๆ พอก็ได้ ปู่ไม่ร่วมแกล้งอีกคนก็ได้ เวลาเขินน่ารักแบบพวกนี้พูดไว้จริง” เจ้าของบ้านชี้นิ้วไปทางบรรดาเพื่อน ๆ แนะนำให้แกล้งหยอกล้อ

 

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เสียงหัวเราะจากคนภายในห้องทั้งหมด รวมถึงบรรดาคนรับใช้แม่บ้านต่างพากันยกยิ้ม ไม่กล้าหัวเราะแฟนเจ้านายอย่างออกนอกหน้า

 

“...” วีผู้โดนแกล้งอ้าหุบปากพูดไม่ออก เสียงหัวเราะอันดังตามมาคนตัวเล็กต้องยู่ปากอน้อยใจให้แก่ทุกคน

 

“ปู่ขอต้อนรับสู่บ้านหลังนี้นะลูก ไหนพาปู่ไปหาเพื่อนคนอื่นสิลูก” มือเต็มไปด้วยริ้วรอยตามกาลเวลาวางบนหัว มอบรอยยิ้มอันแสนอบอุ่นและใจดีแก่สมาชิกใหม่ของบ้าน

 

วียิ้มรับ ในคราแรกเขาคิดว่าชายชราจะมาดนิ่งและดุในแบบนักธุรกิจผู้มีชื่อเสียง แต่กลับใจดีและรวมตัวกับบรรดาลูกหลานแกล้งและยังเอ็นดูเขาเหมือนลูกหลานคนหนึ่ง

 

“ครับปู่” วีเดินนำหน้าไปยังกลุ่มเพื่อน “ปู่ครับ นี่จัสมิน เมเปิ้ล คิวและเจโอครับ” เจ้าตัวน้อยแนะนำไล่เรียงกันไป

“หนูจัสมิน ลูกผู้อำนวยการโรงพยาบาลที่ปู่ไปตรวจสุขภาพใช่ไหม?”

“ค่ะหนูเอง”

“แล้วนี่ ลูกสาวบริษัทออกาไนซ์งานแต่งเบอร์หนึ่ง นี่ลูกเจ้าของค่ายโทรศัพท์ แล้วนี่ก็คนเล็กของร้าน J-Jewelry ใช่ไหมเนี่ย ส่วนคนนี้หลานชายอีกคนของศิริกิจวัชรกรุ๊ป” ชายชราไล่ทำความรู้จักเพื่อนของหลานชายคนเล็ก ช่างเลือกเพื่อนได้ดีทีเดียว แต่เขาก็กลัวเจ้าตัวน้อยผู้ซึ่งยืนข้างกายเขาจะเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับเพื่อนคนอื่น

“ขอบคุณครับปู่” คนตัวน้อยยกมือไหว้ เขาเข้าใจว่าทำไมต้องแนะนำสถานะเขาเสริมไปรวมกลุ่มกับเพื่อน

สิ่งที่ชายสูงวัยกังวลหายไปพร้อมกับรอยยิ้มอันหวานใส เขาใช้สายตามองผ่านผู้คนมานับไม่ถ้วน แววตาของเพื่อนหลานชายทั้งหมดเวลามองเพื่อนแต่ละคนไม่ได้มีอะไรแอบแฝงซ่อนเร้นมันเต็มไปด้วยความจริงใจและห่วงใยซึ่งกันและกัน

“คุยกันไปก่อนนะเด็ก ๆ กินข้าวเที่ยงค่อยกลับนะ ปู่ขอพาแฟนเจ้าหนึ่งไปก่อนนะ ปะลูก”

 

ชายสูงวัยเดินนำหน้าชายหนุ่มตัวน้อยมัวแต่ยืนโบกมือลาเพื่อนอยู่ เพื่อนทั้งหมดเอาแต่โบกมือไล่ให้ตามไปสักที วีวิ่งไปหาคนรักที่ยืนรอตรงทางเดินและจูงมือพาเดินเข้าไปยังห้องทำงานของปู่ถัดเข้าไปทางด้านในตัวบ้าน

“หนูวีมานั่งกับแม่ลูก คุณไปนั่งกับพี่หนึ่งนะ” หญิงวัยกลางคนกวักมือเรียกลูกชายคนใหม่

“...” สองคนพ่อลูกมองหน้ากัน สะบัดหัวอย่างรู้กัน

“แม่ครับ แฟนกันต้องนั่งด้วยกัน พ่อไปนั่งกับแม่ดิ” ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเบนหน้าบอกบิดาให้ไปหาแม่เขา ส่วนตัวเองดึงคนรักให้นั่งลงข้าง ๆ

“ที่รักให้คนเป็นแฟนกันนั่งด้วยกันน่ะถูกแล้ว เหมือนที่แม่ต้องนั่งกับพ่อไงคะ” ชายวัยกลางคนพูดจาหยอกเย้าออดอ้อนภรรยา

“นิสัยหลงเมียเนี่ย มันได้จากใครกันวะ?”

