บทที่ 18

แผนการง้อขอคืนดี

ดอกไฮเดรนเยีย

มักนำมาใช้แทนคำขอโทษจะมีความหมายที่ขี้อ้อนสุด ๆ ไปเลย เพราะมันเป็นตัวแทนของการอ้อนวอนขอให้ผู้รับให้อภัยและคืนดีกันนั่นเอง

 

 

“พี่ละอองฝนจะกลับมาคืนดีกับพี่หนึ่งเหรอคะ?” จัสมินใช้น้ำเสียงถามรับรู้ถึงว่าไม่เป็นมิตรอย่างมาก

“แล้วพวกน้อง ๆ อยากให้เป็นแบบไหนล่ะคะ?” หญิงสาวเหยียดยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ตอบกลับ

 

 

 

ประโยคอันแสนจะยั่วโมโห จากหญิงสาวที่อายุมากกว่าได้รับการจ้องมองหน้าจากสองสาวอย่างไม่พอใจ พวกเธอไม่ชอบคนเข้ามาแทรกกลางระหว่างความสัมพันธ์ของเพื่อน ถึงพอจะรู้ว่าคนทั้งสองจะยังไม่เป็นอะไรกัน แต่คนใกล้ชิดมองออกง่ายจะตาย หญิงสาวอายุมากกว่าค่อย ๆ คลายเหยียดยิ้มเป็นยิ้มทะเล้น

“อ่ะ พอแล้วค่ะ พี่ไม่เล่นแล้ว” ละอองฝนบอกด้วยใบหน้ายิ้มแย้มสดใส

“หมายความว่าไง?” เมเปิ้ลหรี่ตาจ้องมองไปยังหญิงสาวตรงหน้า อย่างไม่วางใจในคำพูดก่อนหน้า

 

ชายหนุ่มสองคนยืนห่างถัดไปได้ยินบทสนทนาดังกล่าว เดินมาร่วมสมทบกับเพื่อนสาวของพวกเขา แต่ยังไม่ได้พูดอะไร ท่าทางและสายตาก็จ้องมองแขกอย่างไม่วางตาเช่นกัน นั่นทำให้ละอองฝนรับรู้ว่าเด็ก ๆ ทุกคนรักและเอ็นดูคนกุมหัวใจเพื่อนของเธอ ก็ไม่แปลกอะไร ขนาดเธอเห็นเพียงเสี้ยวนาทียังมองว่าน่าเอ็นดูเลย

 

“พี่ไม่ได้จะมาคืนดีกับใครทั้งนั้น พี่กับแฟนยังรักกันดี...พี่แค่งอนเลยหนีกลับมาบ้าน บังเอิญเจอหนึ่งในสนามบิน แล้วพี่เพิ่งรู้ตัวว่ากำลังตั้งท้อง พี่ไม่ได้ตั้งใจเซไปหาหนึ่งนะ ด้วยสภาวะท้องและความต่างของเวลาทำให้หน้ามืดได้ง่ายค่ะ หนึ่งเขาแค่ทำหน้าที่เพื่อนด้วยความเป็นห่วงเลยพาพี่มาพักที่บ้าน อภัยให้พี่ด้วยนะคะ” ละอองฝนอธิบายเหตุและผลที่ตัวเองต้องมาพักกับชายหนุ่ม หลังพูดจบเอามือแนบอกโค้งคำนับขออภัย

“...” สองสาวสองหนุ่มมองหน้าสลับกันไปมา

“ไอ้ไนน์โว้ย!!!” จัสมินร้องเรียกเจ้าของบ้านพาเจ้าน้องน้อยหนีขึ้นไปร้องไห้บนห้องตัวเอง

 

 

บนห้องชั้นสอง

“วีไม่ต้องร้องนะ หนึ่งไม่ได้อะไรกับพี่ฝนหรอก เชื่อไนน์นะครับ” ชายหนุ่มลูบหัวปลอบคนตัวเล็กนอนร้องสะอึกสะอื้นน้ำตาเปียกหมอน

