บทที่ 16 

บินลัดฟ้าสู่เชียงใหม่

 

ดาหลาเป็นสัญลักษณ์ของการรอคอยความรัก เพราะมีเรื่องเล่าของคู่รักต่างศาสนาคู่หนึ่ง โดยฝ่ายชายเป็นชาวไทย ส่วนฝ่ายหญิงสาวเป็นชาวมาเลเซียซึ่งนับถือศาสนาอิสลาม ทั้งสองได้พบและรักกันที่ประเทศมาเลเซีย แต่ก็ถูกพ่อแม่ของฝ่ายหญิงกีดกันเพราะศาสนาที่ต่างกัน แล้ววันหนึ่งฝ่ายชายมีความจำเป็นต้องกลับประเทศไทยและได้ให้สัญญากับหญิงสาวว่าจะกลับมาหาที่บริเวณชายแดนของทั้งสองประเทศ ฝ่ายหญิงก็ได้แต่รอการกลับมาด้วยความหวัง รอแล้วรออีก รอจนตรอมใจตายในที่สุด และหญิงสาวก็ได้อธิษฐานว่าจะขอเกิดมาเป็นดอกดาหลาที่ขึ้นอยู่ตามชายแดนทุกชาติเพื่อรอชายคนรักตลอดไป

 

 

ไนน์พยุงตัวเพื่อนพาเข้าไปในห้องของเจ้าตัว วียังร้องไห้ด้วยความเสียใจที่เจ้าพี่ชายตัวดีแอบสั่งคนมาขนของจนหมดห้อง พี่น้องทั้งเก้าคนเติบโตมาด้วยกันไนน์ไม่เคยเห็นพี่ชายของเขาคนนี้มีอาการแบบนี้ เล่นหนีหน้าไม่เจอทั้งเขาและเพื่อนเขาด้วย

“ไม่ต้องร้องนะวี” ไนน์นั่งลูบหลังปลอบ

“พี่หนึ่งโกรธวีมากเลยใช่ไหมไนน์ เก็บของหนี โทรไปก็ไม่ยอมรับสาย ไม่อ่านข้อความ อึก! ที่ส่งไปบอกขอโทษ” เสียงตัดพ้อด้วยความเศร้าของเพื่อนสนิทจนเขาแทรกไม่ทัน “ถ้าพี่หนึ่งไม่กลับมาหาวีแล้วล่ะ วีทำไงดีไนน์”

“วีครับ!” ไนน์เรียกเจ้าตัวด้วยเสียงเข้ม จับแขนทั้งสองข้างให้เงยขึ้นมองหน้ากัน “วีมั่นใจในตัวเองนะ วีทั้งน่ารัก นิสัยดี พี่ชายไนน์ไม่มีทางจะไม่สนใจวี แต่ตอนนี้หนึ่งมีหน้าที่สำคัญต้องรับผิดชอบในฐานะรองประธานบริษัท และวีเองก็มีหน้าที่ต้องทำเหมือนกัน คือการสอบในสัปดาห์ข้างหน้า”

“...”

“ใช้เวลาห่างกันนี้ ทบทวนความรู้สึกที่มีให้หนึ่งว่าวีรู้สึกว่าชอบจริง ๆ ไม่ใช่แค่เพราะชอบความใจดี แต่ยังไงก็เอาหัวน้องชายคนนี้เป็นประกัน หนึ่งน่ะรักวีจะตาย” ไนน์ทั้งขู่ ทั้งเตือนสติ ทั้งรวมถึงปลอบใจ เป็นให้เธอทุกอย่างแล้ว ถ้าเธอยังนอยด์อยู่ฉันคงสุดปัญญา และต้องหาตัวช่วยอื่นมาแทนแล้วล่ะ

 

Rrrrrrr QQ เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ของไนน์จากคิว ไนน์ยกมือออกจากหลังของเพื่อนสนิทเพื่อรับสาย วีคว้าแขนไนน์ไว้และพูด

“ไนน์อย่าบอกเรื่องนี้กับคนอื่นนะ วีไม่อยากให้ทุกคนต้องมาคอยเป็นห่วง วีขอร้อง” น้ำเสียงขอร้อง ใบหน้าเลอะไปด้วยคราบน้ำตา คนถูกร้องขอจำเป็นต้องพยักหน้ายอมแพ้ด้วยความสงสาร

 

เขาผละตัวไปรับสายจากเพื่อน และเดาว่าคงรอหน้าคอนโดแล้ว ด้วยว่าจะมาไม่นานแต่ต้องมานั่งปลอบเพื่อนตัวน้อย เลยทำให้อยู่กับที่ พอรับสายทางนั้นก็เปิดปากออกมาอย่างเร็ว

[มึงอยู่ไหนแล้ว พวกกูขึ้นมาข้างบนกดออดอยู่นานแล้ว] เสียงตามด้วยอารมณ์เซ็งจัด

“กูยังอยู่คอนโดวี ไปช้านิดนึง เดี๋ยวโทรบอกคีนให้ไปเปิดห้องให้ มันน่าจะใกล้ถึงแล้ว”

[เออ จัดการให้พวกกูด้วย มึงดูสภาพสาวๆ นั่งกองรอมึงหน้าห้อง]

“แล้วจะรีบไป”

 

หลังจากวางสาย เขาบอกกับเจ้าตัวน้อยที่นั่งเช็ดน้ำตาให้ไปเก็บเสื้อผ้าและข้าวของและบอกกับเจ้าตัวว่าตอนนี้คนอื่นถึงแล้ว แล้วรีบต่อสายหาบอดี้การ์ดส่วนตัวทันที