“พ่อ / ปู่”

“มาคุยเรื่องของเราดีกว่า” เจ้าสัวชัชเมินสองคนพ่อลูกหันมามองสะใภ้ดีกว่า “ปู่ยินดีต้อนรับสู่บ้านศิริกิจวัชรโชตินะลูก” ย้ายไปพูดกับสะใภ้ใหญ่ต่อ “สมใจเราแล้วล่ะสิ เจ้าหนึ่งเล่นหาแฟนได้น่ารักถูกใจ”

“ถูกใจที่สุดค่ะคุณพ่อ” เสียงหวานแจ๋วด้วยความดีอกดีใจ

“เจ้าหนึ่ง เรื่องที่เราคุยกันเอาไว้ จัดการได้เลยนะ งานของปู่เคลียร์แล้ว”

“ครับปู่ ผมจะได้หาทางจัดการพวกมันเลย”

ชายวัยกลางคนมองลูกชายโต้ตอบกับบิดาตนเอ่ยถามด้วยความสงสัย “มีเรื่องอะไรกันเหรอครับ?”

“ใช่ค่ะ ทำไมแม่ไม่รู้เรื่องคะ พี่หนึ่ง” มารดาดุบุตรชายและเห็นพ้องกับคำถามของสามี

 

ชายหนุ่มหันไปมองหน้าคนรักเพื่อขออนุญาตเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้พ่อและแม่ฝั่งเขาฟัง เพราะมันคือเรื่องละเอียดอ่อน ส่งผลกระทบต่อจิตใจของเจ้าตัวหากต้องกลับไปนึกถึง แม้เรื่องราวจะถูกแก้ไขไปในทางดีแล้วก็ตาม คนตัวน้อยพยักหน้าอนุญาต หนึ่งเริ่มเล่าเรื่องตั้งแต่ต้นจนมาถึงเขาพาน้องกลับและให้หมอนิกมาทำการตรวจร่างกาย แต่ในเรื่องราวระหว่างเขากับน้อง ผู้ใหญ่ที่ผ่านโลกมานานก็คงพอจะเดาออก และเลือกจะไม่สอบถามไล่เรียงต่อ เพียงแค่พยักหน้ารับและเข้าใจเท่านั้น

 

“หนึ่งจัดการได้เลย ถ้าขาดเหลืออะไรบอกพ่อแล้วกัน” บิดาบอกกล่าวกับบุตรชาย

 

ฟากฝั่งมารดาอมยิ้มกรุ้มกริ่ม เธอได้ข้ออ้างพาลูกสะใภ้ไปอวดโฉมในงานคืนนี้ “แม่ว่าเราคงต้องพาวีออกงานคืนนี้แล้วล่ะครับ ประกาศให้รับรู้ว่านี่คือคนของบ้านเราจะได้ ไม่มีใครมายุ่งกับวีอีก”

 

“หา!! อุ๊ย! ขอโทษครับ” เจ้าตัวน้อยร้องอย่างตกใจ ตามมาด้วยการยกมือไหว้ขอโทษที่แสดงกิริยาไม่เหมาะสมต่อหน้าผู้ใหญ่

 

“ไม่หาค่ะลูก แม่เตรียมทุกอย่างไว้แล้ว ชุดเอย รองเท้า เครื่องประดับด้วย ว่าแล้วแม่ไปสั่งแม่บ้านให้เอาชุดเราไปซักอบแห้งก่อนนะจะได้ทันไปงานตอนเย็น”

 

“แม่ครับ...” วีคว้าแม่ของคนรักร้องเรียกชื่อด้วยความกังวลใจ และกำลังจะผุดลุกขึ้นเดินหนีไป

 

“อะไรคะลูก อ๋อไม่ต้องกังวล แม่กับพี่หนึ่งจะอยู่ตลอดเวลา วันนี้แค่ไปดูเฉย ๆ ลูก ถ้าหนูเบื่อให้พี่หนึ่งพากลับได้เลย ขอตัวก่อนนะคะคุณพ่อ” คุณนายไร่ดอกไม้ตบตักเจ้าตัวน้อยให้กำลังใจ และหันไปลาชายอาวุโสในบ้าน เดินหายไปอย่างรวดเร็ว

 