“แต่วีกลัวนะ อึก กลัวว่าพี่หนึ่งจะไม่รักวีแล้ว อึก...” เสียงสะอื้นจากน้องน้อยของกลุ่มยกมือปาดน้ำตาป้อย ๆ ช่างน่าสงสารเหลือเกิน เขาเชื่อว่าถ้าคนในกลุ่มมาเห็น พี่ชายเขาคงโดนด่าเละไปแล้ว

“ไอ้ไนน์โว้ย!!! ลงมานี่หน่อย!!!” เสียงตะโกนรอบสองจากจัสมิน

ไนน์กลอกตาตามด้วยเสียง จิ ปากอย่างรำคาญ เขาลูบหัววีไปอีกที “นอนพักไปนะ ไนน์พูดคำไหนคำนั้น วีต้องได้คืนดีกับหนึ่ง แล้วก็ไม่ต้องร้องด้วย ตาบวมเป็นไข่ห่าน ไม่น่ารักหนึ่งไม่หลงนะ” ไนน์ยิ้มกว้างสดใสให้เพื่อนสนิท

“อืม...” เจ้าตัวขานรับและยิ้มตาม รอยยิ้มอันสดใสของไนน์ ใครที่ได้รับมักจะยิ้มตามยังคงได้ผลเสมอ

 

“ไอ้ไนน์โว้ย!!!” เสียงตะโกนเรียกรอบที่สาม แต่ไม่ได้มาจากจัสมินคนเดิมแต่มาจากเพื่อนคิว

“เออ!! กูกำลังลงไป” ชายหนุ่มตะโกนตอบหลังจากปิดประตูห้อง “เร่งเชี่ยไรนักหนาวะ” ยังมิวายด่าด้วยความรำคาญไปอีกรอบในระหว่างเดินลงมานั่งร่วมกับเพื่อนคนอื่น

“คืออย่างนี้ค่ะน้องไนน์ พี่บอกทุกคนว่าพี่ไม่ได้จะมาคืนดีกับหนึ่ง แต่ทุกคนเหมือนจะไม่เชื่อก็เลยเรียกไนน์มาค่ะ” ละอองฝนเริ่มเล่าให้ฟังด้วยท่าทางสบาย ๆ

“อืม ก็ตามนั้น” ไนน์ไหวไหล่ตอบกลับไป มองดูสีหน้าเพื่อนคนอื่นที่ไม่ได้คล้อยตามเขา

เจโอขมวดคิ้วด้วยคลางแคลงใจ “ทำไมมึงเชื่อคนง่าย”

ชายหนุ่มแสยะยิ้ม “เอาเข้าจริงกูเชื่อพี่กูมากกว่า มันบอกว่าพี่ฝนคือเพื่อนก็แค่นั้น” และยักคิ้วตามท้าย

“สัส!!” เสียงสบถด่าอย่างพร้อมใจมอบให้แก่คนพูด

“พอแล้วค่ะ เรามีงานต้องช่วยให้สองคนนั้นคืนดีกันนะคะ” เมื่อเห็นว่าเริ่มออกทะเลไปกันเยอะแล้ว ละอองฝนต้องตบทุกคนให้เข้ามาอยู่ในแผนการของเธอ

“ใครมีแผนอะไรมั่ง มึงก่อนเลยจัสมิน ห่วงนักไม่ใช่เหรอลูกชายมึง” หนุ่มลูกครึ่งคู่กัดของหญิงสาวเสนอ

“...ใครมันจะคิดทัน ตอนแรกกูกะว่าพอพี่มันเจอกับวีจะเข้ามาหาทันที ดันมีเรื่องเข้าใจผิดกันอีกทอด” จัสมินบ่นอย่างเซ็ง 

“พี่ว่าต้องจับทั้งคู่ขังไว้ด้วยกัน รู้ไหมว่าพี่ชายเรามีนิสัยเสียอย่างหนึ่งคือถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับหัวใจตัวเอง จะชอบหนีไม่ยอมเผชิญหน้านะ” ละอองฝนแจงแทรกมา