[ครับคุณไนน์]

“มึงอยู่ไหนแล้ว ไปเปิดห้องแทนกูหน่อย ฝากหาอะไรอุดปากพวกมันด้วย”

[ครับแล้วผมจะจัดการให้ ไม่เกินห้านาทีถึงครับ]

 

วีเข้าห้องไปก็ออกมาพร้อมด้วยกระเป๋าเป้ใส่เสื้อผ้า และหิ้วถุงผ้าบรรจุด้วยของใช้ส่วนตัว ไนน์ช่วยถือลงไปยังรถด้านล่าง

ใช้เวลาเกือบชั่วโมง พวกเขาทั้งสองก็มาถึงที่หมาย ไนน์พาวีไปยังห้องของเขา เพื่อนถึงก่อนสองสาวนอนเอกเขนกอยู่บนโซฟาโดยมีจานเค้กวางอยู่ตรงหน้า ส่วนสองหนุ่มนั่งเล่นเกมตรงหน้าชุดทีวี ด้านข้างเต็มไปด้วยเศษถุงขนมและน้ำอัดลม

 

“มาถึงสักทีนะเจ้าของห้อง ถ้าพวกมึงมาช้ากว่านี้พวกกูจะยึดแล้ว แล้วนี่มึงจะให้พวกกูนอนห้องไหน?” คิวเริ่มบ่นคนมาช้าก่อนประตูจะปิดสนิทสะด้วยซ้ำ

“เออ ช้านิดช้าหน่อยทำเป็นบ่น แล้วพวกมึงสี่คนนอนห้องว่างข้างล่างสองห้องนี้ เลือกเอาเองใครจะนอนกับใคร” ไนน์ตอบอย่างหมั่นไส้ กินนอนกันอย่างสบายจะมาบ่นพวกเขาสองคนอีก “วีเอาของขึ้นไปเก็บข้างบนก่อนเปล่า”

“ได้สิ เดี๋ยววีลงนะ” น้องน้อยของกลุ่มเดินขึ้นไปห้องนอนที่เขานอนเมื่อคืน

“อ้าวทำไมวี ได้ห้องนอนชั้นบนคนเดียวแต่กูต้องมานอนกับมัน ไอ้คิวมึงไปนอนกับวีเลย” เจโอแสร้งอิจฉา ส่วนเขาเองถ้าจะให้เลือกนอนเขาก็คงเลือกนอนคนเดียว

“มึงก็มาเป็นพี่สะใภ้กูสิ กูจะได้มอบอภิสิทธิ์นั้นให้กับมึง” ไนน์ตอบกลับคนขี้อิจฉาไปหนึ่งดอก

“กูกับพี่หนึ่งคงเข้ากันไม่ได้ เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้”

“งั้นกูกับมึงก็อยู่ด้วยกันไม่ได้เหมือนกัน”

จัสมินนั่งทนฟังมานาน “งั้นพวกมึงสองตัวก็ไม่ต้องเข้าไปนอน กูกับเมลจะนอนคนละห้อง ส่วนมึงสองตัวนอนข้างนอก ห้องน้ำก็มี เสือมันต้องอยู่ในพื้นที่โล่งแบบนี้ ไปเมล” จบการแขวะเสือสองตัว จัสมินลุกลากกระเป๋าเดินไปยังห้องนอนทันที

“เชี่ย! ช้าอยู่ไย ไปสิมึงพวกมันจะยึดห้อง” คิวโยนจอยเกมส์วิ่งไปหยิบเป้ตัวเองตรงไปยังอีกห้อง

 

พวกเขาทั้งสามคนที่เหลือส่ายหัวมองทั้งสองยืนอยู่หน้าประตูของคนตัวเอง ยังยื่นปากมาหากัน แกล้งกันตีกันไม่เคยเกินสองคนนี้แหละ หนึ่งหนุ่มและหนึ่งสาวต้องเข้าไปเก็บของก็หยิบกระเป๋าของตัวเองเดินไปแยกสองคนที่เถียงกันอยู่ให้เข้าห้อง

“เออ พวกมึงกูจะบอกว่าในห้องมีตะกร้าอยู่สามสีนะสีฟ้าใส่ของใช้ส่วนตัว สีขาวผ้าขาว สีดำผ้าสี ส่วนพวกยาสีฟัน แปรงสีฟัน ครีมอาบน้ำอยู่ตู้แขวนเล็กในห้องน้ำ ผ้าเช็ดตัวและชุดคลุมในตู้เสื้อผ้าหยิบมาใช้ได้หมดเลย เสร็จแล้วลงตะกร้าเอาไว้เดี๋ยวจะมีแม่บ้านมาจัดการเองช่วงที่เราไม่อยู่ห้อง” ไนน์ตอบตะโกนเรียกแล้วอธิบายหลักเกณฑ์การใช้ห้องของเขาให้เพื่อนฟัง

 

หลังจากจบมื้อเย็นอาหารส่งตรงมาจากบ้านใหญ่ของหนุ่มไนน์ ผู้มีแม่นมเอาอกเอาใจทำชุดใหญ่มาส่ง พวกเขาตกลงกันว่า จะเริ่มติวกันตอนสามทุ่มทุกวันโดยมีไนน์และเจโอผลัดกันติวและเสริมในส่วนต่าง ๆ และเลิกติวกันในเวลาช้าสุดคือตีสอง จะได้พักสมองไปเรียนในตอนเช้าและถ้าไม่จบค่อยมาต่อกันอีก

 