ชายวัยกลางคนมองหน้าคนรักของบุตรชายที่มองตาละห้อยตามภรรยาของเขาไป เขาค่อยพ่นลมหายใจออกมาก่อนจะกล่าวอย่างเห็นใจ “ตามใจแม่เขาหน่อยนะลูก พี่หนึ่งเพิ่งได้มีแฟนให้แม่เขาชื่นใจ จะไม่ให้พาไปอวดได้ไง คุณพ่อผมขอตัวด้วยเช่นกันครับ”

“นี่เจ้าหนึ่งพาลูกเขามาอยู่ด้วยแบบนี้ ไปขอกับพ่อกับแม่น้องหรือยัง” เจ้าสัวชัชถามหลานชายอย่างรู้นิสัย

“ก็น้องไม่ยอมให้ผมไปสักทีนะครับ” น้ำเสียงตัดพ้อน้อยใจ

“พ่อกับแม่เราหวงหรือเปล่า ปู่จะเตรียมตัวแต่เนิ่น เผื่อต้องไปประกันตัวหลานชายข้อหาขโมยตัวลูกชายเขามากักขังหน่วงเหนี่ยว” ชายชรามองหน้าหลายชายด้วยนิสัยของเจ้าตัวแล้ว คงไม่ยอมปล่อยคนรักตัวเองห่างจากตัว

“นั่นมันข้อหารุนแรงนะครับปู่” ชายหนุ่มเย้าแหย่ชายชรา

วีนั่งนิ่งเงียบฟังทั้งสองคุยกันอย่างเป็นธรรมชาติ เหมือนการพูดคุยระหว่างปู่กับหลานคนทั่วไป ทั้งที่เขาจินตนาการเกี่ยวกับเจ้าสัวผู้ที่ยิ่งใหญ่ในวงการธุรกิจ ไม่มองการรักร่วมเพศเป็นสิ่งผิด กลับส่งเสริมให้ไปในทางที่ถูกที่ควร จนเขาอดสงสัยไม่ได้

“คุณปู่ครับ ไม่รังเกียจที่วีกับพี่หนึ่งรักกันใช่ไหมครับ” ร่างบางถามออกมาอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ

 

ชายสูงวัยทอดกายพิงพนักเก้าอี้อย่างผ่อนคลาย สูดลมหายใจ และเริ่มเล่าด้วยเสียงนุ่มทุ้ม “ปู่คิดว่าเราจะไม่ถามสะแล้ว ต้องเริ่มจากตอนแม่เจ้าไนน์จากไป มันเร็วจนปู่ตั้งตัวไม่ติด ถึงได้รู้ว่าชีวิตมันแสนสั้น อะไรทำให้ลูกหลานของปู่มีความสุข ปู่สนับสนุนเต็มที่ เพราะความสุขของแต่ละคนไม่เหมือนกัน เจ้าไนน์ชอบแต่งรถขับไอ้สองล้อแรงนั่นปู่ละกลัวจัง ส่วนเจ้าหนึ่งเขามีความสุขที่ได้รักกับหนู แต่ใครจะรักกับใคร เราก็ไม่สิทธิไปห้ามเขาไม่ให้รักกันอยู่แล้ว”

“ขอบคุณครับปู่ ว่าแต่ขอสักร้อยล้านไปขอน้องนะครับ” หลานชายยกมือไหว้

เจ้าสัวชัชหรี่ตามองเผยยิ้มมุมปากอย่างเยาะเย้ย “เข้าบ้านแฟนแกให้ได้ก่อนเถอะ แค่ร้อยล้าน มากกว่านี้อีกสองเท่าก็ให้ได้”

“แน่นะปู่” หนึ่งถามย้ำความมั่นใจ

“เออ ไอ้เจ้านี่ เอ้าพาน้องไปกินข้าวได้แล้ว เดี๋ยวแม่แกจะพาไปแต่งตัวออกงานเย็นนี้อีก” ชายสูงวัยโบกมือไหล่ทั้งสอง

“ง้า...”

 

พอพูดถึงเรื่องออกงาน เจ้าตัวน้อยร้องโอดครวญขึ้นมาทันที เรียกเสียงหัวเราะให้แก่ชายอีกคนในห้อง เจ้าตัวน้อยออกจากห้องทำงาน ขอแยกตัวไปหาเพื่อนที่นั่งจับกลุ่มคุยกันอยู่

“ว่าไงค่ะลูก ทำไมหน้าบูดแบบนี้” จัสมินร้องทักวีที่เดินหน้ามู่ทู่มายังกลุ่มพวกเธอ

“ก็แม่พี่หนึ่งให้วีไปออกงานด้วย วีไม่เคยออกงาน กลัวจะทำให้ขายหน้ามากกว่า” ชายหนุ่มบอกหญิงสาวด้วยน้ำเสียงประหม่าและกังวลอย่างมาก