“อันนี้ไม่รู้เลย แต่เหมือนกับวีก็ไม่กล้าจะเจอหนึ่งเหมือนกันว่ะ เอาแต่บอกว่ากลัวว่าจะโดนเกลียด” ไนน์รีบบอกข้อมูลที่พอจะรู้เสริมอีกด้วย

เจโอนิ่งเงียบมานาน รีบเสนอความคิด “อย่างแรกพวกเราเพิ่งสอบเสร็จต้องฉลอง” พัวะ! ฝ่ามือตบลงหัวเจโอทันที

“ไอ้เชี่ยคิว! กูยังพูดไม่จบรีบตบทำห่าอะไรวะ” พัวะ! เจโอโบกหัวเอาคืนและหันไปพูดต่อ “มันต้องมีกินเหล้าแล้วมันต้องเมาใช่ไหม อ้างว่าให้ผู้หญิงนอนที่บ้านพักไอ้ไนน์ ส่วนพวกมึงกับกูย้ายไปนอนบ้านพี่มึงมันจะได้ดูเหมาะสมไง”

“ถ้าตามนิสัยนะ พี่ว่าหนึ่งไม่มาร่วมวงกับพวกเราแน่เลย คงหนีไปที่ไหนสักที่”

“ปล่อยให้เป็นหน้าที่ไอ้ไนน์มันพี่ มึงจัดการลากพี่มึงมาให้ได้ ถ้าน้องน้อยของกูต้องร้องไห้ต่ออีกวันนึงมึงได้โดยพวกกูอัดยับแน่ไอ้ไนน์” เมเปิ้ลชี้หน้าขู่

“...” มนุษย์เพื่อนทุกคนยักคิ้วเห็นพ้องต้องกัน บนใบหน้ามีแผ่นโพสต์อิตล่องหนแปะไว้ว่า ‘พวกกูพร้อมอัดมึงยับแน่’

“ครับผม” ไนน์ยกมือตะเบ๊ะท่ารับทราบคำสั่ง

“แล้วท่านทั้งหลายจะแดกอะไรกันเหรอครับ อุ๊บส์...” คิวยกมือปิดปาก

“โห! ไอ้คิวมึงมาตกใจตอนนี้ไม่ทันแล้ว กูว่าพี่เขารู้สันดานพวกเราหมดแล้ว” จัสมินเบะปากใส่ความสะตอแสร้งเป็นคนดีของเพื่อนตัวเอง

“เอาตามทุกคนสบายใจเลยจร้า พี่ไม่อะไรอยู่แล้ว” ละอองฝนยิ้มบางให้แก่พวกน้อง ๆ

“สรุปกินไรกัน กูขอเสนอหมูกระทะค่า...เยียวยาทุกอย่างในชีวิต” หญิงสาวผู้รักการกินเสนอไอเดีย

“ได้มึง พี่ล่ะกินด้วยไหมคะ?” จัสมิน

“กินสิคะ อยู่เมืองนอกไม่มีให้กินแบบนี้ค่ะ” ละอองฝนขานรับอย่างแข็งขันในเรื่องกินเช่นกัน

“งั้นตกลงตามนี้ ไอ้ไนน์มึงจัดการของกิน ส่วนมึงสองตัวขนกระเป๋าลูกกูไปไว้บ้านนู้น อ๋อ ของพวกมึงเอาไปแต่กระเป๋านะ ไม่ต้องโง่ขนเสื้อผ้าไปด้วยล่ะ เดี๋ยวไม่สมจริง” แม่งานจัสมินสั่งการทุกอย่าง

“...” สามชายหนุ่มเบะปากแต่ยอมทำตาม เจโอเดินไปกระซิบกับอีกสองชายหนุ่ม “กูแค่เอากระเป๋าซ่อนก็พอมั้งจะขนไปทำไมวะ”