ก่อนสอบวันสุดท้ายพวกเขาจะรวมตัวอยู่ที่นี่ ทุกคนต้องมานั่งทำโจทย์จากติวเตอร์หนุ่มทั้งสอง เพื่อนทั้งสี่ถึงกับแทบกระอักเลือดในระหว่างทำ คิวออกมาปากด่าอย่างไม่ไว้หน้า “นี่มึงออกโจทย์มายากขนาดนี้ ไม่ไปเป็นอาจารย์แทนเลยล่ะ มาเป็นทำไมนักศึกษา”

ส่วนเมเปิ้ลที่ทำโจทย์ไม่ได้ขยำกระดาษขว้างใส่หน้าคนติว ส่วนแม่ลูกสองคนกอดคอกันร้องไห้แทน

“มันยากตรงไหน” ไนน์

“ใช่ บอกกูมาดิ” เจโอ

ทั้งสี่ “...ทุกตรง!!!” เสียงประสานมองค้อนอย่างแรงให้สองคนที่ถาม

“...” ทั้งคู่ไหวไหล่

 

วิชาฟิสิกส์คือตัวสุดท้ายของตารางสอบ ทั้งหกคนเห็นข้อสอบถึงกับยิ้มออก จริง ๆ แล้วพวกเขายิ้มแทบทุกวิชาคำนวณ ก็เพื่อนทั้งสองคนติวให้ตรงทุกจุดเลย และโจทย์คล้ายๆ ขอแค่ว่าไม่พลาดในบางจุดหรือตีโจทย์ผิดคงจะเก็บคะแนนได้เต็ม

“แม่ง! ข้อสอบโคตรง่ายเลยว่ะ โจทย์ของเชี่ยสองตัวนี้ยังยากกว่าอีก” คิวลงมาคนสุดท้ายของกลุ่มบอกขณะมาสมทบกับคนอื่น

“เออแม่งใช่ว่ะ ข้อสอบแม่งขนมเลย” จัสมินเห็นด้วยกับคิวเช่นกัน

“วีทำได้ไหม” ติวเตอร์พี่ไนน์ถามลูกศิษย์ตัวน้อย

“ทำได้สบายเลย วีต้องขอบคุณไนน์กับเจโอมากเลยนะที่ช่วยติวให้นะ” น้องน้อยของกลุ่มยกยิ้มด้วยความสบายใจ

“ต้องขอขอบคุณติวเตอร์ทั้งสองได้มอบบททดสอบอันสุดหินก่อนจะเช้าการทำภารกิจนี้มันเลยแสนง่ายมาก” เมเปิ้ลยกมือขึ้นคารวะชายหนุ่มทั้งสอง

“เออทำได้ก็ดีแล้ว คนติวให้จะได้เบาใจหน่อยนะมึง” เจโอบอกกลับไป พร้อมยักคิ้วให้กับผู้ร่วมอุดมการณ์อย่างไนน์

“เออ” เขาพยักพเยิดหน้าตอบกลับเช่นกัน

 

Rrrrrr เสียงวิดีโอคอลจากมารดาของวี

“สวัสดีครับแม่ พี่วาด้วยครับ” เขากล่าวทักทายมารดาแต่พอมีหน้าพี่สาวเข้ามาร่วมในเฟรมเดียวกันก็กล่าวทักทายเช่นกัน

[สอบเสร็จแล้วจะแวะกลับมาบ้านไหม แม่คิดถึงวีจังเลยครับลูก]

“อือ...แม่น้องวีไม่กลับนะครับ นัดกับเพื่อนกันไว้ว่าจะไปเที่ยวเชียงใหม่ พอดีว่า...ว่าบ้านป้าไนน์มีไร่ดอกไม้ก็เลยว่าจะไปพักผ่อนหลังสอบด้วยครับ” เจ้าตัวน้อยไม่เคยโกหกแม่ตัวเอง แอบเอานิ้วไขว้กันแอบไว้ข้างตัว

[แม่คะสงสัยน้องจะไม่รักพวกเราแล้วค่ะ ติดเพื่อน บ้านก็ไม่ค่อยกลับ มีวันว่างก็หนีไปเที่ยวกับเพื่อนอีก]

[ใช่แล้วค่ะลูก เรามันคนไม่สำคัญแล้วนี่] เสียงตัดพ้อน้อยใจของสองแม่ลูก ยังยกมือขึ้นมากอบกุมให้กำลังใจกันและกัน

วีรู้สึกผิดกับแม่กับพี่สาวตัดพ้อกับเขา “แม่ครับ พี่วาครับ เอาไว้หลังกลับจากเชียงใหม่ได้ไหมครับ วีจะรีบกลับไปหาทันทีเลย น้องวีคุยกับเพื่อนไว้ตั้งแต่ก่อนสอบแล้วครับ” เจ้าตัวบอกด้วยเสียงอ่อน

ส่วนคุณพ่อนั่งดูความเล่นใหญ่ของทั้งเมียและลูกสาวตะโกนแทรกเข้ามา [จะหวงอะไรนักหนา ปล่อยให้ลูกเที่ยวกับเพื่อนมั่งเถอะ ไม่คิดจะให้ลูกชายของผมมีฟงมีแฟนบ้างเลยหรือไงสองคนแม่ลูกคู่นิ]

[ไม่!!!] เสียงตอบอันดังออกมาพร้อมกันด้วยตาเขียวปัดไปยังชายคนเดียวคอยขัดพวกเธอ

“...”

