ตอนที่ 7 สรุปว่าทำโรงเรียนดีมั้ย

.....

 

"ภรรยา"

ผมกลอกตาเป็นรอบที่ล้าน ผู้คนรอบข้างต่างพากันมองเด็กน้อยชุดขาวที่จับปลายแขนเสื้อของชายหนุ่มชุดดำถือร่มเดินทั่วตลาด 

"เลิกเรียกข้าว่าภรรยาที ข้าชื่อฮุ่ยหมิน"

"ฮุ่ยเอ๋อร์"

เออ เอาที่มึงสบายใจ

"มีอะไร"

"เราจะไปที่ใดกันหรือ ข้ากลายเป็นคนข้าหิว"

สรุปคือหิวนี่เอง ผมเลยลากเด็กตัวขาวนี่พาไปซื้อข้าวในโรงเตี๊ยมใกล้ๆ ตอนนี้พวกเราสองคนอยู่ในเมืองทางเหนือที่ พระเอกจะมาเกิดแล้วครับ แต่อยู่หมู่บ้านข้างๆไกลๆหน่อย เหลือเวลา 7 ปีที่พระเอกจะเกิดเพราะฉะนั้นจะสร้างโรงเรียนดีหรือจะแกล้งเป็นเซียนที่ผ่านมาดีนะ? แต่ที่แน่ๆของวิเศษไอ้พระเอกคนนี้ต้องได้จากเมืองเหนือนี่แน่นอน ของวิเศษที่ว่าก็อยู่ในกำไลมิติของผมเนี่ยแหละ 

"ภรรยา สรุปว่าเราจะไปที่ใด"

"ไม่ได้ไปที่ใด เราจะอยู่ที่นี่จนกว่าจะสอนคนคนหนึ่งเก่งพอจะสู้กับปีศาจได้ รีบกินจะได้ไปหาที่นอน"

ผมนั่งเท้าคางมองเด็กชายตัวน้อยตรงหน้าด้วยความสงสัย 

"นี่"

"ว่าไงฮุ่ยเอ๋อร์"

"นายจะตัวโตขึ้นใช่มั้ย"

ใบหน้าเล็กพยักขึ้นลงเร็วๆ

"เพียงเดินลมปราณสองปีข้าก็กลับมาเหมือนเดิมได้ ภรรยาอยากให้ข้าเก่งเท่าท่านพ่อเลยหรือไม่หรือเก่งกว่า"

"เอาหน้าตอนโตมาให้ดูก่อนเถอะ"

ผมว่าแค่นั้นแล้วจิบชาคิดวิธีสอนพระเอก ว่าจะสร้างโรงเรียนดีมั้ย หรือยังไงดี

 

 

...................

 

 

 

ชายหนุ่มบัณฑิตชุดดำถือร่ม มืออีกข้างจูงเด็กหนุ่มผมขาวในชุดขาวเดินมาหยุดมองโรงเตี๊ยมขนาดใหญ่ที่ผุพังร้างคนเดินไปมา นายหน้าขายจวนขายโรงเตี๊ยมบอกว่าเป็นโรงเตี๊ยมผีสิงไม่มีใครคิดเข้าไป เวลานี้ก็เย็นแล้วชาวบ้านใกล้ๆก็ต่างมองมาที่พวกเขาด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น ก่อนที่ทั้งสองร่างจะเข้าไปในโรงเตี๊ยมผีสิง

"ร้างและรกมาก หลินอวิ๋นเจ้าทำความสะอาดได้หรือไม่"

ฮุ่ยหมินเขย่ามือเล็กเอ่ยถามสามีเด็กตัวเอง

"ได้ภรรยาว่าอย่างไรข้าก็จะทำตาม"

ผมทำหน้าแหยๆใส่เด็กน้อยถึงจะมีด้ายแดงผูกนิ้วก็เถอะแต่ไม่ได้รู้สึกรักอะไรทั้งนั้นแค่เด็กจูออนคนหนึ่ง ผมบอกให้หลินอวิ๋นจัดการเอาโต๊ะในโรงเตี๊ยมออกมาแล้วกำจัดฝุ่นส่วนผมเองก็ตัดหญ้ารอบๆเนื่องจากโรงเตี๊ยมมีข่าวลือเรื่องผีพื้นที่รอบๆก็ถูกขายพร้อมโรงเตี๊ยมดูแล้วก็น่าสร้างรั้วมากั้นผู้คนมาเห็นข้างใน

พอมีลมปราณอะไรก็ง่ายขึ้นเพียงแค่สะบัดมือหญ้าบนพื้นดินก็โล่งเตียน เดินดูบริเวณรอบๆที่ปักไม้ผูกเชือกกั้นแสดงถึงที่ดินที่ผมเป็นเจ้าของ ด้านหลังโรงเตี๊ยมเป็นแม่น้ำสายหนึ่งดูแล้วรู้สึกว่าควรปลูกไม้ไผ่ไว้แล้วติดป้ายห้ามเข้า เพราะในนิยายเขียนไว้ว่าตัวเอกมีเรื่องเสียใจก็จะเข้าป่าไผ่เพื่อแอบมาดูแม่น้ำกลางดึก จะว่าไปนิยายเรื่องนี่ก็แปลก พระเอกเกิดมาเป็นชนชั้นล่างเดินทางออกจากหมู่บ้านมาเรียนวรยุทธ์ลมปราณ(บอกเรียนกับเซียนแต่ไม่ได้บอกว่าเรียนแบบไหน) แล้วมีอาวุธวิเศษพอพลังเก่งก็ไปวัดระดับที่เมืองหลวง เสร็จก็กลายเป็นชนชั้นกลางสนิทกับเจ้าชาย ไม่นานก็เจอสัตว์วิเศษแล้วก็มีซินแสมาทำนายจะกลายเป็นผู้ปราบมารเลยเดินทางไปปราบพร้อมพวกพ้องกับแม่นางเอกในโรงเรียนเมืองหลวง