“เอาแบบมึงคิดแหละ แอบมันทำแล้วกัน กูขี้เกียจทะเลาะกับมันอีก” คิวว่า

“...” เจโอและไนน์กลอกตามองเพดาน อย่างรู้กัน ในหัวบ่นว่า กูเห็นพวกมึงกัดกันทุกรอบล่ะวะ

“พี่ฝน แล้วเสื้อผ้าพี่ล่ะครับ” ไนน์ถามระหว่างพาเพื่อนทั้งสองช่วยกันย้ายกระเป๋าของคนนอนหลับอยู่ด้านบน

ละอองฝนยิ้มแบบอาย ๆ “ยกมาเลยค่ะ ก่อนออกมาพี่เก็บไว้เรียบร้อยแล้ว”

“...” ทุกคน

 

 

วีตื่นนอนมาในช่วงเย็น เพราะตั้งแต่เริ่มสอบจนมาถึงวันนี้มีเรื่องให้คิดเยอะแยะเต็มไปหมดในหัว พอได้ร้องไห้จนหลับ เขาก็นอนไปหลายชั่วโมงเหมือนกัน เขามองลงมาจากชั้นสองเหมือนทางด้านเพื่อนเขาจะกำลังจัดเตรียมปาร์ตี้หมูกระทะกัน ทุกคนอยู่กันครบ ไม่ว่าจะเพื่อนเขาทั้งห้าคน พี่ละอองฝน พ่อและแม่ของพี่หนึ่ง และคนสุดท้ายคือพี่หนึ่งด้วย ใจดวงน้อยอันห่อเหี่ยวกลับมาเต้นแรงอีกครั้ง ชายหนุ่มเม้มปากสะกดกลั้นยิ้มเอาไว้ ฝ่าเท้าขนาดเล็กรีบก้าวลงไปยังชั้นล่างทันที

“อ้าวหนูวีตื่นแล้วเหรอลูก” เสียงมารดาของชายหนุ่มร้องทักทันทีที่เท้าเขาแตะลงพื้นด้านล่าง

“สะ สวัสดีครับ” ชายหนุ่มร่างบางตัวเล็กรีบยกมือไหว้ผู้ใหญ่

หญิงวัยกลางชื่อเดียวกับไร่นี้ เดินไปควงแขนหนุ่มน้อยและพาเดินมายังสามีและลูกชาย “นี่พี่หนึ่งรู้จักหนูวีเพื่อนไนน์ไหมลูก น้องน่ะน่ารักมากเลย แม่เห็นแล้วอยากได้เป็นลูกชายอีกคนเลย” แม่เลี้ยงดาหลาเที่ยวอวดเพื่อนหลานชายโดยไม่รู้ว่าลูกชายตัวเองจ้องจะงาบมาทำเป็นลูกสะใภ้ตั้งนานแล้ว ถ้าไม่มีเรื่องให้เข้าใจผิดกันคงได้พากันมาแนะนำแล้ว

“ขะ ขอบคุณครับ” วียกมือไหว้ขอบคุณในคำชม

ไนน์ยกมือป้องปากร้องบอกป้าของเขา “ไปขอสิป้า ทุ่มหมดหน้าตัก ไม่แน่แม่เขาอาจจะยกให้ก็ได้น้า..” และตามมาด้วยเสียงโห่แซวดังลั่น เรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ

 

ร่างบางหัวเราะและยิ้มกว้างพลันสบตาเข้ากับคนพี่จ้องมองอยู่ก่อน พอโดนจับได้ หนึ่งรีบลู่หลบสายตามองไปทางอื่น และนึกถึงคำพูดของน้องบอกไว้ก่อนพวกเขาแยกจากกัน ชายหนุ่มหันไปบอกกับพ่อและแม่ “พ่อแม่ครับ ผมต้องไปดูงานในไร่ต่ออีกนิดหน่อย ขอตัวก่อนนะครับ” ก่อนจะเดินออกไปโดยไม่ทันหันกลับมามองใคร