[แม่กับพี่วาก็ไม่ว่าอะไรถ้าจะมีแฟนนะลูก แต่คงเสียใจอยู่บ้างแหละแต่แม่ก็อยากให้เรามีความสุขนะ ขอแค่คนรักวีมากเท่าที่แม่กับพี่เรารักก็พอ] เสียงมารดาบอกกับลูกชายคนเล็กอย่างแผ่วเบา คนเป็นแม่ก็อยากให้ลูกมีคนรัก แต่สำหรับแม่อย่างเธอแล้วคงต้องคัดกรองละเอียดกว่าฝุ่น PM 2.5

“แฟนเหรอ? ถ้าเขายอมยกโทษให้น้องวีนะครับ” เขาบอกออกไปอย่างเศร้า แค่นึกถึงคนที่หายไปเกือบสองสัปดาห์ไม่แม้จะยอมติดต่อกลับมาเลย ไหนบอกว่ารักเขาไง พอบอกว่าเกลียดไม่เจอหน้าก็ไม่เห็นต้องจริงจังแบบนั้น ตอนนั้นคนกำลังโกรธเขาอยู่เปล่า

[ใครลูก? ยกโทษอะไร?]

[ใครโกรธน้องวีคะ?]

“มะ ไม่มีครับ น้องวีพูดลอยขึ้นมา”

[ครับ ถ้าน้องวีว่างกลับบ้านบ้างนะลูก แม่กับพี่วาคิดถึง ไปเที่ยวกับเพื่อนให้สนุก ถ่ายรูปสวย ๆ ส่งมาให้แม่ดูด้วยนะลูก พี่วาจะคุยกับน้องอีกไหม และพ่อละ] แม่ของชายหนุ่มหลังจากคุยกับลูกชายเสร็จก็หันไปถามลูกสาวกับสามีต่อ

[ไม่แล้วค่ะ]

บิดาของชายหนุ่มแบมือขอโทรศัพท์จากภรรยาคนสวยของเขา เดินออกมาไม่ห่างจากสองคนแม่ลูกมากนัก [แล้วสอบเป็นไงบ้างลูก ทำได้ไหม?]

“ทำได้ครับ ก่อนสอบน้องวีก็ไปติวที่คอนโดของไนน์พร้อมกับเพื่อน ๆ”

[น้องวีของพ่อโตเป็นผู้ใหญ่อีกนิดแล้วนะ เมื่อก่อนแทบจะไม่ยอมออกจากอกแม่เราเลย ส่วนตอนนี้กำลังจะเที่ยวกับเพื่อนๆ ไปไกลถึงเชียงใหม่แน่ะ] คุณพ่อแซวลูกชาย

“เมื่อก่อนแม่ยอมให้ไปที่ไหนกันล่ะ” เสียงบ่นอู้อี้เบาได้ยินแค่พวกเขาทั้งสองคน

[แม่เขารักของเขานี่ครับ แล้วไปเที่ยวมีตังค์ไหม เดี๋ยวพ่อโอนค่าไปเที่ยวกับค่าตั๋วให้นะ เที่ยวให้สนุก ดูแลตัวเองด้วยนะครับ] บิดากล่าวและยิ้มให้ลูกชายคนเล็ก

“ครับพ่อ เงินไม่ต้องโอนมานะครับ น้องวียังพอมี แล้วจะซื้อของฝากมาให้นะ สวัสดีครับพ่อ สวัสดีครับแม่และพี่วาด้วย”

 

จัสมินนั่งฟังการคุยของลูกชายทิพย์ของเธอ กวักมือเรียกไปนั่งข้าง ๆ หญิงสาวยิ้มอย่างมีแผนในใจ ก่อนจะหันไปเรียกคู่กัดของตัวเธอมาร่วมด้วย

“ไอ้คิวกูมีเรื่องจะรบกวนหน่อย ในฐานะที่เป็นผู้ชายแสนเลว เฮ้ย แสนดีคนหนึ่ง” หญิงสาวกรีดยิ้มอย่างสบายใจได้หลอกด่าเพื่อน

“...เออ!” คิวหรี่ตามองอย่างจับผิด แต่ก็ตอบรับไปอย่างไม่ไว้วางใจเพื่อนคนนี้ ส่วนคนอื่นได้แต่จับตามองดูทั้งสามคนว่าทำอะไรกัน

“น้องวีลูก หนูมายืนตรงนี้ค่ะ อืม...แบบนั้นแหละ ช้อนหน้าขึ้นค่ะ ทำหน้าสำนึกผิดด้วยค่ะลูก ค่ะ โอเคมากค่ะ” จัสมินพูดจีบปากจีบคอ ดึงเจ้าตัวน้อยให้ลุกขึ้นจัดท่าจัดทางตรงหน้าชายหนุ่ม เงยหน้าสบตาด้วยความสูงที่ต่างกัน และหันไปกระซิบข้างหูของวีจนจบและก้าวถอยออกมาดูผล

“จัสมินเอาแบบนี้เหรอ” วีถามเจ้าตัวทำตามที่เพื่อนสาวเสนอ แต่ก็ยังไม่มั่นใจอยู่ดี

“ลองดูค่ะ มัมหมีว่ามันต้องได้ผล” จัสมินกรีดมือตบลงบนอกอย่างภาคภูมิใจ

“คิว น้องวีขอโทษ...ยกโทษให้น้องวีนะ” วีทำแบบจัสมินสอนทุกอย่าง ไม่ว่าจะสีหน้ารู้สึกผิด สายตาอ้อนวอน และน้ำเสียงเจือไปด้วยการขอร้อง และสุดท้ายคือช้อนตาเงยขึ้นไปสบตากับคิว