“อ๋อ งานวันนี้พวกกูก็ไปนะ” ชายหนุ่มลูกครึ่งชี้ไล่เพื่อนตัวน้อยให้รู้ว่าใครไปบ้าง

ไนน์ยกมือขุ้นข้างหนึ่ง “กูลอยตัวนะ ไม่มีสถานะที่ จำเป็นต้องไปครับ”

“เอาน่าไม่ต้องกลัว พวกกูไปยกเว้น ไอ้เชี่ยไนน์คนเดียว” เจโอหันไปแขวะเพื่อนและได้รับคำสวนกลับว่า สัส ทันที “ไม่มีใครปล่อยให้วีต้องขายหน้าหรอก โดยเฉพาะพี่หนึ่งของมึง”

“เป็นแบบที่เจโอบอกแหละ แต่ตอนนี้ไปกินข้าวเถอะว่ะ กูหิวมาก” เมเปิ้ลบอกขณะบรรดาแม่บ้านเริ่มจัดโต๊ะอาหารและกลิ่นโชยมาถึงพวกเขา บุคคลทั้งสี่ยกเว้นเจ้าเพื่อนตัวน้อยที่เพิ่งมา ย้ายสายตาไปมองกองขนมบนโต๊ะ และตวัดกลับมายังใบหน้าหญิงสาวเมเปิ้ลอย่างเอือมระอาพร้อมใจกันส่ายหน้าในหัวทุกคน มึงยังกินได้อีกเหรอ

 

พอมีเพื่อนมาอยู่ร่วมด้วย ถึงแม้วีจะยังคงตื่นเต้นเกร็งกับบรรดาคนในบ้าน แต่อยู่กับคนที่สนิทก็ลดอาการลงไปได้เยอะ บรรดาน้อง ๆ ขอเขาเองร่วมช่วยพูดคุยแบบเป็นกันเอง ตอนที่จะพามา ชายหนุ่มกังวลว่าคนรักของเขาจะกลัว แต่ตอนนี้เขากลัวยิ่งกว่าเพราะน้องกลายเป็นขวัญใจตัวน้อยไปทั้งบ้านแล้ว

 

 

 

งานการกุศลจัดขึ้นคืองานประกาศรางวัลสำหรับนักธุรกิจหน้าใหม่ของปีนี้ แต่อีกนัยหนึ่งคือการเปิดโอกาสนัดเจอพบปะสังสรรค์ระหว่างนักธุรกิจ ใช้หาช่องทางร่วมการลงทุนด้วยเช่นกัน

 

รถยนต์เจ็ดที่นั่งมาจอดยังหน้าโรงแรม ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสีดำพอดีตัวก้าวลงมาวางมือรอรับคนรักในชุดสูทสีดำ ด้านในเสื้อเชิ้ตคอระบายลูกไม้สีขาว เสริมความน่ารักให้โดดเด่นขึ้นมาอีกเท่าตัว ตามด้วยชายวัยกลางคนในชุดสูทสีกรมท่าแบบเดียวกับลูกชาย ประคองภรรยาแสนสวยในชุดเดรสยาวสีน้ำเงินเข้มเข้าคู่กับสามี

 

เมื่อเข้ามาภายในงาน สองนักธุรกิจพ่อลูกแยกออกไปพบเพื่อนร่วมวงการ ปล่อยให้หญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวของบ้านควงคู่ชายหนุ่มคนรักของบุตรชายทักทายผู้ร่วมงานคนอื่นตามประสาคนรู้จัก เพื่อนของเจ้าตัวน้อยติดตามพ่อและแม่มาร่วมงานแวะทักทายเพื่อนตัวน้อย ยืนพูดคุยกันอยู่เล็กน้อย ก่อนแยกตัวไปทำหน้าที่ลูกที่ดีตามติดพ่อและแม่เช่นเดียวกัน

“คุณดาหลาสมใจแล้วนะคะที่ลูกชายหาแฟนมาให้สักที” น้ำเสียงจีบปากจีบคอทักทายจากหญิงวัยกลางคนพอคุ้นหน้าคุ้นตากันอย่างคุณหญิงพิไลลักษณ์

ตั้งแต่เดินเข้ามา หนุ่มน้อยที่เธอควงตกเป็นเป้าสายตาภายในงาน ความน่ารักนั้นเฉิดฉายอย่างเห็นได้ชัด พอเดินร่วมกับเธอคนขยันตามหาแฟนให้ลูกชาย คงเดาได้ไม่ยากว่านี่คือคนรักของบุตรชายเธอแน่นอน