“ในไร่ยังมีงานอะไรอีกเหรอคะที่รัก ไม่ใช่คนงานกลับกันหมดแล้วเหรอ” สามีเปรยถามภรรยาในความรีบร้อนออกไปของเจ้าลูกชาย

“ไม่รู้สิคะคุณพี่ เดี๋ยวน้องคงต้องบอกให้พักบ้าง หลังจากงานแก้ปัญหาดอกกล้วยไม้เรื่องโรคสนิมล่าสุด ดูพี่หนึ่งไม่ค่อยมีสมาธิ เหมือนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลยนะคะ” เสียงบ่นตามประสาความเป็นห่วงลูกชายให้สามีของเธอฟัง จนลืมว่าตัวเองควงหนุ่มน้อยอยู่ “อุ๊ย! ป้าลืมว่ายึดตัวหนูวีอยู่ ขอโทษนะลูก ไปสนุกกับเพื่อนเถอะค่ะ” แขนของหญิงวัยกลางคนคลายจากแขนร่างบาง

“...” เจ้าน้อยโน้มตัวค้อมหลังลง และเดินไปหาเพื่อนที่นั่งกินกันอยู่

ผู้ใหญ่สองคนมาดูการเป็นอยู่ของลูกหลาน พอเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ถึงเวลาให้พวกเด็ก ๆ สนุกเฉพาะพวกเขาดีกว่า

หญิงวัยกลางคนยังแวะไปหาหญิงสาวที่เป็นเพื่อนของลูกชาย “หนูฝนถ้าเมาไม่ไหว เรียกเจ้าหนึ่งมาดูเราได้นะลูก” หลังพูดยังขยิบตาให้ด้วย

“...” ละอองฝนอ้ำอึ้งมองหน้าแฟนตัวจริง และยิ้มเจื่อน ๆ ตอบกลับไปแทน

“ตามสบายกันเลยนะลูก ขาดเหลืออะไรโทรบอกให้คนงานให้มาส่งได้นะเด็ก ๆ”

“ไนน์ดูแลแขกแทนลุงกับป้าด้วยนะลูก” ลุงมังกรตบหลังหลานชายเบา ๆ “อย่าให้เมาเยอะนะ เดี๋ยวนมแย้มจะโทรมาบ่นลุง”

“อันแรกรับปากได้ครับ แต่อันหลังชักไม่แน่ใจ” เจ้าหลานคนเล็กยิ้มกว้างหน้าทะเล้นตอบลุงคนโตของบ้าน และพาเดินไปส่งยังรถที่จอดทางด้านล่าง

 

วีเดินเลี่ยงมารวมตัวกับเพื่อน ได้ยินคำพูดและท่าทีแม่ของคนพี่มอบให้แก่หญิงสาวที่ขึ้นชื่อว่าแฟนเก่าของคนหนีหายไปเมื่อครู่ คุณป้าคงเอ็นดูเขาให้เป็นได้แค่ลูกชายอีกคน ต่างจากหญิงสาวคนนี้คงอยากให้กลับมาคืนดีและเป็นคนรักกันเช่นเดิม พี่หนึ่งเหมือนกัน คงไม่ได้รักเขาอย่างที่เคยบอกเอาไว้ เขานั้นพยายามสบตาและยิ้มให้ แต่ผลตรงกันข้ามพี่หนึ่งยิ่งหนีห่างเขาไป ไม่คิดจะง้อกันบ้าง คนผิดคือพี่หนึ่งนะ น้องน้อยหน้าบูดเบะปากน้อยใจ

“น้องวีขา หมูกระทะเยียวยาทุกอย่างค่ะ” เมเปิ้ลหยิบจาน ชามและตะเกียบมาส่งให้เพื่อนตัวน้อย

“ถ้ารักมันขม มาอม...อม...อมนมกับผมดีกว่า”