“...” ทุกคนอึ้งในระดับตัวแข็งทื่อ อ้าปากค้าง ส่วนคนได้รับเอฟเฟกต์ที่สุดคือชายหนุ่มลูกครึ่ง คิวตัวแข็งไปพร้อมกับคนอื่น มือหนายกขึ้นมากุมหัวใจ สูดลมหายใจเข้าปอดอย่างช้า ๆ

“วะ วี อย่าทำแบบนี้อีกนะ เพราะคิวไม่อยากโดนพี่ชายไอ้ไนน์ฆ่าตาย” คิวพูดอย่างช้าด้วยเสียงสั่นเครือพร้อมกับยิ้มกว้างให้แก่ชายหนุ่มร่างเล็กตรงหน้า หันไปตวาดกร้าวให้เพื่อนผู้ลากเขามาเป็นเหยื่อ “อิเชี่ย! จัส มึงหาเรื่องให้กูตายใช่ไหม?” พร้อมกับขายาวก้าวไปหาพร้อมมือฟาดลงบนหัวเพื่อนสาวแบบออมแรง

“กูเจ็บนะมึง เป็นไงลูกกูเก่งไหมล่ะมึง” มืออันเรียวสวยจะยังลูบหัวตัวเอง แต่ยังโอ้อวดความเก่งของเพื่อนตัวน้อยที่ตัวเธอแนะนำวิธีง้อผู้ชาย ใครเจอแบบนี้ยังใจแข็งไปได้ก็มีแต่เครื่องจักรเท่านั้นแหละ

 

คิวคิดผิดอย่างมหันต์ ยอมตกหลุมพรางคู่กัดเขาอย่างจัสมิน ไม่มีทางว่าคนอย่างเธอจะหวังดี เขาโดนหลอกมาเชือด ตอนเจ้าเพื่อนตัวน้อยมายืนตรงหน้า พร้อมกับท่าทีต่าง ๆ ออดอ้อน เสียงหวานบอกกับเขา มันเขย่าก้อนเลือดในอกซ้ายให้เต้นแรง คิวรู้อยู่แล้วว่าเพื่อนเขาคนนี้น่ารัก น่ารักจนเหมือนใครบางคน น่ารักจนเขาอยากจะจีบถ้าเขาเองก็ไม่มีใครซุกซ่อนอยู่ข้างใน

“แบบนี้แหละ พี่ชายไอ้ไนน์ตายแน่ ฮ่า ฮ่า” เมเปิ้ลบอกก่อนจะตามด้วยเสียงหัวเราะแบบสะใจ

“กูเนี่ยหยุดหายใจเลยว่ะ น้องวีกูแม่งน่ารักโคตร!!” เจโอเดินมาบอกเจ้าตัวน้อยมือดึงแก้มขาวทั้งสองข้าง

“หนึ่งงานนี้ไม่รอดแน่” ไนน์ส่ายหัวไปมา

“...” วีงุนงงในคำพูดของเพื่อน เขาทำไปมันหมายความว่ายังไง คิวเหมือนจะโกรธ จัสมินดูพออกพอใจ เมเปิ้ลดูฮึกเหิมสะใจในบางอย่าง เจโอดูมันเขี้ยวเขา และไนน์ดูหนักใจ สรุปว่าเขาทำไปมันดีหรือไม่ดีกันแน่ เขาเพียงรอคำตอบอยู่นาน แต่ผลก็คือไม่มีใครบอกเขาเลย

 

เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น สองสาวกับอีกสี่หนุ่มพร้อมด้วยกระเป๋าเดินทางบินตรงมุ่งสู่แดนเหนือของประเทศ แต่ละคนในชุดเสื้อวอร์มกางเกงขายาวพร้อมจะนอนต่อบนเครื่อง ระหว่างนั่งรอขึ้นเครื่องก็มีพนักงานของสายการบินมาบริการกลุ่มพวกเขาโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเสิร์ฟกาแฟ รวมถึงขนมต่าง ๆ จนผู้โดยสารท่านคนอื่นมองอย่างเป็นจุดสนใจ

“ไม่ต้องทำแล้วครับ ไปทำหน้าที่ของคุณเถอะ” ไนน์บอกกับพนักงานบริการสาว

“แต่ผู้จัดการสั่งให้ดูแลจนกว่าจะขึ้นเครื่องนะคะ” หญิงสาวคนดังกล่าวแย้งมา

“ครับไปเถอะครับ เดี๋ยวคุยกับทางนั้นเองไม่ต้องห่วงครับ” เขาบอกด้วยเสียงราบเรียบและสุขุมพร้อมกับใบหน้าบอกว่า ช่วยไปสักทีเถอะคนอื่นมากันเต็มแล้ว

“รับทราบค่ะ” พนักงานสาวก็ถอยออกไปจากกลุ่มของพวกเขา

ไนน์พอจะเดาได้ว่าผู้จัดการได้รับคำสั่งมาจากใคร เพราะเขาเองนั่นแหละโทรไปบอกให้หาตั๋วเที่ยวเดียวกันหกใบ ตามประสาพี่สาวของเขา แต่แค่ให้เอากาแฟกับขนมมาให้ก็พอแล้ว นี่เล่นให้ยืนเฝ้าคอยบริการตั้งแต่การโหลดกระเป๋าจนพามานั่งรอตรงเกต

 

สนามบินเชียงใหม่

ทั้งหมดหกคนลงเครื่องมาพร้อมกับผู้โดยสารคนอื่น แต่ต่างออกไปคือ กระเป๋าเดินทางทั้งหมดหกใบมาเรียงรอหน้าสายพานอย่างเรียบร้อยโดยมีพนักงานภาคพื้นยืนรอส่งมอบให้พวกเขา พวกเขาที่โดนสายตามองอย่างไม่พอใจได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ ตอบกลับไป