“แม้คุณหญิงก็ พูดอะไรคะ ไม่ได้สมใจอย่างเดียว โล่งอกและดีใจมาก ยิ่งพอมองหนูวีของพี่หนึ่งเขา” คุณนายเจ้าของไร่ดอกไม้เอียงตัวมองหน้าคนตัวเล็กในวงแขนเธอ “หามาได้ถูกใจมากค่ะ น่ารักแบบนี้ดิฉันไม่ปล่อยให้หลุดมือแน่นอน” และคุณนายคลายวงแขนมาโอบรัดในความมันเขี้ยว แอบส่งยิ้มหวานให้ลูกชายหันมามองแรงไม่พอใจ เอาแต่กอดคนรักของตน

“แต่ถ้าเป็นอีกแบบจะไม่ดีกว่าเหรอคะ ได้มีลูกหลานไว้สืบทอดธุรกิจด้วยค่ะ” หญิงวัยกลางคนเดินเข้ามาร่วมวงสนทนาด้วย และเธอคือแม่ของหนึ่งในผู้หญิงที่เธอเคยพาไปแนะนำให้ลูกชายตัวเอง

“ดิฉันไม่สนใจเรื่องแบบนี้ค่ะ สิ่งสำคัญคือความสุขของพวกเขาค่ะ คนเป็นพ่อเป็นแม่ไม่ว่าลูกจะรักใคร พ่อกับแม่ก็จะรักคนนั้นกับลูกด้วย” คุณนายเหยียดยิ้มกว้าง

คุณหญิงพูดแทรกขึ้นลดความตึงเครียดรอบตัว “แต่น้องเขาน่ารักมากจริง ๆ นะคะเนี่ย ตาหนึ่งไปหามาจากไหน” คุณหญิงพิไลลักษณ์ยิ้มแย้มมองอย่างเอ็นดู

วีพนมมือก้มไหว้ “ขอบคุณมากครับ แต่ผมก็ไม่ได้น่ารักขนาดนั้นหรอกครับ” เจ้าตัวน้อยก้มหน้ากระมิดกระเมี้ยนยิ้มอย่างอาย ๆ

“ดูสิคะ ยิ่งเวลาอายยิ่งน่ารักเข้าไปใหญ่ ใจป้าละลายหมดแล้วลูก” คนพูดย้ายมือไปตีเจ้าตัวน้อยเบา ๆ อย่างมันเขี้ยว

“คุณแม่คะ หนูมาแล้วค่ะ” หญิงสาวในชุดเดรสสีชมพูควงคู่มากับชายหนุ่มสุดหล่อ ยกมือไหว้ผู้ใหญ่ยืนร่วมวงกัน ขณะแขนยังควงกับชายหนุ่มอยู่ “สวัสดีค่ะคุณป้าดาหลา คุณป้าพิไลลักษณ์”

“สวัสดีครับคุณป้าทั้งสอง รบกวนน้องนาเดียร์ช่วยปล่อยแขนพี่ด้วยครับ”

หนึ่งแกะแขนหญิงสาว เดินอ้อมเบียดแทรกตรงพื้นที่ว่างของคนรักตนเอง หยิบแขนอันเรียวเล็กมาสอดเข้าในแขนเขา

“คนที่จะควงแขนพี่ต่อไปนี้มีได้แค่คนเดียว คือแฟนพี่คนนี้เท่านั้นครับ” หนึ่งพูดด้วยความชัดถ้อยชัดคำมอบแก่หญิงสาวคนตรงหน้า

นาเดียร์รู้สึกราวโดนชายหนุ่มตบหน้าอย่างแรง จ้องมองไปยังร่างบางพ่นลมหายใจฟึดฟัดด้วยความโกรธก่อนสะบัดตัวเดินหนีออกไป

“ดิฉันขอตัวก่อนนะคะ” แม่ของหญิงสาวสะบัดตัวเดินตามหลังลูกสาวไปเช่นกัน

“งั้นดิฉันก็ขอตัวเช่นกันนะคะ ป้าไปก่อนนะหนูวี” คุณหญิงพิไลลักษณ์บอกกล่าวและส่งยิ้มอย่างเอ็นดูให้เจ้าตัวเล็กยกมือไหว้ลา

“สวัสดีครับคุณป้า”

พอเหลือแต่คนรู้จัก เจ้ากระต่ายตัวน้อยพ่นลมออกมาอย่างหมดแรง สองคนแม่ลูกพาหนูวีของพวกเขามานั่งเก้าอี้ หนึ่งปลีกตัวออกไปหาเครื่องดื่มมาให้แก่ทั้งสองคน คุณนายไร่ดอกไม้บีบมือลูกชายอีกคนเต็มไปด้วยเหงื่อ

“หนูวีไม่ต้องสนใจว่าใครจะพูด ถ้ามาพูดไม่ดีกับหนูอัดเสียงไว้นะคะ แม่จะส่งคำเตือนเป็นหมายศาลให้คนพวกนั้นที่กล้ามาวุ่นวายกับหนู และรับคำขอโทษเป็นเงินเท่านั้นค่ะ”

“...”