“ไอ้เชี่ยคิว!! แม่งไม่เห็นจะเข้ากันเลย ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เจโอโวยวายตามมาด้วยเสียงหัวเราะของบรรดาเพื่อน ๆ และหญิงสาวอย่างละอองฝนร่วมในกลุ่มก้อนเดียวกัน

“เออ พวกมึงกูได้เกมแล้ว ให้แต่ละคนคิดแคปชันเกี่ยวกับของกินมา ใครคิดไม่ออกแดกเหล้า” จัสมินนึกสนุกหาเรื่องมอมเหล้าเจ้าตัวน้อย

ละอองฝนยกมือขอแทรก “คือพี่ขอเป็นน้ำผลไม้แทนนะ”

จัสมินดีดนิ้วอย่างรู้กัน “ได้เลยค่ะพี่”

 

ไนน์เดินเข้ามาทันบทสนทนาเมื่อกี้ คนที่เหลือเลยไม่ต้องอธิบายเพิ่มเติม ทั้งหมดนั่งล้อมวงหน้าเตาหมูกระทะไฟฟ้า โดยมีแก้วเหล้าวางอยู่ตรงหน้า แตกต่างไปเพียงแก้วเดียวคือน้ำส้มคั้นของพี่สาวคนเดียวในกลุ่ม

 

“ก่อนเริ่ม แล้วใครจะเป็นคนชงเหล้า” คิวยกมืออาสาชงเหล้า “ไอ้คิวมึงเทให้เท่ากันนะโว้ย ส่วนของวีฝาเดียวพอเดี๋ยวเมาก่อน” เมเปิ้ลบอก

“เริ่มจากกูผู้คิดเกมก่อนค่อยวนไปทางขวามือตามลำดับ” จัสมินบอก

จัสมิน “อ่ะแฮม! มาม่าเกาหลีที่ว่าเผ็ด ยังไม่เด็ดเท่าเราเลย” หญิงสาวตบอกด้วยท่าทีจีบปากจีบคอในตอนพูด

ละอองฝน “ตาพี่... อยากอ้วนต้องกินชีส อยากจื๊ดต้องกินเรา”

ไนน์ “อันนี้ของกูเลย เธอเหมือนขนมจีนน้ำเงี้ยว กินแล้วไม่เหลียวมองใคร ฮิ้ว...ใช่ไหมมึง”

ถึงคิวของวีผู้เล่นเกมอะไรก็แพ้ตลอด เพื่อนคนอื่นต่างลุ้นว่าจะออกมายังไง ด้วยท่าทีพูดอ้อมแอ้มอย่างน่าเอ็นดูจนจบ “กาแฟใส่นม ส่วนผมใส่ใจ เย้....” และตามด้วยเสียงปรบมือให้กำลังใจตัวเอง สองคนนั่งข้าง ๆ อยู่แย่งกันถูน้องน้อยของกลุ่ม

เมเปิ้ล “คิวกู สายกินที่แท้ทรู เหมือนเนื้อคู่ที่ถูกใจ”

คิว “โห..ชีวิตมึงเนี่ยเกิดมาเพื่อแดกอย่างเดียวจริง รอบกูละ เบอร์เกอร์ที่อิ่มท้อง เบอร์น้องทำให้อิ่มใจ”

“โห พ่อคาสโนวา กูไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ามึงสนใจเบอร์ด้วย กูเห็นแต่สนอย่างอื่น” จัสมินอดแขวะเพื่อนตัวเองไม่ได้

“...” คิวไหวไหล่ไม่สนใจ “ต่อไปของมึงแล้ว”

เจโอ พ่อคนมาดนิ่ง “ทำไส้กรอกต้องใช้หมู แต่ I love You ต้องใช้หัวใจ” แล้วพ่อหนุ่มก็มือสัญญา I love You แจกไปรอบวง

รอบแรกผ่านไปยังไม่มีใครที่ได้รับการลงโทษ กติกาเลยเพิ่มขึ้นจากเดิม จัสมินเสนอให้จับเวลาในการคิดคือหนึ่งนาที