 

ไนน์พาคนอื่นเดินไปรอตรงจุดรอรถตรงทางประตูทางออก 1 ที่เขานัดไว้กับทางป้าดาหลาแม่ของหนึ่ง ซึ่งเขาโทรบอกไว้ตั้งแต่หลายวันก่อน เพราะเขาติดต่อพี่ชายเขาเองไม่ได้เลยฝากป้าบอกว่าพวกเขาจะมาเที่ยว

 

เพื่อนตัวน้อยออกมาถึงภายนอกอาคารก็ได้แต่ยืดคอมองหาคนมารับ ใบหน้าอมยิ้มตลอดเวลาเหมือนเด็กน้อยอยู่โรงเรียนประจำแล้วรอพ่อกับแม่มารับไปเที่ยวในวันหยุด ในฐานะเจ้าของพื้นที่ ไนน์เดินมายืนรอกับวีและช่วยมองหาอีกแรง

“ทำไมกูรู้สึกว่ากำลังจะส่งลูกเข้าไปในถ้ำเสือวะ ลูกกูจะโดนกินไหมเนี่ย” จัสมินบ่นอย่างกังวลกับเพื่อนอีกสามคนยืนถัดมาด้านหลัง

“ถ้ากูเป็นพี่มันน่ะ ใส่พานมาถวายขนาดนี้ ไม่กินไม่รู้จะว่าไงแล้ว” คิวชายหนุ่มลูกครึ่งไหวไหล่ตอบ

“เอาน่ามึง ไม่เห็นอาการเพื่อนมึงเหรอ สอบเสร็จรีบวิ่งมายืดคอรอจนจะกลายเป็นยีราฟอยู่แล้ว” เจโอบอก

“เอาเถอะ ถ้ามันมีความสุขมีคนดูแลอย่างดีฉิบหายแบบนั้น กูคงต้องยกลูกปลอมๆ ของมึงให้แหละ นั่นไงยืดคอมองหาอีกแล้วมึง” เมเปิ้ลบอกพร้อมกับชี้นิ้วให้ดูอาการลูกชายทิพย์ของจัสมิน

 

ทั้งสี่คนมองเพื่อนตัวน้อยใบหน้ายิ้มแย้ม หุบลงทันทีเมื่อคนมารับไม่ใช่คนที่เจ้าตัวอยากให้มา ใบหน้าน้อยนิ่งเงียบทันควัน พวกเขาต่างมองหน้ากัน

“สุมาเตอะคุณไนน์ ตี๋มาฮับช้า มีรถชนตรงคูเมือง ติดแหมขนาดกว่าจะขยับออกมาได้” ลุงคำมีคนขับรถส่วนตัวของลุงกับป้าของไนน์ยกมือไหว้ขอโทษเขาด้วยสำเนียงคำเมืองปนภาษาไทย (ขอโทษครับคุณไนน์ที่มารับช้า มีรถชนตรงคูเมือง รถติดมากว่าจะขยับออกมาได้)

“ไม่เป็นไรครับลุง ไนน์เองก็มารอไม่นานเลย เฮ้ย! พวกมึงนี่ลุงคำมีคนขับรถลุงกูมารับแล้ว และนี่จินบอดี้การ์ดหนึ่ง” ไนน์ยกมือไหว้ตอบกลับแทบไม่ทัน และเรียกเพื่อนๆ มาแนะนำบุคคลมารับพวกเขา

“สวัสดีครับ / สวัสดีค่ะ” ทั้งห้าคนยกมือไหว้ผู้มีอายุมากกว่าทั้งสองคน

“สวัสดีครับ” จินมาในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวกับกางเกงยีนผงกหัวรับ

“สวัสดีครับ” ลุงคำมียกมือไหว้ตอบกลับเพื่อนลูกอีกคนของเจ้านาย

 

สัมภาระทั้งหมดยัดไว้ท้ายรถตู้ และออกเดินทางในเมืองมุ่งสู่ยอดดอย โดยทุกคนเลือกจะไม่ถามหาพี่ชายของเพื่อนอย่างรู้กัน ใช้เวลาสองชั่วโมงกว่า พวกเขาถึงที่หมายคือไร่ดาหลา พวกเขาออกเดินทางมาแต่เช้าพอมาถึงในช่วงสาย อากาศไม่ร้อนมาหหญิงสาวทั้งสอง เปิดกระจกออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์

“ไนน์ทำไมไร่ของป้ามึง ไม่เหมือนแบบที่กูคิดไว้เลยวะ มันต้องเป็นทุ่งดอกไม้ไม่ใช่เหรอวะ?” เมเปิ้ลกล่าวทักออกมาผายมือไปยังสองข้างทาง

ไนน์มองตามมือของเพื่อนสาว เขาพยักหน้าคิดภาพตามเพื่อนนั้นจินตนาการเอาไว้ “คือป้ากูปลูกส่งออกนะ ไม่ได้ปลูกให้เที่ยวชม ต้องปลูกในโรงเรือนสิคร้าบบบ แต่ถ้ามึงจะเอาแบบทุ่งดอกไม้นะมีอยู่ แต่ต้องไปขอลุงกูก่อน เขาปลูกไว้ให้เมียเขาดูคนเดียว นั่นไงมึง”

 