หญิงวัยกลางคนเอ่ยเล่าเรื่องราวในอดีตในแก่คนรักของลูกชายฟัง “ครั้งแรกที่พ่อเขาพาแม่มาออกงานก็เจอเดียวกันแหละค่ะ จากเด็กบ้านสวนต่างจังหวัดจน ๆ คนหนึ่งได้มีแฟนรวยชีวิต ราวกับซินเดอเรลล่า คำพูดดูถูกดูแคลนไล่มาไม่ขาดสาย แต่พ่อเขาก็ไม่เคยให้แม่ต้องเผชิญกับสิ่งนั้นคนเดียว รวมถึงคุณปู่ คุณย่า ต่างพากันกางปีกโอบอุ้มและพยุงแม่จากสิ่งเหล่านี้ และมันทำให้แม่เรียนรู้ว่าเราต้องเติบโต มีเขี้ยวเล็บไว้ต่อสู้เคียงข้างกับคนรักเช่นกัน”

“...”

“หนูวีเช่นกันนะลูก แม่และพ่อ รวมทั้งพี่หนึ่งด้วยจะคอยปกป้องหนูอย่างถึงที่สุด ค่อย ๆ เรียนรู้ไปลูก” หญิงวัยกลางคนบีบมือคนตัวเล็ก บอกด้วยน้ำเสียงอันอบอุ่น หนึ่งที่กลับมาและยืนฟังร่วมด้วยลูบหัวคนรักอย่างปลอบโยน

“ขอบคุณคุณแม่ พี่หนึ่งด้วย”

คนตัวเล็กยิ้มรับความหวังดีน้ำตาคลอเบ้า และเขายังยืนยันกับตัวเองอีกครั้งว่าเขาคือคนที่โชคดี ได้มาเจอกับคนรักที่ดี ครอบครัวรักเขาทั้งสองครอบครัวรวมถึงเพื่อนที่ดี

 

 

 

วันนี้คือวันหยุดและในวันจันทร์ที่ผ่านนั้นคือวันเกิดของบุตรชายคนเล็ก ทั้งหมดไม่ได้อยู่ร่วมฉลองวันเกิดแก่เจ้าของเหมือนทุก ๆ ปี จึงพากันมาเซอร์ไพรส์ แต่เซอร์ไพรส์ยิ่งกว่า คือทันทีประตูห้องเปิดออกมามิใช่บุตรชายหรือน้องชายของครอบครัวพวกเขา ภาพหญิงวัยกลางคนยืนถือเค้กปักเทียนและเตรียมตัวร้องเพลง... ทั้งสองฝ่ายตกตะลึงด้วยสีหน้ามึนงง ยืนมองหน้ากันไปมา จนในที่สุดเจ้าของห้องก็หาเสียงเจอ

“มาหาใครครับ?”

“จะ เจ้าของห้อง” วาถามแทนบุพการีทั้งสองยังหน้าเหวออยู่

ชายหนุ่มคนดังกล่าวชี้เข้าตัวเอง “ผมเนี่ยแหละครับ”

“ไอ้เชี่ยมาร์ค ใครมาวะ” เพื่อนร่วมห้องของชายหนุ่มเดินมากอดคอมองไปยังกลุ่มคนตรงประตูหน้าห้อง

“นี่พ่อกับแม่มึงเปล่า?” ชายหนุ่มผู้มาใหม่ส่ายหัวอย่างแรง “ถ้าไม่ใช่คงมาเคาะห้องผิดแหละ โทษทีนะครับ” ตามด้วยบานประตูปิดลง

 

 

ทั้งสามลงลิฟต์ไปยังชั้นล่างเพื่อสอบถามกับทางนิติในเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยพวกเขาไม่คิดว่าคนพาตัวเองย้ายออกไปคือลูกชายของตนเอง ทั้งสามลงไปนั่งรอในส่วนรองรับแขกของคอนโด คนพ่อเต็มไปด้วยความห่วงใย กลัวเกิดเรื่องอะไรกับลูกตัวเอง ส่วนแม่ก็เอาแต่โทรหาบุตรชายที่จนป่านนี้ยังไม่รับสายเลย คนพี่เอาแต่มองไปยังคนดูแลว่าว่างหรือยัง