จัสมิน “นี่มึงกำลังดังเป็นกระแสอยู่ในตอนนี้ ส่งตรงจากเกาหลี ถ้าผู้ชายจะทิ้งเราไป แต่โรตีสายไหมไม่เคยทิ้งกู” หญิงสาวแกล้งยกนิ้วซับน้ำตาตรงหางตา

เจโอพูดแทรกขึ้นมา “เกาหลีที่ไหนมึง สายไหมอยู่ยุดยา”

“ไอ้โอ มึงนี่ไม่ดูข่าวเลยนะ ก็ไอดอลเกาหลีที่เป็นคนไทย เขาเอาโรตีสายไหมไปกินโชว์ออกไลฟ์ มึงนี่ไม่รู้เรื่องยังจะมาโวยวาย”

ละอองฝน “ตาพี่นะ พิซซ่าที่ว่าบาง ยังไม่บางเท่าใจเราเลย”

ไนน์ "รอบของวีมาแล้ว จับเวลาครับผม" ติ๊ด...จวบจนครบเวลาน้องวีลนลานเพราะมีเวลาเป็นตัวบังคับคิดไม่ออกสักที

“หมดแก้วเลยครับ...” เสียงร้องจากคนชงอย่างคิว เมเปิ้ลผู้ช่วยประคองแก้วให้ดื่มจนหมด

ไนน์ “เบียร์น่ะมีฟอง แต่มองเราอ่ะมีใจ...” เจ้ายืดตัวอย่างภูมิใจ

เมเปิ้ล “คิวกู คิวกู กูคงกินมัง กินมังทุกอย่าง” ทุกคนยกมือเป็นรูปกากบาทพร้อมเสียงร้องดังบอกว่าแคปชันนี้ไม่ผ่าน เจ้าตัวรู้ดีรีบยกจนหมดแก้ว

คิว “ไปร้านชาก่อนไหม ถ้าไม่ใช่ค่อยไปร้านเหล้า” ทุกคนทำในรูปแบบเดียวกับเมเปิ้ลก่อนหน้านี้

“มึงยกให้หมดเถอะ อย่าฝืนว่าใช่เลยมันไม่ได้จริง ๆ” เจโอจับแก้วใส่มือคิวยกดันให้รีบดื่มสักที

เจโอ “อาจจะไม่ใช่เค้กที่นุ่มฟู แต่จะเป็นเนื้อคู่ที่นุ่มนวล” ชายหนุ่มแจกมินิฮาร์ตรอบวงเช่นเดิม

 

เกมเริ่มสนุกขึ้นเมื่อทุกคนเริ่มเมา แคปชันที่พยายามเค้นสมองคิดกันออกมามั่วบ้าง ใช้ได้จริงบ้าง มีเพียงน้องน้อยแหละที่ไม่ทันเพื่อนสักรอบ หมดแก้วมาสี่รอบแล้ว ตัวเริ่มเอียงโอนเอนไปหนีจุดศูนย์ถ่วงใกล้จะล้มลง ไนน์ส่งสัญญาณให้เพื่อนคนอื่นรู้ และขยับปากแบบไม่มีเสียงบอกเพื่อน ‘มันอยู่บ้าน กูโทรหามันแล้ว’

“วี...ไนน์ว่าไม่ไหวแล้วแหละ ไปนอนพักดีกว่า” เขาพยุงเพื่อนตัวน้อยให้ลุกขึ้นและพาเดินไปนอกบ้าน

“ไนนน...พาวีไปหนาย...หนายยยบอกว่าไปนอนงาย...” เสียงถามยานคาง

“อืมไปนอน แต่วันนี้พวกผู้ชายต้องไปนอนบ้านของหนึ่งแยกนอนกับพวกผู้หญิง” ไนน์ยกเพื่อนตัวน้อยอ่อนปวกเปียกไหลลงไปมาให้มากระชับแขน คนเมาเนี่ยตัวหนักขึ้นอีกหลายเท่านะเนี่ย