ไนน์ชี้นิ้วให้เพื่อนทุกคนดูทุ่งดอกไม้กินเนื้อที่ประมาณหนึ่งไร่ ปลูกเพาะดอกไม้ที่สื่อความหมายถึงความรัก ลุงเขาสั่งปลูกรอบนี้เป็น กุหลาบหลากหลายสี ขยับไปอีกจะเป็นคฤหาสน์หลังใหญ่ รถพาพวกเขาไปส่งตรงหน้าบ้าน และก็ขับต่อไปด้านในเพื่อนำสัมภาระของพวกเขาไปส่งยังบ้านพัก

“ไนน์ลูก มาเด็ก ๆ เข้าบ้านกันค่ะ” หญิงสาววัยสี่สิบต้น ๆ แต่ใบหน้ายังคงความอ่อนวัยจนยากจะคาดเดาอายุจริงได้ กวักมือเรียกพวกเขา

“นี่ป้าดาหลาป้าของกูและเป็นแม่ของหนึ่งด้วย” ไนน์แนะนำญาติผู้ใหญ่ให้แก่ทุกคน ต่างพากันยกมือไหว้ก่อนจะเดินเข้าไปในบ้าน

"พวกมึงนี่ลุงมังกร” ไนน์แนะนำชายวัยกลางคนดูภูมิฐาน ผมสีดอกเสลาแซมด้านข้าง ช่างดูดีในลุคแด๊ดดี้มากกว่าคุณลุงตามคำแนะนำ

“ป้าครับลุงครับ นี่วี จัสมิน เมเปิ้ล ส่วนนี่คิวกับเจโอครับ”

“ตามสบายนะเด็ก ๆ”

“มา มานั่งกันตรงนี้” ป้าของไนน์กวักมือเรียกทั้งหมดให้ไปนั่งตรงโต๊ะกินข้าวทรงสูงเต็มไปด้วยของกินเตรียมไว้ต้อนรับ “หนูวีใช่ไหมลูกมานั่งข้างป้ามะลูก” หญิงวัยกลางคนจับมือคนตัวเล็กที่ตัวเองยังไม่รู้ว่านั่นคือว่าที่สะใภ้

“ครับ” วียกยิ้มแห้งให้กับเพื่อนด้วยความงุนงง

ไนน์พยักหน้าให้ไปนั่งกับป้าของเขา ส่วนเพื่อนคนอื่นต่างพากันยกนิ้วโป้งให้กำลังใจ บ้างก็ขยิบตาให้เห็นดีเห็นงามในความเอ็นดูของว่าที่แม่สามี

“มองไปมองมา หนูวีนี่น่ารักมากเลยนะลูก” คุณนายแห่งไร่ดอกไม้เอียงหน้ามองยกยิ้มให้แก่ชายหนุ่มนั่งด้านข้าง เธอรู้สึกเอ็นดูเด็กคนนี้มาก ตัวก็เล็ก หน้าตาก็น่ารัก ถ้าพี่หนึ่งไม่พาอดีตแฟนเก่ากลับมาเธอคงหยอดจีบให้ลูกชายตัวเอง

“ขะ ขอบคุณครับ” วียกมือไหว้ขอบคุณอย่างเคอะเขิน

จัสมินนั่งมองอาการลูกชายของเธอเอาแต่นิ่งเงียบตั้งแต่สนามบินจนมาถึงไร่ ใบหน้าเคยสดใสกลับดูห่อเหี่ยวลงอย่างมาก น้องน้อยผู้น่ารักของพวกเธอยิ้มแย้มตอบรับพอเป็นพิธีให้รู้ว่ามีส่วนร่วม

“ป้าขา แล้วหนูสองคนไม่น่ารักเหรอคะ?” หญิงสาวพยายามแก้สถานการณ์ให้ดีขึ้น แกล้งถามอย่างน้อยใจ

“น่ารักค่ะลูก แต่หนูสองคนเหมาะกับคำว่าสวยมากกว่านะคะ” ป้าของเพื่อนตอบกลับไปอย่างจริงใจ

“อะแฮ่ม!” เสียงกระแอมจากชายวัยกลางอยู่ไม่ห่างจากลุ่มพวกเขา “หนูสองคนสวยค่ะ แต่สำหรับลุงแล้วไม่มีใครสวยสู้ป้าของพวกหนูได้เลย” เสียงบอกอย่างภาคภูมิใจในตัวภรรยาของเขา

“...” ไนน์รับรู้ว่าลุงเขาจะพูดอะไรเลยกลอกตาไว้รอเลย

“...” สองสาวและหนึ่งหนุ่มตัวน้อย ยิ้มพร้อมกันอย่างเขินอายแทน

“...” คนโดนชมมองค้อนไปยังสามีด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ

“..” สองหนุ่มได้แต่อ้าปากค้าง

“ไนน์จะพาเพื่อนไปพักกันที่บ้านของเราใช่ไหม?” เขายังไม่ทันตอบสิ่งที่ป้าถาม “คือป้าอยากจะขออะไรพวกหนูหน่อย คือพี่หนึ่งเขาเพิ่งกลับมาเมื่อวานนี้”

“...” ไนน์รู้สึกสังหรณ์ใจในอาการดีใจจนออกนอกหน้าของป้า

“เราพอจะจำพี่ละอองฝนได้ไหมลูกที่เป็นแฟนเก่าพี่หนึ่งเค้า ป้ากำลังสงสัยว่าสองคนนั้นเขาจะกลับมาคืนดีกัน” คุณนายดาหลาเริ่มเล่าด้วยสีหน้าเบิกบาน

คำว่า แฟนเก่า และ คำว่า คืนดีกัน หลุดออกมา เพื่อนทุกคนจับจ้องไปยังวี ตอนนี้สีหน้าเจ้าตัวย่ำแย่อย่างมากเจ้าตัว 