ถัดไปจากกลุ่มพวกเขามีกลุ่มนักศึกษาหญิงรวมกลุ่มนั่งกินขนมอีกฟากฝั่งใกล้เคียงกัน

“อ้าว พวกมึงอยู่คอนโดนี้เหรอ” เสียงร้องทักจากนักศึกษาสาวเดินเข้ามาจากทางด้านนอก

“เออ กูเพิ่งย้ายมาไม่กี่วันนี้เอง”

“อยู่ชั้นไหนมึง กูชั้นแปดนะมึง”

“กูอยู่ชั้นสิบสอง เขาบอกว่าชั้นนี้เพิ่งเปิดให้เช่า ทำไมวะ?” หญิงสาวผู้เพิ่งย้ายมาอาศัยถามอย่างใคร่รู้

“มึงว่างไหมล่ะ กูจะได้เมาท์ให้ฟัง” หญิงสาวพูดจีบปากจีบคอ เย้าแหย่ให้คนใคร่อยากรู้เข้าไปอีก

“พวกกูว่างมากมึง...เมาท์มาเลยค่ะ”

 

ทั้งสามพ่อแม่ลูกจะไม่อยากรู้ก็ไม่ได้ เมื่อบุคคลกลุ่มนั้นพูดถึงชั้นสิบสองก็สามารถดึงความสนใจของพวกเขาไปได้ทั้งหมด

 

“คืออย่างนี้นะมึง เค้าก็เล่ามาอีกทีว่าชั้นที่มึงอยู่น่ะ ก่อนหน้านี้มีคนอาศัยแค่สองห้อง และหนึ่งในนั้นเป็นห้องของเด็กวิศวะยานยนต์ตัวเล็ก ๆ น่ารัก ๆ ถ้ากูจำไม่ผิดชื่อวีมั้ง ส่วนอีกห้องมึงรู้ไหมว่าของใคร ไม่สิทั้งชั้น” หญิงสาวโน้มตัวไปกระซิบบอกแก่เพื่อนราวกับว่าจะมีใครมาแอบฟังพวกเธอ “หลานคนโตของศิริกิจวัชรกรุปน่ะมึง”

“...”

“เขาบอกว่าตอนแรกนางน่ะไปตามจีบเพื่อนสนิทไปไหนมาไหนด้วยตลอด แต่พอหลานคนโตมาปรากฏตัว แต่เหมือนเขาจะมาตามจีบเพื่อนสนิทนางน่ะ โว้ย...นางเปลี่ยนเป้าหมายเสนอตัวไปจับคนที่รวยกว่า เพื่อนสนิทที่เคยตามจีบเขี่ยทิ้งจ้าลดสถานะเอาไว้เพียงแค่เพื่อน กูลองไปหลอกถามนิติมาแล้วนะมึง เหมือนคอนโดทั้งชั้นจะโอนเป็นชื่อนางทั้งหมดก็เลยมาปล่อยเช่า ส่วนตัวเองย้ายไปอยู่กับผัวรวยของนางสิคะ”

“จริงเหรอมึง?”

“ถ้าเป็นมึง จับผัวรวยขนาดนี้ มึงจะไม่เกาะติดเหรอ? ผู้ชายรวยมีแต่คนจ้องจะงาบไม่เฝ้าไว้ก็หายสิมึง”

“เออ...เพื่อนในกลุ่มแต่ละคนก็รวยอยู่นะมึง” หญิงสาวหนึ่งในนั้นรู้ว่าคนที่พูดถึงคือใคร

“สงสัยจะทนที่ตัวเองฐานะต่ำต้อยกว่าเพื่อนคนอื่นไม่ได้เลยรีบหาผัวรวยถีบตัวเองขึ้นมาให้ทัดเทียมกับเพื่อนในกลุ่ม และล่าสุดขับป้ายแดงนะ ราคาไม่ต้องพูดถึง ผู้ชายก็เปย์สุด ๆ สงสัยจะหลงน่าดู”

“มีรูปไหมมึง ขอดูหน่อยว่าจะใช่คนเดียวกับที่กูคิดหรือเปล่า”

หญิงสาวขาเมาท์มองซ้ายขวาอย่างระแวดระวัง บรรจงเปิดโทรศัพท์ราคาแพงส่งให้เพื่อนดู “เนี่ยมึง เขาส่งต่อกันในกลุ่มลับอย่าให้หลุดไปนะมึง พ่อมึงเอาตาย ข่าวคาวแบบนี้ ทางนั้นคงไม่ยอมให้ออกมาทำให้ชื่อเสียงเสียหายหรอก”