“ม่ายยอาววว วีม่ายยยเจอโคนใจล้าย...” เจ้าตัวยังโวยวายไม่เลิก

 

หนึ่งอยู่ในห้องนอนของตัวเอง พยายามข่มตาให้นอนหลับ แต่ใจกระวนกระวายกลัวเจ้าตัวเล็กของเขาจะเมาแล้วไปแอบน่ารักกับใคร ผุดลุกผุดนั่ง เดินวนรอบห้อง เอียงหูฟังเสียงเพลงบ้านข้าง ๆ ว่าจะเงียบลงเมื่อไหร่ มันไม่ได้เสียงดัง แต่มันแค่รบกวนจิตใจเขาเอง อยากจะออกไปร่วมใจจะขาด แต่กลัวน้องวีเองนั่นแหละจะอึดอัดที่ต้องมีเขาอยู่ด้วย

 

เสียงเปิดประตูจากชั้นล่างเรียกให้เขารีบเปิดประตูห้องออกไปดู ชายหนุ่มคิดว่าคงเป็นเพื่อนเขากลับเข้ามานอน แต่สิ่งที่เห็นคาตาคือน้องชายสุดรักแบกคนที่เขาเอาแต่คิดถึงอยู่ตลอดเวลาในสภาพเมามาย มาวางให้นอนราบบนโซฟากลางบ้าน

 

น้องชายเงยหน้าขึ้นมามองเขาด้านบนแล้วฉีกยิ้มกว้าง “เคลียร์ใจกันเองนะ พามาให้ถึงที่แล้ว” เจ้าตัววิ่งหนีออกไปทางประตู และเขามองเห็นว่าเจ้าตัวกำลังทำบางอย่างคล้ายจะล็อกประตูขังเขาเอาไว้

 

หนึ่งรีบวิ่งลงบันไดมาให้ทัน ก่อนคนเก่งจะทำอะไรแผลง ๆ แต่ก็ไม่ทัน “ไนน์ครับ ไม่เล่นแบบนี้” ชายหนุ่มออกแรงเขย่าประตูให้เปิดออก

น้องชายยืนโบกมือลาและบอกว่า “พรุ่งนี้เช้าจะมาเปิดให้” เขาได้แต่มองตามหลังคนเก่งของเขาจนหายเข้าไปยังบ้านพักตัวเอง

หนึ่งเดินไปนั่งลงข้างคนเมาจนหลับไม่รู้เรื่องว่าโดนเพื่อนรักทั้งหลายรวมหัวจับตัวเองใส่พานมาให้เขาถึงบ้าน แสงไฟสว่างสะท้อนใบหน้าขาวเจือปนสีแดงจากฤทธิ์เหล้า เขาใช้หลังมือสัมผัสไล้หางตาที่มีรอยช้ำจากการร้องไห้ และขอบตามีรอยคล้ำเจ้ากระต่ายน้อยของเขาเพิ่งผ่านพ้นช่วงสอบมา ในระหว่างนั้นคงไม่ค่อยได้พักผ่อน

“ทำไมปล่อยให้ตัวเองเมาแบบนี้นะ รู้ไหมว่าพี่ยิ่งเป็นห่วง”

คนเมาลืมตา มือวางอยู่ข้างตัวยกขึ้นมาจับมือหนาที่ลูบไล้แก้มเขาให้อยู่นิ่ง “ถ้าเป็นห่วงทำไมไม่มาอยู่ดูแลกันล่ะครับ”

 

To be continued…

 

 

 

สปอย...ตอนนี้เขาคืนดีกันด้วยแหละ เมือคืนดีแล้วต้องไปแซ่บกันสักหน่อย ฝากกดใจ ฝากคอมเม้มเม้ามอยกับไรท์ทีได้นะคะ หิวกระหายคอมเม้มมากค่ะ เจอคำผิดคำแปลกทักไได้เลยนะคะ 

ติดตามแจ้งข่าวสารที่ TW @TYokmanee (T.mines)