“ครับ?” ไนน์ถามย้อนกลับไปยังป้า และหันไปถลึงตาใส่เพื่อนแต่ละคนนั่งรายล้อมเขา และยังผลัดกันฝากฝีเท้าลงหน้าแข้งและพยักพเยิดหน้าให้ดูเพื่อนตัวน้อย ชายหนุ่มกัดฟัน ขยับปากบอกให้คนสะกิดเขาด้วยเท้า “กูรู้แล้ว”

“พี่หนึ่งเขาพาที่มาบ้าน แถมบอกกับป้าว่าละอองฝนไม่ค่อยสบายและทางบ้านนั้นไม่มีใครอยู่เลยให้มาพักด้วย อย่างนี้ป้าพอจะมีหวัง ป้าจะได้มีสะใภ้กับเขาบ้างหรือยัง แล้วก็อยากให้ไนน์ช่วย ๆ ชงพี่ ๆ เขาหน่อย”

ไนน์ยกมือเกาหน้าผากอย่างคิดหนัก “เอ่อ... แต่ไนน์ว่าพี่ฝนเขาน่าจะมีแฟนใหม่แล้วมั้ง และหนึ่งเคยพูดว่า พี่เขาเป็นแค่เพื่อนไม่ใช่เหรอครับ” เขาบอกออกไปอย่างไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ “ป้าครับไนน์ว่าจะพาไอ้พวกนี้ไปพักกันดีกว่า”

“ขอโทษทีลูกป้ามัวแต่ดีใจ ไปพักกันเลยนะ อยากได้อะไรบอกเด็กในบ้านได้ทุกคนเลยนะคะ”

ไนน์แก้สถานการณ์เฉพาะหน้า รีบลุกเดินนำคนอื่นออกมา เพื่อนคนอื่นค้อมตัวให้ผู้ใหญ่และเดินตามเพื่อนตัวเองออกมา ยังลานจอดรถที่มี ATV เรียงราวอยู่ห้าคัน

“พวกมึงเลือกเอาจะขับไปเองหรือซ้อนกันไป วีมานั่งกับไนน์” จูงมือเพื่อนตัวน้อยมากับเขา “ไม่ต้องคิดมากนะ หนึ่งไม่คืนดีกับพี่ฝนหรอกเขาสองคนเป็นเพื่อนกันจริง ๆ” น้ำเสียงเขาพยายามเค้นออกมาให้ดูน่าเชื่อถือที่สุด

“อือ...”

 

รถ ATV ทั้งสามคันขับลัดเลาะไปตามถนนลูกรังจนถึงบ้านไม้สักสองหลังปลูกติดกันไว้ตั้งอยู่กลางไร่อย่างโดดเด่น เสียงรถอันดังเรียกคนอยู่ภายในบ้านอีกหลังให้ออกมายืนมองตรงระเบียงบ้าน

 

บ้านพักของหนึ่งและไนน์เป็นบ้านไม้สักทรงยกสูงสองชั้น บ้านหลังของหนึ่งที่เป็นลูกเจ้าของไร่จะมีขนาดใหญ่และเก่าภายในบ้านจะปรกบด้วยห้องนอนหนึ่งห้องตรงชั้นล่าง และอีกห้องของเจ้าบ้านบนชั้นสองแยกออกไป ภายในตกแต่งแบบเรียบง่ายเพียงแค่โซฟาในส่วนกลางบ้านไว้รับแขก และโต๊ะกินข้าวแยกออกไปในส่วนห้องครัว และที่แตกต่างของบ้านไนน์ คือจะมีเพียงแค่ห้องพักส่วนตัวชั้นสองเพียงห้องเดียวเท่านั้น

 

หนึ่งมีสีหน้าตกตะลึงเมื่อน้องชายพากลุ่มเพื่อนมาเที่ยว แต่คนที่กระตุกก้อนเนื้อในอกให้มาสูบฉีดอีกครั้งคือคนใบหน้าสวยหวานและน่ารักจากทางด้านหลังน้องชาย

 

เสียงดับเครื่องยนต์ลงพร้อมทั้งหมดก้าวลงมาจากรถ วียกยิ้มให้แก่เขา พลันหุบยิ้มลงพร้อมกับใบหน้าง้อง่ำ แววตารื้นไปด้วยน้ำตา พร้อมกับหญิงสาวเดินออกมาบ้านหลังเดียวกัน แล้วเซไปพิงซบกับชายหนุ่ม

“ใครมาเหรอหนึ่ง โอ๊ะ!!”

ชายหนุ่มเข้าไปประคองหญิงสาวทันทีและตามด้วยเสียงดุ “ดื้อตามออกมาทำไม เมื่อคืนก็ไม่ค่อยได้นอนไม่ใช่เหรอ”

คำพูดออกมาจากปากชายหนุ่ม ทำให้คนบังเอิญได้ยินบทสนทนานี้อดคิดไปในทางอื่นไม่ได้ วีเองได้ผลกระทบมากเม้มปากจนสั่น ขอบตาแดงก่ำ “วีเข้าบ้านก่อนนะ” เจ้าตัวน้อยสะบัดตัวเข้าไปยังด้านในทันที

“วี...” เสียงร้องเรียกจากเพื่อนๆ และรีบตามเข้าไป

ไนน์ถอนหายใจ “หนึ่งแม่ง!” สะบัดตัวตามเพื่อนคนอื่นไปด้วยเช่นกัน

 

 

To be continued…

 

ฝากกดใจ ใส่คอมเม้น จิ้มติกเกอร์ให้น้องทีด้วยนะคะ(ไหว้ย่อ) 

ติดตาม TW @TYokmanee