“ใช่แล้วแหละ น้องวีที่รุ่นพี่คณะกูพูดถึงกันอยู่ว่าน่ารักสุด ๆ ดูไร้เดียงสาแต่ไม่คิดว่าจะร้ายแบบนี้” หญิงสาวคนรับโทรศัพท์บอกด้วยสีหน้าเสียดาย

 

มารดาของชายหนุ่มที่กล่าวอ้างถึงทนฟังกลุ่มคนดังกล่าวพูดถึงบุตรชายไม่ไหว ลุกขึ้นแย่งโทรศัพท์เครื่องของหญิงสาวบอกว่า มีรูปคนที่พวกเธอกำลังพูดพาดพิง มาดูปรากฏว่าใบหน้าบุตรชายเด่นหราในจอโทรศัพท์

หญิงวัยกลางคนไล่มองหน้าแต่ละคนด้วยความโกรธ บุตรชายเธอเลี้ยงดูมากับมือ โอบอุ้มอบรมบ่นนิสัยมาอย่างดีไม่มีทางกระทำแบบนี้อย่างแน่นอน

“คนที่พวกคุณพูดถึงกันคือลูกชายฉัน ลูกชายฉันไม่เคยคิดจะจับใครเพราะรวย ถ้าพวกคุณไม่รู้จริงหรือแค่ฟังเขาเล่ามาอีกที อย่ามาพูดให้คนนั้นต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง” หญิงวัยกลางคนด่าน้ำเสียงเกรี้ยวกราดด้วยความโมโห

กลุ่มนักศึกษาสาวดูท่าไม่ดี ยกมือไหว้ขอโทษ และปลีกตัวหนีหายไปพร้อมกัน เหลือเพียงหญิงสาวขาเมาท์

“คุณแม่ขาหนูขอโทษ หนูไม่ได้ตั้งใจจะว่าลูกแม่นะคะ หนูขอโทษจริง ๆ” เธอยกมือไหว้ด้วยอาการตัวสั่นงันงกเพราะความกลัว ไม่คิดว่าแค่การนินทาคนหนึ่ง ดันอับโชคมาเล่าอยู่ข้างแม่ของคนนั้น

“ได้พวกเรายกโทษให้ แต่มีข้อแม้คือเธอต้องแคปหน้าจอที่นินทาน้องฉันทั้งหมดมาให้ฉัน” พี่สาวของบุคคลที่เธอกล่าวถึงบอกแก่หญิงสาวคนดังกล่าว

“ดะ ได้ค่ะ”

 

 

Rrrrr เสียงเรียกสายจากบุตรชายโทรกลับมาหา

หญิงวัยกลางคนส่งโทรศัพท์มือถือของหญิงสาวให้แก่ลูกของเธอ พยักหน้าให้จัดการตามต้องการ ปรับโทนเสียงให้ละมุนลงก่อนกดรับสาย

“ว่าไงคะลูก แม่โทรหาตั้งหลายสาย แล้วน้องวีอยู่ไหนคะ”

[น้องวีอยู่ข้างนอกครับ ออกมาธุระนิดหน่อยครับ]

“เหรอคะลูก แล้ววันนี้น้องวีนอนไหนคะ”

[น้องวีนอนค้างบ้านไนน์ครับ]

บิดานั่งนิ่งเงียบมานาน แย่งโทรศัพท์จากภรรยาคุยกับลูกชายตัวดี

“น้องวีพรุ่งนี้กลับมาด้วยครับ พ่อมีเรื่องต้องคุยกับเรา ช่วยกลับแต่เช้าเลยนะครับ” หลังจากพูดจบส่งคืนให้ภรรยา ไม่รอคำตอบรับจากลูกชาย

[ครับ?]

“น้องวีทำตามที่พ่อบอกนะลูก แค่นี้นะคะ”

 

 

เจ้าคนตัวน้อยคิ้วขมวดมองโทรศัพท์อย่างงวยงง แม่ไม่รอให้เขาบอกลารวมถึงกล่าวราตรีสวัสดิ์และบอกฝันดี และพ่อก็ให้เขากลับบ้านด่วน

หนึ่งเอียงคอมองสีหน้าคนรักอย่างแปลกใจ “มีอะไรคะ”

คนตัวน้อยยู่ปาก “พ่อบอกให้วีกลับบ้านด่วนในตอนเช้าครับ น้ำเสียงดูเหมือนไม่พอใจอะไรด้วยนะครับ”

ชายหนุ่มโอบเอวยกตัวคนขี้กังวลมานั่งบนตัก จูบขมับ “คงไม่มีอะไรหรอกค่ะ พ่อเขาคงคิดถึงหนู แต่ตอนนี้พี่คิดถึงหนูมากกว่าค่ะ ขอกอดนะคะ”

“อื่อ...พี่หนึ่ง...”

 

 

To be continued…