ส่วนตัวผมเป็นอาจารย์ลับที่ต้องชวนพระเอกมาเรียนฝึกวรยุทธ์จนเก่ง พาออกป่าเจออาวุธวิเศษ พาไปวัดระดับ มาดูตอนเจอสัตว์วิเศษบอกวิธีควบคุมสัตว์ แค่นั้นและโผล่มาอีกทีตอนที่พระเอกปราบมารเสร็จแต่โดนพิษร้ายเลยมาช่วยเค้นพิษก่อนจะหายตัวไป 

เป็นนิยายที่ดูแปลกๆดีนะ ผมเหม่อได้สักพักหลินอวิ๋นก็เดินมาจับมือสงสัยติดใจมือผม พวกเราพากันเข้าไปข้างใน มีเตียงที่ใช้ได้เลยนอนหลับกันไปดีที่ร้านเอ๊ย มิติของท่านงูมีข้าวของสำหรับการนอนเลยขนออกมานอนกันได้ 

 

 

...

 

รุ่งเช้า 

 

กูว่ากูนอนเตียงกูนะ แต่ทำไมไอ้เด็กผมขาวถึงโผล่มาที่เตียงกูได้ครับ??? ฮุ่ยหมินลุกขึ้นนั่งสะกิดเรียกเด็กน้อยให้ตื่นแยกย้ายกันไปล้างหน้ากันในมิติ ผมเปลี่ยนชุดเสร็จออกมากินข้าวที่ท่านเสือเสกมาให้ หลินอวิ๋นเดินออกมาด้วยชุดขาวชุดเดิม จริงๆเด็กนี่มันมีชุดอยู่ชุดเดียวผมเลยไปขุดชุดเด็กสีขาวในมิติมาให้ใส่เพราะมันเข้าคู่กับชุดโทนดำของผมพอดี 

"วันนี้จะไปซื้อโต๊ะเรียนกับเบาะนั่งกัน พู่กัน หมึก แท่นฝน กระดานรอง กระดาษอีก"

"ฮุ่ยเอ๋อร์ไม่เอามาจากมิติท่านงูเซาแมวเล่า"

หลินอวิ๋นถาม 

"เราต้องใช้ของธรรมดาเพื่อให้ไม่เป็นที่เตะตา และที่สำคัญของในมิติท่านงูเซาแมวเป็นของธรรมดาแต่มีลวดลายทั้งยังใช้วัสดุที่หายาก เข้าใจหรือไม่ลูกเทพ"

หลิอวิ้นพยักหน้าเข้าใจพอกินอะไรกันในมิติเรียบร้อยก็ออกมาข้างนอกผมถือร่มกางเหมือนเดิมพร้อมกับจูงมือเด็ก เอ่อ..เด็ก? หลินอวิ๋นออกจากมิติก็ส่วนสูงก็เพิ่มพร้อมใบหน้าที่ดูโตขึ้น ตอนออกมาเมื่อกี้ตกใจอยู่หรอกพอคิดว่าหลินอวิ๋นบอกว่าจะโตขึ้นให้ดูก็เอ่อ...

"ภรรยาข้าถือให้"

หลินอวิ๋นแย่งร่มผมไปถือแทน ส่วนสูงตอนนี้พอๆกับผม เส้นผมขาวมัดรวบแล้วสวมกว๊านไว้ ตาที่ตอนแรกกลมโตอยู่หรอกทำไมโตมาดูเรียวคมขึ้นวะ?

"อะ มันเป็นร่มวิเศษถ่ายปราณลงไปด้วยข้าไม่อยากให้ใครรู้ว่าข้ามีปราณระดับไหน"

หลินอวิ๋นตอบรับในลำคอผมเลยเดินไปซื้อของทันที ผมซื้อของโดยให้ลูกเทพเป็นคนถือขอและร่มให้ ชาวบ้านลายคนมองมาด้วยความอยากรู้อยากเห็นเสียงแว่วๆไล่ตามลมมาบ้าง 

นั้นใช่คนมาใหม่ที่ซื้อโรงเตี๊ยมผีสิงเหรอ

คนที่ถือร่มรูปงามสีผมสีตาช่างแตกต่างเหลือเกิน

บัณฑิตชุดดำช่างลึกลับยิ่ง 

 

พวกเขาเดินซื้อของจนขาแทบลากเห็นว่าเป็นเวลาตะวันตรงหัวเลยเข้าโรงเตี๊ยมสั่งผัดโหงวก๊วย ไก่ผัดเม็ดมะม่วง เป็ดตุ๋นเกาลัด และข้าวสามถ้วย เขากินถ้วยเดียวแต่ลูกเทพมันแดกสองถ้วยครับ มีแนวโน้มที่จะกินถ้วยที่สาม เถ้าแก่เนี๊ยเดินมาพูดคุยเกี่ยวกับรสชาติ 

"คุณชายเป็นอย่างไบ้างอาหารของทางโรงเตี๊ยม"

ฮุ่ยหมินยิ้มเล็กน้อย

"รสชาติดี ถือว่าเป็นวาสนาที่ข้าได้มากิน"

หลินอวิ๋นตักข้าวเข้าปากไม่หยุด ทั้งยังฉีกเนื้อเป็ดมาวางไว้ที่ถ้วยของผมด้วย เด็กดีๆ 

"เถ้าแก่ข้ามีเรื่องอยากถาม พอจะมีทาสหรือคนรับใช้ซื้อขายที่ใดบ้าง"